แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
วันนี้ก็มาคุยสืบเนื่องจากวันก่อน เรื่องของพระพรหมนี่ก็รู้กันอยู่แล้วว่าเกิดในศาสนาพราหมณ์ของอินเดีย ที่นี้ศาสนาพราหมณ์ของอินเดียที่จริงมันไม่ได้เกิดในอินเดียเดิมนะมันมากับพวกอารยัน แล้วอารยันมาจากไหนโน่นมาจากอิหร่าน แต่ที่จริงก่อนอิหร่านอีกมาจากทะเลสาบเหนือขึ้นไปโน่น เอาละเราก็เริ่มต้นที่อีหร่าน อิหร่านนี่นะเขาวิเคราะห์ศัพท์ว่าเพี้ยนมาจากคำว่าอารยัน อิหร่านแปลว่า The land of Aryans อิหร่านนี่จึงเป็นมุสลิมที่ต่างกับพวกมุสลิมอื่น มุสลิมในตะวันออกกลางส่วนใหญ่เป็นอาหรับแต่ที่จริงไม่ใช่หมดต้องเข้าใจ
เอาเลยแทรกนิดนึง แทรกตรงนี้แทรก ตะวันออกกลางเนี่ยส่วนใหญ่เป็นมุสลิมแต่มียิวแทรกอยู่ มีศาสนายิวอยู่นิดนึง ทีนี้ในแง่ชนชาติก็มีชนชาติอาหรับมากที่สุดใช่ไหม แต่อาหรับที่จริงเป็นเซมิติกพวกหนึ่ง แล้วเซมิกติกก็เป็นกลุ่มเดียวกับยิว เซมิติกพวกหนึ่งเป็นอาหรับ เซมิติกพวกหนึ่งเป็นยิว ยิวก็เป็นเซมิติกเผ่าหนึ่ง เซมิติกเหมือนกันยิวกับอาหรับนี่ แต่ 2 พวกนี้เข้ากันไม่ได้กลายเป็นคนพวกไปเลยเพราะเหตุศาสนาก็คงต้องยอมรับอย่างนั้น นี่เราพูดตามข้อมูลตามที่มันเป็นเราไม่วิจารณ์ไม่มีความเห็น ยิวนี่ก็มีน้อยแค่นิดเดียวไม่กี่ล้านคน อิหรับก็เยอะเป็นเซมิติกส่วนใหญ่ ทีนี้นอกเหนือจากพวกอาหรับยิวอยู่แล้วก็มีเคิร์ดอีก อ้าวละเคิร์ดก็ไม่ต้องถือสำคัญ มีพวกหนึ่งที่สำคัญมากเพราะเคยเป็นชาติใหญ่คือเติร์ก เติร์กนี่เป็นคนละเชื้อชาติเลยคนละชนชาติคนละเชื้อชาติ เติร์กนี่มาจากไหนโน่นมาจากเอเซียกลาง เติร์กกีสถานโน่นอยู่ระหว่างจีนกับรัสเซียอยู่เหนืออินเดีย อยู่เหนืออัฟกานิสถานขึ้นไปนะ คือภูเขาหิมาลัยเนี่ยมันกั้นระหว่างจีนอินเดียทิเบตอะไรมาตลอดเพราะมันจบมันก็ถึงจุดที่โผล่ระหว่างดินแดนอัฟกานิสถานปากีสถานขึ้นไปที่จะเดินทางไปจีนได้เปิดภูเขาหิมาลัยตรงนั้นตรงที่เปิดนี่ เป็นแดนต่อเนี่ยก็จะผ่านอาเซียกลาง อาเซียกลางนี่แหละเดิมเป็นที่อยู่ของพวกเติร์กแล้วพวกเติร์กนี่ถูกอาหรับยกมาตีแผ่ศาสนาอิสลามมาเมื่อ ค.ศ. 700 จนกระทั่งรบชนะราชวงศ์ถังราชวงศ์ถังนี่ต้องถึงความสูญสิ้นเพราะความอ่อนแอหลังจากถูกอาหรับรบชนะ อาหรับนี่รบชนะราชวงศ์ถังซึ่งยิ่งใหญ่มาก ก็ทำให้ราชวงศ์ถังคลอนแคลนตั้งแต่นั้นนำมาสู่ความสูญสิ้นราชวงศ์ถัง พวกอาหรับนี้ไปรบเมื่อ ค.ศ. 700 เศษ แล้วก็ได้จับเอาพวกช่างฝีมือ เช่น ช่างทำกระดาษเป็นต้นไปอาหรับและพวกช่างชาติจีนเหล่านี้ก็นำความรู้เรื่องการผลิตกระดาษนี่ไปเผยแพร่ให้แก่อาหรับ แล้วอาหรับก็นำไปสู่ยุโรป นี่การทำกระดาษมาจากจีน โดยจับเอาพวกช่างจีนที่ไปรบที่อาเซียกลางนี่แหละอาหรับก็รบชนะ จีนก็เลยร่นไปตอนนั้นจีนนี่มีอำนาจมากมาถึงอาเซียกลางนี่เกือบตลอด จีนนี้ล่นไปติดดินแดนตัวเอง อาหรับคุยว่าตีเข้าไปถึงในดินแดนจีน อ้าวละดินแดนแถบนี้ก็เลยเป็นมุสลิมทั้งหมดเลยอาเซียกลาง ก็แยกเป็นประเทศเล็ก ประเทศน้อยมากมาย แล้วพวกเติร์กก็ต่อมาอีกไม่กี่ร้อยปีแล้วแกก็เข้มแข็งแกก็ลงมารับราชการในอาหรับไปเป็นทหารของพวกอาหรับแล้วต่อมาแกก็เป็นใหญ่เป็นสุลต่าน พวกเติร์กเป็นสุลต่านของอาหรับเขามีศัพท์ว่ากาหลิบ กาหลิบนี่ใหญ่ที่สุดเป็นผู้สืบต่อจากพระศาสดา ต่อมาพวกเติร์กไปรับราชการกับพวกทหารอาหรับก็เป็นทหารใหญ่ขึ้นมามีอำนาจคุมเลยเชิดกาหลิบ กาหลิบไม่มีอำนาจกลายเป็นหุ่นเชิด เติร์กก็เป็นใหญ่จนกระทั่งในที่สุดเติร์กครอบงำพวกอาหรับหมดเลย ในที่สุดก็ตั้งอาณาจักรใหญ่เขาเรียกว่าออตโตมันเติร์ก อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมุสลิม หมดเลยพวกไบเซนพี พวกโรมันตะวันออกพังพินาศเพราะพวกเติร์ก พวกเติร์กก็ปกครองหมดอาหรับอาเหริบจนกระทั่งในที่สุดไปถอดกาหลิบที่อียิปห์ออก แล้วตัวเองเป็นทั้งกาหลิบ เป็นทั้งสุลต่านเลย ออตโตมันเติร์กนี่ยิ่งใหญ่มากอยู่ตั้งหลายร้อยปี นี่ลงไปจากอาเซียกลางก็ไปใหญ่ในตะวันออกกลาง จากอาเซียกลางไปใหญ่ในตะวันออกกลาง พวกเติร์กนี่ต่อมาก็เสื่อมลงแล้วพอถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ไปเข้ากับเยอรมัน เยอรมันแพ้ตัวเองแพ้ด้วยเลยยุบประเทศเหลือแค่ตุรกี ตุรกีก็คือเตอร์กี เตอร์กีก็คือดินแดนของพวกเติร์ก คือเติร์กที่ไปจากอาเซียกลางก็เหลือแค่นั้นเอง พวกอาหรับก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นถอนตัวพ้นเป็นอิสระจากพวกเติร์ก ตอนนี้อาหรับก็ถือตัวว่ากลับได้อำนาจคืน อาหรับก็เป็นใหญ่แต่ว่าเติร์กนี่ไม่รู้เขาแค้นอะไรขึ้นมาเขาเคยเป็นใหญ่ในอาณาจักรมุสลิมทั้งหมดพอเขาตั้งประเทศตุรกีได้เขาปลดกาหลิบ ปลดสุลต่านหมดแล้วเลิกใช้ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการแล้วก็เลิกใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแบบที่เป็นวัฒนธรรมของมุสลิมซึ่งที่จริงเป็นของอาหรับเลิกหมดเลย หันไปใช้แบบตะวันตกหมดเลย เตอร์กีนี่ปัจจุบันก็ยังมีศาสนิกเป็นมุสลิม 98% แต่แปลกที่สุดกว่ามุสลิมประเทศอื่น ห้ามแต่งชุดฮิญาบ รู้จักฮิญาบไหม ฮิญาบคือชุดคลุมศีรษะปิดหน้า ผู้หญิงปิดหน้าคลุมศรีษะเขาเรียกว่าชุดฮิญาบ ในประเทศตุรกีห้ามถ้าแต่งในบ้านตามถนนพอได้ แต่ถ้าเข้าสถานศึกษาหรือสถานที่ราชการถูกจับนี่ประเทศมุสลิมนะ เคยมีเรื่องให้ตีความรัฐธรรมนูญขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยถ้าแต่งฮิญาบผู้หญิงสตรีคลุมหัวคลุมอะไรนี่ผิดรัฐธรรมนูญ เอาอย่างงั้นเลย ตรงข้ามประเทศอิหร่าน อิหร่านนี่ปกครองเป็นอิสลามรีพับบลิก สาธารณรัฐอิสลามใช้กุลอานเป็นรัฐนธรรมนูญ ใช้คัมภีร์กุลอานเป็นรัฐธรรมนูญเลย แต่ตุรกีนี่ตรงกันข้ามเลยแต่งชุดฮิญาบผิดรัฐธรรมนูญ เคยมีคุณผู้เหญิงคนหนึ่งเวลาปี ค.