แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เราก็มีงานมีการ อาชีพของพวกเราคือสิกขาและธรรม เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต เจริญสติสัมปชัญญะอาศัยวัสดุอุปกรณ์เกี่ยวกับชีวิตของเราคือกายคือจิต เอามาสร้างคุณภาพคุณธรรมให้มันเกิดขึ้น ชาวไร่ชาวนาเขาอาศัยดิน อาศัยน้ำอาศัยเมล็ดพืชเมล็ดพันธุ์ อาศัยคราดไถ ปุ๋ย แรงงาน เขายังทำได้ ได้เงินได้ทองเป็นหมื่นเป็นแสน ขนใส่รถใส่เรือไปขายได้อยู่ได้กิน เรานี่ไม่ลำบากเหมือนอย่างนั้น นั่งอยู่ในกุฏิของตนของตน เดินจงกรมอยู่ข้างกุฏิ เจริญสติได้ ไม่ต้องไปซื้อดินหาน้ำ หาคันทาดคันไถที่ไหน อาศัยศรัทธา อาศัยสติ อาศัยความเพียร อาศัยกาย อาศัยใจที่มีอยู่นี้ เอามาผลิตให้เกิดความรู้สึกตัว นี่คืองานของเรา
แค่นี้ก็ยังจะว่ายาก ทำไม่ได้ มันเป็นมิจฉาทิฐิ ถ้าคิดว่าเจริญสติไม่ได้หนา เต็มที่แล้วชีวิตของเรา หาไม่พบ ชีวิตของเราที่จะหาได้ต้องหาได้แบบนี่แล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นเราก็เกิดมาฟรี ๆ ตายไปฟรี ๆ เจ็บฟรี ๆ แก่ฟรี ๆ ความเกิดความแก่ความเจ็บความตาย เอาไปกินหมด ความโลภความโกรธความหลงเอาไปกินหมด รับใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นขี้ข้าเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราจึงมาศึกษาเจริญสติมันก็ได้ใช้ทันที
ไม่เหมือนชาวไร่ชาวนา ต้องเสี่ยง เสี่ยงกับแล้งบ้างเสี่ยงกับท่วมบ้างเสี่ยงกับภัยพืชต่าง ๆ ราคาก็อยู่กับตลาดที่เขาจะให้เท่าไหร่ อันนั้นยังเสี่ยง แต่ว่าการเจริญสติพลิกมือขึ้นรู้ทันที ได้ใช้ทันที มีสติเห็นกายก็ได้มีสติไปเห็นกายทันที เห็นกายบ่อยๆ เห็นกายบ่อยๆ สติมันก็พัฒนา เมื่อสติถูกกับกาย มันก็พัฒนาทั้ง 2 อย่าง เหมือนพืชที่เขาปลูกลงในดิน ต้นพืชที่ฝังไว้ในดินมันก็พัฒนาเกิดราก เกิดลำต้น เกิดต่อก่อขน มันเป็นธรรมชาติ มันเป็นกฎของธรรมชาติ ชาวนาได้เอาต้นกล้าฝังลงใน แรงนาที่คราดที่ไถ ไขน้ำเข้าเปิดน้ำออก ข้าวของเขาก็งอกก็งาม เกิดต่อก่อขน ได้อยู่ได้กิน ได้เลือดได้เนื้อได้ชีวิต ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดความสะดวกกับการใช้ชีวิตเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เรามีสติลงไปที่กาย ผลิตผลของเราคือศีล คือสมาธิ คือปัญญา เป็นมรรคเป็นผล เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ต้องไปที่ไหน หามรรคหาผลกับครูบาอาจารย์ หามรรคหาผลกับวัดโน่นอาจารย์นู่นอาจารย์นี่ ท่านจะได้เป็นพระดี ได้บุญกับท่าน ได้กุศลจากท่าน มันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมาก
