แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ธรรมสวัสดีค่ะ
คราวก่อนเราพูดกันถึงเรื่องของวัตถุนิยมว่า คนที่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมนี้ต้องเดือดร้อนเพียงไรและที่น่าสงสารคือ เดือดร้อนโดยตัวไม่รู้ว่ากำลังเดือดร้อน แต่กำลังคิดว่าตัวกำลังมีความสุข ก็อยากจะชวนให้พูดกันถึงเรื่องโทษทุกข์ของการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมสักหน่อย ใครเคยได้รับความทุกข์เกี่ยวกับการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมมาบ้างหรือว่าเป็นผู้เป็นอิสระจากวัตถุนิยมด้วยกันทั้งนั้น
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ลองนึกสิคะว่า โทษทุกข์ของวัตถุนิยมทำให้กับจิตอย่างไร ให้แก่ชีวิตอย่างไรบ้าง ลองว่ามาคนละข้อสิ นึกออกหรือไม่คะว่าโทษของวัตถุนิยมมีอะไรบ้างลองว่ามาสักข้อสิ
ผู้ร่วมสนทนา : เห็นเขามีรถเก๋ง เราเงินเดือนน้อยแต่ก็อยากมีกับเขาบ้าง
อุบาสิกา คุณรัญจวน : แล้วเป็นอย่างไรผลของความอยาก ใจเป็นอย่างไร ใจไม่สงบ ใจดิ้นรน กระเสือกกระสนกระวนกระวาย นั่งก็คิดถึงรถเก๋ง นอนก็คิดถึงรถเก๋ง ทำงานก็คิดถึงรถเก๋ง แล้วมาว่าทำไมเราทำงานไม่เสร็จสักทีทั้งที่นั่งอยู่ที่ทำงานตลอด 8 ชั่วโมง ก็เพราะตลอด 8 ชั่วโมง เรามัวคิดถึงแต่รถเก๋งเห็นหรือไม่ว่ามันกลายเป็นนิวรณ์กลายเป็นอุปสรรคทำให้การทำงานก็ไม่สำเร็จทำให้จิตใจก็ไม่สบาย มีโทษทุกข์อย่างไรอีก
ผู้ร่วมสนทนา : จิตใจเศร้าหมอง
อุบาสิกา คุณรัญจวน : จิตใจก็เศร้าหมองเป็นทุกข์แล้วข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง
ผู้ร่วมสนทนา : กลุ้ม
อุบาสิกา คุณรัญจวน : กลุ้ม เหน็ดเหนื่อย กระเสือกกระสน แล้วอย่างไรอีก มีกู้หนี้ยืมสินเขาบ้างหรือไม่คะ
ผู้ร่วมสนทนา : ใช่ มีครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : กู้หนี้ยืมสินเขาเรียกว่า นอกจากตกเป็นทาสของวัตถุนิยมแล้วยังตกเป็นทาสของเจ้าหนี้อีกด้วย ตามแต่เจ้าหนี้เขาจะเรียกร้องอะไรพอถึงเวลาใกล้สิ้นเดือนเขาก็ร้อง เงินเดือนกำลังจะออกเจ้าหนี้เขาจะมาคอย จะมีเงินเดือนเหลือกลับไปบ้าน ฝากตัวเอง ฝากลูก ฝากเมียหรือว่าฝากพ่อแม่สักเท่าไร
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมนี้นอกจากตกเป็นหนี้เขาแล้วยังตกเป็นอะไรอีก เห็นบางคนน่าสงสารๆ เที่ยวไปลูบ ไปคลำ ไปดู ไปชม ไปเยินยอของคนอื่นเขาเคยเห็นหรือไม่
น่าสงสารอย่างชนิดที่เรารู้ว่าน่าสงสาร ก็รู้ว่าตัวไม่มีแต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ ขอนั่งถ่ายรูปหน่อยก็ยังดีกับรถเก๋งคันนี้ ขอนั่งถ่ายรูปหน่อยหรือว่าขอทำอะไรหน่อยขอไปจับหน่อยหรือว่าที่บ้านก็เหมือนกันขอไปสักหน่อย ดูแล้วก็น่าสงสารมันสิ้นอิสรภาพสิ้นความเป็นอิสระของตัวเองกลายเป็นตกเป็นทาสเขาเสียไปหมด ทั้งๆ ที่เป็นคนมีความรู้ดีแต่กลายเป็นคนต้องไปเที่ยวประจบเขา ก็มีสอพลอเขาก็มีต้องทำอะไรอย่างที่บางทีมันค้านกันหรือแย้งกันกับความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีอยู่ในใจ แต่ก็ต้องไปทำเพราะว่า กลัวว่าเราจะไม่ได้อาศัยในสิ่งที่คนอื่นเขามี ที่คนอื่นเขาเป็น เพราะฉะนั้นการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมนี้มัน พูดง่ายๆ เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเจริญหรือไม่
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ไม่มีความเจริญเป็นการตัดหนทางทำให้ชีวิตนี้ตกต่ำและก็พอใจตัวเองได้หรือไม่คะ
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่ได้
อุบาสิกา คุณรัญจวน : พอใจตัวเองก็ไม่ได้ นับถือตัวเองได้หรือไม่
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่ได้
อุบาสิกา คุณรัญจวน : นับถือตัวเองก็ไม่ได้ บางทีดูถูกตัวเองเสียอีกว่า ทำไมเราไม่มีเหมือนอย่างคนอื่นเขา ไม่มีตำแหน่งการงานใหญ่ๆ อย่างคนอื่นเขา ไม่มีเงินทองมากๆ เหมือนคนอื่นเขา ไม่มีคู่สวยๆ หล่อๆ อย่างคนอื่นเขา ทำไมบ้านเราถึงเล็กนักไม่สบายเลยทั้งที่บ้านนั้นก็สบายเหมาะสมกับตัว ก็อย่างว่านกน้อยก็ทำรังน้อยแต่พอตัว ก็ไม่รู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เพราะฉะนั้นเป็นคนที่น่าสงสารแล้วก็เป็นคนที่ไม่สามารถนับถือตัวเองได้ ผลที่สุดก็ดูถูกตัวเองแล้วบางทีก็รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ไม่อยากจะมีอยู่ในโลกนี้เลย
การตกเป็นทาสของวัตถุนิยมมันทำให้เกิดเป็นปัญหากับชีวิต เหมือนกับสังคมที่เกิดปัญหาขึ้นทุกวันนี้ เห็นหรือไม่ เราจะได้ยินข่าวบ่อยๆ อย่างพวกไปปล้นไปจี้เขาพอเขาจับมาได้ เขาถามไปปล้นทำไม ไปจี้ทำไม ฆ่าเขาทำไม ไปเอาทรัพย์สินเขามาทำไม เพื่ออะไร เคยได้ยินหรือไม่เพื่ออะไร เพื่อจะไปหาซื้อสิ่งที่คนอื่นเขามี เช่น อยากได้รถยนต์อยากได้เสื้อผ้าหรูๆ โก้ๆ อยากได้โทรศัพท์มือถือ หรือว่าอยากจะไปเที่ยวเดินทาง ล้วนแล้วแต่หาเงินมาอุตส่าห์ไปทำร้ายเขาเบียดเบียนเขาฆ่าเขาจนเป็นอาชญากร ไม่ใช่เพื่อมากินมาอยู่ให้ตัวเองมีความสุข เพื่อลูกเพื่อเมียไม่มีอะไร แต่เพื่อบำเรอๆ ใจที่เต็มไปด้วยตัณหา เต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลงของตัวเอง แล้วก็ยึดมั่นว่าชีวิตนี้จะอยู่ได้เพราะมีวัตถุที่ตัวเองต้องการ
เพราะฉะนั้นอันนี้จะเห็นได้ว่า การตกเป็นทาสของวัตถุนิยมนี้ทำให้ไม่เฉพาะแต่ชีวิตของมนุษย์ในส่วนบุคคลต้องเสียหาย แต่มันนำความหายนะนั้นมาสู่สังคมด้วย ทำให้สังคมทุกวันนี้อยู่กันด้วยความเบียดเบียนแล้วก็แย่งชิงฆ่าฟันกันก็เพราะแย่งสิ่งเหล่านี้