ศ.ปีมาณ 1999 ประมาณนั้นแกสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นสส ก็หาเสียงก็แต่งชุดนี้ตลอด เขาไม่ว่า เพราะแต่งไปตามถนนตามบ้านเขาไม่ว่า นี้พอแกได้รับเลือกตั้งมาเป็นสส วันเปิดประชุมสภาแกก็แต่งชุดฮิญาบเข้าไป พอโผล่เข้าไปในสภาเท่านั้นสมาชิกคนอื่นซึ่งแต่งชุดสากลแบบฝรั่งนี่ลุกขึ้นมาไล่แกชี้หน้าชี้ตาว่ากันนานจนในที่สุดเจ้าหน้าที่ต้องมาเอาตัวแกออกไป แล้วรัฐบาลเอาเรื่องต่อจนกระทั่งว่าถอนสัญชาติ นี่ประเทศตรุกีเอาขนาดไหนในประเทศมุสลิมนะ ก็แสดงว่าประตุรกีไม่ได้ถือว่าการแต่งฮิญาบเป็นวัฒนธรรมมุสลิม เขาอาจจะถือเป็นวัฒนธรรมอาหรับหรือยังไงไม่ทราบนะ ก็นี่เราต้องรู้เตอร์กีนี่เป็นเติร์กมาจากอาเซียกลาง แล้วก็อยู่กับพวกอาหรับ ว่าไงท่านจะถามอะไรครับ
คนฟังถาม เตอร์กีนี่พบทานเหล้าได้ด้วย มุสลิม
พระตอบ เหรอ ก็เค้าเอาวัฒนธรรมฝรั่งเลย คือใช้ระบบตะวันตกหมด บิดาแห่งชาติของเขาชื่อเคมาล อตาเติร์ก เป็นบิดาแห่งชาติเลยนะ เพราะทำให้ประเทศตุรกีรอดพ้นจากการแตกสลายไม่งั้นหมดเลยชาตินี้ เพราะว่าแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 เคมาล อตาเติร์ก นี่รวมประเทศไว้ได้แต่ว่าพวกอาหรับก็ถอนตัวออกเป็นอิสระหมด ตอนนั้นพวกอังกฤษนี่มายุยงพวกอียิปต์เป็นต้นให้เป็นอิสระขึ้นมา เพราะเติร์กเข้ากับเยอรมัน แล้วให้พวกเติร์กนี้แพ้ ก็มายุอาหรับให้ตั้งตัวเป็นใหญ่พวกเติร์กก็แย่สิ ละล้าละลังต้องรบตั้งหลายด้าน และนี้แหละเติร์กก็เลยกลายเป็นมุสลิมที่ไม่เข้าพวกเขาเลย อ้าวนี่เป็นเผ่าหนึ่ง เผ่าใหญ่นะมาจากอาเซียกลางเติร์ก แล้วก็เมื่อกี้บอกอาหรับ แล้วก็มีพวกเคิร์ตมุสลิม ก็อยู่ทั้งในตุรกี อิหร่าน ทั้งอิรัก ทีนี้ก็มาอิหร่านที่เป็นอารยันไม่ใช่อาหรับ ทีนี้อิหร่านนี่ในมุสลิมซึ่งแยกเป็น 2 นิกายใหญ่ เป็นนิกายซุนนีและนิกายชีอะห์ คือเป็นเรื่องที่ควรจะรู้ว่าประวัติเป็นมายังไงแต่ผมจะไม่เล่าเลยเอาง่าย ๆ ว่าปัจจุบันเนี่ย ซุนนีเป็นนิกายที่ใหญ่ ส่วนใหญ่ในตะวันออกกลางก็เป็นนิกายซุนนี ซึ่งเป็นนิกายที่ตั้งต้นที่ซีเรียมีกาหลิบแห่งดามัสกัสคือตั้งตัวเป็นใหญ่ตั้งราชวงศ์แรกของอาหรับในราชวงศ์กาหลิบ เขาเรียกว่ากาหลิบเฟส นี้ของพวกตุรกีเป็นรัชสุลต่านก็สุลต่านเนท พวกดามัสกัสก็เริ่มเป็นต้นวงศ์ของพวกซุนนี แล้วทีนี้ต่อมาอีกพวก พวกชีอะห์ถือว่าพวกตัวถูกแย่งชิงกาหลิบเฟสไป นิกายชีอะห์นี่ผู้นำตอนต้นนี่ก็อยู่ในสายของกาหลิบนี่แหละได้เป็นกาหลิบ ที่ 4 ชื่อว่าท่านอาลี ท่านอาลีเป็นบุตรเขยพระศาสดาพระมหามัดท่านเป็นบุตรเขยใหญ่ เพราะว่าพระมหามัดท่านมีภรรยาท่านแรกเป็นแม่หม้ายแล้วเป็นผู้อุปถัมภ์บำรุงท่าน แล้วลูกท่านชื่อปาติมา ได้แต่งงานกับท่านอาลี ท่านอาลีเป็นเขยใหญ่เป็นเขยคนสำคัญเลยซึ่งหวังว่าเมื่อท่านศาสดามหามัดสิ้นจะได้เป็นกาหลิบเป็นผู้สืบต่อ กาหลิบแปลว่า successor ผู้สืบต่อ แต่ว่าพระมหามัดเมื่อภรรยาท่านแรกท่านสิ้นไปแล้วท่านได้แต่งงานมีภรรยาทั้งหมด 9 ท่าน ก็มีข้อพ่อตาหลายท่าน ทีนี้พ่อตาบางท่านก็สำคัญมากมาเป็นคนใกล้ชิดมารับราชการมาเป็นแม่ทัพช่วยรบอะไรต่าง ๆ ช่วยกันในงานของการปกครอง ทีนี้พอพระมหามัดท่านสิ้น ท่านอาลีซึ่งหวังจะได้เป็น กาหลิบ กลับไม่ได้เป็น พ่อตาที่ใกล้ชิดซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าได้เป็น ก็เลยได้เป็นกาหลิบท่านที่ 1 Abu Bakar ต่อมาท่านที่ 1 สิ้นไปแล้ว ท่านอาลีก็หวังจะได้เป็นไม่ได้เป็นอีก พ่อตาท่านที่ 2 ได้เป็น พอพ่อตาท่านที่ 2 เป็นท่านอาลีก็รอหวังจะได้เป็น พอคนที่ 3 ไม่ได้เป็นอีก ลูกเขยอีกท่านหนึ่งมาเป็น ท่านอาลีก็รอ ๆ ไปถึงท่านที่ 3 สิ้นท่านอาลีได้เป็น ท่านอาลีก็ได้เป็นกาหลิบที่ 4 แต่ตอนนี้พวกหนึ่งสายของกาหลิบก่อนก็ไปตั้งวงศ์กษัตริย์ที่ดามัสกัสที่ 4 ประกาศตัวเป็นกาหลิบแข่งกับท่านอาลีก็เลยต้องรบกันในที่สุดท่านอาลีก็ยอมว่าต้องค่อยพิสูจน์กันอีกที ตอนนี้ท่านอาลีก็เลยถูกฆ่า ถูกคนที่จงรับภักดีฆ่า คนที่จงรักภักดีตอนแรกช่วยท่านจะไปรบที่ดามัสกัสพอท่านยอมว่าไม่เป็นไรเรายังไม่ต้องเป็นก็ได้ให้มาพิสูจน์กันก่อน คนที่ภักดีต่อท่านพวกนี้กลุ่มนี้โกรธแค้นมากบอกว่า เราจะฆ่าทั้ง 2 ฝ่ายเลยก็เลยฆ่าท่านอาลีเลย พอฆ่าท่านอาลีจบดามัสกัสก็ประกาศตัวขึ้นเป็นกาหลิบคนที่ 1 เป็นต้นวงศ์กษัตริย์คราวนี้ กาหลิบก็สืบต่อโดยวงศ์กษัตริย์เลย ท่านอาลีสิ้นอายุลูกท่านอาลีท่านมี 2 ท่าน ชื่อ ฮะซันกับฮุสเซน ก็ตายทีละคน ฮุสเซนนี่เป็นคนที่ 2 มีลูกน้องเยอะที่ภักดีก็พยายามที่จะรบชิงดามัสกัส แต่ในที่สุดถูกฝ่ายดามัสกัสบ่วงล้อมฆ่าตายหมดเลย พอท่านฮุสเซนถูกฆ่าตาย พวกลูกศิษย์บริวารของท่านฮุสเซนนี่ ซึ่งนับถือท่านอาลีมากก็โกรธแค้นพวกดามัสกัสมากก็เลยแยกตัวหนึ่งเรียกว่าชีอะห์ แล้วพวกนี้ยอมรับแต่ท่านอาลีและท่านซัดดัม ฮุสเซน ว่าเป็นกาหลิบที่แท้ ท่านอื่นไม่เอาทั้งนั้น ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 อะไรไม่เอาทั้งนั้น