แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกัน เราออกจากบ้านจากเรือนมาอยู่วัดวาอาราม ออกบวชไม่เกี่ยวข้องด้วยบ้านด้วยเรือนแล้ว อาศัยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตให้อุดมสมบูรณ์ มีสติ มีสัมปชัญญะ มีความเพียร มีความอดทน มีศรัทธา เพิ่มเติมให้กับตัวเอง ก้าวไปเรื่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่าถอยหลัง เอาพระรัตนตรัยเป็นธงชัย สร้างศรัทธาต่อพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นธงชัย เป็นเบื้องหน้าเรา แล้วก็มีวัตรปฏิบัติ มีระเบียบมีวินัยช่วย ทำอะไร ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต อยู่ในกรอบ อยู่ในรูปแบบของธรรมวินัย แม้เรายังเป็นผู้ปฏิบัติก็เป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องแล้ว หลาย ๆ อย่างที่ช่วยเรา ธรรมวินัย ระเบียบต่าง ๆ วัตรต่าง ๆ มีศีล มีสมาธิ มีปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ตรงไหนที่มันจะไม่มีศีล เรามีศีลลงไป ตรงไหนที่มันจะเกิดความล้มเหลวง่อนแง่นคลอนแคลนเรามีสมาธิลงไป ตรงไหนที่มันเป็นเขโก สับสนวุ่นวายมีปัญญาลงไป
ขณะที่มีสติ มันก็มีความหลง มีสติลงไป ให้มันตรงกันข้าม ปฏิบัติ ไม่ใช่ทะนุถนอม เอาไปใช้เลย การปฏิบัติไม่ใช่ถนอม ไม่ใช่ย่อง ๆ มันเป็นการลุย ๆ สักหน่อย ตรงไหนที่มันจะฟู ๆ แฟบ ๆ นิ่งลงไปจิตใจ ตรงไหนที่มันจะทะเยอทะยานลงไป เอาระเบียบต่าง ๆ เข้าไปประดับตกแต่ง เหมือนกับมีรถมีรา ใช้รถใช้รา ใช้ในเวลามันจะผิด รถถ้ามันดีมันมีคุณภาพ ตรงไหนที่มันมีหลุมมีบ่อ มันจะพยายามใช้โช้ค ใช้อัพ ใช้แหนบ ใช้การขับหยอดหลุม คนขับรถก็ต้องรู้จักหยอดหลุม รู้จักเปลี่ยนเกียร์ ขึ้นเขาลงเขา ไม่ใช่ว่าจะไปแบบเดียว คนขับรถ คนปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับคนขับรถ ศีล สมาธิ ปัญญา มันมีให้เราใช้ เราใช้ศีล ใช้สมาธิ ใช้ปัญญา ใช้ความเข้มแข็ง ใช้ความเพียร ใช้สติ ใช้ความอดทนไปพร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่าง
ปฏิบัติธรรมไม่ใช่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มีหลายอย่างที่สนับสนุนเป็นกองเชียร์ ทำให้เราผ่านพ้นไปหลายอย่าง ทำให้หลุดให้พ้น ทำให้มี ทำให้ไม่หมดไป ความหลงมันเกิดขึ้นทำให้ความหลงหมดไป เรียกว่าปฏิบัติ ความทุกข์มันเกิดขึ้นทำให้ความทุกข์มันหมดไป จึงเรียกว่านักปฏิบัติ อะไรต่าง ๆ ที่มันจะเกิดขึ้น มันเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องปฏิบัติ มันเป็นงานเป็นการ มันมีงานมีการให้เราทำ
