แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เอ้า..ฟังธรรมกัน หลวงพ่อเป็นผู้พูด ท่านทั้งหลายเป็นผู้ฟัง ขอเป็นมิตรเป็นเพื่อนกับท่านทุกชีวิต เราก็เคยเป็นมาเหมือนท่าน อะไรๆที่เราผ่านมาเหมือนกันหมด ขอสนับสนุนผู้ที่หลงไม่ต้องหลงก็ได้ การเปลี่ยนหลงเป็นรู้เป็นเรื่องถูกต้องที่สุด จุดหมายปลายทางให้อย่าให้มีอะไรยุ่งยาก หรือมันทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์น่ะ เป็นจุดหมายปลายทาง การเปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์น่ะ ไม่มีความยุ่งยากอะไร นั่งอยู่เฉยๆก็เปลี่ยนได้ เปลี่ยนอะไรต่างๆที่มันไม่ถูกให้เป็นความถูกต้อง นั่นแหละจุดหมายปลายทางของเรา ทางสายนี้พระพุทธเจ้าเดินมาแล้ว ผ่านมาแล้ว เหล่าพระสาวกก็ผ่านมาแล้ว พุทธบริษัทผู้ที่เข้าถึงศีลถึงธรรมผ่านมากันทั้งนั้น ผ่านความรัก เคยมีความรัก เคยมีความเกลียดชัง เคยมีความเศร้าหมอง ผ่านมาได้แล้ว มีคนผ่านได้แล้วเยอะแยะ เป็นทางที่เหยียบย่ำมาแล้ว อย่าไปชะเง้อชะง้า อย่าไปจำนนยอมอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
ในความหลง ในความเกิดแก่เจ็บตาย ในความทุกข์ในความโกรธก็มีความเกิดแก่เจ็บตาย หรือมีภพมีชาติอยู่ทั้งนั้น ผ่านมาให้มันสิ้นภพสิ้นชาติ เป็นหนทาง ผู้ที่เคยเดินผ่านมาแล้ว แม้ชีวิตของเรา เคยเป็นหนุ่มก็เคยเป็นหนุ่มมาแล้ว เคยเป็นเด็กก็เคยเป็นเด็กมาแล้ว เคยเป็นอะไรๆ เคยเป็นมาทั้งหมด แต่เรื่องของคนน่ะ คนน่ะมันมีอะไรเคยผ่านมาแล้ว ไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ หรือเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็เคยผ่านมาแล้ว เคยเจ็บก็เคยเจ็บมาแล้ว เคยป่วยอย่างสุดแสนสาหัส เคยป่วยมาแล้ว มีคนผ่านมาแล้ว
ธรรมะมันไม่มีอะไรขวางกั้น มันโล่ง มันโล่งมันว่าง โล่งทะลุทะลวง หัดเดินให้มันเป็นรอยเอาไว้ รอย รอยเท้าของเรา รอยชีวิตของเรา เหยียบมันไว้ แม้มันจะริบหรี่ไปทางนั้นแหละ เหมือนกับไฟในบ้าน ประเทศที่พัฒนาแล้วเค้ามีไฟ AC DC ไฟ AC คือไฟฟ้า ไฟ DC คือแบตเตอรี่ เวลาดับไฟ AC แล้วไฟ DC ยังมีอยู่ แต่มันไม่สว่าง มันเป็นริบหรี่ เห็นทางออกทางเข้า เห็นประตู ถ้ามีอะไรๆเกิดขึ้นไปทาง DC ที่มันมีแสงนิดๆหน่อยๆ นั่นแหละทาง มันไม่มืด มันบอก ไปทางนั้นแหละ เวลามันทุกข์มันไม่ทุกข์ มันริบหรี่ ไปทางนั้นเสียก่อน เวลามันโกรธ ก็ไปโกรธริบหรี่ ความโกรธมันอาจจะใหญ่กว่า แต่ว่าความไม่โกรธริบหรี่น้อยๆ นั่นแหละไปทางนั้นแหละ ขอสนับสนุนให้ไป ทางมันอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าไปแล้วจะพบทางไปเรื่อยๆไป ปลอดภัย เช่นไฟไหม้บ้าน ไฟ DC ไฟฟ้าดับ ไฟ DC ยังบอกทางเราอยู่ ชีวิตของเรามันไม่มืด มันไม่ทุกข์ ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์ ในความหลงมีความไม่หลง มีปัญหามันมีปัญญา อย่าสิ้นหวังขอเชียร์ขอสนับสนุน เป็นเพื่อนเป็นมิตรในเรื่องนี้ ให้ได้ยินเอาไว้