ก็เลยกลายเป็นคนละนิกาย ถือว่าตั้งแต่ท่านอาลี ท่านฮุสเซน และก็เป็นนิกายชีอะห์ นิกายชีอะห์นี่เข้ามาเมืองไทย บางทีเราเรียกนิกายเจ้าเซน สมัยก่อนที่ฝั่งธนนี่มีอยู่กลุ่มใหญ่พอถึงเดือนมุฮัรรอม เดือนสำคัญของศาสนาอิสลามก็จะมีพิธีรำลึกถึงท่านฮุสเซน แขกเจ้าเซนก็คือที่นับถือท่านฮุสเซน ทีนี้พวกเจ้าเซนก็เต้นแสดงคลั่งแค้นเอาโซ่ฟาดตัวเอง ฟาดหัวตีอกชกหัวเลือดออกแสดงความคลั่งแค้นต่อฝ่ายดามัสกัส ก็คือฝ่ายซุนนี ก็เป็นอย่างนี้มาตลอดจะต้องทำอันนี้มีเป็นพิธีจะต้องทำร้ายตัวเองเพื่อรำลึกถึงความคลั่งแค้นที่ถูกฝ่ายดามัสกัสทำลายก็เลยแยกเป็น 2 นิกาย นิกายชีอะห์ปัจจุบันนี้ประเทศที่มีศาสนิกมากที่สุดเกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คืออิหร่าน อิหร่านนี่เป็นนิกายชีอะห์ แล้วอิรักนี่ที่จริงมีชีอะห์ประมาณ 60 กว่า % ชุนนีเป็นข้างน้อยแค่สัก 30 กว่า % แต่ตอนที่ซัดดัมฮุสเซนเป็นใหญ่ซัดดัมนี่เป็นซุนนี ก็ได้ทำให้ซุนนีซึ่งเป็นข้างน้อยนี่เป็นใหญ่ นี่ก็เป็นเรื่องระหว่างนิกาย ซึ่งถ้าเราศึกษาเข้าใจแล้วเราจะมองอะไรต่ออะไรออก เอาละครับนี่ก็เป็นเรื่องของตะวันออกกลางซึ่งมีศาสนายิว แล้วก็ศาสนาอิสลาม 2 นิกาย มีซุนนีกับชีอะห์ แล้วโดยเชื้อชาติก็มีทั้งยิวกับอาหรับซึ่งเป็นเซมิติกแล้วก็มีเติร์กซึ่งมาจากอาเซียกลาง ก็มีอารยันมาจากอิหร่าน นี่คนเรานะมันจะมีปัญหาแตกแยกกันโดยศาสนาบ้าง โดยเชื้อชาติบ้าง ไม่รู้จักจบปัญหาเรื่องสันติภาพอะไรจะแก้ตกเนี่ยเป็นเรื่องที่ต้องคิดกันให้มากว่าทำยังไงมนุษย์เจริญมาว่ามีอายธรรมจึงแก้เรื่องนี้ไม่ได้เลยมีแต่การเบียดเบียนกันหนักเข้าไป เอาละครับนี่ก็แทรกเข้ามา
ทีนี้เมื่อกี้พูดอะไรนะที่ว่าพูดเรื่องนี้ก็คือ พูดว่าอิหร่านเป็นแดนเดิมของพวกอารยัน เอากลับมาที่นี่ใหม่ เอาละพวกอารยันก็มาตั้งตัวที่อิหร่าน พวกหนึ่งก็อยู่ที่อิหร่านก็เป็นอาณาจักรเปอร์เซีย เปอร์เซียนี้เรียกชื่อตามกรีก ฝรั่งเรียกเปอร์เซียมาเรื่อย จนกระทั่่งมายุคหลังนี่เขาเรียกชื่อกลับไปเป็นอิหร่าน พวกอารยันนี้ก็บุกมาจากอิหร่าน พวกหนึ่งก็ปกครองอิหร่านที่เป็นอาณาจักรเปอร์เซียสมัยก่อนนี้จักรวรรดิ์เปอร์เซียนี้ใหญ่ยิ่งเลยนะ แล้วมาถูกอเล็กซานเดอร์มหาราชนี่ตีแตก อเล็กซานเดอร์มหาราชนี่เป็นตัวพิชิตอาณาจักรเปอร์เซีย แล้วก็ตีเข้ามาสู่ชมพูทวีป ทีนี้อารยันพวกหนึ่งก็ปกครองที่อิหร่านคือเปอร์เซีย พวกหนึ่งก็ยกทัพมาตีทางอินเดีย อินเดียนี่เป็นดินแดนที่มีอารยธรรมโบราณเขาเรียกว่าอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ เรียกตามศูนย์กลางใหญ่ 2 แห่งที่ไปค้นพบซากสิ่งเหล่านี้ เขาเรียกโมเฮนโจดาโร และฮารับปา ก็สันนิฐานกันว่าอารยธรรมเก่าก่อนพวกอารยันมา คืออารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุนี่เขาเจริญอยู่แล้ว เขามีบ้านมีเมืองอยู่แล้วเจริญมาก เกิดก่อนคริสต์ศาสนาประมาณ 2500 ปี แล้วคนพวกนี้ก็เรียกชื่อต่าง ๆ เป็น มิลักขะบ้าง เป็นทัสยุเป็นอะไรต่ออะไร อารยันยกทัพมาจากอิหร่านก็มารบกับพวกนี้ แล้วก็ตีพวกนี้แตกเมื่อประมาณ 1500 ปีก่อน ค.ศ.ก็หมายความว่าพวกอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุของอินเดียนี่เจริญอยู่ประมาณ 1000 ปีนะ 2500 ปีกว่าก่อน ค.ศ.ถึง 1500 ก่อน 1500 ปี ก่อน ค.ศ.พวกอารยันก็บุกมาจากอิหร่านมาตี
พวกอารยันนี่ก็มีเทพเจ้าสำคัญชื่อพระอินทร์เคยได้ยินแน่นอนพระอินทร์นี่แหละเทพยเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของอารยันเดิม พระอินทร์นี่เป็นนักรบ เป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่มีตำนานในอินเดียเทวาสุรสงครามเทวดารบกับอสูร ก็หมายความดินแดนแถบนี้แต่ก่อนนี้อสูรอยู่แล้วก็พระอินทร์ก็มารบ พระอินทร์ก็เป็นเทวดา พวกอสูรนี่เรียกบุพเทวดา แปลว่าเทวดาเก่า เทวดาเก่าก็ถูกเทวดาใหม่ตีแตก เทวดาใหม่ก็พระอินทร์กับพวกพอตีแตกแล้วก็เข้าครอบงำก็เอาพวกเก่าพวกทะสยุนี่เป็นทาส แล้วระบบวรรณะก็เกิดขึ้นมา นี่ตอนนี้น่าสังเกตเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เดิมในยุคอารยันที่กำลังเล่ร่อนยกทัพถือการรบเป็นสำคัญนี่พระอินทร์เป็นใหญ่ พออารยันเข้าคลองชมพูทวีปได้รบชนะอารยธรรมลุ่มน้ําสินธุเข้าครอง ตอนนี้พระอินทร์ชักอับรัศมี พระพรหมขึ้น พระพรหมก็ขึ้นมากับพวกพราหมณ์เนี่ยมันอาจจะเกี่ยวกับระบบวรรณะ ก็คือพราหมณ์นี่เป็นพวกปัญญาชนเมื่อตั้งดินแดนอยู่กับที่ได้แล้ว พวกพราหมณ์นี่ชักจะใหญ่ ตอนที่กำลังรบนี่พวกนักรบจะใหญ่ใช่ไหม พอตั้งเมืองตั้งอะไรได้อยู่สงบ ทีนี้พวกปัญญาชนชักใหญ่ นี้พวกพราหมณ์ก็ใหญ่ขึ้นมาพระอินทร์ชักอับรัศมี พระอินทร์ชักมีตำนานเป็นเรื่องเสียหายประพฤติไม่ดีเป็นชู้กับภรรยาพระฤษี ตอนหลังพระอินทร์ไม่ค่อยสำคัญแล้ว พระอินทร์พระนามหนึ่งว่าสหัสสนัย ท้าวพันตา มีเรื่องว่าเดิมไม่ได้ชื่ออย่างนั้น ก็ตำนานของอินเดียนั่นแหละ ก็คงจะฝ่ายพวกพวกพราพรหมณ์แต่งเพื่อลดเกียรติพวกนักรบ ซึ่งเป็นวรรณะกษัตริย์ คือตอนนี้เขาจะตั้งระบบวรรณะก็มีเรื่องเล่าว่า พระอินทร์มาเป็นชู้ภรรยาพระฤษี พระฤษีมีภรรยาพระโคตมฤษีมีภรรยาแล้วพระอินทร์เป็นชู้กับภรรยาพระฤษี พระฤษีนี่มีเดชมีอำนาจมากก็สาปพระอินทร์ ขอประทานอภัยอย่างถือเป็นการหยาบให้มีอวัยวะเพศของผู้หญิงขึ้นเต็มตัว พระอินทร์ก็ชื่อสหัสสโยทิน