แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
เรื่องที่ 3 มองสงครามอเมริกา-ทาลีบัน ผ่านภูมิหลังของชมพูทวีป ตอนที่ 3 บรรยายเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544
เรื่องค้างไว้เกี่ยวกับทาลีบัน ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องทาลีบัน เพราะทาลีบันพึ่งมี ที่เราจะพูดนี่เป็นสมัยก่อน เป็นแต่เพียงว่ามันเป็นภูมิหลังของประเทศหรือดินแดนที่เกี่ยวข้องมาถึงทาลีบัน นี้ที่จริงคุยกันเรื่องอย่างงี้มันต้องมีแผนที่ ก็ไม่ได้เตรียมไว้ นี้ก็อยากจะทบทวนอะไรนิดนึง เพราะว่าเรื่องประวัติศาสตร์นี่มันก็เกี่ยวกับเรื่องของภูมิศาสตร์ เพราะว่าเราพูดประวัติศาสตร์ของประเทศไหน ประเทศนั้นอยู่ที่ใด นะ เราก็ต้องรู้ถิ่นรู้อะไรเหล่านั้น นี้มีเรื่องที่เคยพูดไว้ว่า ดินแดนแถบเนี้ยนะฮะ ที่เกี่ยวข้องก็มี อาเซียใต้ นะฮะ ซึ่งได้เทียบว่าโดยคร่าวๆก็เท่ากับชมพูทวีปสมัยโบราณ และก็เหนือขึ้นไป เหนือปากีสถานก็อัฟกานิสถานก็เป็นอาเซียกลาง
ทีนี้เรื่องการแบ่งและจัดพวกดินแดนประเทศอะไรเหล่าเนี้ยก็ไม่ค่อยลงกันเท่าไหร่ ก็เลยจะต้องพูดถึงทวีปอาเซียทั้งหมด ทวีปอาเซียเนี่ยก็มีการแบ่งเป็นเขตๆ นี้การแบ่งเนี่ยก็นักวิชาการ ตำราต่างๆ ก็ไม่ค่อยลงกันเท่าไหร่ บางตำรานี่ก็จะแบ่งเป็น 4 เขต บางตำราก็แบ่ง 5 บางตำราก็แบ่ง 6 นะฮะ ทีนี้อย่างสหประชาชาติเคยกำหนดให้แบ่งเป็น 4 เมื่อปี 1994 เขาให้ใช้ระบบสหประชาชาติ ก็ไม่ปรากฏว่าใครนิยมตาม นะฮะ ก็ไปใช้แบบเก่าๆ
สหประชาชาติเขาแบ่ง 4 แล้วเขาไปจัดเอาไซบีเรียซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียเนี่ยโดยถือรัสเซียเป็นหลัก รัสเซียอยู่ยุโรปเลยเอาทั้งหมดของรัสเซียไปเป็นยุโรปไป เพราะฉะนั้นไซบีเรีย นะฮะ ก็เลยกลายเป็นส่วนของยุโรปไปด้วย ก็ไม่มีใครเอาด้วย นะฮะ แล้วก็เอาไอ้อาเซียใต้ อาเซียกลางบางส่วนมารวมกัน นะอย่างพวกที่เราเรียกอาเซียกลาง พวก อุสเบกิสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อะไรพวกเนี้ยเขาก็มารวมกับพวกอัฟกานิสถานลงมาอินเดียอะไรพวกเนี้ย ก็เป็นอันว่าของสหประชาชาตินี่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม
แต่นี้บางแบบที่ว่าเมื่อกี้ 5 บางแบบ 6 ในที่นี้ก็แบ่งแบบ 6 แบบ 6 นี่ก็จะมีเหนือ อาเซียเหนือ และก็อาเซียใต้ อาเซียตะวันออก อาเซียตะวันออกเฉียงใต้ อาเซียตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็อาเซียกลาง อาเซียเหนือ ก็ไซบีเรียนั่นเอง ก็คือส่วนของรัสเซีย อาเซียตะวันออกก็พวกไหนล่ะ ก็ตะวันออกไกล ที่เขาเรียกตะวันออกไกลเนี่ย far east ก็เป็นพวกจีน ไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง เดี๋ยวนี้เป็นจีนไปแล้ว ญี่ปุ่น พวกเนี้ยก็จัดเป็นพวกอาเซียตะวันออก แล้วก็มาอาเซียใต้ อาเซียใต้ก็ที่พูดไปคราวที่แล้ว ซึ่งก็มีปัญหาอีก แม้แต่ว่าตกลงเรียกเอเชียใต้ก็แบ่งไม่ตรงกัน บางพวกบอกว่าเอาอัฟกานิสถานออก ไม่รวมอยู่ในอาเซียใต้ นะฮะ เขาจัดอัฟกานิสถานเนี่ยไปเข้ากลุ่มพวกตะวันออกกลาง นะฮะ เข้ากับพวกตั้งแต่อิหร่าน อิรัก ไปเลย ซีเรีย อะไรพวกนั้น ก็เอาอัฟกานิสถานไปเป็นอาเซียตะวันตกเฉียงใต้ เรียกว่า southwest asia
ทีนี้ของเรานี่เราเอาตามพวกที่ถือว่า อัฟกานิสถานนี่อยู่ในอาเซียใต้ เป็น southwest เอ้อ south asia ซึ่งในแง่ของประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเนี่ย น่าจะเข้าเรื่องดีกว่า เพราะว่า อย่างที่เราพูดไปแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาลเนี่ย ก่อนพุทธกาลเนี่ย ก็ชมพูทวีปก็กินไปถึงอัฟกานิสถาน นะฮะ แคว้นต่างๆ พวกคันธาระ กัมโพชะ เนี่ยก็กินไปถึงแถวนั้น แล้วก็มีเรื่องราวในอดีตก็ถึงพระเจ้าอโศกอะไรก็ดินแดนก็กินไปถึงแถวนั้น และก็เราเอาระบบที่จัดอัฟกานิสถานนี่เข้าอาเซียใต้ อาเซียใต้ก็มีอะไรก็นั่นแหละที่บอกว่าตั้งแต่บังคลาเทศมา แล้วก็มีเนปาล ภูฏาน อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน และก็ศรีลังกา แต่ถ้าเราเทียบกับชมพูทวีปเราก็ตัดศรีลังกาออกซะ เอาแต่แผ่นดินใหญ่ นะฮะ พอ พอมองเห็นภาพมั้ยฮะ นะฮะ เพราะว่าแผนที่อาเซียเราก็คงพอนึกได้
ทีนี้ก็ไปอาเซียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พวกเราแล้ว นะฮะ พวกไทย ลาว เขมร เวียดนาม ก็คืออินโดจีนทั้งหมด พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน อะไรพวกนี้นะฮะ นี้เรียกว่า southeast asia แล้วก็ต่อไปก็ อาเซียตะวันตกเฉียงใต้ southwest asia ก็เนี่ย ตั้งแต่อิหร่านไป นะฮะ ถ้าพวกหนึ่งเขาเอาอัฟกานิสถานด้วย เราไม่เอา นี่เขาเอาอิหร่าน เปอร์เซียเก่าเนี่ย ไปอิรัก ไปพวก middle east ตะวันออกกลาง ก็จะอยู่ในพวกนี้ นะฮะ
และก็เหลืออยู่อันนึง ก็คือ อาเซียกลาง ซึ่งแบ่งไม่ตรงกัน อาเซียกลางนี่ พวกหนึ่งนี่จะเอาหมด มองโกเลีย มณฑลซินเกียงของจีน นะฮะ แล้วก็มารวมพวกอาเซียกลางที่เคยอยู่ในอำนาจของโซเวียต และตอนหลังแตกออกมา ตอนโซเวียตล่มสลาย ก็ที่เราพูดกันถึงกันบ่อย อาเซียกลาง พวกนี้ก็มี ทาจิกิสถาน อุสเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน แล้วอะไร เกอจีสถาน คาซัคสถาน นะฮะ พวกเนี้ย เป็นสถาน สถานหมด พวกนี้ก็ปัจจุบันก็เป็นมุสลิมหมด ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม
พวกนี้เคยอยู่ใต้อำนาจของโซเวียต ตอนนี้ก็แตกออกมาเป็นอาณาจักร เป็นประเทศต่างๆย่อยๆ ก็รวมอยู่ในอาเซียกลาง ซึ่งถ้ารวมมองโกเลีย ซินเกียงของจีน และทิเบตเข้าไปด้วย นะฮะ ก็ใหญ่มาก รวมแล้วเนื้อที่นี่ตั้ง 3,400,000 กว่าตารางไมล์ รองจากจีน จีนนี่ 3,690,000 กว่าตารางไมล์ นะฮะ จีนประเทศเดียว นะฮะ ใหญ่กว่าอาเซียกลางทั้งหมดรวมกัน แต่ว่ายังมีประเทศหนึ่งที่ใหญ่กว่าอาเซียกลางนี้คืออะไร
โซเวียต
ไม่นับโซเวียต เอา ไม่เอา เพราะว่าแตกไปหมดแล้ว รัสเซียแตก
อเมริกา
อเมริกา อเมริกากับจีนนี่ถือได้ว่าเท่ากัน แล้วใครเล็กกว่ากัน
จีนเล็กกว่า
อื้ม จีนใหญกว่า จีนใหญ่กว่าในราว 7 หมื่นกว่าตารางไมล์ ร่วมๆ 8 หมื่นตารางไมล์ ก็จีนนี่ 3,690,000 กว่าตารางไมล์ ส่วนสหรัฐนี่เขา 3,610,000 หมื่นกว่าตารางไมล์ นะฮะ นี่ก็เป็นประเทศที่เรียกว่ามาเป็นคู่แข่งในยุคต่อไป นะฮะ ต่อไปนี้จีนจะเป็นประเทศที่ขึ้นมาสู่ความเป็นคู่แข่งกับสหรัฐ ก็ขนาดประเทศก็พอๆกัน แต่ว่าพลเมืองผิดกันเยอะ ใช่มั้ยฮะ อเมริกานี่พลเมืองแค่ 200 กว่าล้าน จีนเท่าไหร่ 1,200 กว่าล้านแล้วมั้ง ปัจจุบันนี้ นะฮะ อเมริกาแทบจะเป็นเศษเลย นะฮะ ก็นี่แหละ ทีนี้ อาเซียกลางเนี่ยบางพวกเขาไม่ยอมจัด พวกมองโกเลีย พวกซินเกียงของจีน เขาเอาเข้าไปเป็นจีนอย่างที่ว่า เขาก็นับเอาเฉพาะพวกที่ลงท้ายสถาน สถาน เมื่อกี้ที่เคยอยู่ใต้อำนาจโซเวียตเนี่ย ที่แตกออกมาพวกเนี้ย นะฮะ นับเฉพาะพวกนี้เป็นอาเซียกลาง อันนี้ก็เป็นแบบที่นิยมอีกแบบ ถ้านับเฉพาะพวกนี้ก็เหลือล้าน 5 แสนกว่าตารางไมล์ ลดลงไปก็เกินครึ่ง นะฮะ
เนี้ยเราก็ต้องรู้จักพวกดินแดนเหล่าเนี้ย ก็เป็นอันว่าถ้ามองดูอัฟกานิสถานเป็นหลัก อัฟกานิสถานนี่ก็ตะวันออกมาก็เป็นปากีสถาน เลยมาเป็นอินเดีย เหนือขึ้นไปก็อาเซียกลาง ใช่มั้ยฮะ แล้วก็ไปทางตะวันตกก็อิหร่าน เปอร์เซียเก่า แล้วก็ไปอิรักเป็นตะวันออกกลาง นะฮะ ก็เป็นแดน ดินแดนมุสลิมหมดต่อจากนั้น แล้วก็ไปมียิวแทรกอยู่
เนี่ยแล้วอัฟกานิสถานก็อย่างที่เราบอกแล้วว่า มันเป็นทางผ่าน อยู่จุดที่ว่า จากจีนมาอินเดียก็ผ่าน หรือถ้าจะวกอย่างแอบเข้ามาบีบหน่อยก็เข้าปากีสถาน ก็คือแถวๆนั้นน่ะ ปากีสถานส่วนเหนือกับอัฟกานิสถาน แล้วก็ถ้าหากว่าจากอินเดียหรือจีนจะไปยุโรป ไปตะวันออกกลางเป็นต้นไป ไปกรุงโรมอะไรพวกเนี้ย ก็ต้องผ่านแถวๆอัฟกานิสถาน เพราะฉะนั้นจึงเป็นทางผ่านของการค้า แล้วก็การยกทัพ ตลอดถึง รวมถึงวัฒนธรรมต่างๆด้วย
นี้ เรามองเห็นภาพอย่างงี้แล้วก็มาดู ก็ขอย้อนหลังกลับไป เรื่องของชมพูทวีปแล้วทีนี้ นี้ชมพูทวีปก็ขอทวนอีกที เพราะได้บอกแล้วว่าชมพูทวีปเนี่ย สมัยพุทธกาลเนี่ย มี 16 แคว้น นะฮะ เริ่มนับตั้งแต่บังคลาเทศมา นะฮะ มีแคว้นอังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุระเสนะ อัสกะ อวันตี คันธาระ กัมโพชะ นะฮะ นี้ก็อัฟกานิสถานก็มาสุดเขตของชมพูทวีปก็คือแคว้นคันธาระ นะฮะ แล้วก็เหนือขึ้นไปก็กัมโพชะเนี่ย กัมโพชะนี่ก็คงจะเข้าไปกินถึงพวกอาเซียกลางเป็นดินแดนที่มีชื่อเรื่องม้า นะฮะ เป็นแหล่งของม้าที่ดี พันธุ์อย่างดี นะฮะ มีชื่อในคัมภีร์เลย แล้วในสมัยหลังตำราฝรั่งเขาก็บอกแคว้นคันธาระด้วย กัมโพชะเนี่ย เป็นแหล่งของม้า พวกที่หาม้าไปใช้การสงครามก็ได้ม้าจากแถวนี้ ถือว่าได้ม้าดีนะ ยุคสมัยโบราณก็ต้องใช้ม้าในการรบมาก
นี้แคว้นคันธาระก็กินตั้งแต่ปากีสถานส่วนบน นะฮะ เช่นอย่างเมืองตักสิลา ก็อย่างที่บอกวันก่อนแล้วว่าตักสิลาที่เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมาก ก็อยู่ใกล้เมืองอัลลาฮา อัลลาฮาบัด นะฮะ อัลลาฮาบัดซึ่งเป็นเมืองหลวงของปากีสถานปัจจุบัน ( อัลลาฮาบัด เป็นเมืองหนี่งในรัฐอุตรประเทศ ในประเทศอินเดีย ส่วนเมืองหลวงของปากีสถาน ชื่อ อิสลามาบัด ) วันนั้นพลาดไปหน่อยคือบอกใกล้เกินไป คือผมวัดผิด วัดใหม่แล้วได้ 23 กิโลเมตรจากเมืองอัลลาฮาบัดที่เป็นเมืองหลวงของปากีสถาน นะฮะ ไปทางตะวันตก ก็คือไปทางเมืองกาบูล ของอัฟกานิสถาน ก็หมายความว่าตักสิลาเนี่ยก็ต้องวัดไปทางเมืองกาบูล ระหว่างเมืองหลวง 2 เมือง ระหว่างเมืองหลวงของปากีสถานปัจจุบัน คือ อัลลาฮาบัด แล้วก็ไปยังกาบูลที่เป็นเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ก็จะผ่านเมืองตักสิลา ตักสิลาก็ใกล้มาทางเมืองอัลลาฮาบัด แค่ 28 กิโลไปทางตะวันตก 23 กิโล ตำราหนี่ง 28 กิโล ก็ตำรามันก็เพี้ยนๆ หรือต่าง หรือผิดกันบ้างนิดๆหน่อยๆ นะฮะ ก็อยู่ระยะเนี้ย ตีซะว่า อ้าว 25 ก็ได้ เฉลี่ย 25 กิโล ( หากวัดโดยใช้แผนที่ google map พบว่าเดินทางจากอิสลามาบัดไปยังเมืองตักสิลาตามถนนสำหรับรถยนต์เป็นระยะทางประมาณ 34 กิโลเมตร ไม่สามารถวัดจากอัลลาฮาบัดไปได้ )
