แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้ดำเนินรายการ: ขอเริ่มปัญหาแรกนะครับ ซึ่งท่านผู้ชมได้เขียนมาถามว่า มีลูกซึ่งติดยาเสพติดและก็เลิกไปแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า เขาเลิกไปหรือไม่ ดูไม่ค่อยออกว่าเลิกไปหรือไม่ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะใหญ่โตมากทีเดียว พ่อแม่รักลูก อยากจะช่วยลูกเรื่องนี้ ถามท่านอาจารย์ คุณรัญจวน อินทรกำแหง กันนะครับว่าจะให้พ่อแม่ทำอย่างไรดีในเมื่อลูกติดยาเสพติด
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ที่จริงก็เป็นปัญหาใหญ่ แต่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นผล ที่มันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า อยากจะเรียนว่า ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคนไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์ ควรที่จะได้ให้ความใกล้ชิดแก่ลูกหลาน ลูกศิษย์เสียตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องมาแก้ปัญหาในตอนท้าย เพราะฉะนั้นอันนี้เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้วอย่างนี้ ข้อแรกทีเดียว อยากจะขอให้ท่านผู้เป็นบิดามารดาลองถามตัวเองว่ามีความเห็นใจลูกหรือเปล่า หรือมีแต่ความโกรธแค้นที่ลูกไปทำสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้ทำ และก็ถือว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายเสียหาย เพราะฉะนั้น ข้อแรกก็อยากจะขอร้องว่า อย่าไปนึกถึงความผิดพลาด หรืออย่าไปนึกถึงว่าลูกไม่ได้เอาใจใส่ตามที่พ่อแม่สั่งสอนเลย ตอนนี้เป็นตอนที่ลูกจะรู้พระคุณของพ่อแม่อย่างที่สุด ถ้าพ่อแม่สามารถให้ความเห็นอกเห็นใจแก่ลูก เพราะฉะนั้นถ้าอาศัยความเห็นใจที่พ่อแม่ทุ่มเทให้แก่ลูกด้วยความรัก ด้วยความรู้สึกเข้าใจว่าที่ลูกประสบปัญหาอย่างนี้แล้วลูกก็ไม่สบาย ลูกอาจจะเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดของพ่อแม่มีมากยิ่งกว่าของลูกอีกด้วย
ถ้าพ่อแม่สามารถทำให้ลูกรู้สึก สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันนี้ เชื่อว่าลูกจะมีน้ำใจ มีน้ำใจที่อยากจะแก้ไขตัวเอง และก็มีกำลังใจ เพราะรู้ว่าการกระทำอย่างนี้ นอกจากตัวเองจะได้รับผลร้ายของการกระทำแล้ว ก็ยังทำให้พ่อแม่มีความเสียใจเศร้าหมอง และก็เป็นทุกข์กับเราด้วย โดยพ่อแม่ไม่ได้ซ้ำเติม เพราะการซ้ำเติมลูกในตอนนี้มันก็ไม่เป็นผลอะไรเกิดขึ้น คือไม่เป็นผลดีอะไร เพราะฉะนั้นก็ควรจะ เริ่มโดยการให้ความเห็นใจ ให้ลูกแน่ใจว่าพ่อแม่เป็นเหมือนกับเป็นคนเดียวกับเรา มีความทุกข์ มีความเจ็บปวดเหมือนกับเรา แล้วลูกก็จะมีกำลังใจที่จะรับการรักษาตามที่พ่อแม่จะแนะนำ หรือว่าจะพาไป ช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างไร
จากคำถามที่ถามมาว่า พ่อแม่พูดว่า ลูกรับว่าจะรักษา และรับว่าจะอด แต่ผลที่สุดดูๆ ไปก็ไม่รู้ว่าเลิกหรือไม่เลิก นี่มันแสดงถึงความห่างไกล ความห่างไกลระหว่างพ่อแม่กับลูก พ่อแม่กับลูกไม่ได้เข้าใกล้กัน เพราะฉะนั้นจึงสังเกตไม่ได้เลยว่าลูกเลิกหรือไม่เลิก เลิกแล้วหรือยัง
