แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ธรรมสวัสดีค่ะ คราวนี้เราก็คงจะพูดกันถึงเรื่องว่าอยากยามไหนก็ได้นะคะ คำว่ายามไหนก็ได้ ก็ท่านผู้ชมคงจะได้กรุณาใคร่ครวญด้วยนะคะว่าไม่ได้หมายความว่าพออยากแล้วก็สนองอยากทันที ไม่ใช่อย่างนั้น อยาก-ยามไหนก็ได้แล้วก็หมายความว่า อยากอย่างไรมันถึงจะเป็นความอยากที่แยบคาย เป็นความอยากที่จะไม่นำความร้อนความทุรนทุรายกระเสือกกระสนจนมาสู่จิตของเรา ก็ต้องขออ่านกลอนที่เราอ่านไว้เมื่อคราวที่แล้วเพื่อเตือนความทรงจำและต่อเนื่องกันอีกครั้งนะคะตอนนี้เรากำลังพูดกันถึงว่ายามไหนก็ได้
ยามจะได้ ได้ให้เป็น ไม่เป็นทุกข์
ยามจะเป็น เป็นให้ถูก ตามวิถี
ยามจะตาย ตายให้เป็น เห็นสุดดี
ถ้าอย่างนี้ ไม่มีทุกข์ ทุกวันเลย
แล้วเราก็ได้พูดกันถึงยามจะได้นี่เราอาจจะแยกออกเป็นได้วัตถุสิ่งของหรือว่าได้สิ่งที่เป็นนามธรรมและวัตถุเราก็กำลังพูดกันถึงว่าพ่อแม่ที่ได้ลูกมานะคะ พอได้ลูกมาแล้ว ก็ได้ลูกมาเป็นคนแรกหรือจะไม่ใช่เป็นคนแรกก็ตามเถอะจะมีลูกหลายคนก็ตาม ทำไมพ่อแม่บางคนถึงได้บอกว่า แหมมีลูกน่ะเหมือนฉันตกนรกทั้งเป็น ก็เพราะความเหน็ดเหนื่อยในการที่ลูกนั้นไม่ได้อย่างใจ อย่างหนึ่ง ไม่ได้อย่างใจที่พ่อแม่ต้องการให้เป็นตามที่ได้อบรมสั่งสอนมาแล้วก็ด้วยความเป็นห่วงพะวักพะวนกังวลเพราะยึดมั่นถือมั่นว่านี่เป็นลูกของฉันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสักนิดหนึ่ง หรือว่าลูกจะกระดิกไปทางไหนสักหน่อยหนึ่ง พ่อแม่ก็ตามเป็นห่วงเป็นใยไปทุกฝีก้าว นั่นอย่างหนึ่งที่ทำให้พ่อแม่ตกนรกทั้งเป็น หรือตรงกันข้ามพ่อแม่บางคนไม่มีเวลาจะมาสนใจเอาใจใส่กับลูก เพราะกิจการงานต่างๆ มีมากมายเกินไป ต้องไปยุ่งกับกิจธุระการงานกิจธุระส่วนตัวกิจธุระสังคม เพราะฉะนั้นก็เผอิญเกิดมาเป็นคนมีเงินทองมากมายก็เลยใช้เงินนี่แหละเลี้ยงลูกแทน แทนที่จะเอาความรักความใส่ใจของตนเข้าไปเลี้ยงลูก ก็เอาเงินเลี้ยงลูกแทน เรียกว่าใช้น้ำเงินเลี้ยงแทนน้ำใจเพราะฉะนั้นเมื่อใช้น้ำเงินเลี้ยง เงินมันเป็นวัตถุ ลูกก็เจริญเติบโตด้วยหัวใจที่เป็นวัตถุ ไม่ใช่หัวใจที่เป็นมนุษย์ที่จะมีความรู้สึกมีความอาทรมีความกตัญญูต่อผู้ที่เป็นพ่อแม่ เพราะเหตุว่าวัตถุมันไม่มีความรู้สึกจิตที่ถูกเลี้ยงด้วยวัตถุมันก็เลยไม่มีความรู้สึก มันก็เลยเป็นเหมือนหุ่นยนต์สักแต่ว่าจะถูกชักไปทางไหน ด้วยอำนาจของกิเลสหรือด้วยอำนาจของตัณหาตามอำนาจของอวิชชา เพราะฉะนั้นนี่ก็ยิ่งทำให้พ่อแม่ตกนรกยิ่งขึ้นเพราะผิดหวังไปเสียทั้งหมดเลยให้เรียนหนังสือก็เรียนไม่สำเร็จ อยากจะให้เป็นคนดีมีหลักฐานก็กลับกลายเป็นคนสำมะเลเทเมา