เราได้ทำเรื่องที่มันผิดให้มันถูก นั่นแหละ เรียกว่าผู้ปฏิบัติธรรม เราได้ทำเรื่องที่มันจะหลง ทำให้ไม่หลง นั่นแหละผู้ปฏิบัติธรรม เราได้ทำสิ่งที่มันทุกข์ ทำให้ไม่ทุกข์ นั่นแหละเรียกว่าผู้ปฏิบัติธรรม ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็มีสติเรื่อย ๆ ไป ปลูกเรื่อย ๆ ไป ปลูกเรื่อย ๆ ไป เหมือนกับเราสร้างอะไร สร้างป่าปลูกป่า ตรงไหนที่มันรกร้างว่างเปล่าเราก็ปลูกลงไป การปลูกป่าเป็นการพูดแบบง่าย ๆ แต่ว่ามันมีอยู่ตรงนั้นหลายอย่าง ปลูกแล้วก็รักษา แล้วก็ดูแล จัดสรรกับตัวเอง ลำดับ มันจึงจะเกิดป่า เหมือนหลวงพ่อปล่อยให้ต้นไม้มันตายไปต้นหนึ่งนะ แสดงว่าไม่เป็นนักปลูกป่า เวลาปลูกลงไปแล้วก็ถ้ามันแห้งแล้งมันเหี่ยว ต้นไม้บางต้นมันก็อ่อนแอ ต้องช่วย ต้องให้น้ำมัน ต้องดูแลมัน ต้นไม้บางต้นมันก็ไม่อ่อนแอ พอปลูกขึ้นก็ขึ้นเลย ก็มันจึงจะเป็นการปลูกป่า มันจึงจะเป็นป่าขึ้นมา ก็ลำดับตามการตามเวลา เช่น ปีนี้เราขุดสระโล่งวึ๊บ!เลย อันนี้เราก็จัดการกับตรงไหนที่มันโล่งให้มันมีต้นไม้เกิดขึ้น กำลังจะเสร็จแล้ว กำลังจะเสร็จแล้ว เหลืออีกไม่กี่ต้น
การปลูกสติก็เหมือนกัน ตรงไหนที่มันอ่อนแอ มันชอบหลง ใส่มันลงไป ใส่ความรู้สึกตัวลงไป
ตรงไหนที่มันพร้อมจะโกรธจะทุกข์ ก็ใส่ความรู้สึกตัวเข้าไป ให้มันเต็มพื้นที่ในชีวิตจิตใจของเรา จนเรียกว่ามีสติเป็นหน้ารอบ นั่นแหละ มันมีอยู่หรอก มันไม่ใช่ฟรี ไม่ใช่รอคอย นักปฏิบัติไม่ใช่นักรอคอย ชะเง้อชะง้า ไม่ใช่ มันมีงานมีการ มีการใช้ชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ในเวลาหลับมันยังปฏิบัติธรรมนะ ถ้าเราฝึกจนเป็นจริตนิสัย หัดให้มันเป็นนิสัยสักหน่อย การปฏิบัติธรรมไม่ใช่รอชั่วโมงนั้นชั่วโมงนี้ นิสัยเรา นิสัยที่จะรู้ไปเรื่อย ๆ ถ้าจะไปแบบเต่าก็ดี ค่อยๆ ไป ไปเรื่อย ๆ แต่มั่นคง ไม่เหมือนปฏิบัติธรรมเหมือนกระต่าย พอถึงเวลาวิ่ง วิ่งเอา ๆ พอถึงเวลาขี้เกียจก็หยุดเอานอนเอา หลงเอา ๆ หลงเอา หลงเอามันก็ไม่มีค่า มันก็หมดได้ มันเสื่อมได้ ถ้าไปแบบเต่า คลานไปเรื่อย ๆ ไป รู้ไปเรื่อย ๆ ไป แต่ว่าหนักแน่นดี อาจจะไม่โหม อาจจะไม่เดินจนเหงื่อไหลไคลย้อย อาจจะไม่นั่งจนหลังขดหลังงอ เพิ่มกับการใช้ชีวิต ไปกับการมีชีวิต เพิ่มกับการใช้ชีวิต ไปกับงานกับการลำดับ ลำนำ
