แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมต่ออีก เพื่อบอกย้ำลงไป เป็นการช่วยกันในฐานะที่เป็นกัลยาณมิตร ถ้าใครไปถึงมรรคถึงผลก็เพราะเหตุนี้ มีโอกาสได้พบกันสาธยายธรรมร่วมกัน แล้วก็มีการบอกกล่าวเล่าแจ้งเรื่องชีวิตของเรานี้สู่กันฟัง ชีวิตของเราก็เหมือนกันทุกชีวิต โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นนักบวชอยู่วัดวาอารามนี้ มันเพื่อละความชั่วทำความดีจริง ๆ มีข้าวทานมีอาหารฉันก็เพราะเขาให้เรามาทำความดี ให้ละความชั่ว มีที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค คนอื่นหาให้ เราอาศัยเลี้ยงชีวิตด้วยคนอื่นเขา เพื่อให้เรามาละความชั่วทำความดี มันถึงจะคุ้มค่า
ถ้าเราละความชั่วทำความดีได้แล้ว มันจะมีประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายผู้ที่ช่วยเราเขาก็ได้ประโยชน์ เขาสร้างคนดีให้เกิดขึ้นให้มากขึ้น เราก็ได้ประโยชน์จากที่เราใช้ชีวิต ได้ความสะดวกเพื่อละความชั่วเพื่อทำความดี ก็มีความดีเกิดขึ้น ถ้าเมื่อไรเวลาไหนถ้าหากว่ามีผู้คนมาใช้ชีวิตแบบนี้ ก็เหมือนการหว่านเพาะปลูกต้นไม้ลงดิน ฝังไว้ในดิน ต้นไม้ก็เจริญเติบโตขึ้นมา เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน หัวเผือกหัวมันก็ใหญ่ขึ้น มีคุณภาพมีค่ามีราคาเพิ่มขึ้น ชีวิตเราถ้าละความชั่วได้ ถ้าทำความดีได้ก็เป็นประโยชน์ต่อโลก ต่อคนหมู่มาก
เหมือนพระพุทธเจ้าสั่งพระสาวกให้ไปประกาศพระศาสนาในสมัยต้น ๆ 60 รูป มีปัญจวัคคีย์ 5 เพื่อนของยสะกุลบุตร 45 รวมกันเป็น 60 รูป ได้ส่งไปประกาศพระศาสนา พระองค์ได้ตรัสว่า จะระถะ ภิกขะเว จาริกัง พะหุชะนะหิตายะ พะหุชะนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ ภิกษุทั้งหลายจงไปเพื่อประกาศ เพื่อบอก เพื่อสอนให้เกิดประโยชน์แก่คนหมู่มาก เพื่อโลกเกิดความสงบร่มเย็น แล้วก็มาถึงพวกเรา พวกเราก็มาที่นี่ ลาราชการมาบวช ลาการลางานมาบวช เหมือนกับรับคำสั่งจากพระพุทธเจ้า
เราต้องมาศึกษาชีวิตเรา ไม่ใช่จะไม่ศึกษา ต้องมาศึกษามาถลุงให้แจ้ง ให้แยกออกให้เป็น อันไหนที่เป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ทิ้งไป อันใดที่ใช้ได้ก็ทิ้งไป เช่น เราสาธยายพระสูตรภัทเทกรัตตคาถา พระพุทธเจ้าทั้งปวงเคารพพระธรรม ได้เป็นมาแล้ว เป็นอยู่ด้วย จักเป็นไปอีกข้างหน้า พระธรรมเคารพคือเคารพอย่างไร พวกเราเมื่อระลึกได้ถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ จงทำความเคารพพระธรรมเหมือนกัน ความหลงไม่เป็นธรรม อย่าไปเคารพมัน ความไม่หลงเป็นธรรม ให้เคารพความไม่หลง ความโกรธไม่เป็นธรรม อย่าไปเคารพ อย่าไปทำตาม อย่าไปครุ่นคิด อย่าไปทำตามความโกรธ ความทุกข์ ให้มาทำตามให้มาเคารพพระธรรมคือปฏิบัติตามธรรม ถ้าเราต้องการความเจริญ ผู้หวังความเจริญแก่ตนจงเคารพพระธรรมอย่างนี้ มันก็มีอยู่ในตัวเรานี้ ในนอกตัวเราก็มี