ปัญหาเกิดจากเราให้เป็นปัญญานะ จนไปถึงจุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทาง การไม่เป็นอะไร เห็นมาหมด ชีวิตของคนน่ะเห็นมาหมด เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับกายกับใจเห็นหมด เพราะปฏิบัติธรรมมันแสดง มันสาธิตให้ดู เวลาเรามีสติเหมือนเรามีตา มันทัสสนานุตริยะเห็น เห็นเรื่องของกายเห็นเรื่องของจิตใจ ที่มันแสดงออกมาเป็นดำเป็นขาว ทำให้เราหลง และอยู่ที่กายที่ใจแล้วไม่พอ ภายนอกอีก ประกอบกันเข้า ก็มีอะไรอยู่ที่นั่นอีก เกิดที่นั่นอีก กายเห็นรูป มีสมมุติบัญญัติ เข้าไปแทรกซ้อนว่าชอบว่าไม่ชอบ พอใจไม่พอใจมีสมมุติบัญญัติ ไปเกี่ยวข้อง มีอุปทานเข้าไปเกี่ยวข้องยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นภพเป็นชาติตรงนั้นเสียเวลา
ถ้าเรามีสติ มันจะเป็นเครื่องมือ เห็น เห็น สัมผัสรู้ ไม่มีสมมุติบัญญัติเข้าไป สมมุติบัญญัติไม่จริง ปรมัตถสัจจะจริง ถ้าสมมุติบัญญัติ เช่นความพอใจเป็นสมมุติบัญญัติ ปรมัตถสัจจะไม่มีในความพอใจความไม่พอใจ ความโกรธความชอบเป็นสมมุติบัญญัติ ปรมัตถสัจไม่มีตรงนั้น มันมีอย่างนี้ มันมีคู่เปรียบเทียบ เกณฑ์ชี้วัดในธรรมะ มีกุศลมีอกุศล มีความหลงมีความไม่หลง มีความโกรธมีความไม่โกรธ อย่างเนี้ยมันบอก นอกจากรูปจากนามจากกายจากใจ มันก็มีภายนอกที่มันเป็นคู่กัน เป็นใหญ่ เช่นตาก็เป็นใหญ่ในการเห็นรูป หูก็เป็นใหญ่ในการฟังเสียง จมูกก็เป็นใหญ่ในการได้กลิ่น ลิ้นก็เป็นใหญ่ในการได้รส กายก็เป็นใหญ่ในการสัมผัส จิตใจก็เป็นใหญ่ในอารมณ์ทั้งหลาย ส่วนกายมีอันเดียว ส่วนเป็นสุขเป็นทุกข์มีหลายอย่างเรียกว่า เวทนา จิตก็เป็นจิตอันเดียว แต่มันแปรเป็นอารมณ์หลายอย่างที่ว่าธรรม ธรรมทั้งหลาย อารมณ์ทั้งหลาย อาการทั้งหลาย สิ่งที่เกิดกับจิตเรียกว่าอาการ สิ่งที่เกิดกับกายเรียกว่าอาการ ไม่มีอะไรที่เป็นกายอีก ไม่มีอะไรที่เป็นธาตุ 4 มันมีอาการ แต่มันก็เป็นภพเป็นชาติ เกิดแก่เจ็บตายเช่นนั้น