ผู้ร่วมสนทนา : อีกประเด็นหนึ่งครับอาจารย์คือ ถ้าไม่มีอย่างที่คนอื่นเขามี คิดเอาเองด้วยว่าคนอื่นเขาจะดูถูกดูแคลน
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ไม่ต้องสงสัยค่ะ คิดเอง นึกง่ายๆ นี่อย่างเราเดินไป มีคนเขายืนอยู่กลุ่มหนึ่ง เผอิญเกิดหกล้มไปเหยียบเปลือกกล้วยหรือเปลือกมะม่วงล้มก้นกระแทกพลาด คนอื่นเขาคงหันมาดูเสร็จแล้วเขาก็แล้วกัน ตัวเราสิ “เขาจะจำได้” เราหกล้มอยู่ตรงนี้มันน่าขายหน้ามันขาดความสง่าวันนั้นหม่นหมองไปทั้งวันเลย ใครคิดคะนี่ ฉันคิดเองตัวเองคิดคนอื่นเขาลืมไปแล้ว ถ้าจะมีอย่างมากเขาก็เห็นใจและก็สงสารเพราะคนเราก็หกล้มได้ด้วยกันทั้งนั้น เดินพลาดขาดสติไม่ดูก็หกล้มแต่ใจไปนึกอยู่นั่น เขาต้องนึกว่าเราเป็นคนอะไรเลินเล่อดูไม่ได้หกล้มตีลังกาหมดสง่าเสียราศีคิดไปสารพัดใจหม่นหมองไปตลอดวันบางทีอาจเป็นหลายๆ เดือนก็ได้ เพราะนึกขึ้นมาทีไรใจมันอายทุกที
ผู้ร่วมสนทนา : แล้วทำไมคนเราถึงจะต้องไปเทียบคนอื่น
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ก็เพราะอะไรเราพูดกันมาตั้งแต่ต้นๆ หลายๆ ครั้งแล้ว เพราะนั่นแหละ เพราะอะไร ก็เพราะจิตที่เป็นอย่างไรคะ สัมมาหรือมิจฉา
ผู้ร่วมสนทนา : เป็นมิจฉา
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เพราะเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่รู้ว่าชีวิตคือ ขันธ์ 5 เห็นว่าเป็นตัวเป็นตน ไม่รู้ว่ามันแยกออกเป็นส่วนๆ แล้ว ก็ไม่มีตัวตนให้เรายึดมั่นถือมั่นเลยจริงๆ อันนี้เป็นเพราะความไม่ยอมเรียนไม่ยอมศึกษา
เพราะฉะนั้นจึงตกเป็นทาสของวัตถุนิยมอย่างที่ว่าแล้วๆ ถ้าเราจะพูดกันถึงเรื่องวัตถุนิยมพูดได้เป็นเดือนๆ เอาตัวอย่างจากหนังสือพิมพ์ พออ่านหนังสือพิมพ์มาแต่ละวันรายวัน เราจะได้เรื่องมาพูดกันไม่รู้จบล้วนแล้วแต่การตกเป็นทาสของวัตถุนิยมทั้งสิ้นจากอาชญกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะมีวัตถุนิยมเข้ามาเป็นตัวต้นเหตุหรือมูลเหตุจูงใจไม่น้อยเลย พูดเรียกได้ว่ากว่าครึ่งของอาชญกรรมต่างๆ
ผู้ร่วมสนทนา : อย่างยาเสพติด
อุบาสิกา คุณรัญจวน : อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่ใช่วัตถุนิยม