แต่ที่จริงน่าสนใจอีกอันระหว่างเมืองตักสิลาไปถึงเมืองกาบูลที่เป็นเมืองหลวงของอัฟกานิสถานเนี่ย มีอีกเมืองหนึ่งซึ่งเป็นเมืองสำคัญในปัจจุบันด้วย นะฮะ เป็นเมืองใหญ่ชื่อเมืองเปชวาร์ เปชวาร์นี่เป็นเมืองใหญ่ เคยเป็นเมืองหลวงในอดีต นะฮะ ปัจจุบันนี้เป็นเมืองสำคัญอยู่ในปากีสถาน ก่อนที่จะถึงเขตแดนกับอัฟกานิสถาน เปชวาร์นี่ชื่อในอดีตชื่อว่าเมืองบุรุษปุระ ( Purusapura ) ปุรุษปุระ ปุรุษปุระนี่เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นใหญ่ในอดีตกาลซึ่งจะได้เล่าต่อไป นะฮะ แล้วก็จากนั้นแล้วจึงมาถึงเมืองกาบูล เพราะฉะนั้นดินแดนแถบเนี้ยเคยเป็นถิ่นสำคัญในประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณ
นี้กาบูลนั้นก็ในอดีตก็ไม่มีชื่อเสียงในสมัยเมื่อ 3,000 ปี 2,000 ปี นะฮะ แต่ว่าไปมีที่บอกไปแล้วนะฮะ เลยจากกาบูลไปทางตะวันตก 150 กิโลเมตร จำได้มั้ย มีเมืองอะไร เป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปใหญ่ สูง 55 เมตร ชื่อว่าเมืองพามิยาน นะฮะ จำไว้เลยว่าเมืองพามิยาน ที่มีภูเขาใหญ่แล้วก็แกะสลักพระพุทธรูปไว้ในภูเขา เนี่ย พามิยานนี่ก็ตะวันตกต่อไปจากเมืองกาบูลอีก 150 กิโล นะฮะ ทีนี้เหนือขึ้นไปก็บอกแล้วว่า เหนือพามิยานขึ้นไปก็มีเมืองสำคัญชื่อเมืองแบคตร้า แบคตร้าที่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรแบคเตรีย แบคเตรียเนี่ยทางชมพูทวีปภาษาบาลีเรียกว่าแคว้นโยนก เคยได้ยินมั้ย
ขอนิดนึงแทรก พูดถึงคำว่าโยนก บอกว่าโยนกเนี่ยได้แก่แคว้นแบคเตรีย แบคเตรียเมืองหลวงอยู่ที่บัคตร้า แบคตร้า หรือพักตรา นะฮะ ถ้าพูดแบบบาลีคล้ายๆพักตรา นะฮะ นั่นแปลว่าหน้าก็ได้นะฮะ พักตราหรือแบคตร้า เมืองหลวงของแคว้นแบคเตรียเนี่ย ก็อยู่ห่างจากเมืองมาซาอี ชาริฟ ( Mazari Sharif ) 22 กิโลไปทางตะวันตกใช่มั้ย คือเมืองที่เขากำลังแย่งกันปัจจุบันเนี่ย ตอนนี้กำลังสู้กันหนักเลยเนี่ย ให้เรารู้ว่าเนี่ยกำลังสู้กันอยู่ใกล้เมืองหลวงของแคว้นแบคเตรีย คือ แคว้นโยนก นะฮะ ตอนนี้กำลังรบกันอยู่ แย่งแคว้นโยนกกัน นะฮะ ถ้าจะให้พูดแย่งเมืองหลวงของแคว้นโยนก นะฮะ
อา นะฮะ แบคตร้าเมืองหลวงของแคว้นโยนก นะอะ อยู่ห่างจาก มาซาอี ชาริฟ 22 กิโลเมตรไปทางตะวันตก ทีนี้แคว้นนี้ทำไมจึงเรียกโยนก อา นี่อยากจะบอกให้ทราบ โยนกเนี่ยในสมัยนั้นเขาหมายถึงพวกกรีก ทำไมเรียกพวกกรีกว่าโยนก โยนกเนี่ยเป็นภาษาบาลีก็ โยนกะ หรือ โยนกา โยนโก เป็นคน ทีนี้ถ้าเป็นแคว้น เป็นดินแดน เรียกว่า โยนะ เฉยๆ พอเป็นคนเติม กะ เข้าไป โยนะก็มาจากภาษากรีก ว่าไอโอเนีย นะฮะ เคยได้ยินมั้ย ไอโอเนีย คำว่า โยนก ก็ โยเนีย ไอโอเนีย พวกเปอร์เซียเรียกว่า ยัวนะ นะฮะ มันเพี้ยนนั้นแหละ ก็เป็นธรรมดา ภาษาต่างชาติ เวลาเรามาพูดมันก็เพี้ยน ใช่มั้ยฮะ ก็เป็นอันว่าโยนก โยนะ มาจาก ไอโอเนีย
ไอโอเนียนี่เป็นชื่อดินแดนกรีก เป็นกรีกสมัยโบราณ คือ กรีกสมัยโบราณเนี่ย เรียกว่า ไอโอเนีย เป็นกรีกภาคตะวันออก ก็เล่านิดหน่อยเพื่อจะให้ท่านเข้าใจ นะฮะ ไอโอเนีย กรีกโบราณเนี่ย ถ้าเป็นคนเรียกว่าไอโอเนี่ยน นะฮะ พวกไอโอเนี่ยนกรีกเนี่ย ถูกไล่ออกมาจากแผ่นดินกรีก ก่อนนั้นไม่ต้องพูด เมื่อพันปีก่อนคริสตศักราช พันปีก่อนคริสตศักราชนะถูกขับไล่ออกมาจากแผ่นดินกรีก แกก็หนีมาอยู่ตามหมู่เกาะอีเยี่ยน ( หมู่เกาะอีเจียน - Aegean Islands ) หมู่เกาะอีเยี่ยน นี่ก็อยู่ระหว่างเตอรกี ( ตุรกี – Turkey ) กับกรีกนั่นเอง คือระหว่างเตอรกีกับกรีกเนี่ยมันมีเกาะต่างๆอยู่ แล้วก็บางส่วนก็ขึ้นมาอยู่บนแผ่นดินเตอรกี เตอรกีนี่เป็นประเทศหนึ่งที่แปลกคือมีทั้งยุโรปแล้วก็อาเซีย ใช่มั้ยฮะ ไอ้ส่วนที่เป็นอาเซียนี่เป็นภาคตะวันออก เรียกว่า อนาโตเลีย
พวกไอโอเนี่ยนกรีกเนี่ยก็หนีมาแล้วก็มาอยู่ที่หมู่เกาะอีเยี่ยนบ้าง แล้วก็มาอยู่ที่แผ่นดินเตอรกี ส่วนที่เป็นอนาโตเลียคือเตอรกีตะวันออกในอาเซียนี้บ้าง นะฮะ พวกเนี้ยอยู่แผ่นดินเรียกว่าไอโอเนีย นี้ไอโอเนีย กรีกโบราณเนี่ย นะฮะ เป็นแผ่นดินสำคัญเป็นดินแดนแห่งนักปราชญ์ นะฮะ นักปราชญ์ใหญ่ๆของกรีกยุคแรกเนี่ยเกิดที่นี่ แล้วก็เกิดในสมัยพุทธกาล นะฮะ ก็เอาว่าเขามาเมื่อพันปีก่อนคริสตศักราช ยุคที่เกิดนักปรัชญาของกรีกก็คือ ค.ศ.เรียกได้ว่าพร้อมกับพระพุทธเจ้าเลย นะฮะ เช่น เธลีส ( Thales ) อะแนกซิมานเดอร์ ( Anaximander ) พิธากอรัส ( Pythagoras ) นะฮะ อะไร เฮราไคลตัส ( Heraclitus ) อะไรพวกเนี้ย นะฮะ เนี่ยพวกเนี้ย ยุคเดียวกับพระพุทธเจ้า
โดยเฉพาะเธลีสเนี่ยฝรั่งเขานับถือว่าเป็นนักปรัชญาตะวันตกคนแรก นะฮะ นักปรัชญาตะวันตกคนแรก และเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยคนแรกของกรีก ปรากฏว่าปีเกิดกับตายของแกเนี่ยเกือบตรงกับพระพุทธเจ้าเลย แกเกิดเมื่อ 624 ปีก่อนคริสตศักราช พระพุทธเจ้าถ้าเทียบตามของเรา เราถือว่าเกิด ประสูติ 623 ปีก่อนคริสต์ใช่มั้ย ก็แสดงว่าเธลีสเนี่ยเกิดก่อนพระพุทธเจ้าปีเดียว นะฮะ แล้วแกตายเมื่อปี 546 ก่อนคริสตศักราช ก็หมายความว่าแกตายก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 ปี อายุของแกก็ได้ 78 ปี พระพุทธเจ้าอายุ 80 ใช่มั้ยฮะ นี้ของแกเป็นนักปราชญ์กรีกคนแรก
อันนี้ นายพิธากอรัส ที่บางคนเรียก ไพธะกอรัส เนี่ย เป็นนักคณิตศาสตร์คนแรกของกรีก แล้วก็มีอันหนึ่งที่น่าสังเกตคือเป็นแนวคำสอนสายที่เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด นะฮะ นี่ก็อยู่ในยุคพุทธกาลหมด พวกเนี้ย ก็ถือว่าเป็นพวกกรีกนักปรัชญารุ่นแรกซึ่งมาเป็นรุ่นอาจารย์ของพวกโสเครตีส (Socrates) เพลโต้ ( Plato) อริสโตเติล (Aristotle) อีกที นะฮะ อันเนี้ยก็เป็นเรื่องสำคัญ ไอโอเนี่ยนกรีกนี่สำคัญมาก ในประวัติศาสตร์ของอารยธรรมตะวันตก
นี้ พระพุทธเจ้าพูดถึงพวกอาณาจักรไอโอเนี่ยน ก็เรียกว่าโยนะ ในพระไตรปิฎกเราเคยพูดกันแล้วเนี่ย พระพุทธเจ้าสอนหลักเรื่องปฏิเสธวรรณะใช่มั้ย เออ จะมีพระสูตรเยอะแยะที่พระพุทธเจ้าตรัสปฏิเสธเรื่องระบบวรรรณะ 4 ของพราหมณ์ ก็ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าตรัสกับพราหมณ์เรื่องวรรณะเนี่ย พระองค์ก็ยกเหตุผลต่างๆมาปฏิเสธเรื่องการเชื่อวรรณะของพวกพราหมณ์ นะฮะ ในมัชฌิมนิกายก็มีพระสูตรหนึ่งชื่อว่า อัสสลายตนส ( อันนี้ไม่ใช่ – ผู้ถอดความ ) อัสสลายนสูตร พระพุทธเจ้าก็พูดกับพราหมณ์เนี่ย ชื่อ อัสสลายนะ เนี่ย
พระองค์ก็ตรัสเหตุผลต่างๆที่แสดงว่าไอ้ระบบวรรณะเนี่ยมันไม่จริง พราหมณ์สอนว่า พระพรหมเป็นผู้สร้าง กำหนดวรรณะ 4 แล้วว่าพราหมณ์เนี่ยเกิดจากพระโอษฐ์ของพระพรหม เป็นพรหมทายาท เป็นทายาทของพระพรหม พระองค์ก็ยกเหตุผลทีละข้อๆ แล้วมาอันหนึ่งพระองค์ตรัสบอกว่า ในแคว้นโยนก นะฮะ ในแคว้นโยนะ เนี่ย นะฮะ คือ ไอโอเนีย เนี่ย มีชนชั้นเพียง 2 ชนชั้นเท่านั้น คือ ชนชั้นเจ้านาย กับชนชั้นทาส นั้นนะฮะ ทันนะฮะ ไม่ได้มี 4 จะว่าเป็นความจริง พระพรหมสร้างโลก บันดาลจัดไว้ มนุษย์ทั้งโลกก็ต้องเป็น 4 วรรณะสิ ใช่มั้ย ไอ้นี่กรีกมันไม่เป็น ไอโอเนียมันมีแค่ 2 วรรณะ นะฮะ ใช่มั้ย แล้วของเขาไอ้ที่เป็นเจ้านายกับเป็นทาสเนี่ย มันเปลี่ยนกันได้ คนที่เป็นเจ้านายก็กลับเปลี่ยนเป็นทาสได้ เป็นทาสก็กลับเปลี่ยนเป็นเจ้านายได้ แล้วจะเป็นอย่างจริงอย่างที่พวกพราหมณ์ว่าได้ยังไง ใช่มั้ย เพราะพราหมณ์บอกเป็นโดยชาติกำเนิด มันเปลี่ยนไม่ได้ นะฮะ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่พระพุทธเจ้ายกมาพูด ก็เลยปรากฏชื่อโยนะอยู่ในนี้ด้วย
อ้า ในพระไตรปิฎกพูดถึงโยนะก็คือไอโอเนี่ยนกรีกนี่ ใช่มั้ยฮะ ก็พูดถึงพวกกรีก แสดงว่าน่าจะมีการติดต่อถึงกัน นะฮะ นี้เราไปดูในประวัติศาสตร์กรีก พวกกรีกก็ปรากฏว่าแบ่งชนชั้น 2 เหมือนกันตรงตามนี้เป๋งเลย นะฮะ คือพวกกรีกเนี่ย จะมีพวกลิเบอรัล ( Liberal ) กับพวกเซอวิล หรือเซอไวล ( servile ) เอาว่าแม้แต่แบ่งวิชาการต่างๆเขาก็แบ่งเป็น 2 อย่าง คือ หนึ่ง ลิเบอรัลอาร์ทส ( Liberal Arts ) แปลว่า ศิลปวิทยาของพวกเสรีชน ลิเบอรัลนี่ก็แปลว่าเสรีชน พวกเจ้านาย แล้วก็พวกเซอไวล หรือเซอวิลอาร์ทส ( Servile Arts ) แปลว่า ศิลปวิทยาของพวกชนชั้นทาส นะฮะ นะ
ลิเบอรัลอาร์ทส นี้ก็ เดี๋ยวนี้เรามาเรียกว่าเป็นศิลปศาสตร์ ใช่มั้ยฮะ ก็เกิดจากสมัยกรีก อันนี้ลิเบอรัลอาร์ทสเนี่ย ตามสมัยนั้นความหมายนั้นเขาก็คือวิชาการที่ใช้สมอง วิชาการที่ใช้ความคิด ส่วนเซอวิล หรือเซอไวล์อาร์ทส เป็นศิลปะศาสตร์ของชนชั้นทาสก็คือใช้แรงงานฝีมือ นะฮะ อันนี้ก็เลยชัดเลย เพราะว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้ตรงเป๊ง บอกว่า ไอ้พวกกรีกเนี่ย ไอโอเนี่ยนี่ เขาแบ่งชนชั้นเป็น 2 พวก เป็นพวกเจ้านายกับพวกทาส นะฮะ นี้ก็แสดงถึงความสัมพันธ์กัน
ทีนี้ขอเล่าอีกนึดนึง ว่าพวกไอโอเนี่ยกรีกนี่ นะฮะ ต่อมาพอ ค. 545 ปีก่อนคริสตศักราช ก็หมายความว่า หลังจากเธลีสตายปีเดียว นะฮะ ก็ตอนระยะใกล้จะ พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานน่ะ พวกไอโอเนี่ยนกรีกเนี่ยถูกอาณาจักรเปอร์เซียตีได้ ก็เลยตกเป็นของอาณาจักรเปอร์เซีย จักรวรรดิเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่ ตกเป็นของเปอร์เซียเมื่อ 545 ปีก่อนคริสตศักราช ต่อจากนี้ความเจริญของกรีกก็ย้ายไปอยู่ที่เอเธนส์ นะฮะ อย่างพวกโซเครตีสเนี่ยเกิดที่เอเธนส์ เป็นเอเธียนิ่น เอธีเนี่ยนกรีก เป็นกรีกของเฮเธนส์ นะฮะ โสเครตีสนี่ก็เกิดหลังพระพุทธเจ้า 150 ปี ใช่มั้ยฮะ โดยประมาณ ก็ศตวรรษครึ่ง แต่ถ้านับตามแบบตะวันตกก็ต้องหักออกไป 60 ปี ก็เกิดหลังพระพุทธเจ้าในราวซักศตวรรษนึง ใช่มั้ยฮะ
