แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้ดำเนินรายการ : วันนี้ขอเริ่มต้นปัญหาของพ่อแม่ลูกกันต่อไป พ่อแม่มักจะมีปัญหานะครับว่าต้องทำมาหากินเหน็ดเหนื่อยต่างๆ หาเงินมาก็ไม่ใช่เอาไปทำอะไรครับ หาเงินมาก็เพื่อให้ลูก ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน ท่านจะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ไปฟังกันนะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ก็อยากจะให้พ่อแม่ถามตัวเองว่า ที่พ่อแม่อุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยหาเงินหาทองสายตัวจะขาดเพื่อใคร
ผู้ดำเนินรายการ : เพื่อลูกครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ก็เพื่อลูก เพื่อจะให้ลูกอยู่ดีมีสุข..ใช่ไหมคะ ได้รับการศึกษาดี และก็คำว่าอยู่ดีมีสุขนี่ หมายถึง สุขทั้งกายแล้วก็สุขทั้งใจ แต่ทีนี้ พอลูกมาเป็นอย่างที่เป็น เช่น ไปติดอบายมุข หรือว่าไปติดยาเสพติด แล้วพ่อแม่รู้สึกคุ้มค่าไหม ที่พ่อแม่เหน็ดเหนื่อยไปหาเงิน แล้วก็ไม่มีเวลา นี่พ่อแม่ควรจะถามคำถามนี้กับตัวเอง ถ้าว่าได้คำตอบแล้วว่าเราหาเงินหาทองมาเพื่อลูก เพื่อจะให้ลูกของเรานี่ได้อยู่ดีมีสุขต่อไปข้างหน้า ก็ต้องมาจัดชีวิตของเราให้สมส่วน เช่น รายได้ที่ว่ารัดตัว ค่าครองชีพที่ว่ารัดตัว มีอะไรบ้างที่เราสามารถจะผ่อนคลายได้ คือหมายความว่าจะลดรายจ่ายลงได้บ้าง เหมือนอย่างเช่น เราจะมีการปลูกผักอะไรในบ้านของเราเอง เพื่อจะได้อาหารที่บริสุทธิ์มากินเอง แล้วก็เป็นการประหยัดในการที่จะไปซื้ออาหารแพงๆ มารับประทาน หรือว่าซื้ออาหารตู้ การที่เราปลูกไว้นี่ มีเวลาสักครึ่งชั่วโมงตอนไหน เรามาอยู่กับดินกับทรายบ้าง กับสิ่งเขียวๆ บ้างนี่ มันเป็นการผ่อนคลาย
ผู้ดำเนินรายการ : กรุงเทพฯ ตอนนี้ก็อยู่คอนโดกันนะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : อยู่คอนโดก็ไปปลูกกระถางได้ ปลูกกระถาง ปลูกทำเป็นราง กระบะ ทำได้..ถ้าอยากจะทำ ขอให้ใช้สติปัญญาขึ้นหน่อย ใช้เวลาสักหน่อยทำได้ทั้งนั้น นี่มันเป็นการผ่อนคลายด้วย ทีนี้ถ้าหาก..ขอโทษนะ นี่ก็เผลอไป ถ้าอยู่คอนโดแล้วไม่มีข้อเรียกร้องละว่าไม่มีเงิน ไปถึงขนาดไปอยู่ได้อย่างนั้นละก็ เสียซื้อคอนโดได้ และก็อยู่คอนโดได้ ก็ต้องมีเงินเพียงพอแล้ว แต่นี่พูดถึงคนที่ว่ารายได้ไม่เพียงพอ คนที่บอกรายได้ไม่เพียงพอนี่ ก็สามารถจะช่วยตัวเองได้อย่างนี้ แล้วก็สอนอบรมลูกตั้งแต่เล็กๆ ให้ลูกรู้จักค่าของเงิน แล้วก็รู้จักประหยัด แล้วก็รู้จักช่วยตัวเอง ไม่ใช่อะไรๆ ก็แบมือขอ แล้วก็ให้รู้สึกว่าการที่จะเห็นค่าของเงินนั้นนะ ก็ให้เห็นด้วยว่าเงินนี่ไม่ใช่ลอยมาเฉยๆ แต่เงินนี่จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีปัจจัยของการทำงาน ฉะนั้นลูกนี่ตั้งแต่เล็กๆ นี่ ถ้าหากว่าจะสอนให้ลูกรู้จักทำงานตามกำลังของลูก ตั้งแต่เป็นเด็ก ๒ - ๓ ขวบ ให้เขาขยันขึ้นมาเถอะ รู้จักช่วยตามกำลังของเขา เก็บของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้เข้าเป็นระเบียบ แล้วเสร็จแล้วก็อย่าทำของในบ้านเสีย แล้วพอโตขึ้นก็รู้จักช่วยงานของพ่อแม่ตามกำลัง นี่แหละจะทำให้ลูกรู้สึกว่าเงินที่ได้มานี่คุ้มค่า แล้วพอถึงวันเกิดทีหนึ่ง พอถึงปีใหม่ทีหนึ่ง อะไรอย่างนี้เป็นต้น พ่อแม่ก็ไม่ต้องมาถมเงินลงไปที่ลูก ซื้อของขวัญให้ลูก ลูกทำความดีอะไรบ้าง ทำความดีอะไรบ้างให้พ่อแม่ชื่นใจ ที่พ่อแม่จะต้องไปซื้อของขวัญให้ ถ้าลูกเขาได้รับอย่างนี้เขาก็รู้สึก เขาไม่จำเป็นนี่ที่จะต้องทำความดี เพราะว่าถึงเวลาพ่อแม่ก็เอามาให้ แต่ว่าให้แต่วัตถุ แต่พอถึงเวลาที่ลูกอยากจะหันหน้าไปพูดกับพ่อบ้างแม่บ้าง หาพ่อแม่ไม่เห็น มันไม่มีประโยชน์
ผู้ดำเนินรายการ : ดูคล้ายๆ ว่าเวลานี่พ่อแม่ก็ต้องซื้อหามาเหมือนกับเงินที่ไปหามานี่
อุบาสิกา คุณรัญจวน : อ้อ..ใช่ ก็ต้องรู้จักประหยัด หมายความว่าที่ครูพูดถึงรู้จักประหยัดนี่ เพื่อจะบอกว่าเมื่อเรามีลูกแล้วนี่บางทีมันต้องเสียสละกันในระหว่าง ๒ คนนี่ ถ้าเราประหยัดกันเราปรึกษากัน มันพอจะลงตัวได้ ใครจะเป็นคนอยู่บ้านสักคน ซึ่งโดยปกติก็ต้องเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน อย่างที่ครูได้อ่านหนังสือเรื่องรักลูกนานแล้วนะคะ ๒ – ๓ ปีมาแล้ว แล้วก็พบบทความที่เขากล่าวถึงสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นคนเก่งทั้งคู่ เป็นคนเก่ง เป็นคนฉลาด และก็เป็นคนทำงานที่ได้ตำแหน่งดี และก็มีอนาคตไปไกล เรียกว่าเก่งด้วยกันทั้งคู่ แต่พอเขาตกลงว่าเขาจะมีลูก เขาก็ปรึกษากันทีเดียวว่า นี่เราจะออกไปทำงานแข่งกันสองคนเหมือนอย่างเคยไม่ได้แล้ว เพราะเราจะต้องทำบ้านให้เป็นบ้าน เพื่อประโยชน์แก่ลูก ให้ความอบอุ่นแก่ลูกที่จะเกิดขึ้นมา เมื่อเขาตกลงกันอย่างดีแล้ว แม่..ผู้หญิงก็เป็นฝ่ายเสียสละอยู่บ้าน แล้วให้ผู้ชายไปทำงาน เขาก็ทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเต็มที่ แล้วพอเขามีลูก ลูกก็เติบโตขึ้นมา ลูกก็น่ารัก มีสุขภาพจิตที่ดี ใช่ไหมคะ สิ่งที่เราต้องการคือสุขภาพจิตที่ดี ไม่ใช่เพียงแต่ว่าเลี้ยงลูกให้อ้วน ให้แข็งแรง ให้กินดี แต่ว่าสุขภาพจิตเหี่ยวแห้ง อย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์
