แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรม ไม่ฟังไม่ได้ ไม่บอกไม่สอนกันก็ไม่ได้ มีอยู่ในโลกนี้ มีครูบาอาจารย์มีพ่อมีแม่ มีเพื่อนมีมิตร หลายๆคนที่เราเกี่ยวข้อง บุตรภรรยาสามี ต้องทำหน้าที่เกี่ยวข้องกันให้ถูกต้อง แล้วก็เกี่ยวข้องกับตัวเองให้ถูกต้อง เรียกว่าปฏิบัติธรรม ประพฤติธรรมก็คือทำตามความถูกต้อง ความไม่ถูกต้องอย่าไปทำตามมัน มีอยู่ในตัวเรา นอกตัวเรา ความถูกความผิดมีมาก ถ้าเราไม่ทำในสิ่งที่มันผิดให้มันถูก มันก็ผิดเรื่อยไป ความผิดเจริญมากขึ้น เป็นทุกข์เป็นโทษ ตกนรกหมกไหม้เป็นเปรต เป็นอสุรกายสัตว์เดรัจฉาน ความถูกถ้าเราไม่ทำตาม ก็ไม่เป็นประโยชน์ ไม่คุ้มค่าชีวิตเราที่เกิดมา ถ้าทำตามความถูกต้องไปมรรคไปผล ไปนิพพาน
ชีวิตของคนเรามันเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ มันจะ ควรจะใช้ให้มันเกิดประโยชน์ มันก็มีความพร้อมแล้ว มีกายมีใจ แล้วก็มีสติออกไปเพื่อจะได้ใช้ ถ้าไม่มีสติมันจะมีความหลง มันก็ใช้ๆ ความหลงก็ผิด ถ้าหัดให้มีสติ เหมือนกับเรามีทรัพย์ มีเงิน เพื่อจะได้ใช้จ่ายเลี้ยงชีวิตรักษาสุขภาพ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ต้องขยันหา สติเป็นการใช้ชีวิตส่วนภายในกระทั่งภายนอก เพื่อให้มันเจริญเติบโตในมรรคในผล มันใช้เวลามันหลงมันจะไม่หลงถ้ามีสติ เวลามันทุกข์มันจะไม่ทุกข์ถ้ามีสติ เวลามีปัญหามันจะไม่มีปัญหาถ้าเรามีสติ ถ้าไม่มีสติ ก็มีทุกข์เป็นทุกข์ มีหลงเป็นหลง มีโกรธเป็นโกรธ ปัญหาเป็นปัญหา เป็นทุกข์ เป็นโทษไป เราจึงมีสติเรียกว่าทรัพย์ อริยทรัพย์ภายใน มีเงินมีทองเป็นทรัพย์ภายนอก ตามสมมุติบัญญัติ สติเป็นทรัพย์ภายในเป็นปรมัตถ์สัจจะ ขาดไม่ได้ ได้มากกว่าทรัพย์ภายนอก เพราะความหลงมีมาก 84000 อย่างที่อยู่ในกายในใจเราเนี่ย ส่วนทรัพย์ภายนอกก็มีเกิดแก่เจ็บตาย มีอยู่มีกิน ปัจจัย 4 ที่มันเป็นดุ้นเป็นก้อน ใช้ทรัพย์ภายนอกก็ยังไม่ไปถึงไหน ยังเกิดยังแก่ยังเจ็บยังตายอยู่ แต่ทรัพย์ภายใน มันจะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายไปไกลกว่าทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายนอกใช้ได้เฉพาะ ถ้าจะไปใช้ก็ใช้เฉพาะเชิงตะกอน ไปจากนั้นไม่ได้ หามกันไปเผา ใช้ได้เท่านั้น แต่ไม่ใช่ตัวเองไม่ได้ใช้คนอื่นเขาใช้ ใช้ได้เฉพาะเวลาหายใจเข้าได้หายใจออกได้ การหายใจเข้าหายใจออกมันนิดหน่อยเหมือนชีวิต เหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้า นิดหน่อย สมัยก่อนประมาท
