แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เราขอสนับสนุนให้ทุกชีวิตได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ดูแลตัวเอง ธรรมวินัยก็สนับสนุนให้เราได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม เพื่อทำความดี ละความชั่ว ไม่ให้ทำมาหากินอะไร กล่าวถึง ญาติโยมก็สนับสนุนให้เรามีโอกาสปฏิบัติธรรม สร้างวัดสร้างวาให้พวกเราอยู่ หาน้ำหาข้าวให้เราฉัน เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดูแล ผ้านุ่งผ้าห่มไม่ต้องขวนขวาย เสียเวลาไปหาที่ไหน ให้มีโอกาสปฏิบัติธรรมทั้งนั้นแหล่ะ เราก็ฉวยโอกาสในธรรมวินัยนี้ เพื่อปฏิบัติธรรมเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออาชีพ ลัทธินี้กำไรอะไรต่าง ๆ ตลอดถึงวันเข้าพรรษา กำหนดไตรมาส 3 เดือนนี้ก็ ธรรมวินัยก็ให้เรามีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรม วัฒนธรรมประเพณีของไทยเรา ก็มีโอกาสให้เราได้ปฏิบัติธรรม สนับสนุน มองดูแล้ว น่าชื่นใจ แม้แต่ตัวเรานี้ กาย ใจ ก็สนับสนุนให้เรามีโอกาสปฏิบัติธรรม
มันก็เกิดปัญหาที่กายที่ใจนี้ ปัญหาทำให้เราได้มีโอกาสเกิดปัญญาได้ ความทุกข์ก็ทำให้เรามีโอกาสไม่ทุกข์ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ทำให้เราเปลี่ยนได้ ไม่ต้องโลภ ต้องโกรธ ต้องหลง ในเรื่องของชีวิตของเรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป รส กลิ่น เสียง ก็เพื่อให้เราได้ปฏิบัติธรรม มันมีความผิด ความถูก เลือกเปลี่ยนความผิดให้เป็นความถูก เจ็บไข้ได้ป่วยก็ให้เรามีโอกาสปฏิบัติธรรมได้เห็น ธรรมทั้งหลาย ความไม่เที่ยง ก็ทำให้เรามีโอกาสปฏิบัติธรรม ดังที่เราได้สาธยาย ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ทำไม ความไม่เที่ยงเป็นนิพพาน ความทุกข์จะเป็นทุกข์ทำไม ความทุกข์เป็นนิพพาน เขาบอกอยู่แล้ว พระพุทธเจ้า เขาบอกอยู่แล้ว อาจจะตะโกนแรง ๆ ด้วยซ้ำไป
สังเกตดูนะ ไปไหน ไปไหนมาไหน พระพุทธเจ้าอาจจะเดินยืนอยู่ในทางสี่แพร่ง ห้าแพร่ง มันเป็นอย่างนี้ แม้แต่เราได้สาธยาย พระพุทธเจ้าก็แสดงว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เหมือนกับตะโกน พระหลายคน หลายรูป จงมาดู จงมาดู เนี่ย เราจะไปหลับไปไหลทำไม ในความหลง มีความไม่หลง ในความทุกข์ มีความไม่ทุกข์ ในความโกรธ มีความไม่โกรธ ในความโลภ มีความไม่โลภ แน่นอน มีจริง ๆ อย่าปิดบังอำพรางตัวเอง ศึกษาให้ย่อยให้แจ้ง ลองดู อย่าจน อย่าจนต่อความหลง อย่าจนต่อความทุกข์ มันมีโอกาสแท้ ๆ ตรงนี้น่ะ ถ้ายังหลงอยู่ เวลาใดนั่นแหล่ะ เราจะได้ศึกษา จะได้ฉลาด มันฉลาดอยู่บนความโง่ ไม่ใช่โง่เป็นโง่ หลงเป็นหลง มันเป็นสัตว์ประเสริฐจริง ๆ มนุษย์เนี่ย ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ไปหลงทำไม ไปหมกมุ่นทำไม ถ้าเราไม่ปฏิบัติธรรม แม้แต่ความคิดก็เป็นทุกข์นะ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครมาทำ เกิดจากจิตใจของเราที่มันคิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์ได้ คิดขึ้นมานอนไม่หลับ คิดขึ้นมากินข้าวไม่ลง คิดขึ้นมาน้ำตาไหล โกรธเกลียดเคียดแค้นได้ แค่นี้หรือชีวิตเรา เราจะต้องเป็นอย่างนั้นหรือ