พระอินทร์ลำบากมากไปไหนก็อายเขา ก็เลยต้องมาขออภัยโทษลุกโทษโคตมฤษี พระโคตมฤษีก็ยกโทษให้แล้วเนรมิตใหม่ให้เป็นสหัสสนัย เปลี่ยนอวัยวะเพศนั้นเป็นตา ก็เลยท้าวพันตาเปลี่ยนชื่อเป็นสหัสสนัย อันนี้อาจจะเป็นยุคเริ่มต้นที่พวกพราหมณ์ชักจะเป็นใหญ่ ตอนนี้เราจะได้ยินตำนานเรื่องที่เกี่ยวกับพวกฤษีบำเพ็ญตบะแข่งกับเทวดา อย่างในเรื่องรามเกียรติ์นี่จะพบก็คือเป็นยุคแข่งอำนาจกันจะเห็นว่าพวกฤษีซึ่งเป็นมนุษย์นี่บำเพ็ญตบะยิ่งใหญ่มีอำนาจเก่งกว่าเทวดา เก่งกว่าพระอินทร์ พวกฤษีนี้ขึ้นต่อพระพราหมณ์กลายเป็นเทพองค์ใหม่ขึ้นมาแล้วคือพระพรหม พระพรหมนี้เป็นผู้สร้างผู้บรรดาโลกแล้วก็สร้างวรรณะ 4 ขึ้นมา ตอนนี้วรรณะ 4 ชัดขึ้นมาในยุคที่เข้ามาอินเดียแล้ว พราหมณ์ก็ถือว่าพราหมณ์เป็นวรรณะที่ 1 นะเขาไปไม่ถือกษัตริย์ 1 นะ พราหมณ์เป็นวรรณะใหญ่ที่ 1 2 กษัตริย์ 3 แพศย์ แล้วก็ 4 ศูทร ศูทรก็คือพวกทัสยะพวกอารยธรรมเดิมที่เขาจับเป็นทาส สันนิษฐานว่าเป็นอย่างนั้น นี้ก็คือระบบวรรณะเกิดขึ้น แต่พวกศาสนาพราหมณ์เขาไม่ได้บอกวรรณะเกิดขึ้นจากเรื่องวิวัฒนาการทางสังคม แต่เขาบอกว่าพระพรหมท่านจัดสรรมาเสร็จ ก็คือมนุษย์พวกหนึ่งเกิดจากปากพระพรหมเป็นพราหมณ์ เกิดจากพระพาหาของพระพรหมเขนพระพรหม เป็นนักรบก็เป็นกษัตริย์ เกิดจากพระโสณีสะโพกขาเดินทางก็เป็นพวกพ่อค้าเป็นแพศย์ แล้วเกิดจากพระบาทของพระพรหมรับใช้เขาก็เป็นศูทร นี่ก็คือระบบวรรณะตามคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพราหมณ์ก็ขึ้นเป็นใหญ่ ศาสนาพราหมณ์ก็ 1 ถือพระพรหมเทพเจ้าเป็นใหญ่สูงสุดสร้างบันดาลทุกสิ่งทุกอย่าง 2 มีวรรณะ 4 ซึ่งพระพรหมท่านสร้างมาเกิดมายังไงก็เป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไม่ได้ 3 ต้องบูชายัญ ต้องอ้อนวอนบวงสรวงเทพเจ้าจึงจะได้สมปรารถนาแล้วพ้นภัยพิบัติ แล้วจะบวงสรวงได้ก็ต้องอาศัยพราหมณ์ พราหมณ์จะเป็นผู้ประกอบพิธีให้ พราหมณ์จะเป็นผู้สื่อกับพระพรหม พราหมณ์เป็นผู้สื่อกับพระพรหม เพราะฉะนั้นใครต้องการอะไรก็ต้องมาติดต่อพราหมณ์ท่านจะได้บอกได้ว่า เอ้อเธอต้องการอะไร เธอต้องการเรื่องนี้ อ้อต้องบวงสรวงบูชายัญด้วยวัตถุด้วยของสิ่งนี้ด้วยสัตว์ชนิดนี้เท่านี้อะไรนี้วิธีการวิธีกรรมทำอย่างนี้ อย่างนี้ ฉันจะจัดให้เสร็จ แล้วก็ให้ค่าทักษิณา คำว่าทักษิณานี่เดิมคือค่าทำพิธีบูชายัญ แล้วพุทธศาสนาเรามาเปลี่ยนใหม่หมด ทักษิณาเดิมนี่เป็นค่าทำพิธีบูชายัญ ก็คือระบบพราหมณ์เกิดขึ้นพระพรหมนี่เป็นใหญ่ ก็เป็นว่ายุคนี้พวกอารยันเข้ามาอินเดียแล้วตั้งแต่ประมาณก่อน ค.ศ. 1500 อ้าวละศาสนาพราหมณ์ก็ยิ่งใหญ่มาตลอด จนกระทั่งมาถึงก่อน ค.ศ.ในราว 600 ปี ก็เอาเลขถ้วนว่า 500 ก็เป็นอันว่า 2500 ปีก่อนคริสต์ศักราชเกิดอารธรรมลุ่มน้ำสินธุ 1500 ปีก่อนคริสต์พวกอารยันมา ศาสนาพราหมณ์ก็เป็นใหญ่ แล้วก็ก่อน ค.ศ.ในราว 500 ปี พุทธศาสนาก็เกิดขึ้น พุทธศาสนาเกิดขึ้นก็ทำให้ศาสนาพราหมณ์กระเทือนอย่างหนัก แล้วก็ศาสนาเชนก็เกิดตอนนี้ด้วย ทั้ง 2 ศาสนานี้ไม่เอาเลยไม่ถือพระพรหมเป็นใหญ่ ไม่ยอมรับพระเวท ศาสนาพราหมณ์ถือพระเวทเป็นใหญ่ พระเวทนี้เป็นสิ่งที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าปากของพระพรหม และพราหมณ์ก็เป็นผู้รักษาพระเวท อย่างศูทรนี่เรียนพระเวทไม่ได้มีบัญญัติต่อมาว่า คนวรรณะศูทรฟังพระเวทเอาตะกั่วหลอมหยอดหูมัน ถ้าสาธยายพระเวทตัดลิ้นมันเสีย ถ้าเรียนพระเวทให้ผ่ากายมันเป็น 2 ซีก นี่ผูกขาดหมดการศึกษาเล่าเรียน ก็เป็นอันว่าเทพผู้เป็นใหญ่พระพรหมแล้วบูชายัญ แล้ววรรณะ 4 แล้วก็พระเวท พระเวท 3 แล้วมาเป็น 4 นี่เรื่องใหญ่ของศาสนาพราหมณ์ พระพุทธเจ้าพอสอนปั้บก็ปฏิเสธหมดทุกอย่าง 1 พระพรหมไม่ใช่เป็นใหญ่สร้างโลก สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือธรรม ธรรมคือธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย คือความจริงกฎธรรมชาติ ความเป็นไปตามธรรมดา เช่นตามเหตุปัจจัย เปลี่ยนจากเทพสูงสุดเป็นธรรมสูงสุด พุทธศาสนามาปั้บท่านเรียกปฏิวัติได้เลย ที่ว่าเจ้าชายสิทธัตถะพระสูตรปั้บ อะโคมะสะมิสะ เราเป็นผู้เลิศ เราเป็นผู้ประเสริฐเป็นพี่ใหญ่ของโลก และนี่คือคำของพระพรหม เดิมพระพรหมนี่เป็นใหญ่ พระพุทธเจ้ามาประกาศว่าเรามนุษย์นี่แหละเป็นใหญ่ พระพุทธเจ้าประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์ ก็เอาละเปลี่ยนจากเทพพระเจ้าสู่สุดคือพระพรหมเป็นใหญ่ มาเป็นธรรมเป็นใหญ่แล้วก็ปฏิเสธพระเวทหมด พระเวท 3 ก็เปลี่ยนมาเป็นวิชา 3 ใช้ศัพท์เดียวกันด้วย บาลีใช้เตวิชา แล้วก็วรรณะ 4 พุทธศาสนาไม่ยอมรับเลยใครมาบวชนี้สลัดวรรณะหมด แล้วใครบวชก่อนไม่ว่าเป็นวรรณะไหนก็ถือว่าเป็นพี่ บูชายัญยิ่งไม่เอาเลยให้เปลี่ยนความหมายให้มาสงเคราะห์กันในสังคมแทนที่จะบูชายัญไปบวงสรวงขอผลจากเทพเจ้าก็ให้มาสละทรัพย์ช่วยเหลือกันระหว่างมนุษย์บำเพ็ญทานแทนบูชายัญ นี่พระพุทธเจ้าปฏิเสธหมด พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นศาสนาพราหมณ์ก็กระเทือนมาก คือตอนนี้พระพรหมยังเป็นใหญ่เป็นคู่แข่งกับพุทธศาสนา แต่ว่าแย่แล้วตอนนี้ง่อนแง่น
