แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
เอาล่ะ เณร หลวงปู่ลังกาท่านก็เดินทางกลับไปแล้ว ตอนก่อน หรือไม่ได้บอกชัดเจนว่าท่านเป็นอะไร ใช่เปล่า เคยบอกหรือเปล่าว่าเป็นอะไร คงจะลืม เผลอไปไม่ทันได้บอก ท่านเป็นประมุขสงฆ์ แต่ว่าเป็นนิกายหนึ่งของลังกา
เณร - คล้ายๆ กับสังฆราชเปล่าครับ
พอจ. - คล้ายๆ อย่างนั้นแต่ไม่ได้เป็นประมุขสงฆ์รวมทั้งหมด ประเทศไทยนี่ พระสงฆ์ในเมืองไทยนี้มีรวมกันหมดเป็นอันเดียว เพราะฉะนั้นก็มีประมุของค์เดียว หรือหัวหน้าองค์เดียวแล้วก็เรียกตำแหน่งว่าสมเด็จพระสังฆราช แต่ทีนี้ในลังกานี้เขาแยกกัน เขามี 3 นิกาย นิกายสยามนิกาย หรือสยามวงศ์ที่ไปจากประเทศไทย เป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุด แล้วก็นิกายที่สอง อมรปุระ (อะ-มะ-ระ-ปุ-ระ) และก็นิกายที่สาม รามัญนิกาย
ทีนี้ หลวงปู่ที่มาเมื่อวานเป็นประมุขของนิกายที่สอง คือ อมรปุระนิกาย ประมุขของนิกายต่างๆ นี้เรียกว่ามหานายก (นา-ยะ-กะ) ฉะนั้นท่านก็เป็นมหานายกของอมรปุระนิกาย หรือนิกายอมรปุระ มหานายกก็คือมหานายก (นา-ยก) นั่นเอง คือนายกผู้เป็นใหญ่ ผู้นำใหญ่ หัวหน้าใหญ่ อมรปุระนี่ ตามที่ทราบก็ไปจากพม่า คือประเทศลังกานี้เป็นประเทศที่ ...... (02.58 เสียงขาดหาย) ก็เรียกกันว่าลัทธิลังกาวงศ์
ทีนี้ต่อมาลังกาเองก็เกิดสงคราม ก็เกิดการรบราฆ่าฟัน เกิดถูกบุกรุก ตอนสมัยทมิฬเข้ามาก็รบราฆ่าฟัน ทำให้พวกสิงหลหรือเจ้าถิ่นนั้นก็เดือดร้อนมาก พุทธศาสนาก็ถึงกับแทบจะหมดไป ต่อมาก็มีโปรตุเกส ฝรั่งล่าเมืองขึ้นเข้ามาก็กดขี่ข่มเหง จนกระทั่งพุทธศาสนาจะหมดเหมือนกัน และกษัตริย์สิงหลเองก็เคยมีที่เกิดไม่พอใจพุทธศาสนาขึ้นมา อย่างที่หลวงปู่ท่านเล่า
ตอนที่ว่ากษัตริย์สิงหลองค์หนึ่ง สิงหลก็คือชาวลังกา ที่เป็นพื้นเมืองนั่นแหละ กษัตริย์องค์นี้ฆ่าพ่อ เมื่อฆ่าพ่อไปแล้วก็มีความเดือดร้อนใจมาก ว่ามีบาป ตอนหนึ่งก็ถามพระเถระทั้งหลายบอกว่า เนี่ยข้าพเจ้าฆ่าพ่อนี่ มีทางอย่างไรที่จะพ้นจากบาปจากนรกได้ พระเถระท่านก็บอกว่าเป็นอนันตริยกรรม ตัวบาปมันก็พ้นไปไม่ได้ จะล้างบาปไม่ได้ พระเจ้าแผ่นดินก็ยังไม่พอใจ
ต่อมา พอดีมีนักบวชฮินดู พวกศาสนาพราหมณ์เข้ามา พระเจ้าแผ่นดินก็ถามนักบวชพราหมณ์หรือฮินดูนี้ บอกว่า บาปที่ข้าพเจ้าทำฆ่าพ่อนี้จะล้างได้ยังไง ล้างได้มั้ย พวกฮินดูก็บอก ล้างได้ ฮินดูนี้เขา แม้แต่ลงอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เขาบอกลอยบาปไป