แล้วบรรลุธรรมตรงไหน ตรงไหนจึงจะเรียกว่าบรรลุธรรม มันยากนะ การบรรลุธรรมเนี่ย ต้องอดหลับอดนอนไหม ต้องอดข้าวอดน้ำไหม เหมือนกับลัทธิต่างๆ ต้องเปลือยกายเลยหรือ บรรลุธรรม ต้องไม่กินอะไรเลยหรือ บรรลุธรรม อยู่ในดงในป่าหรือบรรลุธรรม ไม่ใช่ การบรรลุธรรมเวลามันหลงไม่หลง เวลามันโกรธไม่โกรธ เวลามันทุกข์ไม่ทุกข์ ก้าวไปจากนี้ ถ้าไม่ก้าวตรงนี้ มันก็ไม่ไป มันก็ไม่ได้บรรลุธรรมอะไรต่อไป ไม่มีก้าวที่หนึ่ง เมื่อไม่มีก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สองก็ไม่มี มันก็ไปไม่ถึงไหน หลงจนตาย โกรธจนตาย ทุกข์จนตาย ถ้าใครยังหลงอยู่นั่นแหละมีโอกาสบรรลุธรรม นั่งอยู่ก็บรรลุธรรม นอนอยู่ก็บรรลุธรรม ยืนอยู่ก็บรรลุธรรม เดินอยู่ก็บรรลุธรรม อยู่ที่ไหนก็ได้บรรลุธรรม ความหลงมันไม่มีอริยาบท ยืนอยู่ เดินอยู่ จะนั่งจะนอน อยู่ในป่าในลุ่มในดอนที่ไหนก็หลง แม้แต่ห่มผ้าเหลือง ห่มผ้าขาวก็หลง หัวโล้นห่มนุ่งสีไหนก็หลง ความหลงมันก็ไม่เลือกเวลา ความบรรลุธรรมก็ไม่ต้องเลือกเวลา เพราะมันเป็นคู่กัน
การบรรลุธรรมไม่ใช่เรื่องยาก มันทำได้ เวลามันหลงไม่หลงก็ได้ เวลามันโกรธไม่โกรธก็ได้ เวลามันทุกข์ ไม่ทุกข์ก็ได้ ขยัน น่าจะเรื่องขยันมากๆตอนนี้ มันดี มันถูกต้อง มันชอบธรรม มันจะขยัน ถ้าเราสัมผัส ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฝึกนะตรงนี้ เวลาหลง เวลาไม่หลงน่ะ มันต่างกันมากๆ เวลามันโกรธ ไม่โกรธ ต่างกันมากๆ เวลามันทุกข์ไม่ทุกข์ ต่างกันมาก ระหว่างทุกข์กับความไม่ทุกข์ แล้วก็ อย่าหนา อย่าอยาบตรงนี้ ให้ ให้มองให้เห็น ให้สัมผัสดู จะเลือกเป็น จะได้ความชอบ จะได้ความถูกต้อง และมันสะดวกกว่ากันมากๆ บริสุทธิ์สะอาดกว่ากัน เช่น เวลามันหลงไม่หลงเนี่ย มันสะอาดมาก ความหลงสกปรก สัมผัสดูแล้ว ความทุกข์สกปรก ความไม่ทุกข์สะอาดบริสุทธิ์ ความโกรธสกปรก ความไม่โกรธมันสะอาดบริสุทธิ์ อิสรภาพในชีวิต นี่คือชีวิต อันความหลง ความโกรธ ความทุกข์ ปัญหา ไม่ใช่ชีวิต มันเป็นโทษ เป็นภัย มีชีวิตแบบนั้น มันเป็นอะไรไปไกล ความหลงก็เป็นเปรต เป็นอสุรกายสัตว์นรกได้ เป็นสุขเป็นทุกข์มาเนี่ย ไม่ต้องเป็นสุขเป็นทุกข์ สุขก็หลง ทุกข์ก็หลง
