แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
วันนี้พวกท่านก็ได้บวชมาด้วยความตั้งใจ ในช่วงวันที่ 7 เมษายน ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม วันนี้ก็ถึงวันสุดท้ายที่จะต้องเป็นวันที่ลาสิกขา เรียกง่าย ๆ ว่ากลับไปเป็นคฤหัตถ์ เพราะว่ามีธุระ มีงานของตนเองที่จะต้องทำต่อตามที่เราได้เห็น ๆ ก็เป็นเหตุจำเป็น ถึงกระนั้นก็ยังมาบวชมาศึกษาเรียนแล้ว การที่บวชนี้ก็ถือว่า เป็นการทำบุญ การทำบุญหรือเป็นการสร้างบุญบารมีให้กับตนเอง ให้กับชีวิตตนเองแล้ว เมื่อสร้างความดีทำบุญแล้วนี้ก็ จะได้มีความปิติความอิ่มเอิบใจ ในโอกาสสำคัญที่จะต้องลาสิกขานี้ ท่านก็จะได้ทำใจให้ผ่องใส ในฐานะที่เล่าเรียนบวชศึกษาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการบวชนี้ก็ละซึ่งแต่กิเลสทั้งหลาย ความประพฤติอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร ก็เลยได้ตั้งใจเล่าเรียนทำความดี ฝึกหัดตัวเองพัฒนาตัวเอง ตามที่พระอาจารย์ท่านได้สอน ฉะนั้นบุญกุศลที่ท่านได้ทำมาแล้ว และโอกาสนี้ก็ได้ตั้งใจว่า ขอแผ่ความดีนี้ให้ไปเกิดให้แก่ท่านผู้อื่นด้วย ไปถึงโยมพ่อโยมแม่ ขอให้โยมพ่อโยมแม่ได้มีส่วนบุญของความดีที่ท่านได้รับส่วนบุญส่วนกุศลของเราด้วย ขอให้ทุกท่านมีความสุข และก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง และก็ทำใจของตัวเองให้สงบ เหมือนกับว่าตอนนี้จะออกจากเพศสมณเพศสมเณร เป็นการสิ้นสุดวาระ แต่หลังจากนั้นก็จะไปเริ่มต้นใหม่ ก็จะกลับไปเริ่มต้นชีวิตคฤหัสต์ใหม่ เวลาเราเริ่มต้นอะไรเนี่ยะเราต้องเริ่มคิดด้วยจิตใจที่ดี ให้เป็นการตั้งต้นที่ดี การตั้งต้นที่ดีงาม ก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะว่า ถ้ามีความตั้งใจ มีกำลังจิตที่เข้มแข็ง เมื่อเราเริ่มต้นทำอะไรก็ทำด้วยความจริงจัง ตั้งใจ มีจุดหมายว่าเราจะทำทั้งชีวิตทำในสิ่งที่ดีงาม อย่างเช่น การเล่าเรียนศึกษาเป็นต้น ถ้าเราตั้งใจไว้แล้วเนี่ยะเหมือนกับว่า เราออกแล่น เหมือนกับแล่นรถ หรือทำอะไรทุกอย่างด้วยกำลังส่ง พอเริ่มต้นมีกำลังส่งสูงเนี่ยะ ก็เหมือนกับว่า ผลักดันให้ไปสู่ความสำเร็จ เหมือนกับเขาพูดเป็นสุภาษิตที่ว่า ที่เริ่มต้นดี เหมือนเดินสำเร็จไปแล้ว ซึ่งมันจะสำเร็จ 50 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นในโอกาสนี้ก็ให้ทำใจให้สงบ และขอให้ตั้งใจว่า เมื่อออกไปแล้ว เป็นคฤหัสต์ เป็นนักเรียน ก็จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติปฏิบัติให้ดีงาม จะได้นำความรู้ ได้นำความรู้ประพฤติปฏิบัตินี้ไปเป็นประโยชน์ เอาไปใช้ต่อ ในชีวิตคฤหัสต์ด้วย ก็ขอให้ตั้งใจอย่างที่ว่ามานี้ หนึ่ง คือทำใจให้สงบผ่อนคลาย ตั้งใจ สองก็จะตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์ ทำหน้าที่ของเรา ตลอดจนเล่าเรียนศึกษา ให้ดี ต้องให้เวลาสบายใจ สงบใจ ผ่อนคลาย สักแป๊ปเดียว เดี๋ยวเราจะได้เริ่มกัน
