แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฉะนั้นดิฉันก็พูดเรื่องของชีวิตมาโดยย่ออย่างคร่าวๆ นะคะ แม้จะพูดยาวแต่ก็ยังมิได้พูดให้ละเอียดทุกอย่างไป ถ้าเราจะสรุปว่าชีวิตคืออะไร เราก็จะมาสรุปคำถามด้วยคำถามว่าชีวิตคืออะไร ตอบได้ทันทีไหมคะ ตอนนี้ตอบได้ทันทีไหมคะว่าชีวิตคืออะไร คือสิ่งที่ต้องพัฒนา ถ้าเราบอกตัวเราเองไว้อย่างนี้มันจะเป็นกำลังใจ เมื่อใดที่เกิดความเหี่ยวแห้ง หม่นหมอง อ่อนเปลี้ย สิ้นกำลังใจ หรือบางทีเกิดความรู้สึกว่าเราได้ทำอะไรผิดพลาดในชีวิตนี้ แล้วก็มีความรู้สึกละอาย แทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ มองหน้าใครไม่ได้ ไม่น่าเลย ก็อย่าเพิ่งสิ้น อย่าเพิ่งสิ้นกำลังใจ ถ้าเรานึกว่าชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา แล้วก็พัฒนาได้ด้วย ด้วยการศึกษาที่ถูกต้อง เหมือนดังที่เราพูดมา มีกำลังใจไหมคะ กำลังใจเกิดขึ้นไหม มันเกิดขึ้นทันที มันพร้อมที่จะลุกขึ้นยืน ยืนอย่างยืดอกสง่าผ่าเผย แล้วก็ลงมือกระทำในสิ่งที่เราเห็นแล้วว่าถูกต้องและใช้ได้
เพื่อแก้ร้อนจะเล่านิทานเซนให้ฟังสักเรื่องนึง ซึ่งอาจจะเป็นอุทาหรณ์แล้วก็ส่งเสริมคำพูดที่ว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาแล้วก็พัฒนาได้ บางท่านอาจจะเคยฟังนิทานเซนเรื่องนี้มาแล้วก็ได้นะคะ เขากล่าวถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งก็มีเชื้อสายของซามูไร คือของนักรบของญี่ปุ่นเขาน่ะ แต่ทว่าเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในทางชนบท พูดง่ายๆ ก็คือว่าพ่อแม่เป็นชาวชนบท แล้วก็อยากจะให้ลูกคนนี้ได้มีความรู้ ได้มีโอกาสได้ศึกษามากขึ้น ก็ส่งมาอยู่ที่บ้านของขุนนางผู้หนึ่งซึ่งเป็นซามูไรมีชื่อ แล้วก็ได้เคยรู้จักกัน แล้วก็ขุนนางผู้นี้ก็ยอมรับให้มาอยู่ในบ้านเพื่อช่วยเหลือการงานในบ้าน คล้ายๆ กับกึ่งคนรับใช้ แล้วก็อีกกึ่งหนึ่งก็ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนไปด้วย เด็กหนุ่มคนนี้ก็หน้าตาดี ถ้าพูดอย่างคำไทยๆ ก็รูปร่างหล่อเหลา เป็นที่ถูกตาของเพศตรงกันข้าม แล้วเผอิญเพศตรงกันข้ามที่ติดตาติดใจต้องใจในหนุ่มน้อยคนนี้ เผอิญเป็นภรรยาของขุนนางซามูไรคนนั้นเอง ที่จิตใจไม่ค่อยจะตรง ไม่ค่อยจะมั่นคงซื่อตรงต่อสามี แล้วก็เป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นผู้หญิงที่มีประสบการณ์ในเรื่องอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็คงจะได้ใช้กลวิธีอย่างที่เขาว่าร้อยเล่มเกวียนก็ว่าได้ ผลที่สุดเด็กหนุ่มคนนั้นก็เลยกลายเป็น