แล้วตะวันตกเขาก็ยกย่องโสเครตีสว่าเป็นนักปรัชญาคนแรกที่นำวิธีสอนแบบถามตอบมาใช้ แต่ถ้าเราไปดูพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าใช้สอนแบบวิธีถามตอบเป็นหลักเลย ใช่มั้ยฮะ อย่างเนี่ย อย่างที่ผมยกมาให้ดูเรื่องพระพุทธเจ้าโต้กับพราหมณ์เรื่องวรรณะเนี่ย พระองค์ถามตอบทั้งนั้น ถามว่าในอาณาจักรแคว้นโยนะ พวกไอโอเนีย เขาแบ่งเป็น 2 วรรณะ อา เป็นอย่างงั้นใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ย ตาคนนั้นก็ต้อง ใช่ ใช่ ใช่ นะฮะ อย่างงี้เป็นต้น นะฮะ เนี่ยพระพุทธเจ้าใช้มาก่อน โสเครตีสก็เกิดหลังพระพุทธเจ้าในราวศตวรรษครึ่ง แล้วหลังจากโสเครตีส ก็เพลโต้ก็ลูกศิษย์ ใช่มั้ยฮะ เพลโต้ก็เกิดหลังโสเครตีส 38 ปี ใช่มั้ยฮะ แล้วก็มาอริสโตเติล อริสโตเติลก็เกิดหลัง หลังเพลโต้ 40 ปี อริสโตเติลก็มาเป็นอาจารย์ของ อเลกซานเดอร์มหาราช นะฮะ อเลกซานเดอร์มหาราชก็เกิดหลังอริสโตเติลดูจะ 24 ปี นะฮะ เนี่ยว่ากันไปตามลำดับ
เอาล่ะ นี่จะให้รู้ความเป็นไปเป็นมาของสองแถบ นะฮะ ถ้าเราจะรู้เรื่องตะวันตกเราจะเข้าใจฝรั่ง เราต้องเข้าใจไปถึงกรีกด้วย ใช่มั้ยฮะ เพราะแนวคิดของกรีกเนี่ยได้รับอิทธิพล เอ้ย ของตะวันตกเนี่ยได้รับอิทธิพลจากพวกกรีก-โรมันโบราณ นะฮะ อ้า ทีนี้ทำไมเรื่องมันมายังไงถึงเรียกแคว้นแบคเตรียว่าโยนก อ้าว นี่ก็ต้องเล่าอีกนิดเดียวจะจบแล้ว
ก็คือว่า ต่อมา นะฮะ หลังจากเมื่อกี้ที่บอกว่าแคว้นเปอร์เซียไปตีได้ไอโอเนียเมื่อปี 545 ก่อนคริสตศักราช ใช่มั้ยฮะ นี้ ต่อมา อเลกซานเดอร์มหาราชปี 329 โดยประมาณ 330 อะไรแถวนั้น ก็ก่อน ก่อนมาอินเดียก็ใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ตีเข้ามาก็ได้ไอโอเนียนี้ด้วย แล้วก็มาตีเปอร์เซียได้ ใช่มั้ยฮะ พอได้เปอร์เซียแล้วยกทัพมาก็มาตีแบคเตรียได้ นะฮะ ที่บอกแล้ว แคว้นโยนกก็ตกเป็นของอเลกซานเดอร์มหาราช ก็ได้เมืองเฮราท (Herat ) ก็ตั้งเป็นเมืองอเลกซานเดรีย ได้เมืองกันทะหาร ซึ่งเข้าใจว่ามาจากคำว่า คันธาระ เนี่ย ก็ตั้งเป็นเมืองอเลกซานเดรียอีกเมืองนึง แล้วขึ้นไปได้เมืองแบคตร้า ก็ตั้ง อ้อ ก็กลายเป็นอาณาจักรของพวกกรีกไป
แล้วก็แม่ทัพที่สืบต่อมาก็ชื่อ พระเจ้าซีลิวคัส ( Seleucus ) ใช่มั้ยฮะ นี้พอพวกกรีกมาครองที่แบคเตรียนี่ ชาวชมพูทวีป ชาวอินเดียเนี่ย อย่าเรียกชาวอินเดียเลย เรียกชาวชมพูทวีป ชาวชมพูทวีปเนี่ยติดมาเรียกพวกกรีกว่าไอโอเนียหมด ไม่ว่าแกจะเป็นกรีกไหน เพราะว่ารู้จัก เดิมด้วย รู้จักกรีกจำพวกไอโอเนี่ยน ใช่มั้ยฮะ อีตาอเลกซานเดอร์นี่แกเป็นแมสซีโดเนี่ยน ใช่มั้ยฮะ อยู่เหนือขึ้นไป แต่ว่าพวกชมพูทวีปก็เรียกไอโอเนียนั่นแหละ ก็เรียก โยนะ โยนะ โยนกหมด ดังนั้น ไอ้แคว้นแบคเตรียนี่พวกกรีกมาปกครอง พวกชมพูทวีปก็เรียกพวกแคว้นแบคเตรียว่าโยนก เรียกว่าโยนะ คือเรียกว่าพวกกรีกเป็นโยนะหมดไม่ว่าที่อยู่ไหน ใช่มั้ยฮะ
ก็เลยแคว้นแบคเตรียซึ่งเป็นอาณาจักรของกรีกที่พระเจ้าอเลกซานเดอร์มาพิชิตได้แล้วเป็นดินแดนของกรีกปกครองกันมาอีกหลายศตวรรษเนี่ย ก็เลย ในราว 2 ศตวรรษน่ะที่กรีกปกครองแท้จริง นะฮะ ก็เลยกลายเป็นดินแดนโยนก เป็นดินแดนของพวกไอโอเนี่ยนกรีกไป นะฮะ ก็เลย คนชมพูทวีป คัมภีร์ของเราก็เรียกแบคเตรียนี้ว่าโยนะ เรียกคนว่าโยนก นะฮะ เรื่องก็เป็นมาอย่างนี้ นะฮะ ก็โยงกับที่พูดคราวที่แล้ว ก็จบ
เนี่ยก็เรื่องราว ต้องรู้อารยธรรมโบราณ แล้วให้สัมพันธ์ 2 ทางได้ ใช่มั้ยฮะ นี้ของเราเวลานี้ หนึ่ง เราก็ไม่ค่อยรู้เขา อย่างเรื่องของกรีก-โรมัน ความคิด แนวความคิด มาอย่างไรเราก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่พวกเนี้ย โสเครติส เพลโต้ อริสโตเติลนี่ แกคิดจะพิชิตธรรมชาติตลอดเลย นะฮะ แล้วแนวคิดนี้ก็เข้าครอบงำอารยธรรมตะวันตกมาจนปัจจุบันที่จะ conquest of nature ต้องพิชิตเอาชนะธรรมชาติ นะฮะ จนกระทั่งมาผิดหวังว่าธรรมชาติเสีย ใช่มั้ยฮะ ทำให้เกิดการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
ตอนนี้เปลี่ยนบอกว่า ต้องเลิกคิดพิชิตเอาชนะธรรมชาติ ต้องอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ นะฮะ อยู่ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ นี้พุทธศาสนานี่สอนว่า สิ่งทั้งหลายนี่เป็นระบบธรรมชาติอันเดียวกัน เป็นไปตามเหตุปัจจัยมีความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผล อะไรก็ตามเกิดขึ้นก็กระทบกันหมด มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ เพราะฉะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เป็นส่วนพิเศษ เราก็ปรับปรุงคุณภาพมนุษย์ให้ดี จะได้ให้มนุษย์เนี่ยมาเป็นส่วนร่วมที่ช่วยเกื้อหนุนระบบธรรมชาติให้มันดี
แนวคิดก็ต่างกันไปเลยนะฮะ ก็เนี่ยแนวคิดต่างๆเหล่าเนี้ยมีมาแต่โบราณทั้งนั้น นะฮะ ก็ต้องรู้เขารู้เรา ทั้งในแง่ของเหตุการณ์ ในแง่ความเป็นไป สภาพบรรยากาศแวดล้อมที่เห็นมากก็คือเศรษฐกิจความเจริญด้านนี้ แต่ที่สำคัญคือรากฐานทางความคิด จะต้องเข้าถึงขั้นนี้ รู้เข้าใจรากฐานความคิดของทั้งสองฝ่าย นะฮะ
ตอนนี้เราก็มา มุ่งที่รากฐานความคิดกัน นะฮะ เอาจุดเนี้ยที่สำคัญที่สุดที่จะเข้าถึงจริงๆ นะฮะ เพราะว่าตัวรากฐานความคิดเนี่ย มันเป็นตัวมโนกรรมที่กำหนดความคิดออกมาสู่การกระทำ นะฮะ เจตจำนงค์ออกมาสู่พฤติกรรมของมนุษย์ทั้งหมดใช่มั้ยฮะ แล้วก็กำหนดวิถีของอารยธรรม นะฮะ ถ้าเข้าใจรากฐานทางความคิดก็รู้ความเป็นมาของอารยธรรมหมด ไม่มีอะไรสงสัยนะฮะ อา เรื่องโยนกก็จบกัน
สมัยโบราณในคัมภีร์ก็พูดถึงแคว้นโยนก นะฮะ ก็คือแคว้นแบคเตรียเนี่ย แบคเตรียนี่พวกนี้ก็อยู่ในเขตที่พวกจะเดินทางจากจีนมาอินเดีย จะไปจากจีนอินเดียไปยุโรป ไปตะวันออกกลางก็ผ่านทางนี้ทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้น ดินแดนทางเนี้ยจะเป็นที่รวมของอารยธรรมและวัฒนธรรม มีทั้งของศิลปะอินเดีย ฮินดู มีทั้งของพระพุทธศาสนา มีของจีน ของเต๋าก็มีนะฮะ แล้วก็มีของพวกกรีก พวกอียิปต์ มาอยู่แถวเนี้ย นั้นตอนที่พวกทาลีบัลทำลายพระพุทธรูปที่พามิยาน 2 องค์ใหญ่เนี่ย เขาสั่งทำลายหมดนะ รูปทั้งหลายน่ะที่มีในอัฟกานิสถานน่ะ ไม่รู้เท่าไหร่เขาให้ทำลายหมด
นั้น ทางพวกนักประวัติศาสตร์โบราณคดีและศิลปะจึงต้องเสียดายอย่างยิ่ง เพราะที่นี่มันเป็นที่รวมแหล่งของอารยธรรมใช่มั้ย แล้วมันก็ทำให้หลักฐานเสียสิ ใช่มั้ย เพราะว่ากรีกก็มี อิยิปต์ก็มี จีนก็มี นะฮะ อินเดียก็มี มารวมกันอยู่ที่เนี่ย ทางผ่านของอารยธรรม อันนี้ จุดหนึ่งที่อยากจะพูด ซึ่งเป็นจุดที่ ก็อาจจะยังเป็นความลึกลับอยู่ไม่ค่อยแน่นอนก็คือเมืองกันทา กันทะหารที่ปัจจุบันเขาอ่านกันว่ากันดาฮ่าร์ ( Kandahar ) เนี่ยนะฮะ ที่เขากำลังรบกันเนี่ย แล้วทิ้งบอมบ์ไปเยอะเลยเนี่ย
กันดาฮ่าร์เนี่ย กันทะหารเนี่ย ก็เมื่อวันนั้นท่านถามทีนึงใช่มั้ยว่ากันทะหารนี่จะไปเกี่ยวอะไรกับคันธาระ นะฮะ คือตำราต่างๆก็หายากที่จะบอก ก็โดยมากจะเลี่ยงไม่ยอมพูดถึงความโยงกันระหว่างกันทะหารกับคันธาระ ก็มีอยู่ตำราเล่มเดียวที่เจอที่บอกเรื่องนี้ ตำรานั้นชื่อว่า The เอ้อ Hindu world ( The Hindu World ) นะฮะ ก็เป็น Encyclopedia เรื่องของฮินดู ก็จะมีเรื่องของภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ อารยธรรม ของสมัยโบราณ ในถิ่นเนี้ย ทั้งหมด เขาบอกเลยบอกว่าแคว้นคันธาระนั้น ว่าคร่าวๆก็รวมทั้งแคว้นกันดาฮ่าร์ในปัจจุบันว่างั้น ทีนี้กันทะหารนี่ไม่ใช่แค่ชื่อเมืองนะ เป็นชื่อแคว้น แล้วกันทะหารเนี่ยมาเป็นเมืองหลวงของแคว้นกันดาฮ่าร์อีกทีหนึ่ง งั้นกันดาฮ่าร์เนี่ยเค้าบอกว่าโดยคร่าวๆแล้วก็อยู่ในแคว้นคันธาระ
งั้นก็น่าจะเป็นไปได้ว่าคำว่ากันทะหารเนี่ยก็เพี้ยนไปจากคันธาระได้ ใช่มั้ยฮะ เพราะคำว่า กะ กับ คะ นี่มันคล้ายๆกัน ใช่มั้ย กอ คอ ดะหาร ทะหาร เนี่ย ถ้าลด อะ ออกไปเนี่ยมันจะเป็น ธาระ ทันทีเลย Kandahar ตัด da เอา a ที่ d ออก เอา d ไปต่อกับ h นี่เป็น ธ ธง ในภาษาบาลี ก็เป็น กันธาระ ชัดเลย เพราะฉะนั้น กันทะหารเนี่ยน่าจะ เราก็สันนิษฐานทั้งๆที่ว่าเรายังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน แต่ว่าสันนิษฐานได้ เพราะเนื้อที่ บริเวณ ดินแดน มันอยู่ในแถบนั้น ก็กันทะหารก็เป็นดินแดนแคว้นคันธาระ นะฮะ
ทีนี้คันธาระก็อย่างที่ว่าก็กินเหนือขึ้นไปเข้าไปจนถึงปากีสถาน ตักสิลา เปชวาร์ อะไร มาถึงกาบูล พามิยาน แล้วก็ต่อขึ้นไปก็เป็นแคว้นแบคเตรียโยนก นะฮะ อันนี้ก็ได้เห็นภาพซึ่งเป็นเรื่องเชิงประวัติศาสตร์ บวกภูมิศาสตร์ ก็จะทำให้เราเข้าใจอะไรต่ออะไรชัดเจนยิ่งขึ้น นะฮะ นี้พอได้ภาพอย่างงี้แล้วทีนี้ก็ย้อนกลับไปเรื่องเก่าแล้ว
นี้ชมพูทวีปนี่มีอารยธรรมเริ่มต้นมา ตั้งแต่ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตศักราช นะฮะ บางตำราก็เอาแค่ 2,800 ปี บางตำราก็ 2,500 อันนี้มันก็เอาโดยประมาณก็แล้วกัน อารยธรรมยุคนี้เขาเรียกว่า อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ นะฮะ ลุ่มแม่น้ำสินธุก็เป็นแม่น้ำที่สำคัญของอินเดีย มี 2 แม่น้ำ คือ คงคา นะฮะ แล้วก็เนี่ยสินธุ ทีนี้ สินธุนี่ก็เป็นแม่น้ำที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งมาเข้าเขตปากีสถาน นะฮะ นี้อารยธรรมลุ่มน้ำสินธุนี่เขาเรียกโมเห็นโจดาโร ( โมเฮนโจ-ดาโร Mohenjo-daro ) กับฮารับปา ( Harappa ) ก็อยู่ลุ่มแม่น้ำสินธุนี่ ปัจจุบันก็แหล่งสำคัญ ก็อยู่ในเขตปากีสถาน แต่กินเข้ามาในอินเดียด้วย นี่ก็ประมาณซัก 2,500 – 3,000 ปีก่อนคริสตศักราชเนี่ย ก็มีอารยธรรมนี้เกิดขึ้น นะฮะ ซึ่งเจริญรุ่งเรืองมาก มีการสร้างตึกหลายๆชั้น นะฮะ แล้วก็มีระบบชลประทาน นะฮะ ซึ่งแสดงว่าเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างดีทีเดียว
