แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีคำถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่ว่าแต่งงานก็เป็นทุกข์ไม่แต่งทุกข์น้อยกว่า แน่นอนทำไมผู้ชายถึงชอบมีบุคคลที่ 3 ที่บอกว่าผู้หญิงคนที่ 3 รักเดียวใจเดียวแต่โรเนียวหลายครั้ง อันนี้ก็เพราะเขาจาคะไม่ได้ เขาไม่มีฆราวาสธรรม 4 เป็นคุณธรรม เขาจาคะความโลภไม่ได้ ตอนแต่งงานก็ว่าเลือกได้ดีแล้ว เลือกตามสัปปุริสธรรมหรือเปล่าต้องย้อนถาม เมื่ออยู่ด้วยกันหลายปีอนิจจังเกิดขึ้นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ ก็ดีแล้วนะคะดีแล้วที่รู้อนิจจัง จะได้ไม่ต้องเสียใจมากจนชอกช้ำ คู่ครองไม่ซื่อสัตย์ต่อชีวิตคู่ สร้างปัญหาให้ครอบครัว พูดปด เริ่มไม่ซื่อสัตย์เรื่องเงิน ทำให้เราต้องอดทนอย่างมากเพื่อลูก แต่กำลังจะหมดความอดทนแล้ว ท้อใจแล้ว ไม่แนะนำว่าให้แยกกันคือการแก้ปัญหาหรือ ถามว่าดิฉันไม่แนะนำหรือว่าให้แยกกันซะ ไม่แนะนำ แต่แนะนำว่าให้ใช้จิตตภาวนา อานาปานสติที่ปฏิบัติ ปฏิบัติต่อไปเมื่อไปถึงที่บ้านปฏิบัติให้มากให้หนักแน่นยิ่งขึ้นจะได้มีความรู้สึกอยู่ได้อย่างไม่ต้องทน ทีนี้ก็อยากจะพูดถึงตัวอย่างการใช้สัปปุริสธรรมอีกอย่างหนึ่งนะคะ เผื่อจะมองเห็นวิธีการใช้สัปปุริสธรรมได้ชัดขึ้นว่าจะนำมาใช้อย่างไร อันนี้ก็สมมุติว่าสำหรับผู้ที่มีอุดมการณ์อยากจะทำงานเพื่อพัฒนาสังคม อยากจะทำอะไรเพื่อให้สังคมได้อยู่เย็นเป็นสุขยิ่งขึ้น ในใจนึกอย่างนั้นนะคะ เห็นปัญหาสังคมเกิดขึ้น ทีนี้ก่อนที่จะทำก็หยิบเอาเหตุมาพิจารณา ธัมมัญญูก็คือความเป็นผู้รู้จักเหตุ ทำไมถึงจะต้องพัฒนาสังคม พัฒนาสังคมเพื่ออะไร มีจุดมุ่งหมายอย่างไร แล้วก็มีหลักการที่จะพัฒนาสังคมอย่างไร ที่ถามว่าอย่างไรเพื่ออะไร นี่ก็คือหมายความว่าเพื่อผลอะไรที่จะเกิดขึ้น แล้วก็จะทำอย่างไรคือจะมีหลักการที่ต้องพิจารณาอย่างไรทำเพื่ออะไร ก็เพื่อพัฒนาคุณธรรมให้เกิดขึ้นในจิตใจของสมาชิกของสังคมให้เป็นสังคมคุณธรรม เป็นสังคมของมนุษย์ที่มีใจสูง ที่เราอยากจะพัฒนาเพราะรู้สึกว่าคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ก็อยากให้มีใจสูงคือใจที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว นี่คือผล ที่ว่าเหตุที่จะทำก็เพราะว่าขาดคุณธรรม มีการเบียดเบียนแก่งแย่งประทุษร้ายซึ่งกันซึ่งกัน ผลคือถ้าทำได้ก็จะได้เป็นสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุขนะคะ ทีนี้องค์ประกอบที่ต้องพิจารณาร่วมกันกับเหตุที่ต้องพัฒนา ซึ่งมีหลายเหตุหลายปัจจัยที่จะต้องพัฒนา จะต้องนำอะไรมาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้หลักการในการที่จะพัฒนามันดูมีหลักการที่มั่นคงถูกต้องนะคะ องค์ประกอบเช่น การศึกษา