หานอกตัวทำไว้ให้ป่วยการ ดอกบัวบานอยู่ในเราอย่าเขลาไป ในกายในชีวิตจิตใจเรานี่ กายอันนี้กว้างศอกยาววาหนาคืบ ชีวิตเราเป็น ๆ อยู่เนี่ย ทำดีได้ ละความชั่วได้ เอามาใช้ เอามาสร้างให้เกิดความรู้สึกตัว พึงรู้สึกตัวอยู่กับกายก็ใช้ได้เกี่ยวกับกาย ได้อานิสงค์ทันที อะไรที่มันเกิดขึ้น มันไม่ใช่กายธรรมดา มันเห็นมันเกิดปัญญาตรงนี้ด้วย มันเกิดมรรคตรงนี้ด้วยมันเกิดผลที่ตรงนี้ด้วย กายไม่ทำความชั่ว กายทำความดีได้จริง ๆ กายไม่ทำความชั่วอย่างเดียวก็เกิดมรรคเกิดผล เรียกว่า “กายสุจริต” กายทำความดีมันก็เกิดมรรคเกิดผลไปทำความดีเยอะแยะ ไปช่วยคน ไปปลูกต้นไม้ ไปแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีไม่งามรวมกันกับสติกับปัญญา สติปัญญาเนี่ยขนกายไปใช้ขนจิตใจไปใช้ สิ่งไหนที่เร่งไม่ได้มันก็หมดไป อันที่มันเป็นสุขเป็นทุกข์มันหมดไป มันมีแต่เอาไว้ใช้เกิดประโยชน์มหาศาลอันเกิดขึ้นจากกายจากจิตของเรา
ถ้าได้ทำสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ เราได้ละสิ่งที่มันเป็นโทษ สิ่งที่มันจะเสียหาย สิ่งที่มันจะเป็นประโยชน์ นั้นก็ต่อชีวิตเอาไว้ ชีวิตมันต้องต่อ ต้องมีรู้สึกตัว รู้สึกตัว ตรงไหนที่มันจะหลง รู้ไปหมดแล้ว ตรงไหนที่มันจะทุกข์ รู้หมดแล้ว มันได้ทิ้งลงไปแล้ว ได้แก้ลงไปแล้ว เหมือนกับพวกเราทำงานทำการ ความเป็นอยู่ของพวกเราครองบ้านครองเรือน ครองครอบครัวครองคนครองงาน งานตรงไหนที่มันจุดอ่อนเราทำแล้ว วัสดุอุปกรณ์ตรงไหนที่มันจะสูญเสียเราทำแล้ว เหมือนพวกเรากู้กุฏิ กู้ศาลา กู้สะพาน มันก็ดีขึ้นมาทีเก่ง
ศาลาหลังที่เรานั่งอยู่นี่ ชื่อหอไตรนี่ แต่ก่อนก็เป็นที่อยู่ของปลวก ที่อยู่ของปลวก แล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ตั้งอยู่บนหลังเขาโน้น ปีหนึ่งจะมีคนไปพักไม่มาก ปลวกอยู่ซะเป็นส่วนใหญ่ เราก็กู้ลงมาใช้ได้แล้วมาตั้งไว้ตรงนี้ ได้ใช้ทุกวี่ทุกวัน มันก็ซึ้งใจที่เราได้สิ่งที่ทำได้แก้สิ่งที่มันจะเสียหายทำให้มันดีขึ้นมา ศาลาน้ำที่มันเป็นอันตรายมันจะล้มมันเซมันทรุดเราขุดสระน้ำจะมี ถ้าน้ำมีแล้วมันไม่มีโอกาสที่จะแห้ง คิดว่าอย่างนั้น เราได้กู้แล้วทันเวลา ทันเวลา ได้ใส่เสาใหม่ ได้ยึดใหม่ ได้ดึงขึ้นใหม่ ยกขึ้นใหม่ตึ๊บ! ลงไปโอ้ย! มันซึ้งใจ มันซึ้งใจในสิ่งที่เราทำมันจะเสียหาย ให้มันเกิดดีขึ้นมา ที่เราเอาดินมาถมกุฏิ อ.กำพลน้ำไหลหลากลงไป โตนลงไปสระ โหว่ไปหมดเลยน้ำไหลหลากลงไป โตนลงไปพังลงไป ขอบสระพังลงไป พวกเราได้เห็น โอ! ตรงนี้มันเป็นจุดอ่อน เอาดินมาถมเป็นคันคู โอ้ย! ตึ๊บ! ลงไปโอย!มันซึ้งใจ ไม่มีทางที่จะพังกันไหลลงไปนั่นเอง เปลี่ยนให้มันไหลเข้าไปท่อ เป็นที่เป็นทาง