ผู้ดำเนินรายการ: น่าเห็นใจพ่อแม่ ไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแล
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ใช่ข้อแก้ตัว สำหรับครูนะ ครูไม่รับว่านี่เป็นข้อแก้ตัว ในเมื่อเราอยากจะเป็นพ่ออยากจะเป็นแม่ เพราะหน้าที่ของพ่อแม่ไม่ใช่เพียงแต่ทำให้คนๆ หนึ่ง เกิดมาเท่านั้น การที่ทำให้คนๆ หนึ่งเกิดมา มันของกล้วยๆ มากเลย มันของง่าย ของธรรมดา สัตว์โลกทั้งหลายก็เป็นกัน ถ้าจะพูดอย่างนี้ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของคนที่เป็นพ่อแม่มันต้องมากยิ่งกว่านั้น ถ้าหากว่าเราต้องการจะเป็นพ่อแม่แล้วเราก็อยากจะมีลูก เพราฉะนั้นจะแก้ตัวว่า "ไม่มีเวลา" ไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด สองคน พ่อกับแม่ จะต้องตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้แบ่งเวลาให้แก่ลูกได้บ้าง ถ้าสมมติจะมาอ้างว่ารายได้เราน้อย เราต้องทำงานสองคน ทำงานคนเดียวจะไม่พอกิน ก็ต้องมีการตกลงกันว่า ตอนไหน เวลาไหนที่พ่อ จะพอผ่อนเบาจากการงานมาอยู่ช่วยดูแลลูกคือใกล้ชิดกับลูกแล้วก็สลับเปลี่ยนกันกับแม่ ไม่ใช่ทั้งสองคนเอาแต่งานเป็นใหญ่ และก็วิ่งเข้าหางานแล้วก็ทิ้งลูกไว้บ้าน ถ้าทิ้งลูกไว้บ้านลูกก็ว้าเหว่เปล่าเปลี่ยวเพราะเขายังเด็กนี่คะ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปหาที่ ใครเป็นที่ปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาขึ้น แม้แต่ปัญหากล้วยๆ เล็กๆ เช่น โกรธกับเพื่อน เพื่อนรังแก และก็เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง และก็แหมมันเหนื่อย งานมันมากในการเรียนอย่างนี้ ผู้ใหญ่อาจจะบอกว่ามันธรรมดา เพราะผู้ใหญ่ผ่านมาแล้วก็เห็นเป็นธรรมดา แต่เด็กเขาเพิ่งจะได้ผ่าน เขาเพิ่งจะพบ เขารู้สึกยากมาก เพราะฉะนั้นพ่อแม่จะแก้ตัวว่า ไม่มีเวลาให้ลูก ไม่ใช่คำแก้ตัวที่น่าฟังของคนที่เป็นพ่อแม่ถ้าหากว่าแก้ตัวว่า ไม่มีเวลาแล้วผลเกิดขึ้นอย่างนี้ จะมาร้องทุกข์กับใคร
ผู้ดำเนินรายการ: น่าจะเศร้าใจอยู่ครับทุกวันนี้
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เศร้าใจก็ไม่มีผล อย่าลืมนึกถึง “กฎอิทัปปัจจยตา” เห็นไหมคะกฎอิทัปปัจจยตานี่มันเกี่ยวข้องกับชีวิต เพราะพ่อแม่อ้างว่าไม่มีเวลา นี่เป็นเหตุปัจจัย นี่ง่ายๆ เลยนะ เหตุปัจจัยเฉพาะหน้าจะพูดถึง เหตุปัจจัยเพราะพ่อแม่ไม่มีเวลา เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องทำอะไรๆ ไปตามความคิดของลูกซึ่งบางทีก็ถูก บางทีก็ไม่ถูก บางทีก็โง่ บางทีก็ฉลาดตามเหตุปัจจัยอีกเหมือนกัน แล้วจากการกระทำที่ถูกบ้าง ผิดบ้าง ผลมันก็คือ บางครั้งผิดมากกว่าถูก เพราะอะไร? ก็เพราะมันมีเหตุปัจจัยที่ยั่วยวน ยั่วยุในสังคม อย่างที่เราเคยพูดกันมาแล้ว วัตถุนิยม ที่มันเร่งเร้า ความโลภ โกรธ หลงของเด็กๆ ให้เกิดขึ้น อยากจะได้ อยากจะมีเหมือนเพื่อน และก็เมื่อไม่ได้ ไม่มี ก็ใช้วิธีไปจี้เขาก็มี ขนาดเด็กๆ ไปปล้นเขาก็มี หรือบางทีก็ใช้วิธีหลบหนีความจริงด้วยการเข้าหาสิ่งเสพติด หรือบางทีก็เป็นเพราะว่าอยากทดลอง เขาบอกลองดูเถอะ แหมเหมือนสวรรค์เลย เพราะตอนนั้นมันลืม ลืมความเป็นจริง นี่คือผลที่เกิดขึ้น เพราะพ่อแม่ไม่ได้นึกถึงเหตุปัจจัยที่เราไม่มีเวลาให้ลูก