สำมะเลเทเมาอยู่กับสุรานารีพาชีกีฬาบัตรอย่างที่เขาว่านั้น เพราะฉะนั้นกลับมาแม้จะส่งไปเรียนต่างประเทศถึงไหนถึงไหนก็ตามทีก็ไม่สำเร็จกลับมา หรือสำเร็จกลับมาพร้อมกับพ่วงความสำมะเลเทเมาที่ไม่เป็นโล้เป็นพายไม่เป็นศักดิ์ศรีอะไรแก่วงศ์ตระกูลเลยสักอย่างกลับมาด้วย เพราะฉะนั้นอย่างนี้ก็จึงพูดได้ว่า เราควรจะโทษลูกไหม ทำไมลูกถึงเป็นอย่างนี้ ก็ส่วนมากเราก็โทษลูกไง
แต่ว่าอยากจะขอเรียนท่านผู้ชมว่าถ้าสมมติว่าท่านผู้ใดหรือพบเพื่อนคนใดเผอิญตกอยู่ในสภาพของความเป็นพ่อแม่เช่นนี้นะคะ ดิฉันอยากจะขอเสนอแนะว่าก่อนที่เราจะไปโทษว่าทำไมลูกถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หนทางที่ดีเราลองหันมาใคร่ครวญมาดูสิว่าเราเลี้ยงลูกด้วยอะไร เราเลี้ยงลูกด้วยเงินหรือเราเลี้ยงลูกด้วยความรัก ด้วยความอาทรด้วยความเอาใจใส่ ทำหน้าที่ของพ่อแม่อย่างถูกต้องหน้าที่ของลูกเป็นอย่างไร ลูกก็จะเจริญรอยตามการปฏิบัติตนของพ่อแม่นั่นเอง ถ้าหากว่าพ่อแม่อยากที่จะให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้มีความสุขมีความเจริญเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป พ่อแม่เองก็ได้รับบทเรียนในชีวิตมาแล้วนะคะว่าทำไมชีวิตของเราจึงไม่เดินไปอย่างที่เราต้องการก็อยากจะขอเรียนว่า เราน่าจะมาลองดูว่าอันที่จริงแล้วนี่เราเองนั้นได้ประสบสิ่งที่เรียกว่าเป็นปัญหา สิ่งที่เราเรียกว่าความทุกข์และอะไรล่ะคือต้นเหตุของความทุกข์ อะไรคือต้นเหตุของความทุกข์ที่ทำให้มนุษย์เราต้องดิ้นรนเพราะความทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้ ความอยาก ตัณหาที่เป็นไปตามอำนาจของกิเลส พอกิเลสเกิดขึ้นก็สนองตามความอยาก อยากจะได้ก็ดึงไขว่คว้าตะเกียกตะกายหามาให้ได้ ไม่ว่ามันจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องจะเบียดเบียนผู้อื่นเพียงใดก็จะเอาให้ได้ หรือพอไม่ชอบไม่ถูกใจก็พยายามหาหนทางปัดแข้งปัดขาจนกระทั่งถึงทำลายไปเอาให้ตายก็ยังมี นี่ก็เรียกว่าด้วยความอยากทุรนทุรายตามอำนาจของตัณหาที่อยู่ภายใต้อำนาจของอวิชชาครอบงำ มันจึงเต็มไปด้วยอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นที่ต้องทำให้ได้ตามใจกิเลส นี่เรารู้แล้วว่าชีวิตของเราที่เป็นทุกข์มาทุกวันนี้จะมากก็ตามจะน้อยก็ตามเพราะสิ่งนี้ใช่ไหม เพราะความอยากสิ่งนี้ใช่ไหม ถ้าเรารู้แล้วว่ามันเพราะความอยากสิ่งนี้แล้วเราอยากให้ลูกเราเป็นสุข เราควรจะสอนควรจะอบรมไหมคะที่จะให้ลูกของเรานี้ต้องดิ้นรนอยู่ด้วยความอยากเหมือนอย่างเรา ก็แน่นอนที่สุดเราย่อมไม่ปรารถนาเลยที่จะให้ลูกมาเจริญรอยตามเราในหนทางนี้ เราอยากจะให้ลูกเจริญรอยในหนทางอื่นที่จะนำความสุขสงบเย็นมาให้เขา เพราะฉะนั้นเมื่อเราพบแล้วว่านี่คือต้นเหตุของความทุกข์ทำยังไงถึงจะสอนลูกให้หลีกเลี่ยงออกไปเสีย อย่าตกอยู่ภายใต้อำนาจหรือเป็นเหยื่อของเจ้าสิ่งนี้เลยสิ่งนั้นก็คือตัณหาหรือความอยากที่ดิ้นรนด้วยอำนาจของอวิชชาเราจะสอนอย่างไร