อะไรๆ ที่มันจะเสียหาย เราได้ทำ กายของเราใจของเราแน่ จะให้มันพังมันเพมันทรุดอยู่ตลอด มันจะมีประโยชน์อะไร ทั้งๆ ที่อยู่กับเรา เราไม่ช่วยเราไม่แก้ ยังหลงอยู่ยังทุกข์อยู่ ยังโกรธอยู่ โกรธเขาอยู่กับกายอยู่กับใจ ทุกข์ก็อยู่กับกายกับใจ ปล่อยให้มันทุกข์ปล่อยให้มันหลงอยู่เช่นนั่น ชีวิตเรามันจะประเสริฐตรงไหน อะไรที่มันจะเป็นชีวิต ปริญญาหรือ ทรัพย์สินเงินทองหรือ เทคโนโลยีอะไรที่เราเรียนรู้มา เราได้ช่วยอะไรเกี่ยวกับกายกับใจ อะไรคือมันเป็นที่สุดของชีวิตเรานี่แล้ว
การมาเจริญสติเนี่ย การมาเจริญสติ อย่าไปฟังเสียงอะไร มาฟังเสียงตัวเอง เสียงมันเกิดขึ้นที่กายที่ใจ แล้วมันก็มีตามีหูมีจมูกมีลิ้นมีรูปมีรสมีกลิ่นมีเสียง มันจะเกิดตรงนี่ โลกมันจะมีรสชาติตรงนี้หลงก็หลงตรงนี้ โอย! ถ้ามีสติล่ะโอย! หา! มันตึ๊บ! ลงไปตึ๊บ! ลงไปโยนลงไป ตรงไหนมันจุดอ่อนสร้างให้เกิดความเข้มแข็ง ตรงไหนมันจะเสียหาย ปรับปรุงซ่อมแซมให้เกิดความดี เจริญสติซ่อมแซม
ชีวิตของเราเหมือนกับรถมือสอง ถูกบอบถูกช้ำถูกหลงถูกโกรธมามากซ่อมลงไป เข้าอู่มีสตินั่งยกมือสร้างจังหวะมันดีไปเรื่อย ๆ ก็รู้ที่กายรู้ที่กายไปนะ แล้วมันมีงานมีการ เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับกายกับใจไปเรื่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับกายกับใจนี่มันศาสตร์อันหนึ่ง พระพุทธเจ้าก็ลองมาพบตรงนี้ อะไรที่เรียกว่าปัญญา อันที่เป็นปัญญา ยอดของปัญญา คือ ปัญญาพุทธะ มาเรียนรู้เรื่องกายเรื่องใจของเรา ถ้ามันจบตรงนี้ อะไรก็ง่ายไปเลยวันนี้ เหมาะแก่การงานสนุกทำงานน่ะ
หลวงพ่อจับด้ามจอบมาสองสามวันโอ! สนุก ฝนตกเมื่อวานนี่ชอบที่สุดเลย ปล่อยผ้าอังสะขุดจอบโอ! มันก็ทำได้ ยืนทำงานถือว่าทั้งวันก็ได้เมื่อวานแข่งฝนทำ ไม่มีแสงแดดโอ! ดี มันก็ทำสนุก ๆ ไม่ใช่เป็นทุกข์การทำงานทำการไม่ใช่เป็นทุกข์ การช่วยเหลือตัวเองช่วยเหลือคนอื่นสิ่งอื่นไม่ใช่เป็นทุกข์ มันเป็นงานชอบ มันเป็นสัมมาทิฐิ เพราะฉะนั้นนี่อย่าไปกลัวอะไร ว่าแต่เรามารู้เรื่องกายเรื่องใจของเรา มันกระจายไปหมดเลย กายแค่นี่ ใจก็นี่แค่นี้แต่มันจะเป็นประโยชน์ มันเป็นประโยชน์ต่อทุกสรรพสิ่ง เราจึงมาสร้างตรงนี้ อย่าพึงไปหลงไปอะไรที่ไหนมากมาย หันมามองตนเอง วันหนึ่งวันหนึ่งมีสายตาก็มองกลับเข้ามาหาตัวเอง มีหูก็ฟังเสียงตัวเอง