เหมือนกับเราเดินทาง เราเป็นคนเดิน แต่ทางมันไม่ได้ดีเสมอไป ขรุขระมีขวากมีหนาม ก็ต้องเดินในทางที่มันไม่มีหนาม เลือกได้ เช่น โลกมันมีรสชาติ นินทา สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีทุกข์ อะไรต่าง ๆ มีรสชาติ มันครอบงำเราอยู่ เกิดแก่เจ็บตาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ถ้าเราไม่รู้ มันก็จะเป็นทุกข์เป็นโทษ เวลาเขาสรรเสริญเรา เรามีความรู้สึกอย่างไร เราจะเป็นคนเช่นใดที่จะเรียกว่าเคารพพระธรรม ถ้าเราเคารพพระธรรม ถ้าเขาสรรเสริญ เราก็ทำความไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ใช่ไปดีใจอะไรต่าง ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าเขานินทาเรา เราจะเป็นคนอย่างไรจึงจะเรียกว่าเคารพพระธรรม ก็ต้องตั้งใจฟังด้วยใส่ใจเพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่เขาบอกเขาว่ามา ไม่ต้องไปโกรธ ให้ใส่ใจฟัง เรียกว่าเคารพพระธรรม ได้ประโยชน์ ถ้าเขาไม่รู้ไม่ชี้อะไร เราบอกอธิบายไม่เข้าใจ ก็จงพยายามตั้งใจอยู่เสมอเพื่อจะบอกความเท็จความจริง
อย่างพยายามบอกเวลามันหลง เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง พยายามอยู่ตรงนี้ เวลามันโกรธ เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ เวลามันทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ พยายามบอก ถ้าเขายังไม่เข้าใจ ให้พยายามบอกโดยใส่ใจ นี่เราทำชีวิตแบบนี้ จะเป็นคนแบบนี้ ใช้ชีวิตแบบนี้ เรียกว่าแม้จะมีขวากมีหนามเราก็ต้องไปให้ได้ เหมือนกับเราเดินทาง เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็ไปให้ได้ ยังไม่ถึง ถ้ายังหลงอยู่ก็ต้องไปสู่ความไม่หลงให้ได้ ถ้ายังมีทุกข์อยู่ต้องไปสู่ความไม่ทุกข์ให้ได้ มีหวังริบหรี่ กระแส เรียกว่าเคารพพระธรรม
เราก็ต้องไปให้พ้น ชีวิตของเราถึงจุดหมายปลายทางคือความหลุดพ้น ไม่ใช่อย่างอื่น พ้นทุกสิ่งทุกอย่างในโลก พ้นนินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ ได้ เสีย พ้นไปแล้ว ได้ลุยมาแล้ว ผ่านมาแล้วอย่างโชกโชน ไม่เที่ยงก็ผ่านไปแล้ว ความไม่ทุกข์ก็ผ่านไปแล้ว ความไม่ใช่ตัวตนก็ผ่านได้แล้ว ไม่ได้ข้องได้ติด ไปตะพึดตะพือจนเหนือการเกิดแก่เจ็บตายโน้น นี่คือชีวิตจริง ๆ จุดหมายปลายทาง เมื่อมันมีที่สุดแล้วก็ไม่ต้องไปไหน มันสิ้นสุดกันแล้ว จบลงแล้ว จนถึงภาวะความไม่มีไม่เป็นอะไร มันเป็นได้ชีวิตของเรานี้ ไม่ใช่ว่าจะพะรุงพะรัง เวลาไหนก็ละได้ความชั่ว เวลาไหนก็ทำได้ความดี ไม่มีกาลไม่มีเวลา
