แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
เจริญพร สำหรับวันนี้ รายการเล่าเรื่องให้โยมฟัง คิดว่าจะเล่าเรื่องการใช้ปัญญาต่อ การใช้ปัญญาวันนี้ ก็เป็นเรื่องของสมัยพุทธกาล จะเล่าเรื่องพระเถรีสำคัญองค์หนึ่ง ชื่อว่า พระกุณฑลเกสีเถรี
พระเถรีต่างๆ ที่เข้ามาบวชในพระศาสนานั้น ก็มีประวัติชีวิตเป็นมาต่างๆ กัน หลายท่านนั้นก็ประสบความทุกข์อย่างหนักมาก่อนแล้ว และก็สละโลก แล้วก็มาบวช เข้ามาบวชแล้วก็ได้ศึกษาปฎิบัติ ก็กลายเป็นบุคคลสำคัญ เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์แก่ผู้อื่นมาก แล้วมีความสามารถพิเศษได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้า
พระกุณฑลเกสีเถรีนี่ก็เป็นท่านหนึ่งที่ได้มาเป็นมหาสาวิกา เป็นสาวิกา หรือสาวกฝ่ายหญิงที่มีความสำคัญมาก ประวัติเดิมของท่านว่า ท่านเป็นธิดาของเศรษฐี ลูกเศรษฐีสมัยก่อนนั้นมักถูกเก็บตัวมาก บิดาเป็นคนร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็สร้างปราสาทอยู่ แล้วก็ให้ลูกสาวอยู่ในปราสาทนั้น ก็อยู่บนปราสาท วันหนึ่งเกิดมีเหตุการณ์ว่า ทางบ้านเมืองนั้นจับโจรร้ายคนหนึ่งได้ แล้วก็จะต้องประหารชีวิต ในสมัยโบราณนั้น ก่อนเขาจะประหารชีวิต เขาจะต้องเอาตัวมาตระเวน ตระเวนประจานไปตามถนนก่อน แล้วจึงจะไปสู่ตะแลงแกง
อันนี้ วันนั้น เขาก็เอาโจรร้ายคนนี้มาตระเวนประจาน นี้ธิดาเศรษฐีนี้ก็อยู่บนปราสาทก็มองมาทางหน้าต่าง เห็นโจรร้ายคนนี้ก็เกิดจิตปฏิพัทธ์เสน่หาขึ้น ก็เลยหาอุบายที่จะให้ได้โจรร้ายคนนี้มา ก็เลยให้คนรับใช้เนี่ย เอาสินบนไปให้แก่พวกผู้คุม ผู้คุมนั้นได้เงินมาก ก็เลยปล่อยตัวโจรร้ายคนนี้ให้มา แล้วก็ไปหาเอานักโทษคนอื่นๆ เอามาแทน อันนี้ โจรร้ายคนนี้ก็เลยได้มาอยู่กับธิดาเศรษฐี
ก็มาอยู่ด้วยกันสักระยะหนึ่ง แต่ว่าเป็นคนที่จิตใจโหดร้าย ไม่ทิ้งนิสัยเดิม มาอยู่ในปราสาทสบายก็ไม่ค่อยชอบ อยู่ไปสักพักก็เบื่อ อยากจะใช้ชีวิตแบบโจรต่อไป แต่ คิดก็จะหนีไป แต่ในเวลาเดียวกันก็อยากจะได้ทรัพย์สมบัติไปด้วย ก็เลยคิดหาอุบาย ก็เลยวันหนึ่ง ก็ออกอุบายไปบอกกับธิดาเศรษฐีเนี่ย บอกว่า นี่นะ น้อง เมื่อตอนก่อนที่พี่จะได้มาอยู่กับน้องเนี่ย ก็เพราะว่าได้ไปบนกับรุกขเทวดาไว้ก่อนที่จะถูกจับ ตอนบนกับรุกขเทวดาเอาว่า ถ้าได้ปลอดภัยพ้นโทษไปก็จะได้เอาอะไร เอาเครื่องสิ่งที่บนนะไปถวายไปให้แก่เทพเจ้า ทีนี้ตอนนี้ก็ยังไม่ได้แก้บน เพราะฉะนั้นก็ควรไปทำพิธีแก้บนซะ