มีสติมีงานมีการตื่นขึ้นมาเอาอะไร มีสติรอบรู้ ถ้าจะดื่มน้ำห้าแก้ว ตื่นขึ้นมาก็ดื่มน้ำห้าแก้ว เข้าห้องน้ำห้องท่า เก็บสิ่งเก็บของเก็บกุญแจหน้าต่างปิดประตูหน้าต่างไปให้มันถูกต้อง อย่าพะวักพะวง ตรงไหนที่มันพะวักพะวง เสริมให้เกิดความรู้แม่นยำชัดเจน อันนี้ปฏิบัติธรรมหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กันนะ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ไปพร้อม ๆ กัน การนุ่งห่มผ้าก็ไปพร้อม ๆ กัน การถือบาตรการอุ้มบาตรก็ไปพร้อม ๆ กัน ก็ให้มันงดงามไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่แบบฝืนแบบเสแสร้งแกล้งทำ ภายในมันเป็นแล้วมันจึงเป็นภายนอก การปฏิบัติธรรมมันไปหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันไป ความหลุดพ้นก็พร้อมกันไปนั่นแหละ ตรงไหนที่มันขวางกั้นก็เพื่อให้เกิดการหลุดพ้น ตรงไหนที่มันล้มเหลวทำให้เกิดความเข้มแข็ง อยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องกายเรื่องจิตเนี่ย มันเป็นอย่างนั้น อย่าไปเอาเรื่องอื่นมาเป็นเกณฑ์
ความหลงนี่มันจะมีเรื่องอื่นก็นิ่งเข้าไว้ เช่น เวลาเราทำสมาธิ เสียงโก้กก้าก ๆ เสียงใคร เออนิ่ง มันจริงตรงนั้นแหละ ไม่ใช่พอมีอะไรเกิดขึ้นก็ล้มเหลวหวั่นไหว ไม่ใช่อย่างนั้น นิ่งตรงนั้นแหละ มีเสียงอะไรที่มันทำให้ตกอกตกใจ ทำให้ขาดสติขาดสมาธิก็เพิ่มลงไป มันจะมีความเก่งเป็นประโยชน์ตรงนั้นแหละ ไม่มีอะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลง ถ้านักปฏิบัติเก่ง ๆ มันมีงาน มันเป็นการให้เราทำในเวลาขณะที่มันจะหลง ทำให้ไม่หลง ทำให้จิตใจหนักแน่นตรงที่มันอ่อนแอ ปฏิบัติธรรมเป็นอย่างนั้น มันจึงจะมีคุณภาพ ถ้าไม่เช่นนั้น ไม่มีคุณภาพ จะมาเก่งเวลานั่งยกมือสร้างจังหวะ จะมาเก่งในขณะที่เดินจงกรม เพราะตัวเองถนอม ของดีมันต้องไม่ถนอม ต้องเอาไปใช้ ของที่มีคุณภาพต้องเอาไปใช้ นำไปใช้ มันจะมีคุณภาพตอนที่ใช้แล้วมันไม่เสียหาย แล้วใช้เป็นด้วย ของที่มันดี ขึ้นอยู่กับเราใช้ด้วย เช่น สมาธิดี ก็ต้องใช้สมาธิในทุกกรณี เช่น มีศีลดี สีเลนะ สุคะติง ยันติ เราก็ต้องมีศีลในทุก ๆ กรณี มันจึงจะดี ถ้ามีแล้วไม่ใช้มันก็ไม่มีประโยชน์ มันมีไปพร้อมกัน เราใช้ไปพร้อม ๆ กัน การปฏิบัติ
การปฏิบัติธรรมมันเป็นเรื่องประดับตกแต่ง มันเป็นเรื่องเครื่องเสริมสร้าง มันเป็นเรื่องวิวัฒน์พัฒนา วิปัสสนาเนี่ย “วิ” ตัวนี้คือมันพัฒนาวิเศษอยู่ทุก ๆ อย่าง เวลาใดควรที่มีศีล เวลาใดมีวินัย ระเบียบวินัย วินัย “วิ” ก็วิเศษ “นัยยะ” ก็นำไป นำไปเรื่อย ๆ การปฏิบัติธรรม นำไปเรื่อย ๆ สู่นัยยะ วินัย นำไปสู่ความหลุดพ้น นำไปสู่ทางวิเศษ ความหลงมันเหลวไหล ความไม่หลงมันวิเศษ นั่นล่ะ วินัยแล้ว ความทุกข์มันเหลวไหล ความไม่ทุกข์ หมดทุกข์ไปมันวิเศษ นั่นวินัยแล้ว วิ ธรรมะวินัย ธรรมะวินัยมันเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่จะมาอวดมาอ้าง นุ่งผ้าห่มผ้า เดิน ฉันอะไรต่าง ๆ นั่นอันนั้นก็เป็นอันหนึ่งช่วยกันไป