แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ไฟล์ถอดเสียงนี้ยังไม่ได้ผ่านพิสูจน์อักษร นำขึ้นมาเพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ
ตอนที่ 1 บรรยายเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2544
ก็คุยกันเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างที่บอกเมื่อกี้บอกว่า เรื่องเนื้อหาสาระนี้ก็อยู่ในเทปบ้าง และก็อยู่ในการสอนในชั้นบ้าง เรามาพบกันงี้ก็คุยเรื่องปลีกย่อย ตอนนี้ก็อาจจะคุยเรื่องเหตุการณ์ เหตุการณ์ทางพระศาสนาก็มี เหตุการณ์บ้านเมืองก็มี ก็เป็นเรื่องที่เราต้องรู้และก็มองในแง่ของธรรมะด้วย นะฮะ หรือมองอย่างน้อยก็รู้เท่าทันความเป็นไปที่เกี่ยวข้อง เช่น อย่างวัฒนธรรม เป็นต้น อย่างเหตุการณ์ทางศาสนาใกล้ที่สุดนี่ก็เรื่อง อิสระมุนี ได้ยินมั้ย ได้ยินทุกองค์ นะฮะ อิสระมุนีก็อาจจะไว้คุยกันอีก แล้วเหตุการณ์อีกอันที่ใหญ่มากก็คือเรื่องสงคราม ใช่มั้ยฮะ ที่ว่าจะปราบปรามผู้ก่อการร้าย อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ทั้งคู่
นี้คนก็ชอบแสดงความเห็นกัน เวลามีเรื่องเกิดขึ้น ก็เป็นธรรมดาล่ะ แสดงความเห็นนี่ ถ้าแสดงได้เนื้อหาสาระก็เป็นประโยชน์ ทีนี้จะแสดงไงได้มีเนื้อหาสาระ ไอ้ความเห็นมันก็เกิดจากความคิดใช่มั้ยฮะ มีความคิด ก็คิดเลื่อนลอยเพ้อฝัน หรือว่าคิดได้เนื้อหาสาระมีเหตุมีผล อันนี้มันก็สำคัญที่ว่า คิดบนฐานของความรู้หรือว่าคิดโดยไม่มีความรู้ นะฮะ ตามคติการคิด ถ้าไม่อยู่บนฐานความรู้มันก็เพ้อฝัน เพราะฉะนั้นการคิดนี้มันต้องคู่กับการหาความรู้ เรามักจะพูดบอกว่า คิดเห็น ซึ่งแสดงความคิดเห็นทั้งคู่ก็หาความรู้ ถ้าไม่หาความรู้ก็พูดเรื่อยเปื่อยไป บางทีพูดตามชอบใจไม่ชอบใจ
อย่างง่ายๆก็อย่างเนี้ย อย่างฝนตกใช่มั้ยฮะ คนที่ไม่มีความรู้ว่าอะไรต่ออะไรมันเกิดขึ้นได้ยังไง อ้าว เอ๊ะ ฝนมันเกิดได้อย่างไร ในสมัยก่อนก็เมื่อไม่มีความรู้ ก็คิดไป คิดว่า เออ มันจะต้องมีคนทำให้มันตกอะไร นะฮะ ก็ไปๆก็เลยไปเทวดา เทวดาพาฝนมา ว่าอย่างงั้นนะฮะ แล้วก็มีเทวดาประจำฝน เทวดาประจำลม ว่ากันไป นะฮะ อันนี้ ถ้าคิดโดยไม่มีความรู้ มันก็เป็นเรื่องเป็นราวไป แล้วก็กลายเป็นเพ้อฝันเลื่อนลอยอย่างที่ว่า นี้ถ้าหากว่าคิดโดยมีความรู้ รู้ว่า อ้อ การที่จะมีเป็นน้ำ อ้อ มันมีเรื่องการที่ว่า มีไอน้ำจับตัวเป็นเมฆอะไร กลั่นเป็นน้ำอะไรต่างๆได้ ถ้ารู้อย่างงี้ก็ มันก็ใช้ประโยชน์ได้จริง ใช่มั้ยฮะ แล้วก็สามารถเอามาทำประโยชน์ใหม่ๆได้ นะฮะ มาคิดการณ์แม้กระทั่งทำฝนเทียม อะไรอย่างเงี้ย นะฮะ ก็มาจากฐานความรู้
นี้ถ้าคิดโดยไม่หาความรู้นี้เป็นปัญหามาก นี้สังคมของเราก็มีปัญหาเรื่องเนี้ย ในการศึกษาก็เดี๋ยวนี้ก็บอกว่า อยากให้เด็กไทยชอบแสดงความคิดเห็น ว่างั้น นะฮะ แต่ว่ามักจะไม่พูดว่าให้เป็นนักหาความรู้ด้วย นะฮะ ถ้าไม่เป็นนักหาความรู้ ได้แต่แสดงความคิดเห็นแล้วก็ไปไม่รอด ที่จริงไอ้ที่ขาดของไทยเนี่ยมันขาดการหาความรู้มาก คือคนของเราเนี่ยไม่ชอบหาความรู้ แต่ชอบแสดงความคิดเห็น นะฮะ นี่มันก็ยุ่งซิ
ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีเรื่องปัญหาภิกษุณี เคยได้ยินมั้ย
เคยได้ยินครับ
นี้ก็ อ้าว ว่า จะให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีได้มั้ย นะฮะ ก็มาเถียงกัน เถียงกันจนกระทั่งว่า เอ๊ะ แล้วผู้หญิงมีสิทธิบวชได้มั้ย นะฮะ บางทีก็ถึงกับอ้างรัฐธรรมนูญ มีสิทธิบวชสิ รัฐธรรมนูญ มีสิทธิ และก็อ้างสิทธิมนุษยชน เถียงกันไปเสียเวลา ลืมว่าผู้หญิงมีสิทธิบวชหรือเปล่าน่ะ บางทีแทบจะเป็นรายการทั้งรายการเถียงเรื่องมีสิทธิมั้ย นะฮะ เสียเวลาหลายชั่วโมง แล้วก็ ในการที่จะมาเถียงกันมันก็ต้องเสียสตางค์ด้วย ใช่มั้ยฮะ นะฮะ ก็เสียเวลา เสียแรงงาน เสียทุนทรัพย์
ความจริงมันไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาเลย นะฮะ ผู้หญิงก็ถ้าเรารู้ ใช่มั้ย รู้หลักธรรมวินัย รู้หลักพระศาสนา หรือก่อนจะมาเถียงกันก็หาความรู้ซะก่อน ก็ผู้หญิงมีสิทธิอยู่แล้วที่จะบวชเป็นภิกษุณี สมัยพุทธกาล มีสิทธิอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็มีสิทธิอย่างนั้น สิทธินี่ไม่ได้เปลี่ยนไป ประเด็นปัญหามันอยู่ที่ใครมีสิทธิบวชให้ผู้หญิง ใช่มั้ย เออ แล้วคนที่มีสิทธิบวชให้น่ะมีอยู่หรือเปล่า เนี่ย ประเด็นมันอยู่แค่นี้ เพราะฉะนั้นเมื่อไม่ศึกษาความรู้ มันก็ไปเถียงไม่ถูกจุด แล้วไปคิดจากไอ้ฐานของการไม่รู้ มันก็ยุ่งวุ่นวาย
ตกลงว่า ไอ้ที่ถามว่า ผู้หญิงมีสิทธิบวชมั้ยน่ะ มันไม่เป็นปัญหาอะไรเลย เพราะผู้หญิงมีสิทธิบวชเป็นภิกษุณีนั้นแน่นอน มีสิทธิอยู่แล้ว นะฮะ ตั้งแต่พุทธกาลมาอย่าไร เดี๋ยวนี้ก็อย่างงั้น แล้วตกลงปัญหาก็อยู่ที่ว่า ใครมีสิทธิบวชให้ผู้หญิงนั้นเป็นภิกษุณี ใช่มั้ย ผู้หญิงบวชเองไม่ได้นี่ ใช่มั้ย เหมือนกับทุกท่านเนี่ย จะบวชก็ต้องมีสังฆะ มีสงฆ์ นี่ปัญหาก็เลยอยู่ที่ว่าตามหลักธรรมวินัย ก็ผู้ที่มีสิทธิบวชให้ผู้หญิงเป็นภิกษุณีก็คือภิกษุณีสงฆ์ นะฮะ แล้วภิกษุสงฆ์นี่เป็นขั้นที่ต้องรับทราบต่อจากภิกษุณีสงฆ์อีกที ประเด็นมันอยู่ที่นั่น อันเนี้ยก็คือว่าสังคมไทยเรามักจะชอบแสดงความคิดเห็นโดยไม่หาความรู้ ควรจะหาความรู้ให้ชัด แล้วการถกเถียงต่างๆเนี่ยมันจะได้สาระ นะฮะ
ก็เลยอยากจะคุยกันเรื่องเหตุการณ์ เอาเรื่องอิสระมุนีไว้ทีหลัง เอาเรื่องสงครามปราบผู้ก่อการร้ายนี่ซะก่อน สงครามขณะนี้ก็รบกันที่ประเทศอัฟกานิสถาน ใช่มั้ยฮะ อัฟกานิสถานก็อยู่ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย ต่อจากประเทศปากีสถานขึ้นไปอีกที ก็มีปากีสถานคั่นอยู่ ทีนี้ที่อยากจะคุยกันก็คือว่า เราควรจะรู้ลงไปลึกลงไปถึงความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา เมื่อถอยหลังไปตอนต้นปีมั้ง ใช่มั้ย ก็มีเรื่องอัฟกานิสถาน มีความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ได้ใช้ระเบิดปืนใหญ่ทำลายพระพุทธรูปใหญ่ที่มีอายุพันกว่าปี ประมาณซักพันห้าร้อยกว่าปี นะฮะ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่มีมาก่อนที่ชาวมุสลิมจะเข้าไปอยู่ที่นั่น
เรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องที่เราควรจะทราบให้ชัด เพราะว่าถ้าเรารู้เรื่องราวต่างๆ เนี่ย เราจะมองอะไรต่ออะไรออก แล้วก็คิดได้เรื่องได้ราวมากขึ้น ก็หมายความว่าอัฟกานิสถานเนี่ยเคยเป็นดินแดนพุทธศาสนา นะฮะ แล้วทีนี้เราจะเข้าใจได้ไงเรื่องดินแดนพุทธศาสนา เราก็ต้องทราบเรื่อง หนึ่งก็ภูมิศาสตร์ สองก็ประวัติศาสตร์ ก็เลยอยากจะพูดเรื่องนี้นิดนึง พอให้เห็นแนว เห็นเค้า แต่ถ้าเรียนพุทธประวัตินี่พระอาจารย์ก็อาจจะสอนได้บ้าง
แต่ว่ามาวันนี้คุยกันเจาะจงเฉพาะจุดนี้ อัฟกานิสถานเนี่ยนะ ก็เคยอยู่ในเขตชมพูทวีป เคยได้ยินมั้ย คำว่าชมพูทวีป นะฮะ ชมพูทวีปปัจจุบันเรามักบอกก็คืออินเดีย แต่ที่จริงชมพูทวีปนี่กว้างกว่าอินเดีย อินเดียนี่ก็ถ้าเทียบแล้วก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชมพูทวีป แต่เพราะเหตุที่ว่าเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยเราก็เรียกว่าเทียบกับอินเดีย ชมพูทวีปเนี่ยมันกินเข้าไปถึงอัฟกานิสถาน อ้าว เพื่อจะให้เห็นภาพเนี่ยนะ ในคัมภีร์อย่างพระไตรปิฎกเนี่ยจะบอกว่า ชมพูทวีปเนี่ยในสมัยพุทธกาล ประกอบด้วยแคว้น 16 แคว้น 16 แคว้นผมจะไล่ให้ฟัง นะฮะ แล้วเดี๋ยวก็เราก็จะเห็นภาพ 16 แคว้นเนี่ยจะเริ่มจากทิศตะวันออกนับไป ตะวันออกก็ใครรู้จักเมืองกัลกัตตาบ้าง รู้จัก แต่ว่าใครเคยไปบ้าง
ไม่เคย
ไม่เคยเลย
เคยไปแต่บังคลาเทศ
อ๋อ นั่นแหละก็ใกล้แล้ว ใช่มั้ยฮะ บังคลาเทศนั่นก็เลยจากกัลกัตตาไปทางตะวันออกหน่อย เอาเลย เริ่มที่บังคลาเทศ บังคลาเทศเนี่ยแหละจุดเริ่ม เพราะกัลกัตตานี่ยังเป็นเมืองใหญ่ที่เอามากำหนดเท่านั้นเอง แต่ที่แท้นั้นน่ะ ชมพูทวีปเนี่ยเริ่มที่บังคลาเทศ นะฮะ บังคลาเทศนั้นคือแดนของแคว้นที่เรียกในสมัยพุทธกาลว่าแคว้นอังคะ แคว้นอังคะ จากบังคลาเทศเนี่ยนะ ที่เป็นตะวันออก แล้วก็นับมา อังคะ เป็นแคว้นที่ 1 แล้วแคว้นที่ 2 มคธ ได้ยินมั้ย มคธ หรือ มคธะ นะฮะ มคธ เนี่ยแหละ มคธะ มคธ แล้วอังคะ มคธะ เนี่ยเป็นแคว้นคู่ ต่อมา อังคะ เนี่ยก็ตกอยู่ใต้อำนาจของมคธ มคธก็เป็นใหญ่ นะฮะ อังคะ มคธะ
ต่อมาก็ กาสี แล้วก็ โกศล นะฮะ นี่อีกคู่นึง กาสี โกศละ หรือ โกศล กาสี ก็เมืองพาราณสี ใครเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง พาราณสีเป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี แล้วก็โกศลนี่เมืองหลวงชื่อสาวัตถี ใครเคยได้ยินชื่อสาวัตถีบ้าง ได้ยินมั้ย
เคยได้ยินครับ
อ้า เนี่ย เมืองสาวัตถีเมืองสำคัญเมืองใหญ่ ก็กาสี โกศลเนี่ยเป็นแคว้นคู่ ต่อมากาสีก็แพ้โกศล โกศลก็ปกครอง แต่พาราณสีเนี่ยเป็นเมืองที่สำคัญในทางศาสนาฮินดู ก็เลยอยู่มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเมืองอื่นๆเปลี่ยนไปแทบหมดแล้ว พาราณสีนี่กลับยืนยงที่สุด กาสี โกศล
ต่อไป วัชชี มัลละ อีกคู่นึง วัชชี มัลละ วัชชีนี่ก็แคว้นสำคัญที่เป็นมหาอำนาจในยุคพุทธกาล มีเมืองหลวงชื่อว่า เวสาลี นะฮะ ใครเคยได้ยินชื่อมั้ยฮะ
เคยได้ยินครับ
อา นี่แหละ วัชชี เมืองหลวงชื่อ เวสาลี นะฮะ มัลละ นะฮะ มัลละก็แคว้นนี้คู่กัน แล้วเมืองหลวงชื่อกุสินารา ใครเคยได้ยินบ้าง อา กุสินาราก็มีความสำคัญต่อพุทธศาสนามาก เป็นที่อะไร
ตั้งของมหาวิทยาลัย
ไม่ใช่ ไม่ใช่ มีความสัมพันธ์อะไรกับพุทธประวัติ
ปรินิพพาน
นั่น เป็นที่ปรินิพพาน นี่ เมืองกุสินารานี่เมืองปรินิพพานของพระพุทธเจ้านะ เนี่ยเป็นเมืองหลวงของแควันมัลละ
ต่อไป อีกแคว้น เจตี วังสะ อีกคู่ เจตี แล้วก็ วังสะ เจตีไม่ค่อยมีชื่อเสียง เขาว่าเมืองหลวงชื่อ ( มะ-หิ-สะ-มะ-ตี ) ไม่ต้องจำล่ะ แล้วก็วังสะนี่ เมืองหลวงมีชื่อเสียงมากชื่อเมืองโกสัมพี ใครเคยได้ยินชื่อบ้าง นะได้ยินนะ โกสัมพีมีความสำคัญอะไร
ก็มีนักร้องเอามาแต่เป็นเพลงโกสัมพีครับ
เหรอ อ๋อ ใครเคยได้ยินเรื่องกามนิต-วาสิฏฐีบ้าง
เคยครับ
อา อันนี้แหละเมืองสำคัญของกามนิต-วาสิฏฐี นะฮะ นี่แหละ เจตี วังสะ ได้กี่คู่แล้ว อังคะ มคธะ กาสี โกศละ โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ
ต่อไป กุรุ ปัญจาละ แคว้นกุรุ แคว้นกุรุนี่อยู่แถวเมืองเดลี ปัจจุบันนี้ นะฮะ เดลี รู้จักมั้ย
เมืองหลวงเลย
เมืองหลวง แล้วก็ปัญจาละ อันนี้ก็ไม่สำคัญมาก กุรุ ปัญจาละ ต่อไป มัจฉะ สุรเสนะ อีกคู่นึง นี่ก็ไม่สำคัญ ไม่ค่อยมีชื่อเสียง สมัยพุทธกาลนี้ไม่มีบทบาทอะไร
แล้วก็ต่อไปก็อัสกะ อวันตี นะฮะ อัสกะ อวันตีนี่ อัสกะก็ไม่มีบทบาทอะไร มีอวันตี อวันตีนี่มีชื่อเสียงมาก เป็นแคว้นที่มีความสัมพันธ์กับเรื่องกามนิต-วาสิฏฐีด้วย ชื่อเมืองหลวงชื่อว่าอุชเชนี ใครเคยได้ยินชื่อมั่ง ได้ยินมั้ย ก็อุชเชนีนี่แหละ ก็โกสัมพี อุชเชนีเนี่ย เมืองกามนิต-วาสิฏฐี อา ต่อไปก็ กี่คู่แล้ว อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสกะ อวันตี เหลือคู่สุดท้ายแล้ว
คันธาระ กัมโพชะ คันธาระนี่เป็นแคว้นสำคัญ เป็นที่ตั้งเมืองหลวงชื่อตักศิลา ใครเคยได้ยินชื่อมั่ง ได้ยินชื่อมั้ย
ได้ยินครับ
ได้ยิน นะฮะ ตักศิลานี่มีความสำคัญยังไง ไหน เป็นเมืองของพวกอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ใครเคยได้ยินชื่อทิศาปาโมกข์มั่ง
เคยได้ยินครับ
เช่น หมอชีวก ไม่ใช่เป็นทิศาปาโมกข์ แต่เป็นหมอใหญ่ที่ไปเรียนที่นั่น หมอชีวกนี่เป็นเรียนจบจากทิศาปาโมกข์ คืออาจารย์ทิศาปาโมกข์หมายความเป็นอาจารย์ใหญ่ในทิศเลย นะฮะ นี่แหละ ตักศิลาเนี่ยเป็นดินแดนทิศาปาโมกข์ พวกกษัตริย์ มหาเศรษฐี อะไรต่างๆเนี่ย จะต้องส่งลูกไปเรียนที่นั่น นะฮะ อย่างกับเราไปเรียนอเมริกาปัจจุบัน นะฮะ เอาละ ตักศิลาเนี่ยอยู่ในแคว้นคันธาระ แคว้นนี้ก็เป็นแคว้นที่เริ่มกำเนิดพระพุทธรูปหลังพุทธกาลประมาณ 500 ปี ก็พุทธศาสนาก็มารุ่งเรืองที่นี่ด้วย แล้วก็พวกกรีกมานับถือพุทธศาสนา พวกกรีกนี่เข้ามาที่นี่เพราะว่าเจ้าอเล็กซานเดอร์นี่ก็ตีเข้ามาได้แคว้นคันธาระ
และก็ต่อมาแม่ทัพของแกก็สืบต่อมาเป็นกษัตริย์ต่อๆกันมา แล้วก็มานับถือพุทธศาสนา เช่น พระเจ้าเมนันเดอร์ ชื่อบาลีว่า มิลินทฺ แล้วก็มานับถือพุทธศาสนา และก็เมื่อมานับถือพุทธศาสนาก็เลย มีการคิดเอาธรรมเนียมของกรีกที่ชอบสร้างเทวรูปเนี่ยมาสร้างพระพุทธรูป เพราะชาวอินเดียเนี่ยเขาไม่ทำพระพุทธรูป ก็เลยเกิดมีพระพุทธรูปขึ้นในสมัยแคว้นคันธาระ ก็คันธาระนี่ก็เป็นแคว้นสำคัญ นี่แหละคันธาระนี่อยู่ในเขตปากีสถานปัจจุบัน ปากีสถานก็อยู่ครอบคลุมแคว้นคันธาระไว้ แต่คันธาระนี่กินเข้าใปในเขตแคว้น เอ้อ ประเทศอัฟกานิสถานด้วย ไม่ได้จบแค่ปากีสถาน