อยากจะเรียกว่าเป็นเครื่องมือมากกว่าเป็นคู่รัก แต่อย่างไรก็ตามโดยสรุปก็คือกลายเป็นชู้ของคุณนายผู้หญิงของบ้านนั้น ก็เด็กหนุ่มคนนั้นตลอดเวลาก็มีความรู้สึกว่าตัวได้กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่รสชาติของกามารมณ์หรือของกามคุณในเรื่องทางเพศนี้ท่านก็ว่ามันรุนแรงนัก มันเอร็ดอร่อยนัก จนกระทั่งบางลัทธิเขาถือเอาว่าการบรรลุความสัมฤทธิ์ผลความสุดยอดของทางกามารมณ์นี่ เขาถือว่านี่เป็นความบรรลุในทางลัทธิของเขา ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ เพราะมันเป็นการตกอยู่ภายใต้ความเอร็ดอร่อยของกามารมณ์ ฉะนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ดีงามถูกต้อง แต่ก็ไม่สามารถจะดึงใจออกมาได้ ก็คงประกอบกิจกรรมด้วยกันอย่างนี้เรื่อยไป จนวันหนึ่งก็เป็นที่รู้เห็นแก่ขุนนางเจ้าของบ้านผู้เป็นสามี ซึ่งก็แน่ล่ะ ต้องโกรธ ขัดเคือง เจ็บใจ เพราะมันเป็นการลบหลู่เกียรติยศศักดิ์ศรี ฉะนั้นวันหนึ่งนี่ขุนนางผู้นั้นก็จับได้ เรียกว่าจับได้คามือล่ะ ก็ชักดาบออกมา ก็แน่ล่ะเป็นซามูไรที่มีประสบการณ์มากกว่า เมื่อฟาดฟันกันได้ไม่กี่ที เด็กหนุ่มคนนี้ก็ทำท่าจะเสียที ข้างภรรยาผู้นั้นก็ทำแบบนางโมรา ก็ใช้วิธียื่นดาบขัดขา จนกระทั่งเด็กหนุ่มคนนั้นก็ป้องกันตัวฟาดฟันไปถูกขุนนางผู้นั้นสิ้นชีวิต ก็รู้สึกทั้งสองคนน่ะ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ว่าตนได้กระทำสิ่งที่เป็นอาชญากรรมและก็น่ากลัวอย่างยิ่ง ก็หาหนทางหนี ก็พากันหนีไปทั้งสองคน แต่หนีไปอยู่ด้วยกันไม่นานสักเท่าใด เด็กหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าความสุขหรือว่ารสชาติที่เอมโอชจากเรื่องอย่างนี้มันไม่ทนทานเลย มันเป็นอยู่ได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แล้วผู้หญิงคนนั้นก็แสดงถึงความไม่อิ่ม ความไม่พอในเรื่องอย่างนี้ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ จนผลที่สุดเด็กหนุ่มซึ่งมีพื้นฐานหรือธรรมชาติของความดีงามอยู่ในใจไม่น้อยทีเดียว ก็เลยตัดสินใจแยกทางกับผู้หญิงคนนั้นไป เมื่อแยกทางแล้วก็ต้องหนีไปอีกไกลเลย หนีไป ไม่ให้พวกญาติพี่น้องหรือลูก ลูกชายของขุนนางผู้นั้นนี่ค้นพบได้ เพราะเกิดมาเป็นผู้ชายนะคะ ก็ลองนึกดูเถอะ แล้วซามูไรนี่เขาถือเกียรติยศถือศักดิ์ศรีมากน้อยเพียงใด แล้วมาประกอบกรรมคือการกระทำอย่างนี้ที่เขาถือว่าเป็นสิ่งที่น่าบัดสี เป็นสิ่งที่เสียศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย มองดูหน้าใครก็ไม่ได้ ยิ่งในยุคที่ศีลธรรมมีความเข้มงวด หรือว่าธรรมะยังคุ้มครองครอบงำอยู่ในใจของมนุษย์ เรื่องอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่เลวทรามอย่างชนิดที่ให้อภัยกันไม่ได้ เกือบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ว่าอย่างนั้นเถอะ