นางกุณฑลเกสีนี่ก็ด้วยความรักโจรนั้น ก็บอกเอาสิ ตามใจ จะเอายังไงก็ได้ ก็ให้เตรียมของต่างๆ ที่จะไปแก้บน แล้วก็ถึงวันจะไป โจรร้ายก็บอกว่า น้องวันนี้ขอให้แต่งตัวให้ดีที่สุดมีเครื่องประดับอะไรต่ออะไรก็แต่งให้เต็มที่ นางกุณฑลเกสีก็ตามใจ เพราะว่าความรักต่อสามี ก็แต่งตัวให้ดี แล้วก็ขึ้นรถกันไปกับบริวาร ไปถึงสถานที่นั้น ก็เป็นภูเขา เป็นเนินเขาสูงขึ้นไป สามีก็บอกอีกว่า ให้พวกคนรับใช้อะไรที่ตามมาในรถคันอื่นๆ เนี่ยอยู่ข้างล่าง เราจอดรถแล้วขึ้นไปกันสองคนเฉพาะเท่านั้น เพื่อแสดงความเคารพต่อรุกขเทวดา ท่านอยู่บนภูเขา ภูเขานั้นมีหน้าผาด้วย
ทีนี้เมื่อขึ้นไปแล้ว ก็เป็นพิธีแก้บน ก็เมื่ออยู่กันสองคนแล้ว ขึ้นไปจนถึงตรงหน้าผาที่จะทำพิธี โจรร้ายก็จึงบอกให้ทราบว่า เนี่ย เราจะไปแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ด้วยกัน เราต้องการทรัพย์สมบัติของเธอ ขอให้ปลดเอาพวกเครื่องแต่งตัวเสื้อผ้าอาภรณ์ต่างๆ พวกเพชรนิลจินดาที่ให้เธอแต่งมาทั้งหมด มอบให้แก่เรา แล้วก็จำเป็นจะต้องฆ่าเพื่อปิดปากด้วยเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุตายไป หรืออะไรทำนองนี้
นางกุณฑลเกสีก็เป็นคนมีปัญญา แล้วก็มีสติดี ก็ด้วยความรักสามีก็รัก แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีความเศร้าเสียใจที่ว่า สามีนี้เป็นคนที่มีจิตใจโหดร้าย มาอยู่อย่างนี้ เราช่วยเหลือเต็มที่ ช่วยแม้กระทั่งให้รอดชีวิตมาจากตายที่จะถูกประหารชีวิตแล้ว ก็ยังคิดทรยศอยู่ ก็จำเป็นจะต้องรักษาชีวิตของตัว ก็ด้วยความมีปัญญาก็เลยคิดอุบายขึ้นมา บอกเอาล่ะ วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่พี่กับน้องจะได้อยู่ร่วมกัน ก็ขอให้น้องเนี่ยได้ทำพิธีแสดงความจงรักต่อสามี เป็นการรำถวายต่อเทพเจ้า ก็เลยขอโอกาสรำ เป็นฟ้อนรำชนิดหนึ่งให้ก่อน เป็นการแสดงความภักดีต่อสามีของตน
สามีก็ตามใจให้อย่างหนึ่ง เพราะเห็นว่าไม่มีอะไร ถึงยังไงก็ไม่รอดอยู่แล้ว นางกุณฑลเกสีธิดาเศรษฐีนี่ก็ฟ้อนรำไป ฟ้อนรำไปฟ้อนรำมา หลายรอบรอบตัวสามีนั่นแหละ จนกระทั่งถึงจังหวะหนึ่งพอสามีเผลอได้โอกาส ตอนอยู่ข้างหลัง แล้วก็มีหน้าผาอยู่ด้านหน้า ก็ผลักสามีอย่างเต็มที่เลย ทีเดียวก็ตกหน้าผา เป็นอันว่าตายไม่ต้องสงสัย โจรร้ายก็ตายไป ก็เป็นอันว่านางกุณฑลเกสีก็รอดชีวิตมา
รอดชีวิตมา ลงจากภูเขาก็เป็นอันว่ากลับบ้านได้ ก็มีความเศร้าเสียใจจากเหตุการณ์นี้ นางก็มาคิดนึกถึงเรื่องชีวิตมนุษย์ที่หาความแน่นอนไม่ได้ และเรื่องที่คิดไม่ถึง มันก็ได้เกิดขึ้น ก็มีความเบื่อหน่ายต่อชีวิตครองเรือน ก็เลยคิดว่า เราจะอยู่รึ กลับไปอยู่บ้านก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เบื่อหน่ายเต็มที ก็เลยคิดออกบวช