ตอนนี้ยังไม่มีพวกพระนารายณ์ พระอิศวร ไม่ได้ยินชื่อในสมัยพุทธกาล ถ้าจะมีชื่ออยู่บ้างก็แค่คล้ายกันอย่างเช่น พระนารายณ์ชื่อหนึ่งที่อินเดียนิยมเรียกว่าพระวิษณุ พระนารายณ์ก็นิยมเรียกพระวิษณุ ทีนี้พระวิษณุนี่เราจะได้ยินชื่อหนึ่งทีคล้าย ๆ คือ พระวิสสุกรรม เคยได้ยินไหม พระวิสสุกรรม วิสสุกรรมนี่มาเป็นวิศวกรรม พระวิสสุกรรมนี่ท่านเป็นเทวดานักก่อสร้าง เรียกว่าเป็นมือขวาของพระอินทร์เลยว่าอย่างงั้นเถอะ พระวิสสุกรรมนี่เป็นเทวดาช่างที่ยิ่งใหญ่ พวกวิชาช่างเราก็เลยมาใช้เป็นวิชาวิศวกรรม วิสสุกรรมเป็นวิศวกรรม แล้วบางทีเป็นวิษณุกรรม ฉะนั้นคำว่าวิษณุนี่คล้าย ๆ กับคำวิสสุ ซึ่งเป็นเทพเจ้าซึ่งในสมัยพุทธกาลยังเล็กอยู่ ถ้าเอาวิษณุแท้ ๆ นี้ไม่มีความสำคัญอะไร แล้วก็พระศิวะหรือพระอิศวรที่เขานิยมของอินเดียที่เรียกว่าศิวะ พระศิวะ พระอิศวร ก็ไม่ได้มีชื่อแต่เป็นคำเรียกอย่างเดียว ตอนนั้นยังไม่มีไม่สำคัญ
ทีนี้ต่อมาเมื่อพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง พราหมณ์นี่ง่อนแง่นลำบากมากตั้งตัวไม่ติดมานานจนกระทั่งพระเจ้าอโศกเกิด พระเจ้าอโศกก็มานับถือพุทธศาสนาเลยหนักเข้าไปอีก ทีนี้พระเจ้าอโศกนี่เป็นหลานพระเจ้าจันทรคุปต์ตอนนี้ท่านอาจจะสับสนเรื่องประวัติศาสนตร์ ก็ต้องย้อนไปเล่าเรื่องเก่า ก็คือว่าประมาณ 329 ปีก่อนคริสตศักราช พระเจ้าแผ่นดินกรีก กรีกพวกเม็ดซิโดเนีย มีชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ตั้งตัวใหญ่ขึ้นมาก็แผ่อำนาจจากเม็ดซิโดนีเนียแล้วก็ตีได้หมด ตีอียิปต์ได้ด้วย อียิปต์ก็ได้เป็นศูนย์กลางของอารยธรรมกรีกชื่อเมืองยิ่งใหญ่ชื่อว่าเมืองอเล็กซานเดียเป็นศูนย์กลางอารยธรรมกรีก อเล็กซานเดอร์ตีมาล้มอาณาจักรเปอร์เซียแล้วก็เข้ามาครองโยนกอัฟกานิสถาน แถว ๆ เมืองมาซารีซารีฟ มาซารีซารีฟนี่ตอนที่ตาลีบันรบกับอเมริกันเป็นป้อมใหญ่ของพวกตาลีบันรบกันหนักมาซารีซารีฟนี่ อันนี้เป็นแถว ๆ ศูนย์กลางของอาณาจักรโยนก กรีกก็เลยมาเป็นใหญ่ในโยนก พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ตีอาณาจักรเปอร์เซียมาขึ้นมาตีโยนกได้แล้วก็เข้ามาที่เมืองตักศิลา เตรียมยกทัพเข้าตีอินเดียแล้วตอนนี้ก็เจอกันจันทรคุปต์ปู่ของพระเจ้าอโศก ปู่พระเจ้าอโศกจะตั้งตัวเป็นใหญ่ตอนนั้นมคธก็เป็นใหญ่ในอินเดีย เป็นอาณาจักรของกษัตริย์ราชวงศ์นันทะ จันทรคุปต์นี้ก็จะล้มราชวงศ์นันทะ ก็เอาไม่ลงพออเล็กซานเดอร์มา อเล็กซานเดอร์กับจันทรคุปต์ก็มาคิดสมคบกัน จันทรคุปต์ก็คิดว่าถ้าเราได้ความร่วมมือจากอเล็กซานเดอร์ก็จะตีราชวงศ์นันทะลงได้ อเล็กซานเดอร์ก็คิดแบบเดียวกัน ถ้าเราได้พวกจันทรคุปต์มาช่วยกันนี่ก็อาจจะตีราชวงศ์นันทะลงได้ ก็เลยนัดพบที่ชายแดนที่ค่ายของอเล็กซานเดอร์ แต่มามีปัญหาเรื่องใครจะเคารพใครต่างคนต่างถือขัตติยมานะ จันทรคุปต์ไม่ยอมเคารพอเล็กซานเดอร์ อเล็กซานเดอร์ก็จับจันทรคุปต์เลย เลยแทนที่จะสมคบร่วมกันตีอินเดียก็เลยเลิกกันกลายเป็นจับจันทรคุปต์ขัง แล้วก็มีนิยายว่าจันทรคุปต์ทำยังไงไม่รู้หนีมาได้นะเรื่องยาวเป็นนิยาย ทีนี้ฝ่ายอเล็กซานเดอร์ในหนึ่งว่าขุนทัพทั้งหลายเหนื่อยเพลียท้อบอกว่ารบมาไม่ได้หยุดเลยพอเสียทีไม่ยอมรบ อเล็กซานเดอร์ก็ยกทัพกลับ อเล็กซานเดอร์มาก็ 329 ปีก่อนคริสตศักราชก็คือ สมัยปู่พระเจ้าอโศก อเล็กซานเดอร์กลับจากที่ไหนก็ตั้งแม่ทัพของตัวครองเป็นกษัตริย์อยู่ในดินแดนนั้น ก็เลยมีกษัตริย์กรีกปกครองโยนกตลอดอัฟกานิสถานไปจนเปอร์เซีย ไปจนอียิปต์ ที่ว่าตอนนั้นเป็นของกรีกหมดแล้ว กลายเป็นอารยธรรมกรีก วัฒนธรรมกรีก แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ชื่อซีเรียลคัท สืบราชวงศ์มาถึงสมัยพระเจ้าอโศกก็ติดต่อกัน แล้วก็ที่อียิปต์นั้นแม่ทัพใหญ่ชื่อโตเรมี โตเรมีก็ตั้งราชวงศ์โตเรมีขึ้นครองประเทศอียิปต์ อียิปต์ก็มีเมืองใหญ่ชื่ออเล็กซานเดีย คือพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ท่านรบชนะไปแถบไหนตั้งชื่อเมืองไว้เป็นอนุสรณ์กับท่านเมืองอเล็กซานเดีย ที่อินเดียก็มีประมาณ 3 เมืองอเล็กซานเดีย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเรียกเลย เพราะทางมุสลิมก็เปลี่ยนหมดไปสืบประวัติดูได้ อเล็กซานเดียนี่เยอะ ทีนี้อเล็กซานเดียก็อยู่ที่อียิปต์ด้วยเป็นศูนย์กลางอริยธรรมกรีก เพราะว่าราชวงศ์โตเรมีนี่เป็นราชวงศ์กรีก ปกครองอียิปต์มานานเนเลย ตั้งแต่ปู่พระเจ้าอโศกมาจนกระทั่งมาถึงพระนางคลีโอพัตรา คลีโอพัตรานี่ก็คือเหลน ๆ ๆ ของพวกโตเรมีโอรสของพระนางคลีโอพัตราก็โตเรมีเหมือนกัน และคลีโอพัตราก็เป็นสิ้นสุดราชวงค์โตเรมีเพราะแพ้แก่โรมัน โรมันก็เข้าปกครองกรีกนี่คืออริยธรรมกรีกแพ้โรมัน โรมันก็เข้าครองดินแดนของกรีกแล้วก็สืบต่ออารยธรรมกรีกมา อ้าวละ เรากลับไปที่อินเดีย พระเจ้าอเล็กซานเดอร์กลับไป พระเจ้าจันทรคุปต์ก็ต้องช่วยตัวเอง จันทรคุปต์ปูพระเจ้าอโศกนี่ก็รบจนกระทั่งปราบราชวงศ์นันทะลงได้ จันทรคุปต์ก็ขึ้นตั้งราชวงศ์ใหม่เรียกราชวงศ์โมริยะหรือเมารยะ สันสกฤตเรียกเมาริยะ บาลีเรียกโมริยะ โมริยะนี่เป็นกษัตริย์ที่อยู่ในวงพระญาติของพระพุทธเจ้า ก็สืบสาวกันน่าจะเป็นว่าตอนที่พระเจ้าวิลุสพะยกทัพจากสาวัตถีแคว้นโกศลไปตีกษัตริย์ศากยะล้ม ราชวงศ์ศากยะฆ่าหมดก็มีพวกศากยะพวกหนึ่งหนีไปได้ไปอยู่เชิงหิมาลัยไปแล้วก็สืบต่อกันมา แล้วพวกนี้พวกหนึ่งก็มาเป็นต้นสายของพวกพระเจ้าอโศกนี่ นั้นพระเจ้าอโศกก็อาจจะสืบสายมาเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าด้วย เขาว่าอย่างงั้นนะอันนี้ก็สันนิษฐานกันไป