PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
  • วัดเวฬุวัน จากปัจจุบันสู่อดีต
วัดเวฬุวัน จากปัจจุบันสู่อดีต รูปภาพ 1
  • Title
    วัดเวฬุวัน จากปัจจุบันสู่อดีต
  • เสียง
  • 4191 วัดเวฬุวัน จากปัจจุบันสู่อดีต /somdej-payutto/04-2.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันจันทร์, 06 เมษายน 2563
ชุด
เล่าเรื่องให้โยมฟังชุดที่ 1
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ

    เจริญพร ขออนุโมทนา โยม

    ขณะนี้โยมก็มานั่งอยู่ในบริเวณสวนไผ่ หรือที่เรียกชื่อเป็นทางการว่า สวนเวฬุวัน ในพุทธมณฑล

    สวนเวฬุวันนี้ทางการได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ถึงสวนในพุทธกาลที่มีชี่อเดียวกัน คือ วัดเวฬุวัน ตั้งอยู่ที่เขตเมืองราชคฤห์ อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นก็นับว่าเป็นสถานที่สำคัญมาก พระพุทธเจ้ามาประทับจำพรรษาที่ ๒ เพราะว่าพรรษาแรกนั้น ได้เสด็จไปที่เมือง พาราณสี และได้ไปโปรดพระเบญจวัคคีย์ และก็ได้ปฐมสาวก

    ณ ที่เมืองพาราณสีนั้น พระพุทธเจ้าได้ทรงส่งสาวกชุดแรกออกประกาศพระศาสนา ส่วนพระองค์เองนั้นก็ได้เดินทางมายังเมืองราชคฤห์นี้ ได้โปรดชฎิล และก็เข้ามาที่เมืองราชคฤห์ ได้โปรดพระเจ้าพิมพิสาร

    พระเจ้าพิมพิสารก็เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่นับถือพระพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้าก็เสด็จเข้ามาประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่เมืองราชคฤห์นี้ในแว่นแคว้นมคธ ก็ถือกันว่าแคว้นมคธนั้นเป็นดินแดนสำคัญ เป็นที่พระพุทธเจ้าประดิษฐานพระพุทธศาสนา และพระพุทธศาสนาก็ได้มีความเกี่ยวพันกับแคว้นมคธตลอดมา จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

    พระเจ้าอโศกมหาราชก็ถือว่าเป็นกษัตริย์ของแคว้นมคธได้เหมือนกัน เพราะครองอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร ซึ่งเป็นเมืองหลวงอีกแห่งหนึ่งของแคว้นมคธ เป็นเมืองหลวงในสมัยหลัง และพระเจ้าอโศกมหาราชนี้ก็ได้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเป็นการใหญ่

    นี่ย้อนกลับมากล่าวถึงเวฬุวัน เวฬุวันมีความสำคัญในพระพุทธศาสนามาก นอกจากเป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษา และก็ได้แสดงธรรมแล้ว ก็มีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างที่กล่าวเมื่อกี้

    ประการที่หนึ่งก็เป็นวัดแรกในพระพุทธศาสนา ชื่อเต็มนั้นเดิมเรียกว่า เวฬุวันกลันทกนิวาถะ หรือเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน  แปลว่า สวนไผ่เป็นที่พระราชทานเหยื่อ???แก่กระแต แสดงว่า สวนไผ่หรือเวฬุวันเดิมในสมัยพุทธกาลนั้น คงจะมีกระแตชุมมาก เป็นพระราชอุทยานของพระเจ้าพิมพิสารมาแต่เดิม ถวายแก่พระพุทธเจ้า ส่วนเวฬุวันแห่งนี้ยังไม่ทราบว่าจะเริ่มมีกระแตรึยัง อันนี้ก็อาจจะยังเป็นลักษณะที่แปลกไป

    นี้นอกจากความสำคัญที่เป็นวัดแห่งแรกแล้ว ก็ยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนา คือเป็นที่ประชุมจาตุรงคสันนิบาต อันเป็นที่กำเนิดของวันมาฆบูชา โยมทุกท่านก็จำได้ถึงวันมาฆบูชา วันมาฆบูชาก็เกิดที่วัดแห่งนี้ ตามเรื่องว่า วันนั้นพระพุทธเจ้าตอนกลางวันเสด็จไปพักที่เขาคิชกูฏที่พระคันธกุฎี   โยมก็ลองนึกออกนะ ก็อยู่ในเขตเมืองราชคฤห์เหมือนกัน แต่อยู่ห่างกัน คิชกูฏอยู่ที่ภูเขา เวฬุวันอยู่เป็นพื้นราบ พระพุทธเจ้าแสดงธรรมตอนบ่ายโปรดทีฆนขะปริพาชก และพระสารีบุตรก็นั่งฟัง พระสารีบุตรก็อยู่ที่ถ้ำพระสุกรขาตานะ ได้ฟังพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่ทีฆนขะปริพาชก และพระสารีบุตรก็ได้บรรลุอรหัตถผลเป็นพระอรหันต์ นั่นล่ะวันเดียวกัน ตอนกลางวัน

    พอตอนเย็น พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเขาคิชกูฏไปที่เวฬุวัน และที่เวฬุวันนั้น วันนั้นซึ่งเป็นวันเพ็ญเดือน ๓ พระอรหันตสาวกจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ได้มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย เป็นโอกาสอันเหมาะ พระพุทธเจ้าก็เลยได้แสดงโอวาทปาติโมกข์ที่เป็นคำสอนหลักของพระพุทธศาสนา หรือหัวใจของพระพุทธศาสนา แก่พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูปนั้น ในท่ามกลางบรรยากาศที่มีพระจันทร์เต็มดวง แสงสดใส สีนวล

    อันนี้ก็เป็นประวัติการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับพระเวฬุวัน

    วันนี้โยมก็ได้มานั่งในสถานที่นี้แล้ว ก็เลยขอเชิญน้อมใจ กลับไปรำลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ได้แสดงธรรมในวันมาฆบูชานั้น แม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันมาฆบูชานั้น แต่เราได้มาในสถานที่ที่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงสถานที่อันสำคัญในทางพระพุทธศานาแห่งนั้น  เมื่อน้อมจิตไปแล้ว จิตใจก็จะสะอาด ผ่องใส สงบ ได้ปีติ การที่ได้ปีติ มีความเอิบอิ่มใจ มีจิตใจสงบ มีความร่มเย็น ทั้งในทางใจ และก็ได้ความร่มรื่นของสถานที่เป็นทางกายด้วย ก็เป็นเครื่องนำมาซึ่งความสุข ความเจริญงอกงาม

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า การทำใจให้ผ่องใสได้ เมื่อมีจิตที่เป็นกุศลนั้น แม้ช่วงครู่ขณะเดียว ก็เป็นบุญอย่างมาก ก็เป็นเรื่องที่นำเข้าสู่ความงอกงามในพระธรรมคำสอนของพระองค์ยิ่งๆขึ้นไป

    วันนี้อาตมาภาพก็ขออนุโมทนา โยมที่ได้อุปถัมภ์ ได้ให้โอกาสอาตมาภาพมาเยี่ยมสถานที่อันร่มรื่นอีกครั้งหนึ่ง และก็ขอโยมทุกท่านจงได้รับผลานิสงส์อันเป็นบุญเป็นกุศล เริ่มแต่ในจิตใจที่ผ่องใสปกตินี้??? และก็ได้เจริญงอกงามในพระธรรมของพระพุทธเจ้ายิ่งๆขึ้นไป โดยทั่วกัน ทุกท่านเทอญ

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service