เพราะฉะนั้นนายหนุ่มคนนี้ก็ซอกซอนหนีไป จนกระทั่งไปอยู่ที่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง เผอิญลืม ลืมชื่อเมืองนั้นนะคะ นี่เขาบอกเป็นเรื่องจริงนะคะ แต่ว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นหลายร้อยปีมาแล้ว เมืองนั้นเป็นเมืองชนบทเล็กๆ แล้วก็พวกชาวพื้นเมืองนั่นก็มีการคมนาคมติดต่อกับเมืองหนึ่งด้วยความลำบากยากเย็นมาก เพราะว่ามีภูเขาสูงชันกั้นกลางอยู่ เวลาที่จะเดินนี่จะต้องเดินเลียบภูเขา ซึ่งมีไหล่เขาอยู่แคบนิดเดียว แล้วก็ในขณะที่เดิน พวกชาวบ้านเดินไปตามไหล่เขาเพื่อจะไปติดต่อในเรื่องการซื้อขาย อาชีพ กับพลเมืองอีกด้านหนึ่งนั้น เวลาฝนตกก็ลื่นแล้วก็เสียชีวิตกันอยู่ไม่น้อยเลย เวลาธรรมดาแดดออกอย่างนี้ก็แน่นอนล่ะ ร้อน เรียกว่าเป็นระยะทางที่เสี่ยงอันตราย นายหนุ่มคนนี้ก็มาถึงเมืองนี้ แล้วก็ไปแอบซ่อนอยู่ในคล้ายๆ กับเป็นถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วก็ออกมาหาอาหารตามแต่จะได้ เพราะเป็นเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก เขาก็ไม่รู้ประวัติ นายคนนี้ก็นึกถึงชีวิตของตัวเองว่า ทำไมจึงเป็นชีวิตที่ต่ำต้อยอย่างนี้ แล้วความต่ำต้อยนี้ก็ไม่มีใครทำให้ เราทำของเราเอง เราหวังที่จะมาศึกษาเพื่อให้ชีวิตของเรานี้เป็นชีวิตที่ก้าวหน้าด้วยความรู้ ด้วยประสบการณ์ ด้วยสติปัญญา แล้วก็มีเกียรติ มีศักดิ์ มีศรีเหมือนคนอื่น แล้วทำไมมันถึงได้กลายเป็นชีวิตที่ต่ำต้อย มองหน้าใครไม่ได้ รูปร่างก็ยังแข็งแรง มีเรี่ยวมีแรงเพราะเป็นเด็กหนุ่ม เขาก็ใจเขาก็คร่ำครวญคิดอยู่อย่างนี้ แม้ว่าจะมีความเจ็บปวดเมื่อสำนึกบาปขึ้นมาได้ ก็พยายามคิดว่าทำยังไงถึงจะสามารถทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ อย่างน้อยก็ตอบแทนบุญคุณข้าวปลาอาหารที่่เขาให้ทานกิน แล้วก็ทำให้ความรู้สึกว่าความมีค่าของความเป็นมนุษย์ของตัวเองนี่เกิดขึ้นมาในใจได้บ้าง เขาคิดไปคิดมาเขาก็มองเห็นความยากลำบากของการติดต่อในระหว่างเมืองของชาวชนบททางด้านนี้ แล้วเขาก็คิดแล้วก็บอกมีหนทางเดียวคือการต้องขุดอุโมงค์ ขุดอุโมงค์ให้ทะลุเขาจากด้านนี้ไปทะลุอีกด้านหนึ่ง นั่นแหละพวกชาวเมืองถึงจะได้มีโอกาสเดินติดต่อระหว่างเมืองได้อย่างสบาย เขาไม่มีเครื่องมือ เขาไม่ใช่วิศวกร ไม่ใช่กรมทาง ไม่สามารถจะไปหาเครื่องมือที่ไหนได้ เขาก็หาเครื่องมือตามแต่จะหาได้ เสียม มีด จอบ เขาก็ใช้เพียงเท่านี้ ค่อยๆ ทำไปๆ โดยไม่หวัง โดยไม่หวังว่าการที่จะขุดภูเขาทั้งภูเขาให้ทะลุเป็นอุโมงค์นี่มันจะใช้เวลานานสักเท่าใด แล้วมันจะเป็นไปได้เหรอ แต่นายหนุ่มคนนี้เขาไม่คิด จะเป็นไปได้หรือไม่ จะเสร็จเมื่อไหร่ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าลงมือทำเดี๋ยวนี้ เขาก็ก้มหน้าก้มตาทำ ขุดไปทีละเล็กละน้อยด้วยมือสองข้างของตัวเอง ใครๆ ชาวบ้านที่มาเห็นก็บอกว่าคนนี้มันบ้า มันทำงานอย่างชนิดที่เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้ก็มหัศจรรย์เหลือเกิน เขาก็ทำไป ปีหนึ่งผ่านไป สามปี ห้าปี สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป จนกระทั่งวันหนึ่งนายคนนี้ นายหนุ่มน้อยคนนี้ก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว เป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคน แล้วก็มีหนุ่มอีกคนหนึ่งมา มาที่อุโมงค์ที่กำลังขุดแห่งนี้ มาถึงเขาก็แสดงตัวว่าเขานี่แหละคือลูกชายของซามูไรขุนนางผู้นั้น แล้วเขาก็ได้พยายามติดตามนายคนนี้มานานเหลือเกิน ด้วยความเจ็บใจที่จะมากู้ศักดิ์ศรีของตระกูลของเขานี้ให้กลับคืนมา ที่เขาจะต้องฆ่านายซามูไรที่ทำผิดมาเป็นชู้กับแม่ของเขานี่ให้จงได้ นายซามูไรคนแรกคนที่ได้ทำความผิด นายซามูไรผู้ใหญ่นั่นน่ะ ก็บอกว่าเขาเต็มใจที่จะให้หัวของเขานี่ต่อลูกชายของขุนนางผู้สิ้นชีวิตไปแล้ว เพราะเขารู้ว่าเขาได้กระทำการที่ไม่สมควรเลย เป็นสิ่งที่น่าอับอาย ไม่สมควรแก่ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ยิ่งศักดิ์ศรีของซามูไรไม่ต้องพูดถึง เขาพร้อมที่จะให้หัว ให้ตัดหัวเมื่อใดก็ได้ แต่บัดนี้อุโมงค์ที่เขาขุดนี่มันเป็นเวลาผ่านมาเกือบสามสิบปีแล้ว และคะเนจากผลงานที่ทำนี่คาดว่าอีกสักสองสามปีก็คงจะทะลุ คือคงจะทะลุถึงด้านโน้นเป็นแน่เลย เพราะฉะนั้นอย่างไรเสียเพื่อเห็นแก่งานที่เขาทำที่ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อชาวเมืองนับจำนวนไม่ถ้วนให้ได้รับความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป ขอเวลาเขาหน่อยได้ไหม วันใดที่อุโมงค์ทะลุ เขาพร้อมที่จะให้ตัดหัวเขาทันที นายคนนั้น นายลูกชายของขุนนางเขาก็เป็นซามูไรเหมือนกัน มีสปิริต เขาก็บอกว่า เอาเถอะ ยอม ยอมให้ แล้วเขาก็เฝ้าดูอยู่นั่นน่ะ คือกลัวหนี ก็เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลาว่านายคนนี้มันจะทำงานจริงไหมหรือมันจะคิดทรยศอะไร เฝ้าอย่างระมัดระวัง ดาบนี่ไม่ให้หลุดจากมือเชียว ก็เฝ้ามองดูทั้งกลางวันกลางคืน เป็นวัน เป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ก็ไม่เห็นเขาทำอะไรที่จะแสดงว่าหนีหรือจะคิดทำร้าย ไม่มีเลย มีแต่ก้มหน้าก้มตาขุดอุโมงค์ไปอยู่เรื่อยตลอดเวลา
ทีนี้ข้างนายหนุ่มน้อยลูกชายที่ตามมาก็นั่งๆ นอนๆ คอยอยู่ ก็เกิดรำคาญ เพราะเป็นคนหนุ่ม แล้วก็เป็นคนว่องไวกระฉับกระเฉง แล้วก็ต้องเป็นคนที่มีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ในใจเหมือนกัน เขาก็นึกว่าเรามัวคอยอยู่อีกตั้งนานตั้งเป็นปีๆ ก็ช่วยมันทำงานเสียเป็นไง คือช่วยขุดอุโมงค์เสีย จะได้เสร็จเร็วๆ เข้า แล้วจะได้ตัดหัวให้เร็วๆ แล้วมันจะได้เสร็จเรื่องกันไปเสียที การแก้แค้นเรียกร้องคืน ผลที่สุดก็ลงมือช่วยขุด จากหนึ่งแรงเป็นสองแรง แทนที่จะเสร็จภายในห้าปี ก็เสร็จได้ภายในสามปี พอถึงวันที่อุโมงค์ทะลุออกเป็นทางเดินต่อกันได้อย่างสบาย นายซามูไรผู้ใหญ่นั่นก็วางเครื่องมือทุกอย่างลง แล้วก็นั่งคุกเข่า แล้วก็ก้มศีรษะให้กับนายซามูไรหนุ่มน้อยคนนั้น ก็บอกว่าบัดนี้ถึงเวลาแล้ว พร้อมที่จะให้ตัดหัวเขาได้ นายซามูไรหนุ่มน้อยนั้นก็ทำท่ายกดาบจะตัด เสร็จแล้วเขาก็วางลง แล้วเขาก็ก้มลงกราบ ก้มลงกราบนายซามูไรผู้ใหญ่น่ะ แล้วก็พูดทั้งน้ำตาว่า ข้าพเจ้าจะตัดหัวหรือจะตัดศีรษะของผู้ที่เป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าได้อย่างไร แล้วเรื่องนี้ก็จบ แล้วเป็นเรื่องจริง ในหนังสือที่เขาเล่าเขาบอกเป็นเรื่องจริง เข้าใจไหมคะ ทำไม ทำไมเขาถึงตัดหัวไม่ได้ แล้วมิหนำซ้ำกลับมาเรียกนายซามูไรคนนี้ว่าเป็นอาจารย์ จะตัดศีรษะอาจารย์ของข้าพเจ้าได้อย่างไร คนซึ่งเขาตามมาเพื่อจะฆ่าเพราะว่าเป็นชู้กับแม่ของเขา ทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของวงศ์ตระกูล มิหนำซ้ำยังฆ่าพ่อเสียอีกด้วย แต่บัดนี้เขาบอกว่าเขาเรียกว่าเป็นอาจารย์ อาจารย์อะไร เป็นอาจารย์อะไร อาจารย์ทางไหน ให้อะไรกับเขา เขาถึงเรียกว่าเป็นอาจารย์ ซื่อสัตย์ค่ะอันหนึ่งน่ะ มีความซื่อสัตย์ มีความซื่อตรง ถึงแม้เขาจะได้ประพฤติผิด ได้กระทำผิดครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นความผิดที่ร้ายแรง แต่เขาก็มีสัจจะ สัจจะที่ว่าขอทำงานนี้ให้เสร็จ แล้วก็สัจจะที่พร้อมจะชดใช้ให้ ให้หัวให้ศีรษะตามที่ต้องการ นอกจากนี้สิ่งที่ชายหนุ่มน้อยคนนี้ได้เรียนรู้จากคนที่เขาเรียกว่าอาจารย์ เขาเรียนรู้อะไร การทำงานด้วยมือ เขาบอกว่าระยะทางนั้นหลายร้อยกิโลเมตรนะคะที่เขาขุดอุโมงค์นี่ จะห้าร้อยกว่ากิโลเมตรหรืออะไรดิฉันจำไม่ได้แล้ว