เสียงหูมันรบกวนเหลือเกิน กุกกัก กุกกักอยู่นี่ ถ้าไม่ใส่ก็ไม่ได้ยินนะ ชีวิตมันไม่ค่อยสะดวก ไม่รู้จะใช้ได้อีกเท่าไร จึงขยันอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องบอก อันอื่นก็ใช้ไม่ได้ แต่เรื่องนี้ยังใช้ได้อยู่ ยิ่งมีปัญหาเท่าไรยิ่งกระโจนได้ไกล ถ้ามีความเคารพพระธรรมแล้ว ไม่มีสิ่งใดกักขังได้ กระโจนไป เวลามันหลงทีก็กระโจนไป มันเป็นอย่างนี้นะ เวลามันทุกข์ทีไรก็กระโจนไป เวลามันรักมันชังทีไรก็กระโจนไป ยิ่งถลาได้ไกล ความหลงพาให้เราได้พ้นไกลออกไป ความทุกข์พาห้เราได้พ้นไกลออกไป กระโดดสุดยอดกอดพระธรรม มงกุฎยอดพระธรรมเลย ไม่เป็นอะไร ถึงโน่น
เหตุมันก็อยู่ที่นี่ ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ ดับที่เหตุ พ้นที่เหตุ มันหลงเป็นเหตุให้เรากระโจนได้ เหมือนเราสะดุดตอก็กระโจนไปได้ ตกกระไดพลอยกระโจนไปได้ มีศิลปะตอนนั้นชีวิตเรา ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวดล้มลุกคลุกคลาน มันจะเข็มแข็ง ฝึกตน เตือนตน สอนตน พิพากษาตนให้ไม่มีภัย พ้นคดีทางโลกคดีทางธรรมไปได้ ชีวิตเราต้องมีที่หมาย ความตายไม่มีค่าอะไร อย่าไปกลัว ชนะคือความหมาย ความตายไม่มีค่าอะไรสำหรับเรา ถ้ามันหลง ไม่หลง ชนะ ความหมาย มีจุดหมายปลายทาง ความหลงไม่มีค่าสำหรับเรา ความทุกข์ไม่มีค่าสำหรับเรา ต้องไม่ทุกข์ มีจุดหมายปลายทาง
เราก็มีหลง นั่นแหละงานเรา ถ้าหากว่ามีความหลงอยู่ เป็นงานเราแล้ว ให้กระตือรือร้น อย่าให้มันค้างคายุ่งเหยิง การงานอย่ายุ่งเหยิงสับสน ให้เป็นชิ้นเป็นส่วน เป็นการใช้ชีวิตของเราเป็นระเบียบ อาศัยหลายอย่างระเบียบวินัยศีลมาช่วยเรา เหมือนกับธรรมะนคร นครแห่งธรรม มีศีลเป็นรั้วเป็นกำแพง แล้วแต่จะว่าไป มีวิปัสสนาญาณเป็นป้อมปราการ หยั่งรู้อะไรได้ รู้ได้ทุกกรณี ป้อมปราการ เห็น วิปัสสนาญาณ วิ คือรู้แจ้ง ไม่มืด วิ คือวิเศษ นำไปสู่ความวิเศษได้ ญาณ คือปัญญาหยั่งรู้ ทะลุทะลวงได้ ไม่มีตรงไหนปิดบังอำพรางชีวิตเรา เกิดจากกายจากใจ มีตา สติเป็นหน้ารอบ เหมือนพระขีณาสพก็มีสติเป็นวินัย หน้ารอบ ๆ มันก็มีทวารอยู่ใช่ไหม
ถ้าเป็นธรรมะนครก็คือมีประตูอยู่ 6 ประตู ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป รส กลิ่น เสียง ภายนอก ภายใน สติ สัมปชัญญะ สติปัฏฐานเป็นทวารบาล มาทางไหนก็รู้ เราไปมา ประตูที่สำคัญคือภาวะที่ใจ คือจิตใจที่มันคิด ไม่ใช่หัวใจที่มันเต้น มันอยู่นิ่งไม่เป็น ซุกซนกว่าอย่างอื่น กลางคืนก็เป็นควัน กลางวันก็เป็นเปลว อันอื่นยังมีเวลา ตาก็ยังหลับหลายชั่วโมง กายก็ยังนอนเฉย ๆ หลายชั่วโมง หูก็ยังเงียบไปหลายชั่วโมง ส่วนจิตใจมันยังคิด เวลานอนก็หาเรื่องมาคิดจนฝัน นอนอยู่มันก็คิด สุขได้ทุกข์ได้ เป็นสุขเป็นทุกข์เพราะความคิด นอนไม่หลับเพราะความคิด น้ำตาไหลเพราะความคิด กินไม่ได้เพราะความคิด เกิดความรักความเกลียดชังเพราะความคิด