แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
เจริญพรท่านผู้สนใจการเจริญภาวนาทุกท่าน วันนี้ก็จะได้พูดในหัวข้อต่อไป ซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่ คือเรื่องหลักการทั่วไปของสติปัฏฐาน หัวข้อนี้ก็สืบเนื่องมาจากหัวข้อก่อนที่ได้พูดไปในคราวที่แล้ว คือเรื่อง จากจิตตภาวนาสู่ปัญญาภาวนาตามวิธี
สติปัฏฐาน
หัวข้อนั้นก็มีความหมายซึ่งเป็นลำดับอยู่ว่า จากจิตตภาวนาก็มาสู่ปัญญาภาวนา และปัญญาภาวนานั้นก็เป็นไปตามวิธีสติปัฏฐาน ในเมื่อได้พูดได้เห็นมาตามลำดับ จากจิตตภาวนามาถึงปัญญาภาวนา ทีนี้ก็มาถึงตอนของปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐาน เราก็เลยจะมาพูดกันถึงเรื่อง หลักการทั่วไปของสติปัฏฐานนั้น เพื่อให้การเจริญปัญญาภาวนาตามวิธีของสติปัฏฐานชัดเจน
อย่างไรก็ตาม อาตมาก็จะให้ข้อสังเกต เกี่ยวกับความหมายของหัวข้อเรื่องสักหน่อย คือ หัวข้อเรื่องเก่าที่ว่า จากจิตตภาวนาสู่ปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐานนั้น เราเข้าใจกันเป็นว่า จากจิตตภาวนามาสู่ปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐาน หมาย ความว่าเราพูดถึงวิธีจิตตภาวนาที่เรียกว่าสมถะ จบแล้วเราก็ออกจากจิตตภาวนานั้นมาสู่ปัญญาภาวนา และปัญญาภาวนานี้ตามวิธีสติปัฏฐาน
ตามความหมายนี้ก็เท่ากับว่า สติปัฏฐานนี้เป็นเรื่องของปัญญาภาวนา อันนี้เป็นความหมายอย่างที่เราเข้าใจกัน แต่ว่าเราอาจจะให้ความหมายใหม่ได้
ความหมายใหม่นี้ก็คือว่า ที่จริงนั้น สติปัฏฐานใช้ได้ทั้งจิตตภาวนาและปัญญาภาวนา หมายความว่าสติปัฏฐานเป็นวิธีการที่ใช้ปฏิบัติได้ทั้งสมถะและวิปัสสนา หรือว่ามีสมถะและวิปัสสนาอยู่ด้วยกัน บำเพ็ญไปด้วยกันได้ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เราก็จะต้องให้ความหมายของหัวข้อที่ผ่านไปแล้วนี้ใหม่ แทนที่จะเข้าใจเป็นว่า ”จากนั้น” เป็น “ออกจาก” ออกจากจิตตภาวนามาสู่ปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐาน เราก็ให้ความหมายของคำว่า “จากนั้น” เป็นว่า “ตั้งแต่” ก็จะได้ความหมายใหม่ว่า ตั้งแต่จิตตภาวนาจนถึงปัญญาภาวนาตามวิธีสติปัฏฐาน หมายความว่าใช้วิธีสติปัฏฐานหมด ตั้งแต่เรื่องจิตตภาวนามาจนถึงปัญญาภาวนา
อันนี้ก็เป็นการที่จะเรียกว่าเล่นคำกันก็ได้ ก็ตีความหมายซะใหม่ เป็นอันว่าในที่นี้ เราอาจจะเหมือนกับพูดในหัวข้อเดิมนั่นเอง คือ วิธีปฏิบัติตั้งแต่จิตตภาวนามาจนถึงปัญญาภาวนาตามหลักสติปัฏฐาน เอาหล่ะ จะเข้าใจตามความหมายเดิมหรือความหมายใหม่ก็ตาม ก็ให้รู้ว่า สติปัฏฐานนี้ ใช้ได้ทั้งจิตตภาวนาและปัญญาภาวนาพร้อมในตัว แล้วเราก็จะได้ดูเรื่องนี้ต่อไป
ที่ว่าทำได้ทั้งจิตตภาวนาแล้วก็ปัญญาภาวนาพร้อมกันนี้ก็คือหมายความว่า ใช้สติปัฏฐานทั้งในแง่ที่ว่า ทำจิตให้สงบมีอารมณ์หนึ่งเดียวคือว่าเป็นสมาธิ แล้วก็ใช้สติปัฏฐานนั้นในการทำให้เกิดปัญญารู้เท่าทันความจริง ได้ทั้งสมาธิได้ทั้งปัญญา
ทีนี้ถ้าพูดในแง่หนึ่ง ในความหมายแบบชีวิตประจำวันเนี่ย เราอาจจะพูดว่า เราปฏิบัติตามหลักการสติปัฏฐานนี้ จะช่วยให้เราได้สัมผัสชีวิตจิตใจของตนเองด้วยสมถะ แล้วก็มองเห็นหรือรู้จักชีวิตจิตใจของตนนั้นด้วยวิปัสสนา
คือสมถะนั้นทำให้เราได้สัมผัสกับจิตใจและชีวิตของตนเอง แต่ว่าสัมผัสแล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะรู้จักเข้าใจ มองเห็นแจ้งจริงหรือไม่ แต่วิปัสสนานั้น จะเลยจากสัมผัสไปอีก คือทำให้มองเห็น เข้าใจ รู้จักตัวเอง เราสัมผัสความจริงของตัวเอง เราสัมผัสตัวเองด้วยสมถะ แล้วก็รู้จักตัวเองด้วยวิปัสสนา แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะรู้จักชีวิตจิตใจของตัวเองเท่านั้น มันจะมีความหมายที่ขยายกว้างออกไปถึงรู้จักชีวิตและโลกทั้งหมดด้วย