มีกายมีจิตก็ดูตัวเอง ช่วยตัวเอง รักตัวเอง แก้ไขตัวเอง จงเตือนตนด้วยตนเอง จงแก้ไขตนด้วยตนเอง จงมีสติ รู้สึกตัวๆๆ ทวารทั้งหมด สติรู้สึกตัวเป็นยอดของทวารทั้งหมด รู้สึกตัว ๆ แต่ว่าต้องสร้างนะ ถ้าไม่สร้างมันก็ไม่ได้นะ ต้องสร้างขึ้นมา ประกอบขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาทำสนุก ๆ อย่าไปอยาก การเจริญสติไม่เกี่ยวกับความอยาก การเจริญสติไม่เกี่ยวกับเหตุกับผล การเจริญสติไม่เกี่ยวกับผิดกับถูก เหนือไปเลย ถูกก็เห็น ผิดก็เห็น สุขก็เห็น ทุกข์ก็เห็น มันจะแสดงออกมาตรงไหนตรงไหน แบบไหน ฉากไหน เห็นทั้งหมดเห็นทั้งหมด เห็นเรื่องเดียวบ่อย ๆ เห็นเรื่องเดียวบ่อย ๆ มันอาจจะเกิดปัญญาตรงนั้นด้วย เห็นความหลงก็เกิดปัญญา เห็นความโกรธก็เกิดปัญญา เห็นความทุกข์ก็เกิดปัญญา เห็นความยากก็เกิดปัญญา เห็นความง่ายก็เกิดปัญญา ปัญญาหาได้แบบนี่นะ ไม่ใช่ใครให้เรา ปัญญาหาได้จากตัวทุกข์เนี่ยแหละ ถ้ามีทุกข์ก็ถือว่ามีพุทธะแล้ว ถ้าเห็นนะ ถ้าเห็นแล้วพุทธะเกิดขึ้นบนของกองทุกข์
ถ้าไม่มีทุกข์เป็นพุทธะไม่ได้ ผู้รู้ผู้ตื่น ตื่นหมดเนี่ยแหละ ตื่นทุกข์ ตื่นหลง ตื่นโกรธ แค่นี้เองการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มีสติจะไม่ตื่น เงียบไปเลย ถ้าหลงก็เงียบเข้าไปอยู่ในความหลง ถ้าทุกข์ก็เงียบเข้าไปอยู่ในความทุกข์ ถ้าโกรธก็เงียบเข้าไปอยู่ในความโกรธ ไม่ทักท้วง ไม่ดูแล ไม่ตรวจสอบ ยอมจำนนทุกเรื่องไปถ้าหลงนะถ้าไม่หลงนี่โอย! ไม่จำนน มันต้องเป็นอิสระ มันต้องเป็นอิสรภาพชีวิตเรา ธรรมาธิปไตย ความถูกต้องมันมี ความหลงไม่ถูกต้อง ความรู้ถูกต้องกว่า ความโกรธไม่ถูกต้อง ความไม่โกรธถูกต้องกว่า เนี่ยสิทธิธรรมาธิปไตยธรรมเป็นใหญ่ ธรรมเป็นใหญ่ในตัวเรา เมื่อทุกคนมีธรรมเป็นใหญ่ในชีวิตเรา มันก็กระจายต้องเป็นธรรมเป็นใหญ่ต่อโลก ธรรมาธิปไตยปรารภธรรมเป็นใหญ่ โลกาธิปไตยปรารภโลกเป็นใหญ่ อัตตาธิปไตยปรารภตนเป็นใหญ่ ไม่ถูกต้อง การปรารภตนเป็นใหญ่ถูกบ้าง แต่ไม่ถูกเสมอ โลกาธิปไตยปรารภโลกเป็นใหญ่ถูกต้องแต่ไม่ถูกเสมอไป