ผู้ดำเนินรายการ: ขออนุญาตนิดหนึ่งคือ พูดถึงตอนนี้แล้วพ่อแม่คงจะพอเข้าใจแล้วว่ามันคือเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเรา และมีประโยชน์อะไรครับคือตอนนี้ลูกเขาก็สำมะเลเทเมา พ่อแม่ไปสอนเตือนตอนนี้แกก็โตแล้วเป็นผู้ใหญ่ที่ว่าจัดยากแล้ว พ่อแม่เลยช้ำใจไปเลยได้รู้ตระหนักว่าความทุกข์เกิดจากอะไร
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ก็ถ้าหากว่าพ่อแม่นี้นะคะได้ประสบเหตุผล แล้วก็มองเห็นแล้วว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ ก็อย่าลืมว่ามันจะยังมีหลานออกมาอีกจากของลูก จะรู้จักที่จะสอนหลานไหมหรืออย่างน้อยที่สุดนี่เมื่อพ่อแม่พบบทเรียนของชีวิตแล้ว ก็จะบอกกับลูกคนอื่นๆ จะบอกกับญาติมิตร จะบอกกับเพื่อนฝูงว่านี่แหละคือตัวอย่างอันนี้นะและก็ทำตัวอย่างนี้ให้ดูคือทำตัวอย่างแห่งความทุกข์ให้ดูและก็ทำตัวอย่างแห่งความไม่ทุกข์ให้ดู มันก็จะเกิดประโยชน์และก็เชื่อว่าที่นั่งอยู่นี่ก็ยังไม่ทันเป็นพ่อแม่ เพราะฉะนั้นก็เตรียมเอาไว้สิ เตรียมใจเอาไว้ว่าถ้าเผอิญเราไปเป็นพ่อแม่เข้าหรือท่านผู้ชมที่กำลังนั่งฟังรายการนี้ชมรายการนี้ก็คงมีไม่น้อยที่ยังไม่อยู่ในสถานะของความเป็นพ่อแม่ นี่คือการเตรียมตัว นี่คือการเตือนเอาไว้เสียก่อนเพื่อความไม่ประมาท แต่การเตือนตัวเอง ไม่ใช่ว่าดิฉันมาเตือน แต่เป็นการเตือนตัวเอง เตือนตัวเองจากอะไร ก็จากประสบการณ์ที่เราได้กระทำมาแล้ว เพราะฉะนั้นอันนี้แหละจึงเป็นสิ่งที่ถ้าหากว่าเราอยากที่จะให้ลูกของเราเติบโตเป็นบุคคลที่เราต้องการก็ควรจะเริ่มสอนเสียตั้งแต่เล็กๆ ถ้าลูกโตเกินไปเสียแล้ว มีหลาน มีเหลน หรือมีหลานคนอื่น มีลูกคนอื่นที่เราอยู่ในฐานะที่จะช่วยแนะนำช่วยบอกได้แก่พ่อแม่ของเขาหรือตัวเรามีโอกาสจะเข้าใกล้ เราก็พยายามแนะนำที่จะบอกว่านี่นะวิธีที่เราจะดำรงชีวิตในโลกนี้เพื่อที่จะไม่ต้องประสบปัญหา ไม่ต้องประสบความทุกข์ ก็คือเก่งเท่าไร เป็นคนเก่งเท่าไรใช้ความเก่งของลูกให้เต็มที่เลยนะ ทุ่มเทมันลงไปเลย สามารถเท่าไรเอาความสามารถทุ่มเทลงไป มีความรู้เท่าไร มีประสบการณ์เท่าไรมีความถนัดตามธรรมชาติเท่าไรทุ่มเทลงไปเอาให้เต็มที่เลย แล้วก็ในขณะที่ลูกทำงานให้เต็มที่อย่างนี้นั้นน่ะก็ไม่ต้องดื่มยาพิษไปด้วยนะนั่นคือ ไม่ต้องหวังว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเมื่อใดที่เราหวังมันมีความโลภ แทรกอยู่นิดๆ พ่อเคยเป็นมาแล้ว แม่เคยเป็นมาแล้วหรือกระทั่งปู่ย่าตาทวดก็เคยเป็นมาแล้วเพราะฉะนั้นไม่อยาก ไม่อยากเลย เราพยายามอวยพรพยายามที่จะทำสิ่งที่เป็นมงคลต่างๆ ในวันที่ลูกเกิดหรือวันเกิดต่อๆ มา แต่ว่าลูกก็ไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตเป็นสุขได้เพราะความมงคลที่เรานำมาให้ลูกล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งข้างนอก คือมันอยู่ข้างนอกเท่านั้น มันไม่ได้ซึมซาบเข้าไปในจิตแต่จากการที่พ่อแม่ทำเป็นตัวอย่างหรือว่าพร่ำแนะนำ แต่อย่าพร่ำจนเกินไปจนเขาเบื่อนะคะ หมายความว่ามีอุบายมีศิลปะในการที่จะแนะนำจะบอกกล่าว จนลูกมองเห็นว่าอ๋ออย่างนี้ต่างหากที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ และพอเขาลองทำเขาก็จะเห็นผลที่มันเกิดขึ้นด้วยใจเขาเองที่มันจะเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย รู้จักทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เก่งเท่าไรทุ่มเทลงไปทุกอย่างแล้วผลนั้นไม่ต้องหวังก็ได้เพราะเมื่อทำดีที่สุดแล้วผลมันก็ย่อมจะออกมาถูกต้อง แล้วเราก็อิ่มอกอิ่มใจได้ว่าเราติตัวเองไม่ได้
ผู้ดำเนินรายการ : อยากให้อาจารย์ยกตัวอย่างอุบายให้ผมสักเรื่องที่เผื่อว่าพ่อแม่จะได้มองเห็นว่าวิธีที่จะบอกลูกโตๆ แล้ว ที่เราเลี้ยงเขามาผิดแล้วอย่างนี้
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อุบาย อุบายในการจะแนะนำที่จะบอกนี่เหรอคะ ก็เราก็ชี้ให้เห็นในการที่เขาต้องจิบยาพิษทีละน้อย พอเขานำมาเล่าถึงความผิดหวังของเขา ความทุกข์ที่เกิดขึ้น ก็ชี้ให้เขาเห็นว่านี่แหละเพราะเราจิบยาพิษโดยเราไม่ได้ตั้งใจ แล้วถ้าเราถามไปนิดเดียวทำไมถึงทุกข์ อ๋อก็ทุกข์ก็เพราะหวัง อันที่จริงพอทำนี่ ผลมันจะต้องได้ แน่นอนเลย ท่านผู้ชมลองนึกดูนะคะว่าเรากระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งผลมันต้องเกิดขึ้นทันที ไม่มีเสียล่ะที่มันจะไม่มีผล ยิ่งเราต้องการทำดีมันก็ต้องมีผล แต่เผอิญทำไมเราถึงเป็นทุกข์ เพราะผลมันไม่ได้มากอย่างที่เราต้องการ มันไม่ตรงตามใจของเรา มันไม่เร็วอย่างที่เราอยากให้ได้เร็ว นี่เราจึงเป็นทุกข์ นี่ก็เป็นอุบายที่เราจะค่อยบอกเขาทีละนิด ทีละนิด และยิ่งลูกเล็กๆ นี่ เราก็ยิ่งสามารถที่จะสอนง่าย เราไม่ต้องบอกว่า ลูกทำนั่นนะ ทำอย่างที่แม่บอกแล้วลูกจะได้รางวัล เราเพียงแต่ว่านี่ลูกลองทำอย่างนี้สิ นี่ลูกเห็นว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ลูกควรทำหรือเปล่า หน้าที่ของลูกหรือเปล่าที่ลูกควรทำหรือเปล่า เช่นหน้าที่ในฐานะเป็นนักเรียนลูกควรทำอะไร