ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ

สมเด็จฯ ที่ว่าสิกขาบทมี 227 เนี่ย จะนับเฉพาะที่พระสวดทุก 15 วัน ที่เรียกว่าโอวาทปาติโมกข์ ไม่ว่าศีลหรือสิกขาบทในปาติโมกข์ ที่จริงนอกปาติโมกข์ยังมีอีกเยอะเลย มีอีกเยอะ เยอะกว่าสองร้อยกว่าข้ออีก ไม่ ไม่ ต้องเอามาสวดทบทวนด้วย อาจเป็นข้อปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่นว่ารองเท้าจะใช้อย่างไร รองเท้าชนิดนั้นใช้ไม่ได้ อย่างสี สีจีวร สีรองเท้านี่ ท่านมีบัญญัติไว้นะโยมน้อย อย่างสีที่ผิดก็เป็นอาบัติทุกคน แล้วหนังรองเท้าจะใช้หนังอะไรได้ หนังอะไรไม่ได้ หนังสัตว์ชนิดนั้น ๆ ไม่ได้บัญญัติไว้หมด แล้วรูปร่างจะใช้อะไรได้-ไม่ได้อะไร หุ้มส้นไม่ได้ หรือจะทำเป็นดอกเป็นลวดลายไม่ได้อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็บทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องการทำกิจร่วมกัน อย่างเรื่องกฐิน เรื่องปวารณา เรื่องลงอุโบสถ อะไรต่าง ๆ เจริญพร เรื่องบวช พิธีบวช สังฆกรรมอย่างนี้ก็บทบัญญัติทั้งนั้นเลย นี่พวกนี้ก็เป็นสิกขาบทอีกเยอะแยะไปหมดเลย หรือเรียกว่าสิกขาบทนอกพระปาติโมกข์ ยังมีอีกมากมาย

เสียงโยมผู้ชายถาม แล้วสีจีวรใช่ไหมครับ

สมเด็จฯ  สีจีวรท่านก็มีไว้ห้ามสีดำ ห้ามสีแดง ห้ามสีเหลือง ห้ามสีอะไรหลายสี นี่ไม่ใช่เหลืองนะ ท่านก็เลยต้องเอาสีแกมกันไง สีระหว่างเหลืองกับแดง เจริญพร ไม่ให้เหลืองไม่ให้แดง เหลืองไม่เป็นอย่างนี้นะ เจริญพร

เสียงโยมผู้หญิงถาม สีเหลืองแบบนี้

สมเด็จฯ  ไม่ได้ สีเหลืองไม่ได้ แดงไม่ได้

เสียงโยมผู้หญิงถาม แล้วสีเหลืองทองหล่ะคะ

สมเด็จฯ  ไม่ได้ เหลืองหล่ะ เจริญพร

เสียงโยมผู้หญิงถาม สีเหลืองทอง อย่างที่(เกาหลีใต้)ใช้เหลืองทอง

สมเด็จฯ  ใช้เหรอ เจริญพร ถ้าใช้เหลืองจริง ๆ ไม่ได้นะโยม

เสียงโยมผู้หญิงถาม สีเหลืองทองได้ไหมคะ

สมเด็จฯ  ถ้าใช้เหลืองจริง ๆ ไม่ได้ ต้องปนหน่อย

เสียงโยมผู้หญิงถาม ใช้สีกัด

สมเด็จฯ  สีกัดก็เป็นสีแกนขนุน ก็นั่นแหล่ะ 

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  ก็นั่นแหล่ะ ต้องเป็นสีแกมกัน คือไม่ใช่ จึงเป็นสีที่ไม่ใช่สีแดงสีเหลืองล้วน ๆ

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  เจริญพร ก็เดิมเขาใช้สีจากแก่นขนุนไงย้อมผ้า เป็นการย้อมผ้าของพระ ใช้แก่นขุนมาต้ม

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  เหลืองอ่อนไม่ได้ แดงแจ๊ดเลยไม่ได้ ต่อมาก็เลยมีคนทำสีขาย ย้อมแต่สีมันตก พระใช้พอเวลาไปไหนฝนตกตัวเหลืองไปหมดเลย เจริญพร จีวรด่างหมดเลย พระตัวเหลืองแต่จีวรนั้นสีอ่อนลงไปกลายเป็นด่าง เป็นอย่างนี้กัน ลำบากนะ ฝนตกพระลำบากไม่อยากไปไหน พระสมัยปัจจุบันสบายมากเลย ตั้งแต่มีสีย้อมพิเศษสีไม่ตก ก็เลยเอาสีผ้าขายให้ท่านไม่ได้เลย ไม่งั้นละก็ไปวัดเห็นแต่พระย้อมผ้าทั่วไปหมดเลย

