แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
ข้อสงสัยของปฏิบัติการของหลักชาวพุทธเนี่ย มีข้อที่ 10 นะฮะ ข้อที่ 12 ข้อที่ 10 ก็คือ อยู่ในหมวด ค. การทำชีวิตให้งามปราณีต ข้อ10 มีชีวิตงดงาม ปฏิบัติกิจส่วนตน ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานของชีวิตด้วยตนเอง ทำได้ทำเป็น อย่างงดงามน่าภูมิใจ
ครับ ก็หมายความว่าหัดให้พึ่งตัวเองได้ โดยเฉพาะการทำกิจส่วนตัวนะ เด็กเติบโตมาเนี่ย บางทีพ่อแม่ตามใจมากเกินไปนะ อะไรๆก็ทำไม่เป็นเลย จนกระทั่งตอนโตเคยพูดบอกว่า บ้านครอบครัวที่รวยบางครอบครัวเนี่ย ต้องรอไปให้ฝรั่งฝึกว่างั้นเถอะ อยู่เมืองไทยเนี่ย ทำอะไรไม่เป็นเลย พ่อแม่ทำให้หมดไม่งั้นก็มีคนรับใช้ทำให้หมด พอไปเมืองนอกนี่ฝรั่งเขาไม่เอาด้วยและ ตัวใครตัวมันนะ เขาไม่ทำให้หรอก ก็ต้องไปทำเองใช่ไหมนะ ต้องหาอยู่หากินเอง หุงข้าวหุงปลาเป็น ทำกับข้าวเป็น เด็กหลายคนนะครับ ไปทำเป็นที่เมืองนอกนะ ไปทำกับข้าวเป็น หุงข้าวเป็น นะแล้วก็ไปทำอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างเป็น อยู่เมืองไทยทำไม่เป็น เนี่ย ทีนี้ตามหลักของเราก็ไม่ถึงกับเอารุนแรงอย่างฝรั่งหรอก เอาว่าเออ สาระสำคัญก็คือให้รู้จัก ฝึกตนแล้วก็เพิ่งตนเองได้ การพึ่งตัวเองได้เนี่ย เป็นความงดงามอย่างหนึ่ง คือคนเรานี่ เรามีแขนมีขา เราก็ทำอะไรได้ แล้วเราก็เดินเองได้ ถ้าเป็นง่อยเป็นเปลีัยซะมัน งามไหมครับ เดินก็ไม่เป็นแล้วมันจะงามไหม เดินไม่ได้พึ่งตัวเองไม่ได้ ไม่งามใช่ไหม อ่า ทีนี้เราไม่เอาแค่งามเฉยๆ สง่าด้วย คนที่จะสง่าเนี่ย แม้แต่ยืนก็ต้องยืนอย่างเข้มแข็งใช่ไหม ทำอะไรก็ต้องทำได้อย่างงดงาม ทำให้สำเร็จได้อย่างเรียบร้อยดี มันเป็นความงามสง่า แล้วมันเป็นความงามสง่า ไม่ใช่เฉพาะของอาการเดี๋ยวนั้นนะ เป็นอาการ เป็นความสง่างามของชีวิตเลย นะฮะ นั้นจะเห็นว่า ผมก็เล่าให้เขาฟัง บอกเนี่ย เราจะเห็นว่าทหารโรงเรียนนายร้อยเนี่ย พอเข้าเป็นนักเรียนนายร้อย เริ่มต้นเริ่มเรียนเท่านั้นแหละ เขาฝึกก่อนเลยนะ นักเรียนนายร้อยทุกคนนี่ ต้องปูปูที่นอนเอง ต้องเก็บเองทำอะไรเองเป็นหมด ใช่ไหม แล้วต้องทำได้รวดเร็วตามเวลา แล้วต้องทำได้เรียบร้อยตามมาตรฐานด้วยใช่ไหม เนี่ย ไม่งั้นเด็กนักเรียนนายร้อยจะงามสง่าได้ไหม ไม่ได้นะฮะ เนี่ย ความงามสง่าเนี่ย ความงามสง่าของชีวิต ก็คือการที่ทำอะไรต่ออะไรได้เป็นเอง แล้วทำได้อย่างดี อย่างเรียบร้อย แล้วน่าดูนะ เริ่มเหมือนกับว่าร่างกายของเราที่สมบูรณ์ เราพึ่งตัวเองได้ เราทำอะไรต่ออะไรได้นะ เดินเองได้ ไม่ใช่คนง่อยเปลี้ยเสียขา เนอะแขนเขินเราก็ทำงานได้เนี่ย อย่างเงี้ยเป็นความงามสง่าในตัว ความงามสง่าของชีวิต งั้นก็ถือการเนี่ย การที่รู้จัก ทำอะไรที่เป็นกิจของชีวิตตนเองได้เนี่ย เป็นความงามเป็นความสง่า น่าภูมิใจของชีวิต เราไม่ต้องไปพึ่งพาเนอะ ถ้าเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีคนอื่นอยู่ ทำไม่ได้ซะนี่ใช่ไหม อย่างงี้แย่สิ ใช่ไหม ต้องทำเป็นนะฮะ อันนี้ต้องเป็นฐานขึ้นมาก่อน ส่วนจะมีคนอื่นมาทำให้ อันนั้นต่อเมื่อเราทำเป็นแล้ว ทำเป็นแล้วแล้วเราอาจจะมีเหตุผลได้ถึงว่า เวลามันสำคัญมากตอนนี้ เราจะต้องเอาเวลาไปใช้กับเรื่องอื่น อ่ะมันมีเหตุผล แต่เราทำเป็นอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงฉันทำได้ดีด้วย แต่เวลานี้มันมีกิจสำคัญที่จะต้องทำ เราก็ไปทำเรื่องอื่น มีคนมาทำให้ อย่างงี้ไม่ว่า แต่ต้องทำให้ได้ก่อนเพราะนั้นก็เลยว่า เด็กเนี่ยต้องฝึก นะ พอจะเห็นไหมฮะ อ้าวเหรอ งั้นตามครอบครัวเนี่ย ต้องระวังเรื่องนี้ด้วย มีลูกมีเด็กอะไรก็ต้องหัดให้เขารู้จักทำอะไรเป็น ถ้าเขาอยู่เอง ชีวิตสำเร็จในตัวของเขาเลย เอ่อ ในเวลามีเหตุการณ์ที่เขาไม่อาจจะพึ่งใครได้ เขาต้องทำเองเป็นหมด ถ้าเรามีลูกหลาน เราต้องมีลูกหลานอย่างงี้ ไม่งั้นเราเป็นห่วงตาย ใช่ไหม เกิดพ่อแม่ไม่อยู่ด้วย ตายแล้ว ลูกจะอยู่ยังไง ใช่ไหม เอ่อ หุงข้าวก็ไม่เป็นทำกับข้าวก็ไม่เป็น แล้วก็เศร้าไม่ทำกับข้าวหุงข้าวไม่เป็น ซื้อกับข้าวก็ไม่เป็น อะไรต่ออะไรก็ไม่เป็น ปูที่นอนหลับ เก็บที่นอนไม่เป็น เก็บมุ้งไม่เป็น เมิ้งมุ้งไม่ต้องใช้เหรอตอนนี้ อะไรๆก็ไม่เป็น นี้ไม่ไหวเลยนะ งั้นก็หากว่าอะไรที่จำเป็นสำหรับชีวิตต้องทำ ก็ให้เขาทำได้เอง เนี่ย อันนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญ แล้วก็ทำได้ก็มีความภูมิใจเบื้องต้นนะ แล้วก็มีคนมาทำให้เขา เขายังบอกได้ด้วยว่า เออ ทำอย่างนี้จึงจะถูก ทำงี้สิจะดี อะไรอย่างนี้นะ เขาก็กลายเป็นครูอาจารย์ในเรื่องนั้นได้ด้วย เอาล่ะครับ นะฮะ
อยากเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตรงข้อ 12 นะฮะ ที่เขียนที่บอกว่า มีองค์พระครองใจ มีสิ่งที่บูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและตั้งมั่น อยู่ในหลักชาวพุทธ
ครับ สงสัยในแง่ไหนล่ะครับ