แต่ว่าธรรมาธิปไตยเป็นใหญ่ ทำให้ถูกต้องที่สุด ต้องมาสร้างตรงนี้ ทุกชีวิตต้องมาสร้างตรงนี้ เริ่มต้นจุดนี้กัน เริ่มต้นก่อไว้ ก่อความรู้สึกตัวที่กาย พูดแล้วพูดอีก เห็นกายจนกายหลอกไม่ได้ ชี้หน้าอะไรที่เกิดขึ้นกับกายชี้ได้เลยๆ มันเป็นสุขเป็นทุกข์ มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นกับกายรู้ความรู้สึกตัวนะ อะไรที่เกิดขึ้นกับเวทนาที่มันเป็นสุขเอ้า!ซ้ำไปอีกซ้ำเติมลงไปอีกกู้ไปอีก กายแล้วไม่พอยังมีเวทนา เอ้า!กู้เอาไปอีกโอ!สนุกกู้ชีวิต เคยจมลงไปในกาย เคยจมลงไปในเวทนา กู้ได้ๆ เคยจมลงไปในกิจที่มันคิด ตัวนี้ก็สำคัญ หอบหิ้วเราไปเท่าไหร่ๆ มันหิ้วเราไป คิดอะไรก็ได้ๆปัดโถ! พอมามีสติแล้วโถ!ไอ้เจ้าความคิด เจ้าสังขาร เจ้าสมุทัย เจ้าสังขารหิ้วเราไป คิดอย่างเดียวไปแปดร้อยหลายอย่าง คิดอย่างเดียวเกิดอะไรขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน เกิดกิเลสตัณหา เกิดความรักความชัง เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง หิ้วเราไป เราไม่รู้เราไม่เห็น เรามากู้ตัวนี้ขึ้น รู้สึกตัวๆๆค่อยยึดไปๆ
ความรู้สึกตัวกระจายอำนาจไป ยึดพื้นที่ เหมือนนักรบที่เขาไปรบ ยึดพื้นที่ๆ ยึดพื้นที่ไป ชอบธรรมๆเกิดขึ้นอยู่บนกาย ความชอบธรรมเกิดขึ้นอยู่บนเวทนา ความชอบธรรมเกิดขึ้นอยู่บนจิตใจ เมื่อมีความชอบธรรมเกิดขึ้นตรงนี้แล้ว ความชอบธรรมเกิดขึ้นที่ธรรม เลือกเป็นละบาดนี่(เลือกเป็นแล้วคราวนี้) กุศล อกุศล อกุศลละ กุศลสร้าง ให้มีให้เกิดอยู่ตรงไหน อยู่กับกายกับใจ เห็นไหม ง่วงเหงาหาวนอน ลังเล สงสัย พยาบาท ถีนมิทธะอกุศล พยาบาทบางทีมันเกิดมาแล้ว กามราคะก็เกิดขึ้น เป็นอกุศลเป็นอกุศล ละ มีสติเข้าไป ไม่ได้ละดอกลัดนิ้วมือเดียวเพียงแต่กดสวิตช์ปั๊บ!สว่างไสวรู้สึกตัว เราก็พร้อมแล้วยกมือพลิกมือ อย่าพึ่งวิ่งหนีไปไหน มันเกิดอะไรขึ้นเกี่ยวกับกายกับใจ พลิกมือช่วย หายใจช่วย น้อยๆแค่นี้แหละ มีพลัง หายใจก็รักษาโรคได้ พลิกมือขึ้นก็รักษาโรคได้ มันวิ่งอยู่ก็หยุดได้ มันทุกข์อยู่ก็หยุดได้ มันหัวเราะร้องไห้อยู่ก็หยุดได้ ถ้าพลิกมือรู้สึกตัว หายใจอยู่รู้สึกตัวนะ
คนโบราณเขาสอนกันมันโกรธหรือจะด่ากันเนี่ย หายใจเข้าหายใจออกซักสิบรอบ จึงค่อยด่ากัน มันด่าไม่ได้ ถ้าหายใจเข้าหายใจออกสิบรอบเนี่ย ความโกรธมันไม่มีตัวมีตนมันไม่ใช่ตัวใช่ตน ความทุกข์ก็ไม่ใช่ตัวใช่ตน พยาบาทก็ไม่ใช่ตัวใช่ตน กามราคะก็ไม่ใช่ตัวใช่ตน (...)