ครูสอนอะไรมา วันนี้มีการบ้านอะไร สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ลูกควรทำหรือเปล่า และก็ทำก่อนสิ่งอื่น เช่นการดูทีวีหรือเปล่า ถ้าลูกเห็นด้วยลูกก็ทำตาม พอลูกทำตามวันที่ลูกไปโรงเรียน วันนี้เป็นยังไงการบ้านที่ลูกทำเสร็จแล้ววันนี้เป็นยังไง นี่เห็นไหมลูกก็อิ่มอกอิ่มใจเองว่าลูกทำถูกต้อง คุณครูก็ไม่ต้องว่า เพื่อนก็ไม่ต้องมีใครมาหัวเราะ นี่เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจะทำในชีวิตประจำวัน และนี่คือรางวัล รางวัลที่ลูกได้ดี รางวัลนี่คือความอิ่มใจ และก็พอใจและก็ภูมิใจในตัวของตัวเองได้ และสิ่งนี้คือสิ่งที่จะสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นแก่ในชีวิตของลูกหรือของเด็กแต่ละคน ทีละน้อย ฉะนั้นฝึกทำหน้าที่เพราะยิ่งทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้องมากขึ้นเท่าไรโดยไม่ต้องหวัง ชีวิตก็จะยิ่งมีแต่ความมั่นใจมีความมั่นคงที่จะยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเมื่อได้ลูกก็จงเลี้ยงลูกให้เป็น คืออย่าเลี้ยงด้วยวัตถุอย่าเลี้ยงด้วยเงินทองแต่เลี้ยงด้วยคำแนะนำที่ถูกต้อง คำแนะนำการอบรมที่ถูกต้องที่ ท่านมีคำกล่าวกันว่าไม่ใช่รักหรือไม่ใช่เมตตาลูกจนกระทั่งปล่อยให้ลูกตกเหวคือไม่ใช่หมายความว่าไม่ใช่รัก จนกระทั่งปล่อยให้ลูกนี่ตายเหมือนอย่างที่มีนิทานสั้นๆ เล่าถึงพวกกินรีกินนรกินรีไปได้เด็กมา เด็กมนุษย์ ก็รักมาก รักมาก และก็เอาใจใส่ทะนุถนอมทุกอย่าง มีอะไรหามาให้กินทุกอย่างแต่เด็กนั่นเป็นทารกมันก็ต้องกินนมก่อน แต่นี่ไม่มีนมจะให้กิน ก็รัก มีอะไรเอามาให้สารพัดป้อนหมดทุกอย่าง แต่ผลที่สุดเด็กนั่นก็ตาย ตายด้วยความรัก ตายเพราะความรัก เพราะอะไร เพราะให้สิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือสิ่งที่กินไม่ได้น่ะให้กิน แต่สิ่งที่ต้องกินได้เพื่อให้เจริญเติบโตไม่ได้ให้ เพราะฉะนั้นอย่างนี้เขาเรียกว่าตายเพราะความรัก ตายเพราะความเมตตา แต่เป็นความเมตตาที่ผิด เมตตาด้วยอวิชชาหรือความรักด้วยอวิชชา เพราะฉะนั้น ยามจะได้ได้ให้เป็นไม่เป็นทุกข์ ไม่ว่าจะได้อะไรทั้งนั้น เป็นวัตถุสิ่งของ เป็นบุคคล เป็นสิ่งมีชีวิต ก็จงใช้มันให้เป็น เลี้ยงมันให้เป็น โดยเฉพาะได้ลูกเลี้ยงลูกให้เป็น และสวรรค์ของพ่อแม่ก็อยู่ตรงนี้เองโดยพ่อแม่ต้องเป็นผู้ที่เบิกทางสวรรค์ให้แก่ลูกเสียก่อนแล้วลูกก็จะได้เป็นผู้นำพ่อแม่สู่ทางสวรรค์ต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ : สมมติว่าลูกรบเร้าอยากจะได้ พ่อแม่ก็ไม่มีปัญญาจะซื้อหาให้ อย่างนี้ เมื่ออาจารย์บอกไม่ให้เลี้ยงลูกด้วยเงิน เลี้ยงลูกด้วยน้ำใจ พ่อแม่ควรจะตัดสินใจอย่างไรในกรณีอย่างนี้