พระพุทธเจ้าเคยตรัสบอกว่า เอ๊ะ ถ้าล้างบาปด้วยการอาบน้ำในแม่น้ำคงคาได้เนี่ย เต่าปูปลามันหมดบาปก่อน มันไปสวรรค์หมด นี่ก็อย่าง แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าล้างบาปเราได้ มันก็ล้างบุญเราได้ด้วย นี่พระพุทธเจ้าเคยตรัสแกล้งว่าพราหมณ์ แย้ง
ทีนี้ นักบวชพราหมณ์ก็บอกว่า เอาแบบนี้ ล้างได้ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ก็เกิดชอบใจนักบวชฮินดูนี้ บอก ถ้าอย่างนั้นข้าพเจ้านับถือศาสนาฮินดูดีกว่าล้างบาปได้ ว่างั้น เปลี่ยนเลย นับถือศาสนาฮินดูเลย แล้วกำจัดพุทธศาสนา ให้พระสึกให้หมด แล้วก็เอาคัมภีร์พุทธศาสนามารวม เผาเรียบเลย นี่ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาหมด
นี่ ตามที่ท่านบอกพุทธศาสนาหมด หายเงียบไป ๒๐๐ ปี จนกระทั่งต่อมาพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งที่มีศรัทธาในประพุทธศาสนาขึ้นครองราชย์ ก็ขอฟื้นฟูพระพุทธศาสนา แล้วก็ส่งทูตมาเมืองไทย ก็ขอพระไป ก็ทางพระเจ้าแผ่นดินไทยก็ส่งพระเถระองค์หนึ่งชื่อว่า พระอุบาลี เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมทั้งพระสงฆ์อื่นๆ ไปประเทศลังกา แล้วก็ไปบวชคนลังกาเป็นจำนวนมากมาย รื้อฟื้นพระพุทธศาสนาพร้อมทั้งนำพระไตรปิฎกกลับไปด้วย ก็ทำให้เกิดสยามนิกายขึ้น เพราะไปจากประเทศไทย
อันนี้ก็เป็นเรื่องราวของลังกา ให้เห็นว่าประเทศเขานั้นประสบปัญหาเยอะ คือมีภัยพิบัติบ่อยๆ ไม่เหมือนเมืองไทย เมืองไทยนี้ ในด้านการพระศาสนานี้ราบรื่นมามาก ไม่ค่อยถูกกระทบกระเทือน ทีนี้ก็ ในสมัยอื่นก็มี นี่เป็นตัวอย่างที่ว่าเอาจากประเทศไทย ในคราวอื่นก็มีเอาจากประเทศพม่า ถึงได้มี อมรปุระ และรามัญนิกายนี้ก็จากของพวกมอญ ก็อยู่ในพม่าเหมือนกัน ทีนี้ประวัติศาสตร์นี่ก็ เอาเป็นเพียงว่าให้รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวหลวงปู่ที่มานี่
หลวงปู่ท่านก็เป็นประมุขสงฆ์ เป็นมหานายก นิกายอมรปุระ อายุท่าน 95 ปีแล้ว เคยเห็นคนอายุ 95 มาก่อนไหม ในเหล่า 90 กว่า ใครเคยเห็นบ้าง เณรเต็มเคยเห็นมั้ยครับ
เณรเต็ม - ไม่ครับ
ไม่เคย เคยเห็นอย่างมากที่สุด อายุเท่าไหร่
เณรเต็ม – ที่ได้ยินกันมานะฮะ ไม่ได้เห็น จะไม่ได้เห็นนะครับ ที่ได้ยิน ก็อายุ 103 ปี
อ่า เอาได้ยินก็ยาก เอาที่เณรเต็มเคยเห็นน่ะ อายุเท่าไหร่ เท่าที่เคยได้เห็น
เณรเต็ม - ก็หลวงปู่ 95
เหรอ แล้วก่อนหน้านั้นหล่ะ