นี้ต่อไปก็คู่กับแคว้นคันธาระก็แคว้นกัมโพชะ กัมโพชะนี่เป็นแคว้นเหนือสุด ซึ่งไปต่อกับพวกอาเซียกลาง อาเซียกลางก็พวกอุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อะไรพวกนี้ซึ่งต่อกับอัฟกานิสถาน นะฮะ ก็แคว้นกัมโพชะก็กินเข้าไปแถบนั้นน่ะ เข้าไปต่อกับอาเซียกลาง ก็อยู่แถบเหนือของอัฟกานิสถาน เพราะฉะนั้นจากที่พูดเนี่ยจะเห็นภาพมั้ย ว่าชมพูทวีปเนี่ยตั้งแต่บังคลาเทศผ่านอินเดียไปจนจรดผ่านปากีสถานไปถึงอัฟกานิสถาน นะฮะ และก็เนี่ยดินแดนเหล่าเนี้ย พระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองมาก นะฮะ อัฟกานิสถานนี้ก็เคยเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา
นี้ผมก็เลยจะให้ดูแผนที่นิดนึง บางทีท่านอาจจะทำให้เห็นภาพขึ้น นะฮะ นี่พอเห็นมั้ยฮะ เห็นนะ ดูจากนี่ไป ก็บังคลาเทศใช่มั้ย อา แล้วก็มาอินเดียนี่ มาถึงนี่เป็นปากีสถาน นี่อัฟกานิสถาน แล้วพวกนี้ก็พวกเติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน อะไรพวกเนี้ย อยู่แถวเนี้ย และนี้ก็คือชมพูทวีป พอดีแผนที่นี้เกือบเท่ากับชมพูทวีปเลย เป็นแผนที่ปัจจุบันที่เขาเรียกว่า south asia เอเชียใต้ กลายเป็นนี่แหละ เอเชียใต้เนี่ยแทบทั้งหมดนี่คือชมพูทวีป นะฮะ
อันนี้ เมื่อพูดมาถึงแค่นี้ ก็ต้องถามว่า เอ้า แล้วทำไมอัฟกานิสถานมาเป็นมุสลิมไปหมดล่ะ ศูนย์กลางพุทธศาสนา อันนี้ก็ก่อนที่จะมาพูดเรื่องความเป็นมาเป็นไปของในชมพูทวีปเอง ก็จะต้องหันไปพูดถึงเรื่องของทางศาสนาของตะวันตก เพื่อจะได้โยงเรื่องเข้ามาหากัน ว่าศาสนาทางตะวันตก จนกระทั่งมาถึงยุคอิสลามแผ่อำนาจ ยกทัพมา เลยก็ทำให้พวกดินแดนแถบเนี้ยกลายเป็นมุสลิมได้เป็นยังไง อันนี้เรื่องนี้มันก็มาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขารบกันนี้ด้วย จะเห็นว่าเวลามีเรื่องเนี่ยเขาจะโยงไปเรื่องยิว เรื่องคริสต์ ด้วย นะฮะ โดยเฉพาะยิว
ยิวก็คือดินแดนที่เรียกว่าประเทศอิสราเอล นะฮะ อิสราเอลก็มีเมืองศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่าเยรูซาเลม แต่เมืองหลวงเขาชื่อ เทลอาวีฟ ใช่มั้ย แต่ว่ายิวเองเนี่ยพยายามที่จะเอาเยรูซาเลมนี้เป็นเมืองหลวงให้ได้ แต่ว่านานาชาติไม่ยอมรับ แล้วก็ปาเลสไตน์นี่ก็พยายามจะเอาเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวง นี้เยรูซาเลมมีความสำคัญอย่างไร ก็เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนา หนึ่งเป็นของศาสนายิว สองเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์ สามเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม ทั้ง 3 ศาสนา มามีเมืองศักดิ์สิทธิ์เมืองเดียวกัน แล้วเมืองศักดิ์สิทธิ์ของ 3 แห่งเนี่ย แทนที่จะเป็นที่รวมความสามัคคี กลายเป็นที่แย่งกัน ใช่มั้ย กลายเป็นที่ทะเลาะกัน ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสงคราม ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดสงครามมาเป็นพันปีแล้ว ไม่ใช่เฉพาะยุคนี้ อันนี้ ไอ้เรื่องที่เขาทะเลาะกันที่อัฟกานิสถานนี่เขายังโยงเรื่องไปที่ยิวด้วยใช่มั้ย อา เป็นเรื่องของยิวกับปาเลสไตน์ ที่ว่ายิวก็รบกับปาเลสไตน์ไม่รู้จักจบ ปาเลสไตน์นั้นเป็นชนเผ่าอาหรับ ซึ่งเป็นมุสลิม ส่วนพวกยิวนี่ก็ศาสนายิว
ก็เลยจะเล่าเรื่องสักนิดพอให้เห็นภาพว่าเป็นมาเป็นไปยังไง คือดินแดนแถบประเทศอิสราเอล เนี่ย พวกยิวก็เคยอยู่มาก่อน เมื่อหลายพันปีก่อน ทีนี้ เอาตีซะว่าประมาณซัก แถวๆก่อนคริสตศักราชซักสองพันอะไรแถวนั้น ตอนนั้นพวกยิวนี่ไปอยู่ที่อียิปต์ ทำไมจึงไปอยู่ในอียิปต์ ที่ดินแดนอิสราเอลน่ะ ตอน ตอนสมัยนั้นเขาเรียกว่า คานาอัน คานาน หรือ คานาอัน canaan นะ อันนี้ พวกยิวเนี่ย มีปัญหาเรื่องการเกษตรในยุคหนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสมัยโบราณบางครั้งก็เกิดแห้งแล้งอะไรพวกนี้ ก็อพยพไปอียิปต์ ไปทำมาหากินอยู่ที่นั่น ต่อมาก็ถูกกษัตริย์ฟาโรห์ ซึ่งเขาเข้าใจว่าคงกลัวพวกยิวเนี่ยจะพยายามที่จะเป็นใหญ่ขึ้นมา ก็เลยจับเป็นทาส ก็เป็นอันว่าอียิปต์ก็จับพวกยิวเนี่ยที่อยู่ในอียิปต์เนี่ยเป็นทาส ก็มาใช้แรงงานใช้สร้างปิรามิด เป็นต้น
ทีนี้เวลาก็ผ่านมาจนกระทั่งถึงก่อนคริสตศักราช 1,200 กว่าปี ถึงฟาโรห์องค์หนึ่งเนี่ย ก็มีโหรทำนายว่าจะมีคนดีของยิวมาเกิด แล้วยิวจะยิ่งใหญ่ได้ ฟาโรห์ก็กลัวสิ ใช่มั้ยฮะ อ้า ก็เลยสั่งให้ฆ่าเด็กยิวที่เกิดในช่วงนั้นให้หมด นี้ พ่อแม่ยิวคนหนึ่ง ก็เห็นว่าลูกตัวนี้ถ้าเอาไว้บ้านตายแน่ ทำไง เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมก็แล้วกัน เอาภาชนะมาแล้วก็เอาเด็กเนี่ยใส่ ลอยน้ำไป นึกว่าอาจจะตายแต่ว่ายังมีทาง ดีกว่าอยู่บ้าน ก็เด็กนี่ก็ลอยไปกับภาชนะเนี่ย ก็พอดีตอนนั้น ก็เจ้าหญิงอียิปต์ ก็ชอบลงมาสรงสนานน้ำในแม่น้ำ เวลาเจ้าหญิงลงมาสรงนี่เป็นธรรมดา สถานที่สรงสนานเขาจะใช้ตาข่าย เหล็ก อะไรพวกนี้กันเพื่อความปลอดภัย ภาชนะที่ใส่เด็กยิวนี่ก็ไปติดตาข่าย เจ้าหญิงก็ให้ข้าราชบริพารมาดู ก็เจอเด็ก เลยเจ้าหญิงก็อยากจะดู ก็พอดูเห็นเด็กแล้วก็รักใคร่ ก็เลยเก็บเอาไปเลี้ยงในวัง เจ้าเด็กคนนี้โตมา เป็นเด็กยิวแต่โตในวังอียิปต์ แล้วก็ได้เป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา
ต่อมาก็รู้ว่าตัวเองเนี่ยเป็นคนยิว ก็เมื่ออย่างงี้ก็เลยพยายามที่จะไปช่วยเหลือพวกคนยิว คนยิวเมื่อรู้ต่อมาก็เชิดชูขึ้นเป็นหัวหน้า แล้วในที่สุด คนนี้ชื่อว่าโมเสส โมเสสก็ได้นำเอาชาวยิวเนี่ย หนีออกจากประเทศอียิปต์ นะฮะ ตอนนี้เขาเรียกว่า เอ็กโซดัส ( Exodus ) ใครเคยดูหนังมั่ง นะฮะ หนังเขาตั้งชื่ออย่างเงี้ย เอ็กโซดัส การที่ออกจากอียิปต์ แล้วก็ข้าม เขาเรียก รีดซี ( reed sea ) ไม่ใช่ เรดซี อันนี้อาจจะสับสนกับเรดซี มันมีอีก e หนึ่ง reed รีดซีนี่ไม่ใช่เรดซี ก็ข้ามไปแล้วก็พอพวกยิวข้ามไปหมด ทัพอียิปต์ก็ตามไปพอดี ตามไปปรากฏว่าน้ำขึ้นท่วมเอาทัพอียิปต์ตายหมด นะฮะ พวกยิวก็ดีใจว่าพระเจ้ามาโปรดช่วยให้พวกเราได้พ้นภัย