นี้อยู่ต่อมาจนกระทั่งอีกประมาณพันปี ประมาณ ก่อนคริสตศักราช 1,500 ปี ก็มีชนเผ่าอารยัน นะฮะ ชนเผ่าอาระยันเนี่ยก็มาจากแถวๆอิหร่าน นะฮะ ก็อพยพ แล้วก็รุกรานเข้ามา ก็มารบชนะพวกลุ่มน้ำสินธุนี้ ก็เข้าครอบครอง ก็เข้าใจว่าจับพวกคนเหล่าเนี้ยเป็นทาส นะฮะ แล้วพวกอารยันนี่ก็เข้ามาตั้งแต่ พ. ค.ศ. เอ้อ ก่อน ค.ศ. 1,500 ปี แล้วก็ขยายเข้ามาเรื่อยๆ มันก็คงต้องตีต้องบุกอะไรเข้ามาหาดินแดนบุกเบิกกันไปเนี่ย จนกระทั่งระยะ 1,200 ปีก่อนคริสตศักราชก็ตั้งถิ่นฐานกันดี
พวกนี้ก็นำเอาศาสนาพราหมณ์เข้ามา ศาสนาพราหมณ์ก็นับถือเทพเจ้าผู้สร้างโลก แล้วก็มีระบบวรรณะ ว่าพระเจ้า พระพรหม ตอนแรกเขาเรียกปชาบดี นอกจากสร้างโลก แล้วก็สร้างมนุษย์ด้วย สร้างมนุษย์ก็จัดระบบสังคมมนุษย์มาเสร็จ โดยจัดตั้งคนเป็นวรรณะสี่ นะฮะ พวกพราหมณ์นี้ก็เกิดจากพระโอษฐ์ ปากของพระพรหม แล้วก็กษัตริย์เกิดจากพระพาหาคือแขนของพระองค์ก็เป็นนักรบ แล้วก็พวกเวสสะ พวกแพศย์ ก็เกิดจากตะโพก หรือขา ก็เป็นนักเดินทาง ธุรกิจค้าขายไป นะฮะ แล้วก็เป็นพวกศูทร ก็เกิดจากพระบาทของพระองค์ ก็รับใช้ นะฮะ อันนี้ถ้าหากว่าแต่งงานข้ามวรรณะกันก็เป็นจัณฑาล พวกนอกวรรณะยิ่งต่ำหนักเข้าไปอีก ถูกกดขี่และก็ทอดทิ้ง นะฮะ เหยียดหยาม
อันนี้พวกศูทรก็คงจะเป็นพวกเนี้ย พวกชนพื้นเมืองที่ถูกจับเป็นทาสก็ถูกเหยียดลงไป ก็พวกเรียกพวกตัวเองว่าอารยัน อารยันก็คืออริยะในภาษาบาลี บาลีเรียกอริยะ สันสกฤตเรียกอารยะ แล้วก็ฝรั่งก็ไปเรียกเป็นอารยัน ก็อันเดียวกัน พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสบอกคนไม่ได้เป็นอริยะหรืออารยันเพราะชาติกำเนิด ไม่ใช่เป็นเพราะเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ แต่เป็นเพราะความประพฤติ การกระทำของตัวเอง โดยเฉพาะการไม่เบียดเบียน ผู้อื่นนี่ ถ้าไม่ ถ้ายังเป็นพวกเบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นจะเป็นอริยะไม่ได้ ก็คือเป็นอารยชนไม่ได้ นะฮะ
เนี่ยร่องรอยของแนวความคิดก็คือพวกเนี้ย ถือว่าอารยันก็คือชนเผ่าชั้นสูง เพราะฉะนั้นเขาจะแบ่งนอกจากวรรณะสี่เนี่ย เขายังจัดอีก นะฮะ ว่าวรรณะสี่ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร พวกศูทรเนี่ยไม่มีทางเป็นอารยะ ไม่เป็นอริยะ นะฮะ ความเป็นอริยะก็อยู่ที่กษัตริย์ พราหมณ์ ของเขาต้องพราหมณ์ก่อนด้วย พราหมณ์ 1 กษัตริย์ 2 นะฮะ แล้วก็พวกแพศย์พอเป็นได้ อริยะ นะฮะ ส่วนพวกศูทรน่ะเป็นอริยะไม่ได้ นะฮะ
ทีนี้ก็เป็นอันว่าศาสนาพราหมณ์ก็เจริญงอกงามขึ้น แล้วก็มาแบ่งจากสังคม ความเชื่อ ลัทธิต่างๆน่ะมีผลต่อสังคมมาก ศาสนาไม่ใช่มีความหมายแค่สิ่งที่นับถือปฏิบัติ พิธีกรรม แต่หมายถึงกฎเกณฑ์ทางสังคมทั้งหมดเลย อันนี้ก็ระบบวรรณะก็เกิดขึ้น แล้วก็มีคัมภีร์สำคัญ ศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า พระเวท นะฮะ ซึ่งพราหมณ์เป็นผู้ผูกขาด กษัตริย์พอจะศึกษาได้บ้าง แพศย์ก็พอจะศึกษาได้บ้าง แต่ว่าพราหมณ์เนี่ยเป็นเจ้าของเรื่อง แล้วก็เลยผูกขาดการศึกษาด้วย เพราะว่าเมื่อจะศึกษาพระเวท คนวรรณะศูทรนี่ศึกษาไม่ได้เลย นะฮะ
ต่อมาเขาวางโทษบอกว่า ใครที่เป็นศูทรมาฟังสาธยายพระเวทให้เอาตะกั่วหลอมหยอดหูมัน ถ้ามันสาธยายพระสูตร ( น่าจะเป็น “สาธยายพระเวท” ) ให้ตัดลิ้นมันเสีย ถ้ามันเรียนพระเวท ให้ผ่ากายมันสองซีก นี่กฎเนี้ยมาในคัมภีร์มนูธรรมศาสตร์ที่มาเป็นแม่บทกฎหมายไทย นะ นะฮะ กฎหมายไทยเราใช้มานวธรรมศาสตร์ หรือเราเรียกกันว่ามนูธรรมศาสตร์นี่แม่แบบนะ เอาจากอินเดียมา คัมภีร์นี้เป็นพวกของพราหมณ์ เพราะฉะนั้นถือระบบวรรณะ นะฮะ อันนี้ก็วรรณะศูทรเป็นอันไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน การศึกษาก็ถูกผูกขาดอยู่
แล้วก็เมื่อปฏิบัติตามพระเวท พราหมณ์ก็จะเป็นผู้ที่จะบอกว่าจะต้องทำยังไง แล้วก็กลายเป็นผู้ผูกขาดสติปัญญา และการศึกษา แล้วเสร็จแล้วพราหมณ์ก็จะบอกว่า พระเจ้าต้องการยังไง นะฮะ แล้วมาให้มนุษย์ทำ อันนี้คือผูกขาดอำนาจด้วย ใช่มั้ย อ้า คนอื่นจะติดต่อกับพระพรหมไม่ได้ พราหมณ์ก็มาบอกว่า ตอนนี้พระเจ้าต้องการอย่างงี้งี้ นะฮะ หรือพระเจ้าโปรดเรื่องนี้นี้ เอาใจพระเจ้าทำไง บูชายัญ นะฮะ ก็ไอ้การบูชายัญก็เจริญงอกงามขึ้น พราหมณ์ก็ได้ค่าทักขิณา เขาเรียกทักษิณา ซึ่งเป็นค่าทำพิธี ซึ่งพุทธศาสนาเอามาเปลี่ยนเป็นทักขิณาที่ถวายให้แก่ผู้ที่ทำประโยชน์ ความดีเรียกว่าทักขิณา เนี่ยพุทธศาสนาเอาศัพท์เขามาใช้ แต่เปลี่ยนหมด นะฮะ เดิม เดิม ก็ทักษิณา นี่ก็คือ ค่าทำพิธี พอทำพิธีบูชายัญ ถ้ายิ่งพิธีใหญ่ก็ยิ่งได้ค่าตอบแทนมหาศาล
กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะต้องประกอบพิธีบูชายัญที่ใหญ่ เช่นอย่างอัศวเมธ เคยได้ยินมั้ย ฆ่าม้าบูชายัญ นะฮะ ฆ่าม้าบูชายัญนี่ก็ กษัตริย์ก็ต้องอยากยิ่งใหญ่ใช่มั้ย ก็ต้องทำพิธีนี้ นะฮะ ต้องเลือกม้าที่ยอดเยี่ยม 1 ตัว แล้วก็มีม้าบริวาร แล้วก็คัดเลือกเจ้าชาย นักรบ ทหารเอก ติดตามไปร้อยคน นอกนั้นไม่นับ นะฮะ ก็ตามไอ้เจ้าม้าตัวนี้ไป ทำพิธีก่อน แล้วก็ออกเดินทาง ไอ้ม้านี้ก็ไปไหนผ่านแดนไหน ถ้าใครให้ผ่าน ก็แสดงว่ายอมอยู่ใต้อำนาจ ถ้าใครไม่ยอมให้ผ่าน ก็รบ นะฮะ ถือโอกาสรบ ไป 1 ปี แล้วก็กลับมา ระหว่างนี้เขาก็ประกอบพิธีรื่นเริงสนุกสนานกัน พิธียันต์ใหญ่ เรียกว่า อัศวเมธ พอกลับมาถึงก็แสดงว่าได้ชัยชนะหมดแล้ว ทั่วแดนที่ผ่านไป ก็ประกอบพิธีฆ่าม้าตัวนั้นบูชาเทพเจ้า นะฮะ ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ผู้นั้น นะฮะ เนี่ย กษัตริย์องค์ไหนจะยิ่งใหญ่ที่สุดก็จะต้องประกอบพิธีอัศวเมธ จนกระทั่งมากษัตริย์พุทธอย่างพระเจ้าอโศกไม่เอาด้วย ปฏิเสธ
นี้ เนี่ย ก็เรื่องของพราหมณ์ก็ หนึ่ง ระบบวรรณะ นะฮะ สอง การผูกขาดพระเวท และการศึกษา และก็สาม เรื่องพิธีบูชายัญ นะฮะ ซึ่งใครจะไปสวรรค์จะไปดีมันก็ต้องบูชายัญ นะฮะ ถ้าบูชายัญบางทีเขาเรียกว่าสรรพเมธ ฆ่าทุกอย่างบูชายัญ มนุษย์ก็เอาด้วย ฆ่าคนบูชายัญเลย นะฮะ นี้ การบูชายัญก็เป็นเรื่องสำคัญของพระเวท นะฮะ อันนี้ก็เป็นตัวอย่าง เอาล่ะให้เห็น พอให้เห็นว่า สภาพของสังคมอินเดีย นะฮะ
นี้พระพุทธเจ้าเนี่ย ก็ทรงประสูติมาท่ามกลางสภาพนี้ ทรงไม่เห็นด้วยเลย นี้ก็เป็นเบื้องหลัง ภูมิหลัง การเกิดขึ้นของพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าประสูติก็ตรัสเลยว่า “เราสิเป็นผู้เลิศในโลก เป็นผู้ประเสริฐ” เพราะว่าพราหมณ์ก็ถือว่าพระพรหมยิ่งใหญ่ที่สุด หลักพุทธศาสนาบอก มนุษย์นี่แหละ แต่ถ้าฝึกตนแล้วจะประเสริฐสุด เราบอกว่า ทันโตเสฏโฐ มนุสเสสุ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุเส บอกว่า ในหมู่มนุษย์ผู้ที่ฝึกแล้ว ประเสริฐ แต่ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยวิชาจะระณะประเสริฐแม้แต่ในหมู่เทวดาและพรหม นะฮะ และมวลมนุษย์เลย เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาก็บอกว่า ถ้ามนุษย์ฝึกตนเองแล้วเนี่ย จะประเสริฐกว่า ประเสริฐกว่าเทพ พรหมทั้งหลาย เทพพรหมก็ต้องยอมเคารพบูชามนุษย์ ใช่มั้ยฮะ เนี่ย
ก็คำประกาศที่พระพุทธเจ้าตรัสตอนประสูติอันนั้นคือสัญลักษณ์การประกาศอิสรภาพของมนุษย์ นะฮะ เพราะว่าตอนเดิมนั้น มนุษย์นี่อยู่ใต้อำนาจของเทวดาของพราหมณ์หมดเลย พอพระพุทธเจ้าประสูติปั๊บ ( น่าจะเป็นตรัสรู้แล้ว ) ก็เปลี่ยน ประกาศพระศาสนา หนี่ง ไม่ยอมรับระบบวรรณะ ใช่มั้ยฮะ อ้า เพราะว่าใครจะเกิดมายังไงก็ตาม มาบวชแล้ว เสมอกัน เป็นสมณะศากยบุตรทั้งสิ้น นะฮะ แล้วก็ถ้าได้ฝึกตนบรรลุอรหันต์แล้วเป็นผู้ประเสริฐสุดไม่นับวรรณะกันเลย นะฮะ ไม่ว่าจะเกิดจากวรรณะไหน แล้วก็ไม่ยอมรับพระเวท
ตกลงก็ประกาศไตรวิชชา ไตรเวท แบบใหม่ ไตรเวทแบบใหม่ก็คือ วิชชา 3 นะฮะ วิชชา 3 นี้คือแหละเทียบกับไตรเภท นะฮะ ซึ่งมนุษย์ทุกคนเนี่ย ฝึกตนเองแล้ว มีการศึกษาดีก็จะบรรลุได้ นะ ทุกคน เสมอกัน แล้วก็บอกว่า การบูชายัญ เซ่นสรวงเทพเจ้านั้น ไม่สามารถจะให้สำเร็จผลที่ต้องการ นะฮะ เช่นอยากจะได้ลาภ ได้ความยิ่งใหญ่อะไรพวกเนี้ย นะฮะ พระองค์บอกว่า ไม่ใช่เทพบันดาล อยู่ที่ธรรม นะฮะ ธรรม ก็คือความจริงของสิ่งทั้งหลายที่มีตามธรรมดา ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นต้น
นี่แหละ พระพุทธเจ้าก็ย้ายจากเทพมาสู่ธรรม นั้นการเกิดของพระพุทธ การเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนาเนี่ย จุดสำคัญก็คือการเปลี่ยนจากเทพสูงสุดเป็นธรรมะสูงสุด นะฮะ อย่างในพระสูตรบางสูตรนี่จะพูดไว้ชัดเจน นะฮะ เพราะเขาถือพรหม เทพสูงสุด บันดาลทุกอย่าง พระพุทธเจ้าบอกธรรม ความจริงของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็นอยู่เนี่ย เป็นสูงสุด เป็นมาตรฐานตัดสินทุกอย่าง แต่ว่าเมื่อธรรมเป็นใหญ่กับเทพเป็นใหญ่เนี่ย วิธีปฏิบัติของมนุษย์จะต่างกันไป ถ้าเทพเป็นใหญ่ มนุษย์ก็ต้องไปอ้อนวอนขอให้พระองค์โปรด แต่ถ้าธรรมเป็นใหญ่ มนุษย์ต้องเรียน ต้องศึกษา หาเหตุปัจจัย ต้องใช้ปัญญา ใช่มั้ยฮะ ไม่ต้องไปอ้อนวอนใคร แต่ว่าคุณต้องศึกษานะ ใช่มั้ย ไอ้ความจริงของสิ่งทั้งหลาย เช่น มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย กฎธรรมชาติเนี่ย อ้าว แล้วเราจะปฏิบัติให้ได้ผล เราทำไง เราก็ต้องรู้สิ ใช่มั้ย ก็ต้องศึกษา
เพราะฉะนั้น พุทธศาสนาก็ยกเลิกพิธีบูชายัญ ใช่มั้ย เอาธรรมเป็นใหญ่ ไอ้วิธีบูชายัญเป็นพิธีปฏิบัติสัมพันธ์กับเทพเจ้า วิธีสัมพันธ์กับธรรมะ คือ สิกขา ฝึกตน นะฮะ เพราะฉะนั้น พุทธศาสนาก็มาย้ำหลักเนี่ย ที่บอกว่า ผู้ที่ฝึกตนเนี่ย ประเสริฐสุด นะฮะ แล้วก็ ผู้ที่ฝึกตนสูงสุดก็เป็นพระอรหันต์ นะฮะ เป็นผู้ประเสริฐสุดทั้งในมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลกเลย นะฮะ อันนี้ คือการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ใหญ่มาก นะฮะ ซึ่งกระทบผลประโยชน์ของพราหมณ์ เพราะฉะนั้น พราหมณ์แค้นอย่างยิ่ง ให้จำไว้เลยว่าพราหมณ์จะแค้น แล้วไปแก้แค้นต่อไป นะฮะ จนกระทั่งกำจัดพุทธศาสนา นะฮะ ในระยะนึง