ให้มันเห็น ให้มันเห็น อย่าเข้าไปเป็น มันจะบริสุทธิ์เป็นพรหมจรรย์ ภาวะเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับเพศกับวัย มันก็อันเดียวกันอยู่ แล้วสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกันหมด มันไม่ใช่คนละอย่าง ใครก็ช่วยกันไม่ได้ ต้องทำเอาเองทั้งนั้น ควรที่จะได้หลักตั้งแต่หนุ่มแต่น้อย แต่ตื่นแต่ดึกสึกแต่หนุ่ม จะได้ใช้ชีวิตสะดวกไปยาวนาน แต่ก็ ถ้าจะเป็นชีวิตก็ชีวิตยืดยาว ได้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ น่าใส่ใจเรื่องนี้จริงๆ มีชีวิตตั้งแต่ยังไม่เกิดก็ว่าได้ มันเกี่ยวข้องกัน เช่น พ่อแม่ที่มีที่ทำให้ลูกเกิด มันเกิดอะไร เช่น พระเวสสันดร พระนางผุสดีทำไมจึงมีลูกเป็นพระเวส เจ้ากรุงสญชัยพระนางผุสดีทำไมถึงได้ลูกเป็นพระเวสสันดร พระเจ้าสุทโธทนะนางสิริมหามายาทำไมได้ลูกเป็นพระพุทธเจ้า ก็คนเหมือนเราเนี่ย แต่ถ้าเราไม่มีเรื่องนี้ มันก็มีเรื่องนั้น มีแต่เปรตมีแต่อสุรกายเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะไม่มีวิญญาณแทนความเป็นพระ
แล้วชีวิตของเรามันประเสริฐ เลือกได้กว่าอย่างอื่น ถ้าไม่รู้จักปฏิบัติธรรม มันก็ลำบากกว่าสัตว์อื่น ต้องมีคุกมีตาราง มีการประหารชีวิต ฆ่าทิ้ง ถ้าไม่ศึกษาพัฒนาก็มีโทษมากมาย ชีวิตคนคนหนึ่ง ทำให้คนทั้งโลกเดือดร้อนได้ จึงมีศาสนามีหลักปฏิบัติ เพื่อจะให้อยู่ในความสงบร่มเย็นร่วมกัน
อันโลกที่เรามาอาศัยนี่ ต่างชีวิตก็อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็เดือดร้อนเพราะคนอื่นทำ เราไม่ได้ทำ คนอื่นเขาทำ จึงเป็นศาสนา เป็นที่ศูนย์รวมเพื่อให้เกิดความดีร่วมกัน มีคำสอนอันที่ถูกต้อง ปฏิบัติตามธรรม อันที่มันถูก ความถูกความผิดเกิดอยู่ที่เราเนี่ย มันหลงแสดงว่าผิดแล้ว ไม่หลงแสดงว่าถูก ถ้าเปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง ใช้ได้ ถ้าหลงเราไม่แจ่ม ใช้ไม่ได้เลย มันจะงอกงามในความหลง เป็นอะไรไปได้ เหมือนบิดามารดาของความชั่ว อย่านึกว่ามันเล็กน้อย ความหลงแม้นิดหน่อย ก็ไม่ใช่ปล่อยทิ้งใส่ใจซะหน่อย ให้มัน ให้มันเป็นก้าวแรกที่จะได้ชีวิตก่อเกิดขึ้นที่นี่ กำเนิดของชีวิต เกิดที่นี่ ไม่ใช่เกิดมาแล้วมานั่งอยู่ ยืนเดินนั่งนอนได้ อันนั้นไม่ใช่ชีวิต ชีวิตแบบนั้น ยืนเดินนั่งนอนนั้น มันเกิดแก่เจ็บตาย ได้ชีวิตคืนมาเนี่ย มันหลงไม่หลง มันทุกข์ไม่ทุกข์ มันโกรธไม่โกรธ มันพอใจมันไม่พอใจ นั่นไม่ใช่ชีวิต ใช้ชีวิตที่มีโทษ ใช้แบบนั้นนะ มามองดูแล้วโธ่ เป็นมีความทุกข์เป็นเบื้องหน้า ถูกความทุกข์หยั่งเอา ถ้ามาเห็นจริงๆแล้ว กระตือรือร้น รีบด่วน หายใจเข้าไม่เข้า มันก็ออก ตาย หายใจออกไม่ออกก็ตายแล้ว หมดแล้ว อันชีวิตอันนี้ เราไปห้อยไปแขวนไว้กับกายกับใจที่มันใช้อะไรได้นะ ไม่ใช่ กินเหล้าก็กินได้ เที่ยวเตร่เร่ร่อนได้ นี่ไม่ใช่ชีวิต มันเป็นทุกข์เป็นโทษ
หลวงตาก็เดินทางมายาวนาน ประสบการณ์เรื่องนี้ มาสมบุกสมบัน ล้มลุกคลุกคลานมาแล้ว ในโลกแบบนั้น จึงกระตือรือร้นมาบอก ไม่ต้องมาคุยอวด มันขนาดไหนโลก รสชาติของโลกได้สัมผัสนานแล้ว ไม่ต้องให้พวกเราได้เสียเวลา บางทีชีวิต มีกายมีใจจนเฒ่าจนแก่ ไม่ค่อยศึกษาเรื่องนี้ ฟรีไปเลย ไม่คุ้มค่าน้ำนม ไม่คุ้มค่าพ่อแม่ที่เลี้ยงมา ขาดทุน พ่อแม่เราอาจทำไม่ได้ แต่เราก็ทำไม่ได้อีก ขาดทุนไป ล้มเหลวไปหมด อุตส่าห์หาทรัพย์สมบัติ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเป็นของใคร เราก็เห็นกันอยู่ ในชั่วชีวิตหลวงตาเห็นเนี่ย เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เป็นของใคร เป็นเศรษฐีเพราะอะไร เป็นเศรษฐีเพราะทรัพย์ ทรัพย์เป็นของใคร อุตส่าห์สร้างบ้านสร้างเรือน อุตส่าห์หาทรัพย์ไว้เป็นของใครไป มันถ่ายทอดไปถึงไหน ใช่ญาติเราไหมที่เป็นเจ้าของ บางทีไม่ใช่ญาติเราเลย ความหวัง ชีวิตของเราที่ใช้หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน เหนือสิ่งอื่นใด มันคืออะไร น่าจะรู้จัก เราก็เห็นอยู่ เช่น ญาติพี่น้องของพ่อหลวงตาเนี่ย ยังเห็นอยู่ เป็นคนที่มีฐานะดี เดี๋ยวนี้ฐานะดีทั้งหลายๆไปอยู่ที่ใคร สมบัติของญาติๆ ไปอยู่กับใคร ทุกวันเนี้ย ก็เห็นอยู่ ดังนั้น นั่นมันเป็นส่วนน้อยๆ ไม่ใช่ชีวิตเรา ชีวิตเรามันคือเนี่ย เป็นสมบัติของเรา มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ แน่นอน เป็นอริยทรัพย์ จะมีแบ่งมีปันให้ใครไม่ได้ ไฟไหม้ก็ไม่ไหม้ ไฟก็ไม่ไหม้ น้ำก็ไม่ท่วม โจรก็ลักไม่ได้ ไม่มีภัยอะไร แต่ทรัพย์เหล่านั้น มันก็มีภัย อัคคีภัยไฟไหม้ อุทกภัยน้ำท่วม โจรภัยโจรลักเอา วาตภัยลมพัด ราชภัยราชการขูดรีดภาษีอากร มีภัยแบบนั้น ส่วนมรรคผลนิพพาน สติปัญญาไม่มีภัย ใคร ไม่ ใครเอาไม่ได้ เอาขยันตรงนี้สักหน่อย น่าจะให้พวกเรา เมื่อมีอริยทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอกมันก็ไม่ยาก