มันไม่รู้จักหลับจักพักอะไร อันง่าย ๆ คือดูความคิดนี้ ไม่ต้องลงแรงอะไร นอนอยู่ ถ้ามันคิดก็รู้เวลานอนนั่นแหละ ก่อนที่จะหลับตอนที่จะนอนนั่นแหละ หัดดูลมหายใจเข้าออก กล่อมไป รู้แบบอยู่ ไม่ใช่รู้แบบดู เหมือนปรารภความเพียร รู้แบบอยู่ หายใจเข้า รู้ หายใจออก รู้ไป มันจะอยู่ เมื่อมันได้ที่อยู่ มันไม่ได้ไปไหน มันตกร่องได้ มันก็หลับง่าย ถ้าไม่มีที่อยู่ มันก็กลิ้ง มันกลิ้ง ให้มันอยู่เสีย มีลมหายใจเป็นที่อยู่
เหมือนพระพุทธเจ้าสอนพระบิณฑบาต ข้ามแม่น้ำอะไร จำไม่ได้ มักจะพูดผิดนะ ถ้าพูดประวัติพระพุทธเจ้านะ เช่น เมื่อวันหนึ่งพูดว่า พระองคุลีมาลบวชอยู่เชตวัน มันไม่ใช่ อยู่ที่เวฬุวัน กรุงราชคฤห์นะ มันจำผิดจำถูก อย่าถือสาหาผิดหาถูกกับหลวงตา มันก็อยากพูดแต่มันจำไม่ได้ ความจำมันขี้เกียจจำ บิณฑบาตอยู่ฝั่งแม่น้ำ เห็นเต่าตัวหนึ่งคลานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ กำลังหากินอยู่ ตอนเช้าพาพระสงฆ์บิณฑบาต สุนัขป่าวิ่งออกมาจะกินเต่า จะกัดเต่าจะแทะเต่ากิน พอเต่ามันเห็นสุนัขวิ่งมากัด มันก็หดอวัยวะเข้าในกระดอง หมาป่าก็กินไม่ได้ เพียงแต่เอาปากไปถูกเฉย ๆ จะกัดกระดองก็กัดไม่ได้ ไม่เห็นอวัยวะส่วนไหน มันมีกระดองเป็นที่อยู่ของมัน แม้มันมีขา 4 ขา มีหัว มันก็มีกระดองอยู่
ภิกษุทั้งหลาย จงเอาเยี่ยงเต่านี้ มันมีกระดอง กระดองของพวกเธอ กระดองของพวกเราคือกรรมฐาน กลับเข้ามากับการเคลื่อนไหวถ้ามันออกไป ถ้าให้มันออกไปนะ มารได้โอกาส ปล่อยให้ตาไหลไป ปล่อยให้หู จมูก ลิ้น กาย ใจไหลไป ไม่มีกระดองเป็นที่อยู่ มารก็ได้โอกาส เอาไปจับไป เห็นกับความรักความชังความดีใจเสียใจไปโน่น เจ็บปวดไปโน่น ไม่อยู่ในกระดอง กลับเข้ามาซะ เวลานั่งอยู่ เวลามันคิดไป กลับมารู้สึกที่มือที่เคลื่อนไหวนี้เป็นกระดองของเรา ถ้าไม่เคลื่อนไหวก็หายใจเข้าหายใจออกเป็นกระดองของเรา ให้มีกระดองอยู่ก่อน
อะไรก็มีที่อยู่นะ กายของเราคิด ก็เรามีที่อยู่มีบ้านมีเรือน อะไรก็มีที่อยู่ แม้แต่นกก็อาศัยขนอาศัยปีกมัน ฝนตกมันก็ไม่เปียก ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีเครื่องกันฝน แต่เราต้องมีบ้านเป็นที่อยู่ของกาย เมื่อเราหัดละจะเป็นปกติ เป็นบ้านของจิต ไม่เป็นอะไร มันอยู่แล้ว ปกติแล้ว ปกติเป็นบ้านของจิต อะไร ๆ ที่มันสุขทุกข์ ไม่ใช่ปกติ มันโกรธ มันโลภ มันหลง มันรัก มันชัง มันฟู ๆ แฟ่บ ๆ ไม่ใช่ปกติ เรียกว่าจิตอาภัพ ไม่มีบ้านไม่มีที่อาศัย แล้วก็เป็นจิตอาภัพ เมื่อจิตอาภัพก็จนได้ง่าย โกรธก็จน ความหลงก็จน ความทุกข์ความอะไรก็จน จนใจ ถ้ามีสติดี ฝึกจนมันเป็นอริยทรัพย์ มันก็ไม่จน คนหลงคือคนจน คนโกรธคือคนจน คนทุกข์คือคนจนนะ ถ้าไม่จนไม่หลงไม่โกรธไม่ทุกข์เพราะมีทรัพย์ภายใน ใช้ได้ ยิ่งกว่าทรัพย์ภายนอก