นี้ก็ ต่อจากนั้นก็เร่ร่อนไปกันในทะเลทราย ตอนนี้ก็มีความเดือดร้อนมาก ทีนี้ชักจะเสียระเบียบวินัยเพราะว่าคนมันมีความทุกข์มาก ทีนี้ โมเสสก็เป็นหัวหน้าก็ทำไงดี วันหนึ่งขึ้นไปบนยอดเขาไซนายลงมา ได้มาบอกแก่พวกชาวยิวว่า เนี่ยเราได้พบพระผู้เป็นเจ้า พระยะโฮวา ได้มอบบัญญัติ 10 ประการ เรียกว่า ten commandments ให้มา ให้พวกเราเนี่ยตั้งใจปฏิบัติตาม พระองค์ได้สัญญาแผ่นดินไว้ให้ คือ คานาน นะฮะ เป็น promised land เป็นแผ่นดินแห่งสัญญา นะฮะ ก็เราจะได้ไปอยู่แผ่นดินนั้น นะฮะ ทีนี้ก็ทำให้คนยิวเนี่ยมีความหวัง ก็ทำให้มีระเบียบวินัยขึ้น โมเสสก็เลยได้เป็น ก็ในแง่หนึ่งก็เหมือนกับศาสดา เขาเรียกว่าเป็นเมสไซอะ ( messiah ) นะฮะ ของศาสนายิว นี้ก็เร่ร่อนกันไปจนกระทั่งในที่สุดก็เข้าไปในคานาอันเนี่ย คือแผ่นดินปาเลสไตน์นี่แหละ หรือที่รวมทั้งอิสราเอลปัจจุบัน นะฮะ ก็พวกยิวก็เข้ามาได้
นี้ เมื่อเข้ามาแล้ว นั่นเป็นปี 1250 ก่อนคริสตศักราช นะฮะ ก็คิดดูนานเท่าไหร่ ก่อนคริสตศักราชตั้ง 1250 นี้ต่อมาพวกยิวนี่ก็ได้เอกราช คือ ตอนแรกก็ถูกอียิปต์ปกครอง แล้วต่อมาได้เอกราชก็เป็นอาณาจักรของยิว ทีนี้ ต่อมาพวกยิวนี้ก็แตกกันเป็น 2 อาณาจักร อาณาจักรอิสราเอล กับอาณาจักรจูดาห์ จูดาห์นี่คร่าวๆก็คือจอร์แดนปัจจุบัน นะฮะ จูดาห์ จอร์แดน คล้ายๆกัน นะฮะ นี้ก็ต่อมาอีก ก็ถูกพวกอัสซีเรียเข้ามาปราบปราม นะฮะ ก็ตกอยู่ใต้อำนาจอัสซีเรีย ต่อมาบาบิโลเนียเข้ามาปกครอง กรีกปกครอง นะฮะ แล้วก็ต่อมาก็โรมันปกครอง ตอนนี้พวกยิวแย่ นะฮะ ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของต่างชาติตลอด
พวกโรมันนี่ก็เข้ามาปกครองเมื่อปี 63 ก่อนคริสตศักราช 63 ปีก่อนคริสต์ก็หมายความว่า ก่อนพระเยซูเกิดประมาณ 63 ปี แต่ที่จริงที่เขาบอกว่า เอาปีพระเยซูเกิดเริ่มคริสตศักราช น่ะ ก็เขาก็พยายามค้นหาหลักฐานว่ามันผิด ผิดไปราว 8 ถึง 4 ปี คือพระเยซูเกิดจริงเนี่ยอาจจะก่อนคริสตศักราชซัก 8 หรือ 4 ปี บางตำราก็ 6 ปี ก็อยู่ในช่วงเนี้ย 8 ถึง 4 ปี แต่พวกโรมันนี้ก็เข้ามาปกครองพวกยิวเนี่ย เมื่อปี 63 ก่อนคริสตศักราช
ทีนี้ต่อมาก็เป็นอันว่าอีกในราว 63 ปี พระเยซูก็เกิด พระเยซูเกิดนี่ในรัชกาลของพระเจ้าออกัสตัส ซีซาร์ นะฮะ ออกัสตัสซีซาร์ นี่เป็นลูกเลี้ยงของพระเจ้าจูเลียส ซีซาร์ นะฮะ จูเลียส ซีซาร์ ใครเคยได้ยินบ้าง ได้ยินมั้ย
คลีโอพัตรา
อา นั่นแหละ นั่นแหละ นะฮะ จูเลียส ซีซาร์ ก็ตาออกัสตัส ซีซาร์นี่เป็นหลาน แล้วก็ จูเลียส ซีซาร์ ก็รับเป็นลูกบุญธรรม เป็นทายาท นะฮะ แล้วก็เลยเรียกชื่อเป็นซีซาร์ด้วย นะฮะ แล้วก็ออกัสตัส ซีซาร์นี่ก็เป็นเอ็มเพอร์เรอร์คนแรกของโรมัน นะฮะ ทีนี้พระเยซูก็เกิดในรัชกาลนั้น พระเยซูเกิดก็เป็นคนยิวนั่นเอง นะฮะ เอาละ ศาสนาเดิมเขาศาสนายิวอยู่ก่อน พระเยซูก็เป็นคนยิว นี้พระเยซูเกิดมาแล้ว ก็ประมาณซักอายุสิบกว่า เลย 12 ปีไปเนี่ย ประวัติหายไป เงียบไปจนกระทั่งมาประมาณอายุ 27 หรือ 30 บางตำราก็ 27 บางตำราก็ 30 เอา โดยมากจะ 30 อายุ 30 นี่พระเยซูก็เริ่มเผยแผ่คำสอน นะฮะ ก็สอนไป แล้วก็ถูกพวกยิวเนี่ยอิจฉา นะฮะ พวกยิวไม่พอใจ
พวกยิวตอนนั้นก็อยู่ใต้อำนาจของโรมัน โรมันก็ตั้งพวกยิวปกครองกันเองด้วย แล้วขึ้นต่อโรมันอีกที นี้เมื่อถูกอิจฉา ก็เลยมี แม้แต่ลูกศิษย์คนหนึ่งของพระเยซูเองเนี่ย เป็นตัวทำให้พระเยซูถูกจับ นะฮะ ก็เลยพวกยิวที่เป็นผู้ปกครองก็เอาไปสอบสวน แล้วก็บอกว่าเป็นผู้ก่อกำเริบเสิบสานจะตั้งตัวเป็นใหญ่ นะฮะ คิดการร้าย ว่างั้นเถอะ นะฮะ ก็จับส่งพวกโรมัน โรมันก็ตัดสินให้ตรึงไม้กางเขน คือ ประหารชีวิต นะฮะ พระเยซูสอนอยู่ได้เพียง 3 ปีเท่านั้นเอง นะฮะ ก็เลยถูกตรึงไม้กางเขน ก็สิ้นชีวิต นะฮะ ถ้าหากว่าตามเมื่อกี้ว่าเริ่ม 30 ก็อายุ 33 ก็สิ้นชีวิต
อันนี้ เมื่อกี้ทิ้งไว้ค้างนิดนึง บอกว่า ช่วงที่พระเจ้า พระเยซูอายุสิบกว่าปี จนถึงมาประกาศคำสอนเนี่ย หายไปตั้งนาน ไปไหน ฝรั่งก็สืบกันใหญ่ ตอนหลังๆนี่ก็มีหนังสือออกมากันค่อนข้างเยอะ โดยมากจะบอกว่ามาเรียนที่อินเดีย เช่น มาเรียนพุทธศาสนาที่อินเดีย นะฮะ แล้วก็ต่อมาก็กลับไปสอน เพราะฉะนั้นคำสอนนี่จะเป็นคำสอนที่ไปจากพุทธศาสนามาก ผมจะให้ดูเล่มนึง เล่มนี้ชื่อ The Original Jesus จีซัสดั้งเดิม หรือจีซัสเดิมแท้ พระเยซูเดิมแท้ นะฮะ เล่มนี้นี่ไปไกล แล้วกล้ามาก บอกเลยนี่นะฮะ เขาสรุปว่างี้ เขาบอกว่า Jesus was not a Christian, he was a Bhuddhist. นี่เขียนขนาดนี้เลยนะ เล่มเนี้ย นะฮะ บอกพระเยซูไม่ใช่คริสต์ แต่เป็นพุทธ ว่างั้น นะฮะ
ทำไมเขาจึงเขียนอย่างงี้ ก็เขาก็เนี่ย เรื่องก็มีว่า พระเยซูเนี่ยก็เรียนพุทธศาสนา อาจารย์ก็เป็นพุทธ นะฮะ บางตำราถึงว่าได้บวชด้วย นะฮะ ทีนี้ ไปยังไงมาไง นะฮะ เขาก็เทียบว่าคำสอนเดิมเนี่ย จะเห็นว่า อย่างเดียวกับของพุทธศาสนา หรือรับเอาไปแล้วไปพูดสำนวนใหม่ นะฮะ แล้วเขาก็เขียนอย่างเล่มนี้บอกเลยบอกว่า คำสอนของพระเยซูเดิมเนี่ยของพุทธศาสนา แต่คำสอนคริสต์ปัจจุบันไม่ใช่ เพราะเป็นคำสอนที่มีการดัดแปลงแล้ว มีการปรุงแต่ง มีลูกศิษย์รุ่นหลังเขียน น่ะ เพราะ เพราะตำราของคริสตศาสนานี่เขียนทีหลังเยอะ แม้แต่ตัว new testament ก็เขียนทีหลัง ทีนี้เขาก็พยายามเอาคำสอนเดิม เพราะฉะนั้นเขาจึงบอกว่า คริสตศาสนาที่เป็นปัจจุบันเนี้ย ไม่ใช่ของพระเยซู อันนี้ตำราเล่มนี้นะ ก็คือเป็นศาสนาที่ปรุงแต่งขึ้นมาบนชื่อพระเยซู แต่ว่าคำสอนพระเยซูแท้เป็นของพุทธ นะฮะ ส่วนคำสอนที่เรียกว่าคริสต์ปัจจุบันเนี้ยไม่ใช่ของพระเยซู นี่ตำราเล่มนี้เขาสรุปอย่างงั้น อันนี้จะเชื่อหรือไม่เราก็เอาเป็นเรื่องศึกษาไป นะฮะ แต่ว่าในแง่นึงก็ให้เห็นว่าฝรั่งปัจจุบันนี่เขาก็เปิดใจมากอยู่ แม้ว่าคริสต์ไม่น้อยก็คงไม่พอใจ แต่จะเห็นว่าฝรั่งนี่กล้าใช่มั้ย นะฮะ ถ้าเป็นสมัยก่อนนี้จับฆ่าเลยนะ เผาทั้งเป็นเลย ถ้าย้อนไปซักเป็นพันปีเนี่ย เพราะว่าคริสต์สมัยก่อนเขาแรงมาก เอาล่ะนี้ก็เป็นเกร็ด