ไม่ใช่มีเฉพาะเราคนเดียวกัน มีอีกหลายอย่าง แล้วก็เกี่ยวข้องด้วยกัน เป็นสัตว์สังคม มีพ่อ มีแม่ มีลูก มีหลาน เพื่อนบ้าน บุตร ภรรยา สามี เราจึงปฏิบัติธรรมเนี่ย พยายามที่จะมีสติ มันก็มีได้ สติก็ไม่ได้ไปขอใคร เอาผิดออกมาจากกายจากใจเรานี้ ลมหายใจก็มีสติได้ หายใจเข้า หายใจออกเฉย ๆ ก็รู้ได้ พริบตาก็รู้ได้ กลืนน้ำลายก็รู้ได้ มันไม่ยาก ไม่เหลือวิสัย คนพิการ คนขนาดไหนก็รู้ได้ ตาบอด หูหนวก รู้ได้ มันจึงเป็นยอดของชีวิตจริง ๆ ทำให้เรามีโอกาสปฏิบัติธรรม ไปทุกข์ทำไม ไปหลงทำไม
แม้แต่ยุงกัดก็เป็นโอกาสปฏิบัติธรรมนะ มันบอก บอกว่ามันเจ็บ มันบอก ความเจ็บ ความปวดมันบอก ให้เราได้มีโอกาสปฏิบัติ ได้ช่วยตามอาการ ตามเหตุปัจจัย แล้วก็รอดมาได้จริง ๆ และเราก็รู้นะเนี่ย หูได้ยินเสียงก็ทำให้เราปฏิบัติธรรม รอดมาเพราะหู อย่าให้มีปัญหาเพราะหู ให้มันเป็นปัญญาเพราะหู เพราะตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ใช้ให้มันเป็นประโยชน์ อย่าให้เป็นทุกข์ เป็นโทษ ใช้ได้จริง ๆ กายของเรา ใจของเราเนี่ย เราจะใช้ยังไง ใช้ผิด ก็ผิดจริง ๆ เนี่ย ทดลองความผิด ก็ผิดไปเลย คืนไม่ได้ ไปแล้ว ความผิดน่ะ ไปแล้ว ทดลองความทุกข์ก็ทุกข์ไปแล้ว เอาคืนไม่ได้ ไม่ใช่ทดลอง
ชีวิตไม่ใช่ทดลอง ไม่เหมือนกับวัตถุสิ่งของ ชีวิตต้องเป็นการกระทำ และเราก็ขอสนับสนุน เราก็พยายามจาริกอยู่คนเดียว แม้อยู่กับหมู่ เราก็อยู่คนเดียว ใครไม่เป็นมิตรกับเรา เราก็เป็นมิตรกับตัวเอง อย่าไปหามิตรภายนอก มิตรภายใน มีได้ทุกโอกาส จาริกคนเดียว ไม่ใช่ไปไหนไม่พูดไม่จากับใคร คนเดียวคืออิสระ เราหลง เรามีสิทธิไม่หลง คนเดียว เราทุกข์ เรามีสิทธิไม่ทุกข์ คนเดียว เราโกรธ เรามีสิทธิไม่โกรธ ปฏิบัติธรรมคนเดียว แก้ไขตนด้วยตนเอง เตือนตน ตนเอง คนเดียว อยู่ในเสนาสนะอันสงัด คนเดียว ภิกษุทั้งหลาย พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ไม่ใช่เราเอา เรียกร้องอะไรต่าง ๆ คนนั้นมาช่วย คนนี้ไม่ดี อันนั้นไม่ใช่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ไม่มีที่อยู่หรอก