ปญฺญาว ธเนน เสยฺโย ปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์ คือสติปัญญานี่แหละ เช่น ความโกรธ ทรัพย์ช่วยไม่ได้ ต้องมีสติปัญญาแก้ได้ มันทุกข์ ทุกข์ใจ น้ำตาไหล เอาเงินมาให้ มันก็ยังไม่หยุดไหล มันยังไม่หยุดร้องไห้ บางทีมันทุกข์เพราะอยากจะฆ่าอยากจะตีกัน เคยไปอบรมสามเณรภาคฤดูร้อนภาคใต้ เณรทะเลาะกัน เณรคนหนึ่งก็จะตีให้ได้ จะต่อยมันให้ได้ เราก็ให้รูปที่เขาโกรธมาขออภัยขอโทษ เขาก็ไม่ยอม ถ้าไม่ได้ต่อยมัน จะไม่หายโกรธ ไม่รู้ทำยังไง จับมือไปต่อยกันมันก็ไม่เอา ให้มันไปต่อยกัน มันจึงหายโกรธ มันจะทำขนาดนั้นนะ เพราะมันจน ไม่มีอะไรไปจ้างมันได้ มันจะต้องทำตามมัน ถ้ามันรักก็ทำตามความรัก ถ้ามันโกรธก็ทำตามความโกรธ ถูกความรักหลอก ถูกความโกรธหลอกอยู่เช่นนั้น ชีวิตเราถูกหลอก ปุถุชนคือถูกหลอก ปุถุชนคนบ้า คนป่วย รักษาให้ก็หายหรอก มันก็หายบ้าหายป่วย เป็นคนดี ไม่มีพิษมีภัย
จึงอยากจะบอกอย่างนี้ ไม่ใช่สอนนะ การบอกอย่างนี้ไม่ใช่บอกให้ได้ความรู้นะ เอาไปทำดู หัดให้เป็น ทำให้เป็น เรียกว่ากรรมฐาน สอนตัวเองให้เป็น เตือนตัวเองให้เป็น แก้ตัวเองให้เป็น ให้มันหลุดออกมา อย่าให้มันค้าง มันจบได้ ความหลงมันจบได้ ความทุกข์มันจบได้ ความโกรธมันจบได้ ไม่ใช่หลงจนตาย ไม่ใช่โกรธจนตาย ไม่ใช่ทุกข์จนตาย ถ้ามันจบแล้วจะเป็นอย่างไร ชีวิตของสัตว์โลกของมนุษย์ทั้งหลาย มันก็จะเป็นคน ๆ เดียวกัน อาศัยกันได้ พึ่งพาอาศัยกันได้
นอกจากเราพึ่งพาอาศัยได้แล้ว ยังมีสิ่งอื่นวัตถุอื่นอาศัยได้จากชีวิตของเรานี้ เพียงคน ๆ เดียวนี้ มีอะไรที่มันอาศัยเราเยอะแยะไปหมดเลยในโลกนี้ ถ้าเราไม่ดี มันก็มีแต่ทำลายเดือดร้อนไปทั่ว เราไม่เคยตัดต้นไม้สักต้นแต่เราก็เดือดร้อนเพราะคนอื่นเขาตัด เราไม่เคยล่าสัตว์ตัดชีวิตอะไร แต่สัตว์อื่นก็หมด ก็มีผลกระทบ อย่างเช่นนก เราล่าจนไม่มี แมลงก็เพิ่มขึ้น หลวงตาไปประเทศอินเดีย ประเทศเนปาล เขาไม่ล่าสัตว์ไม่ล่านก เต็มไปหมดเลย ตามสวนตามผลหมากรากไม้อะไรต่าง ๆ มีแต่นก ฝูงนก หาจับตัวหนอน นกบางอย่างเป็นหมอผ่าตัด
หลวงตายังขอบคุณกระรอกเลย อยู่ที่วัดภูเขาทอง มีด้วงขึ้นไปเจาะจันทันศาลา ขี้ฝอยมันปลิวลงมาใส่ศาลาต้องกวาดเรื่อย คิดว่าจะได้เปลี่ยน มันเป็นไม้เนื้ออ่อน ไม้ไม่ดี จะต้องเปลี่ยนแล้วจันทันตัวนี้ ที่ไหนได้กระรอกไปผ่าตัดเลย กัดเอาตัวด้วงออกมาเป็นอาหาร เลยหายไปเลย โรคของไม้ที่ด้วงเจาะจันทัน ประมาณ 2-3 ตัว ไม่มีแล้ว หายไปแล้ว มันก็มีประโยชน์