ผู้ดำเนินรายการ: เพราฉะนั้นจะต้องหาเวลาให้ลูกให้มาก
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ค่ะ จะต้องพูดกันอีก
ผู้ดำเนินรายการ: ท่านผู้ชมครับ ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน ได้บอกว่า เมื่อลูกมีปัญหา พ่อแม่ต้องมีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับลูก แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราพบในสังคมเมืองก็คือว่า พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ท่านอาจารย์คุณรัญจวนบอกว่า ไม่ใช่เรื่องเป็นข้อแก้ตัว ถ้าอย่างนั้นจะให้พ่อแม่ทำอย่างไรกันดีต่อไป คงต้องขอให้ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน อินทรกำแหง ได้ตอบให้เราทราบกันต่อไปครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ควรรับฟัง เพราะถ้าหากว่าเรารู้ว่าเราจะไม่มีเวลาให้แก่ลูกก็ไม่ควรจะมีลูก นี่พูดจริงๆ นะคะ เพราะว่าปัญหาทุกวันนี้ที่เกิดขึ้นในครอบครัว หรือว่าในโรงเรียน หรือว่าในสังคมทั่วไป ถ้าไปสืบสวนดูเถิดว่า ตัวผู้ที่เป็นปัญหาทั้งหลายนี่ มันมาจากอะไร? ก็จะพบว่ามาจากเหตุปัจจัยของครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น ว้าเหว่ บางทีก็เป็นครอบครัวที่แตกแยก เหมือนอย่างเรื่อง เวลาในขวดแก้ว นั่นน่ะ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเลย ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน กลุ่มของหนิง นัท ชัย...ล้วนแล้วมาจากครอบครัวที่แตกแยก ขาดความอบอุ่น ระเหเร่ร่อนกันไป เที่ยวเดินตามห้างสรรพสินค้าหรือ นั่งรถเมล์ตั้งแต่ต้นสายจนปลายสาย โต๋เต๋อย่างไม่มีจุดหมายไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แล้วชีวิตก็ค่อยๆ เฉาไป อับไป ไม่มีสาระ
เพราะฉะนั้นหน้าที่ของความเป็นพ่อเป็นแม่นี่ เป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มาก จนกระทั่งในทางธรรม ท่านถึงได้ยกว่า ผู้ที่เป็นพ่อแม่นี่คือพระอรหันต์ของลูก ซึ่งไม่ใช่ของเล่นๆ นะคะ ของสูงทีเดียว อย่างที่ท่านจะสอนว่าถ้าเด็กคนไหนอยากจะไปวัด แล้วไม่มีเวลา อยากจะไปหาพระไม่มีเวลา ก็มีพระอยู่ที่บ้านแล้ว มีพ่อมีแม่นั่นแหละเป็นพระอยู่ที่บ้าน กราบไหว้พ่อแม่ เคารพ ยกย่องบูชา ทำตามคำของพ่อแม่ นี่คือการกราบพระ ไหว้พระที่เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง นี่เห็นไหมว่า หน้าที่ความรับผิดชอบของพ่อแม่ยิ่งใหญ่แค่ไหน แล้วเรามาปฏิเสธความยิ่งใหญ่กลับทำให้มันเป็นความต่ำต้อยที่ก่อให้เกิดปัญหา แล้วสมควรหรือ เพราะว่าลูกเขาเกิดมาเขาก็ต้องหวังพึ่งพ่อแม่ จริงล่ะถ้าพ่อแม่อุตส่าห์ออกไปทำงานหาเงินมาให้ลูก มีเงินให้ มีบ้านให้อยู่ มีของให้กิน มีเงินให้ใช้ และก็ส่งเข้าโรงเรียนดีๆ ได้ แต่ว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก ผลเป็นอย่างไร ก็เหมือนเรื่อง “เหยื่อ” ของ โบตั๋น นี่คือลักษณะเดียวกัน เพราะเอาเงินเลี้ยงลูก เงินมันพูดไม่ได้ เงินมันกระด้าง มันสอนอบรมไม่ได้
ผู้ดำเนินรายการ: มันให้ความรักไม่ได้