อย่างเราสวดมงคลสูตร อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ คืออะไร อย่าคบคนพาล ให้คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา คนพาลอยู่ที่ไหน นาย ก. นาย ข. หรือ ไม่ใช่ ไปชี้คนนั้นผิด คนนั้นถูกเหรอ ไม่ใช่ ต้องมองตน ชีวิตต้องมองตน คนพาลอยู่ที่เรา มันหลงเป็นคนพาล มันโกรธเป็นคนพาล มันทุกข์เป็นคนพาล ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน คนพาล เกิดจากเรานี้อย่าคบ คบบัณฑิต คือมีสติ รู้สึกตัว เปลี่ยนร้ายเป็นดี คบบัณฑิต ขณะเดียวกัน ไม่ใช่ไปคบบัณฑิตอยู่ประเทศนั้นเมืองนี้ ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะปุพเพ ไม่ใช่ประเทศที่ไหน อาจจะเป็นประเทศน้อย ๆ กว้างศอก ยาววา หนาคืบน่ะมี หมดในชีวิตของเรานี่ แล้วก็มี ภายนอกก็มีคนสั่งคนสอน ว่ากล่าวตักเตือน ก็เป็นประเทศอันหนึ่ง เราจึง ไม่ยาก พอแล้ว ชีวิตของเรา กาย ใจนี่ พอแล้ว เหมือนคนมีปัญญา มีปากกาปากเดียว พอตัว ไปได้รอบโลก เลี้ยงตัวเองได้ ถ้ามีปัญญา คนมีฝีมืออาชีพเรื่องใด ไม่ต้องพกพาอะไรพะรุงพะรัง มันจึงพร้อมทุกอย่างในชีวิตของเรา มีกายก็พร้อม มีใจก็พร้อม ตา หู จมูก ลิ้น พร้อมที่จะใช้ให้เกิดประโยชน์ ยิ่งเรามีธรรมวินัยยิ่งพร้อมที่สุด และก็หลักปฏิบัติธรรม เพื่อให้เป็นการหลุดพ้นก็มีอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าก็ประกาศอยู่ เอกะวะโก วิสุทธิยา สติปัฏฐานสูตร สติปัฏฐาน 4 อยู่ที่ไหน ไม่ต้องไปเปิดตำรา กายานุปัสสนา สติปัฏฐานมีสติเห็นกาย เห็นเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปอยู่ที่ไหน เราอยู่ที่ไหน กายอยู่ที่นั่น ใจอยู่ที่นั่น ให้รู้เนี่ย เป็นตู้พระไตรปิฎก ให้อ่าน ให้ดู ให้ท่องจำ ให้ลำนำ ให้มันติด สติมันจะติดในกาย สติมันจะติดในใจถ้าท่องจำลำนำดี ๆ โดยเฉพาะกรรมฐาน
วิชากรรมฐานทั่ว ๆ ไป พอแล้ว ให้พวกเรามาทำอย่างนี้ การเคลื่อนไหว 14 จังหวะ 15 จังหวะ ก็พอดี รู้ทุกวินาทีเลยทีเดียว มันจึงใช้ได้จริง ๆ พลิกมือขึ้นก็รู้ ยกมือขึ้นก็รู้ รู้ไปตามอิริยาบถ จึงจะเรียกว่า กายานุปัสสนา มันเคลื่อนไหวทีไรก็รู้ เรียกว่า ท่องจำ ลำดับลำนำให้มันติด ไม่ใช่ไปคิด เป็นภาษาสัมผัส เอาสติไปสัมผัสกับกายเคลื่อนไหวเข้า เวลาใดใจมันคิดก็มีสติ อย่าให้มันคิดฟรี ๆ ให้รู้ ผ่านความคิดที่ตั้งใจคิดก็ไม่ควรคิด เวลาเราฝึกหัด เราก็เจตนาเรื่องเดียวเสียก่อนให้มันรู้ อย่าให้มันหลายเรื่อง มันจะพร่า ไม่ชัดเจน ให้เป็นเรื่องเดียวเสียก่อน ให้มันชำนาญเสียก่อน เราจะทำอะไร เราจะเรียนอะไรต้องทำเรื่องเดียว ค่อย ๆ ผ่านไป ๆ มันแตกฉาน เหมือนคนมีฝีมือหัตถกรรม ศิลปกรรม มันแตกฉาน ในวิชาที่เรียนได้ หัดตัดเย็บเสื้อผ้าก็แตกฉาน หัดตัดผมก็แตกฉาน หัดจักสานก็แตกฉาน ลายไม้ไผ่เอาแบบไหนก็ได้ ถ้าเป็นไม้ไผ่ แต่ถ้าเรียนเครื่องยนต์กลไกก็แตกฉาน เพียงได้ยินเสียงก็แตกฉาน จับดูก็รู้ว่ามันคืออะไร เพราะเขาเรียนรู้มา เราต้องแตกฉานในชีวิตของเรา ไม่มีตรงไหนที่หลอกหรือปิดบังอำพรางได้ ในกายในใจเรานี้ ไม่มีตรงไหนที่ไม่เห็น เห็นหมด เพราะอะไร มันแสดงออกให้เราเห็น นั่งอยู่นี่ มันก็แสดงออก หรือเวลาเราศึกษาจริง ๆ ก็จะสนุกดู มันออกมา แต่เราเจตนาว่าจะดูกายเคลื่อนไหว