แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เงินทองของตัวเอง ทั้งทางกายทางจิต ไปกินเหล้าทำลายตัวเอง ไปใช้อบายมุขสิ่งเสพติดทำลายตัวเอง เรื่องเสียเวลานั้นไม่ต้องพูดถึง แทนที่จะได้ใช้เวลามาประกอบการงานให้เกิดประโยชน์ ก็กลับเสียเวลาไปกับการกลบทุกข์ และยังเสียทั้งพลังกาย พลังใจ โดยไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย พอเสร็จแล้วก็กลับมาทุกข์อย่างเดิม แต่ว่ามนุษย์เราไม่ค่อยมองเห็นข้อนี้นะคะ คิดว่าดี มันก็ดีหรอก มันชั่วครั้งชั่วคราว แต่ทว่ามันมีความสูญเสียที่ตามมา แล้วก็ยังทำให้เกิดความเคยชินอีกด้วย
นอกจากนี้ ก็เพื่อลดความเห็นแก่ตัว และก็เพิ่มพลังต้านทานโรค การที่มาปฏิบัติจิตภาวนาก็เพื่อลดความเห็นแก่ตัว เพื่อเพิ่มพลังต้านทานโรค อย่างที่เชื่อว่าท่านทั้งหลายส่วนใหญ่ได้คุ้นเคยกับคำอธิบายของทางการแพทย์ที่เขายอมรับแล้วว่า ความเครียดทางอารมณ์ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง หรือจะว่าที่สุดก็ได้ ที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เหมือนอย่างโรคมะเร็ง มะเร็งอาจจะมีสาเหตุจากการที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลายอย่าง แต่ว่าอย่างหนึ่งที่วงการแพทย์ยอมรับแล้วก็คือ ความเครียด ความเครียดนี่แหละที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
อย่างคุณหมอประเวศเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือสร้างสุขแก้เซ็ง ที่ท่านเล่าถึงผู้หญิงชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเป็นโรคมะเร็ง แล้วหมอก็บอกว่า ยังไง ๆ ก็มีอายุยืนอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน คือหลังจากที่รักษาหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างทุกวิธี ผลที่สุด ยายคนนี้ก็มองว่าไม่มีหนทางอะไรอีกแล้ว ไหน ๆ ก็จะตายแล้ว ลองดูสิ เขาก็หันมาฝึกสมาธิ สมาธิอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเขายังไม่รู้ เขายังไม่ใช่ชาวพุทธ ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติธรรมถึงที่สุด ก็ฝึกสมาธิให้จิตนี้สงบ เยือกเย็น ผ่องใส เพราะฉะนั้นความอยาก ความที่จะดิ้นรนตามอารมณ์ ความโกรธ ความรู้สึกโลภ โกรธ หลง มันก็จากคลายหายไป มีแต่ความเยือกเย็นผ่องใสใจเบาสบาย ถ้าอธิบายตามคำของดิฉันก็บอกว่า เซลล์อะไรต่าง ๆ ที่ตอนที่อารมณ์เครียด มันไม่ทำหน้าที่ตามธรรมชาติที่ควรทำ มันก็เริ่มทำหน้าที่อย่างถูกต้อง