เอาละ พุทธศาสนาเกิดขึ้น เอาคร่าวๆ ก็แล้วกัน เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าเปลี่ยนหลักการสำคัญๆเลย โดยเฉพาะให้ถือธรรมสูงสุด นะฮะ แล้วก็เลยถือว่า ธรรมสูงสุด มนุษย์ก็ต้องรู้ต้องศึกษา พัฒนาตนเองให้เกิดปัญญา แล้วการที่มนุษย์รู้แล้ว จะทำให้เกิดผลสำเร็จ ก็ต้องทำเหตุปัจจัย การทำเหตุปัจจัยก็คือการกระทำของมนุษย์ด้วยความเพียร เพราะฉะนั้นถือว่าหลักกรรมคือการกระทำ ด้วยวิริยะ ความเพียรพยายาม ก็เปลี่ยนจากไอ้การบูชายัญที่อ้อนวอน มาเป็นการกระทำด้วยความเพียรพยายาม นะฮะ ซึ่งคนที่ไม่รู้หลักภูมิหลังมานี้บางทีเข้าใจหลักกรรมหลักเกิมผิดหมด นะฮะ ดีไม่ดีเอาไปคล้ายกับลัทธิของพวกพราหมณ์ไปเลย นะฮะ คนละอย่างกันไปเลย นะฮะ
หลักกรรมของเราก็คือ เพราะถือว่าธรรมะสูงสุด ความจริงก็คือกฎธรรมชาติ สิ่งทั้งหลายจะเกิดผลยังไงต้องเป็นไปตามเหตุ เมื่อท่านต้องการผล ท่านต้องทำเหตุ นะฮะ เมื่อท่านรู้ธรรม ท่านต้องการผล ท่านต้องทำกรรม ใช่มั้ย อ้า ท่านทำกรรม คือ การกระทำ นี้ ต้องให้ตรงเหตุ ก็ท่านต้องศึกษา ต้องมีสิกขา ใช่มั้ยฮะ เมื่อศึกษาแล้ว ทำกรรม ท่านต้องมีความเพียร ต้องมีวิริยะ นะฮะ เพราะฉะนั้น พุทธศาสนานี่ พระพุทธเจ้าตรัส เราเป็นกรรมวาที เราเป็นกิริยวาที เราเป็นวิริยวาที นะฮะ เป็นกรรมวาที เป็นผู้ถือหลักการกระทำ กิริยวาที ถือว่าต้องทำ วิริยวาที ถือว่าต้องใช้ความเพียร นะฮะ นี่คือพุทธศาสนา นี่เป็นตัวคำเรียกชื่อพุทธศาสนาเลย นะฮะ เราไปบอกเขาก็ได้ ถ้าใครถามพุทธศาสนาสอนยังไง บอกพุทธศาสนาเป็นกรรมวาที กิริยวาที วิริยวาที นะฮะ ว่าซะให้ครบเลย นะฮะ
เอาละครับ ทีนี้ เดี๋ยวมันจะไม่จบเอา เอาว่าคร่าวๆว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นก็เปลี่ยนแปลงใหม่ นี้ การศึกษาก็เปิดขึ้นมา นี่ก็พุทธศาสนาเกิดขึ้น นี่ทำให้เกิดการศึกษามวลชน นะฮะ ยิ่งต่อมาอนุญาตให้ภิกษุณีบวช ให้มีผู้หญิงด้วย ทีนี้ คนทุกชั้นทุกวรรณะได้รับการศึกษาหมดเลย พราหมณ์ไม่สามารถผูกขาดการศึกษาอีกต่อไป นะฮะ ทีนี้ พุทธศาสนาก็เจริญขึ้นมา จนกระทั่งพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พอปรินิพพาน อันนั้นพระพุทธเจ้าประสูตินี้ เอ้าลองนับซิ ปีเท่าไหร่ 623 ปีก่อนคริสตศักราช นี่นับแบบเรา นะฮะ เพราะว่าพุทธศักราชนับก่อนคริสต์ 543 พระพุทธเจ้าอีก พระชนมายุ 80 พรรษาบวกเข้าไป บวกเข้าไปกับ 543 ก็เป็น 623 ประสูติเมื่อปี 623 ก่อนคริสตศักราช แล้วก็ปรินิพพานเมื่อปี 543 ก่อนคริสตศักราช
พอปรินิพพานแล้ว พระสาวกทั้งหลายก็ประชุมกัน ก็ประมวลรวบรวมคำสอนของพระองค์ไว้ เพราะทุกท่านนั้นทันเห็นทันฟังพระพุทธเจ้า ก็มาประชุมใหญ่กัน 500 องค์พระอรหันต์ นะฮะ แล้วก็วางหลักลงไป เรียกว่าสังคายนา แล้วพระพุทธศาสนาก็เจริญงอกงามขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ นะฮะ จะมีการสังคายนากันเป็นระยะ การสังคายนานี้หมายถึงว่า การรักษาคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้าไว้ ชำระสะสาง คือ ชำระสิ่งแปลกปลอมออกไปนะ เราไม่มี เราต้องการคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แท้ เพราะฉะนั้นเราไม่ไปชำระคำสอนของพระองค์นะ ไม่ใช่ไปจัดการว่า เออ มันเป็นยังไง ถูกไม่ถูก ไม่ใช่อย่างงั้น นะฮะ คำสอนที่แท้นะทำไง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ยังไง จะรักษาไว้ได้ ถ้ามีอะไรแปลกปลอม เอาออกไป นะฮะ อันนี้คือหลักของการสังคายนา ก็รักษาคำสอนที่แท้เอาไว้ ก็ทำอย่างเงี้ย ชำระสะสางสิ่งแปลกปลอมออกไปเนี่ยเป็นระยะๆ มีสังคายนาครั้งที่ 1 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน แล้วก็มาอีก 100 ปี พุทธศักราช 100 ก็สังคายนาครั้งที่ 2 นะฮะ แล้วก็มาอีกทีก็สมัยพระเจ้าอโศก ครั้งที่ 3
ทีนี้หันไปดูทางการบ้านเมืองบ้าง พระพุทธเจ้าปรินิพพานปี 543 นั้น ตอนนั้น อาณาจักรมคธเนี่ย กำลังรุ่งเรืองขึ้น เราบอกแล้วว่ามีมหาอาณาจักร 16 แคว้น ใช่มั้ย หลายแคว้นเนี่ยตอนพุทธกาลเนี่ยมันหมดอำนาจไปแล้ว เช่น อย่างบอกว่าอังคะนี่เขาอยู่ในมคธะ กาสีก็รวมกับโกศลไปแล้ว นี้ตอนพระพุทธเจ้าปรินิพพานเนี่ย พระเจ้าโกศลปเสนทิที่มีพระชนมายุเท่ากับพระพุทธเจ้า รักพระพุทธเจ้ามากก็สวรรคตไปก่อนพระพุทธเจ้าไม่นาน นะฮะ แล้วก็พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกษัตริย์ของแคว้นไหน
แคว้นมคธ
อ้าว แคว้นมคธ แคว้นมคธนี่ อชาตศัตรูเป็นลูกของใคร
พระเจ้าพิมพิสาร
อ้อ จำแม่นนะ เอาและดีแล้ว พระเจ้าพิมพิสารนี้เป็นกษัตริย์ที่ได้ทรงพบกับพระพุทธเจ้าตอนที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาใช่มั้ย พระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามคธ สู่ราชคฤห์ ประดิษฐานเนี่ยก็เจอกับพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าพิมพิสารนี่ก็เลื่อมใสทำนุบำรุงพุทธศาสนา พระเจ้าพิมพิสารเนี่ยเป็นเรียกว่าเป็นพี่เขยของพระเจ้าโกศล หรือเป็นน้องเขย ผมก็ชักลืมแล้วนะ นะก็แต่งงานกันน่ะ คือสองฝ่ายเนี่ยแต่งงาน น้องกับน้อง จะเรียกว่าเป็นพี่เขย ก็เป็นทั้งสองฝ่ายก็แล้วกัน นะฮะ นี้ก็แต่งงานกัน ทีนี้ พระเจ้าอชาตศัตรูก็เลยเป็นหลานของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าแผ่นดินแคว้นโกศลด้วย
พระเจ้าอชาตศัตรูเนี่ยต่อมาได้ฆ่าพ่อ ได้ปลงพระชนม์พระราชบิดา คือ พระเจ้าพิมพิสาร ใช่มั้ย พระเจ้าปเสนทิโกศลก็โกรธมากว่า มาฆ่าพ่อเนี่ยซึ่งเป็นพี่เมียเราว่างั้น นะฮะ ก็เลยยกทัพรบกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ นะฮะ ครั้งนึงก็มีเกร็ดอันนี้ไม่ต้องเล่าแล้วก็คือ พระเจ้าปเสนทิโกศลนี้ก็น้อยพระทัยเอาชนะพระเจ้าอชาตศ้ตรูไม่ค่อยจะสำเร็จ นะฮะ วันหนี่งก็ไปได้วิธีรบจากพระ พระองค์หนึ่งเนี่ยท่านบวชมา ท่านเป็นนักรบ แม่ทัพเก่า นะฮะ พระเจ้าปเสนทิโกศลน่ะเดินผ่านไปในวัด พระท่านคุยกัน นะฮะ พระเจ้าปเสนทิโกศลผ่านไปพระพอดีพูดถึงเรื่องว่า กระบวนทัพทำไมพระเจ้าปเสนทิโกศลแพ้ พระท่านก็บอกว่ามันมีวิธีจัดกระบวนทัพงี้งี้งี้ นะฮะ และก็เลยพระเจ้าปเสนทิโกศลก็เอาวิธีนี้ไป ไปรบ จับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ นะฮะ จับก็ได้ก็คงอบรม ก็เป็นหลานเนี่ยนะฮะ อบรมแล้วก็ เอ้อ เอาละ ยอมคืนเมืองให้ นะ ไม่เอา แล้วก็คืนชีวิตให้ แถมลูกสาวให้อีกคนนึง ก็เลยพระเจ้าอชาตศัตรูนี้ได้ลูกสาวพระเจ้าโกศลไปเป็นมเหสีองค์นึง นะฮะ
นี้ ตอนปลายพระชนม์ชีพเนี่ยพระเจ้าปเสนทิโกศลเนี่ย ก็ถูกพระราชโอรสเนี่ยทรยศ นะฮะ พระราชโอรสองค์เนี้ยเป็นลูกทาส เกิดจากนางทาสี ที่เป็นลูกเจ้าศากยะ เพราะพระเจ้าโกศลเนี่ยอยากจะเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า เพราะรักพระพุทธเจ้ามาก แต่พวกศากยะเนี่ยเขาถือพงศ์เผ่าวรรณะเขามาก นะฮะ ก็เลยพวกนั้นก็ทำไม่ดี พวกศากยะ มีอำนาจน้อยกว่าโกศล โกศลนี่เป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ มหาอำนาจแบบเดียวกับมคธ ศากยะตอนนั้นน่ะเป็นแคว้นเล็กแล้ว เป็นแคว้นแบบประชาธิปไตย แพ้พวกเผด็จการหมด พวกสมบูรณาญาสิทธิราช ราชาธิปไตย ตอนนั้นรุ่งเรืองขึ้นมา พวกแคว้นที่เป็นพวกเขาเรียกสามัคคีธรรม เป็นพวกรีพับลิก ( Republic ) สาธารณรัฐปกครองคล้ายๆประชาธิปไตยเนี่ย หมดอำนาจ ศากยะก็แย่ นะฮะ
พอพระเจ้าโกศลขอ อยากจะเป็นญาติกับพระพุทธเจ้า ขอพระราชธิดา กษัตริย์องค์นั้นก็ไปประชุมกัน คือแบบของศากยะเนี่ย เวลาจะตัดสินอะไรเนี่ยต้องเข้าสภา นะฮะ เขาเรียกสัณฐาคารศาลา ประชุมกันแล้วก็มีมติตัดสินไม่เอาด้วย แต่ว่าจะไม่ยอมเลยก็ต้องถูกรุกรานแน่ ก็กลัวอำนาจเขาก็เลยใช้วิธีมุบมิบ คือ เอาลูกทาสเป็นทาสี แต่ว่าเป็นคล้ายๆภรรยาลับของพระเจ้าแผ่นดินของศากยะให้ไป นี้ก็เกิดมาเป็นวิฑูฑภะ นะฮะ พอเกิดวิฑูฑภะ วิฑูฑภะพอโตเป็นหนุ่มก็อยากจะไปเยี่ยมญาติ นะฮะ ก็พาขบวนทัพไปเยี่ยมญาติที่แคว้นศากยะ ศากยะก็ถือตัวมาก นะฮะ ก็จัดเอาแต่ไอ้พวกผู้ใหญ่ที่วิฑูฑภะจะต้องแสดงความเคารพมา พวกเด็กๆนี่กันเอาไปแอบไปบังไปซ่อนหมดเลยรู้กัน แล้วก็พวกวิฑูฑภะก็ประหลาดใจอยู่ ก็ต่อมาก็เสด็จกลับ
พอเสด็จกลับไป พอดีแม่ทัพคนหนึ่งหรือว่าคนสนิทของพระเจ้าวิฑูฑภะเนี่ยลืมอาวุธไว้ ลืมดาบไว้ นะฮะ ก็เลยรีบวิ่งม้ากลับมา กลับมาตอนนี้เจ้าศากยะเขาก็ปล่อยเรื่องแล้วนี่ กลับไปแล้ว แต่เขาถือว่าจัญไรมา นะฮะ เขาถือตัวมาก มานั่งที่ไหนเขาก็ให้พวกทาสเอาน้ำนมมาล้าง นะฮะ เนี่ยการถือวรรณะของคนอินเดีย นี้ พวกทาสีเหล่าเนี้ย เวลามาล้างไอ้พวกที่ต่างๆเนี่ย มันก็ด่าไปตามประสาคนที่เหนื่อย นะฮะ บอกว่าไอ้เจ้าวิฑูฑภะลูกทาส มันทำให้เราเดือดร้อนต้องเหน็ดเหนื่อยอะไรต่ออะไร ไอ้นายทหารคนนี้มา เอ้ อะไรกันเนี่ย ก็เลยได้ยินก็สอบถามได้ความ นะฮะ ก็เอาความนี้กลับไปบอกวิฑูฑภะ วิฑูฑภะก็ผูกอาฆาตแต่นั้นมาเลย บอกว่าเราเป็นพระเจ้าแผ่นดินเมื่อไหร่จะต้องยกทัพมาล้างศากยะว่างั้น นะฮะ นี้ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้วิฑูฑภะรอโอกาสที่จะยึดอำนาจพระเจ้าปเสนทิโกศล
แล้ววันหนึ่งก็เลยยึดอำนาจได้ พระเจ้าปเสนทิโกศลเนี่ยเขาไม่ฆ่าหรอก ยึดอำนาจดาบอาญาสิทธิไป พระเจ้าปเสนทิโกศลก็วิ่งม้ามาเมืองมคธ แคว้นมคธ ที่ราชคฤห์เนี่ย เพื่อจะมาขอทัพอชาตศัตรู หลานนี่ไปรบกับลูก นะฮะ ก็พอดีว่ามาไม่ทัน ประตูเมืองปิด สมัยนั้นนั่นประตูเมืองปิดแล้วไม่ว่าใครทั้งนั้น จะไม่เปิดเป็นอันขาด นะฮะ ก็เลยเข้าไม่ได้ ก็ต้องนอนอยู่ข้างนอก พอดีอากาศหนาวคืนนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลเดินทางมา วิ่งม้า เหนื่อยมาก แล้วก็อายุตั้ง 80 แล้ว ก็เลยสวรรคต พระเจ้าอชาตศัตรูพอเช้า ก็เขาเปิดประตูเมืองมาก็เจอพระเจ้าปเสนทิโกศล ไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรู อชาตศัตรูก็มารับเอาพระศพเข้าไป แล้วก็ไปจัดการถวายพระเพลิงหรือว่าเป็นการ เออ ก็เผาล่ะ พูดง่ายๆ นะฮะ ก็ถวายด้วยความเคารพ แต่ว่าก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับปเสนทิ เอ้อ ทางด้านแคว้นโกศล