มันไม่ใช่เห็นกายอย่างเดียว มันออกเคลื่อนไหวหลายอย่าง มันแซงมา ความคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่เราไม่ได้ตั้งใจ ก็ให้รู้มัน อย่าไปสนใจ เอาเรื่องเดียวเสียก่อน ให้รู้ไป อะไรที่มันขนาดไหน ก็เอามาเรื่องเดียวเสียก่อน อย่าทำตามความคิด อย่าลุก อย่านั่งตามความคิด อย่าหยุดเพราะความคิด อย่าขยันเพราะความคิด คิดขยันก็ทำ คิดขี้เกียจก็หยุด อย่าให้ความคิดมันใช้เรา ให้เราใช้ชีวิตของเราเอง มีสติเป็นเจ้าของเอง หัดจากนี้ มอบความเป็นใหญ่ให้สติอย่างเนี้ย จึงจะเรียกว่าฝึกฝนตนเอง
ถ้าเอาอะไรทั้งหมด อะไรมาก็ไป อยากลุกก็ลุก ไปไหน อยากหยุดก็หยุด อยากทำก็ทำ ไม่ใช่ คิดอะไรก็ไปตามความคิด ก็ไม่ใช่ เรียนให้มันรู้เรื่องเดียวเสียก่อน เรียกว่าปฏิบัติธรรม มีเหมือนกันทุกคน บางทีมันอะไรหลายอย่างที่มันเกิดขึ้นมาขณะที่เรามีสติ มันจะเห็น จะได้เรียนรู้มัน จะได้มีบทเรียน จะได้ประสบการณ์ ประสบการณ์มันมาสอนเรา อันนี้คืออะไร อันนี้คืออะไร เราจะได้เห็น ไม่ต้องไปถามใคร นี่คือความหลง เราเห็นมัน นี่คือความทุกข์เราเห็นมัน ความโกรธเราเห็นมัน ความโลภ เราเห็นมัน ความพอใจ ความไม่พอใจ ให้เราเห็นมัน ความลังเลสงสัยเกิดขึ้นเราเห็น ง่วงเหงาหาวนอนให้เราเห็น อะไรที่มันเกิดขึ้นมา แซงหน้าแซงหลังอย่าหวั่นไหวให้เราเห็น ให้ตั้งไว้ก่อน ให้ตั้งมั่นมีศรัทธาไว้ก่อน ศรัทธาต่อความรู้สึก อะไร ๆ ที่มันหลงอย่าไปศรัทธาความหลง เวลาที่มันคิด อย่าไปทางความคิด เชื่อความคิด เชื่อความสุข เชื่อความทุกข์ไม่ได้ ให้เชื่อสติไปก่อน ใช้สติไปก่อน ถ้าจะทำอะไรก็มีสติก่อน แล้วค่อยทำ ค่อยพูด ค่อยคิด หากลำดับลำนำอย่างนี้เรียกว่า ปฏิบัติธรรม
เราก็ให้โอกาสกันและกัน และก็ช่วยกันและกัน สนับสนุนให้กันและกันได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ในธรรมวินัยมีแต่ กระฮือกระแอม ไอแรงๆ ก็ไม่ค่อยดี ระมัดระวังว่าอย่างนั้นนะ เข้าห้องน้ำห้องส้วม เบ่งแรงก็ไม่ได้ ก็ผิดธรรมวินัยนะ (หัวเราะ) ไม่ได้นะ เบ่งแรง (หัวเราะ) ระมัดระวัง จะพูดจะไอก็ระมัดระวัง ปิดปากเสียก่อน ไม่ควรพูดก็ไม่พูด มีสติไว้ก่อน ถ้าจะพูดสิ่งใดก็ควรตั้งสติไว้ ไม่ควรดูก็อย่าไปดู ทำท่าหูบอดหูหนวกไป ปิดตาปิดหู ไม่ควรเห็นก็ไม่ต้องเห็น ไม่ควรฟังก็ไม่ต้องฟัง ไม่ควรคิดก็ไม่ต้องคิด เรียกว่าเป็นพระปิดทวารไว้สักหน่อย ศักดิ์สิทธิ์นะ ไม่ใช่เอาพระปิดทวารมาแขวนคอ อันนั้นก็ถูก แต่ว่าถูกน้อย ๆ ไม่ถูกทั้งหมด นี่คือ ขณะที่ฝึกใหม่ ก็ต้องหาทางช่วยเหลือตัวเองให้เต็มที่