เสียงโยมผู้หญิงถาม พระวัดป่าแม้กระทั่งจีวรก็เย็บเอง

สมเด็จฯ  เย็บเองย้อมเอง ก็เป็นบางวัดนะโยมบางวัด ก็อย่างนั้นเขาถือ เป็นพวกถือธุดงค์ มี 13 ข้อ มีจีวรอยู่ 2 ชนิด จีวรพระ มีบังสุกุลจีวรกับคหบดีจีวร   บังสุกุลจีวรก็คือผ้าที่พระทำเอง โดยไปเก็บเอาผ้าที่เขาทิ้งแล้วมาหรืออย่างผ้าห่อศพก็เอามาตัดมาเย็บมาย้อมเอง ทีนี้ผ้าคหบดีจีวรก็คือผ้าที่ญาติโยมถวาย ถวายมาสำเร็จรูปเลย ทีนี้พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ทั้ง 2 อย่าง แต่ทีนี้สำหรับผู้ถือธุดงค์นั้นจะมีข้อหนึ่งว่า ถือปฏิบัติว่าปฏิญาณไว้ว่าจะใช้แต่ผ้าบังสุกุล ถ้าอย่างนี้แล้วรับผ้าโยมถวายไม่ได้

เสียงโยมผู้หญิงถาม อ้าว แล้ว ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  ก็ยังไม่เต็มยศสิท่านั้น ถ้าเต็มยศก็ต้องไปเอาของที่เขาทิ้งมาเลย เพราะบังสุกุลจะคลุกฝุ่น ผ้าเขาทิ้งตามตลาด สมัยก่อนมันคงจะทิ้งตามอะไร ถังขยะเกะกะ ก็ไปหยิบเอามา หรือว่าเขาทิ้งศพในป่าช้าเขาก็ห่อผ้ามา ถ้าอินเดียเดี๋ยวนี้ก็ยังห่อผ้าใช่ไหม เจริญพร  แต่ผ้า...

เสียงโยมผู้หญิงถาม อินเดียนี้อย่างผู้หญิง... ศพผู้ชายห่อสีขาวใช่ไหมคะ เข้าใจว่าเขาจะใช้ห่อศพผู้ชายด้วยสีขาว เพราะว่าสีขาวนี่ผ้าห่อศพจะมีมาก ใช่ไหมคะ พระก็มีใช้ประโยชน์ได้ ทีนี้อย่างเมืองเรานี่...

สมเด็จฯ  ไม่มีประเพณีอย่างนั้นไม่งั้นพระก็แย่หน่อย ก็เลย แต่เมืองไทยก็เลย พอดีญาติโยมมีศรัทธามากเลยถวายกันหมดเลย พระเลยไม่ต้องถือผ้าบำเพ็ญบุญ ก็อาจได้แค่รับผ้าขาวมาจากโยมแล้วมาตัดมาเย็บแล้วย้อม แล้วมันก็ไม่ใช่การบำเพ็ญกุศลซะเลยทีเดียว บังสุกุล แปลว่า ต้องไม่รับของถวายเลย ไปหาของเก็บเอาเอง

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ ก็ต้องเลือกเอาหล่ะ เจริญพร หมายความว่าบางทีก็ไปเลือกเก็บหลายแห่ง อาจจะหลายวันกว่าจะได้ครบ

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  เก็บมาพอได้พอสมควร เจริญพร แล้วก็เอามาซักทำความสะอาด เอามาต้มใช้ต้มกันเลย แล้วอาจจะซักทำความสะอาดสักทีหนึ่งก่อน แล้วก็ตัดเย็บ เย็บแล้วก็ต้ม แล้วก็ย้อม

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  อ๋อ ทีนี้ศพในสุสานที่เขายังไม่เผานี้ เจริญพร ในอินเดียมันมีป่าช้าผีดิบ ก็หมายถึงสมัยโบราณ เขาเรียกอามะกะสุสาน  สุสานดิบ ๆ ป่าผีดิบ ป่าช้าผีดิบ ไปทิ้งไว้อย่างนั้นเลย ก็สมัยโบราณถึงได้มีให้พระไปปลงอสุภ ไปทำกรรมฐาน ไปดูศพ ก็ไปดูที่ป่าช้าผีดิบ เขามาทิ้งศพไว้แล้วปล่อย ในบางแห่งก็มีอีแร้งมากินอะไรอย่างนี้

เสียงโยมผู้หญิงถาม ??? (คำถามเบา ไม่ชัด จับประเด็นไม่ได้ค่ะ)

สมเด็จฯ  เขาก็ห่อไปก่อน แล้วก็ทิ้งไว้ หรือบางอัน ศพบางชนิดก็อาจไม่ได้รับการห่อเลยมั้ง