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เป็นวัตถุชนิดหนึ่งที่เขาคิดว่าเขาได้เสพแล้วทำให้เขาสบายมันก็เป็นวัตถุเหมือนกัน แต่มันเป็นวัตถุที่มองเห็นชัดว่ามันดำดิ่งไปสู่ความเสี่ยง วัตถุอย่างอื่น เช่น บ้านช่องรถยนต์หรืออะไรอย่างนี้ยังมีข้อแก้ว่ามันช่วยอำนวยความสะดวกมันทำให้เรามีความสะดวกในการทำงานหรือชีวิตการเป็นอยู่ แต่เรื่องยาเสพติดเหล่านั้น คนเหล่านั้นต้องเห็นว่า เป็นวัตถุที่มีค่าต่อชีวิตของเขาเพราะพอเขาเสพเข้าไปหรือเขาฉีดเข้าไปสวรรค์มาทันทีเลยใช่หรือไม่คะ ความมึนมัวหรือความกลัดกลุ้มความมองดูอะไรมันมืดมิดไปหมดมันสว่างไสวขึ้นมาในใจเพราะอิทธิพลของยานั้น เขาก็เลยคิดว่ายานั้นเป็นสิ่งวิเศษสำหรับเขา
ผู้ร่วมสนทนา : เป็นมิจฉาทิฏฐิ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : แน่นอนเลย 100% มิจฉาทิฏฐิ เพราะมันทำลายชีวิตทั้งชีวิต แล้วจากชีวิตที่เขาเสพทำให้เขาขาดสติไม่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเองได้ แล้วก็ไปก่ออาชญกรรมอะไรต่ออะไรต่างๆ ขึ้นอีกมากมาย ทำความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนมนุษย์อย่างมหาศาล ถึงได้มีการปราบปรามยาเสพติดกันอย่างเป็นขบวนการทั้งต่างประเทศทั้งในประเทศ แล้วผู้ที่พยายามที่จะค้าขายยาเสพติดก็ทำกันเป็นขบวนการเหมือนกัน เราจึงจะเห็นว่ามีทั้งฝ่ายสัมมาทิฏฐิ ฝ่ายมิจฉาทิฏฐิที่กำลังต่อสู้กัน แต่ถ้าหากว่าเราช่วยกันพัฒนาจิตให้เป็นสัมมาทิฏฐิมากขึ้น เป็นการช่วยลดอาชญกรรมช่วยลดการงานช่วยลดงบประมาณที่ต้องให้แก่กองตำรวจหรือว่ากองทหารหรือว่าขบวนการต่างๆ อีกมากมายเลย
ถ้าเพียงแต่เราสามารถพัฒนาจิตให้เป็นสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นได้เท่านั้น มันช่วยแก้ปัญหาของสังคมได้อย่างดีที่สุดแล้วก็โดยไม่ต้องลงทุนให้เหน็ดเหนื่อย เพียงแต่ต้องลงทุนกำลังใจลงทุนความพากเพียร เพราะฉะนั้นการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมก็จึงถือว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้มนุษย์พัฒนาจิตให้เป็นสัมมาทิฏฐิไม่ได้ คือไม่ยอมเห็นสิ่งที่เป็นความจริงตามธรรมชาติเพราะใจยอมรับไม่ได้ อะไรทำให้ยอมรับไม่ได้ ก็ตัณหาความอยาก แล้วก็อุปาทานความยึดมั่นเพราะเคยเห็นว่าคนที่เขามีชื่อมีเกรียติได้รับความยกย่องนับถือ เขามีบ้านใหญ่ เขามีเงินฝากในธนาคารเป็น 100 ล้าน เขามีตำแหน่งการงาน มีบริวารใหญ่โต เขามีฐานะอยู่ในสังคมที่ได้รับความยกย่อง ความยึดมั่นในตัวตนใช่หรือไม่ กลับมาเสริมเราก็เอาอย่างนี้บ้าง ถ้าเราไม่เอาอย่างนี้ เราอยู่ไม่ได้ไม่มีใครเขานับถือเรา ความยึดมั่นถึงต้องบอกว่าต้องหวนกลับมานึกเสมอว่าชีวิต คือ ขันธ์ 5 จะได้หยุดลง
ชีวิตคือ ขันธ์ 5 พอแยกออกจากกัน ลองดูคนที่สิ้นลมหายใจกันแล้ว โดยเฉพาะจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงต่างๆ จนกระทั่งยับเยิน อยู่ตรงไหนหน้าตาหล่อๆ อยู่ตรงไหน เสียงเพราะๆ อยู่ตรงไหน ไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง
ผู้ร่วมสนทนา : กลับไปใคร่ครวญสิ่งที่อาจารย์พูดแล้ว ก็ยังหวนกลับมาใหม่ มาสะกิดใหม่
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ก็เพราะว่าใคร่ครวญด้วยสมอง ไม่ได้ใคร่ครวญด้วยใจ จำได้หรือไม่ว่าสิกขาหรือศึกษา เราต้องดูด้วยอะไร
ผู้ร่วมสนทนา : ดูด้วยใจ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ด้วยใจด้วยความรู้สึก เอาความรู้สึกเข้าไปคลุกเคล้าซึมซาบกับความที่เกิดขึ้นจริงที่จิตเราได้สัมผัสจริง จนกระทั่งเกิดความสลดสังเวชในความโง่เขลาของเราเอง ทำไมเราถึงปล่อยให้ใจของเรา ตัวของเราประพฤติปฏิบัติอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เรารู้แล้วว่ามันร้อนๆ ตลอดเวลา มันดิ้นรนกระเสือกกระสนตลอดเวลา ทำไมเราไม่หยุดมันให้เกิดความสลดสังเวชๆ กับการกระทำของเราเองที่เราเคยชื่นชมตัวเองว่าฉลาดนัก เก่งนัก วิเศษนัก ทำไมถึงทำให้เกิดขึ้น พอเราเกิดความสลดสังเวชแล้ว ผลที่สุดก็จะเกิดความสุขสงสารตัวเอง แล้วก็เกิดความรักตัวเองในทางที่ถูกเกิดขึ้น คือรักด้วยจิตที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ไม่คิดทำร้ายตัวเองให้ตกอยู่ในความหมองหม่นอย่างหนัก ฉะนั้นโทษทุกข์ของการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมนั้นมีมากมายมหาศาล
เพราะฉะนั้นเจ้าประคุณท่านอาจารย์สวนโมกข์ท่านถึงตั้งปณิธานของท่านไว้ 1 ใน 3 ประการของปณิธาน คือ ต้องดึงคนออกมาเสียจากการตกเป็นทาสของวัตถุนิยมเพราะท่านรู้ว่ามันร้ายแรงนัก นับวันวัตถุนิยมจะยิ่งมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยีนี้จะมีความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่จำกัด ก็จะคิดสร้างประดิษฐ์อะไรต่างๆ มาล่อน้ำลายของมนุษย์ให้ไหลยึดยาดเหมือนกับอะไรที่เห็นกระดูกแล้วอดไม่ได้ เพราะฉะนั้นอันนี้มีแต่จะมากยิ่งขึ้นๆ ทุกวัน ก็ลองดูโฆษณาที่เขาลงหนังสือพิมพ์ก่อนวันวาเลนไทน์ใครเห็นบ้าง ที่เขาจะบอกว่าเป็นอะไรนะ
ผู้ร่วมสนทนา : ไปพักคืนละ 250,000
อุบาสิกา คุณรัญจวน : พิเศษสุดสำหรับคู่เดียวด้วยนะ ไม่ใช่หลายคู่ ถ้าหากหลายคู่ก็ดูจะไม่ค่อยจะชื่นอกชื่นใจ นี่พิเศษสุดสำหรับคู่เดียว คืนละ 250,000 ไปที่โรงแรมพักแบบพิเศษพาไปเที่ยวได้นั่งเรือยอร์ชกลางแสงจันทร์อะไรต่อมิอะไรต่างๆ สารพัด ถ้าเขาไม่รู้ว่าผู้ที่โฆษณาอย่างนี้ถ้าเขาไม่รู้ว่าจิตของมนุษย์ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมเขาจะกล้าโฆษณา เขาจะกล้าจัดรายการอย่างนี้หรือ นี่เขารู้แล้วว่ามนุษย์ทั่วไปนั้นไม่ฉลาดพอที่จะรู้จักตัวของตัวเอง แล้วก็พร้อมจะตกเป็นเหยื่อเข้าไปในกับที่เขาดัก เมื่อไรได้เมื่อนั้นตกเป็นเหยื่อทุกที