ถ้าตามคำอธิบายของทางแพทย์ ท่านก็บอกว่า ภาวะของจิตที่เครียด จะทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่บางท่านเคยได้ยินแล้ว ที่สำคัญ 2 ตัว ตัวหนึ่งชื่อว่าอะดรีนาลีน อีกตัวหนึ่งก็คือสเตอรอยด์ เจ้าอะดรีนาลีนนี้ เมื่อเวลาเครียด พอหลั่งออกมา มันจะทำให้เกิดอาการใจสั่น ใจเต้นแรง ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหดตัว เป็นต้น แล้วก็หัวใจก็ต้องทำงานหนักขึ้น แล้วบางคนก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ แล้วก็ไปหาหมอหัวใจ หมอหัวใจก็ตรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่ มันโรคประสาท อาการมันคือโรคประสาท แต่คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ เพราะโรคหัวใจมันน่าฟังกว่าใช่ไหมคะ มันน่าฟังกว่าการเป็นโรคประสาท เพราะเป็นโรคประสาทนี่ถ้าไม่ระมัดระวังก็เลยไปเป็นโรคบ้า เพราะฉะนั้นก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ แต่ความจริงไม่ใช่ มันเป็นอาการของโรคที่จะทำให้เป็นโรคประสาทต่อไป แล้วก็เป็นโรคหัวใจอุดตัน เป็นโรคอัมพาต แล้วก็เป็นโรคหัวใจได้ในที่สุดถ้าไม่ระมัดระวัง
ส่วนสารสเตอรอยด์ก็จะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น จนกระทั่งทำให้เป็นโรคกระเพาะ แล้วก็ภูมิต้านทานโรคบกพร่อง ติดเชื้อโรคง่าย ใครเขาเป็นโรคอะไรก็มักจะติดเชื้อโรคง่าย เช่น คออักเสบ เป็นฝีพุพอง เป็นวัณโรค ซึ่งเราอาจจะเรียกว่า สารทั้งสองนี้เป็นสารทุกข์ อะดรีนาลีนกับสเตอรอยด์นี่เป็นสารทุกข์ ก็มันทำให้เกิดทุกข์ทั้งทางกายทางจิต และมันเกิดขึ้นเพราะความเครียด เพราะฉะนั้น ยายแหม่มคนนั้นนี่ก็เพราะความเครียด สารทั้งสองนี่มันก็หลั่งมาก จนกระทั่งมันไม่ทำหน้าที่ ร่างกายไม่สามารถจะทำหน้าที่ตามปกติได้ แต่พอไปฝึกสมาธิเข้า จิตสงบ เยือกเย็น ผ่องใส ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่วิตกกังวล นอนหลับได้ ก็จะมีสารอีกอย่างหนึ่งที่ร่างกายจะหลั่งออกมาตามธรรมชาติที่เรียกว่า เอ็นโดรฟิน เอ็นโดรฟินจะทำให้ร่างกายสดชื่น คลายเครียด แล้วก็ปลอดจากโรคภัย เพราะฉะนั้น ถึงกำหนดที่หมอกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่อยู่ ต้องตายแน่ แกก็อยู่ แล้วก็จนเวลาที่คุณหมอเขียนหนังสือเรื่องนั้น แหม่มคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าเดี๋ยวนี้นั้นไม่ทราบแล้วนะคะ
เพราะฉะนั้นความเห็นแก่ตัว เป็นต้นเหตุของความเครียด ความเบื่อ ความเซ็ง จริงไหมคะ ยอมรับไหมคะ ความเห็นแก่ตัว แล้วก็บางท่านก็จะเถียงคอเป็นเอ็น อย่างฉันนี่น่ะหรือเห็นแก่ตัว ขอโอกาสเล่าเรื่องฝรั่งคนหนึ่ง วันหนึ่งที่สวนโมกข์ก็มีฝรั่งหนุ่มคนหนึ่งพาฝรั่งแก่มาหา แล้วก็บอกว่า อาจารย์ช่วยพูดกับเขาหน่อยเถอะ ถามว่าจะให้พูดอะไร บอกว่าเพื่อนคนนี้เขาไม่อยากอยู่ เขาอยากตาย ถามว่าทำไมล่ะ เขาเกลียด เขาเบื่อชีวิต ก็นึกในใจ ถามตัวเองว่า เอ๊ะ เราจะพูดอะไรกับเขาดีนะ ยังไม่เคยมีคนไหนที่มาหาแล้วก็บอกว่าฉันอยากตาย ฉันไม่อยากอยู่ ฉันเกลียดชีวิต