นกก็มีประโยชน์ ต้นไม้ในวัดป่าสุคะโตประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ 50 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำไป นกปลูก คนปลูกไม่ได้ อย่างต้นนิโครธที่อยู่ภูเขาทอง ต้นใหญ่ ๆ นกปลูกนะ นกเพาะให้ มันมีลูก นกไปกินลูกมา มาถ่าย มันก็ขึ้นอยู่กับคาคบของต้นไม้ เราก็ไปเอามาปลูก ลองเอามาเพาะดู หล่นลงมาเป็นหลายหมื่นหลายแสนเมล็ด เอามาเพาะก็ไม่เกิด ต้องผ่านกระเพาะนก กินแล้วถ่ายออกเสียก่อน มันจึงเกิดขึ้นมาได้ จากต้นที่หน้ากุฏิหลวงตาอยู่กับอาจารย์ตุ้ม ต้นไทรต้นนั้นที่หน้าทางทิศตะวันออก แต่ก่อนมันเป็นคาคบต้นตับเต่า ต้นตับเต่ามีโพรงอยู่ตรงนั้น มันเกิดอยู่ต้นตับเต่า คาคบกิ่งข้างบน มันเป็นเบี้ยเล็ก ๆ แล้วหยั่งรากลงมา เดี๋ยวนี้หุ้มต้นตับเต่าเหลือแต่ต้นไทรแล้วตอนนี้
เคยพูดเรื่องต้นตับเต่าให้ฟัง เมื่อสมัย 30 ปีก่อน มีกุฏิแถวกุฏิอาจารย์โน้ส กุฎิว่างอยู่ตรงนั้น มีหนูไปทำรังอยู่ ไม่มีใครอยู่ แล้วก็งูไปกินหนู งูคาบหนูตกลงมา กระแตอยู่ที่ต้นตับเต่าเห็นหนูก็ร้องจี๊ด ๆ กระแตวิ่งออกจากต้นตับเต่าไปช่วยหนู กัดหางงู กระโดดกัดหาง งูก็ตัวใหญ่ งูยังไม่วางหนู กระแตก็กัดหางใหญ่เลย กระโดดกัดหาง ร้องแก๊ก ๆ กัดไม่รู้เท่าไร งูเลยวางหนู ไปสู้กับกระแตตัวน้อย ๆ เดี๋ยวนี้ยังมีลูกหลานมันอยู่แถวนี้ เวลาหลวงตาไปให้อาหารมัน มีแต่กระแตมากิน กระรอกก็มากินข้าว คิดเห็นบุญคุณของมัน เห็นคุณค่าของมัน มันช่วยกันเป็น จนงูใหญ่วางหนู มาสู้กับกระแตตัวน้อย ๆ กระแตก็บังคับให้มันขดอยู่ เลื้อยเวลาใดก็กัดหางไว้ หนูก็พ้นไปได้ ประทับใจมากนะ กระแตมันยังช่วยกันเป็น
แต่คนเรานี้ ผัวเมียกันก็ยังช่วยกันไม่เป็น ทำให้กันโกรธ ทำให้กันทุกข์ เวลาทุกข์เราไม่ช่วยกัน เวลาคนหนึ่งโกรธ คนหนึ่งก็โกรธตามไปอีก แทนที่จะช่วยกันเวลาโกรธ คนหนึ่งหลง อีกคนหนึ่งก็ทำให้หลงไป หาคำมาด่งมาด่าให้กันหลงให้กันโกรธเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ สู้กระแตไม่ได้ ชีวิตของเรามันมีค่าจริง ๆ นะ ถ้าฝึกตนสอนตนได้ดีแล้ว ไปเถอะ จะเป็นพ่อคนแม่คน จะเป็นผัวใครเมียใคร จะเป็นลูกเป็นหลานเป็นเพื่อนใครดีทั้งนั้น ถ้าไม่มีฝีมือทางนี้ อย่าไป พระหนุ่มจะสึกไปก็ได้ ใช่ไหม (หัวเราะ) แต่ถ้ามีแล้วก็ต้องมีปัญหาแล้วแน่นอน
พระพุทธเจ้าว่าคนมีลูกก็คิดแบบคนมีลูก คนมีผัวมีเมียก็คิดแบบคนมีผัวมีเมีย คนมีทรัพย์สินเงินทองก็คิดแบบคนมีทรัพย์สินเงินทอง คนจนก็คิดแบบคนจน สู้ไม่มีอะไรไม่ได้ จึงว่าพรหมจรรย์บริสุทธิ์ เพื่อจะช่วยคน ถ้ามีอย่างนั้นมันช่วยคนไม่ค่อยได้เท่าไร ถ้าเป็นนักบวชแบบเรานี้ โอกาสช่วยคนได้เยอะ ได้มากทีเดียวเลย เหมือนนกไปไหนก็ไปได้ ไม่ต้องมีเสบียงอะไรพะรุงพะรัง จีวรเป็นปีก บาตรเป็นปีก บินไปไหนมาไหนได้สบายเลย สะดวก ทำความดี ช่วยอะไรต่าง ๆ ได้สะดวก