สงสัยในแง่ที่ว่า เอ่อ มันไปเป็นลักษณะการพึ่งพระเครื่องหรือเปล่าครับ
อ๋อ อันนี้จะเป็นพระเครื่องหรือเป็นพระบูชาก็ได้ คืออย่างนี้ คือหมายความว่า อย่าลืมว่า อันนี้เราใช้สำหรับชนหมู่มาก อืม สำหรับมวลชนนะ เวลาคิดถึงมวลชนเนี่ย เราต้องคิดถึงคนที่อยู่ระยะต้นของการพัฒนาที่เป็นส่วนใหญ่ เอาคนส่วนใหญ่เป็นหลัก ส่วนคนที่พัฒนาดีแล้วนี่ เขา ไปได้เองนะ นี้เมื่อคิดถึงคนส่วนใหญ่แล้ว ในนั้นเรายังนึกไปอีก ถึงเด็กๆอีก โดยเฉพาะเด็กก็คือคนเริ่มต้น นี้เด็กเนี่ยนะ จะเข้าถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมได้ยาก แต่เราต้องวางหลักให้ถูก ตอนนี้เราจะเอารูปธรรมมาช่วย แต่เราไม่ได้ช่วยอย่างไร้จุดหมายเลื่อนลอย เราเอาวัตถุ รูปธรรมมาเป็น เพียงสื่อ ก็คนที่เก่งแล้วเนี่ยไม่ต้องอาศัยสื่อใช่ไหม เขาไปได้ แม้แต่เอกสารหนังสืออะไรก็ เรายังไม่มีความรู้อะไรก็ต้องเอาอาศัยมัน อันนี้ก็วัตถุนี้ก็เป็นสื่อ ก็มาเป็นสื่อเพื่อจะนำให้เขาเข้าถึงสิ่งที่เป็นหลักเป็นเนื้อหาสาระที่สูงขึ้นไป ที่นี้ถ้าไม่มีสื่อมาเชื่อมต่อโยงเขาเนี่ย เขายังเคว้งคว้างอยู่ แล้วเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงนามธรรมลึกซึ้ง เรามาสื่อสารกับเขาได้ ใช่ไหม อย่างนี้ก็เท่ากับเราแทบจะทิ้งเขาเลย เราก็ได้แต่นึกว่าจะเอาอย่างใจเรา เพราะถ้าเขาทำไม่ได้อีก เพราะงั้นเราต้องเห็นใจเขา อย่างที่เคยบอกว่าต้องพบกับเขาที่จุดยืนของเขา แต่ไม่ตามใจเขา โดยหยุดอยู่ที่นั่น แต่ต้องพยายามให้เขาเดินหน้ามา นะฮะก็คือเข้าไปจูง หรือเข้าไปนำ เข้าไปกระตุ้นเตือนให้เขาเดินก้าวหน้าต่อไป อันนี้ก็คือ???การใช้รูปวัตถุ รูปธรรมมาเป็นสื่อ นี้เด็กๆเนี่ย ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็เป็นเรื่องของเราเอง เราเอาพระพุทธรูปไป แล้วก็ไปเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะ หนูกราบไหว้แล้วเดี๋ยวหนูจะได้สิ่งที่ปรารถนา อยากได้อะไรก็มาอ้อนวอนกราบเอา อย่างนี้ก็สอนบนบานสิ ใช่ไหมฮะ นี้เราก็สอน นี่พระพุทธเจ้าแทนองค์พระพุทธเจ้านะ โห เนี่ยหนูระลึกถึงเห็นไหม เนี่ยพระพุทธเจ้าท่านมีพระคุณ ความดีอย่างงี้อย่างงี้ เออ ต่อไปเราก็ ท่านอ่าเราเรียกว่าศักดิ์สิทธิ์และก็ใช้ได้ ศักดิ์สิทธิ์เพราะท่านมีพระคุณความดีอย่างงี้ มีปัญญา มีความบริสุทธิ์ มีมหากรุณา เริ่มมีเรื่องพูดกันแล้วนะ แล้วเราก็บอกว่านี่นะ เรานับถือพระพุทธเจ้าเนี่ย ก็เพราะอย่างนี้ นะ พระองค์มีความดีอย่างงี้ เราต้องพยายามปฏิบัติอย่างพระองค์ เนี่ยก็ได้สื่อเนี่ยนะ พุทธรูปมา พุทธรูปที่ใช้ถูกต้องเนี่ย แม้แต่พระเครื่องเนี่ย เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลเลย แต่เรามาใช้ผิดเองนะ ใช้ผิดจนกระทั่งว่า กลายเป็นวัตถุมีราคาไปเลย ใช่ไหม เป็นวัตถุพาณิชย์ไปแล้ว