ทีนี้เมื่อพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขน ก็มีเรื่องอีกนะฮะ พวกหนังสือของฝรั่งเนี่ยจะสืบบอกว่ามีเรื่องว่า พระเยซูฟื้น ใช่มั้ย แล้วขึ้นสวรรค์อะไรเนี่ยอยู่ 40 วัน เขาบอกว่าที่จริงคือพระเยซูไม่ได้สิ้นชีวิต เมื่อถูกตรึงไม้กางเขนแล้วต่อมาพอกลางคืนพวกลูกศิษย์ก็มาเอาลง แล้วก็ช่วยกันรักษา จนกระทั่งฟื้นแล้วก็พากันเดินทางหนีภัยเนี่ยเข้าอินเดีย แล้วไปสิ้นชีวิตที่แคว้นแคชเมียร์ ที่แคว้นแคชเมียร์ปัจจุบันยังมีหลุมฝังศพของพระเยซู มีหลักฐานอยู่ เขาบอกว่างั้น นะฮะ แล้วหนังสือพวกนั้นเขาก็จะไปถ่ายรูปหลุมฝังศพอะไรต่ออะไรหาหลักฐานมาบอก อันนี้ก็เป็นเกร็ดให้ท่านฟังไว้ นะฮะ
อ้าวล่ะก็เป็นอันว่านี่เรื่องพระเยซู พระเยซูก็เป็นอันว่าเกิดที่เมืองเบธเลเฮม แล้วก็สอนอยู่แถวๆนั้นก็รวมเยรูซาเลมด้วย เยรูซาเลมก็เลยเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์ศาสนา เพราะถือว่าเป็นถิ่นของพระเยซูเอง นะฮะ ยิวน่ะ สำหรับยิวน่ะ เยรูซาเลมเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์เพราะอะไร เพราะเป็นแผ่นดินแห่งสัญญาของพระเจ้า พวกยิวเนี่ยจะอยู่ด้วยความหวัง ใช่มั้ย ตั้งแต่อยู่ในทะเลทราย พระเจ้ามีแผ่นดินแห่งสัญญาให้ไว้ ก็อยู่ด้วยความหวัง แม้ปัจจุบันนี้เพลงชาติของเขาก็แปลว่า Hope นะฮะ เพลงชาติเขาก็เพลงแห่งความหวัง แล้วชนชาตินี้ก็อยู่ด้วยความหวัง
อ้าว ทีนี้เป็นอันว่าสิ้นยุคของคริสต์ ของคริสต์นี้ก็ต่อจากพระเยซูสิ้นไปแล้วนี่ ก็สืบเนื่องจาก แม้แต่ตัวพระเยซูเองก็ท่านก็ถูกกำจัด ใช่มั้ยฮะ ถูกเขาฆ่า ทีนี้พอลูกศิษย์มาก็เช่นเดียวกัน อาณาจักรโรมันก็เป็นปฏิปักษ์เลย กลัวว่าพวกที่นับถือพระเยซูเนี่ยจะก่อการกำเริบ มีเครื่องรักษาความสามัคคีจะรวมกำลังกันได้ นั้นพวกโรมันก็ต้องกำจัด นี้คนนับถือพระเยซูที่ไหน พวกโรมันก็ไปจับเอามาฆ่า แล้วก็วิธีฆ่าสมัยนั้นมันมีโหดร้าย เช่น เอาไปสู่กับสิงโต สู้กับเสือ ในสนามกีฬาโคลีเซียม อะไรพวกเนี้ย นะฮะ ก็คนคริสต์นี่ก็ถูกฆ่าตายมากมาย นะฮะ
จนกระทั่งเวลาผ่านมาถึง ค.ศ. 300 เศษ ก็มีจักรพรรดิองค์หนึ่งของโรมันชื่อว่าเจ้าคอนสแตนติน นะฮะ ที่เป็นคนแรกที่หันมานับถือคริสตศาสนาซะเอง พอจักรพรรดิโรมันหันมานับถือคริสต์ศาสนาแล้ว มันก็เลยเปลี่ยน ศาสนาคริสต์ก็กลายเป็นศาสนาประจำชาติของโรมันไปเลย หลังจากพระเจ้าคอนสแตนตินนี่สิ้นไปแล้ว คือคอนสแตนตินนี่เป็นคนเริ่ม แต่ว่าไปทำแบ๊บไทซ์ ( baptist ) ตอนจะสิ้นใจอยู่บนเตียงประทับที่สวรรคต แล้วตอนรุ่นลูกหลานก็เอาศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ อาณาจักรโรมัน พอคริสต์เป็นใหญ่ขึ้นมาคราวนี้ก็กำจัดพวกที่ไม่ใช่คริสต์ คือตอน ตอนที่โรมันเป็นใหญ่ยังไม่เป็นคริสต์เนี่ยก็กำจัดฆ่าพวกคริสต์ใช่มั้ย นี้พอคริสต์เป็นใหญ่ก็กำจัดพวกที่เป็นเฮเรติก ( heretic ) พวกที่ไม่นับถือ พวกนอกรีต ก็จับฆ่ากันทีนี้ก็เป็นยุคของเพอซีคิวชั่น ( persecution ) การกำจัดพวกคนที่ไม่ใช่คริสต์เนี่ยเรื่อยมาเลย ยิวเยิวโดยด้วย นะฮะ ยิวที่เคยร่วมกำจัดคริสต์ก็โดนกำจัดด้วย นะ
อันเรื่องก็เป็นมาอย่างงี้ อ้าวทีนี้เวลาผ่านมาผ่านมา จนกระทั่งอีก 300 ปีต่อมา นี้ใต้เมืองเยรูซาเลมลงไปเนี่ย ก็เป็นประเทศปัจจุบันเรียกว่าซาอุดิอาระเบีย ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเนี่ย ตอนใต้ลงเมืองเยรูซาเลมลงไปประมาณ 1,200 กิโลเมตรเศษ 1,200 กิโลเมตรเศษๆเนี่ย มีเมืองใหญ่ เมืองสำคัญ ชื่อเมืองเมกกะ เคยได้ยินชื่อมั้ย นะฮะ อา ที่เมืองเมกกะนี่ก็มีท่านผู้หนึ่งที่ได้เกิดขึ้นคือชื่อ พระมะหะหมัด นะฮะ พระมะหะหมัดนี่ก็มีปัญหาในเผ่าของท่าน นะฮะ ที่ว่ามีเรื่องทางการค้า ปัญหาอะไรบ้าง แล้วก็มีการทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน และต่อมาท่านได้ไปเจอ ได้คำสอน คล้ายๆว่าได้พระผู้เป็นเจ้ามาประทานคำสอนให้ว่าอย่างงั้น แล้วก็มาสอน
ทีนี้ท่านมาสอนในเมืองเมกกะเนี่ยก็ไปขัดกับพวกเก่าที่เขานับถือเทพเจ้ามาก คือถ้าของท่านสอนว่าพระอัลเลาะห์เป็นพระเจ้าองค์เดียว อันนี้ก็เลยพวกนั้นก็เบียดเบียน นะฮะ สู้ไม่ได้ พระมะหะหมัดก็เลยหนีออกไป ก็ไปอยู่ที่เมืองมะดีนะห์ เมืองมะดีนะห์นี่อยู่เหนือเมืองเมกกะขึ้นไป 300 กว่ากิโล นะฮะ ก็หมายความมะดีนะห์อยู่ใต้เยรูซาเลม 900 กว่ากิโล นี้พระมะหะหมัดเนี่ยท่านไปอยู่ที่เมืองมะดีนะห์ แล้วต่อมาก็มีคนมาร่วมกับท่านมาก แล้วพอพร้อม ท่านก็ยกกำลังมาประมาณหมื่นคน นะฮะ เข้าเมืองเมกกะ ชนะ แล้วก็เข้าครองเมืองเมกกะ นะฮะ
นี้ตอนที่ท่านหนีออกจากเมืองเมกกะเนี่ย ก็เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ถือเป็นการเริ่มต้นของศาสนาอิสลาม เรียกว่า ฮิจเราะห์ ก็มาเป็นชื่อศักราชของชาวมุสลิมปัจจุบัน เรียกว่าฮิจเราะห์ศักราช ฮิจเราะห์ศักราชก็เริ่มเมื่อ ค.ศ. 622 ก็ให้จำไว้ว่า คริสต์ศาสนาเกิดหลังพุทธศาสนาเท่าไหร่ 543 ใช่มั้ยฮะ แล้วก็ศาสนาอิสลามเกิดหลังคริสต์เท่าไหร่ 622 ปี นะฮะ เพราะฉะนั้นศาสนาอิสลามจะเกิดหลังพุทธศาสนาเท่าไหร่ 1,100 กว่าปี ใช่มั้ยฮะ แล้วก็จะนับฮิจเราะห์ศักราชของชาวมุสลิมก็เอา 622 มาลบกับคริสตศักราช นะฮะ ก็ลบเอาเอง นะฮะ นี้ก็แปลว่า 622 นี่เป็นปีที่หนีออกไปมะดีนะห์ แล้วต่อมาก็ยกทัพมารบเข้าเมืองมักกะ
พอมักกะแล้ว ก็ต่อแต่นี้ก็ศาสนาอิสลามก็เริ่มแพร่ขยาย นะฮะ ท่านก็ต้องทำสงครามเรื่อย นะฮะ นี้ จนกระทั่งว่า พระมะหะหมัดก็เผยแผ่ศาสนาอยู่จนถึงปี 6 ร้อยเท่าไหร่ 32 ( 632 ) ท่านก็ถึง เออ ทางเขา ทางภาษานั้นก็ต้องเรียกขึ้นสวรรค์ นะฮะ ท่านก็ขึ้นสู่สวรรค์เมื่อปี ค.ศ.632 นะฮะ 632 ต่อจากนั้นก็มีกาหลิบ ที่สืบต่อจากท่าน กาหลิบผู้นี้ก็ขยายอาณาจักรมุสลิม นะฮะ ก็ตามความเชื่อของชาวมุสลิมก็บอกว่า พระมะหะหมัดเนี่ยเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ที่เมืองเยรูซาเลม เพราะฉะนั้น เมืองเยรูซาเลมก็เลยกลายเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามไปด้วย แต่เป็นเมืองอันศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 อันดับ 1 คือ เมกกะ อันดับ 2 มะดีนะห์ อันดับ 3 เยรูซาเลม