ขอโทษไม่ใช่กิโลเมตรเป็นเมตร เป็นเมตรไม่ใช่กิโลเมตรแต่ว่าขุดด้วยมือ เพราะฉะนั้นนี่มันเป็นเวลานาน แล้วก็เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่ง ผู้ที่ทำงานนี้ลองนึกดูนะคะ เราทำงานอันนี้มีใครเห็นไหม มีใครยกย่องไหม มีใครยอมรับไหม มีกองเชียร์ไหม ไม่มีเลย มีแต่เขาพากันบอกว่านี่บ้ามาทำอะไรอยู่คนเดียว งานอย่างนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ก้มหน้าก้มตาทำ เสียกำลังใจไหม ไม่เสียกำลังใจเลย เพราะเขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเพื่อตัวเขาหรือเปล่า ไม่ได้เพื่อตัวเขาเลย แต่เพื่อเพื่อนมนุษย์ แม้ชีวิตของเขาจะดูเหมือนไม่มีค่า ต่ำต้อย เป็นชีวิตที่ดูเหมือนไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคตในชีวิต แต่ก็ช่างเถอะ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ มีกายมีใจเป็นชีวิตอยู่ ก็จะต้องใช้กายใช้ใจนี่ให้มันเกิดประโยชน์ ให้คุ้มแก่การที่เป็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วเขาก็ก้มหน้าก้มตาทำ ลอง ลองคิดหรือลองคาดคะเนนะคะว่า ในขณะที่เขาทำงานนี่เขามีความทุกข์ไหม มีความทุกข์กับการทำงานไหม เหมือนอย่างคำถามบางคำถามที่ดิฉันได้รับทำนองนี้ เป็นทุกข์ ทุกข์มากเหลือเกินในการทำงาน เรียกว่าทุกข์จนจะคลั่ง ทุกข์ไหมนายคนนี้ ไม่ทุกข์ เขาไม่มีความทุกข์เลยสักนิดเดียว ทำไมถึงไม่ทุกข์ล่ะคะ ทั้งที่มีรางวัลให้ไหมคะ มีความดีความชอบให้ไหมคะ ไม่มี แต่ทำไมเขาถึงไม่ทุกข์ เพราะเขาไม่หวัง เพราะเขาไม่หวัง เขาทำเพื่อประโยชน์ที่เกิดขึ้น เพราะเขารู้ว่าถ้างานนี้เสร็จเมื่อใด ประโยชน์เกิดขึ้นแน่นอน เกิดขึ้นแก่เพื่อนมนุษย์ เขาจึงก้มหน้าก้มตาทำ แล้วก็เมื่อเวลาที่ลูกชายของขุนนางผู้นั้นมาตาม ถ้าเป็นคนธรรมดาเป็นยังไง ตกใจไหมคะ กลัวไหมคะ คิดหนีไหมคะ หรือว่าฆ่ามันเสียก่อน ก่อนทีมันจะฆ่าเรา เพราะรู้แล้วนี่ว่านายคนนี้มาเพื่อมาเอาหัวเรา ฆ่ามันก่อนเป็นไง แต่นายคนนี้ไม่เคยคิด ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ก้มหน้าก้มตาทำเพื่อให้งานนั้นเสร็จ แล้วก็รักษาสัจจะที่จะให้หัวศัตรู ในขณะที่เขาทำนั้นจิตใจเขาก็หนักแน่น พร้อมอยู่ด้วยสติ สมาธิ และปัญญา เพราะฉะนั้นผลที่สุดสิ่งที่เขาได้รับอย่างไม่คาดฝัน ก็คือได้รับชีวิตที่ยังมีลมหายใจอยู่ ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็ดีหรอกที่ยังมีชีวิตที่จะมีลมหายใจอยู่ เพื่อใช้ชีวิตนี้ให้เกิดคุณค่าต่อไป แต่สิ่งที่เขาได้รับที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นคืออะไรคะ ที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นคืออะไร คือเกียรติศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ใช่ไหมคะ เกียรติศักดิ์ของความเป็นมนุษย์ที่ได้รับการยกย่องนับถือจากคนที่พร้อมที่จะมา จะมาประหารชีวิตเขา จะมาตัดหัวเขา แต่กลับยกย่องเรียกเขาว่าเป็นครู เป็นครูอาจารย์ ยอมเป็นศิษย์ เขาได้สอนสักคำหนึ่งไหม นายคนนี้ได้สอนสักคำหนึ่งไหม ไม่ได้สอนอะไรเลยนายหนุ่มน้อยคนนั้นเลยสักคำ แต่ทำไมนายหนุ่มน้อยคนนั้นถึงยอมยกย่องให้ให้เป็นอาจารย์ เขาสอนด้วยอะไร เขาสอนด้วยอะไรคะ สอนด้วยการกระทำ สอนด้วยตัวอย่าง เพราะฉะนั้นการสอนในการศึกษาของเรา ทุกท่านก็ทราบดีแล้ว ทั้งนิสิตนักศึกษาและท่านครูบาอาจารย์ ว่าการสอนที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ได้ผลประทับใจที่สุด ก็คือการสอนด้วยตัวอย่าง ด้วยการกระทำให้เห็นว่าการกระทำที่ถูกต้องมันเป็นยังไง มันอย่างนี้แหละทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วศักดิ์ศรีมันคืนมาเอง ความเคารพยกย่องนับถือมันคืนมาเอง ความชื่นใจในความเป็นมนุษย์มันเกิดเบิกบานขึ้นในใจเอง นี่คือตัวอย่างที่บอกว่าชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา แล้วก็พัฒนาได้ถ้าจิตนั้นพร้อมที่จะพัฒนา
ฉะนั้นผู้ใดที่จะได้ทำอะไรที่เป็นสิ่งที่รู้สึกอาย รู้สึกเสียใจเศร้าหมอง ถ้าเป็นชาวพุทธที่ถูกต้องหรือเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าที่แท้จริง อย่าไปมัวร่ำไรรำพันกับสิ่งที่ล่วงไปแล้ว แต่จงทำสิ่งที่ถูกต้องเดี๋ยวนี้ ทำใหม่เดี๋ยวนี้ สิ่งที่เรารู้แล้วว่าถูกต้องที่จะเกิดประโยชน์โดยไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ตัว นี่เรียกว่าเป็นสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิ ในครั้งตอนต้นนายหนุ่มคนนั้นมีมิจฉาทิฏฐิเพราะถูกยั่วยวน ด้วยจิตที่ยังไม่มั่นคง ด้วยสติ สมาธิ ปัญญาก็พ่ายแพ้แก่ตัณหา แก่กิเลส แต่เมื่อเขาตั้งตัวได้ ตั้งตัวได้ ใคร่ครวญ ย้อนดูเข้าไปโดยธรรมชาติจนกระทั่งเขารู้จัก เขาก็เปลี่ยนจากมิจฉาทิฏฐิเป็นสัมมาทิฏฐิ จนกระทั่งสามารถชนะ ชนะแม้แต่ศัตรู ศัตรูที่พร้อมจะประหัตประหาร นี่คือตัวอย่างว่าชีวิตเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนา แล้วก็พัฒนาได้ด้วยการศึกษาที่ถูกต้อง คือการศึกษาจากข้างในเพื่อให้สามารถทำหน้าที่ของมนุษย์อย่างถูกต้อง ถูกต้องโดยธรรมะ คือเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น นี่คือชีวิตคืออะไร ถ้าถามว่าชีวิตคืออะไร คำตอบคืออย่างนี้