อ้าว ผมขอโอกาสเล่าเรื่องเก่านิดนึง ในสังคมไทยแต่โบราณ พระเครื่องไม่มีราคา จริงไม่จริง ไม่มีราคาไม่มีการซื้อขาย การจะได้ไม่ใช่ง่ายเลย นะฮะ อ้าว ผมนึกไปถึงยุคของหลวงพ่อเก่าๆนั่นนะ โอ้ ยุคสมัยนั้นนะ อ้าว ไปหลวงพ่อเจ้าอาวาส หลวงปู่อะไรนี่ก็ตาม แล้วก็ปู่ย่าตายายที่บ้านก็ตาม การมีพระเครื่องสำคัญเนี่ยนะ นอกจากเรื่องศักดิ์สิทธิ์ความเชื่อถือ เรื่องคงกระพันอันนั้นนะ อันนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกอันหนึ่งก็คือความหมายที่มันโยงไปหาคุณธรรมความดี โยงไปถึงคุณค่าในทางความยึดเหนี่ยวจิตใจ ไปประสานเรื่องผูกพันครูอาจารย์กับลูกศิษย์ ผูกพัน ปู่ย่าตายายพ่อแม่กับลูกเนี่ย อันนี้สำคัญมาก คือแต่ก่อนนี้ พระเครื่องเนี่ย ผู้ใหญ่ไม่ว่าพระคฤหัสถ์เนี่ยจะไม่ให้ใครง่ายๆ แล้วก็มีน้อย แล้วก็ไม่มีราคาเป็นเงินทอง นี่ก็ เขาก็จะมีว่า หนึ่งเป็นสิ่งที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย แต่ไม่ใช่แค่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า เช่นอยู่กับปู่ย่าตายาย ปู่ย่าตายายก็แสนจะรัก เคารพบูชา ต่อมาแก่ตัวแล้วลูกเป็นผู้ใหญ่ ตัวก็จะจากโลกไปไม่ช้า ก็จะเรียกลูกมาบอก ลูก พระหลวงพ่อองค์นี้นะ พ่อเนี่ยรักเหลือเกินเคารพบูชามา เนี่ยต่อไปนี้ ลูกจะต้องรักษาวงศ์ตระกูลหรืออะไรก็แล้วแต่พูดไป งั้นพ่อก็อยู่ไม่นานก็จะต้องผละจากโลกไปละ งั้นก็ขอให้ลูกเนี่ยรักษาพระ นี้ไว้นะ แล้วก็มอบพระเนี่ยให้ลูกนะ คิดดูสิครับ แต่พ่อนั้นอาจจะได้มาจากอุปัชฌาย์อีกที อุปัชฌาย์นั้นก็ไม่ใช่เบา เวลาจะให้กับลูกศิษย์นะก็ต้องให้ว่า เออ ลูกศิษย์นี้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ หรือเวลาสำคัญว่าลูกศิษย์จะย้ายถิ่นฐานไปอยู่เมืองอื่น ไปทำมาหากิน เออ ลูกศิษย์คนนี้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ จะย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นแล้ว ถึงเวลาสำคัญ มีความเชื่อถือก็ในแง่คุ้มครองตัว ก็คุ้มครองไปด้วย แต่ว่าคุณค่าทางธรรมนั่นซ่อนอยู่ เรียกมาว่า เออ จะลาไปอยู่ต่างถิ่นนะ หลวงพ่อจะให้พระเนี่ยไปคุ้มครองตัว ให้รักษาไว้ให้ดีนะ แล้วก็เวลามีพระเนี่ย เราอย่าไปประพฤติเสียหายนะ แล้วพระสมัยก่อนเนี่ยเขามีกำกับกันนะ ถ้าหากว่าประพฤติเสีย ช่วงนี้แล้วพระไม่รักษา เคยได้ยินไหม อ่าเนี่ย เขามีกำกับศีลธรรมไว้ด้วย ต้องประพฤติดีเพราะฉะนั้นเมื่อจะมีพระนี้พระคุ้มครองคุณต้องรักษาตัวประพฤติดีมีศีลธรรม ไม่ประพฤติชั่วร้ายงั้นๆ แล้วพอเอาพระนี้ไปรับไปแล้ว ห่างอุปัชฌาอาจารย์ห่างพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย พอมีพระนึกถึงพระปั๊บนี่ ใจนี่นึกพรึ่บเดียวไปถึงพ่อแม่ นึกถึงปู่ย่าตายาย นึกถึงอุปัชฌาย์ของพ่อแม่ นึกถึงพระพุทธเจ้า ตลอดรวดเลยนะ ลองคิดสิครับพระเครื่ององค์นี้มีความหมายเท่าไหร่ สื่อรวดเดียวเนี่ยตั้งแต่พระพุทธเจ้ามาถึงคุณพ่อคุณแม่เลย ถูกไหม แล้วมันจะดีไม่ดีล่ะ ดีแสนดีเลยใช่ไหม โอ สื่ออย่างนี้ เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย แค่จะระลึกถึงพ่อแม่สักนิดนึง ยังไม่ค่อยยอมนึกเลย ใช่ไหม เออ เด็กสมัยนี้ เพราะงั้นมันก็เลยขาด ไอ้เครื่องโยงตัวผูกพันไว้กับศีลธรรม หมดเลยเด็กสมัยนี้ เพราะนั้นอย่าไปคิดในแง่ร้ายอย่างเดียวนะ พระเครื่องถ้าใช้เป็นไม่มีราคา แต่ว่ามีค่าสูงเหลือเกิน ใช่ไหม ไม่มีการมาขายกันนี่ ก็เออ มีแต่ว่าให้ยาก มีคุณค่าทางจิตใจสูง ให้ไปแล้วต้องเก็บรักษาอย่างดี เนี่ยมันเริ่มมามีการคล้ายๆจะเป็นพาณิชย์ขึ้นมา ผมพอจะทัน ผมจะเล่าให้ฟังนิดนึง คือคนโบราณก็มีความเชื่ออันนึง ว่าพุทธศาสนานี้ก็เป็นไปตามหลักธรรมดาของอนิจจัง ในอนาคตก็จะต้องสิ้นสูญไป นะ ที่นี้เมื่อพุทธศาสนาสิ้นสูญไปนี้ ทำไงคนในอนาคตเขาจะรู้ว่าที่นี่เคยมีพุทธศาสนา เขาก็มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าสร้างพระพุทธรูปไว้ แล้วก็เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ระยะยาว ตอนนี้ก็เก็บไว้ในกรุก่อน ฝังไว้น่ะ ก็ก่อไว้นา ต่อไปพุทธศาสนาสูญสิ้นแล้ว มันก็เป็นไปตามอนิจจัง กรุเกรอะมันก็ต้องพังออกมา แล้วก็มีพุทธรูปอะไรต่ออะไรเนี่ย เป็นอนุสรณ์แสดงว่าเคยมีพุทธศาสนาที่นี่ คนก็เลยสร้างพระใส่กรุกันไว้ ทั้งพระพุทธรูปนะ พระพุทธรูปพระเครื่องใหญ่ๆ สมัยก่อนเนี่ยบางองค์ พระเครื่องเนี่ยขนาดใหญ่เป็นเท่ากับมือนี่เลยนะ พระกำแพงพระอะไรพวกนี้ ก็มีพระขนาดต่างๆ แล้วก็มีปางเปิงอะไรต่างๆเยอะ แล้วก็ใส่กรุกันไว้ ที่นี่ต่อมามันไม่ทันถึงพุทธศาสนาสูญสิ้นเลย