เณรเต็ม – ก่อนหน้านั้นก็ ไม่เคยเห็น
ไม่เคยเห็น เอาที่เห็นมากที่สุดน่ะ เท่าไหร่
เณรเต็ม - ก่อนหน้านั้นหรือครับ
ก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าเห็นหลวงปู่เนี่ย คนที่อายุสูงที่สุดที่เณรเต็มเคยเห็นน่ะ อายุเท่าไหร่
เณรเต็ม - 79 ครับ
ใคร 79
เณรเต็ม - เสียงไม่ชัด
นี่ เห็นหลวงปู่หลวงลุงนี่มั้ง อายุ 78 เณรเต็มเคยเห็นเกินกว่าหลวงลุงมั้ย เคยมั้ยครับ
เณรเต็ม - เคย
เคยเหรอ
เณรเต็ม - 79
79 จำไม่ได้ ใครเคยเห็นขนาด ระหว่าง 78 กง 95
เณร - เอาแบบที่เห็นด้วยตา
เอาแบบที่เห็นด้วยตาเอง
เณร - ลุงชดครับ 80 กว่า
เออ 80 กว่า ก็ยังเก่ง แข็งแรงอยู่
เณร – อาจารย์ของครูชด ท่านเป็นปรมาจารย์ อายุ 150 ปี
เห็นด้วยตาหรือเปล่า
เณร - เห็นแต่รูป
อ้อ เห็นแต่รูป ก็เอาที่เห็นด้วยตา
เณร - สง่ามากเลย
เหรอ
เณร – เท่าที่ใกล้กับหลวงปู่ ใกล้ๆ เคียงกัน หลวงปู่ชดนี่ก็ยังหลังตรง ขนาด ๘๖ ก็จะ ๙๐ หลังตรง แล้วเดินได้เอง ก็ยังกระฉับกระเฉง
กระฉับกระเฉง
เณร – หลวงปู่นี่ก็ 95 เพิ่งเคยเห็น ก็ยังแข็งแรง หลังตรงอยู่ ตอบคำถามรู้เรื่องอยู่
ใช่ ยังตอบ ยังพูดอะไรชัดเจน เณรวุฒิหล่ะ เคยเห็นมั้ย
เณรวุฒิ - อายุ 84 คุณปู่ครับ
คุณปู่ไหน
เณรวุฒิ - คุณปู่ผมเอง
คุณปู่ตัวเอง แล้วท่านเป็นยังไงบ้าง
เณรวุฒิ - ก็แข็งแรงดี
ยังแข็งแรง เออ เห็นแต่คนที่แข็งแรง อนุรักษ์หล่ะ
เณรอนุรักษ์ – เคยเห็น 80 กว่าเหมือนกัน
แข็งแรงเหมือนกัน
เณรอนุรักษ์ – ไม่ค่อยแข็งแรงครับ
แย่แล้ว
เณรอนุรักษ์ - ครับ
ก็รวมแล้วที่อายุมากๆ อย่างหลวงปู่นี่ก็หาได้ยากแล้ว และก็ยังแข็งแรงเนี่ย ก็เป็นความดีพิเศษของท่านอย่างหนึ่ง เพราะว่า คนจำนวนมากเนี่ย ถ้า 80 กว่าแล้ว หนึ่งก็ร่างกายง่อนแง่น สองก็ทางด้านจิตใจ ปัญญาอะไรต่างๆ มักจะหลงลืม เลอะเลือน จำอะไรต่างๆ ที่เป็นเรื่องใกล้ชิดไม่ได้ เช่น จำลูกหลานไม่ได้ ลืมหมด กินแล้วก็ว่ายังไม่ได้กิน หรือว่ายังไม่ได้กินก็ว่ากินแล้ว วุ่นวายหมด เป็นอย่างนั้น เขาเรียกว่าหลง
อย่างหลวงปู่นี้ก็นับว่าท่านก็เป็นบุคคลที่สุขภาพดีเป็นพิเศษ ก็เลยมีผู้สงสัยว่าทำไมท่านเป็นผู้มีสุขภาพดีมาก ก็ยังไม่ได้ถามท่านเพราะมัวแต่ถามเรื่องอื่น แต่มีคนถามมาก่อน ก็ได้ความ หนึ่ง ท่านตั้งใจมาแต่ไหนแต่ไรนานแล้ว บอกว่าจะอยู่เพื่อทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนาอยู่เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ทำเพื่อประโยชน์ จะใช้ชีวิตนี้ทำประโยชน์ นี่ก็เป็นความรู้สึกในใจที่สำคัญมาก ความรู้สึกนี้ก็ทำให้จิตมันไม่ยุ่งกับเรื่องตัวเอง ไม่คับแคบ ไม่วุ่นวาย วันนี้จะทำอะไร วันนี้จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ จิตใจมันแผ่กว้างขวาง เป็นเครื่องช่วยสุขภาพจิต ทำให้จิตใจดี