แต่ว่าตอนที่พระมะหะหมัดเสด็จสู่สวรรค์นั้นน่ะ เยรูซาเลมยังไม่ได้เป็นของมุสลิม นะฮะ ยังเป็นของอาณาจักรโรมัน นี้ฝ่ายกาหลิบที่สืบต่อพระมะหะหมัดเนี่ย ก็ทำสงครามขยายอาณาเขต พอถึงปี 640 นี่กี่ปีหลังจากพระมะหะหมัดเสด็จสู่สวรรค์ 8 ปี 8 ปีเพราะว่าพระมะหะหมัดสิ้น 632 พอปี 640 นี่กาหลิบที่สืบต่อพระมะหะหมัดเนี่ยก็ได้ตีเมืองเยรูซาเลมได้ ไล่พวกโรมันออกไป นะฮะ มีชัยชนะเหนือพวกโรมันตอนนี้ ต่อแต่นี้ก็เป็นยุคขยายของศาสนาอิสลาม นะฮะ ทีนี้ก็ขยายออกมา ขยายออกมา ทีนี้ ตอนนี้เอาเฉพาะที่เยรูซาเลมก่อน เยรูซาเลมก็เป็นอันว่าตกเป็นของชาวมุสลิม เมื่อปี ค.ศ. 640 นะฮะ อันนี้ ต่อจากนั้นก็อาณาจักรมุสลิมก็เรืองอำนาจ มีการรบกับพวกโรมัน นะฮะ ทำลายอาณาจักรโรมันลงได้ อะไรพวกนั้นนะฮะ แล้วก็ขยายมาทางตะวันออก มาอินเดียอะไรต่ออะไรเนี่ย ซึ่งเราจะได้พูดกันต่อไป
ทีนี้ตอนเฉพาะ กล่าวเฉพาะเยรูซาเลมก่อน เยรูซาเลมนี่ชาวมุสลิมปกครองมา จนกระทั่งอีกประมาณ 400 กว่าปีค.ศ. 1099 ตอนนั้นศาสนาคริสต์เนี่ยเป็นใหญ่ในยุโรป คริสต์นี้ก็คาทอลิกนั่นเอง คริสต์ในที่นี้นะ ตอนนั้น โปรเตสแตนต์ยังไม่เกิด เกิดโปรเตสแตนต์ อีกนานกว่าจะเกิด ทีนี้ทางคริสต์เนี่ยมีโป๊ปเป็นใหญ่ อยู่ที่กรุงวาติกัน โป๊ปนั้นมีอำนาจเหนือกษัตริย์ยุโรปทั้งหมด นะฮะ สามารถลงโทษกษัตริย์ได้ เวลากษัตริย์องค์ไหนจะขึ้นครองนี่เป๊ปจะต้องสวมมงกุฎให้ นะฮะ ถ้าทำอะไรไม่ถูก กลัวว่าโป๊ปลงโทษ บางองค์นี้ถูกโป๊ปลงโทษให้เดินเท้าเปล่าจากประเทศตัวเองมาหาโป๊ปที่วาติกัน นี่ลงโทษกษัตริย์ขนาดนั้น แล้วมาถึงแล้วบอกว่าให้ยืนตากหิมะอยู่ทั้งคืน นะฮะ ไม่ยอมให้เข้าเฝ้า นะฮะ ทั้งๆที่ฤดูหนาว อย่างเงี้ยน่ะ มีอำนาจมากขนาดนั้น
นี้ ถึงสมัยของโป๊ปองค์หนึ่ง ค.ศ.1099 โป๊ปท่านนี้ก็ชวนกษัตริย์ยุโรปทั้งหลายบอกว่าเนี่ย Holy Land แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของเรา คือ เยรูซาเลม บัดเนี้ยตกอยู่ใต้อำนาจปกครองของชาวมุสลิม พวกเราต้องไปเอาคืนมา นะฮะ ก็เลยกษัตริย์ต่างๆในยุโรปก็เอาทหารจัดมาจั ดมารวมกันเป็นกองทัพใหญ่ ยกพลไปตีกรุงเยรูซาเลม นะฮะ เริ่มสงครามที่เรียกว่าครูเสด นะฮะ เมื่อ ค.ศ. 1099 แล้วก็ครั้งแรกนี่ไปก็ในที่สุดตีได้ ตีได้เยรูซาเลม แล้วทางคริสต์นี่ปกครองอยู่เกือบร้อยปีแน่ะ นะฮะ ได้นานเหมือนกัน ได้ถึงในราวซัก 1187 ได้ นะฮะ พวกมุสลิมก็ตีกลับได้นะ ก็กลับเป็นของมุสลิม
ต่อจากนั้นก็รบกันเรื่อย สงครามครูเสดนี่มีทั้งหมดในราว 8 ครั้ง รวมทั้งหมดประมาณ 200 ปี รบกันนะฮะประมาณ 200 ปี อันนี้ในที่สุดก็ ก็กลับเป็นของมุสลิมตามเดิม ชาวมุสลิมก็ปกครองต่อมาอีกนาน เปลี่ยนจากยุคอาหรับมุสลิมเป็นยุคเติร์กมุสลิม อาณาจักรเติร์ก อาณาจักรออตโตมัน เติร์กนี่รุ่งเรืองขึ้นมามาก ก็ชาวมุสลิมก็ยังยิ่งใหญ่ปกครองถิ่นนี้ต่อ นะฮะ
จนกระทั่งต่อมา เออ สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 1 นี่ อังกฤษก็มาเข้าครองดินแดนเยรูซาเลมได้ นะฮะ นี่ นี่ เอาล่ะ ตอนนี้ฝรั่งเข้ามาแล้ว สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษเข้ามาปกครองเยรูซาเลม อังกฤษก็เห็นชาวยิวอยู่ ซึ่งตอนนั้นส่วนมากเป็นมุสลิมแล้ว ชาวยิวเหลืออยู่บ้าง เห็นว่าซัก 10 เปอร์เซ็นต์ นี้ พวกอังกฤษนี่เขาเป็นนักปราชญ์ด้วยใช่มั้ย นักวิชาการ เขาก็ศึกษา เขาบอกว่าน่าจะมีดินแดนของอิสราเอลได้แถวนี้ เพราะมันมีประวัติศาสตร์อยู่หรือทำนองนี้ เขาก็เข้าข้าง นะฮะ พวกอังกฤษก็เปิดโอกาสให้พวกยิวที่อยู่นอกประเทศอพยพเข้ามา ยิวก็เข้ามาเยอะเลย
นี้จนกระทั่งต่อมานี่ อังกฤษปกครองอยู่จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้น อังกฤษก็ยังปกครอง ทีนี้ อังกฤษก็หนักใจ มีปัญหาเรื่องความแตกแยก ก็เลยปกครองลำบาก ในที่สุดอังกฤษก็ ตอนนั้นเกิดสหประชาชาติขึ้นแล้วเมื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อังกฤษก็เลยยกปัญหานี้ให้สหประชาชาติไป ปี 1947 สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วสหประชาชาติได้ตัดสินว่าให้มีมติว่าให้จัดสรรดินแดนปาเลสไตน์เนี่ย ตั้งเป็น 2 ประเทศให้เป็นดินแดนของยิวส่วนหนึ่ง ของอาหรับส่วนหนึ่ง นะฮะ แต่ว่าพวกยิวไม่ยอมรับ เพราะอังกฤษนี่พอสหประชาชาติประกาศได้ครึ่งปี แกก็ออกเลยนะฮะ ทิ้งเลย กลับประเทศ
พออังกฤษกลับประเทศ พวกยิวเนี่ยรวมตัวกันแล้วประกาศตั้งรัฐอิสราเอล เมื่อปี 1948 พอพวกยิวประกาศตั้งรัฐอิสราเอลปั๊บ พวกอาหรับทั้งหลายไม่พอใจ ประเทศอาหรับทั้งหลายก็รวมกัน มีพวกอียิปต์ อะไร ซีเรีย จอร์แดน อิรัก ก็รู้จะประมาณ 4 ประเทศ หรือ 5 ประเทศ อาจจะ 4 ประเทศเนี่ย ก็รวมกำลังกันยกทัพบุกจะกำจัดอิสราเอล รัฐใหม่นี้ นะฮะ ซึ่งพึ่งจะตั้งใหม่ๆเนี่ย พอยกทัพเข้ามาตี นะ เขาก็โดนพวกเนี้ย หนึ่ง ไม่ยอมรับมติสหประชาชาติ แบ่งเป็นของ 2 ประเทศ ฝ่ายยิวและอิส กับอาหรับ เขาไม่ยอม เขาก็คือ เขาต้องการให้ต้องเป็นอย่างเดียว นะฮะ แล้วก็ ต้องการทำลายรัฐใหม่ของอิสราเอลด้วย ก็ยกทัพมาตี แต่ปรากฏว่ารบกันไปกันมาพวกอิสราเอลชนะ กลายเป็นโอกาส พอชนะปั๊บนี่มันได้ดินแดนเพิ่มเลย อิสราเอลก็ได้ดินแดนเพิ่มออกไป ทีนี้ก็เลยต้องรบกันเรื่อยมาหลังจากนั้น
จนกระทั่งเกิดพวก PLO ขึ้น ก็เป็น Palestine Liberation Organization ใช่มั้ย PLO องค์การปลอดปล่อยปาเลสไตน์ขึ้นเมื่อปี 1964 นะฮะ นี่ก็คือความพยายามที่จะเอาดินแดนปาเลสไตน์มาตั้งประเทศปาเลสไตน์ให้ได้ อันนี้ก็เป็นสงครามยืดเยื้อ เวลารบกันทีมักจะสู้อิสราเอลไม่ได้ ใช่มั้ยฮะ อย่างคราวหนึ่งเมื่อหลายปีแล้วตอนนั้น อียิปต์ยิ่งใหญ่มาก นัสเซอร์ ก็ประมาณซักแถวๆปี 2503 อะไรแถวนั้นผมจำไม่แม่นแล้ว อียิปต์ก็คิดว่าคราวนี้จะต้องกวาดอิสราเอลลงทะเลซะที นะฮะ ก็ตอนนั้นนัสเซอร์มีอำนาจมาก แล้วประชาชน เชื่อถือมากนะฮะ ก็เลย พร้อมแล้วก็เริ่มสงคราม
พอวันเริ่มสงครามปั๊บ ยิวมาบอมบ์สนามบิน อียิปต์หมด ขึ้น ขึ้นเครื่องบินไม่ เอ้ย เครื่องบินขึ้นไม่ได้เลย นะฮะ กลายเป็นว่ายิวไวกว่า นะฮะ ก็เลยรบกัน 6 วันนี่ นัสเซอร์ อียิปต์ก็ยอมแพ้ นะฮะ เขาเรียกสงคราม 6 วัน ตอนนั้น อียิปต์มีพลเมืองประมาณซัก 40 กว่าล้าน ยิวก็มีพลเมืองซัก 4 ล้าน นะฮะ ก็เนี่ย รบทีไรก็มักจะยิวเนี่ยได้แผ่นดินเพิ่ม แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ก็อยู่ที่เนี่ย ปาเลสไตน์ที่เป็นมุสลิม แล้วก็เป็นอาหรับก็ไม่มีประเทศของตัวเองก็ต้องการตั้งประเทศ แต่ว่าพวกยิวก็ไม่ยอม นะฮะ แล้วฝ่ายอาหรับประเทศอื่นก็หนุนเข้าปาเลสไตน์ นี้ก็ทางพวกชาวอาหรับมุสลิมก็ถือว่าพวกฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกาเนี่ยมาเข้าข้างหนุน ยิวก็โกรธพวกฝรั่ง