ตอนนี้พุทธศาสนายังอยู่ แต่ว่ากาลเวลามันผ่านไป กรุเหล่านี้ทนไม่ไหว ทนรอพุทธศาสนาหมดไม่ไหว กรุแตกแล้ว ทีนี้กรุก็พัง พอพังออกมาพระเครื่องก็หลุด อ้าว คนก็เห็นนี่ใช่ไหม โอ้ พระเครื่องเยอะสวยดีนี่ นี้พระในวัดน่ะ ท่านก็อยู่กับวัด ท่านก็อยู่กับกรุ ท่านก็ได้เห็น นี้ก็มากมายเหลือเกิน ความที่ชอบก็ เออ เอาไป โกยเอาไปคนละกอบคนละกำคนละถังก็ เอาไปไว้ ก็ยังไม่หมด ทำไงดีทีนี้ พระก็ โอ มีเหลือเฟือแจก ที่นี้แจกชาวบ้านแถวนั้นก็เหลืออีก ต่อมาก็มานึก เอออ้าว ใครมาก็แจกตอนแรก ต่อมาชักเหลือน้อยลง มาคิดว่า เออ ต้องให้คนที่เขาประพฤติดีมีศรัทธานะฮะ ทีนี้ก็เลือกหน่อยและคนไหนประพฤติดีมีศรัทธาก็มอบให้ ต่อมาก็ มันค่อยๆเป็นไปเองกระบวนการ ต่อมาก็ เอ๊ะ ใครมีศรัทธามากเลย คือคนบริจาคบ่อย ญาติโยมคนนี้แสดงศรัทธาบ่อย มีศรัทธาเยอะ แข็งขันช่วยงานวัดนั่นก็ด้านหนึ่ง แต่ว่ามีงานทำบุญทำทานบริจาคจังเลย นี้คนอย่างนี้ต้องให้ใช่ไหม อ้าว ก็ให้ ให้คนมีศรัทธาให้ไปให้มา ต่อมามีงานวัดก็มีการบริจาค ในงานวัดก็จะมีการบริจาคถวายวัดเยอะ นี้มีพระน้อยก็เลือกกันสิทีนี้ ใช่ไหม เอ้อ ก็ต้องให้คนมาบริจาควัด อ้าวมีพระหลายระดับหลายขนาด แล้วก็มีปางต่างๆ มีสวยมั่งไม่สวยมั่ง ก็มาแยกแยะว่าคน คนไหนบริจาคเท่านี้ก็ให้พระอย่างนี้ ถ้าคนไหนบริจาคเท่านี้ก็ให้พระอย่างนี้ใช่ไหม ตอนนี้ชักแบ่ง แบ่งระดับและแบ่งแยกและ ก็เลยกลายเป็นว่าชักเป็นเครื่องตอบแทนและ แต่ก่อนไม่ได้เป็นเครื่องตอบแทนนะ เป็นเพียงว่าพระเนี่ย ระลึกถึงความดีของเขา ไม่รู้จะแจกใครดี ก็เลยเอาคุณสมบัติของเขาเท่าที่มองเห็นเนี่ยแจก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่า เหมือนเป็นของตอบแทนแล้วใช่ไหม ต่อมากลายเป็นเหมือนเป็นราคาไปเลยใช่ไหมฮะ คนนี้บริจาคเท่านั้น ให้องค์นี้ ไปๆมาๆพระในกรุหมด เอ๊ะ ทำไงดีเนี่ย แต่ก่อนนี้ใครมาเราก็มีพระให้ ตอนนี้ไม่มีแล้วในกรุ เราทำเองก็ได้นี่นะ เนี่ยก็เอาพระในกรุนั่นมาเป็นตัวอย่าง ทำแบบเขาใช่ไหม นี่ก็อะไรๆก็พิมพ์พระกันใหญ่เลย คราวนี้ไม่หมด คราวนี้ไปไปมามาเลยเป็นพาณิชย์จนได้ พอจะเห็นไหมฮะ เนี่ยมันเป็นไปเองเงี้ย ตอนรุ่นผมยังพอเห็นว่ามันมีเค้ามาอย่างนี้ สมัยเดิมที่ผมอยู่วัดบ้านกร่าง หลวงพ่อท่านก็เล่าให้ฟัง กรุที่วัด ผมยังบวชเป็นเณร ผมยังได้ไปลงในกรุเลย นะฮะ กรุแตกนั่นแหละกรุนั้นเก่าแตกกันมาจนกระทั่งว่า ใครมารุ่นนี้ เอ้าก็ลงไปค้นในกรุเผื่อจะได้พระดี