ภพภูมิที่เกิดกับอาการนั้น มีภพภูมิต่างๆ มีเปรต มีอสุรกาย มีสัตว์นรก เดรัจฉาน อาการเกิดกับกาย อาการเกิดกับจิต มีภพมีชาติ เกิดดับเกิดดับ ถ้าเราเห็นมันก็หยุดเกิด คุมกำเนิดได้ ไม่เป็นอะไรกับอะไร นี่คือจุดหมายปลายทาง การที่ผ่านทางสายนี้ อย่าไปมีความยากความง่าย ความตายไม่มีค่าอะไร จุดหมายปลายทางเป็นความหมายของเรา ไป อย่าหยุด อย่าจำนน ถ้าจะทำเรื่องนี้น่ะ ไม่มีความยาก ไม่มีความสะดวก ไม่มีความง่าย ไม่มีความผิด ไม่มีความถูก ไม่มีความสุข ไม่มีความทุกข์ ไม่มีความตาย ไม่มีค่า สิ่งเหล่านี้ มีแต่เห็นไป มีแต่เห็นแล้ว ไม่เป็นไปกับอะไรต่างๆ ไปก่อน สายด่วน อย่าไปหวานเย็น จอดอยู่กับความรัก จอดอยู่กับความชัง จอดอยู่กับความสุขความทุกข์ มันหวานเย็น เนิ่นช้า ถ้ามันเป็นเช่นนั้นมันก็ด้านได้ ด้านได้เป็นปทปรมะ
ถ้าไม่หัดตัวเองให้มันสะดวก มันก็ไม่สะดวก ถ้าหัดให้สะดวกก็สะดวก มันผิดเห็นมันผิดสะดวก มันถูกเห็นมันถูกสะดวก มันทุกข์เห็นมันทุกข์สะดวก อะไรที่มันเห็นน่ะมันสะดวก ถ้ามันเป็นน่ะไม่สะดวก หัดให้ตัวเองสะดวก ถ้าไม่หัดมันก็ไม่สะดวกหรอก มันมีรสชาด มีสาทะ มีอัสสาทะ รสของโลกน่ะ เหมือนกับศิลป์ชัย ตามเอาสุมณฑา มันก็ไปเจอกินนรี กินนร กินนรี กินนรเนี่ย ไปเจอสาวงาม ไปเจอแหล่งสนุก ไม่อยากจะไปอีกก็ไม่ได้ ต้องสีโห สังข์ทอง ช่วยกันไป หมายถึงการเดินทาง ศิลป์ชัยคือศีล สีโหคือสมาธิ สังข์ทองคือปัญญา เป็นเครื่องมือหนักแน่น ทั้งมีพลัง ทั้งมีความคม ถ้ามีแต่ความคมไม่มีพลัง มันก็ไม่ขาดได้ เช่นมีดโกนผม ไปตัดต้นไม้มันไม่ขาด ไม่เหมือนคมจนโกนผมขาดทีละหมื่นละแสนเส้น แต่มันตัดต้นไม้ไม่ได้ มันไม่มีพลัง ไม่มีน้ำหนัก มันจึงประกอบด้วยการมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ก็จะเปรียบเหมือนมีด มีทั้งคมมีทั้งน้ำหนัก มีทั้งพลัง เหมือนเรายืนจะยกของหนัก ถ้าไม่มีที่ยืนก็ยกไม่ขึ้น ได้แต่ตัดของที่มันแข็ง ถ้าไม่มีที่ยืนก็ตัดไม่ได้ มันจะมีทั้งที่ยืนมีทั้งพลังมีทั้งความคม มีทั้งอะไรประกอบกันเข้า เรียกว่าศีล เรียกว่าสมาธิ เรียกว่าปัญญา เอามาใช้ มันหลง มีทั้งศีล มีทั้งสมาธิ มีทั้งปัญญา ไม่หลง นั่นแหละศีล นั่นแหละสมาธิ นั่นแหละปัญญา อย่าไปโอนอ่อน มันทุกข์ มีศีล เห็นทุกข์ ไม่เป็นทุกข์ พ้นจากทุกข์ เป็นศีลแล้ว เป็นสมาธิแล้ว ปัญญาแล้ว เราเหยียบย่ำได้สบายเลยล่ะตรงเนี้ย ลุยได้ ฝึกตัวเองให้เข้มแข็ง ไม่ทำให้อ่อนแอ อ่อนแอที่ใด เข้มแข็งที่นั่น อย่าอ้อแอ้ มี เปลี่ยน คิดเรื่องเก่า หัดมาคิดเรื่องเก่า ไม่ค่อยเดินไปข้างหน้าไม่ได้
เช่น พระอริยบุคคล มีภพต่างกัน เช่นพระอนาคามี หลงครั้งเดียวไม่หลงอีกเลย พระสกิทา มีหลงหลายครั้ง พระโสดาบันก็หลงอีกหลายครั้ง ส่วนพระอนาคามี ผู้มีภพเดียว ผ่านได้ง่ายๆ หลงไม่หลง ไม่มีหลุด ทั้งสอง นี่ อนาคามี หมายถึงการฝึกตนให้มันเข้มแข็ง ให้เคยชิน ให้เป็นการสะดวกเหมือนคนมีความรู้ มีความสะดวก เช่น ทำอะไรก็ตาม มันสะดวก มันมีความรู้ ความรู้ที่เป็นวิปัสสนากรรมฐาน มันเป็นความชำนาญ ชำนาญไม่ใช่ความรู้ ชำนาญในการใช้ความรู้สึกตัว ทะลุทะลวงได้