เป็นเครื่องอาศัยที่จะให้สะดวกหาได้ครบวงจร ถ้ามีทรัพย์ภายในน่ะครบวงจร สุขภาพก็ดี สังคมก็ดี เศรษฐกิจก็ดี ชีวิตก็ดีสะดวก ต่อถึงลูกถึงหลาน พ่อแม่เป็นพระลูกก็เป็นพระ พ่อแม่เป็นพรหมลูกก็เป็นพรหม พ่อแม่เป็นเทวดาลูกก็เป็นเทวดา ถ้าพ่อแม่เป็นเปรตลูกก็เป็นเปรต พ่อแม่เป็นอะไรก็ ลูกก็เป็นอย่างนั้น เหมือนกับต้นไม้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น มันเป็นกรรมจริงๆ เราทำอะไรไว้กับใคร ถ้าเรามีหนี้เราก็เป็นลูกของพ่อของแม่ พ่อแม่เป็นเจ้าหนี้ของเรา ครูบาอาจารย์เป็นเจ้าหนี้เรา ตอบแทนยังไง กล้าพูดกับพ่อกับแม่ได้ไหม เมื่อลูกของพ่อของแม่คนนี้ รับรองแล้วพ่อแม่ไม่เสียค่าเลี้ยงดู ใครเคยพูดอย่างนี้กับพ่อกับแม่ ตบหน้าอกให้พ่อแม่ดูบ้าง ลูกชายของพ่อของแม่ ลูกสาวของพ่อของแม่คนนี้ คุ้มค่าแล้วพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเกิดมา มีใครกล้าพูดเรื่องนี้บ้าง เสนอเรื่องนี้ขึ้นมาบ้าง ถ้า ถ้ามีคุณธรรมเกิดขึ้นในใจ จะไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้กับพ่อกับแม่นะ แสดงออกอย่างสุดชีวิต ใช้คำพูดอันนี้ออกมากับพ่อกับแม่ได้ เวลาพ่อแม่ใจจะขาด ลองพูดอีกวาระหนึ่ง ตบหน้าอก นั่งอยู่ใกล้ๆแม่ ค่อยกระซิบหู นั่งอยู่ใกล้พ่อค่อยกระซิบหู ลำดับดู ลูกของแม่มีอยู่กี่คน เป็นหญิงกี่คน เป็นชายกี่คน เนี่ยนั่งอยู่เนี่ย นี่คือลูกของพ่อของแม่ พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ลูกทั้งหมดจะดูแลกัน เพราะแม่พ่อสอนมา ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่คุ้มค่า เมื่อมันคุ้มค่าแล้ว แม่เกิดลูก พ่อเกิดลูก เนี่ยตบหน้าอกใส่อยู่ ไม่เสียแรง แม่ยังไม่ตายไปไหน อยู่กับหัวใจของเราเนี่ย
วันหนึ่งหลวงพ่อไปวัดหลวงพ่อจรัญ โยมจำศีล พอโยมเห็นหน้าโยม หลวงพ่อก็ถามว่า อ้าวหลวงพ่อจรัญไปไหนล่ะโยม หลวงพ่อจรัญไปไหน หลายคนตบหน้าอก หลวงพ่อจรัญอยู่ในหัวใจเนี่ย แหม ชื่นใจ ถ้าตอบว่าหลวงพ่อจรัญตายไปแล้ว มันก็ไม่มีความรู้สึกที่จะเป็นหลวงพ่อจรัญ พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พ่อแม่เราตายไปแล้ว ไม่ใช่ มือ ห้านิ้ว สิบนิ้วกายใจของเรา ได้มาจากพ่อจากแม่ จะทำความดีเรื่อยไป ทำบุญทำทาน ทำความดี เป็นตัวแทนของพ่อแม่เรื่อยไป ไม่ทำชั่วเด็ดขาด ลูกของพ่อของแม่คนนี้อยู่ที่ไหนจะทำแต่ความดี นี่คือ คือภูมิใจ มีพ่อแม่ให้กำเนิดเกิดมาน่ะ ประกาศอยู่เสมอ อยู่ที่ไหนก็พ่อแม่ออกหน้าออกตาเสมอ เป็นทิศเบื้องหน้า เราจึงไม่เป็นหนี้ เราจึงบรรลุธรรมกันเถอะ ง่ายๆ ถ้าใครหลง บรรลุธรรมตรงที่ ไม่หลง เปลี่ยนหลงเป็นรู้ ถ้าไม่มีความรู้ก็ประกอบขึ้นมา ความรู้ก็ไม่ต้องไปหาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอะไร
ตามรอยพระพุทธเจ้าง่ายๆมีสติไปในกาย หัด กายมันคืออะไร ไปในกายประจำคืออะไร เราอยู่ที่ไหนล่ะ กายอยู่ที่นั่น มีสติไปในกายทำอะไร มีสติไปในกาย กายทำไม กายยืนเดินนั่งนอน คู้เหยียดเคลื่อนไหว หายใจเข้าหายใจออก มีสติไปในกาย ในกายนอกจากอริยาบท มันก็มีสุขมีทุกข์ มีสติไปในกาย อย่าให้สุขเป็นสุข อย่าให้ทุกข์เป็นทุกข์ มีสติไปในกาย ให้มันรู้ ให้มีแต่ภาวะที่รู้ เข้าไปดูไปเห็น อย่าให้เป็นสุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ ให้มีสติเข้าไปเห็น ถ้ามีสติเข้าไปเห็น สุขก็ไม่เป็นสุข ทุกข์ไม่เป็นทุกข์ เรียกว่าเห็น รู้แล้ว ภาวะที่รู้เนี่ย ไม่ถึงสุขถึงทุกข์ เห็นโกรธโลภหลง เห็น เห็นแล้วไม่เป็นกับอาการต่างๆ เกิดขึ้นกับกายกับใจ ไม่ถึงเป็นสุขเป็นทุกข์ มันจะเก่งไปๆ เจริญง่ายๆ เป็นชีวิตที่บรรลุธรรมตลอดเวลา ไม่เปรอะเปื้อนกับสิ่งใด เนี่ยมันจึงจะคุ้มค่า
หลวงตาไปกรุงเทพฯ ก็ไปแสดงธรรมที่สนามบินให้พนักงานของการบินฟัง ไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯก็มีคณะแพทยศาสตร์ฟัง มีแต่คนปฏิบัติธรรม เราจะอยู่อย่างไร จะให้พวกนั้นเขาปฏิบัติเหรอ เราก็คนเหมือนกันนะ มีใครเคยหลงนั่นแหละ ปฏิบัติธรรมเท่านั้น มีใครเคยเป็นทุกข์ นั่นแหละ ปฏิบัติธรรมเท่านั้น สิ่งที่เราหลง คนอื่นเขาไม่หลงกันแล้ว สิ่งที่เราทุกข์คนอื่นเขาไม่ทุกข์กันแล้ว ที่เราพอใจคนอื่นเขาทิ้งไปแล้ว สิ่งที่เราไม่พอใจคนอื่นทิ้งไปแล้ว เรายังไปงมๆซาวๆ อยู่ ซึ่งเขาทิ้งไป ขยะ บ้าหอบฟาง อะไรก็เอาเป็นตัวเป็นตนไป กูไปซะหมด เขาทิ้งกันแล้ว ล้าสมัย โง่เง่าเต่าตุ่น ไปอยู่ในกองสุขกองทุกข์ กองโกรธ กองโลภ กองหลง กองรักกองชัง ความพอใจความไม่พอใจ ถูกหลอก มีสาทะ มีอัสสาทะ ถูกหลอก ชีวิตถูกหลอก ชอบหลอก ชอบหลง ชอบแสวงหาความสุข แสวงหาความทุกข์ ความทุกข์ความไม่พอใจเนี่ยยื่นหูฟัง เพื่อจะได้โกรธ เพื่อจะได้ทะเลาะกัน ถูกหลอกกันมากในโลกนี้ คนหลอกให้หลงมีมาก