เพราะว่าคนเก่าๆเนี่ยเขาเลือกเอาไปหมดแล้ว จะเหลือแต่พระแตกๆหักๆใช่ไหมฮะ แต่ทีนี้ เพราะว่าเยอะอะ ก็ไปคุ้ยๆกัน บางคนก็ไปเจอได้มาองค์ดีหน่อย อ้าว ก็ยังดี นี้พวกเราเป็นเณรเป็นเด็กอะไรอยู่ที่วัดอ่ะ ผู้ใหญ่เขาไป เราก็ไปบ้าง อย่างผมนี่ก็ อ้าว เป็นเณรเล็กๆก็พลอยลงกรุกับเขาด้วยนะ ลงไปก็ไปเที่ยวค้นสินะ ค้นกรุ แล้วอีกอย่างทีนี้หลวงพ่อท่านก็เล่า บอกว่าท่านเล็กๆเป็นเด็กวัดเนี่ยนะ สมัยนั้นพระเต็มไปหมด พระกรุเนี่ย ก็ทำไงพอเย็นๆ เลิกโรงเรียนนะ ไม่มีอะไรทำ ก็เล่นก็ไปโกยกอบเอาพระเครื่อง พระวัดบ้านกร่าง พระขุนแผน ที่กรุ อ้าว เอาไปคนละกำ ไปริมแม่น้ำแล้วก็ขว้างแข่งกัน ใครจะขว้างไกลกว่ากัน ทำอย่างนี้วันไหนนึกสนุกก็ทำเงี้ย แสดงว่ามากมายเหลือเฟือแล้วก็ไม่มีราคาเลยใช่ไหมฮะ เนี่ยพระขุนแผนเนี่ยแหละ ก็ทำกันอย่างนี้ ขว้างกัน นี้พวกรุ่นใหม่ๆเนี่ยได้ยิน หลวงพ่อเล่าอย่างนี้ นี้น้ำแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำสุพรรณเนี่ยนะ มันก็ขึ้นๆลงๆ พอหน้าแล้งน้ำงวดลงไป ฝั่งมันลงขยาย พวกเด็กๆรุ่นใหม่มั่งพระมั่งไปเดินตามตลิ่งหากันใหญ่ เผื่อจะไปเจอพระที่รุ่นหลวงพ่อเนี่ยขว้างเล่นกันนะ อ้าว แล้วได้จริงๆนะฮะ ได้ ผมยังไปได้มาองค์นึงเลย ได้เกือบเต็มองค์เลยแหว่งนิดเดียว ยังเรียกว่าสวยงามเลยได้องค์นึง แล้วก็ให้พี่ไปนะฮะ เนี่ยก็ลองคิดดูสิ ตอนนี้แม่น้ำนี่ก็ไม่ค่อยจะงวดเท่าไหร่แล้วนะฮะ เพราะมีประตูน้ำ ตอนผมนั้นก็มีประตูน้ำแล้ว แต่ว่าหน้าแล้งมันก็ยังฝั่งลงไปเยอะเลย แต่ตอนนี้เขาทำอะไรนะ เขื่อนเขิ่นเลยมันเลยหมดทาง หมดทางที่จะไปเดินไอ้ตามอะไรนะ ไอ้ริมฝั่งเก่าๆอ่ะฮะ นี่ก็เล่าให้ฟัง ท่านจะได้เห็นภาพสมัยโบราณ พอจะได้ความนะฮะ เนี่ย อ้าว เรามาถึงข้อไหน ข้อนี้พอจะเห็นนะฮะว่าเนี่ย เรื่องของวัตถุก็มีคุณค่าอย่างนี้ ทีนี้ถ้าหากว่าเป็นพระเครื่องก็อย่างที่ว่า ทีนี้พระบูชาก็เป็นเครื่องเตือนใจเรา ให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เมื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยแล้วก็โยงเราต่อไป ให้ระลึกถึงธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน แล้วเตือนใจให้เราปฏิบัติ ไม่มัวประมาทเรื่อยเฉื่อยอยู่อะไรงี้ คือใช้ให้ถูก เพราะนั้นน่ะทีนี้ก็จะเน้นในแง่ เตือนใจ เตือนใจให้ระลึกถึง ปฏิบัติตามคุณพระรัตนตรัยแล้วก็ ตั้งตนอยู่ในหลักชาวพุทธนะฮะ ใครสงสัยนะฮะ เอาละฮะ