ก็บอกให้เขานั่งลง แล้วก็ลองเล่าให้ฟังสิว่าเป็นยังไง เขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาเป็นนักธุรกิจ คือเขาเคยเป็นนักธุรกิจแล้วก็มีความสำเร็จในชีวิตพอสมควร แล้วต่อมามันก็ตามเหตุปัจจัย ก็เกิดมีความล้มเหลว ขาดทุน พอขาดทุนมากเข้า ภรรยาก็คงจะขัดใจไม่ชอบ หรืออาจจะหาว่าสามีไร้ฝีมือความสามารถ ก็แยกตัวไปอยู่กับลูก ทิ้งให้ตาคนนี้อยู่คนเดียว ก็เกิดความเหงา ความเปล่าเปลี่ยว พร้อมทั้งรู้สึกเสียใจที่ตนทำงานพลาดในเรื่องงานธุรกิจ ก็ออกท่องเที่ยวเรื่อยไป จนมาที่สวนโมกข์ เขาก็เล่าไปว่านี่ เขาก็เลยเบื่อโลก เขาไม่อยากอยู่ เขาอยากตาย
พอดิฉันฟังจบแล้ว ดิฉันก็บอกว่า คุณรู้ไหมว่า คุณนี่เป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุดเลย แหม เขาก็ทำหน้าตาขึงขัง เสียงสูงแล้วพูดว่า ฉันนี่หรือ ผมนี่หรือเห็นแก่ตัว ดิฉันตอบว่า ใช่ คุณนี่แหละเห็นแก่ตัวที่สุดเลย แล้วก็อธิบายให้เขาฟัง ไม่เห็นแก่ตัวได้ยังไง ตลอดเวลาที่เล่ามานี่ นึกถึงแต่เรื่องของตัวเองทั้งนั้นคนเดียวใช่ไหม ที่เล่ามานี่ไม่มีเรื่องคนอื่นเลย ฉันทุกข์ ฉันเสียใจ ฉันพลาดหวัง ฉันไม่มีลูก ฉันไม่มีเมีย ฉันทั้งนั้น แล้วดูสินี่ หนุ่มน้อยที่พามานี่ เขาเป็นใคร เพิ่งมาพบกันที่สวนโมกข์นี่ ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย เขายังมีน้ำใจ อาทร กังวลว่า แหม เพื่อนแก่คนนี้คิดจะตายเสียแล้ว ไม่อยากจะอยู่ ก็ยังอุตส่าห์ว่าพามาหา แล้วยังจะบอกว่าตัวคนเดียวได้ยังไง นี่เห็นแก่ตัว ถึงได้มองไม่เห็นความเอื้อเฟื้อ ความอาทรของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แล้วก็เลยอยากตายเพราะความเห็นแก่ตัวของตัวเองนั่นแหละ อะไร ๆ ก็ฉัน ฉันทุกข์ ฉันเสียใจ ฉันหมดหวัง ฉันอย่างนั้น ฉันอย่างนี้ ทำไมไม่มองดูคนอื่นที่เขามีความทุกข์ยิ่งกว่า คุณน่ะดีเท่าไหร่แล้ว คุณว่าคุณมีความทุกข์ คุณล้มเหลว แต่คุณยังมีเงิน มีเงินท่องเที่ยวได้รอบโลก ยังอุตส่าห์มาได้จนถึงสวนโมกข์ แล้วยังจะไปที่อื่นต่อไป แล้วยังจะบอกว่าตัวไม่มี ตัวไม่มี นี่ไม่เรียกเห็นแก่ตัวแล้วจะเรียกว่ายังไง ก็ว่ากันไปอีกหลายอย่าง
เขาก็นั่งฟัง เขาก็ไม่เถียง ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนฉลาดพอสมควร ผลที่สุดก็พอเห็นเขานั่งนิ่งเฉยก็ถามเขาว่า จะดื่มอะไรบ้างไหมล่ะ จะเอาน้ำชาหรือจะเอากาแฟ จะชงให้ ก็เสียงใสขึ้นมาเชียว น้ำชา น้ำตาลสักกี่ก้อนล่ะ 2 ก้อน ก็เสียงใสขึ้นมาทุกทีนะ เพราะพยายามทำให้เขารู้สึกว่า เขายังมีเพื่อน ให้เขามีความรู้สึกเป็นกันเองเหมือนกับเป็นบ้านของเขา เขาก็ดื่มน้ำชา คุยกันไปเรื่องโน้นเรื่องนี้ พอตอนสุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนขอบคุณ เขาบอกว่า แหม ขอบคุณเหลือเกิน ไม่เคยมีใครบอกว่าเขาเลยว่า ผมนี่เห็นแก่ตัว บัดนี้เขาจะไปลองคิดดูว่า เห็นแก่ตัวนี่เป็นยังไง แล้วก็แจ่มใส แล้วก็ยังไม่ตาย