นี่พอครูอ่านแล้วรู้สึกว่า ชมเชย..เคารพนับถือเขาเลย ที่เขายอมเสียสละ เพราะเขารู้ว่า สิ่งที่โลกต้องการนี่คือแม่ แม่ที่ดี แม่ที่สามารถทำหน้าที่ของโลกอย่างถูกต้อง ถ้าหากว่าเรามีแม่ที่ดีในสังคม มีแม่ที่ดีในชาติประเทศ มีแม่ที่ดีในโลก เชื่อไหมปัญหาทั้งหลายจะลดลง อย่างน้อยๆ ๗๐ - ๘๐ % เราจะลดลงเป็นอันมากเลย ถ้าหากว่าเรามีแม่ที่ดีที่จะสร้างบ้านให้เป็นบ้านที่อบอุ่น เพราะฉะนั้นแม่นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญมาก แม่กับครูเรียกว่าสำคัญไม่ต่างกัน ถ้าแม่ดีแม่เลี้ยงอบรมลูกมา ลูกจะไปทำอะไรก็ดี หากว่าครูดีสอนลูกศิษย์อย่างถูกต้อง พอลูกศิษย์เติบโตขึ้นจะไปทำงานอะไรก็ทำหน้าที่อันนั้นได้ดี เรียกว่าเป็นแม่ที่ดีได้อีก มันเป็นเหตุปัจจัยที่เป็นวงจรกันอย่างนี้
ผู้ดำเนินรายการ : ครับ ท่านอาจารย์ครับ
ท่านผู้ชมครับการเป็นแม่ที่ดี เป็นยากนะครับ เราก็ขอให้กำลังใจให้กับท่านที่เป็นแม่ที่ดีทั้งหลาย ทีนี้มาถึงอีกปัญหาหนึ่งนะครับ ปัญหาของฝ่ายผู้ที่เป็นลูกบ้าง เมื่อเห็นว่าคุณแม่เป็นผู้ที่เสียสละทุกอย่าง พระคุณแม่นั้นใหญ่หลวงนัก อย่างที่เราเปรียบเปรยกันอยู่ตลอดเวลา ลูกซึ่งดื้อไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ขอให้ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน อินทรกำแหง ได้ตอบให้เราทราบกันบ้างนะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ถ้าพูดคือพูดตรงๆ ตามกฎของธรรมชาตินะ ต้องย้อนไปถึงพ่อแม่ก่อน
ผู้ดำเนินรายการ : อีกแล้วนะโดนอีกแล้ว
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ไม่ใช่ว่าโดนอีกแล้ว ก็เพราะพ่อแม่ห่างเหินนั่นแหละ ไม่มีเวลาให้กับลูก ลูกก็หันไปหาเพื่อน คุยกับเพื่อน แล้วก็เพื่อนที่ลูกๆ คบก็อาจจะมีพ่อแม่ในลักษณะอย่างนี้ ไม่มีเวลาให้ลูกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็มั่วสุมคุยกัน แล้วก็เกิดความรู้สึกแค้น แค้นพ่อแค้นแม่ ว่าทำให้เราเกิดมาแล้วทำไมถึงปล่อยเราอย่างนี้ ปล่อยเราทำอะไรตามเรื่องไม่เห็นรับรู้เราเลย เอาแต่เงินมายัดใส่ๆ ให้กับเรา แล้วคิดว่าเงินจะซื้อหัวใจลูกได้หรือ โธ่..