มันก็หายใจเข้า ไม่ต้องไปวิ่งไปตามมัน พอกูโกรธต้องไปด่ามัน ไม่ใช่ หายใจเข้า พลิกมือสร้างจังหวะ นี่เรียกว่ากลับปฏิบัติ คือกลับปฏิบัติ คือกลับมากลับมารู้สึกตัวกลับมารู้สึกตัว เอาวัสดุอุปกรณ์ที่มันมีอยู่นี่ใช้ ไม่ต้องไปหาที่ไหน เหมือนเราศึกษาวิธีอื่น การศึกษาวิธีอื่นต้องไปดูไปทัศนศึกษาไปเอาเครื่องมือมาศึกษาอะไรต่างๆอันนั้นก็ใช่อยู่ใช่ๆอยู่ เอาจริงๆตัวนี้ที่ช่วยเรา ช่วยชีวิตคือตัวนี้ช่วยชีวิตเราที่ได้ชีวิต ความหลงไม่ใช่ชีวิตความรู้คือชีวิต ความโกรธไม่ใช่ชีวิต ความรู้สึกตัวคือชีวิต นี่ชีวิตของเราไม่เป็นอะไรกับอะไร ให้ได้ชีวิตในลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่ว่าชีวิตเรานับเอาโอ้!ห้าสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี เจ็ดสิบปี หลวงพ่อก็เจ็ดสิบปี ว่าได้ชีวิต โอ้ย!ไม่ใช่โอ้ย! เจ็ดสิบปีแก่เลยหรือ ไม่ใช่ เป็นเรื่องอันหนึ่งต่างหากเรื่องหนึ่งต่างหาก
ชีวิตมันไม่มีอะไรมันไม่มีเกิด ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บมีตาย คือมันไม่เป็นอะไรเนี่ย ชีวิตจริงๆ มันไม่เป็นอะไรกับอะไร ทำไมจึงไม่เป็นอะไรกับอะไร เพราะมันรู้สึกๆ มันเห็นทุกเรื่อง เห็นหมดในเรื่องของกายของใจแปดหมื่นสี่พันอย่างรู้ ความรู้สึกตัวไปเปิดไปเผยดูหมดแล้ว เข้าแถวมาให้ดูหมด ไม่มีตรงไหนลี้ลับ ความรู้สึกตัวเป็นตาทิพย์เป็นตาภายในนะ รู้สึกๆนี่อย่ามัวลังเลกันอยู่ พวกเราก็ยังไม่สะดวกหลายอย่าง ความยากลำบากอาจจะทำให้เราเข้มแข็งต่อสู้ อย่าทอดทิ้ง อย่าท้อแท้ อย่าถดถอย บางทีน้ำก็เน่า บางทีน้ำก็เหม็น บางทีน้ำก็ไม่มี บางทียุงก็เยอะ บางทีก็ไม่มียุง มีญาติธรรมของเราพอมาชั่วโมงเดียวมายืนอยู่รอกุญแจยุงกัด เปิดหนีไปเลย สู้ไม่ไหวๆ วัดนี้ยุงเยอะๆโอ! บางทีมันก็มีเป็นครั้งเป็นคราว บางทีได้กลิ่นใหม่ๆ มันก็ชอบนะยุง อย่างเราไปอยู่ในป่าไปนั่งอยู่ในป่า มันได้กลิ่นใหม่ มันบินเข้ามากัดๆ ให้ทนซะหน่อยดูสิ เอาไปเอามาๆๆ มันก็ไม่ตอมไม่กัดเหมือนกันนะมันได้กลิ่น
เรานั่งเจริญสติอยู่ในป่า ยุงทีแรกมันก็รุมใส่เหมือนกัน พอนั่งไปๆนานๆมันก็ไม่ค่อยกัดนะ ไม่รุม เพื่อนเดินมาหาพอเพื่อนเดินมา ยุงรุมใส่ล่ะบาดนี่โอ๊ย! ยุงกัดนั่นย่ำเท้าตุ้บตับพีวีวับๆ เอ้า!คนนั่งอยู่นี่ทำไมยุงไม่กัด เอ้า!มันได้กลิ่นมันลืมไปแล้ว ท่านมาใหม่ มันได้กลิ่นใหม่ มันเลยตื่นเต้นมันเลยมาตอมมากัดมันเป็นอย่างนั้นก็ได้ยุงน่ะ แม้แต่งูแม้แต่เก้งแต่กวาง ถ้าได้กลิ่นใหม่ๆมันก็ตื่นนะ งูจงอางเนี่ยถ้ากลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ระวังนะชูคอขู่เลย เพราะฉะนั่นกลิ่นคนเราถ้าอยู่ไปๆมันก็คุ้น ญาติธรรมมาพอมานั่งมายืนอยู่เราอาศัยกุญแจเข้าห้องไม่ได้ ยุงกัดเวลานั้นเป็นเวลายุงพอดี พลบค่ำ มันก็มีเป็นบางเป็นบางฤกษ์ ฤกษ์ มันก็มีน่ะฤกษ์ อบอ้าวบ้าง ยุงก็ดุ งูก็ดุ ถ้าอากาศไม่อบอ้าวมันก็ไม่เป็นไรคนโบราณเขาว่า ถ้ายุงซุกซนมากๆ กัดมากๆฝนอาจจะตก มันมีดี หรืออบอ้าวมากๆ เห็ดอาจจะออก