อุบาสิกา คุณรัญจวน: อันนี้มันขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่จะต้องเริ่มฝึกลูกตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ อยู่ ถ้าสมมติว่าตามใจลูกมาจนกระทั่งลูกโตเข้าวัยรุ่น แล้วมาเอาล่ะตอนนี้ฉันไม่ให้ก็แน่นอนที่สุด ลูกจะต้องดิ้นรนต่อสู้ปฏิกิริยารุนแรง ก็ต้องมีศิลปะมากขึ้น ก็ต้องผ่อนทีละน้อยละน้อย เพราะฉะนั้นการฝึกนี่เรียกว่าต้องฝึกตั้งแต่ลูกนี่รู้ความเพื่อให้ลูกเข้าใจ แทนที่ว่าพอลูกรู้ความเราจะช่วยเขาทุกอย่าง พ่อแม่จะทำอะไรต่ออะไรให้ลูกหมดทุกอย่างเลย ลูกนี่ไม่ต้องแตะอะไรทำอะไรไม่ได้เลย นี่ทำให้ลูกเป็นง่อยแล้วเห็นไหมเป็นอัมพาตทำอะไรไม่ได้ เสร็จแล้วลูกก็จะมีแต่ความเรียกร้อง เรียกร้องนู่น เรียกร้องนี่ นี่ล่ะคือการสอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัว และก็ส่งเสริมอัตตาความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน โตขึ้น โตขึ้นจนกระทั่งจมไม่ลง ไปที่ไหนก็เบ่งคับฟ้าและระวังมันจะแตกเหมือนอย่างอึ่งอ่างที่พองเต็มที่ นี่คือสอนให้ลูกไปนรกรู้ไหม สอนให้ลูกไปนรกโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะความรักด้วยอวิชชา ความรักที่มันอยู่ในอำนาจของอวิชชาและพอเสร็จแล้วพอลูกเติบโตขึ้น ไม่เป็นไปอย่างใจเพราะว่าสอนลูกให้เป็นง่อยตั้งแต่เล็กๆ นี่ รับใช้หมดทุกอย่างพอโตขึ้นลูกก็ชี้นิ้ว ชี้นิ้วกับพ่อแม่ พ่อแม่แก่แค่ไหนก็ยังชี้นิ้ว พ่อแม่ก็งก งก งก ทำให้ลูกอย่างที่ใครๆ เขามองเห็นแล้วแสนจะน่าสงสารแล้วก็มานึกทำไมลูกฉันเป็นอย่างนี้ ทำไมลูกฉันเป็นอย่างนี้ ก็เพราะฉันเลี้ยงเขามาอย่างนี้เขาจึงเป็นอย่างนี้ บางท่านก็บอกว่าเลี้ยงอย่างชนิดที่ว่าฉันอาทรเอาใจใส่เขาทุกอย่าง ก็อาจจะจริง แต่ในขณะเดียวกันที่อาทรเอาใจใส่เขาทุกอย่างได้มองดูด้วยหรือเปล่าว่าสิ่งแวดล้อมที่เขาจะต้องพบต้องประสบต่อไปข้างหน้า หรือในขณะที่สิ่งแวดล้อมที่เขาพบในขณะของเขาชั่วขณะๆ นี้ สิ่งแวดล้อมนั้นเป็นอย่างไร เขาได้พบบุคคลที่เป็นกัลยาณมิตรหรือเปล่า หรือว่าเขาต้องไปอยู่กับคนพาลที่เป็นพาลชน พาลชนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นคน ไม่ได้หมายความว่าคนหัวไม้ ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนหัวไม้ แต่คำว่าพาลนี่หมายความว่าปัญญาอ่อน คนไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีปัญญา หรือพูดง่ายก็คือคนโง่ ก็ย่อมทำอะไรผิดบ้างถูกบ้าง และมักจะผิดมากกว่าถูก ถ้าเราปล่อยให้ลูกของเราไปอยู่ในวงของคนเช่นนั้น หรือได้คนเช่นนั้นมาเป็นเพื่อน