เอาหล่ะ ทีนี้ก็อยากให้จุดธูปเทียนบูชาพระก่อน
ว่าพร้อม ๆ กันนะ โดยเริ่มต้นก็ ตั้งนะโม 3 จบ และก็กล่าวคำลาสิกขาจบ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
พุทธัง ปัจจักขามิ ธัมมัง ปัจจักขามิ สังฆัง ปัจจักขามิ วินะยัง ปัจจักขามิ สิกขังปัจจักขามิ คิหิโต โน ธาเรนตุ
สามเณร ก็ได้กล่าว คำลาสิกขา เป็นการแสดงเจตนา คือประกาศความประสงค์ ว่า สิกขังปะติขานิ ข้าพเจ้าขอบอกลาสิกขา ซึ่งเรียกว่า การลาสิกขา ขอให้ทุกท่านทั้งหลายจดจำข้าพเจ้าว่าเป็นคฤหัสต์ หมายความว่า เราเปลี่ยนเพศเป็นคฤหัสต์ การกล่าววาจาจะต้องกล่าวออกมาจากเจตนา หรือตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ได้พูดเล่น ถ้าไม่ได้เจตนา ไม่ได้ ถ้าพูดออกมา ต้องพูดออกมาตามเจตประสงค์ อันนี้ก็เป็นการให้พระอาจารย์ทั้งหลายได้รับรู้ ทีนี้ขอให้สงบจิตนิดหนึ่ง ตั้งใจ ถ้าพร้อมแล้วก็ จะให้ถอดผ้ากาสวพัตรหรือผ้าห่มจีวรออก ทีนี้ก็จะได้นำกล่าวต่อไป ขอให้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
ว่าพร้อมกันดัง ๆ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยังปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยังปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยังปิ สังมัง สะระณัง คัจฉามิ
ติสะระณะ ทักษะ ฐิติตัง อัมกาเสก
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อทินฺนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ
กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ
มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ
สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ
อิมานิ ปัจจะ สิกขา ปะทานิ อิมาทิยามิ
สีเลนขุติยันติ สีเล นะโพ กะสัมปะทา สีเล นขุติยันติ กัสสะมังสีเล นิโน ทะเย
ทีนี้ก็กราบพร้อมกัน 3 ครั้ง