ผู้ร่วมสนทนา : อิทธิพลโฆษณานี่มีผลสูงมาก
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เพราะเขารู้ไงคะ เพราะฉะนั้นโฆษณาที่บอกว่า ดีที่สุด ใหม่ที่สุด พิเศษสำหรับคุณ พิเศษสุดสำหรับคุณ คนพวกนี้ก็วิ่งวุ่นชุลมุนกันไปหมดเลย
ผู้ร่วมสนทนา : รีบวิ่งไปซื้อ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เพราะอยากได้พิเศษสุดสำหรับคุณ หารู้หรือไม่ว่านี่คือการวิ่งเข้าไปหากับดักถูกเขาดักเป็นเหยื่อ นี่เพราะอะไรเพราะเขาเอาวัตถุนิยมเข้ามาล่อ เขารู้แล้วว่าจิตใจของมนุษย์ที่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยม เห็นเถอะว่ามันร้ายกาจแค่ไหน ฉะนั้นถ้าหากว่าอยากพัฒนาจิตให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ดูอุปสรรคข้อนี้ให้มากๆ ว่าการที่ปล่อยใจของเราตกเป็นทาสของวัตถุนิยมมันร้ายกาจแค่ไหนมันจะถอนออกได้ยากเหลือเกิน
นอกจากนี้อุปสรรคที่สำคัญก็ใกล้เคียงกับวัตถุนิยมๆ เป็นรูป มันมองเห็นเป็นสิ่งที่เป็นรูปมองเห็น แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือสิ่งที่มองไม่เห็นแต่อยากจะบอกว่าเป็นสิ่งที่เป็นมายาเป็นกับดักหลอกล่อมมนุษย์อีกเหมือนกัน นั่นก็คือการหลงติดอยู่ในสิ่งที่เป็นมายา ทำไมถึงว่าเป็นมายา สิ่งที่เป็นมายานี่เป็นจริงหรือไม่คะ
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่จริง
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ไม่จริง เกิดแล้วก็ดับ มาแล้วก็ไป แต่ใจที่รัก ที่ชอบ ที่ปรารถนายึดว่ามันจริง เช่น ชื่อเสียง เกรียติยศ ความมีหน้ามีตา ตำแหน่งการงาน ศักดิ์ศรีเป็นต้น ใครมองเห็นบ้างว่า ศักดิ์ศรีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร หน้าตาชื่อเสียงเป็นอย่างไร เกรียติยศเป็นอย่างไร เรามองไม่เห็นเลย แต่หลงผิดกันเหลือเกินใช่หรือไม่คะ พอเปิดหนังสือพิมพ์วันนี้มีชื่อเราในคอลัมน์สังคม อ่านแล้วอ่านอีกจนกระดาษจะทะลุ ชื่อนี้มันติดตาดีจริงน่าอ่าน อ่านคนเดียวไม่พอต้องเรียกคนอื่นมาดูด้วย
ผู้ร่วมสนทนา : โทรศัพท์ไปบอกเพื่อน
อุบาสิกา คุณรัญจวน : หรือมีรูปเราอยู่ด้วยต้องชูให้เห็นว่ามีอะไรอย่างไร นี้แหละเพราะติดในศักดิ์ศรีติดในหน้าตาติดในความมีชื่อเสียงเกียรติยศ ทั้ง ๆ ที่หามีรูปอะไรให้เราจับต้องไม่ มันเป็นมายาวันนี้มีพรุ่งนี้อาจไม่มีหรือว่ามันก็หายไปแล้วก็อาจจะมีมาอีก นี่เป็นมายาเพราะว่าเป็นการเกิดดับๆ หาใช่สิ่งเที่ยงไม่ ฉะนั้นเราถึงบอกว่าเราต้องเรียนรู้กฎที่เป็นธรรมชาติ นอกจากรู้เรื่อง ขันธ์ 5 แล้ว ต้องรู้เรื่องสิ่งที่เป็นกฎธรรมชาติ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่หาใช่สิ่งจริงไม่ มันเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยของกฏอิทัปปัจจยตาเท่านั้นเอง แต่เราไม่ยอมศึกษาสิ่งเหล่านี้ให้ทุกขณะใคร่ครวญดูมันเรื่อยจนลึกซึ้งๆ ชัดเจนจนมันซึมซาบอยู่ในใจมองเห็นความเปลี่ยนแปลงความเกิดดับความตั้งอยู่ไม่ได้แล้ว ก็ความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ถ้าเห็นชัดอยู่อย่างนี้ ความที่ตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ก็จะลดลง
ฉะนั้นการที่ปล่อยจิตใจให้หลงติดอยู่ในสิ่งที่เป็นมายา อันเป็นนามธรรม แต่ก็เป็นสิ่งที่รับรองกันในสังคมเชื่อกันว่าใครมีหน้ามีตา มีชื่อเสียงเกียรติยศก็จะมีพรรคพวกมาก มีบริวารมากไปที่ไหนก็มีคนรับรองมีคนยกย่อง แต่ก็เคยเห็นหรือไม่ เหมือนอย่างนักมวยได้แชมเปี้ยน นักข่าวมารุมล้อมไม่รู้จักเท่าไรๆ เยอะแยะนับไม่ถ้วน รุมล้อมตลอดไปตราบใดที่ยังเป็นแชมเปี้ยน แต่เมื่อไรที่หมดความเป็นแชมเปี้ยนอย่างที่มีผู้เล่าให้ฟังเรื่องจริง
ผู้ร่วมสนทนา : ศรศักดิ์
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เหมือนอย่างนักมวยที่มีชื่อคนหนึ่ง นักมวยไทยมีชื่อคนหนึ่งในอดีต คนบอกว่าเป็นขวัญใจ อย่างเช่น โผน อย่างนี้เป็นต้นเป็นขวัญใจ แต่วันหนึ่งเผอิญหมดความเป็นแชมเปี้ยนเพราะสู้เขามาแล้วไม่ชนะ นั่งเครื่องบินกลับประเทศหาคนทักทายก็ไม่มี พอลงจากบันไดเครื่องบินนักข่าวที่เคยมาเป็นกรูเกรียวก็หาไม่มีอย่างนี้เป็นต้น ไม่ใช่เฉพาะนักมวยคนนี้คนเดียวคนอื่นก็เช่นเดียวกันที่ถูกลืม เพราะฉะนั้นมองเห็นหรือไม่ว่าสิ่งนี้เป็นมายามันหาใช่จริงไม่ มันให้ความชุ่มชื่นแก่ใจเพียงใดก็ให้ความหม่นหมองเจ็บปวดแก่ใจได้เพียงนั้นเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราหลงไปติดมัน ที่นี้ก็อาจจะบอกว่า แล้วถ้าหากมีชื่อเสียงเกียรติยศมีหน้ามีตาแล้วไม่เอาอย่างนั้นหรือ
ผู้ร่วมสนทนา : ไม่เอาแล้วครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เราก็ไม่ใช่เอาหรือไม่เอา แต่เมื่อมันมาก็ชื่อเสียงเกียรติยศนี้ มันเกิดจากอะไร
ผู้ร่วมสนทนา : การกระทำของเรา
อุบาสิกา คุณรัญจวน : การกระทำ เราได้กระทำการที่ถูกต้อง การที่ถูกต้องคือกระทำการที่เป็นประโยชน์คนอื่นเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนอื่นเขาก็มานับถือ เขาก็มายกย่อง เขาก็มาให้ ก็ไม่ใช่ว่าต้องไปตัดเขาเราก็รับแต่รับไว้ด้วยความรู้เท่าๆ ว่าเป็นเพียงสิ่งมายา เกิดขึ้นวันนี้เขานับถือเราเขารักเรา พอวันอื่นเขาอาจจะเลิกรักก็ได้ เขาอาจจะสนใจก็ได้