ถ้าเรามองดูว่าการการพัฒนาคุณธรรมใช้อะไรเป็นหลัก เราไม่สามารถจะไปเรียกครอบครัวแต่ละครอบครัวมาพัฒนาคุณธรรมทั้งหมด จะไปเรียกแม่แต่ละคนพ่อแต่ละคนมันก็ไม่รู้กี่ล้าน ทำไม่ได้คือทำได้ยาก นอกจากจะแยกกลุ่มกันไปทำด้วยวิธีการอื่น แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอย่างพร้อมเพรียงกัน ถ้าเป็นการพัฒนาคุณธรรมอย่างมีรากฐานก็มองที่การศึกษา ทำอย่างไรถึงจะให้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายของการศึกษาที่ถูกต้องอย่างที่เราพูดกันแล้วในตอนต้น นั่นก็คือการสอนเพื่อพัฒนาคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง คือปราศจากความเห็นแก่ตัว เราก็มองดูไปที่การศึกษา ซึ่งจะไม่พูดมากนะคะเพราะได้พูดมามากแล้วในตอนต้น อุปกรณ์ที่ 2 ก็คือโรงเรียนที่เป็นสถานที่ให้การศึกษาตั้งแต่เด็กเล็กอนุบาลขึ้นมาถึงประถมมัธยม ก็ต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถกระตุ้นลงไปที่โรงเรียน ให้เน้นการให้การศึกษาไปที่ส่งเสริมให้นักเรียนสามารถทำหน้าที่ทุกหน้าที่ได้อย่างถูกต้องโดยไม่ต้องเรียกร้องสิ่งตอบแทน ให้สิ่งตอบแทนมันมาเองตามเหตุปัจจัย นี่ก็คือการฝึกฝนการลดละความเห็นแก่ตัวไปทีละน้อยตามลำดับ แทนที่จะบอกว่าถ้าช่วยทำเก็บขยะให้โรงเรียนจะได้อะไร ถ้าช่วยทำงานให้แก่โรงเรียนจะได้อะไร ก็ลองนึกว่าจะทำอะไรให้แก่โรงเรียนบ้างในเมื่อโรงเรียนเป็นสถานที่ที่พยายามจะให้ทุกอย่างแก่เด็กนักเรียนที่มาเป็นลูกศิษย์ เมื่อไปถึงสถาบันอุดมศึกษาก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบอีกเหมือนกัน ทำอย่างไรจึงจะให้สถาบันอุดมศึกษารับช่วงเป้าหมายของการปลูกฝังคุณธรรมจากโรงเรียน เพราะได้ยินอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางท่านกล่าวว่า เรื่องการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมไม่ใช่หน้าที่ของมหาวิทยาลัย หน้าที่ของมหาวิทยาลัยคือสอนวิชาชีพ สถาบันการศึกษาชั้นสูงนั้นอุดมศึกษานั้นให้วิชาการให้ความรู้ให้เป็นคนเก่ง การพัฒนาคุณธรรมเป็นหน้าที่ของโรงเรียน ถูกต้องไหม ชีวิตของคนอยู่แค่วัยเด็กเท่านั้นหรือ ด้วนอยู่แค่นั้นหรือ ไม่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่เติบโตเป็นปู่ย่าตายายต่อไปข้างหน้าหรือ เพราะฉะะนั้นต้องมองไปที่สถาบันอุดมศึกษาที่จะต้องเป็นองค์ประกอบอีกอย่างหนึ่งด้วย ที่ต้องรับช่วงเป้าหมายของการปลูกฝังคุณธรรมจากโรงเรียน ด้วยการเน้นความสำเร็จที่งดงามของชีวิตมนุษย์อยู่ที่จุดของความไม่เห็นแก่ตัว เน้นให้เห็นว่าความสำเร็จที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์คือการช่วยให้เพื่อนมนุษย์ได้มีโอกาสได้รับความสำเร็จด้วย ให้เขามีโอกาสได้รับน้ำฝนที่บริสุทธิ์ให้ชุ่มชื่นใจด้วยเช่นเดียวกับเราได้รับ ไม่ใช่เราจะเอาคนเดียว แต่ว่าต้องต่อท้ายด้วยว่าตามควรแก่สถานะแห่งตน ตามควรแก่สถานะแห่งตน นี่จะเป็นคำที่จะมาป้องกันการโต้เถียง ทำไมคนโน้นได้เท่านั้นทำไมฉันไม่ได้มั่ง ทำไมตำแหน่งนี้ไม่เห็นให้ฉันเลยให้แต่คนอื่น ตามสถานะแห่งตน