นี้เราก็ ใครจะเป็นไงก็แล้วแต่ แต่เราต้องรู้ความจริง เขาเป็นยังไง เราจะเห็น เราจะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องรู้ นะฮะ เรื่องมันก็เป็นอย่างเงี้ย นะฮะ ของยิวก็บอกว่าเยรูซาเลมนี่เป็นแผ่นดินแห่งสัญญา พระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาให้ ใช่มั้ย ของคริสต์น่ะเป็นแดนของพระเยซูเขาอยู่ที่นั่น นะฮะ ส่วนของมุสลิมก็คือว่าพระมะหะหมัดเสด็จสู่สวรรค์ที่นั่น ทีนี้ ประวัติศาสตร์ก็เป็นมาอย่างเงี้ย ก็เลยกลายเป็นเรื่องของการแย่งชิงกัน ก็เป็นปัญหาสำหรับโลกด้วย เพราะเวลานี้โลกมันถึงกันหมด เวลารบกันแล้วมันก็เดือดร้อนไปทั่ว ปัญหาร่วมกันก็คือว่าแล้วจะทำยังไงให้เกิดสันติภาพความสงบสุข โลกทำไงจึงจะให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้โดยไม่เบียดเบียนกัน ใช่มั้ย อ้า ก็ฝากไว้ให้ท่านคิด แต่ตอนนี้ก็คือให้รู้เรื่องก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกันอีกเรื่องว่า อัฟกานิสถานเนี่ย มันไปไงมาไง นะฮะ
จะพูดไว้นิดนึงก็คืออัฟกานิสถานเนี่ยเป็นทางผ่าน เชื่อมระหว่างตะวันออกกับตะวันตก จะมาจากจีนไปยุโรปต้องผ่านทางนั้นในสมัยโบราณ หรือจะออกจากอินเดียไปทางยุโรปก็ต้องไปที่นี่ ยุโรป โรมัน กรีก จะมาทางอินเดียจะไปจีนเนี่ยก็ต้องผ่านดินแดนแถบนี้ นับเป็นเส้นทางสงครามและเส้นทางค้าขายด้วย นะฮะ มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ และก็เลยเป็นถิ่นที่หมายมั่นในการที่จะเข้าครอบครอง นะฮะ
เพราะว่าวันนี้ก็เลยพูดโยงไปถึงต้นกำเนิดความเป็นมาให้เห็นว่าเรื่องราวของโลกของเราเนี่ย มันมีไอ้เรื่องปัญหาสืบเนื่องมาแต่เก่า มันไม่ใช่เพิ่งเกิดเดี๋ยวนี้ อย่างเรื่องของอาหรับกับยิวน่ะ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเก่าเป็นพันปี ตั้งแต่เราไม่เรียกว่าอาหรับเรียกว่าอะไรต่ออะไร ก็คือดินแดนแถบเนี้ยที่ต้องมีปัญหารบราฆ่าฟันกัน นะฮะ มีอะไรมั้ยฮะ นิมนต์ฮะ
เรียนถามท่านฮะ เออ ศรีลังกานี่เป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีปหรือไม่ อันที่ 1 ข้อที่ 1
ไม่ ไม่เป็น นะ ไม่เป็น เขาเรียกว่า ตามพปัณณิทวีป เป็นเกาะ
ข้อที่ 2 ศรีลังกานี่เป็นประเทศ ทำไมถึง เอ่อ มีความ ประชาชนนะฮะ ประชาชนมีความแข็งแรง มีความมุ่งมั่นในพระพุทธศาสนา
เขาค่อนข้างมั่นคง เขาอาจจะภูมิใจได้ว่าเขาเป็นดินแดนที่เป็นศูนย์กลางต่อจากประเทศอินเดียหรือชมพูทวีป ใช่มั้ยฮะ พุทธศาสนาออกจากชมพูทวีปก็มาประดิษฐานที่นั่น แล้วจากนั้นก็ขยายไปสู่ดินแดนต่างๆ รวมทั้งไทยเราด้วย ที่จริงไทยเรานี่ก็มีประวัติมาแต่สมัยพระเจ้าอโศกที่ตรงมาจากอินเดียก็มี แต่ว่าเริ่มจางลงจนกระทั่งมาได้รับจากอิน จากลังกาอีกครั้ง ทีนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ลังกานี่ก็เกี่ยวกับเรื่องของวิธีสืบพระพุทธศาสนาด้วย การศึกษาของเขานี่ค่อนข้างจะเน้นมากกว่าของเรา ของเรานี้ก็เคยเน้นเป็นบางสมัย แต่มายุคหลังนี่การศึกษาพุทธศาสนาเสื่อมมาก เหลือแต่รูปแบบ เหลือแต่รูปประเพณี ธรรมเนียม พิธีกรรม อะไรต่ออะไรไป
และอีกอย่างนึงก็คืออาจจะเกี่ยวกับเรื่องของตะวันตกด้วย คือ ลังกาเนี่ยเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ประเทศใดที่ถูกฝรั่งปกครองแล้วเนี่ย พวกประเทศพวกนั้นเนี่ยมักจะมีปฏิกิริยาต่อต้านตะวันตก ไม่เหมือนประเทศไทยที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นแล้วชื่นชมฝรั่งมาก นะฮะ ใช่มั้ย นะ ประเทศไทยเนี่ยคนชื่นชมเหลือเกิน นะฮะ แต่ว่าอย่างลังกานี่เขาไม่ชื่นชม เขาเคยถูกกดขี่ข่มเหงมา เขาจะมีฝังใจมาก นะฮะ เพราะฉะนั้น เขาจะไม่ได้นิยมของฝรั่งอย่างประเทศไทย เช่น โรงเรียนคริสต์ อะไรอย่างเงี้ย นะฮะ หรือโรงเรียนฝรั่ง หรืออะไรแบบเนี้ยนะ ซึ่งประเทศไทยเราจะชื่นชมนิยม ใช่มั้ยฮะ แต่ประเทศอย่างงั้นเขาเคยมีบาดแผลเก่า นั้นอันนี้ก็อันหนึ่ง เวลามีไอ้การถูกกดขี่เนี่ยจะทำให้เกิดกำลังในการต่อต้าน ก็หันไปยึดถือในรากเหง้าของตัวเอง ใช่มั้ย พื้นฐาน วัฒนธรรม ศาสนา อะไร ก็เลย อาจจะเป็นเหตุหนึ่งด้วยก็ประกอบกัน อาจจะหลายปัจจัย ทีนี้ก็ อ้าว นิมนต์
คือ เคยได้ยิน เคยได้ยินมาบ้างนะครับเรื่องว่าที่ประเทศศรีลังกานี่จะมีการ คือจะมีการตกลงกับประเทศอังกฤษว่าจะไม่นับถือศาสนาคริสต์ ถ้าโต้วาทีชนะ อันนี้ไม่ทราบว่าท่านเจ้าคุณทราบมั้ยครับ
อ๋อมี เขายังมีหนังสือตำราว่า อาจจะไม่ได้ถึงกับตกลงกันอย่างงั้นหรอก คือ แต่ว่ามีพระโต้วาทีกับทางบาทหลวง แล้วก็พระชนะ พระพุทธ เอ้อ พระของพุทธศาสนา ยังมีหนังสือเลยที่บันทึกคำโต้วาที อยู่ที่ภูเขา นะฮะ นิมนต์
เออ ท่านบอกว่าเยรูซาเลมนี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของ 3 ศาสนาด้วยใช่มั้ยครับ
ใช่
แล้วทำไมช่วงหลังคริสต์ถึงไม่มีเกี่ยวข้องในการสงครามด้วย คริสต์ยอมรับในจุดนึงว่า เมืองนั้นไม่ใช่ของคริสต์
ไม่ใช่ไม่ยอมรับ เขายอมรับ เขาถือสำคัญอยู่ แต่ว่าของคริสต์เองคือยุโรปเนี่ยมีปัญหาเองเยอะเลย จากประวัติศาสตร์ที่คนเนี่ยละทิ้งถอยออกจากศาสนาคริสต์ นะฮะ แล้วศาสนาคริสต์ก็รบกันเองระหว่างคาทอลิกโปรเตสแตนต์กันยืดเยื้อยาวนานเป็นสงครามในประเทศ สงครามระหว่างประเทศ กลุ่มคาทอลิก กลุ่มกา โปรเตสแตนต์นะ ยกตีกัน รบกัน 30 ปีก็มี นะเขาเรียกว่า thirty-years war น่ะ ระหว่างฝ่ายโปรเตสแตนต์กับคาทอลิก แล้วไม่ใช่ประเทศเดียวนะ เป็นกลุ่มประเทศ กลุ่มประเทศโปรเตสแตนต์ คาทอลิก
และก็ที่หนีการฆ่าการกำจัดเนี่ย ไปอเมริกานี่ใช่มั้ย ไปแสวงหาฟรีดอม ทำให้อเมริกาเนี่ยมีทัศนคติต่อศาสนาไปอีกแบบหนึ่งเลย เพราะได้บทเรียนจากการถูกกำจัดมาจากยุโรป นะฮะ ฉะนั้นคริสต์เขาก็มีปัญหาของเขา แล้วตอนหลังเขากลายเป็นว่า แทนที่จะยึดมั่นในศาสนาแล้วก็มีไอ้ศรัทธารุนแรง ฆ่า กำจัด ต่างพวกหรือว่าต่างนิกาย อะไร เขาเปลี่ยนเป็นฟรีไปตอนหลังๆเนี่ย เพราะฉะนั้นไอ้จิตใจเขามันเลยเปิดมากขึ้น นะฮะ อันนี้ ส่วนยิวนั้น แน่นอน เพราะว่ามันเกี่ยวกับแผ่นดินที่อยู่อะไรต่ออะไรด้วย นะฮะ แล้วคนยิวนี้ก็มีความยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น นะฮะ รวมทั้งเชื้อชาติ ทั้งศาสนาเลยของยิว