อะไรที่เราเป็นฐานะแบบไหนก็ดู เราก็รู้ตัวเรา เราก็พยายามฝึก ถ้าพอใช้ได้ ไปใช้กับการสิ่งแวดล้อมไม่ดีก็ไปใช้ลองดู มันใช้ได้ไหม เหมือนเครื่องมือที่ เครื่องใช้ที่เขาสร้างขึ้น เขาก็ ใช้ได้ไหม ใช้ไม่ได้ มาซ่อมใหม่ เหมือนนีออนเนี่ย สร้างขึ้นมาตั้งเท่าไหร่ครั้ง พันครั้ง สร้างขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก็ใช้ไม่ดี เอามาปรับใหม่ หลายร้อยหลายพันครั้ง จึงเป็นมาตรฐานได้ ถ้ามันใช้ไม่ได้ ก็เอาใหม่ มันจะชำนาญขึ้น ทำให้มันดีขึ้น อะไรที่มันไม่ดี ทำให้มันดีขึ้นมา ในกายในใจเรานี้ ไม่ใช่เราไปเสาะค้นหา มันเห็น มันเกิดขึ้นมาให้เราเห็น ให้เราเรียนรู้ ความหลงไม่ถูกต้อง ความไม่หลงถูกต้อง ความทุกข์ไม่ถูกต้อง ความไม่ทุกข์ถูกต้อง ความโกรธไม่ถูกต้อง ความไม่โกรธถูกต้อง มันมีมาแล้ว เป็นอย่างนี้ สิ่งถูกต้อง สิ่งไม่ถูกต้อง ไม่ให้คนอื่นตอบให้ เราตอบเอาเอง แต่ไม่มีคำถาม ทาย มีแต่คำตอบมาจากเรานี้ จากสัมผัส จากประสบการณ์ จากที่ได้เห็น มันเกิดขึ้นกับเรา แล้วก็เหมือนกันหมดทุกคน ความหลงก็เหมือนกัน ความไม่หลงก็เหมือนกัน ไม่ใช่เพศ ลัทธิ นิกาย ชาติ ภาษา ความโกรธ ความทุกข์ อันเดียวกัน เป็นปรมัตถสัจจะ ความไม่เที่ยงก็แบบเดียวกัน ความเป็นทุกข์ก็เหมือนกัน เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันเนี่ย ไม่ใช่ไปศึกษาแบบนั้นแบบนี้ มันจึง เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวกทั้งหลายเช่นนี้เป็นส่วนมาก เอวัง ปะกัจจะ อะไร พระสงฆ์สาวกทั้งหลายก็รู้เรื่องนี้เป็นส่วนมาก รู้เรื่องความไม่เที่ยง ความไม่ทุกข์ เรื่องรูปเรื่องกาย เรื่องรูปเรื่องนาม ความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตน จำแนกออกเป็นอย่างนี้ มันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่เราเนี่ย อยู่ที่กายที่ใจเนี่ย ปัญหาก็อยู่ที่นี่ แก้ปัญหาก็อยู่ที่นี่ เป็นทุกข์ เป็นนรก เป็นเปรต เป็นอสุรกายก็อยู่ที่นี่ เป็นสวรรค์ นิพพาน ก็อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ไปหาที่ไหน
มันจึงชื่นใจที่เราได้รูปได้นามมา ที่บิดามารดาให้เราเกิดมา พ่อแม่อาจจะไม่ทำได้ เราอาจจะทำได้กว่าพ่อกว่าแม่ ที่ให้เราเกิดมาเนี่ย เพื่อพ่อแม่ ให้เราได้มาทำเรื่องนี้ ธรรมวินัยก็เพื่อให้เราทำเรื่องนี้ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อให้เราทำเรื่องนี้ ไม่ใช่ให้ไปทำเรื่องอื่น ทำเรื่องนี้ได้แล้ว ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าที่เราเกิดมา จะได้ไปบอกคนอื่น เหมือนพระพุทธเจ้าที่แล้ว ก็ศึกษาด้วยพระองค์เอง ไม่มีใครศึกษาดูแลเรื่องนี้ ถามใครก็ไม่มีใครตอบ ทำไมต้องมีเกิด ทำไม่ต้องมีแก่ ทำไมต้องมีเจ็บ ทำไมต้องมีตาย ทำไมต้องมีทุกข์ ทำไมจึงร้องไห้เสียใจ พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่า พระเจ้าตา พระเจ้ายาย ตอบไม่ได้ ใครก็ตอบไม่ได้ จึงเป็นการบ้านของพระองค์สิทธัตถะ จนศึกษาเรื่องนี้ได้คำตอบ โดยหลักปฏิบัติธรรมเนี่ย ในคืนวันเพ็ญเดือนหก มีสติ อะไรเกิดขึ้นขณะที่มีสติมากมาย ตามพระสูตร มีมาร มีอะไรเกิดขึ้น มันก็มีอยู่อย่างนี้แน่นอนแล้ว