สถานะแห่งตนคืออะไร ก็หมายถึงตามสติปัญญาซึ่งมันไม่ค่อยเท่ากัน ตามความถนัดหรือว่าสุขภาพอนามัยเป็นต้น นี่สถานะแห่งตนที่จะชี้ได้ว่ามันเป็นข้อจำกัด ที่ทำให้คนทุกคนเท่าเทียมกันเหมือนไม้บรรทัดไม่ได้ แต่ให้โอกาสเขาได้ให้โอกาสที่เขาจะได้รับความสำเร็จตามควรแก่สถานะแห่งตนของเขา นี่คือความสำเร็จของชีวิตของมนุษย์ มันเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่สูงส่งมีค่ายิ่งกว่าอะไร ๆ ใช่ไหม ที่เรามองเห็นมนุษย์เรายิ้มได้เป็นสุขได้หลังจากที่มีแต่ความแห้งแล้ง อย่างที่มีละครของภัทราวดีเขาเรื่องหนึ่ง ก็ไม่ได้ไปดูหรอก แต่ว่าได้ยินชื่อแล้วก็ได้ยินเรื่องคร่าว ๆ รู้สึกชอบใจ “เก็บดาวดวงใหม่ไปใส่ฟ้า” ใครไปดูบ้างก็ไม่ทราบ นั่นแหละเป็นวิธีการแสดงถึงความสำเร็จของชีวิตของมนุษย์คือการเปิดโอกาสให้แก่ผู้อื่นได้มีโอกาสบ้าง คนข้างหลังที่ตามมาได้มีโอกาสบ้าง คนที่อยู่ในสังคมเดียวกันได้มีโอกาสบ้างตามสถานะแห่งตน อย่าครองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียอย่างเดียวจนตลอดไม่มีวันเกษียณ นอกจากนี้องค์ประกอบที่สำคัญอีกก็คือครอบครัว จะปลูกฝังความสำนึกในการทำหน้าที่ให้ถูกต้องเสียตั้งแต่เพิ่งรู้ความ พ่อแม่ที่จะเลี้ยงลูกอยากให้ลูกมีสัมมาทิฐิ ปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของชีวิตอยู่ที่ความไม่เห็นแก่ตัว ความที่มีน้ำใจต่อผู้อื่น แต่หนังสือเรื่องใดหรือว่าสื่อมวลชนอันใดที่จะเสนอเรื่องนี้มันไม่ค่อยดัง อย่างมีหนังสือเรื่องหนึ่งที่เขาเขียน “เรื่องบ้านพิลึก” ได้อ่านบ้างหรือเปล่า แล้วได้ทราบว่าเขานำมาทำเป็นละครโทรทัศน์ ดิฉันมีโอกาสได้อ่าน บ้านพิลึก ที่มันพิลึกนั่นน่ะเพราะมันไม่ตามค่านิยมของสังคมเช่น เขาเห็นว่าเกียรติยศคือการต้องแต่งตัวตามแฟชั่น ทั้งที่แต่งบางทีเราก็ต้องเดินกระมิดกระเมี้ยน เดินอย่างสง่าผ่าเผยก็ไม่ได้แต่ก็แต่งตามเขาไปเพื่อให้มันตามแฟชั่น นั่นคือตามค่านิยม แต่บ้านนี้เขาไม่ต้องทำอย่างนั้น อะไรที่จะทำให้เกิดความสะดวกสบายสุภาพในการตกแต่งเขาก็ใช้ผ้านุ่งผ้าถุงเขาก็ใช้ เขาไม่ต้องทำสนามเขาให้เป็นสนามสวยแต่เขาใช้สนามเขานั้นเป็นสนามผัก เป็นสนามปลูกไม้ผล รั้วก็เป็นรั้วปลูกไม้ที่จะกินได้ เพื่อประโยชน์ในการประหยัดและเกิดประโยชน์กับสุขภาพของครอบครัว นี่คือความพิลึกที่ไม่เหมือนเพื่อนบ้าน ในขณะที่เพื่อนบ้านเขาใช้ดูวีดีโอดูโทรทัศน์หรือว่าเล่นเกมอะไรต่ออะไรต่าง ๆ เกมของบ้านนี้ก็คือหนังสือ มีหนังสือมากมายก่ายกอง ลูกหลานมีความสุขกันด้วยการอ่านหนังสือหาความรู้และมีเวลาที่จะกินข้าวร่วมกันพ่อแม่ลูก แล้วก็พูดจาสนทนากันในเรื่องนี้ เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคล แล้วก็มีอะไร ๆ อีกที่สังคมเดี๋ยวนี้ในครอบครัวสังคมเดี๋ยวนี้ไม่มีเวลาให้แก่ลูกของตน นี่เองคือสถาบันของครอบครัวที่ควรจะปลูกฝังความสำนึกในการทำหน้าที่ให้ถูกต้องเสียตั้งแต่เริ่มรู้ความ ด้วยการรู้จักคุณค่าของชีวิตว่าอยู่ที่ความไม่เห็นแก่ตัวมีน้ำใจต่อผู้อื่น แล้วก็อีกเยอะนะคะที่ได้พูดไปแล้วก็สรุปรวมลงมาได้ในเรื่องนี้