ช่วยกันไปก็อาศัยเกาะอาศัยราวนี่แหละไป วัตรปฏิบัติตื่นขึ้นมาตีสามตีสี่ เตรียมสวดมนต์ไหว้พระ ฟังเทศน์ฟังธรรม ทำสมาธิ ทำใจ เวลานั่งฟังธรรมมันจะไหลไปไหนมันก็ปฏิบัติไปนั่นแหละ ง่วงเหงาหาวนอนปฏิบัติไป ปลุกตัวเองให้ตื่นอยู่เสมอ รู้ตัวยังไงอยู่เสมอ ยิ่งพวกเราเคยเป็นฆราวาสญาติโยมมา เคยเปรอะเคยเปื้อน เคยเป็นจริตนิสัยอย่างไรมา ราคะจริต โทสะจริต โมหะจริต อะไรมา ก็ยิ่งดีนะ ก็ยิ่งดี บางคนพูดว่า โอ้ ผมยังมีกิเลสมาก ยังปฏิบัติไม่ได้ โอ้ เขาพูดแบบไม่รับผิดชอบอะไร ยิ่งดีนะ ยิ่งดี เพราะเราจะได้พัฒนา พัฒนา ผมเคยสูบบุหรี่ไปอยู่วัดสุคะโตไม่ได้ โอ้ก็ยิ่งดี ได้พัฒนา ผมนอนตื่นสาย จะให้ตื่นตีสี่จะไหวหรือ โอ้ ไม่ใช่นักพัฒนา แล้วก็นำไปใช้
ปฏิบัติวันนี้มันใช้ได้ตลอดชีวิต มีสติอยู่กับกายเวลานี้ วันนี้ มันจะติดไปตลอดชีวิต ถ้ามีความหลงอยู่ก็กายวันนี้ มันก็จะติดไปตลอดชีวิต มันประมาทไม่ได้ ทดลองไม่ได้ ถ้าหลงก็หลงไปเลย ถ้าไม่ปฏิบัติ ถ้าทุกข์ก็ทุกข์ไปเลย ทดลองไม่ได้ชีวิตเรา จะไปตัดขาทดลองดู ตัดมือทดลองดู มันไม่ได้ ไม่ใช่การทดลอง มันคือชีวิตเรา เช่น หัดสูบบุหรี่มันก็ติดไปเลย หัดกินเหล้ามันก็ติดไปเลย หัดหลงก็หลงไปเลย ทุกข์มันก็ทุกข์ไปเลย จำเป็นมาก ๆ การมีชีวิตเป็นนักปฏิบัติ เป็นผู้ปฏิบัติธรรม จึงพอมาเจริญสติ โธ่ ความคิดมันไหลมา ปัดโธ่ เรามีงานมีการแล้ววันนี้ แสดงว่าเรามีงานแล้ววันนี้ ทำงานอันนี้ลองดูสิว่ามันจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าไม่งาน ไม่เห็นมีอะไร ไม่ใช่ พอมาสร้างสติดูซิ อะไรที่มันเกิดขึ้นที่ไม่ใช่สติ มันมีเยอะ เราก็สนุกแล้วบัดนี้ ไม่มีเรื่องอันใดที่จะทำงานทำการ เป็นงานเป็นการช่วยเท่ากับมาฝึกตนเองด้วยการเจริญสติ
หลงทีไรก็ยิ้มใส่มันทันที มันง่วงทีไรก็ยิ้มใส่มัน ความง่วงที่มันเกิดขึ้นกับจิตใจของเราก็เป็นงานของเรา ความหลงที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตจิตใจของเราก็เป็นงานของเรา ความโกรธ ความทุกข์ ความคิดหมกมุ่นอะไรต่าง ๆ มันเป็นงานของเรา งานของเราก็ทำอยู่นี่ รู้อยู่นี่ รู้อยู่นี่ คู่ไปกับความอะไรต่าง ๆ ยืนหลัก จุดยืนมีอยู่แล้ว รู้อยู่นี่ รู้อยู่นี่ อะไรมันจะเกิดขึ้นรู้อยู่นี่ นี่ มันจึงเป็นปฏิบัติได้ จึงเป็นการให้ผลได้ ไม่ใช่เราไม่มีงานมีการ เราเคลื่อนไหวอยู่ มันก็รู้อยู่ เป็นกอบเป็นกำ มันเป็นมรรคเป็นผล อะไรมันหลงเราก็รู้อยู่มันเป็นงานเป็นการ เปลี่ยนความหลงเป็นความรู้ ไม่มีอะไรที่จะสมน้ำสมเนื้อเท่ากับงานแบบนี้ คือสมน้ำสมเนื้อ ให้ว่ายังไง เป็นกอบเป็นกำ เป็นมรรคเป็นผล เหมือนชาวนาชาวไร่ เออปีนี้มีมรรคมีผล