อุบาสิกา คุณรัญจวน: ใช่ เพราะฉะนั้นลูกไม่ต้องการ ฉะนั้นจึงอยากจะพูดจากความจริงใจ หน้าที่ของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ และถ้าผู้ใดรู้สึกว่าไม่สามารถจะให้เวลาแก่ลูกได้ ก็อย่าทำบาปเลย อย่าทำบาปด้วยการมีลูก จะมีรักจะมีอะไรก็มีไป แต่อย่ามีลูก เพราะถ้ามีลูกออกมาแล้วนี่ ลูกเรียกร้องต้องการ บางทีก็มีคนอื่นเข้ามาช่วยดูแลให้ความรักใคร่ แต่โดยสัญชาตญาณของเด็กอยากจะโหยหาความรักจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ที่แท้จริง ทั้งๆ ที่บางทีเราจะพบเด็กบางคนที่เขารับเป็นลูกบุญธรรม ได้อยู่เย็นเป็นสุข เขาก็เลี้ยงดูอย่างดี การศึกษาดี ไม่อดไม่อยาก แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ยังอยากตะเกียกตะกายไปหาพ่อแม่แท้ๆ ของเขา นี่เป็นสัญชาตญาณ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถจะมีเวลาเพื่อจะดูแลลูกได้ ก็จงอย่ามีลูก แต่เมื่อมีขึ้นแล้วต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่ถูกต้อง นั่นคือการให้เวลาแก่ลูก ให้ความรัก ให้ความอบอุ่น ให้คำแนะนำ ให้ปรึกษา เป็นเพื่อนกับลูก ถ้าหากพ่อแม่ที่เป็นเพื่อนกับลูกแล้วช่องว่างไม่มี
ผู้ดำเนินรายการ: เป็นเพื่อนแบบไหนครับ
อุบาสิกา คุณรัญจวน: เป็นเพื่อนก็คือ รับรู้ รับรู้ความทุกข์ ความสุข รับรู้ปัญหาของลูก เหมือนอย่างที่ลูกทำไมเขาถึงวิ่งไปหาเพื่อน โดยเฉพาะเด็กที่พอเริ่มเข้าวัยรุ่นก็ไปหาเพื่อน เพราะเขาบอกว่าเขาคุยกับพ่อแม่ไม่รู้เรื่อง นอกจากว่าคุยไม่รู้เรื่องแล้ว พ่อแม่ยังไม่มีเวลาจะรับฟัง นี่พ่อแม่เสียเปรียบแล้วพ่อแม่ก็มาบ่นว่า ลูกเอาแต่เพื่อน ไม่นึกถึงใจพ่อแม่ ไม่สงสารพ่อแม่ แล้วลูกเขาจะไปเข้าใจได้อย่างไรว่าพ่อแม่ก็ต้องการลูก ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ แล้วพ่อแม่ก็จะบอกว่า พ่อนี่แสนเหนื่อย แม่นี่ก็แสนเหนื่อย ลูกเขาก็ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่เคยได้คุยกัน กินข้าวด้วยกัน อย่างน้อยที่สุดวันหนึ่งควรจะได้กินข้าวด้วยกันสักมื้อหนึ่ง อย่างเช่นมื้อเย็น นั่งล้อมวงกินด้วยกัน แล้วก็ได้คุยกัน ก็เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ปัญหากัน ลูกก็ได้รู้ว่า พ่อแม่นี่เหนื่อยนะที่หาเลี้ยงเรา พ่อแม่มีปัญหาเหมือนกันนะ เรานึกแต่ว่าพ่อแม่สบายเป็นคนควบคุมกระเป๋าของบ้าน เราต้องการต้องไปขอ แต่ความจริงพ่อแม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อความหวังดี แล้วต่างก็จะมีความเห็นใจซึ่งกันและกัน ความใกล้ชิดก็มี เพราะฉะนั้น พ่อแม่ต้องเป็นเพื่อนของลูก แล้วลูกจะไม่วิ่งหนีพ่อแม่ไปหาเพื่อนคนอื่น มีปัญหาเขาก็ต้องกลับมา เพราะฉะนั้นปัญหาที่น่ากลัวเหมือนอย่างลูกไปหลงอบายมุข ติดยาเสพติด มันก็จะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นก็รู้ทันแก้ทันไม่ปล่อยจนกระทั่งมันสายเกินไป
ผู้ดำเนินรายการ: ขอบคุณมากครับ ท่านผู้ชมครับ ถ้าหากว่าพ่อแม่ได้เป็นเพื่อนของลูกนะครับ อยู่ใกล้ชิดลูก ลูกก็จะไม่มีปัญหา นั่นคือคำตอบจาก ท่านอาจารย์ คุณรัญจวน อินทรกำแหง ในเรื่องของปัญหาของพ่อ แม่ ลูก นะครับ