โมลียะกษัตริย์ก็มาอย่างนี้ เป็นอันว่าพระเจ้าจันทรคุปต์นี่ก็ต้้งวงศ์โมลียะกษัตริย์ขึ้นมาครองอินเดียที่ยิ่งใหญ่มาก จันทรคุปต์มีโอรสชื่อพินทุสาร พินทุสารก็แผ่อำนาจต่อ พินทุสารมีโอรสชื่ออโศก พระเจ้าอโศกนี่ก็เป็นหลานของเจ้าจันทรคุปต์ อโศกจะขึ้นเป็นใหญ่ มีพี่น้องต้องเป็นร้อยก็ฆ่าพี่น้องหมดเลย ทีนี้ก็แผ่อำนาจรบใหญ่ จันทรคุปต์นี่เก่งแล้วนะ รบชนะแม่ทัพของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ซีเรียลคัสที่แถว ๆ กานดาห้า กานดาห้า ดิกชันเนอรีสันสกฤตบอกว่า เลือนมาจากคำว่าคันธาระ กานดาห้าก็คือแคว้นคันธาระ เคยได้ยินไหม คันธาระก็เป็นแคว้นใหญ่มีเมืองหลวงชื่อตักสิลาที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ไปตั้งทัพหมายจะเข้าตีอินเดียแล้วก็ถอยกลับไปตักสิลา กานดาห้าแคว้นคันธาระก็ตกเป็นของกรีกเป็นของอเล็กซานเดอร์หมด ซีเรียลคัสก็รบพระเจ้าจันทรคุปต์ จันทรคุปต์รบชนะทำสัญญาสงบศึกกันดินแดนแถบนี้กันดาห้า คันธาระกลายก็เป็นของพระเจ้าจันทรคุปต์ แล้วมาถึงพระเจ้าอโศกก็รบต่อแผ่อำนาจไปทางใต้มาทางขวาโอริสสาที่เป็นแคว้นกับกลิงค แล้วต่อมาก็เปลี่ยนเป็นนับถือพุทธศาสนาก็เลิกรบหมด
พอเลิกรบหมดก็บำรุงประเทศชาติเป็นการใหญ่ บำรุงเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน สร้างถนนหนทาง สร้างโรงพยาบาล สร้างแหล่งน้ำอะไรต่ออะไร เรียกว่าทำแต่เรื่องของการบำรุงความสุขให้แก่ประชาชน แล้วก็ให้การศึกษาสร้างวัดให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาของประชาชนและก็ทำศิลาจารึกเพื่อบอกว่าอะไรที่ทางนโยบายของรัฐต้องการ เช่นว่าไม่ให้มีการฆ่าสัตว์บูชายัญก็เขียนว่าในศิลาจารึกเลย จะให้ประพฤติปฏิบัติต่อกันยังไง ๆ ก็เขียนศิลาจารึกไว้ แต่ว่าพุทธศาสนาไม่เบียดเบียนใครนะ ไม่มีการไปทำร้ายพวกพราหมณ์ก็มารับราชการอยู่ในราชสำนักเป็นที่ปรึกษาอะไรต่ออะไรให้มาเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ทีนี้พระเจ้าอโศกนี่ แม้จะให้ความอุปถัมภ์พวกพราหมณ์ก็ฐานะปัญญาชนผู้รู้อะไร แต่ไม่ได้ให้เกียรติพิเศษในฐานะวรรณะพราหมณ์ แล้วที่สำคัญพระองค์ประกาศห้ามการบูชายัญด้วยชีวิต อันนี้กระเทือนศาสนาพราหมณ์อย่างยิ่ง ในศิลาจารึกพระเจ้าอโศกจะเห็นหลายแห่งเลยบอกว่า ในถิ่นนี้ห้ามมิให้มีการฆ่าสัตว์บูชายัญ ศิลาจารึกพระเจ้าอโศกเยอะไปหมด ก็เป็นอันว่าบูชายัญฆ่าสัตว์ไม่ได้ แล้วการบูชายัญนี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดของศาสนาพราหมณ์ผลประโยชน์ของพราหมณ์อยู่ได้ด้วยการบูชายัญ 1 วรรณะ 4 เป็นเรื่องของยศสถานะความยิ่งใหญ่ 2 บูชายัญเป็นเรื่องผลประโยชน์แล้วทั้งสองอย่างนี้ประกอบกันก็หมดเลย พราหมณ์นี่หมดความหมาย พราหมณ์ก็เป็นคน ๆ หนึ่งอยู่ที่ว่าตัวจะมีคุณสมบัติมีความเก่งทางปัญญายังไงก็ทำไปตามนั้น พราหมณ์ตั้งตัวไม่ติด ตอนนี้พราหมณ์ชักแค้นมากแล้ว เอาละพอหลังพระเจ้าอโศกก็คิดกันมาก ทำยังไงกำจัดพุทธศาสนาลงได้ ก็เลยประมาณหลานหรือเหลนพระเจ้าอโศก พรามหณ์ซึ่งรับราชการอยู่ในราชสำนักก็คบคิดกันขนาดที่มีพิธีสวนสนาม หลานหรือเหลนพระเจ้าอโศกกำลังมีพิธีสวนสนามอยู่ พราหมณ์ก็จัดการปลงพระชนม์เลย พราหมณ์ปลงพระชนม์หลานพระเจ้าอโศกเสร็จ ล้มราชวงศ์โมริยะหรือเมาริยะลง แล้วตั้งวงศ์กษัตริย์ใหม่เอาพราหมณ์ขึ้นเป็นกษัตริย์เอง พราหมณ์ที่รับราชการเป็นใหญ่นั้นนะ ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์ ตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อราชวงศ์ศุงคะเป็นราชวงศ์พราหมณ์ พอตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่เป็นกษัตริย์เสร็จเอาทันทีฟื้นพิธีบูชายัญทำพิธีอัศวเมธ พิธีบูชายัญที่หลังไหลซบเซามาตลอดยุคพุทธศาสนาก็ขึ้นมาใหม่ แล้วก็ให้ค่าหัวชาวพุทธเลยกำจัด แต่ถ้าว่าราชอาณาจักรพระเจ้าอโศกนี่ยิ่งใหญ่ทั่วอินเดียหมดใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นอินเดียในปัจจุบัน พวกราชวงศ์ศุงคะไม่สามารถจะคุมแผ่นดินไว้ได้ อาณาจักรก็แตกออกหมด ทีนี้พวกที่แตกไปก็นับถือพุทธเป็นส่วนใหญ่ ราชวงศ์ศุงคะก็ของตัวนี่กำจัดพุทธ แต่ว่าพุทธศาสนาตอนนี้กระจายไปทั่วแล้วกำจัดไม่ไหว พราหมณ์ก็ต้องหันมาพยายามปรับปรุงตัวเอง นี่คือจุดเริ่มเขานับกันคร่าว ๆ ว่า ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช นี่คือยุคพระเจ้าอโศก ยุคพระเจ้าอโศกคือศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช นี่ยุคพุทธศาสนาเริ่มตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสต์มาอีก มาจนถึงตอนนี้ 200 กว่าปีก่อนคริสต์ศักราช ศาสนาพราหมณ์ก็ตั้งตัวใหม่ แล้วในด้านของศาสนาก็พยายามปรับปรุงตัว