อันนี้ก็เลยเล่ามาถึงว่า ตอนปลายพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานเนี่ย ตอนนี้แคว้นใหญ่ๆก็มี เนี่ย 1. แคว้นมคธ ซึ่งกำลังเรืองอำนาจมาก อาชตศัตรู 2. ก็คือแคว้นโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศล ก็เป็นอันว่าสวรรคต แล้วก็ 3. แคว้นวัชชี แคว้นวัชชีนี่เป็นแคว้นสามัคคีธรรม หรือปกครองแบบประชาธิปไตย รัฐเดียวที่ยังยิ่งใหญ่ มีอำนาจที่กำลังคานกับมคธอยู่ นะฮะ มคธก็เอาไม่ลงเหมือนกัน นะฮะ เนี่ย ตอนนี้ก็ในทางการเมืองก็กำลังเรียกว่าแข่งอำนาจกันอยู่
นี้ก็เอาละ พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานไปในภาวะอย่างเนี้ย นี้ เมื่อเวลาผ่านมา ก็ปรากฏว่า กษัตริย์มคธ วงศ์พระเจ้าพิมพิสาร นะ มีข้อเสียอย่างหนึ่งคือลูกฆ่าพ่อทุกคน พระเจ้าอาชตศัตรูก็ปลงพระชนม์พระราชบิดา คือ พระเจ้าพิมพิสาร ลูกพระเจ้าพิมพิส เอ่อ พระเจ้าอาชตศัตรู ชื่อว่า อุทัยภัทร ก็ปลงพระชนม์พระราชบิดา คือ อาชตศัตรู และลูกอุทัยภัทร ก็ฆ่าพ่ออีกที ลูกของลูกอุทัยภัทรก็ฆ่าพ่อไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น เวลาผ่านมาซักระยะหนึ่ง พวกอำมาตย์ ราษฎรทนไม่ไหว ก็เลยจับกษัตริย์องค์สุดท้ายของวงศ์เนี้ยถอดออก ไล่ออกจากสมบัติ ราชสมบัติ และก็ตั้งอำมาตย์ที่เป็นคนมีฝีมือ มีกำลังมีความสามารถขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ตั้งวงศ์ใหม่ นะฮะ กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์พระเจ้าพิมพิสารนี้ชื่อ นาคทัต หรือ นาคทัตสกะ นะฮะ
อันนี้ ก็ตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อราชวงศ์สีสุนาค หรือสันสกฤตก็เรียกว่าไสยสุนาค พระเจ้าแผ่นดินองค์แรกก็ชื่อสีสุนาคก็ปกครองต่อมา ต่อมาก็มีลูกพระเจ้าสีสุนาคนี่ชื่อพระเจ้ากาลาโศกราช เคยได้ยินมั้ย ลูกพระเจ้ากาลาโศกราช ( น่าจะเป็นลูกพระเจ้าสีสุนาค ) ก็มาอยู่ในระยะหนึ่งถึง พ.ศ. 100 พระเจ้ากาลาโศกราชนี่เป็นผู้อุปถัมภ์การสังคายนาครั้งที่ 2 นะฮะ นึกออกหรือยัง นะฮะ พระเจ้ากาลาโศกราชนี่ก็ย้ายเมืองหลวงจากเมืองราชคฤห์มาตั้งที่ปาฏลีบุตร นะฮะ เมืองหลวงของราช ของมคธชื่อราชคฤห์ จำได้ใช่มั้ยฮะ อา เนี่ยตอนนี้ย้ายแล้วนะ มาอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร ปัจจุบันนี้ชื่อว่าเมืองปัตตนะ นะฮะ เดี๋ยวนี้ชื่อมันเพี้ยนไปเรียกว่าเมืองปัตนะ ( พัฏนา - Patna ) เดิมชื่อปาฏลีบุตร แต่ว่าบางตำราบอกว่าย้ายมาทีนึงแล้ว ย้ายตั้งแต่สมัยอุทัยภัทร คือ ลูกพระเจ้าอาชตศัตรูแล้ว ย้ายมาอยู่ที่ปาฏลีบุตร แต่ว่าเอาหลักฐานที่ย้ายแท้ก็เนี่ยตอนเนี้ย
ที่จริงสีสุนาคพอตั้งราชวงศ์ใหม่ก็บางตำราบอกว่าย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่เวสาลี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นวัชชีเดิม นะฮะ ซึ่งตอนนั้น ตกอยู่ใต้อำนาจของมคธ เพราะมคธนี่พอหลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าอาชตศัตรูก็ยกทัพไปตีแคว้นวัชชีได้ ที่ว่าใช้วัสสการพราหมณ์ไปยุแหย่ให้แตกสามัคคีไง ใช่มั้ยฮะ นั่นแหละ สามัคคีเภทคำฉันท์ นี่ อันนี้ก็เป็นอันว่าแคว้นมคธก็ยิ่งใหญ่ขึ้น นะฮะ มค โกศลนั้นก็ตกอยู่ใต้อำนาจมคธเมื่อไหร่ก็ไม่ชัด แต่วัชชีเนี่ยชัด ก็คือการที่พระเจ้าอาชตศัตรูส่งวัสสการพราหมณ์ไปยุแยกแตกสามัคคี
แล้วก็แคว้นประชาธิปไตยเนี่ยต้องอยู่ด้วยสามัคคี นะฮะ ถ้าไม่สามัคคีก็แปลว่าจบ แพ้พวกราชาธิปไตย พวกอำนาจเผด็จการ อันนั้นก็เป็นอันว่า ระบบประชาธิปไตยก็สูญสิ้นจากชมพูทวีป นะฮะ แปลว่าวัชชีก็แตก ตอนนี้เวสาลีเมืองหลวงของวัชชีก็เลยอยู่ใต้อำนาจของมคธ นี้ว่า สีสุนาคพอตั้งราชวงศ์ใหม่ก็ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เวสาลี แล้วพอลูกของตัวเอง กาลาโศกราช ก็ย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่เมืองปาฏลีบุตร นะฮะ อันนี้ก็เป็นเรื่องราวทางฝ่ายบ้านเมือง
นี้ ต่อมาราชวงศ์สีสุนาคนี้เองก็สิ้น มีพวกที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ คือ ราชวงศ์นันทะ นะฮะ พอราชวงศ์นันทะนี้ก็ปกครองต่อมาจนกระทั่งถึงพุทธศักราชก็ 200 เศษ ใกล้ๆจะ 200 ( น่าจะ 300 ) นะฮะ ตอนนี้ ราชวงศ์นันทะของมคธอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตรเนี่ย ก็ยิ่งใหญ่มาก ก็พอดีเกิดเหตุการณ์ทางเมืองตะวันตก นะฮะ ก็ย้อนไปที่ประเทศกรีก ประเทศกรีก แคว้นที่อยู่ทางเหนือของกรีกเนี่ยชื่อแมสซิโดเนีย นะฮะ ที่แมสซิโดเนียก็มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นชื่อพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช นะฮะ ตอนเนี้ย เป็นระยะเวลาประมาณ 330 ปีก่อนคริสตศักราช นะฮะ 330 กว่าปี นะฮะ จากพุทธศักราชเรา เราก็จะต้องไม่ตรงกันแล้วตอนเนี้ย เพราะการนับการเทียบไม่ตรงกัน ของเราก็ถือว่าเพิ่งจะเป็น พ.ศ. ยังไม่ถึง 200 นะฮะ
ทีนี้ อเลกซานเดอร์มหาราชนี่ก็ปราบดาภิเษก เอ้าแล้วก็พอยิ่งใหญ่เป็นกษัตริย์แล้วก็ยกทัพไปปราบได้ทาง เขาเรียก เอเชียไมเนอร์ เอเชียไมเนอร์ก็คือตุรกี เตอรกี ทางภาคอาเซีย แต่ก่อนเขาเรียกอนาโตเลีย นะฮะ แล้วก็ยกทัพไปปราบอียิปต์ นะฮะ เอาอียิปต์ลงได้ บาบิโลเนียลงได้ นี้ตอนนั้นมีมหาอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาก ชื่อ อาณาจักรเปอร์เซีย อาณาจักรเปอร์เซียนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ นะฮะ อเลกซานเดอร์ใหญ่ขึ้นมาแล้วก็เอาละ ต้องยกทัพมาตีเปอร์เซีย นะฮะ เป้าหมายต่อไปหลังจากปราบทางด้านตะวันตกเสร็จ
รู้มั้ย อเลกซานเดอร์นี้เป็นลูกศิษย์ของอริสโตเติล ใครรู้จักอริสโตเติลบ้าง นี่แหละ อริสโตเติลนี่เป็นอาจารย์ของอเลกซานเดอร์ นี้ อเลกซานเดอร์ก็ยกทัพมาก็ปราบทางตะวันตก อียิปต์ อะไรพวกนี้เสร็จก็เข้าสู่เปอร์เซีย ก็รบ ปราบเปอร์เซียสำเร็จ นะฮะ เปอร์เซียตอนนั้นนั่นมีอำนาจปกครองมาถึงแคว้นแบคเตรีย คือ แคว้นโยนก นะฮะ นี้อเลกซานเดอร์พอปราบเปอร์เซียเสร็จก็มุ่งทัพมาทางชมพูทวีป
เอาล่ะ ตอนเนี้ย พอถึงปี 329 ก่อนคริสตศักราชก็มาถึงเมืองกันทะหาร ในแคว้นคันธาระ กันดาฮ่าห์เนี่ย แต่ก่อนที่จะผ่านถึงเมืองกันดาฮ่าห์ หรือกันทะหาร คันธาระ อะไรเนี่ย ก็ผ่านเมืองข้างบนชื่อ เฮราท นะฮะ เฮราทตอนนั้นไม่ได้ชื่อเฮราทหรอก ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ปัจจุบันเฮราท เคยได้ยินมั้ย เฮราท กันดาฮ่าห์ อะไร มาซาอีชารีฟ ( มะซารีชะรีฟ - Mazar-i-Sharif หรือ Mazar-e-Sharif ) อะไรเนี่ย ตอนนี้จะได้ยินเรื่อย เพราะว่าสงครามระหว่างอเมริกากับปากี เอ้ย อัฟกานิสถาน ทาลีบัน นะฮะ
เมืองใหญ่ๆของเขาก็มี หนึ่ง กาบูล เมืองหลวง กันทะหาร นี่เมืองใหญ่ภาคใต้ เคยเป็นเมืองหลวงในอดีต และเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ แล้วก็มีเมืองเฮราท ซึ่งอเมริกาก็ไปบอมบ์ แล้วก็เมืองมาซาอีชารีฟที่กำลังชิงกันอยู่ ตอนนี้เจ้าพวกพันธมิตรฝ่ายเหนือกำลังพยายามจะเข้ายึดไอ้เมืองมาซาอีชารีฟให้ได้ ไอ้มาซาอีชารีฟนี้ก็คือที่ตั้งของเมืองใกล้ๆกับแบคตร้านะฮะ บักเตรีย หรือโยนก นะฮะ แคว้นโยนกเนี่ย นะฮะ ไอ้มาซาอีชารีฟก็อยู่แถวเนี้ย นะฮะ
นี้อเลกซานเดอร์มาก็เข้าที่เฮราท อเลกซานเดอร์นี่ตีที่ไหนได้ก็จะสร้างเมือง เปลี่ยนชื่อเมืองบ้าง ตั้งเมืองและตั้งชื่อเมืองใหม่เป็นอนุสรณ์กับตนเองเรียกว่าเมืองอเลกซานเดรีย เพราะฉะนั้นเมืองอเลกซานเดรียก็จะมีเต็มไปหมด ที่อียิปต์ก็มีจนเดี๋ยวเนี้ย แล้วก็มาที่เฮราทก็ตั้งเป็นชื่อเมืองอเลกซานเดรีย แล้วมาที่กันทะหารนี่ เป็น เขาว่าพระเจ้าอเลกซานเดอร์ตั้งเป็นเมืองใหม่เลย ตั้งขึ้น เป็นผู้ตั้งขึ้นมาใหม่ ก็เป็นอเลกซานเดรียเหมือนกัน กันทะหาร เนี่ยอดีตเป็นอเลกซานเดรีย แล้วก็ยกทัพต่อขึ้นไป ขึ้นไปตีแคว้นแบคเตรียที่เหลืออยู่ของเปอร์เซีย นะฮะ รบชนะได้ก็แถวๆมาซาอีชารีฟอะไรนั่น นะฮะ แล้วได้เมื่อปี 328 อันนี้เขาว่าอย่างงั้น 328 ก่อนคริสตศักราช
พอได้มาซาอี ไอ้ อะไร แบคเตรียนี้แล้ว ก็ยกทัพลงมาจะเข้าอินเดีย ก็ยกทัพลงมา แล้วก็เข้าเมืองตักสิลา ตักสิลาที่ว่าเมื่อกี้น่ะอยู่ห่างจากอัลลาฮาบัด 28 กิโลเมตร ใช่มั้ยฮะ ก็มาตั้งหยุดทัพที่ตักสิลา ตักสิลาตอนนั้นก็เป็นเมืองใหญ่ มีพระเจ้าแผ่นดินปกครอง พระเจ้าแผ่นดินนั้นยอมถวายความร่วมมือแก่อเลกซานเดอร์ นะฮะ ช่วยในการรบ อเลกซานเดอร์ก็มาตั้งทัพตรงเนี้ย แล้วก็เตรียมเข้า ตอนนี้ก็ต้องมีสายลับสอดแนม สืบราชการ เพื่อจะรู้กำลังของฝ่ายนู้น เป็นต้น
เมื่อกี้บอกแล้วว่าราชวงศ์นันทะกำลังปกครองอยู่ อันนี้ ทางฝ่ายราชวงศ์นันทะที่แคว้นมคธนี่ อินเดียเองเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน ก็คือว่าตอนนั้น มีคนหนึ่งกำลังคิดการณ์ใหญ่อยากจะล้มล้างราชวงศ์นันทะขึ้นปกครองซะเอง นะ คนนี้คือปู่พระเจ้าอโศก ชื่อว่า จันทรคุปต์ นะฮะ จันทรคุปต์นี่ก็เป็นหัวหน้าเผ่าชน คือ เผ่าโมรียะ เผ่าโมรียะนี่ก็สันนิษฐานกันว่าพวกเดียวกับศากยะ คือศากยะเมื่อถูกโกศล วิฑูฑภะทำลายแล้วเนี่ย ก็แตกกระสานซ่านเซ็น แล้วก็อยู่ทางเทือกเขาหิมาลัย ใช่มั้ยฮะ ทางเหนือ แล้วก็มีการรวมกันแล้วก็สืบทอดมาก็เป็นเผ่า แล้วก็มีหัวหน้าอะไรต่างๆมาจนกระทั่งถึงสมัยจันทรคุปต์เนี่ย ก็ว่าอย่างงั้นนะฮะ นี่ก็ว่าเป็นสายของศากยะ นะฮะ