เพราะฉะนั้นความเห็นแก่ตัวนี่แหละเป็นต้นเหตุของความเครียด ความเบื่อ ความเซ็ง เมื่อไรที่หันไปมองชีวิตของคนอื่นเขาบ้าง โดยเฉพาะไปศึกษา ไปดูคนที่เขายากแค้นลำเค็ญ ขาดยิ่งกว่าเรา เมื่อนั้นจะรู้สึกใจคอสบายขึ้นเยอะเลย ที่ว่าเรานี่โชคร้ายที่สุด โอ๊ย เรายังโชคดี โชคดีกว่าใคร ๆ เขามากเลยที่เรายังมีกินมีอยู่ แล้วก็เป็นไปได้ อย่างผู้ใหญ่วิบูลย์นั่นน่ะ ตอนที่ท่านต้องขายที่ดินไปตั้ง 190 ไร่ เหลือเพียง 9 ไร่ ถ้ามาคิดถึงว่าทำไมเราถึงอย่างนี้ ดูสิมีที่ดินตั้ง 200 แล้วทำไมเหลือแค่นี้ แล้วจะเอาอะไรกินก็คงตายไปแล้ว ไม่มีชื่อผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม แต่นี่เพราะไม่ยอมงอมืองอเท้า มองเห็นว่ามนุษย์เราตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ มีสติปัญญาอยู่ ต้องคิดแก้ไขได้ ไม่นึกถึงแต่ตัวเอง เพราะฉะนั้นความเห็นแก่ตัวเป็นต้นเหตุของความเครียด ความเบื่อ ความเซ็ง ท่านผู้ใดที่มีความเบื่อ ความเซ็งชีวิตอยู่ โปรดลองคิดดูว่าใช่ไหม เรานึกถึงแต่ตัวของเราเองเกินไปใช่หรือเปล่า เปลี่ยนทัศนะเสีย บางทีโลกจะแจ่มใสขึ้น ไม่บางทีล่ะ แจ่มใสแน่นอน ทั้งข้างนอกและข้างใน
นอกจากนี้ ก็เพื่อให้โอกาสสำรวจจิต การที่มาฝึกปฏิบัติภาวนานี่นะคะ จุดประสงค์สำคัญที่ต้องมาเข้าอยู่รวมกัน หรือว่ามาศึกษาปฏิบัติเป็นคอร์สอย่างนี้ ก็เพื่อให้โอกาสได้สำรวจจิตอย่างที่พูดแล้วเมื่อวานนี้ ให้เห็นปัจจัยของการต่อสู้ดิ้นรน ให้รู้ว่าลักษณะอาการของการต่อสู้ดิ้นรนข้างในที่มันเกิดขึ้น มันมีลักษณะอาการยังไง ทำความรู้จักกับมันเสียหน่อยหนึ่ง แล้วก็รู้สาเหตุ จนกระทั่งรู้จักธรรมชาติของจิต ลักษณะธรรมชาติของจิต ที่เรียกว่าจิตของเราจริงๆ ให้รู้จักว่าเป็นอย่างไร เมื่อรู้แล้วว่ามันมีจุดอ่อนจุดบกพร่องอย่างไร ข้อต่อไปก็หาหนทาง หรือหาวิธีสร้างพลังให้เกิดขึ้นแก่จิต ให้เป็นพลังที่เข้มแข็ง หนักแน่น มั่นคง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากความสงบภายใน ที่พร้อมอยู่ด้วยสติ สมาธิ ปัญญา นี่เป็นการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต เพราะเรามีความรู้จากภายนอกแล้วเราก็มาหาความรู้ภายใน เมื่อชีวิตประกอบด้วย กาย จิต กายก็มีสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมรักษากายให้ตั้งอยู่ได้ด้วยความสะดวกสบาย ด้วยวิชาความรู้ และใจที่มันอ่อนแอซวดเซก็มั่นคงขึ้นด้วยความรู้และการฝึกอบรมภายใน ชีวิตมันก็สมดุลใช่ไหมคะ ปัญหาอะไรที่เกิดขึ้น มันก็เป็นปัญหาแหละ แต่ไม่เอามายึดให้หนักอก แต่ใช้สติปัญญาแก้ไข เพราะจิตใจมันปลอดโปร่ง มันแจ่มใส มันก็แก้ไขได้