ตอนนี้แหละเริ่มยุคใหม่ ยุคศาสนาพราหมณ์ถือว่าสิ้นสุด หรือยุคศาสนาพระเวทสิ้นสุด ต่อไปนี้เขาเรียกว่า คลาสซิแคลฮินดูลิซึ่ม ศาสนาฮินดูยุคคลาสสิค เริ่มตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช มาจนถึงคริสตศตวรรษที่ 7 เท่าไหร่นานต้องราว 1000 ปี เนี่ยทั้งหมดนี้เป็นยุคฮินดูคลาสสิค ฮินดูก็ปรับปรุงตัวเป็นการใหญ่เลย ตอนนี้พุทธศาสนาอย่างยิ่งใหญ่หลังจากพระเจ้าอโศกแล้วพวกศุงคะก็ไม่สามารถครองราชอยู่ได้นาน นี่พระเจ้าอโศกก็ทำให้พุทธศาสนาแผ่ไปทั่วหมดเลย อันนี้อย่างที่ว่า พราหมณ์ก็เลยล้มวงศ์พระเจ้าอโศกลงตอนเหลนเนี่ยแล้วก็ตั้งราชวงศ์ศุงคะ แต่ว่าพวกกษัตริย์อื่นนี้แยกตัวไปได้ ตอนนี้กรีกเขายังเป็นใหญ่อยู่นะอาณาจักรของเขาที่ตกอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าจันทรคุปต์แล้วก็พระเจ้าอโศก อย่างที่บอกแล้วก็แยกตัวออกไปแล้วต่อมาก็มีกษัตริย์กรีกที่สืบสายมาชื่อเมนันเดอร์ เมนันเดอร์ก็ได้เป็นกษัตริย์ชื่อมิลินทะในภาษาบาลี ชื่อกรีกว่าเมนันเดอร์ ฝรั่งเรียกคิงเมนันเดอร์ เดอะเกรท ภาษาบาลีเราเรียกพระเจ้ามิรินทะ น่าสังเกตว่า กรีกที่เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตกนี่เขามีนิสัยมาแต่โบราณ กรีกนี่ใฝ่รู้จะเห็นว่าแม้เป็นกษัตริย์ก็เป็นกษัตริย์ที่ใฝ่รู้พระเจ้าเมนันเดอร์นี่ฉันก็ชอบหาความรู้ กษัตริย์เมนันเดอร์ก็จึงได้แตกฉานแล้วก็ท้าพวกนักบวชลัทธิต่าง ๆ มาโต้วาทีแพ้ท่านหมดเลย นี่พระเจ้าเมนันเดอร์กษัตริย์กรีก กรีกเขามีประเพณีในทางปัญญามาแต่นานแล้ว เขาแสวงปัญญาก็เป็นอันว่าพระเจ้าเมนันเดอร์ก็ท้าพวกนักบวชปัญญาชนทุกพวกมาโต้วาทีแพ้ท่านหมด พุทธศาสนาในที่สุดส่งพระนาคเกษมไปสู้ ตอนแรกเอาใครไม่ได้ แย่แล้วนึกว่าพุทธศาสนาจะทรุดแน่ก็ได้พระนาคเกษม พระนาคเกษมไปโต้วาทะกับพระเจ้ามิรินทะนี่ หรือกษัตริย์เมนันเดอร์ชนะ พระนาคเกษมโต้วาทียังไง พระเจ้ามิรินพอใจหมด พระเจ้ามิรินมันก็เลยนับถือพุทธศาสนาก็อุปถัมภ์บำรุงเป็นการใหญ่ พระเจ้ามิรินกษัตริย์กรีกที่นับถือพุทธศาสนานี่ราว ค.ศ. 150 ถึง 500 ศักราชไม่ตรงกัน ในคัมภีร์ของเราบอก ค.ศ. 500 แต่งฝรั่งคิดได้ประมาณ ค.ศ 350 หรือก่อนคริสตศักราชประมาณ 100 เศษ130 ได้ เอาละนี่ก็เป็นกษัตริย์พุทธมิรินทะยิ่งใหญ่มาก แล้วกษัตริย์ยิ่งใหญ่ต่อมาก็กนิษกะ ทีนี้ช่วงต่อที่อารยธรรมกรีกอยู่แถวเนี้ยเกิดพระพุทธรูปขึ้นมา พระพุทธรูปแบบแรกจึงเป็นแบบกรีก เรียกว่าแบบคันธาระเพราะคันธาระอยู่ในอำนาจกรีก กรีกปกครองคันธาระอยู่ก็นำเอาอารยธรรมกรีกมา ทีนี้ทางอินเดียเขาถือไม่สามารถจะปั้นรูปศาสดาหรือท่านที่เคารพสูงสุดได้อย่างพระเจ้าอโศกนี่ จะไม่ทรงทำพระพุทธรูป พระเจ้าอโศกทำสถูปเจดีย์ศิลาเยอะหมดเลย แต่พระองค์ทำเป็นแค่สัญลักษณ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็ทำเป็นต้นโพธิ์แล้วมีแท่นข้างล่าง ที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็ทำเป็นต้นสาละแล้วมีแท่นไสยาสน์อยู่ข้างล่างไม่มีพุทธรูป พระเจ้าอโศกทำอย่างงี้ พอมาสมัย ค.ศ. ประมาณ 500 กรีกเป็นใหญ่แถวนี้ พวกกรีกมานับถือพุทธศาสนา พวกกรีกนี่ชอบปั้นรูปเอาคติของตัวเองที่มาจากกรีก ก็เลยปั้นพระพุทธรูปขึ้นมา พระพุทธรูปแบบแรกก็เลยถือว่าเป็นแบบกรีก เรียกว่าแบบคันธาระ จีวรเป็นริ้ว ๆ นี่ก็เกิดพุทธรูปแบบคันธาระขึ้นมา ต่อมาก็มีกษัตริย์ราชวงศ์ยิ่งใหญ่มาจากต่างแดน เป็นราชวงศ์พวกชาวสักกะ สักกะที่มาเป็นต้นกำเนิดเข้ากับศักราช สักกะนี่เป็นชนเผ่าหนึ่งมาจากทางเหนือเข้ามาอินเดียตีเข้ามาแล้วรบชนะ ก็ตั้งวงกษัตริย์ กษัตริย์ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์นี้ชื่อว่าพระเจ้ากนิษกะ พระเจ้ากนิษกะนี่ครองราชในราว ค.ศ. 70 ก็ตีเสียว่า พ.ศ. 600 แล้ว พระเจ้ากนิษกะนี่ก็ยิ่งใหญ่มากตอนนี้แหละเริ่มเกิดศาสนาพุทธมหายาน พระเจ้ากนิษกะปกครองอยู่ทาง อัฟกานิสถาน ปากีสถาน เข้ามาคือทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย โดยเฉพาะเมืองหลวงของพระองค์อยู่ที่บุรุษปุระอยู่ในปากีสถาน พระองค์ครองไปจนถึงแถวแม่น้ำคงคา พระเจ้ากนิษกะก็ยิ่งใหญ่มากเป็นกษัตริย์พุทธที่ยิ่งใหญ่ต่อจากพระเจ้าอโศก พระเจ้าอโศกอยู่มคธแถบแม่น้ำคงคาอยู่ทางตะวันออก กนิษกะนี่อยู่ทางปากีสถานซึ่งอยู่ตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนที่ศูนย์กลางความยิ่งใหญ่มาอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือนี้แหละ พระเจ้ากนิษกะเป็นผู้ตั้งศักราช คำว่าศักราชมาจากนี้เรียกว่าศักราช ศักราชก็คือราชาแห่งชนเผ่าสักกะ พระเจ้ากนิษกะนี้ก็ตั้งศักราชขึ้นมา ศักราชแบบสักกะนี้ก็ยังใช้ได้ในอินเดีย เอาละพระเจ้ากนิษกะนี่ก็ราว ค.ศ. 70 ก็อุปถัมภ์พุทธศาสนามากมีการสังคยนาพุทธศาสนา แต่เป็นแบบหินยานอีกนิกาย เรียกว่าสรวาสติวาท แล้วตอนนี้มหายานก็เกิดขึ้น พระเจ้ากนิษกะก็อุปถัมภ์การส่งพระไปเผยแพร่พุทธศาสนาทางด้านจีน ทางด้านเอเซียกลางอะไรพวกนี้ พุทธศาสนาก็ออกทางด้านเหนือ มหายานก็แพร่หลายไป เอาล่ะมาถึงพระเจ้ากนิษกะพุทธศาสนาก็เจริญยิ่งใหญ่ ตอนนี้ใครก็ปราบไม่ลงแล้ว ทีนี้ศาสนาฮินดูก็ปรับตัวเองขึ้นมา แล้วก็พัฒนาพระเจ้าขึ้นมาใหม่ ก็เกิดเทพเจ้ายิ่งใหญ่ขึ้นมาใหม่ตอนยุคคลาสสิกเคิลฮินดูนี่เอง คือพระสิวะหรือพระอิศวร และพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ที่แหละพระโพธิสัตว์แบบมหายานก็เกิดขึ้นในยุคนี้เหมือนกัน หลังพุทธกาลตั้งหลายร้อยปี เอาละจบตอนนี้ก่อน เวลาผ่านไป ผ่านไป จนกระทั่งมีราชวงศ์ฮินดูซึ่งมีพุทธปนบ้าง ชื่อราชวงศ์คุปตะ ราชวงศ์คุปตะเขาถือว่าเป็นยุคทองของอินเดีย ค.ศ. 320 ถึงค.ศ. 550 เป็นยุครุ่งเรื่องที่สุดของฮินดูคลาสสิค เมื่อกี้บอกแล้วนะคลาสสิคเคิลฮินดูลิซึ่ม ศาสนาฮินดูยุคคลาสสิคนี้ ตั้งแต่ก่อน ค.ศ. ประมาณ 300 ปี ถึงคริสตวรรษที่ 7 ทีนี้ในระหว่างทั้งหมดนี่ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดก็คือช่วงราชวงศ์คุปตะ ค.