พวกเราขอมาท้าทายเรื่องนี้กัน อย่าปล่อยกันทิ้ง อย่าปล่อยธรรมที่เป็นกุศลทิ้งไปเปล่า ๆ อย่าปล่อยธรรมที่เป็นอกุศลให้มันยิ่งใหญ่ในโลก มันสามารถเปลี่ยนได้อย่างนี้ น่าจะกระตือรือร้น อย่างน้อยต้องเอาตัวเองให้มันพ้นไปเนี่ย จำเป็นที่สุด เวลามันหลง ไม่หลงน่ะนี่ จำเป็นมากนะ เวลามันทุกข์ ไม่ทุกข์ นี่จำเป็น เวลามันโกรธ ไม่โกรธ จำเป็นต้องเปลี่ยน เหมือนยุงกัดต้องไล่มันออก ถ้าไม่ไล่มันก็อาจจะเป็นไข้มาลาเรีย เป็นไข้เลือดออก จำเป็น เวลายุงกัดต้องไล่มัน เวลาปวดหนัก ปวดเบาต้องไป อย่าเอาเป็นทุกข์ ดีแล้วที่มันปวดหนักปวดเบา นอนอยู่ก็ต้องลุกไป สมัยหลวงตาอยู่ในห้องไอซียู หมอเรียกหลวงตา ๆ หลวงตาไม่หนักไม่เบามานานแล้ว หลายวันแล้ว อย่ากลั้นเลยนะมันทรมานไต ใช่ไหม มันทรมานไต อย่าไปกลั้นนะ ไปกลั้นหนักกลั้นเบาไม่ดีนะ มันกระทบต่อสุขภาพร่างกาย บางทีปวดหนักปวดเบาเฉย ๆ ก็ทุกข์ โอ้ย เป็นทุกเรื่อง มีประโยชน์ มันมีประโยชน์ตรงนั้นนะ อย่าไปทุกข์ อะไรก็มีแต่ทุกข์ อะไรก็มีแต่ทุกข์ ขี้ทุกข์อย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่ ฉลาด ก็ดี ขอบคุณ ความหิวก็ขอบคุณความหิว ไม่ใช่ทุกข์นะ บางทีไม่รู้เอาความหิวมาเป็นทุกข์ ถ้าไม่หิว แล้วมันจะตายนะ ถ้าหิว แล้วมันไม่ตายนะ ไม่น่าจะเป็นทุกข์ ทะเลาะวิวาทกันเพราะความหิว กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ตายเพราะความหิว มันปานนั้นน่ะ ถ้าไม่รู้มัน เอาความจริงไปฆ่าแม่ตาย หิวข้าวเฉย ๆ น่ะ มันก็มีประโยชน์ แม่เอาข้าวมาส่ง เห็นมันหิว เราก็กลัวว่าจะไม่อิ่ม โกรธขึ้นมา ถ้าไม่มีสติก็ปานนั้นน่ะ ผลุนผลัน โง่ไปเลย ทั้ง ๆ ที่มีประโยชน์ ความหิว เอาเป็นความโง่ไปเลย เข่นฆ่าแม่ตาย ไปดูที่ยโสธร เห็นธาตุกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่อยู่ทุ่งนา มีจริง ๆ
พวกเราก็เคยเสียเปรียบความโกรธบ้างไหม เสียเปรียบความทุกข์มีไหม เสียเปรียบความโกรธมีไหม หลวงตาเคยเสียเปรียบมัน มากเหมือนกัน ถ้าจะพูดแล้วมัน คนขี้ทุกข์ขี้ยาก ทุกข์ทุกอย่าง และก็ขอบคุณมัน เห็น มาเห็นทุกวัน โอ้ย ถ้าไม่ทุกข์ จะไม่มีโอกาสปฏิบัติธรรมอะไร อะไรก็ทุกข์หลายอย่าง ทุกข์เพราะความอดอยาก ทุกข์เพราะลำบากตรากตรำ ทุกข์เพราะการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์เพราะปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ความไม่สบายกายความไม่สบายใจ ได้สัมผัสกับรสชาติความทุกข์มาทุกอย่าง มาหลอกกันไม่ได้ ความทุกข์ อย่ามาคุยอวดหลวงตาก็แล้วกันนะ นะ ไม่ต้องมาคุยอวด อันความทุกข์นี่ น่าอายนะ คนทำไมคุยเรื่องทุกข์ แต่คุยก็ได้มันจะไปสบายใจ เราจะได้รู้ จะได้ช่วยกัน