นี้ จันทรคุปต์นี้ก็พยายามที่จะรวมกำลังเพื่อจะเข้าตี นี้เมื่ออเลกซานเดอร์ไปเนี่ย ก็มีการติดต่อพวกเผ่าต่างๆเผื่อจะได้ร่วมมือ เพราะการรบเนี่ยยุทธวิธีอันนึงก็หาความร่วมมือจากพวกคนในถิ่นนั้นเอง ใช่มั้ยฮะ ที่เป็นศัตรูกับพวกที่เป็นศัตรูกับศัตรูของตัวเอง ศัตรูของศัตรูก็มาเป็นมิตรของตัวเอง นะฮะ นี้จันทรคุปต์ก็เช่นเดียวกัน อยากจะทำการใหญ่ ตัวมีกำลังน้อย ได้กำลังของพวกข้างนอกมาช่วยก็ดี ช่วยกันล้มล้างราชวงศ์นันทะ อันนี้ก็เป็นเหตุให้จันทรคุปต์เนี่ยได้มาพบกับพระเจ้าอโศก ( น่าจะเป็นพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราช ) นะฮะ ก็มีจารึกไว้ในหลักฐานของกรีก เรียกจันทรคุปต์ว่าเจ้าชายซานโดโกตอส นะฮะ ซานโดโกตอสนี่เป็นชื่อกรีกของพระเจ้าจันทรคุปต์ มีหลักฐานอยู่ในประวัติศาสตร์ของกรีกด้วย
ก็นัดพบกัน แต่นี้ตอนนี้ก็เป็นเรื่องตำนานเชิงนิยายอะไรไปแล้วว่า จันทรคุปต์มาพบกับพระเจ้าอเลกซานเดอร์ที่ค่าย สองฝ่ายก็ พอเจอกันเข้ามีปัญหาใครจะเคารพใครก่อน นะฮะ อเลกซานเดอร์ถือว่าฉันใหญ่กว่าแกต้องเคารพฉัน จันทรคุปต์ก็ถือว่าฉันก็ใหญ่เหมือนกัน ฉันก็ไม่ยอมแก แต่มันมาในเขตของอเลกซานเดอร์ อเลกซานเดอร์ก็จับเลย เพราะไม่ยอมเคารพ อันก็เลิกพูดกัน นะฮะ แทนที่จะมีสัมพันธไมตรีร่วมรบก็เลยเลิกพูดกัน จับจันทรคุปต์ขังเลย แล้วมีเรื่องเป็นนิยายว่า ต่อมาจันทรคุปต์นี่ก็มีเจ้าหญิงอะไรมาช่วยพาหนีเลยไป ว่าเป็นเรื่องนิยายไป นะฮะ ก็เป็นอันว่าหนีไปได้ก็แล้วกัน
เอา เป็นอันว่าตอนนี้ก็ เรื่องจันทรคุปต์ก็กลับเข้าไปอยู่ในเรื่องอินเดีย ฝ่ายอเลกซานเดอร์นั้น ปีนั้นก็อยู่ในราวปี 326 ก่อนคริสตศักราช เมื่อเจอกับพระเจ้าจันทรคุปต์ ก็ดูแล้วเนี่ย เห็นว่ายกทัพกลับดีกว่า ตรงนี้ก็สันนิษฐานกันหลายอย่าง หนึ่งเขาจะสันนิษฐานทั่วไปว่า พวกเหล่าทหารหาญทั้งหลายเนี่ยเบื่อหน่ายต่อการรบ ล้าแล้วรบกันมาไม่รู้กี่ถิ่นกี่แดนแล้ว รบตลอดมา อยากจะเลิกซะที แต่อีกตำนานนึงก็บอกว่ากลัวทัพนันทะ เพราะว่าเขาได้สถิติ คงจะเป็นกรีกบันทึกไว้นะ มีพลช้าง พลราบ พลรบ พลม้า อะไรเท่าไรเท่าไรเนี่ยเกรียงไกรมาก นะฮะ ก็เลยหลักฐานหนึ่งก็บอกว่า พวกทหารของอเลกซานเดอร์เนี่ยก็กลัวต่อกองทัพของราชวงศ์นันทะ ก็ไม่ยอมเดินหน้าต่อ ตกลงพระเจ้าอเลกซานเดอร์ก็ยกทัพกลับ นะฮะ ยกทัพกลับเมื่อปี เริ่มออกปี 326 ออกจากเขตแดนกันทะหารก็ราว 325 ก่อนคริสตศักราช แล้วเมื่อออกไปนี่ก็ตั้งแม่ทัพของตัวเองเนี่ยให้ครองแผ่นดินที่ตัวตีได้ นี้ คนที่ปกครองแถบนี้ก็ไปปกครองที่แบคเตรีย คือ แคว้นโยนกนั้น ตั้งตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินชื่อพระเจ้าซีเลียวคุสที่ 1 ( ซีลูคัสที่ 1 – Seleucus I ) นะฮะ เอาซีเลียวคัสนี่จะเจอกับจันทรคุปต์ต่อไป นะฮะ
นี้ ฝ่าย หันกลับไปดูฝ่ายจันทรคุปต์บ้าง จันทรคุปต์ก็หาทางของตัวเองแล้ว ไม่ได้รับความร่วมมือจากอเลกซานเดอร์ ก็หาทางที่จะรบเอาราชวงศ์นันทะลงให้ได้ ก็ซ่อมสุมผู้คน เอาพวกชนเผ่าต่างๆเนี่ยมาร่วมกัน ตอนหนึ่งก็ยกทัพเข้าตีราชวงศ์นันทะ ปรากฏว่าตัวเองแพ้ นะ เอา แทบจะเอาชีวิตไม่รอด ก็อันนี้ก็เป็นเรื่องเกร็ดเพิ่มขึ้นมาว่า ก็หนีเข้าไป แล้วก็ผ่านเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งหนึ่งนี่พอดียายกำลังทำขนมเบื้องให้หลาน นะฮะ นี้พอทำเสร็จจากเตา ไอ้เจ้าหลานนี่กำลังอยากขนมมาก นะฮะ ก็กัดกร้วมเข้าไป ร้อน กัดก็ร้องจ๊ากเลย นะฮะ ยายก็ด่าบอกว่าไอ้ เอ็งมันเป็นเหมือนพระเจ้าจันทรคุปต์ว่างั้น นะฮะ อ้าว ทำไมล่ะ ก็ขนมเบื้องเนี่ย ไอ้ตรงกลางมันหนาใช่มั้ยนะ อ้าว กัดมันร้อนมาก ต้องเล็มมาตั้งแต่ริมๆ ว่างั้น ถ้าเล็มมาแต่ขอบๆก็ไม่ร้อน ถ้ากินเข้ามาเรื่อยๆ เออ
พระเจ้าจันทรคุปต์วิ่งม้า เดินทางผ่านมาพอดี ก็เลยได้ยินเรื่องนี้ โอ จริงของ จริงของยายคนนี้นะ ก็เลยได้วิธีการ เอาใหม่ นี่อย่างกับเรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศลที่ไปได้ยินพระพูดกันเมื่อกี้เนี้ย ใช่มั้ยฮะ เอาละทีนี้ จันทรคุปต์พอได้วิธีนี้แล้วก็เลยเริ่มใหม่ รวมกำลังได้ก็ตีชายแดนเข้ามาเรื่อยๆ ล้อมเมืองล้อมเมืองเข้ามา ซึ่งพวกคอมมิวนิสต์ทีหลังก็ใช้วิธีนี้ นะฮะ เอาตีป่าล้อมเมืองเข้ามาเข้ามา ในที่สุดก็ล้มราชวงศ์นันทะลงได้ เมื่อปี 325 ก่อนคริสตศักราช ก็คือหลังจากอเลกซานเดอร์พบกันปีเดียว นะฮะ หลังจากจันทรคุปต์พบกับอเลกซานเดอร์ปีเดียว จันทรคุปต์ก็ตีราชวงศ์นันทะลงได้ ก็ขึ้นครองราชย์ก็สถาปนาราชวงศ์ใหม่เรียกว่าราชวงศ์โมรียะ หรือเมาระยะ นะฮะ ก็เป็นต้นวงศ์ จันทรคุปต์นี้ก็จัดการบ้านเมืองเสร็จแล้วก็แผ่อำนาจอีก
พอถึงปี 305 ก่อนคริสตศักราช พระเจ้าจันทรคุปต์ก็ยกทัพจากปาฏลีบุตรเนี่ย เมืองหลวงอยู่ที่ปาฏลีบุตร ซึ่งอยู่ทางอินเดียภาคตะวันออกใกล้ไปทางบังคลาเทศหน่อย นะฮะ ยกทัพไปจนถึงกันทะหารเนี่ย แล้วก็ตีได้กันทะหารเนี่ย จากพระเจ้าซีเลียวคัสซึ่งเป็นกษัตริย์กรีก แม่ทัพของพระเจ้าอเลกซานเดอร์ นะฮะ แล้วพอแม่ทัพกรีก กษัตริย์ใหม่เนี่ยแพ้จันทรคุปต์ จันทรคุปต์ก็เลยขยายเขตแดนครองแคว้นคันธาระ ใช่มั้ยฮะ ก็เลยคันธาระก็เลยตกเป็นของฝ่ายชมพูทวีปของพระเจ้าจันทรคุปต์ไป
นี้ จันทรคุปต์นี้ก็ปกครอง ต่อมาก็ลูกชื่อพระเจ้าพินทุสาร แล้วพระเจ้าพินทุสารก็มีลูกชื่อพระเจ้าอโศก นะฮะ อโศกนี่ตอนที่พระเจ้าพินทุสารสวรรคตเนี่ยไปเป็นอุปราชอยู่ที่เมืองอุชเชนี นะฮะ แคว้นอวันตี แล้วนี้ก็พอได้ยินข่าวพ่อสวรรคต ก็ในเวลาอันสมควรก็ยกทัพมาจัดการฆ่าพี่น้องหมดเลยที่ต่างมารดา นะฮะ ก็คงในราวร้อยนึงแหละ นะฮะ เหลือไว้แต่น้องร่วมท้องมารดาคนเดียว นะฮะ อโศกนี่ตอนนั้นโหดร้ายมาก เขาเลยเรียกจัณฑาโศก แปลว่า อโศกโหด ว่างั้นนะ นี้อโศกโหดนี่ก็เลยขึ้นครองราชย์ที่ปาฏลีบุตร นะฮะ พอครองแล้วก็ยกทัพเป็นการใหญ่ ตีเรื่อยเลยทีนี้ ขยายแผ่นดินคราวนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเดีย นะฮะ ในอินเดีย ในตลอดประวัติศาสตร์เนี่ย ยิ่งใหญ่ที่สุดก็สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
จนกระทั่งมาตีทาง ค่อนมาทางกลางๆ ทางใต้นี่ชื่อแคว้นกลิงคะ พอยกทัพไปปราบพวกกลิงคะนี่เป็นนักรบที่เก่งกล้าสามารถมาก แต่อโศกก็จะต้องเอาให้ลง ก็รบกันตายกันเป็นแสน จับเชลยเป็นแสน กว่าจะรบชนะนี่ พลเมืองเดือดร้อนล้มตายมากมายเหลือเกิน ตรงนี้ก็เป็นเหตุที่มันพอดีกับเป็นช่วงที่พระเจ้าอโศกเนี่ย ได้พบพระ ที่จริงในประวัติศาสตร์ว่าพบเณร พบเณรในพุทธศาสนา นะฮะ เกิดความรู้สึกหดหู่ แล้วก็รู้สึกไม่สบายพระทัย สงสารผู้คนที่ล้มตายมากมาย ว่าเราได้ชัยชนะจริง แต่ว่าคนมันล้มตายมากมายเหลือเกิน นะฮะ ก็สลดพระทัย สลดพระทัยก็ นี่แหละตอนนี้ที่พระเจ้าอโศกหันมานับถือพุทธศาสนา
พอนับถือก็เลยประกาศเลิกการรบตั้งแต่บัดนั้น ก็เลยรบชนะแค่กลิงคะต่อไปก็ไม่ลงอีก ไม่งั้นจะลงไปตลอดจนถึงสุดทวีปของอินเดีย ใช่มั้ยฮะ เลยตอนท้ายเนี่ย ใต้สุดเนี่ยยังเหลือทิ้งไว้เป็นช่องว่าง แล้วพระเจ้าอโศกก็เปลี่ยนนโยบายจากสังคามวิชัย การเอาชนะด้วยสงคราม มาเป็นธรรมวิชัย เอาชนะด้วยธรรมะ ก็ทะนุบำรุงความสุขแก่ประชาชน เปลี่ยนจากการสงครามมาใช้พระราชทรัพย์และอำนาจ นั่นซึ่งเป็นคติในทางพุทธว่า ถ้าใช้ทรัพย์ อำนาจ ไม่ดี ก็ไปทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แต่ถ้ามีทรัพย์ มีอำนาจแล้ว มีธรรมะ ก็สร้างสรรประโยชน์สุขได้มาก
พระเจ้าอโศกก็ทำประโยชน์เป็นการใหญ่ หนึ่ง สร้างวัดวาอารามซึ่งเวลานั้นวัดก็คือศูนย์กลางการศึกษา นะฮะทั้งหมดตามตำนานว่าสร้างทั้งหมด 84,000 วัด นะฮะ ก็เลยเป็นเหตุให้แถบมคธเนี่ย ปัจจุบันเรียกว่าแคว้นพิหาร ทั้งๆที่พระเจ้าอโศกนี่สวรรคตไปตั้ง 2,000 กว่าปีแล้ว แคว้นนี้เต็มไปด้วยวัด เรียกว่าแคว้นพิหาร พิหารมาจากคำว่า วิหาร วิหารนั่นแปลว่า วัด นะฮะ อินเดียเขายังตั้งชื่อ เวลาเขาจัดประเทศใหม่เนี่ย เขาตั้งชื่อรัฐนี้ว่ารัฐพิหาร เพราะว่ามีวัดเยอะแยะไปหมด นะฮะ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สืบมาจากอดีต
เอาละ นี้พระเจ้าอโศกมหาราชนี่ขึ้นครองราชย์ก็สร้างสรรประโยชน์เป็นการใหญ่ ก็สร้างวัดวาอาราม ให้การศึกษาประชาชน ขุดบ่อน้ำ แอ่ง แหล่งน้ำ นะฮะ แล้วก็ทำถนนหนทาง แล้วสร้างโรงพยาบาล สร้างที่พักคนเดินทาง อะไรต่างๆเหล่าเนี้ย แล้วก็ทำศิลาจารึก ศิลาจารึกพระเจ้าอโศกเนี่ยสำคัญมาก ก็ทำให้เรื่องราวสมัยนั้นปรากฏอยู่ เพราะว่าใช้เป็นหิน ก็มีศิลาที่ไหนก็ไปจารึกไปทั่วหมด เพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนและบอกข่าวสารของราชการ สมัยนั้นมันไม่มีวิธีอื่น นะฮะ ก็มีเรื่องอะไร พระเจ้าอโศกต้องการยังไง จะให้ประชาชนรู้อะไร ก็ให้ไปเขียนศิลาบ้าง ตามหน้าผาบ้าง
ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ก็ตั้งเป็นเลา หลักศิลาจารึกเลย เช่นว่า ที่พระพุทธเจ้าประสูติอะไรยังเงี้ย ตรัสรู้เนี่ยพระเจ้าอโศกแกตามไปทำหมด นะอย่างที่ประสูติเนี่ยลุมพินีเดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ ทำให้รู้ได้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ไหน เพราะจารึกพระเจ้าอโศกเป็นเสาอยู่เลย นะฮะ นี่ที่นี่เขาเขียนเลยว่าที่นี่พระศากยมุนี พุทธ ประสูติ ว่างั้น ที่อื่นที่ ที่แสดงปฐมเทศนาอะไรก็มีศิลาจารึกเป็นเสาขึ้นมา เสาใหญ่มหึมา นะฮะ
อันนี้ พระเจ้าอโศกมหาราชก็เนี่ย จารึกหลักศิลาจารึกที่สำคัญและก็จารึกให้ความรู้ประชาชนอะไรต่างๆ แม้ตลอดจนเล่าว่าพระองค์ตอนนี้ครองราชย์มาได้กี่ปี และได้ทำเรื่องนี้ขึ้นอะไรเนี่ย ก็เลยกลายเป็นประวัติศาสตร์เหลืออยู่ นะฮะ ตามโขดหินหน้าผาอะไร ก็เลยไปเจอแม้แต่ศิลาจารึกที่กันทะหารเนี่ย กันทะหารนี่ก็จารึกเป็นภาษากรีก นะฮะ ก็แสดงว่าชนแถบนั้นเป็นพวกกรีกเป็นส่วนมาก ก็เลยเป็นภาษากรีก นะฮะ เนี่ยเป็นหลักฐานที่ชัดเจนมาก