ก็แน่นอนที่สุดพากันไปสำมะเลเทเมา เล่นอบายมุขตกอยู่ภายใต้อบายมุขและก็ทำอะไรต่ออะไรต่างๆ หลายๆ อย่างที่ล้วนแล้วแต่เป็นการทำร้ายตัวเอง เบียดเบียนสังคม เบียดเบียนพ่อแม่ ไปที่ไหนก็นำความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เพราะฉะนั้นการที่ว่าพ่อแม่จะรักใคร่มีให้กินมีให้อยู่ ไต่ถามดูแลทุกข์สุขดูแลยามเจ็บไข้เท่านั้นไม่พอ จะต้องดูต่อไปจนกระทั่งเป็นเพื่อนของลูก เป็นเพื่อนของลูกอยู่ทุกขณะ เพื่อจะได้ดูว่าใครคือเพื่อนของลูกและพ่อแม่นี่แหละถ้าเป็นเพื่อนของลูกได้ ย่อมจะต้องเป็นกัลยาณมิตรที่ดีและลูกก็จะรู้จักเลือกเอง แต่ในขณะเดียวกันไม่ผลักเพื่อนของลูกออกไปไกล แต่ควรจะเอาเพื่อนของลูกเข้ามาใกล้เรา เราจะได้รู้ว่าลูกเราคบเพื่อนอย่างไร และก็เพื่อนๆ มันก็ลูกคนอื่น ลูกของเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน พ่อแม่ที่มีน้ำใจเผื่อแผ่ถึงลูกของคนอื่น นี่ก็เป็นการทำกุศลอย่างยิ่งเลย และในขณะเดียวกันก็ได้ช่วยอบรมบ่มนิสัยที่จะแนะนำให้ลูกของเรานี่มาอยู่ในหนทางที่ถูกต้องได้
เพราะฉะนั้นการที่ได้ลูกมาแล้วก็จะให้ลูกได้นำสวรรค์ให้พ่อแม่ พ่อแม่ต้องอดทนอดกลั้นเสียสละอย่างยิ่งเลย เพราะฉะนั้นท่านจึงบอกว่าพ่อแม่นี่เป็นเสมือนพระอรหันต์ของลูกอย่างที่ท่านกล่าวว่า จะแบกมีบ่า 2 บ่านี่แบกพ่อแม่เอาไว้บนบ่านี่ตลอดวันตลอดคืนกี่ปีกี่ชาติก็ยังไม่เพียงพอแก่การทดแทนพระคุณ เพราะฉะนั้นลูกคนใดที่โชคดีมหาศาลที่ได้อยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฎฐิ มีพ่อแม่ที่เป็นสัมมาทิฎฐิ ได้รับการสนองกล่อมเกลี้ยงจนกระทั่งเป็นผู้รู้ผิดรู้ถูก สามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างถูกต้องในฐานะเป็นมนุษย์ก็จงรู้เถอะว่านี่เพราะเราได้อยู่กับพระอรหันต์ได้รับความกรุณาเมตตาเลี้ยงดูจากผู้เป็นพระอรหันต์ ฉะนั้นหน้าที่ของลูกก็คือต้องกตัญญู กตัญญูจนถึงที่สุดนั่นเอง แต่ถ้าหากว่าเราเผอิญไม่ได้อยู่กับพระอรหันต์ อย่างไรเสีย การที่เรามีความสามารถมีร่างกายที่จะอยู่ในโลกนี้มีจิตใจที่นึกถึงคนอื่นมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ก็มาจากคนที่ชื่อได้ว่าพ่อแม่ก็ยังมีหน้าที่กตัญญูอยู่ดี และเช่นนี้สวรรค์ก็จะเกิดขึ้นแก่ทั้งผู้ที่เป็นพ่อแม่และผู้ที่เป็นลูก ถ้าเราจะได้ให้เป็น ลูกที่มีพ่อแม่คือได้พ่อแม่ก็นับเป็นกุศล พ่อแม่ที่ได้ลูกก็นับว่าเป็นกุศลเพียงแต่ว่ารู้จักทำให้ถูกต้องแล้วก็ได้ให้เป็นเท่านี้เองสวรรค์อยู่ตรงนี้ สวรรค์จะเกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย วันนี้เราก็จบเรื่องสวรรค์หวังว่าเราก็จะได้มีความสุขร่วมกันนะคะ ธรรมสวัสดีค่ะ