ได้ข้าวปลาอาหารเต็มมรรคเต็มผล ชาวไร่ชาวสวนพ่อค้าเขากำไร เขาค้าขาย เขาว่า เอ้อ เป็นมรรคเป็นผล หลวงพ่อปีนี้ไปเที่ยวหลายประเทศ มีกำไรดี มันต้องเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ล้มเหลว ไม่มีคำว่าล้มเหลว การปฏิบัติธรรม ล้มเหลวมันเรื่องอื่นต่างหาก ถ้านักปฏิบัติ หรือว่าผู้ปฏิบัติธรรม กายใจของเรานี่ ไม่ใช่มันล้มเหลวตรงนี้
เคยมีคนมาสัมภาษณ์หลวงพ่อ งานหลวงพ่อมันล้มเหลว รักษาป่า รักษาสัตว์ป่า ไม่มีสักตัวตอนนี้ รักษาต้นไม้ก็ไปแล้ว หมดแล้ว ครึ่งหนึ่งแล้ว เกินครึ่งไปแล้ว ต้นไม้ต้นโตๆ ถูกตัดถูกทำลายไป หมดสิ้นแล้ว แต่ว่าหลวงพ่อไม่ล้มเหลว ไม่ใช่ความผิดของเรา ถ้าเราเป็นคนทำผิดเองจึงจะเป็นการล้มเหลวเราไปฆ่าสัตว์ แม้แต่เขามาหลอกหลวงพ่อ กินเนื้อเก้งเนื้อกวาง หลวงพ่อก็ไม่กินเพราะหลวงพ่อรู้ เขามาหลอกให้หลวงพ่อฉันเนื้อหมูป่า หลวงพ่อก็ไม่ฉันเพราะรู้จัก ต่อไปปลาตัวใหญ่ ๆ อาจจะเป็นปลาสุคะโต อาจจะไม่ฉันปลา ได้ข่าวว่ามีปลาตัวใหญ่ ๆ เหรอ จะไม่ฉันปลาตัวใหญ่ ๆ จะฉันปลาตัวเล็ก ๆ หรือ เป็นอย่างนั้น ไม่ล้มเหลวชีวิตเรา แต่ว่างานมันล้มเหลว มันก็ยิ่งภูมิใจ เอ้อ เราก็หมดแล้ว เอามือเคาะหัวเข่า เอ้อ ไม่ใช่ความผิดของเรา รู้แล้ว มันคนหลายคนรู้ เราเอามือเคาะหัวเข่า มั่นใจอยู่ตรงนั้น เราไม่ได้ทำผิดเพราะกายเพราะใจของเรา แม้นจะมีอะไรที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเป็นราวอะไรก็ตามเอามือเคาะหัวเข่า มือเคาะหัวเข่า แบมือออก กำมือไว้ เคาะหัวเข่า ไม่ใช่ความผิดของเรา
อย่างนี้ ปฏิบัติธรรม มันต้องมั่นคงนะ เราอยู่ตรงไหนอะไรก็ตาม แม้จะเป็นจะตายมันก็ขึ้นกับรูปกับนาม มันไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องของเราบางอย่างในความไม่เที่ยง มันก็มีอยู่เรื่อยไป แห่เราไปเรื่อยไป บางอย่างที่มันเกิดขึ้นกับกายมันก็เป็นทุกข์มันก็แห่ไป ในความไม่เที่ยงก็ให้เรามั่นใจ ในความเป็นทุกข์ของมัน ในความไม่ใช่ตัวตน มันไหลไปของมัน แต่ก่อนเคยเดินย้วย รอบวัด เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยย้วยเท่าไหร่แล้ว ไม่ว่าจะไปปลูกต้นตาลคันคูสระ ก็ยังรอรถจารย์ (อาจารย์) นวล อยู่ ว่าจะไปเอาต้นไม้ต่าง ๆ ก็ไม่ ๆ ค่อยไปแล้ว ต้องรอ พอดีเมื่อวานนี้คุณอะไรมา ก็ปะ (ไป) พาหลวงพ่อไปเอา ต้นไผ่ พาหลวงพ่อไปเอาต้นลั่นทมมาปลูกตรงนี้บ้าง เอ้อ ก็ได้ พอเขาจะไปไถป่าทางโน้น เออ บอกอาจารย์ทรงศิลป์ ปะ (ไป) พาไปด้วย มันก็เป็นอย่างนั้นไปแล้วนะ ไม่ใช่ล้มเหลว เราไม่ล้มเหลว แต่ความไม่เที่ยง ความโรยรายในกองสังขาร บางอย่างเราก็รู้เราก็ไม่ใช่ความล้มเหลวของเรา