บริษัทในประเทศไทย ในโลก หลอกให้คนหลง มีมาก เราซื้อฆ้องใหญ่ ฆ้องกลองใหญ่ เมตรห้าสิบ ว่าจะตีให้มันดังถึงบ้านโคกกุงน่ะ ไม่ดังเลย (หัวเราะ) มันหลอก เอาอันใหญ่มาจากไหน มันหีบห่อสินค้าทั้งหลาย มันหลอก ยาสีฟันบางยี่ห้อหลอดเท่าแขนเนี่ย มาบีบมาบีบมา บีบจนครึ่งหลอด ยังยังไม่มียาออกมาเลย มีแต่ลม ถังเหลืองที่สังฆทานที่คนนิยมกันน่ะมีอะไรที่นั่น พับกระดาษใส่ ผ้าเหลืองก็เอาชิ้นเล็กๆเท่าฝ่ามือแปะหน้าใว้ มาถือก็ไม่ได้ โอ้ยซื้อมา 300 บาท บางทีเทียนห่อเอาเป็นรูปห่อใหญ่ แต่มีเทียนน้อยๆแค่ไม้จิ้มฟัน 2 เล่ม เอามาหลอกให้พระ (หัวเราะ) มีแต่ของหลอก (หัวเราะ)เอามาก็ไม่มีที่เก็บ พระก็ถือไม่ได้ หา เป็นขยะ ฆ้องอันใหญ่ๆนี้คือออะไร ทองเหลืองทองแดง ทองแดงมันผสมอะไรมา สังกะสีบ้าง ทำท่าเป็นฆ้องใหญ่ๆ ขายตั้งหลายหมื่น ไม่มีค่าเลย ตีก็ไม่แรง เททิ้งไปเลย ตีไม่ได้ (หัวเราะ) มันหลอก หา
อันอื่นหลอกกันพอว่า อันเรานี้หลอกตัวเราเนี่ยสำคัญที่สุด ผีหลอกไม่กลัว คนหลอกไม่กลัว กลัวแต่ตัวเองหลอกตัวเอง ถ้าเราหลอกเราได้ อันอื่นก็หลอกเราได้ ถ้ามีหลงเป็นตัวเรา หลงง่าย ถ้ามีรู้เป็นตัวเรา หลงยาก ทำไมเราถึงต้องไม่ปฏิบัติธรรม พลาดไปแล้ว เวลามันหลงไม่รู้ พลาดท่าไปแล้ว เสียประโยชน์ มันได้ประโยชน์จากนี่แหละ บทเรียนที่มีค่า จากชีวิตเราเนี่ย เวลามันหลงนั่นแหละมีค่ามาก
ลองดูซะหน่อย มันมีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ลองมีสติเข้าไปดูสักหน่อยซิ จะได้ชื่นใจ เหมือนเราเห็นงู จะชื่นใจจะได้ปลอดภัย เห็นหลงไม่หลงปลอดภัย เห็นทุกข์ไม่ทุกข์ปลอดภัย เห็นโกรธไม่โกรธปลอดภัย พอใจไม่พอใจ เห็นมันไม่เป็นไปกับมันน่ะปลอดภัย เป็นชีวิตที่ไม่มีภัย เรียกว่าอริยะบุคคล เป็นพรหมจรรย์ ไม่เป็น พรหมจรรย์ไม่ใช่โกนผม ห่มเหลืองผ้าขาว พรหมจรรย์คือ ภาวะที่ไม่เป็น มีแต่เห็น มันสุขเห็นมันสุข มันทุกข์เห็นมันทุกข์ นี่คือพรหมจรรย์ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ทั้งอรรถะ ทั้งพยัญชนะ มันคือชีวิตของเรานี้
ยิ่งพวกเราเป็นนักบวชนั่งให้คนกราบไหว้ มันก็คือตัวเราเนี่ย สมควรไหมเป็น พระอย่างไร อะไรที่มันดีกว่าญาติโยมมากราบไหว้เรา ไม่ใช่รูปแบบ มันเป็นคุณธรรมที่เกิดขึ้นในใจเรา เราไปบิณฑบาตเขาใส่บาตรให้ ชื่นใจไหม ขอเขา มีงานอะไรที่มันประเสริฐที่มีสิทธิ์กินข้าวฟรีได้ เนี่ยมันก็ มันก็จะ มันก็จะไม่ประมาทอย่างมากๆเลย เวลาโยมกราบไหว้ โอ้ยมันเจ็บใจ เวลาใดที่เขายกก้อนข้าวใส่บาตร มันเจ็บใจ มันจะทำให้เราไม่ประมาท มันจะถีบตัวขึ้นมา ถ้ามันเศร้าหมองอยู่ มันก็เป็น เป็นบาป