เด็กเดี๋ยวนี้เขาไม่ใช่คนโง่ เขาฉลาดจะตายไป เขาก็คิดเขาก็ว่าได้สารพัด เพราะฉะนั้นนี่พ่อแม่ก็ได้รับผลของเหตุปัจจัยของพ่อแม่เองอย่างหนึ่ง พร้อมๆ กับการศึกษาที่ไม่ได้ให้การศึกษาที่ถูกต้อง ไปยั่วยุให้เด็กใฝ่ฝันที่จะเป็นคนเก่ง ให้เป็นคนมีความสามารถ ต้องทำอะไรให้ดีเด่นกว่าคนอื่น มันผสมกันเข้า เพราะฉะนั้นเด็กก็เลยเตลิด พร้อมๆ กับที่ค่านิยมของสังคมเวลานี้ก็ยึดเอาวัตถุเป็นเหตุ คือเรื่องของเงินเรื่องของมายาต่างๆ เช่น อำนาจ ความเด่น ความมีหน้ามีตา เกียรติยศชื่อเสียง ซึ่งล้วนแล้วแต่ไปยึดอยู่ที่ข้างนอก ลืมนึกถึงว่าความเป็นมนุษย์ของคนมันอยู่ที่คุณธรรมข้างใน นี่ทุกคนไม่ลืมนึกอันนี้ แล้วในกระบวนการศึกษาก็ไม่ได้หยิบเอาอันนี้เป็นรากฐานของการศึกษาจริงๆ คือมีหรอก เขียนเอาไว้กะปริบกะปรอยอยู่ในหลักสูตรในอะไร แต่ในการปฏิบัตินี่ ไม่สามารถจะนำมาปฏิบัติได้จริงๆ
เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันก็เลยกระตุ้นยั่วยุให้เด็กๆ หันไปในหนทางที่ผิด แล้วเมื่อเขาเกิดความแค้น แค้นพ่อแม่ แค้นโลก แค้นชีวิต เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือความรัก ความรักนี่เป็นรากฐาน แต่ไปถามเขา เขาอาจจะบอกว่า..ไม่ใช่ เขาจะปฏิเสธเพราะเขาหลอกตัวเองหรือเพราะเขาไม่รู้ใจเขาเองจริงๆ ก็ได้ แต่ถ้าเราจะไปสืบสาวดูเราจะรู้ว่า เพราะเขาต้องการความรัก เพราะฉะนั้นความหิวความรัก ความต้องการความรัก มันก็ทำให้เกิดความว้าเหว่ นี่เกิดความโลภก่อน..เห็นไหม แล้วไม่ได้ความรักก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ พอความโกรธก็จะขัดแค้นก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้สาสมกับใจที่โกรธ นอกจากนั้นแล้วก็หลงวนเวียนคิด..โมหะ วนเวียนคิดอยู่แต่ว่า ทำไมพ่อแม่ไม่มีเวลาให้เรา ทำไมเพื่อนเขาจึงมีอย่างโน้นอย่างนี้
ผู้ดำเนินรายการ : ท่านอาจารย์ครับ ถ้าหากว่าเด็กนั้นโชคดีไปเจอพ่อแม่ที่ครอบครัวอบอุ่นก็ดีไป โชคดีของเด็กไปนะครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน : ค่ะ..ใช่ แต่ถ้าเด็กคนนั้นได้ไป คือเด็กคนอื่นที่รู้สึกว่ามีแต่ความแห้งแล้งจากบ้านของตัว แล้วก็ได้ไปคบหาสมาคมไปถึงบ้านช่องได้ไปกินข้าว ไปเล่นกับเขาที่บ้านนั้น คงจะพลอยมีความอบอุ่นไปด้วย แล้วถ้าหากว่าพ่อแม่ของเพื่อนผู้มีความอบอุ่นนั้นนะ แผ่ความรักมาถึงลูกของคนอื่นด้วย คือเพื่อนของลูกของตัวด้วย แล้วก็ช่วยแนะนำให้ลูกเข้าใจในพ่อแม่ อย่างน้อยก็ให้มีความเห็นใจพ่อแม่ ถึงยังไม่ถึงกับกตัญญูรู้คุณสูงสุด ก็ให้มีความเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ บางทีเด็กคนนั้นก็อาจจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ในบางครั้ง พอกลับมาถึงบ้านความที่มันสะสมความแค้นพ่อแม่ว่า แหม..