ผลงานที่เกิดจากนักบวชนี้มีไม่ใช่น้อยนะ ไม่ใช่สมบัติของเราเลย ทำไปเป็นสมบัติของโลกไปเลย มีใครเท่าไหร่บ้างที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมาจากมือ 5 นิ้ว 10 นิ้วของเรา เป็นสมบัติของแผ่นดิน เอาไว้ให้คนใช้ ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่มอบให้ลูกให้หลานได้ มีใครเสียสละเรื่องนี้ ไม่มาก เราจึงขอสนับสนุนให้เป็นนักบวช ให้หลวงตาเกิด 10 ชาติ 100 ชาติก็ขอเป็นนักบวช ถูกที่สุดแล้ว
จึงขอสนับสนุนให้พวกเราได้ปฏิบัติธรรม มันก็มีธุระมาแล้ว มีภาระมาแล้ว นั่นล่ะดีที่สุด เพื่อจะไปเป็นคนดีอยู่ด้วยกันด้วยความสงบร่มเย็น ไปเป็นผัวเป็นเมีย เป็นพ่อแม่รับผิดชอบทำงานทำการ อย่าไปทำความชั่ว ให้ไปละความชั่ว ให้ไปทำความดี ที่ไหนก็ได้ ไม่มีกาลไม่มีเวลา ความดีที่เกิดจากเรานี้มีเยอะแยะ ไปเป็นใครก็ได้ ถ้าเรามีความดีแล้ว เราจึงมาฝึกตนสอนตนแบบนี้
เริ่มต้นก้าวแรกจับหลักสูตรให้ได้ มีกายเห็นกายให้ครบถ้วน อย่าให้กายมันหลอก เห็นเวทนาเป็นสุขเป็นทุกข์ อย่าให้มันหลอกได้ เห็นจิตที่มันหมกมุ่นครุ่นคิด อย่าให้มันหลอกได้ เห็นธรรมที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตกับใจ ก็อย่าให้มันหลอกได้ ผ่านให้ได้ ด่าน 4 ด่านนี้ให้ผ่านให้ได้ ถ้าผ่าน 4 ด่านได้ ก็ไปได้ อะไรก็จะง่าย ๆ ไป เหมือนหลวงตาพูดเมื่อวานนี้ ถึงคราวสะดวก มันไป มันไป มันไป เห็นรูปนาม เห็นรูปทุกข์ เห็นนามทุกข์ เห็นรูปทำ เห็นนามทำ เห็นรูปโรค นามโรค เห็นรูปสมมติ เห็นนามสมมติ เห็นบัญญัติ เห็นวัตถุอาการต่าง ๆ
ตอนเห็นสมมติเห็นบัญญัติเห็นปรมัตถ์นี้สะดวกที่สุดเลย คล่องตัวที่สุดเลย เข้มแข็งที่สุดเลย มองอะไรมันไม่มีค้างคาเลยพอเห็นสมมติบัญญัติเห็นปรมัตถสัจจะ วัตถุอาการต่าง ๆ ความหลงไม่จริง มาจากความไม่หลงจริงกว่า มันมีคำตอบไปว่ามาพร้อมกันเสร็จ ดูอะไรมันเสร็จไป เสร็จไป อันที่เกิดกับกายกับใจเรานี้ เสร็จไป เสร็จไป เพื่อให้เสร็จไป ไม่ใช่เป็นการบ้านอะไรเลย ความไม่เที่ยงก็จบไป ความทุกข์ก็จบไป ความไม่ใช่ตัวตนก็จบไป มันไม่เที่ยงก็ถูกแล้ว อันความไม่เที่ยง มันเป็นอย่างนั้น จบไปแล้ว แต่จะให้มันเที่ยงมันเป็นไปไม่ได้ ความไม่เที่ยงมันเป็นอย่างนั้นเป็นสัจจธรรมของเขา จะให้มันเป็นความเที่ยงไม่ได้ จะไปบังคับไม่ได้ เป็นที่ทิ้งของรสของโลกได้ ทุกภพทุกชาติ ทิ้งลงกับความไม่เที่ยงได้
หลวงตาเคยเปรียบเทียบว่าเหมือนถังขยะโลก อันความไม่เที่ยงคือไตรลักษณ์นี้ มีที่ทิ้งแล้ว สะอาดแล้ว แต่ก่อนพะรุงพะรังไป ชีวิตสะอาด พอเห็นความไม่เที่ยงเห็นไตรลักษณ์แล้วเป็นชีวิตสะอาด เลยสะอาดหมดจดจากเครื่องเศร้าหมองเพราะปรมัตถ์ ความเป็นทุกข์มันก็เป็นทุกข์อย่างนั้น จะให้มันไม่ทุกข์ไม่ได้ ชื่อว่าความทุกข์มันเป็นอย่างนั้นของมันเอง รูปธรรมนามธรรมมันตกอยู่ในความไม่เที่ยง ตกอยู่ในความเป็นทุกข์ ตกอยู่ในความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา มันเป็นอย่างนั้น หมดเลย แก่กล้ามาก ถลาได้มาก กระโดดได้ไกลเมื่อเห็นอารมณ์นี้เข้า มันสะดวก มีแต่สิ่งที่ช่วยเรา ไม่มีอะไรที่เป็นพิษเป็นภัยเลย