ไม่ใช่ความล้มเหลว เราไม่ล้มเหลว นั่นจึงปฏิบัติธรรม มันเป็นมรรคเป็นผล เป็นกอบเป็นกำ สมกอบสมกำ มีจริง ๆ เก็บไว้ กำไว้มันก็ใช้ได้จริง ๆ เป็นกอบเป็นกำขึ้นมา ทำงานมือเปล่า มีกายมีใจมาเปล่า ๆ เอามาทำขึ้นมา เกิดมรรคเกิดผล เกิดที่กายที่ใจ เลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหล้า เลิกโง่หลงงมงาย เป็นกอบเป็นกำ เลิกทุกข์ เลิก ไม่มีอะไรต่าง ๆ เป็นกอบเป็นกำขึ้นมา
กอบกำของมรรคของผลนี่ มันไม่มีอะไร ถ้าจะว่าง ก็ว่าง ถ้าจะเต็มก็เต็ม อยู่ในลักษณะเดียวกัน ว่างจากความหมายความเป็นตัวตน เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ ความรู้สึก ความระลึกได้ เขามีอะไรก็มีไปเถอะ เราได้หลักตรงนี้แล้วนี่นะ หลักของเรามันอยู่ตรงนี้ วิเศษแล้ว วิเศษแล้วนะ วิเศษจริง ๆ การปฏิบัติธรรม นี่ล่ะ งานมนุษย์ ไม่ใช่งานของพวกอบายภูมิ เขาก็เสวยวิบากกรรมของเขา เป็นทุกข์ เป็นโทษ งานของมนุษย์ต้องเป็นมนุษย์ มนุษย์โสสิ๊ เป็นมนุษย์หรือยัง เมื่อเป็นมนุษย์ลงไปแล้ว เอาความชั่วไว้หลัง มุ่งสู่ความดีข้างหน้า พระรัตนตรัยเป็นธงชัย งานมนุษย์ เมื่อเราเข้ามาบวช ถามว่า “มนุษย์โสสิ๊” เป็นมนุษย์หรือยัง “อามะภันเต” เป็นมนุษย์แล้ว เอ้อ ไปแล้วบัดนี้ เอาความชั่วไว้หลังแล้วบัดนี้ ความดีมีเท่าไหร่ไป วิเศษเท่าไหร่ ไป บวชตามรูปแบบ ใส่ใจมา ตั้งใจมา บางทีก็มาจากสวิสเซอร์แลนด์ ใช่ไหม ถ้าโกนผมห่มขาว อ้าวคุณหมอมาจาก ก็ลาออกจากงานแล้วอ่ะ มาบวชแล้วต่อไปอ่ะ แสดงว่าบวชแล้วตั้งแต่ยังไม่ได้โกนผมแล้ว คิดแล้ว หา เป็นอย่างนั้น ไปตามกระแส กระแสมันมี กระแสมรรคผลนิพพาน กระแสบุญมันมี ไปนั่นแหละ คือมีศรัทธาเนี่ย บางทีก็ลางานลาการมา ลูกหลานบวชใหม่ เอ้า! ลาการลางานมา พี่น้องซ้องซ่อ (แซ่ซ้อง) สรรเสริญ เป็นห่วง ติดตามมาดูอยู่ได้หรือเปล่า โอ้ มากลัวทำไมตรงไหนที่มันลำบากเราต้องลุยมันสักหน่อย ไม่ใช่อ่อนแอ
สมัยหนึ่งเคยอยู่ที่นี่ เคยมีพระหลวงตา มาจากอำเภอหนองสองห้อง จะมาอยู่กับหลวงพ่อนี่แล้ว (ลากเสียวยาว) เออ ๆ มา ๆ สมัยนั้นอยู่คนเดียว พอมาเราก็คุยกันไปคุยกันมา คว้าบุหรี่ออกมาสูบ อุ้ย! สูบบุหรี่ด้วยเหรอ ที่นี่ไม่ได้สูบบุหรี่นะ เอาบุหรี่ใส่ย่ามชะเง้อชะง้า “เออผมจะไปเยี่ยมบ้านญาติสักหน่อย อยู่เนี่ยใกล้ ๆ วัดนี่ พ่อกว้าง เป็นญาติกัน” “เออนี่ บ้านพ่อกว้างอยู่ใกล้ ๆ นี่” ก็เลยไปพาย (สะพาย) ย่ามไป พาย (สะพาย) บาตรไป ไม่ออกมาเลย ไม่ออกมาวัดเลย นอนอยู่ในบ้าน บ้านก็หลังน้อย ๆ นอนอยู่ใต้เล้า บอกให้ออกมาไม่ออกมาหรอก ไปเลย แค่บุหรี่นี่ไปเลย กลัวแล้ว ๆ ไม่ไหวนะ ไม่ไหว อย่าล้มเหลวอย่างนั้นหนา พวกเรา