ทำไมไม่มีเวลาให้เราเลยอยู่ตั้งนานแล้ว ก็อาจจะกลับมาอาจจะกลับมาโกรธอีก เพราะฉะนั้นทางที่ถูกแล้วล่ะก็ ลูกนี่ก็อยากจะบอกว่า ในฐานะของผู้เป็นลูกนะคะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รับอะไรจากพ่อแม่อย่างที่เราต้องการทุกอย่างก็ตาม แต่ก็ให้นึกเถอะว่าการที่เราได้มีโอกาสเกิดมาเป็นคนนี่ แล้วก็มีมันสมอง มีสติปัญญา มีกำลังกายที่แข็งแรงนี่ เราก็ควรจะใช้กำลังกายกำลังสติปัญญา มาส่งเสริมกำลังใจของเรา ให้มันเข้มแข็งขึ้น แล้วก็ใช้ชีวิตอันนี้ให้เกิดประโยชน์
ถ้าสมมุติว่าเราจะได้มีโอกาสพูดกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว ขอเวลาคุณพ่อคุณแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่มีเวลาจะให้เลย เราก็จำเอาไว้ว่า ถ้าเราเติบโตไปข้างหน้า เราเป็นพ่อคนเป็นแม่คน เราจะไม่ทำอย่างนี้นะ เราจะพยายามหาเวลาให้แก่ลูก แล้วก็ให้ความอบอุ่นให้ความรักแก่ลูก เพราะรู้ว่าสิ่งที่ต้องการที่สุดในโลก และมีค่าที่สุดในโลกนั้น คือความรัก และก็ความรักความเข้าใจจากพ่อแม่นี่แหละ จะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจที่ทำให้ลูกมีความชุ่มชื่น แล้วก็มีกำลังใจที่อยากจะทำดี แล้วก็เป็นคนดี แล้วก็เป็นคนที่ทำประโยชน์ทั้งแก่ตัวเองและก็แก่พ่อแม่ ให้แก่เพื่อนฝูงสังคม ซึ่งจะทำให้เป็นที่เชิดหน้าชูตา หรือเป็นเกียรติยศชื่อเสียงที่แท้จริงแก่พ่อแม่ด้วย แล้วก็เป็นความชื่นใจของพ่อแม่อย่างสูงสุด เพราะฉะนั้นจึงอยากจะบอกว่า บรรดาผู้ที่เป็นลูกๆ ทั้งหลายนี่นะคะ จะเป็นลูกเล็กหรือว่าลูกวัยรุ่น หรือว่าเป็นลูกผู้ใหญ่แล้วก็ตาม อย่างไรๆ ก็น่าจะเห็นใจผู้ที่เป็นพ่อแม่ เพราะว่าสิ่งใดที่พ่อแม่ได้กระทำไปที่ไม่เป็นที่ถูกใจของลูก ไม่ได้เป็นความตั้งใจ ไม่ได้เป็นความตั้งใจแต่เป็นความปรารถนาดี แต่เผอิญเป็นความปรารถนาดีที่อาจจะมองเพียงด้านเดียว เรียกว่าสุดโต่ง ขาดหนทางสายกลางของธรรมะ เพราะฉะนั้นพูดสรุปกลับมาก็คือว่า ธรรมะนี่แหละที่จะช่วยส่งเสริมให้พ่อสามารถเป็นพ่อที่ถูกต้อง แม่เป็นแม่ที่ถูกต้อง และลูกก็เป็นลูกที่ถูกต้องได้ด้วย ที่จะอยู่ร่วมกันได้ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข
ผู้ดำเนินรายการ : ขอบพระคุณมากครับ ท่านผู้ชมครับปัญหาของพ่อแม่ลูกนี่ คุยกันไม่รู้จบนะครับ แล้วก็ถามกันไม่รู้จบด้วย ถ้าหากว่าพ่อแม่พยายามมีเวลาให้กับลูก อยู่ใกล้ชิดลูกมากขึ้น ฝ่ายลูกก็พยายามเข้าใจพ่อแม่มากขึ้นนะครับ ครอบครัวก็คงจะมีสุขมากขึ้นนะครับ แล้วก็ต้องใช้หลักธรรมะเข้ามาช่วยด้วย อย่างที่ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน ได้แนะนำไป