มาเถอะ อะไรจะเกิดขึ้นก็มาเถอะ เหมือนภูเขาศิลาแท่งทึบไม่สะเทือนเพราะลมฉันใด ผู้ฝึกตนดีแล้วไม่สะเทือนเพราะอะไร เพราะโลกของรสแม้แต่นิดเดียวเลย เห็นวัตถุเห็นอาการที่มันมีในตัวในรูปในนามนี้ อย่าว่าแต่เข้าประตูธรรมเลย ก็ได้ตรงนี้ มันสะดวกที่สุดเลย ถึงคราวสะดวกก็สะดวกนะ ถึงคราวขรุขระก็ขรุขระ เหมือนกับเราเดินทางนั่นแหละ เหมือนขึ้นเครื่องบิน มันก็สะดวกนะ คนขับเครื่องบินก็สะดวก คนนั่งก็สะดวก มันไปนะโดยเฉพาะตอนค่ำ ๆ เดินทางไปทางทิศตะวันตก ตะวันมันตก เครื่องบินบินสู่ทิศตะวันตก ตะวันมันกำลังจะตก วิ่งไปให้มันทันตะวัน มันก็ไม่ทันตะวัน แต่มันช้ามาก เราวิ่งไป วิ่งไป จะให้มันทัน เห็นตะวันมันอยู่ข้างหน้า เรามองไปนะ มันก็เหมือนกับใกล้เข้า ใกล้เข้า วิ่งไป สนุก วิ่งเครื่องบินไปเลย วิ่งไป มันสะดวกเหมือนกันนะขับเครื่องบินนี้ คิดสนุกสนานไป ไม่มีอะไรขวางกั้นเรา แต่บางทีก็มีเครื่องบินบางเที่ยวก็บินสูงกว่าเรา เครื่องบินบางเที่ยวก็บินต่ำกว่าเรา มันคนละทางกัน เขาก็มีทางนะ สังเกตดูเอา บางทีเขาก็เร็วกว่าเรา บางทีเขาก็ช้ากว่าเรา มันก็สะดวก
ฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็มีโอกาสสะดวกเหมือนกัน มันพาเราไป ทางมันพาไป ความถูกมันพาไป ผ่านจากความไม่ถูก มันทำให้เราผ่านไป ตรงไหนมันไม่ถูก มันผ่านได้สะดวก ตรงไหนที่มันสุขมันทุกข์ มันผ่านได้สะดวก นี่คืออริยมรรค เป็นอย่างนี้ พร้อมกันหมดเลย ไปหมดเลย ถึงจุดหมายปลายทางเลยทีเดียว มันไม่ใช่เล่านิทานนะ ไม่ใช่เล่านิยาย เรื่องของคน เรื่องรูปเรื่องนาม เรื่องสมมติเรื่องบัญญัติ วัตถุอาการต่าง ๆ มีในรูปในนามเป็นตู้พระไตรปิฎก เรียนยังไม่จบเลย จะเป็นยังไง
เสียดาย เห็นคนทุกข์เห็นคนหลง โอ๊ย! ไม่น่าจะหลง ไม่น่าจะโกรธ ไม่น่าจะทุกข์ เพราะมันไม่ทุกข์ก็ได้ มันไม่หลงก็ได้ มันไม่โกรธก็ได้ ไม่ต้องมีปัญหาอะไรก็ได้อันเกิดจากกายจากใจ มีแต่ปัญญาไปเลย นี่จะเป็นอย่างไรชีวิตเรานี้ จึงเคารพพระธรรมแบบนี้สิเรา ผู้หวังความเจริญแก่ตน จงเคารพพระธรรม ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิจ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ต้องไม่ไปตกในที่ชั่วเด็ดขาด จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใสอยู่เสมอ จิตของผู้ปฏิบัติย่อมผ่องใสอยู่เสมอ
ขอมีชีวิตที่เหลืออยู่นี้เพื่อการนี้แหละ ไม่ได้เพื่ออะไร อันอื่นเอาไว้ให้คนอื่นทำ แต่ขอใช้เวลานี้เท่านี้แหละ ตอนเช้าพอพูดได้ ตอนเย็นก็พูดไม่ออก อุตส่าห์ฟังเอา เสียงเป็ดเสียงอะไร (หัวเราะ) หูก็หนวก เอ้า! สมควรแก่เวลาแล้ว กราบพระพร้อมกันนะ