แล้วจารึกพระเจ้าอโศกนี้ได้ประโยชน์อีกอย่างก็คือ การกำหนดศักราช นะฮะ ที่ผมถามไว้บอกว่า ทำไม เรานับ 543 ปีก่อนคริสตศักราชเป็นพุทธศักราช และทำไมฝรั่งนับ 483 ปี พวกฝรั่งก็หาทางนับ เขาก็มาเทียบเนี่ย ประวัติศาสตร์ตะวันตก ตะวันออก ก็มาได้หลักฐานสำคัญ หนึ่ง หลักฐานกรีกที่ว่าพระเจ้าอเลกซานเดอร์พบกับพระเจ้าซานโดโกตอสเนี่ย นะฮะ จันทรคุปต์ หนึ่งแล้ว อันนี้ของเขา นี่ระยะนั้นเป็นเวลาเท่าไร กษัตริย์องค์ไหนปกครอง ใช่มั้ยฮะ มาเทียบกับจันทรคุปต์ สอง จารึกพระเจ้าอโศกนี่ บางศิลาจารึกเขียนไว้เลย พระเจ้าอโศกนี่ส่งทูตไปหมด ส่งทูตไปซีเรีย ส่งทูตไปอียิปต์ นะฮะ เป็นพันธ เอ้อ เป็นพวกสัมพันธไมตรีหมด เพราะพระองค์เอาชนะโดยธรรมนี่ ก็ส่งเรื่อง อะไร ความรู้อะไรต่ออะไร ธรรมะ ไปเผยแพร่พระศาสนา ไปถึงอียิปต์ ไปถึงซีเรีย เพราะฉะนั้น พระเจ้าอโศกก็จารึกไว้ด้วย
ในศิลาจารึกก็มีอยู่ ก็มีเช่นว่า พระองค์ได้ส่งราชทูตไปที่พระเจ้าอันติโยคะ ว่างั้นนะฮะ อันติโยคะ ฝรั่งก็มาเทียบดูก็ได้ พระเจ้า ออ พระเจ้าแอนติโอกอส อันติโอคัส นะฮะ แอนติโอคัสนี่เป็นกษัตริย์ของซีเรีย นะฮะ พระเจ้าตุรมายะ นะฮะ พระเจ้าตุรมายะอยู่ในศิลาจารึกพระเจ้าอโศก ฝรั่งก็ไปเทียบ อ๋อ พระเจ้าโตเลมี โตเลมีก็เป็นกษัตริย์อียิปต์ แล้วพระเจ้าอันเตกินะ อา อยู่ในศิลาจารึก พระเจ้าอันเตกินะ อ๋อ เขาก็ไปเทียบ อ๋อ ได้แก่ พระเจ้าแอนติโกนอส แห่งแมสซิโดเนีย ว่างั้นนะฮะ แล้วก็พระเจ้ามคะ มกะ อะไรเนี่ย ก็กษัตริย์มาคัส ทาง ทางโน้นแหละ ทางพวกฝ่ายของ ทางตะวันตกล่ะ นะฮะ จนกระทั่งถึงอลิกสุททระ นะฮะ อลิกสุททระ นี่ก็จะอเลกซานเดอร์ อเลกซานเดอร์หลายหลังนะ อเลกซานเดอร์นี่ต่อมาก็คือ ฝรั่งก็หมือนกับทางเราเนี่ย ถ้ากษัตริย์องค์ไหนยิ่งใหญ่มากก็มีคนชอบตั้งชื่อตาม ใช่มั้ยฮะ
นี้ เอกซานเดอร์นี่ก็ต่อมาก็มีอเลกซานเดอร์ยุคหลังๆที่ตั้งชื่อตาม ก็สมัยพระเจ้าอโศกก็มีอเลกซานเดอร์หนึ่งเหมือนกัน ก็เรียกในศิลาจารึกว่า อลิกสุทธโร ว่างั้น ก็คือพระเจ้าอเลกซานเดอร์ นะฮะ เนี่ย ฝรั่งก็ได้อันเนี้ยไป ศิลาจารึกที่ทำให้ฝรั่งดีใจมาก นะฮะ เป็นหลักฐานที่แน่นอนที่สุดเลย ก็ไปเทียบ แต่ทีนี้ฝรั่งไปเทียบแล้ว ก็เทียบไปเทียบมาเอาเป็นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานกเนี่ย 483 ปีก่อนคริสต์ แต่ของเรา เรามีหลักฐานของเราตามหนังสือคัมภีร์ที่จารึกมาของเราว่า 543 ถ้าเทียบกับเขานะ เทียบกะเขามันเป็น 543 มันก็เลยไม่ลงกัน ก็ต่างกันไป 60 ปี เรื่องก็เป็นมาอย่างงี้
ก็เอาล่ะทีนี้ ก็เล่าต่อไปว่า พระเจ้าอโศกมหาราชาก็ครองราชอย่างเงี้ย นะฮะ ก็เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มากแล้วมีอันหนึ่งที่สำคัญก็คือว่าที่ยอดเสาพระเจ้าอโศกเนี่ย เสาศิลาจารึกเนี่ย พระองค์จะมีรูปธรรมจักรแล้วมีแห่งหนึ่งที่เขานิยมมากก็คือว่า ยอดเสาศิลาจารึกนั้นน่ะ มีสิงห์ 4 ตัว หันหัวไปตัวละทิศ 4 ทิศ แล้วบนหลังสิงห์ 4 ตัวนี้คือธรรมจักร ก็หมายความว่าอำนาจของรัฐเนี่ย ไอ้สิงห์ 4 ตัวนี่ก็คือ สิงห์นี้เป็นเครื่องหมายของอำนาจใช่มั้ย ความยิ่งใหญ่ ราชสีห์เนี่ย บัลลือสีหนาท ใช่มั้ยฮะ แสดงความยิ่งใหญ่ สิงห์ 4 ตัวเนี่ย ทูลหัวไว้ด้วยธรรมจักร ก็หมายความว่า ราชอำนาจต้องทูนธรรมจักร นะฮะ ต้องทูนธรรมเป็นใหญ่ นะฮะ นี้ยอดศิลาจารึกพระเจ้าอโศกเนี่ย อันหนึ่งที่เขานิยมมากก็อันเนี้ย อันที่มีสิงห์ 4 ตัวหันหัวไปคนละทิศ คือ มีอำนาจครบทุก 4 ทิศเลย ทุกดินแดน แล้วก็แบกธรรมะ ธรรมจักรไว้
นี้ตอนที่อินเดียได้เอกราชจากอังกฤษมา เมื่อปี 1947 ก็มาคิดจะเอาอะไรเป็นสัญลักษณ์ ตราแผ่นดินหนึ่ง แล้วอะไรเป็นเครื่องหมายในธงชาติของตัวเอง แม้ว่าพระเจ้าอโศกจะเป็นพุทธ แต่เพราะอินเดียไม่มีกษัตริย์ไหนจะยิ่งใหญ่กว่านี้ ทั้งๆที่อินเดียปัจจุบันเป็นฮินดูไปแล้ว ก็ต้องยอมเอา หนึ่งเอาตราธรรมจักรไปเป็นเครื่องหมายในธงชาติของอินเดีย ให้ดูเถิด ปัจจุบันเนี้ย ธงชาติอินเดียมีตราธรรมจักร นะฮะ จะกี่ซี่ไม่รู้ ไม่ได้นับดู อาจจะเป็น 37 ซี่ เพราะ 37 ซี่นั่นตราธรรมจักรแบบนั้นเขาเรียกว่าหมายเครื่องหมายของโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ นะฮะ ตราธรรมจักรเนี้ยมีแบบหนึ่งใช้ 37 ซี่ โพธิปักขิยธรรม 37 เคยได้ยินมั้ยฮะ ไม่ได้ยินเนี่ยต้องเรียนแล้ว นักธรรมตรีมีในธรรมวิภาคตอนหน้าสุดท้ายเลย นะฮะ
อ้าว ทีนี้ส่วนหัวสิงห์นั้น ก็ได้ไปเป็นตราแผ่นดินของประเทศอินเดีย นั่นเครื่องหมายของอำนาจ ใช่มั้ย เนี่ยปัจจุบันอินเดียยังใช้อยู่เลย ทั้งๆที่เป็นประเทศฮินดูน่ะ ก็เพราะนับถือพระเจ้าอโศก หันกลับไปพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อพระองค์สิ้นไปแล้วก็พระราชโอรสก็สืบอำนาจต่อมา พระพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองใหญ่ พระเจ้าอโศกได้ส่ง ก็จัดสังคายนาครั้งที่ 3 ด้วย ใช่มั้ย แล้วก็ส่งพระศาสนทูต 9 สายไปเผยแผ่ศาสนาในประเทศต่างๆ ซึ่งคงจะไปถึงอียิปต์น่ะ นะฮะ แล้วก็มาทางเรา เนี่ย มาสุวรรณภูมิ นะฮะ แล้วก็แหล่งสำคัญที่ยืนยงก็คือศรีลังกา นะฮะ ส่งพระราชโอรสไปเอง คือ พระมหินทร แล้วก็พระราชธิดาที่เป็นภิกษุณี ชื่ออะไร ชื่อ สังฆมิตตา นะฮะ ไปประดิษฐานพุทธศาสนาที่นั่น นะฮะ ตั้งวงศ์ภิกษุ ภิกษุณีสงฆ์ในลังกาขึ้นมา
นี้พระเจ้าอโศกสวรรคตแล้ว พระราชโอรสก็สืบมา สืบมาได้ประมาณ 50 ปี เพราะเหตุที่กษัตริย์พุทธนี่ใจกว้าง คือไม่ถือเลย พระเจ้าอโศกนี้จะจารึกไว้ด้วยซ้ำบอกว่าให้ทุกคนนับถือศาสนาไหนก็อยู่ร่วมกัน ฟังธรรมของกันและกัน นะฮะ เพราะฉะนั้นในราชสำนักก็มีพวกพราหมณ์อะไรต่ออะไรเป็นปุโรหิต เป็นรับราชการอยู่ นี้พวกพราหมณ์เนี่ยบอกแล้วเขาแค้นอยู่ ใช่มั้ยฮะ แค้นพุทธศาสนามาก เขาต้องการจะเอาอำนาจคืน นี้พอถึงรุ่นเหลนพระเจ้าอโศก ประมาณว่าพระเจ้าอโศกมหาราชสวรรคตไปได้ในราว 50 ปีได้ อำมาตย์ก็ทรยศ นะ ปลงพระชนม์พระเจ้าแผ่นดินที่เป็นหลานเหลนของพระเจ้าอโศกมหาราช แล้วก็ตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อราชวงศ์สุงคะ นะฮะ ราชวงศ์สุงคะเป็นราชวงศ์ฮินดู พอขึ้นครองอำนาจก็กำจัดชาวพุทธทันที นะฮะ ก็ถึงกับให้ค่าหัวชาวพุทธ นี่ตำนานบางอันว่างั้นนะฮะ
แต่พอดีว่าพวกราชวงศ์สุคะเนี่ยครองอำนาจไม่ได้หมด แคว้นของพวกนี้ก็แตกกระจัดกระจายไป แคว้นมคธเนี่ยไม่ได้อยู่อย่างเดิม ไม่ได้ใหญ่อย่างเดิม ก็แตกออกไป เช่น แคว้นแบคเตรียเขาก็เป็นเอกราชเขา ทีนี่พวกกรีก แบคเตรีย แคว้นโยกนกเนี่ย ตอนนี้เป็นพุทธหมดแล้ว นะฮะ ดังนั้น พุทธศาสนากลับไปเจริญที่แคว้นโยนก ที่แบคเตรียเนี่ย และรวมทั้งแคว้นอื่นๆด้วยที่ใต้ลงมา ที่ไม่ใช่แคว้นของมคธเอง คือ สุงคะ นะฮะ อันนี้ ตอนนี้อาณาจักรอินเดียชมพูทวีปก็เรียกว่าแตกเป็นอาณาจักรเล็กๆน้อยๆลงไป
เวลาก็ผ่านมาๆ พุทธศาสนาก็รุ่งเรืองอยู่ที่โน่นที่นี่ ก็จนกระทั่ง ผ่านมาถึง 160 ปี ก่อนคริสตศักราช นะฮะ ก่อน คริสตศักราช ที่ทางโยนกเนี่ย นะฮะ แถวๆเหนือที่เป็นพวกกรีกนับถือพุทธศาสนาเนี่ยก็มีกษัตริย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นมา ชื่อว่า พระเจ้าเมนานเดอร์ นะฮะ เมนานเดอร์นี่ก็คือพวกลูกหลานแม่ทัพกรีก ก็ตอนนั้นก็แผ่อาณาจักรลงมาทางนี้ นะฮะ มียกทัพมาถึงปาฏลีบุตรเลย ก็มี นะฮะ ทีนี้เมนานเดอร์นี่เรียกเป็นภาษาบาลีว่า พระเจ้ามิลินทะ ใครเคยได้ยินบ้าง นะฮะ นี่แหละ มิลินทะ พระเจ้ามิลินทะนี้ก็มานับถือพุทธศาสนา เป็นกำลังสำคัญของพุทธศาสนา ได้โต้วาทะกับพระนาคเสนไง นะฮะ พระนาคเสนก็ได้โต้ตอบไปก็เกิดเป็นคัมภีร์เรียกว่าคัมภีร์มิลินทปัญหา เนี่ย คือคัมภีร์ที่พระนาคเสนได้โต้ตอบกับพระเจ้าเมนานเดอร์ พวกเมนานเดอร์เป็นพวกกรีก เพราะฉะนั้นพวกเนี้ยจะมีหัวทางปรัชญามาก ชอบคิด นะฮะ
อันนี้ เป็นอันว่าแบคเตรีย พวกเนี้ย คันธาระ อะไรพวกเนี้ยเป็นอันว่านับถือพุทธศาสนา พุทธศาสนาก็รุ่งเรืองต่อมา นะฮะ อันนั้น 160 ปีก่อนคริสตศักราช ตอนนี้ที่ศักราชของเขากับของเรามันไม่ตรงกัน ของเราบอกพระเจ้ามิลินทเนี่ย 500 ปี หลังพุทธกาล ก็หมายความ พ.ศ. 500 ของเราบอก พ.ศ. 500 ของฝรั่งบอกว่า 160 ปีก่อนคริสต์ อันนี้เราต้องเทียบประวัติศาสตร์ 2 ฝ่าย ปีก็ไม่ตรง ก็อย่างน้อยก็ต้องผิดกัน 60 ปี แต่รายนี้ต่างกันเกิน เกิน 60 ปี
เอาล่ะ พระเจ้ามิลินทเกิดขึ้นมาตอนนี้พุทธศาสนารุ่งเรืองแถบนั้น ก็คือ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน ปัจจุบัน ศิลปะคันธาระที่กรีกเอามา กรีกมาจากพวกของเขานี่ เขาก็มีพวกศิลปิน พวกช่างอะไรต่างๆมาสร้าง ก็มานับถือพุทธศาสนาแล้วก็เลยเอาศิลปะกรีกนี่มาสร้างศิลปกรรมทางพุทธศาสนา ทางอินเดียเดิมน่ะ ทางพุทธของชมพูทวีปเนี่ยจะถือว่าไม่ยอมสร้างพระพุทธรูป เป็นการไม่เคารพ อย่างพระเจ้าอโศกมหาราชเนี่ย มีพวกศิลาเยอะ สถานที่สำคัญๆเป็นศิลา แต่ว่าจะไม่มีพระพุทธรูป จะมีแต่สัญลักษณ์ก็คือว่า ถ้าเป็นต้นสาละ นะฮะ ก็มีพระแท่นอยู่ข้างล่าง ถ้าเป็นสาละเดี่ยวก็เป็นตอนประสูติ ถ้าเป็นสาละคู่ มีพระแท่นบรรทมอยู่ ก็เป็นที่ปรินิพพาน นะฮะ ถ้าเป็นต้นโพธิอยู่ มีแท่นก็เป็นตรัสรู้ อะไรอย่างงี้ เป็นต้น นะฮะ เป็นเครื่องหมายเอานะฮะ นี้อย่างตอนธรรมจักรก็จะมีรูปเป็นไอ้เจ้ากวาง กวางหมอบ อันนี้เป็นเครื่องหมายแสดงว่าเป็นปฐมเทศนาที่อิสิปตนมฤคทายวัน นะฮะ นี้อโศกก็ไม่ยอมสร้างพระพุทธรูป
จนกระทั่งมาสมัยกรีกเนี่ย ที่แคว้นคันธาระเนี่ย เมื่อพุทธศาสนาเจริญในดินแดนคันธาระ ในแคว้น รวมทั้งแคว้นบักเตรีย โยนก เนี่ย นะฮะ ถึงกันหมด ก็เลยศิลปะทางพุทธศาสนาแบบกรีกก็เจริญรุ่งเรืองเข้า จนกระทั่งเกิดพระพุทธรูปขึ้น เกิดพระพุทธรูปขึ้นก็บางพวกก็บอกในราว พ.ศ. 500 นะฮะ ถ้าเทียบของเรา พ.ศ. 500 ก็สมัยพระเจ้ามิลินท แต่ถ้าเอาศักราชของฝรั่งต้องเลยมานั้น ก็หลังจากพระเจ้ามิลินท์ บางพวกก็เลยบอกมาสมัยพระเจ้ากนิษกะ เอาละเป็นอันว่าพระเจ้ามิลินทก็ครองราชย์อยู่ต่อมา พุทธศาสนาก็รุ่งเรืองมา จนกระทั่งต่อมาอีก นะฮะ พวกแคว้นแบคเตรีย โยนก ของกรีกเนี่ย ก็ถูกชนเผ่าจากอาเซียกลางเข้ามาตี นะฮะ ก็มีชนเผ่าสักกะเข้ามา ชนเผ่าสักกะนี่มา ตั้งราชวงศ์กุสาน มารบชนะพวกกรีก นะฮะ ก็เลยยึดเมืองแบคเตรียได้แล้วก็กินลงมาแคว้นคันธาระ เนี่ย