มันก็มีดีหลายๆอย่าง ยุงก็ดุ งูก็ดุ เวลาใดที่อบอ้าวมาก ๆ ไปเอาผึ้งเลี้ยงผึ้ง ผึ้งกัดนะ เพราะใจมันไม่ดี มันอบอ้าว เหมือนกับคนเราเนี่ยแหละไม่มีศีลมีธรรม ชีวิตคนเราก็เป็นไปตามสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน ความร้อนเอ้า! ทุกข์ ความหนาวเอ้า! ทุกข์ ความหิวก็เอ้า! ทุกข์ ความยากก็เอ้า! ทุกข์ ทุกข์ไปถ้าไม่มีสติ ถ้ามีสติมันไม่เป็นไร มันไม่เป็นแบบนั้นถ้ารู้สึกตัว ๆ มันเป็นอย่างนี้การปฏิบัติ ว่าแต่เราเริ่มสร้างความรู้สึกตัว ๆๆ เอาไปก่อน ๆ อย่าฟังเสียงอะไร อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกา อย่าไปดูอะไร เอาผิดเอาถูกกับอะไร เอายากเอาง่ายกับอะไร เอาความยากความง่ายไม่มีปัญหาสำหรับเรานะ
รู้สึก ๆ รู้สึกไป ๆๆ ถ้าวันนี้ฝนมันตกลงมาก็คิดถึงต้นยางงาม ๆ ต้นประดู่งามๆ ต้นแดงงามๆ อยากจะไปปลูกซ่อมบนหลังเขา ถ้าใครอยากจะปลูกก็นิมนต์ไปตอนบ่าย ๆ ซักชั่วโมง สองชั่วโมง คนละต้น สองต้นดีไหมวิดีเนาะเอ่อ ตอนบ่าย ๆ ให้อาจารย์หงวนขนต้นไม้ขึ้นไปวางไว้ ๆๆ ว่างก็ขุดหลุม ๆ ลึก ๆ ต้นใหญ่ ๆ จะยกไปหรือปล่าวพวกเรานะสามกิโล แต่ว่ายกไหวมันไหวอยู่นะ แต่ว่าไหวแบบไหวไม่เอาไหวแบบไม่กระทบกระเทือน เบ้าไม่แตกน่ะ เบ้าไม่แตกเวลาถอดถุงออกจากเบ้ามัน อย่าให้เบ้ามันแตก ถ้าหย่อนลงไปในหลุม อย่าให้เบ้ามันแตก ไหวแบบนี้นะ ไม่ใช่ว่า โอ้ย!ฉันยกได้สองสามกิโล ไม่ใช่ คำว่าไหวเนี่ยคือไม่ให้กระทบกระเทือน ปลูกให้สำเร็จ
นี่เห็นฝนตกลงมาก็คิดถึงต้นกล้า ต้นไม้ที่เราเอามาไว้ตรงเนี่ยให้มันเจริญเติบโตไปตามปีตามเดือนก่อน นี่ก็วันนี่นะก็คิดว่าวันนี้นะจะปลูกต้นไม้อีกซักรอบ อาจจะไปเอาคนงานมาจากบ้านหนองแวงสิบคน แล้วพวกเราก็เสริมเข้าไปเอ้า!เอ๊อ! สุดท้ายก็ลงมาที่ต้นไม้เนาะก็ปลูกต้นไม้บ้าง ปลูกสติบ้าง ปลูกความรู้สึกตัวบ้างไปพร้อมกัน ปฏิบัติธรรมบ้าง ช่วยคนอื่น โอ้ย!ฉันเนี่ยยังไม่ได้บรรลุธรรมยังไม่ได้ทำอะไรหรอก ไม่ใช่ดอกทำได้ รู้สึกตัวไปกับปลูกต้นไม้ลองดู มันจะยากขนาดไหน มันจะร้อนขนาดไหน มันจะเหงื่อไหลขนาดไหน บางทีเราปลูกต้นไม้อยู่ยุงกัด มือก็เปื้อนกว่าจะมาไล่ยุงกำลังประคองต้นไม้ยุงก็ดูดเลือด เจ็บๆโอ้! รู้สึกตัวเอ้า! เอาไปซักหน่อยซะยุงเอ้ย! แล้วก็ไม่ต้องไล่มันเอ้า! กว่าจะวางมือล่ะก็ทน ยุงก็ไปกินเลือดไปแล้วเออ!ไม่เป็นไรเอ๊อ! ทำใจๆๆๆๆเนาะ