ศ. 320 ถึง ค.ศ. 550 ประมาณ 200 ปี ช่วงนี้ราชวงศ์ฮินดูเป็นใหญ่แต่ต้องประณีประนอมกับพุทธศาสนาเอาพุทธศาสนาไม่ลงแล้ว ถึงเป็นกษัตริย์ฮินดูก็ต้องอุปถัมภ์พุทธศาสนาเขาก็เลยเอาหลักของพุทธศาสนาไปใช้ในศาสนาฮินดู คลาสติคฮินดูตอนนี้แหละตามเอาหลักอหิงสาเข้าไปใช้ ชาวฮินดูปัจจุบันไม่กินเนื้อกินผัก แต่ศาสนาพราหมณ์เดิมเป็นศาสนาบูชายัญ ไม่กินได้ยังไง กินสัตว์เต็มที่บูชายัญทีหนึ่ง วัว 500 แพะ 500 แกะ 500 นี่มาสมันนี้แหละ สมัยคลาสสิคเคิลฮินดูลิซึ่ม ยุคคุปตะนี่แหละ พยายามกลมกลืนกับพุทธศาสนา นำเอาหลักศาสนาพุทธและเชนเข้าไป ก็เอาอหิงสาเข้าไป แล้วก็พัฒนาการไม่กินเนื้อขึ้นมาแข่งกับชาวพุทธ อุ้ยฉันยิ่งไม่เบียดเบียนใหญ่เลย เอาละมาจบกันตอนนี้ก่อนเข้าใจแล้วนะ จะได้รู้เสียทีว่า พระวิษณุนารายณ์ พระอิศวรศิวะ นี่เพิ่งเกิดนี่ยุคนี้ยุคคลาสสิคเคิลฮินดู นานเท่าไรหลังพุทธกาลเยอะแยะแล้วใช่ไหม แล้วศาสนาฮินดูก็มากลมกลืนกับพุทธศาสนาพยายามที่จะแข่งด้วยวิธีเอาหลักธรรมไปใช้ หลักธรรมก็เอาหิงสา แล้วก็พัฒนาแนวคิด พระพรหมนี้ก็ปล่อยแกไปให้หมดอำนาจ แล้วก็ฮินดูก็แตกกันเป็น 2 พวก พวกหนึ่งก็นับถือพระสิวะเป็นใหญ่ เรียกว่าพวกไสวะนับถือพระอิศวร แล้วพวกหนึ่งนับถือพระวิษณุหรือพระนารายณ์เป็นใหญ่ เรียกว่าพวกไวษณวะ หรือไวษณพ พวกนี้ต่างคนต่างก็แต่งตำนานของตัวเองขึ้นเพื่อให้ใหญ่กว่าพระพรหม อย่างพวกไสวะก็แต่งตำนานบอกว่านี่นะ พระพรหมนี่เดิมมี 5 เศียร มีพระพักตร์ยอดขึ้นไปอีกอันหนึ่ง แล้วอยู่มาวันหนึ่งนี่ พระศิวะ พระศิวะนี่ตาท่านเป็นไฟเลยนะจ้องใครแล้วไหม้หมดเลย ทีนี้พระศิวะท่านจ้องที่เศียรพระพรหม อันยอดนั่นแหละ เศียรนั้นเลยกระจุยไหม้ไปหมดเลย พระพรหมก็เหลือแค่ 4 หน้า หน้าที่ 5 หายไป เห็นไหมเขาจะให้พระศิวะใหญ่กว่าพระพรหมแล้วใช่ไหม ตอนนี้ก็เหมือนอย่างตอนนั้นพระอินทร์หมดรัศมีไปทีหนึ่งแล้วใช่ไหม พระอินทร์แย่ไปแล้ว พระพรหมใหญ่ ตอนนี้พระพรหมแย่แล้วพระศิวะขึ้นมาใหญ่กว่า ฝ่ายผู้นับถือพระนารายณ์ก็แต่งตำนานพระนารายณ์ บอกว่าพระนารายณ์นี่ท่านเป็นใหญ่กว่าทุกเทพหมด วันหนึ่งท่านนอนอยู่ในเกษียรสมุทร เคยได้ยินไหม เกษียรสมุทร เกษียรมาจากขีระ แปลว่าน้ำนม กะเสียน รอเรือ ไม่ใช่ กะเสียน นอเนน เกษียรสมุทรแปลว่าทะเลน้ำนม แล้วก็มีดอกบัวงอกมาจากพระสะดือของพระองค์ พระสะดือของพระนารายณ์ แล้วบนดอกบัวนั้นแล้วก็เกิดพระพรหมขึ้นมา พระพรหมก็เกิดจากพระนารายณ์อีกที กลายเป็นพระพรหมเล็กหมดเลยใช่ไหม พระพรหมที่เคยยิ่งใหญ่หมดรัศมี เพิ่งมาหมดรัศมีสมัยนี้แล้วก็เกิดคำใหม่เรียกว่าตรีมูรติ เขาก็พยายามที่จะรวมให้ทั้ง 3 เทพนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็เรียกตรีมูรติ ตรีสาม มูรติแปลว่ารูปสำแดง ตรีมูรติก็คือรูปสำแดง 3 อย่างของเทพเจ้าผู้เป็นใหญ่ ก็คือ 1 เป็นพระพรหม 2 เป็นพระนารายณ์หรือเป็นพระวิษณุ 3 เป็นพระอิศวรหรือพระศิวะ ก็ได้แล้วนะจะได้รู้จักพระตรีมูรติ เพิ่งเกิดเมื่อสมัยคลาสสิคเคิลฮินดู หลังพุทธกาลเยอะแยะ แล้วก็มาเป็นใหญ่ปัจจุบันพระพรหมก็เลยหมดรัศมี พระพรหมไม่ค่อยมีความสำคัญ แต่เขามีกำกับไว้อันหนึ่งว่า ที่เทวสถานใดสร้างรูปพระศิวะอิศวรก็ตามสร้างรูปพระนารายณ์ก็ตามไว้เป็นใหญ่ก็ให้สร้างพระพรหมไว้ด้วย แต่ว่าประกอบไม่ได้เป็นใหญ่ ตอนนี้เข้าใจแล้วนะ ได้เห็นที่มาทีไปเสียที แล้วพระศิวะนี่นักปราชญ์ก็ยังสันนิษฐานบอกว่าที่จริงพระศิวะนี่ ความจริงคือการฟื้นขึ้นมาของเทพผู้ใหญ่ของพวกอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุเรียกโมเฮนโจ ดาโร และฮารับปาพบสองแห่งเป็นศูนย์กลางใหญ่ แล้วอารยธรรมนี้เขาบอกว่ามีเทพเดิมศิวะ แล้วศิวะนี้ก็เลือนหายไปแล้วมาโผล่ทีตอนนี้เป็นใหญ่ในคลาสสิคเคิลฮินดูลิซึ่ม แล้วพอต่อจากคลาสสิคเคิลฮินดูลิซึ่ม ศตวรรษที่ 7 ของคริสต์ศาสนาเมื่อกี้บอกแล้วตอนนี้ก็เกิดศาสนาอิสลามขึ้นในตะวันออกกลางที่ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. ประมาณ 622 ค.ศ. 622 เกิดศาสนาอิสลามขึ้นมา พอถึง ค.ศ. 700 อาหรับก็ตีมาถึงอินเดีย ตอนนี้ศาสนาพราหมณ์เริ่มต้องแข่งกับศาสนาอิสลาม อิสลามก็ตีไปถึงอาเซียกลางได้หมดเลย ก็เป็นใหญ่แถวนี้หมดแล้วก็ลงสู้กับอินเดียอีกนานเลยกว่าจะเอากันลง ในที่สุดก็อินเดียก็ตกเป็นของมุสลิม เป็นของพวกเติร์กนี่สุลต่าน ตั้งสุลต่านเน็ตออฟนิวเดลลีขึ้นเป็นแห่งแรก แล้วพุทธศาสนาก็สูญสิ้นตอนนั้นว่า ค.ศ. 1700 ค.ศ. 1200 นี่คือสุลต่านของมุสลิมเข้ามาครองแล้วก็เผาพุทธศาสนาเรียบหมดเลย ทีนี้ฮินดูซึ่งใหญ่ขึ้นมาก็เลยต้องสู้กับศาสนาอิสลาม ตั้งแต่คริสตตวรรษที่ 7 มา นี่คือต่อจากยุคคลาสสิคเคิลฮินดูก็มามอตเตอร์ฮินดู แต่บางทีเขามีขั้นเรียกมิดิอิเวิลฮินดูลิซึ่มเป็นฮินดูยุคกลาง ตรงนี้คือยุคที่สู้กับอิสลาม ฮินดูก็พัฒนาลัทธิประเภทเขาเรียกว่าภักติ ลัทธิภักดีขึ้นมา ๆ สู้กับอิสลามนี้ด้วย ศาสนาฮินดูก็มีวิวัฒนาการของเขา เอาละไหน ๆ เรารู้จักพระพรหม เราก็ต้องรู้ที่มาของพระพรหมด้วยใช่ไหม เล่ามากินเวลาของท่านไปเยอะ แล้วค่อยคุยกันใหม่จะได้เข้าใจเรื่องราว งงไหมที่เล่านี่ ไม่งงนะ เข้าใจ คนไทยต้องรู้เรื่องราวเหล่านี้อย่างน้อยก็รู้พอให้ได้เค้าจะได้รู้ภูมิหลังของอารยธรรมในถิ่นของตัวเอง เอาละโมทนาวันนี้เดี๋ยวจะดึกไป