ที่นี่ขอเป็นเพื่อนของคนมีปัญหา คนมีทุกข์ ไม่รังเกียจใคร ใช่ไหม อย่ารังเกียจกัน อย่ารังเกียจด้วยกัน อย่าทะเลาะวิวาทกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน เป็นญาติกันในทางนี้ ไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องเบียดเบียน ไม่ต้องทำอะไร เขาก็ทุกข์อยู่แล้ว ไปด่า ไปทะเลาะกันทำไม ต่างคนต่างทุกข์อยู่แล้ว หายใจเข้าหายใจออก มันก็เป็นทุกข์อยู่แล้ว ถ้าหายใจเข้า ไม่เข้า ก็ตาย เท่านี้เองชีวิตเรา ไม่ใช่ยากอะไร นะ
จึงจำเป็นนะ ปฏิบัติธรรม จะให้เป็นทุกข์ เป็นทุกข์ อย่างนั้นทุกอย่าง มันก็ไม่ไหว ไม่ใช่เกิดมาทุกข์ เกิดมาเพื่อความดับทุกข์ เป็นชาติมานี่เพื่อปฏิบัติธรรมน่ะ อย่าไปทำอย่างอื่น แต่ชาตินี้ทั้งชาติเนี่ย ให้มาเอาเรื่องนี้เสียก่อน จะได้เดินลุยเหยียบบนโลกใบใหญ่อย่างสง่างาม ในโลกเนี่ยมันไม่ใช่โรยด้วยดอกกุหลาบไว้ให้พวกเรา มีแต่ขวากแต่หนาม ถ้าไม่รู้ มีทุกข์ มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก มีเมียมีผัวก็ทุกข์เพราะเมียเพราะผัว มีอะไรก็ทุกข์ มีไม่เป็น เป็นไม่ทุกข์ ทุกข์ทั้งนั้น ถ้ามีเป็น เป็นถูกก็ไม่ต้องทุกข์ ก็ช่วยกัน เป็นกัลยาณมิตรกันไป ดี พากันไปมรรคไปผล ถ้าเห็นคนหนึ่งทุกข์ก็ช่วยกันให้เป็น เห็นคนหนึ่งโกรธก็ช่วยกันให้เป็น ต้องช่วยตรงนี้ จึงจะเป็นสมรส สามีภรรยากัน แต่เรามาช่วยกันตรงนี้ พอคนหนึ่งโกรธ คนที่สองก็โกรธตอบ เป็นแต่โง่ไปด้วยกัน ไม่มีความฉลาดตรงนี้เลย คนที่โกรธก่อนก็เป็นบาป คนที่โกรธที่หลังเป็นบาปสองต่อ สองเท่ากว่าคนก่อน ๆ ยังไปโง่ตามเขาอยู่ ให้เขาว่าให้เราโกรธไปตามเขา นี่เรียกว่าไม่ช่วยกันเลย มีมากนะเรื่องนี้ ในโลก ทะเลาะกัน แตกแยกกันเพราะคนหนึ่งโกรธก่อน อีกคนหนึ่งก็โกรธตอบไป ถ้าช่วยกันนะ มีโอกาสแล้ว กระตือรือร้น โอย ๆ เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่ง คอย คอยไว้ก่อน โอ้ย ไม่ถูก ๆ มันก็เห็นได้ หน้าบึ้ง ๆ หน้าบูด ๆ แสดงออกมาก็เป็นความทุกข์ ช่วยกันได้ ถ้าช่วยกันนี่ ตรงนี้ มันจะดีที่สุด จะเห็นใจกันที่สุด จะรักกันมากที่สุดตรงที่ช่วยเหลืออันที่มันทุกข์ให้ไม่ทุกข์ นี่แหล่ะเพื่อน มิตร กัลยาณมิตร สามีภรรยา ก็ช่วยกันอย่างนี้ เป็นคู่ชีวิต เห็นหน้ากันก็ได้มรรคได้ผล ได้นิพพาน เย็นใจ เห็นหน้ากันได้นรก ได้เป็นเปรตก็มี ร้อนใจ ก็จะอยู่อย่างนี้กันล่ะในโลกนี้ อะไรที่มัน ที่จะพึ่งให้อาศัยได้ เราพึ่งตัวเราได้ตรงไหน กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นเปลว คืออย่างนั้นหรือ ให้มันเย็น ให้มันเรียบร้อย หมดพิษหมดภัย ไม่เป็นพิษเป็นภัย เหมือนถ่านไฟที่มันเย็นแล้ว ชีวิตของเรา เราก็พึ่งได้