ตอนแรกก็ไปบวชเป็นนักบวชนอกพุทธศาสนา เขาเรียกว่าเป็นปริพาชิกา เป็นนักบวชเร่ร่อน นักบวชเร่ร่อนพวกนี้ชอบถกเถียงปัญหา หาความรู้ขัดเกลาสติปัญญา ไปที่ไหนก็จะไปคิดโต้วาทะกับพวกนักบวชอื่นๆ และถ้าหากว่าไปเจอนักบวชที่เขามีสติปัญญาสูงกว่าตัวเอง ตอบปัญหาเขาไม่ได้ เขาตอบปัญหาของตัวได้หมด อะไรอย่างเนี้ย ก็อาจจะไปยอมเป็นสาวก นี้ปริพาชิกาคนใหม่ คือนางกุณฑลเกสีนี้ ก็เที่ยวเดินทางไปในที่ต่างๆ ก็ไปเที่ยวถกถามเถียงปัญหาโต้วาทะกับใครต่างๆ และก็เป็นคนที่เก่งมาก มีปัญญาดี จนในที่สุดก็เพราะความที่มีปัญญาดี มีความสามารถ มีวาทะที่เก่งกล้า ก็เลยกลายเป็นผู้ท้าคนอื่น ตอนนี้ชักจะมีทะนงตัวล่ะ ไปไหนก็ไปท้าคนอื่น
ครั้งหนึ่งก็มาพบกับพระสารีบุตร แล้วก็ได้มาโต้วาทะกับพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ตอบปัญหาของนางได้หมด แต่ถึงคราวพระสารีบุตรถามปัญหาบ้าง นางก็ตอบไม่ได้ ก็เลย นางก็เลยยอมตัวมาบวช เพื่อจะได้มาเล่าเรียนศึกษาธรรมะที่พระสารีบุตรรู้ขึ้นมาเมื่อรู้นี้ ก็เลยได้มาเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้มาบวชเป็นพระภิกษุณี และต่อมาก็ได้บรรลุอรหัตผล และก็เป็นพระเถรีชั้นผู้ใหญ่ตลอดชีวิตของนางก็ลงเอยด้วยดี
อันนี้เป็นประวัติของนางกุณฑลเกสีเถรี อันนี้จากประวัติอันนี้ก็ตอนที่เน้นสำคัญในที่นี้ ก็คือตอนที่นางได้แก้ปัญหาในชีวิตของตัวเองให้รอดมาได้ด้วยใช้สติปัญญา คือปัญญาก็มี คิดอุบายได้ และสติก็มี คือว่าปัญญาอาจจะมีแต่ถ้าสติไม่มา ก็ไม่ได้ใช้ปัญญานั้น ตอนที่นางถูกโจรจะฆ่านั้น นางมีสติ ไม่หลงใหลฟั่นเฟือน ไม่ได้เอาแต่หวาดกลัวอะไร ถ้าเอาแต่หวาดกลัว ก็คงคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องตายแน่ แต่นี่นางมีสติ ก็ระลึกได้ และก็ใช้ปัญญาต่อ ก็เลยแก้ปัญหากลับไป
อันนี้ ก็ให้เห็นว่าสติกับปัญญามักจะมาคู่กัน แบบสติเป็นตัวเริ่ม เป็นตัวที่จะทำให้ใช้ปัญญา แต่ก็ต้องมีปัญญาด้วย มีสติอย่างเดียว ถ้าปัญญาไม่มี มันก็อาจจะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ นางกุณฑลเกสีนั้นมีทั้งสติและมีทั้งปัญญา ก็แก้ปัญหาให้รอดพ้นไปได้ ส่วนโจรร้ายนั้น ก็มีปัญญาเหมือนกัน คือคิดอุบายไปฆ่าเขา แต่ว่าปัญญาสู้เขาไม่ได้ เขาซ้อนกลเอา ตัวเองก็เลยได้รับกรรมตอบสนอง คิดร้ายต่อเขา ก็เลยได้รับผลร้ายตอบสนองแก่ตัวเอง ก็ โจรร้ายก็จบชีวิตลง เพราะกรรมของตัวเองนั่นเอง
นี่ก็เป็นเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่ได้ทั้งประวัติของพระเถรี และก็ได้ทั้งคติธรรม ทั้งคติทางด้านโจรที่ไปคิดประทุษร้ายต่อผู้อื่น แต่ก็ได้รับผลร้ายตอบสนอง และคติในการที่จะใช้สติและปัญญาในการแก้ไขปัญหา ทำให้รอดพ้นจากภยันตราย อาตมาก็คิดว่าวันนี้เล่าเรื่องนางกุณฑลเกสีเถรี เป็นเรื่องประกอบในหัวข้อธรรมะคือปัญญาไว้ ก็พอสมควรแก่เวลา ก็ขออนุโมทนาโยม