แล้วทราบอีกอย่างว่าตั้งแต่อายุสามสิบกว่ามานี่ ท่านไม่ให้มีความโกรธขึ้นในใจ ตั้งใจไว้ไม่ให้มีความโกรธ ความโกรธนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญทำให้จิตใจขุ่นมัวเร่าร้อน ระบบร่างกายนี่ต้องทำงานหนักเวลาโกรธ ตั้งแต่ในสมองเครียด หัวใจเต้นแรงสูบฉีดโลหิตไม่เป็นปกติ หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ ฉะนั้นร่างกายจะแปรปรวน ถ้าคนโกรธบ่อยๆ ก็ร่างกายทรุดโทรม จะแก่เร็ว อันนี้ท่านก็ไม่ให้ตัวเองโกรธมาตั้งแต่อายุ 30 กว่าๆ
นี่ก็เป็นตัวอย่าง นอกนั้นอาหารการขบฉันอะไรก็เป็นเรื่องสำคัญ ตัวท่านนี่ฉันอาหารที่ไม่เป็นเนื้อสัตว์ แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ด้านจิตใจนี่เป็นเรื่องที่สำคัญ แล้วก็จุดที่เราควรจะเอามาใช้ประโยชน์ คือการที่มองในแง่คิดความคิดที่จะทำประโยชน์อยู่เรื่อยไป แล้วก็ความไม่โกรธ ความรู้สึกที่จะทำประโยชน์ให้เรื่อยไป นี่ก็ทำให้ เป็นแรงด้วยน่ะ ทำให้เกิดแรงในการที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะใจมองไปข้างหน้า ว่าจะทำนู่นทำนี่ คนที่มีชีวิตอยู่แล้วไม่รู้จะทำอะไรนี่ ใจก็นอกจากจะหม่นหมองแล้ว มันไม่มีกำลังใจ เราจะเห็นได้ว่าคนที่เกษียณแล้ว พออายุ 60 ออกราชการ เคยมีอำนาจวาสนา มีคนต้องคอย ถ้าเป็นทหาร เขาเรียกอะไร ต้องคอยตะเบ๊ะ มีคนมาคอยรับใช้เอาใจต่างๆ มากมาย พอหมดอำนาจเกษียณปั๊ปนี่ หมดความหมายทันที ไปเห็นทหารอะไรต่างๆ ลูกน้องที่เคยเคารพ เขาทำเฉยนี่ก็มี ยิ่งใจคอไม่ดีหม่นหมอง
มีเรื่องหนึ่งที่สุพรรณ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เมื่อเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นเจ้าเมืองใหญ่ที่สุดในจังหวัด ปกติไปไหนก็มีแต่คนคอยเอาอกเอาใจห้อมล้อมคอยทำนู่นทำนี้รับใช้ทุกอย่าง อยู่ต่อมา แกก็เกษียณอายุ พอเกษียณอายุก็เลยตั้งหลักอยู่ที่นั่น อยู่ที่จังหวัดสุพรรณ ก็เห็นว่าที่นั่นก็ดีแล้ว แล้วตัวก็เกษียณแล้ว ก็ไม่อยากไปไหนก็อยู่ที่นั่น ต่อมาวันหนึ่งก็มีงาน ซึ่งตามปกติ คนก็ไม่ค่อยให้ความสนใจเหมือนเก่าแล้วแน่นอน แต่มันก็ไม่ชัดเจน