แต่ของคริสต์นี่ก็เชื้อชาติอะไรก็ไม่เกี่ยว พอไปในยุโรปก็ไปเป็นคนละชาติละชาติ แล้วในแง่ศาสนาก็กลายเป็นว่าเขาเปลี่ยนแนวไป เพราะว่าตั้งแต่ยุคที่เขาเรียก เรเนอร์ซองส์ ที่เขาฟื้นคืนชีพของศิลปะวัฒนธรรมของกรีก-โรมันโบราณ แล้วคนก็เหินห่างออกจากศาสนาคริสต์ แต่ว่าก็หลังจากนั้นก็ยังเป็นยุคที่ยังเหนียวแน่นอยู่ในแง่หนึ่งก็ยังกำจัดกันยังสู้กันเนี่ย หลังเรเนอร์ซองส์ก็เป็นยุครีฟอเมชั่น ( Religious Reformation ) ที่คริสต์ศาสนามีการปฏิรูปเกิดโปรเตสแตนต์ขึ้น นี่ก็หลังเรเนอร์ซองส์แล้ว
แล้วก็พอเกิดโปรเตสแตนต์ คาทอลิกก็ยอมไม่ได้ ก็จึงรบกันใหญ่ นะฮะ พอรบกันไปกันมา ก็กำจัดกันนี่แหละก็เป็นเหตุให้คนฝรั่งเนี่ยเบื่อ นะฮะ คล้ายๆรู้สึกว่าศาสนามีแต่เรื่องอย่างเงี้ย นะฮะ รบราฆ่าฟันอะไรต่างๆ นะฮะ แล้วก็หาผลประโยชน์ อย่างเรื่องที่เกิดโปรเตสแตนต์เพราะอะไร ก็เพราะว่าโป๊ปเนี่ยขายบัตรซื้อสวรรค์ คือ ท่านจะสร้างวิหาร มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และทีนี้ก็เลยมีบัตรนี้ขึ้นมา แล้วก็พวกบาทหลวงในถิ่นต่างๆก็เหมือนกับขายนั่นแหละ หมายความว่า เรียกว่าซื้อบุญหรือซื้อสวรรค์ก็แล้วแต่ นี้ก็พวกกษัตริย์ต่างๆนี้ก็ต้อง ตอนนั้นก็ยังอยู่ในอำนาจ นะฮะ ก็ต้องพลอยช่วยขายบัตรอะไรต่ออะไรนี้ด้วย เขาเรียกอะไรผมจำไม่แม่นแล้ว เลยจำเป็นภาษาไทยไปก็เลยลืมภาษาอังกฤษ ( Redemption – บัตรไถ่บาป ) นะฮะ
ทีนี้ มาร์ติน ลูเทอร์เนี่ยไม่พอใจว่าการกระทำอย่างงี้ไม่ถูกต้อง แล้วพอดี พวกเจ้าของเยอรมันนั้นก็นึกอยู่แล้ว แหมเรานี่ทำไมจะต้องอยู่ใต้อำนาจโป๊ป นะฮะ ในแง่การเมือง นะ แล้วก็ต้องหาเงินส่งทั้งๆที่อยู่กันแสนไกล แล้วไม่ได้อะไรเลย หาเงินส่งไป ต้องเชื่อฟังคำสั่ง พอได้มาร์ติน ลูเทอร์ไม่ยอมรับคำสั่งโป๊ปก็ได้ที่อ้างอิงเลย เพราะฉะนั้นเจ้าชายเยอรมันก็เลยมาหนุนมาร์ติน ลูเทอร์ ไม่งั้น มาร์ติน ลูเทอร์มีหวังตาย เพราะว่าโป๊ปมีอำนาจมาก ใช่มั้ยฮะ ก็ต้องกำจัดมาร์ติน ลูเทอร์ แล้วมาร์ติน ลูเทอร์ไปติดประท้วงโปรเตส ( protest ) ขึ้น ไปติดที่ประตูโบสถ์ ประตู church ก็เลยเรียกชื่อนิกายนี้ตามที่ท่านผู้นี้ได้ไปติดป้ายประท้วง โปรเตส นี่เป็นโปรเตสแตนต์ เป็นผู้โปรเตส เป็นผู้ที่ต้าน หรือค้าน ประท้วง นั่นเอง ก็คือผู้ประท้วงต่อคาทอลิก ก็เริ่มขึ้นมาก็ตั้งแต่นั้นมาก็รบกันเรื่อยเลย พอเจ้าชายนี่เข้ามาหนุนมาร์ติน ลูเทอร์ใช่มั้ยฮะ ก็ตั้งรบกับฝ่ายคาทอลิก ก็รบกันมา ยืดเยื้อเรื้อรัง ฆ่ากัน
ทีนี้พอในประเทศนึงมีการนับถืออีกนิกายนึงก็กำจัดคนที่ไปนับถือนิกาย อย่างอังกฤษเงี้ย อังกฤษก็เป็นประเทศก็เดิมก็ต้องขึ้นต่อคาทอลิก นะฮะ ทีนี้ต่อมากษัตริย์อังกฤษองค์หนึ่งนี่ เอ็ดเวิร์ดที่ 8 หรืออะไรเนี่ย ( ตามประวัติศาสตร์ คือ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ) นะฮะ ก็จะไปแต่งงานกับแม่ม่าย นะฮะ ก็ขัดกับหลักศาสนาคริสต์ ใช่มั้ย โป๊ปก็ยอมรับไม่ได้ ก็เลยตั้งตัวประกาศนิกายใหม่เลย ได้โอกาสตอนที่ว่า ตอนนี้มันมีการต่อต้านทางคาทอลิกขึ้นมาแล้ว ก็เลยตั้งตัวเป็น เป็นผู้นำ หัวหน้า เขาเรียกตำแหน่งอะไรนะของนิกายของอังกฤษชื่อว่านิกายอังกลิคาน ( แองกลิคัน - Anglicanism ) นะฮะ เพราะเจ้าแผ่นดินอังกฤษเนี่ยเลยเป็นผู้นำของนิกายนี้ แล้วพอพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดนี่มาตั้งตัวเป็นผู้นำนิกายอังกลิคาน แล้วก็กำจัดพวกคาทอลิก นะฮะ
นี้ต่อมาลูกสาวของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดนี่ ( ตามประวัติศาสตร์ คือ สมเด็จพระนางเจ้าแมรีที่ 1 พระธิดาของพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ) คนหนึ่งขึ้นครองเป็นคาทอลิกก็กำจัดโปรเตสแตนท์ นะฮะ ก็ใครโปรเตสแตนท์ก็กำจัดคาทอลิก นี้พวกที่เป็นราษฎรเดือดร้อนก็หนีภัยนะ เช่นพวกหนึ่งก็หนีภัยไปที่เนเธอแลนด์ จากเนเธอแลนด์ก็เดินทางต่อไปอเมริกา นะฮะ ไปขึ้นฝั่งที่นิวอิงแลนด์ นะฮะ แล้วก็เป็น เขาเรียกว่าเป็นพวกไพโอเนียร์ ( pioneer ) นะฮะ เป็นพวกผู้นำ ผู้บุกเบิกอะไรเนี่ย นะฮะ ผู้อะไร ภาษาไทยเรียกว่าอะไร pioneer นำทาง เอ๊ หรือผู้ริเริ่ม อะไรทำนองเนี้ย นะฮะ อันนี้ก็เป็นเรื่องของยุโรปที่เราควรจะรู้ คือ เราสัมพันธ์กับใครเราก็ต้องรู้จักเขา นะฮะ
และอย่างสงครามที่เกิดขึ้นเนี่ยต้องควรจะรู้ให้หมด ไม่งั้นเราจะพูดไม่ชัด แล้วเที่ยวให้ความเห็นไปแบบล่องลอย นะฮะ ไม่มีพื้นฐาน นะฮะ ความคิดที่มันเป็นคล้ายๆ ความ ตามชอบใจไม่ชอบใจ ตามชอบใจไม่ชอบใจเนี่ย มันไม่ค่อยได้เหตุผล แล้วก็ไม่ค่อยจะได้สาระ อันนั้นก็จึงบอกว่า แสดงความเห็นก็ควรมาจากการคิดอย่างมีเหตุผล การคิดอย่างมีเหตุผลต้องตั้งอยู่บนฐานของการหาความรู้ให้ชัดเจนที่สุด นะฮะ ก็วันนี้ก็พอสมควรแล้วนะฮะ ให้ได้ความรู้ทางด้านโน้น แล้วก็มาดูทางชมพูทวีปอีกทีหนี่ง แต่หลังจากวันนี้อาจจะเว้นไปบ้างนะ นะฮะ แล้วค่อยนัดกันใหม่
รบกวนท่านมาก
ก็ไม่เป็นไร ก็ได้คุย อย่างน้อยก็อยากให้รู้ทันสถานการณ์ คือว่าถึงคนไทยเราทั้งหมดเนี่ย มักจะ ขออภัยนะ วิจารณ์อะไรกันโดยไม่ค่อยรู้ จริงหรือเปล่า
จริงครับ
จริง นะฮะ แล้วไม่หาความรู้นะ อ้าวไม่รู้ไม่ว่า แต่ก่อนวิจารณ์ของให้หาความรู้หน่อย นะฮะ การหาความรู้นี่เป็นเรื่องสำคัญ
ขอให้ได้แสดงออกแล้วผิดถูกไม่สำคัญ
อา นั่น ทีนี้ฝรั่งนี่เขาเจริญมาเพราะว่าเป็นนักหาความรู้ ไม่ใช่ว่าฝรั่งเป็นนักแสดงความเห็น นะฮะ นักการศึกษาเราจะไปจับที่ฝรั่งแสดงความคิดเห็นอะไรเก่งเลย ไม่ใช่ มันต้องหาความรู้ ฝรั่งมันนักหาความรู้ เออ ใช่มั้ยฮะ เนี่ยแล้วจากการหาความรู้ก็มาสู่การคิด ถ้าหากว่าเรามีความรู้ดีเนี่ย ได้ความจริงเนี่ย การคิดมันจะได้ประโยชน์ งอกงามมาก เกิดความคิดสร้างสรรอย่างดีเลย นะฮะ เพราะฉะนั้นจึงต้องคิดบนฐานของความรู้ แล้วพอได้การคิดที่ดีมีเหตุมีผลก็แสดงเป็นความเห็นออกมา นะฮะ มันก็ได้เรื่องได้ราวเป็นกระบวนการ ก็เอาละครับวันนี้ ถ้าไม่มีอะไรสงสัยก็คุยกันเท่านี้ก่อน เอาละ อนุโมทนา