มีชีวิตเพียงวันเดียวประเสริฐกว่าชีวิตร้อยปี ผู้ใดไม่มีสติ ผู้ใดไม่มีธรรมะ ชีวิตร้อยปีไม่ประเสริฐ ผู้มีธรรมะเพียงวันเดียว เพราะมีรสพระธรรมในหัวใจที่ได้สัมผัส ยกมือไหว้ตัวเองได้ คุ้มค่าแล้ว คิดถึงพ่อถึงแม่ โอ้ย พ่อแม่ที่ให้ลูกเกิดมาคุ้มค่าแล้ว ไม่เสียค่าน้ำนม ไม่เสียค่าแรง จะได้ตอบคุณแทนคุณพ่อแม่ เอากายเอาใจที่เราได้จากพ่อจากแม่มาทำความดีต่อไป หลวงตานอนป่วยอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ พูดกับอาจารย์โน้ส อาจารย์ตุ้ม รู้สึกว่ามันดีขึ้นนะ ก็บอกอาจารย์โน้สว่า คงไม่เสียแรงหรอกอาจารย์โน้ส ที่มานอนเผ้ากันอยู่นี่ 2 ปี อาจารย์ตุ้ม รู้สึกว่ามันดีขึ้นมากว่าเก่า คงไม่เสียแรงนะ แล้วก็ไม่เสียแรงจริง ๆ ยังมาเทศน์ให้ฟังอยู่วันนี้ มันก็คุ้มค่าแล้วที่ดูแล ให้แต่ญาติโยมชาวสุคะโต ญาติโยมทุกคน คุ้มค่าแล้วที่ช่วยหลวงตา จะได้ใช้ประโยชน์ ในช่วงที่หายป่วยมานี้ก็ทำอะไรได้บ้าง นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดีกว่าที่มันจะตายทิ้งไปล่ะ
เราก็เหมือนกันนะ อะไรที่เรายกมือไหว้ตัวเองได้ เราทำอะไรได้บ้าง เปลี่ยนหลงเป็นรู้ ง่ายไหม เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ ชำนาญไหม เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ ชำนาญไหม อันความหลง ความโกรธ ความโลภ ความทุกข์นี่เป็นอกุศล ไม่ดีเลย นำไปสู่นรก เปลี่ยนมันให้มันเป็นเรื่องกุศลซะ มันจะดีไปสู่สวรรค์ นิพพาน ทางเข้าของมันตรงนี้ ตรงกันพอดี เวลาเรามีสติจะเจอความหลง นั่นแหล่ะ มันพอดีกัน มันพอดีกัน เราก็เปลี่ยนมันนั่นนะ นั่นแหล่ะจึงปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์ทันที อย่างนี้ ถ้าเปลี่ยนตรงนี้แล้วก็ไป ไขกุญแจแส้โซ่หลุดไปแล้ว ไปหลงจนตาย ไปทุกข์จนตาย ไปโกรธจนตาย ไปโลภจนตาย ไม่ใช่ ต้องเป็นครั้งสุดท้าย ความหลงเป็นครั้งสุดท้าย ความโกรธ ความทุกข์เป็นครั้งสุดท้าย ชีวิตเราเนี่ย มันจึงจะคุ้มค่าที่เราเกิดมา ที่เราได้ชีวิตมา ได้กายได้ใจมานี้ ใช้ให้สำเร็จประโยชน์ อย่าใช้ให้เป็นทุกข์เป็นโทษ มีประโยชน์มาก ๆ ห้านิ้วสิบนิ้ว กายใจของเราเนี่ย ถ้าไม่ใช้ ถ้าใช้ไม่เป็น ถ้าไม่ศึกษาก็มีโทษ เราเป็นทุกข์เพราะลูก เพราะเมีย เพราะผัว เราเป็นทุกข์เพราะญาติพี่น้อง เราเป็นทุกข์เพราะเป็นทุกข์ มันก็มีโทษแบบนั้น เราไม่เป็นทุกข์เพราะความมีทุกข์ เราเป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง เป็นสวรรค์นิพพานไปเลย อย่างเราสาธยายพระสูตร ติลักขณาทิคาถา จำได้ไหมว่าอะไร ติลักขณาทิคาถา เชื่อไหมตรงนี้ หรือว่าแต่ปากตามประสานกแก้วนกขุนทอง สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา เมื่อนั้นย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ที่เป็นหลง นั่นแหล่ะเป็นทางแห่งพระนิพพาน เชื่อไหม หรือว่าเป็นภาษานกแก้วว่าไปเฉย ๆ เอามาทำไหม เอาความทุกข์มาเป็นนิพพานได้ไหม เย็นไหมจากความร้อน ความทุกข์เป็นเหมือนความร้อน ความไม่ทุกข์เป็นเหมือนเย็นแล้ว ทำดูไหม มันต่างกันไหม ความทุกข์กับความไม่ทุกข์ มันต่างกันไหม เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ กราบพระพร้อมกัน