ถ้าการกระทำนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากความถูกต้องกลายเป็นความไม่ถูกต้อง แต่ถ้าหากว่ายังถูกต้องอยู่ก็เชื่อว่า ความยกย่องนับถือก็ยังอยู่เรื่อย ๆ ไป เพราะฉะนั้นอยู่ที่การกระทำ ถ้าเราเห็นแล้วว่าชีวิตนี้สำคัญอยู่ที่การกระทำก็ทำไมถึงไม่พยายามกระทำสิ่งที่ถูกต้อง และชื่อเสียง น่าตา ศักดิ์ศรีมาเองไม่ต้องเรียกร้องมันมาเอง แต่ถ้าไปเรียกร้องไปตะเกียกตะกายดิ้นรนจะเอามาให้ได้มันอยู่ไม่นาน แล้วตัวเองก็รู้ในขณะที่ทำอย่างนั้นมันมีความละอายเกิดขึ้นเพราะมันเป็นการพยายามที่จะสร้างภาพอะไรต่างๆ ขึ้นมาให้แก่ตัวเองไม่มีประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นการที่หลงติดอยู่ในสิ่งที่เป็นมายาเป็นทาสของสิ่งที่เป็นมายานี้ ก็จะทำให้จิตใจนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่งอีกเหมือนกันและก็เลยไม่สามารถพัฒนาจิตนี้ให้เป็นจิตที่เป็นสัมมาทิฏฐิขึ้นมาได้
ผู้ร่วมสนทนา : เคยมีผู้ใหญ่ที่เป็นระดับอธิบดี อย่างที่อาจารย์ว่าคือมีคนกราบไหว้บูชาเคารพนับถือเยอะ พอหมดเกษียณไปอยู่บ้านเลี้ยงหลานก็หมดสิ้นทุกอย่างก็รู้สึกว่าจะไม่สบาย
อุบาสิกา คุณรัญจวน : เพราะฉะนั้นเขาถึงว่าต้องเตรียมใจถ้าหากว่ามีช่วงชีวิตของการศึกษาอย่างถูกต้อง พอถึงช่วงชีวิตของการที่จะบริโภคผลของชีวิตก็จะบริโภคอย่างถูกต้องไม่ตะกละตะกลามไม่มุมมามและไม่โลภจะเอาให้มาก พอถึงคราวที่จะได้มีชีวิตเย็นเป็นประโยชน์ก็จะรู้ว่า ที่เราได้กระทำมาแล้วตอนนี้เราควรจะเสวยความมีชีวิตเย็นและเป็นประโยชน์จะไม่รู้สึกว่าตนสูญเสียอะไร
แต่นี่ผู้ที่เข้าสู่วัยเกษียณแล้วเกิดมีความรู้สึกเหงาหงอยวังเวงโดดเดี่ยวอ้างว้าง เพราะไม่มีเก้าอี้จะนั่ง ทั้ง ๆ ที่บ้านก็มีเก้าอี้เยอะแต่เก้าอี้ตัวที่นั่งมันไม่มีแล้วมีคนอื่นมานั่งแทนใจก็ห่อเหี่ยว เก้าอี้ตัวนั้นหายไปไหนที่บ้านมีทั้งเก้าอี้นวมเก้าอี้โซฟาไม่อยากนั่ง เพราะฉะนั้นอันนี้ถ้าหากได้รับการศึกษาอย่างถูกต้องอย่างนี้ก็จะเตรียมใจเอาไว้ก็จะรู้ว่า บัดนี้ถึงคราวที่เราควรได้เสวยความมีชีวิตเย็นและเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่นบ้างแทนที่จะไปตะเกียกตะกาย จึงต้องมาเน้นอีกแล้วว่าช่วงชีวิตเบื้องต้นคือช่วงชีวิตของการศึกษานี้เป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราพัฒนาจิตที่เป็นสัมมาทิฏฐิแล้วก็พร้อมที่จะรับกับช่วงชีวิตของการเผชิญชีวิตด้วยความกล้าหาญและด้วยการกระทำที่ถูกต้อง แล้วจะได้บริโภคผลของชีวิตด้วยความเพลิดเพลินด้วยความสนุกสนานและมีชีวิตเย็นและเป็นประโยชน์ในที่สุด
ฉะนั้นผู้ที่กำลังจะเข้าใกล้วัยเกษียณจึงควรจะนึกถึงสิ่งนี้ให้เกิดประโยชน์ขึ้นแก่ใจ แล้วจะมีชีวิตของความเป็นผู้เกษียณอายุที่มีความสุขสงบเย็นและเป็นสุขให้เกิดขึ้นได้ สำหรับวันนี้ก็คงจะคุยกันเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ
ธรรมสวัสดีค่ะ