ทีนี้ก็นั่งพัก การนั่ง โดยไม่ต้องท้าวแขน ก็วันนี้ทั้งสี่ก็ได้มาลาสิกาพระเทศและสามเณร ไปเป็นคฤหัสถ์ บอกว่าลาสิกขา ลาสิกขา คือลา ลาศึกษานั่นเอง ทีนี้ก็คือการศึกษาตามระบบแบบแผน ของพระภิกษุสามเณร การลาสิกขาในระบบแบบแผนที่เราลาสิกขากันเป็นกิจวัตรที่เราทำนั้นเราลาหล่ะ ก็เป็นอันว่า ต่อไปนี้เราก็ เป็นเพศคฤหัสถ์ ทีนี้ก็ การที่เรากลับไปเป็นเพศคฤหัสถ์ นั้นไม่ได้แปลว่า เราได้ออกจากพระพุทธศาสนา เพราะว่าพระพุทธศาสนานี้ประกอบด้วย พระพุทธบริษัท 4 ก็คือมาชุมนุม หรือว่ากลุ่มชนนั่นเอง ไม่ได้บริษัทความหมายในปัจจุบัน กลุ่มชนในพระพุทธศาสนาก็มี 4 ก็คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี เขาเรียนกว่าบรรพชิตฝ่ายที่บวชแล้ว อุบาสกอุบาสิกาเขาก็เรียกว่าฝ่ายคฤหัสถ์ ทีนี้เราลาเพศ ลาสิกขา ก็คือลาจากเพศบรรพชิต จากระบบแบบพระภิกษุหรือภิกษุณี พระ สามเณร ก็กลับไปเป็นอุบาสก อุบาสิกา ก็ยังเป็นชาวพุทธอยู่ ก็ยังมากล่าวคำขออาราธนาศีลอีก ก็คือละตามแบบที่เป็นศีล 10 ก็ไปถือศีล 5 และก็เป็นเครื่องหมายที่ยืนยันและบอกตัวเองว่า การอาราธนาศีล ก็บอกว่าตัวข้าพเจ้าเนี่ยะ จะขอรักษาและปฏิบัติมีศีลต่อไป และก็ถ้าเป็นคนที่มีศีล ก็เป็นที่เป็นรักษาธรรม และก็จะกลายไปเป็นอุบาสกต่อไป ก็เป็นชาวพุทธ เราก็ทำหน้าที่ชาวพุทธที่ดี ทีนี้การลาสิกขาอย่างที่บอกเมื่อกี้ว่า จากระบบการฝึกฝนอบรมแบบภิกษุสามเณร เราก็ต้องศึกษาเพื่อพัฒนาตนต่อ อย่างที่เคยพูดกันมาแล้ว ยังไงแล้ว มนุษย์เรา เป็นสัตว์ประเสริฐ และเป็นโลกแห่งที่มีจิตกุศล เมื่อเปลี่ยนเป็นเพศคฤหัสถ์แล้ว ก็จะทำบุญต่อ
แล้วทีนี้ เรื่องศีลภาวนา ขอทบทวนกันสักนิดหนึ่ง ทานก็คือ การให้การแบ่งปัน โลกของมนุษย์นี้เป็นโลกของสัตว์ประเสริฐที่มีการพัฒนาตน ซึ่งที่แปลกไปจากสัตว์ทั้งหลายก็คือว่า มีการให้ มีการเผื่อแผ่แบ่งปันกัน มันไม่เหมือนกับสัตว์โลกอื่นที่มีการแต่แย่งชิง มีการที่เอาแต่ตัวเอง มนุษย์นี่เป็นสัตว์ที่พัฒนาขึ้นมาแล้ว เขามีการพัฒนาตัวเอง คือหมายถึงรู้จัก ช่วยเหลือกันการให้ ก็คือการช่วยเหลือ จะเป็นการให้สิ่งของก็ได้ การให้ช่วยเหลือกำลังกายก็เป็นการให้เหมือนกัน ให้สิ่งต่าง ๆ ให้ความรู้ ให้ต่าง ๆ มนุษย์นี่จะเหนือกว่า พิเศษกว่า มีการช่วยเหลือกันด้วยการให้กัน ช่วยเหลือแบ่งปัน นี่คือประการที่หนึ่งเลย ที่เป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ พอเราไปอยู่ในโลก เราก็จะไปสร้างสรรค์โลกให้ดีงานด้วยการที่จะให้อภัยรู้จักการช่วยเหลือแบ่งปัน ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประการที่ 2 ทรัพย์สิน ก็คือความมีระเบียบวินัยอย่างที่ว่า มนุษย์ จะดีอยู่ดีหรือไม่ดี ก็ต้องมีวินัย เพราะมนุษย์มีความพิเศษกว่าสัตว์ทั้งหลายอื่น เพราะสัตว์ทั้งหลายอื่น ๆ มันทำอะไรไม่ได้เท่ากับมนุษย์ เขาทำได้ในขอบเขตจำกัด เพราะฉะนั้นมันก็ทำได้ไม่เกินความสามารถ ตามสัญชาตญาณของมัน ทีนี้มนุษย์ไม่มีความสามารถขนาดนั้นก็ต้องอาศัยวินัยมาช่วยควบคุมให้มันอยู่ในขอบเขต เพราะฉะนั้นมนุษย์จะต้องมีระเบียบวิจัย และสังคมถึงจะสงบสุขได้ การมีระเบียบวินัยก็มีความหมายต่อไป ก็คือการใช้กายวาจาของตัวเองเนี่ยะในทางที่ไม่เกิดโทษเกิดอะไรที่เสียหาย แต่ใช้กายวาจาใจของเรานั้นในทางที่ทำให้เกิดประโยชน์ คือรู้จักใช้กายวาจา กายวาจาของมนุษย์นี้สำคัญมาก ถ้าใช้ผิดก็เกิดปัญหามากมาย ถ้าใช้ถูกต้องก็เกิดคุณค่า ทำให้เกิดความก้าวหน้าในชีวิตและสังคม ตัวเองก็จะต้องรู้จักใช้กายวาจาที่จะต้องอยู่ที่ว่า ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เกิดการเบียดเบียนใคร คือใช้ในทางที่เกิดประโยชน์ เกื้อกูลกัน ก็เข้าหลักฐานที่ว่า เพื่อส่วนรวม และต่อไปก็ 3 ก็ภาวนา ภาวนาก็คือการฝึกฝนอบรมตัวตนจริงนำไปใช้จริง อย่างถ้าจะให้ทานก็ต้องทำให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ให้ศีลนี้ยังมั่นคง มีรากฐาน แต่จะต้องมีภาวนา คือการฝึกฝนอบรมตัวเอง คือ ฝึกฝนอะไรบ้าง คือ หนึ่ง คือฝึกฝนจิตใจ พัฒนาจิตใจอย่างที่เคยพูดมาแล้วว่า ให้เป็นจิตใจที่มีคุณธรรม มีคุณภาพมีจิตใจที่เข้มแข็ง มั่นคงด้วยคุณภาพสมรรถภาพ และทำให้พัฒนาจิตใจให้มีความสุข มีความร่าเริงเบิกบานผ่องใส ก็ฝึกจิตใจ พัฒนาจิตใจ อบรมจิตใจให้ดี แล้วก็ฝึกฝนให้ดี และที่สำคัญก็คือในเรื่องปัญญา อย่างที่เคยพูดมาแล้วว่า เป็นแกนของการพัฒนาตัวเอง ถ้าพัฒนาปัญญาให้มีการเล่าเรียนศึกษาอะไรต่าง ๆ ให้มีความรู้ที่จริงจัง แล้วก็ค้นคว้าหาความรู้ หาความจริงให้เข้าใจชัดเจน ตลอดจนเข้าใจดโลกและก็ชีวิตเรา เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า เข้าใจหลักธรรมะ นี่แหล่ะก็คือการพัฒนาปัญญาของเรา คือได้แค่นี้ ก็พอหล่ะ ให้ทาน ศีล ภาวนา ปัญญา ก็ทำให้ชีวิตเจริญงอกงาม ทีนี้ถ้าเราลาสิกขาไปแล้วเนี่ยะ พ้นจากการศึกษาอบรมที่เราเรียกว่า ศึกษาบวชเรียน ไปขั้นหนึ่ง แต่ก็ต้องมีหน้าที่ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองในฐานะที่เป็นมนุษย์อุบาสกต่อไป เพราะฉะนั้นเราก็ต้องทำในสิ่งที่เรียกว่าบุญทั้งหลายคือ ทาน ภาวนา ศีล ดังที่กล่าว ให้ฝึกทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป วันนี้ก็เป็นวันดีวันงามที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตเป็นคฤหัสถ์ในที่นี้ก็คือ การเป็นนักเรียน แล้วก็ ทีนี้ถ้าถึงเวลาเปิดภาคเรียนการศึกษา ก็ให้ตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียน ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนเองเนี่ยะให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานขึ้นเรื่อย ๆ และนอกจากเรื่องหน้าที่การงานแล้ว ก็จะได้กลับไปสู่ครอบครัว กลับไปสู่คุณพ่อคุณแม่ วันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็มารับ วันก่อนก็มาส่งมาบวช เพราะว่ามาทั้งส่งและมารับ และการที่ทำในวันนี้ก็เป็นน้ำในที่พ่อแม่มีต่อลูก มีเมตตากรุณา ต่อมี เป็นพรหมวิหาร ลักษณะแบบนี้เขาเรียกว่าเป็นมิตรแท้ จะส่งก็มา จะรับก็มา ถือว่าเป็นเครื่องหมายอย่างหนึ่ง ที่มีความห่วงใยและมีความเอาใจใส่ แล้วในขณะของพ่อแม่ที่เรียกว่ามิตรแท้เนี่ยะ มิตรได้พูดไปแล้ว มิตรแท้มี 4 ประเภท หนึ่ง คือมิตรที่เป็นผู้มีอุปการะ ที่คอยช่วยเหลือ พ่อแม่ก็เป็นมิตรที่เป็นผู้มีอุปการะ ลองทบทวนดูสิ พ่อแม่ก็คือมิตรผู้มีอุปการะ สอง ก็คือมิตรที่มีความรักใคร่ ก็สำรวจดูเอาเองว่าพ่อแม่เนี่ยะ เป็นมิตรที่มีความรักใคร่ ต่อไป สามก็คือมิตรที่ร่วมทุกข์ พ่อแม่ก็เป็นผู้ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข และก็สี่ มิตรที่แนะนำประโยชน์ พ่อแม่เราก็เป็น พ่อแม่ก็เป็นผู้แนะนำประโยชน์ ฉะนั้นให้ไปสำรวจดู มิตรแต่ละอย่างมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง เราเห็นคุณสมบัติทั้งหมดนี้ในพ่อแม่ ฉะนั้นพ่อแม่เป็นมิตรแท้ อย่างน้อย การดำเนินชีวิตในโลกเนี่ยะ เรามีมิตรสหายอยู่มากมาย แต่มิตรแท้ก็คือพ่อแม่เป็นหลักประกัน แต่เราดันไปเลือกคบหากับมิตรทีแท้ที่มีคุณสมบัติครบเหมือนพ่อแม่เรานี้ ฉะนั้นการคบมิตรที่ดีก็จะทำให้ชีวิตเราเจริญงอกงามไปในทางที่ดีต่อไป เอาหล่ะ วันนี้ก็พอสมควรแก่เวลา ก็หวังว่าสิ่งที่ได้เล่าเรียนศึกษาที่ได้มาบวชเญรบวชเรียนประพฤติปฏิบัติคงจะเป็นพื้นฐานที่ดีงาม อย่างน้อยก็เป็นความทรงจำที่สดชื่นที่ดีต่อไป ให้เป็นรากฐานของการพัฒนาในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขความเจริญ ก็ในโอกาสวันนี้ ขอตั้งภาวนาจิต นำคุณพระรัตนตรัยให้พรแด่สามเณรทั้ง 4 คือ รุตร อนุรักษ์ พระภิรักษ์ และอิสระ วันนี้ได้เรียกชื่อเต็มเลย ก็ขอให้ คุณพระรัตนตรัยนำคุณอภิบาลรักษาให้ประสบแต่ความเจริญจตุพระพรชัย มีความเจริญงอกงามในการดำเนินชีวิต การศึกษาเล่าเรียน ให้มีความประสบสุข พร้อมด้วยคุณพ่อคุณแม่ ให้มีความร่มเย็นเป็นสุข ในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดกาลนานเทอญ
ทีนี้ขอรับพรเป็นภาษาบาลีอีกทีนะ และขอให้คุณพ่อคุณแม่รับพรด้วยกัน