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ภิกษุทุศีล ภิกษุทุศีล กินข้าวชาวบ้าน ก็เหมือนกินก้อนเหล็กแดง ภิกษุทุศีลห่มจีวรชาวบ้านก็เหมือนห่มไฟ กุฏิลุกเป็นไฟ จีวรลุกเป็นไฟ ถ้าทุศีลไม่มีศีล ไม่ละความชั่ว ไม่ได้ทำความดี ไม่มีจิตบริสุทธิ์ เนี่ย ภิกษุสันดานกาหมาขี้เรื้อน งูเปื้อนคูต ไม่ใช่สมณะก็อ้างตนว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่พวกประพฤติธรรม อ้างตนว่าประพฤติธรรม เป็นคนเน่าในเปียกแฉะ เหมือนบ่อขยะมูลฝอย ปกปิดซ่อนเร้น หลอกลวงโกหกมดเท็จ นกยางเจ้าเล่ห์ โน่น เจ็บปวดนะ อ่านพระสูตรดู เพราะฉะนั้นเราเนี่ย จะไม่ประมาท ที่สุดเลย นะ กินข้าวชาวบ้าน ห่มจีวร นอนกุฏิ
นี่กำลังจะทำกุฏิศาลาต่อไป อาจารย์ทรงศิลป์ทำไป เพื่ออะไรน่ะ เพื่อจะพิสูจน์เรื่องนี้ดูซิ เรายังมีน้ำใจ อยากให้มาปฏิบัตินะ ถ้าคนไม่มาปฏิบัติแล้วขาดทุน ไม่มีงานทำ สุคะโตก็ไม่มีพระอยู่หรอก เราอยู่ได้เพราะคนมานั่งปฏิบัติ เป็นความต้องการของพวกเรา เห็นแม่ชีนุ่งขาวมาอยู่ด้วยกัน ชื่นใจ เห็นญาติโยมมาอยู่นี่ ชื่นใจ เหมือนมี เหมือนมีงานที่ต้องทำไม่เอาเปรียบ เราจะสอนเรื่องนี้ พิสูจน์เรื่องนี้ ท้าทายเรื่องนี้ มันมีจริงๆ มันมีบาป มันก็มี มีบุญล้างบาป มีทุกข์ไม่มีทุกข์ล้างทุกข์ มีตายไม่มีตาย มีเจ็บไม่มีเจ็บ มีแก่ไม่มีแก่ มีตายไม่มีตาย ได้จริงๆ ในคำสอนในพระธรรมเนี่ย เหนือทุกข์ เหนือโกรธ เหนือโลภ เหนือหลง เหนือเกิดแก่เจ็บตาย ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลงเนี่ย เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์เนี่ย มันจะเหนือไปเรื่อยๆ เราต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย เราจะต้องไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย ให้มันเข้มแข็งขนาดนั้นนะ นะ ไม่บอกไม่สอนไม่ได้ คิดแต่จะช่วยใครจะสอนใครนะทุกวันนี้ ไม่ได้คิดถึงลูกถึงหลาน ไม่ได้ห่วงนู้นนี้ ห่วงว่าอยากให้คนมาปฏิบัติ อยากจะบอกอย่างเนี้ย เดี๋ยวมันใกล้จะตายแล้ว ไปหาหมอมา หมอก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็ยังพออยู่ได้ต่อไป เอ้า พอเป็นเนอะ เนอะ(หัวเราะ) เอ้าสมควรแก่เวลา (หัวเราะ)