นั่นจึงขอสนับสนุนพวกเรา ถ้าท่านเคยสุข เราก็เคยสุขมาแล้ว เคยรัก เราเคยรักมาแล้ว เคยเป็นหนุ่มก็เคยเป็นหนุ่มมาแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็มาถึงจุดวัยชรา แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นหนุ่มๆยังไม่ถึงตรงนี้ อาจจะไม่รู้ เดินผ่านไปแล้วจึงจะรู้ มันเป็นอย่างไร นี่เราก็ผ่านมาจริงๆในโลก ไม่มีอะไรที่กลบเกลื่อนในชีวิต ไม่ต้องมาอวดมาแบ่งให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หลวงตาเป็นผู้เฒ่า ของหนูเป็นคนหนุ่มคนสาว อันนี้ ไม่อยากไปแบ่ง เหมือนกันจะพูดถึงสภาวธรรมเหมือนกัน เป็นพระหนุ่ม หลวงตาก็เป็นพระแก่ พูดยังไงก็ได้ ไม่ใช่ ท่านแบ่งเอาเอง แต่สภาวธรรมเหมือนกัน แต่วัยต่างกัน
นี่คือชีวิตที่ผ่านมา มาถึงจุดหมายปลายทางคือไม่เป็นอะไร เหมือนคนนั่งฝั่ง นั่งบนฝั่งดูคนที่อยู่ในห้วงน้ำ ถ้าท่านยังมุดยังโผล่และแหวกว่ายอยู่ มุดโผล่คือสุขคือทุกข์ พอใจไม่พอใจเป็นคนแหวกว่าย ความพอใจแหวกว่าย ความไม่พอใจก็แหวกว่าย ความสุขความทุกข์ก็ยังแหวกว่าย ความรักความชังยังแหวกว่าย ความโลภความโกรธความหลงยังแหวกว่ายอยู่ มันมีฝั่งน่ะ ขึ้นฝั่งซะแล้ว มันก็แล้วกันไป หรือไม่เป็นอะไร ง่ายๆอย่างนี้ เรียกว่าจุดหมายปลายทางมีความหมาย ความตายไม่มีค่าอะไร ถ้าให้ถึงจุดหมายปลายทางจะไปกลัวอะไร ไม่มีอะไรน่ากลัว ในโลก ในรสของโลก และกลัวก็กลัวอันอื่น กลัวก็กลัวบาป อกุศล มันหลงเนี่ย คิดน่ารังเกียจ มันสุขน่ารังเกียจ มันทุกข์น่ารังเกียจ ไม่น่ากลัว กลัวที่มันหลงนั่นแหละ ต้นตอมัน อายบ้าง ไม่ใช่กลัวแบบวิ่งหนี กลัวแบบอายรังเกียจ เหมือนเห็นขี้หมา ไม่ไปเหยียบมัน เห็นความสกปรกไม่ไปเหยียบมัน เคารพมัน เคารพความชั่ว คืออย่าไปเกี่ยวข้องกับมัน ให้น่ากลัว น่ากลัวแบบนี้เป็นเทวธรรมได้
เทวธรรมคือภาวะอย่างเนี้ย ไม่ใช่ไปขอเทวดาทั้งหลาย จงบอกสัตว์เหล่านั้นให้รู้ อะไรที่เราสวดน่ะ กรวดน้ำตอนเช้า ถ้าเรายังไม่รู้ สัตว์เหล่าใดยังไม่รู้ สวดมนต์ที่ข้าพเจ้าแผ่ให้แล้ว ขอเทวดาทั้งหลายจงบอกสัตว์เหล่านั้นให้รู้ เทวดาที่ไหน ถ้ามองไปเทวดาที่เป็นรุกขเทวดาอยู่บนยอดไม้ ภุมมเทวดาอยู่ในแผ่นดิน อากาศเทวดาอยู่ในอากาศ อันนั้นเราไม่รู้นะ อาจจะมี แต่เรารู้เทวธรรมที่มีอยู่ในหัวใจของคนทุกคนเนี่ย ขอเทวดาทั้งหลายจงบอกสัตว์เหล่านั้น ให้รู้ คือเทวธรรม เราก็สนับสนุนทั่วอยู่ทุกท่าน ท่านนั่งอยู่กุฏิของท่าน เรานั่งอยู่กุฏิของเรา ขอสนับสนุน ไม่ทุกข์ ท่านทุกข์ ไม่ทุกข์ก็ได้ ให้มีอย่างนี้ ถ้าท่านมองอย่างนี้เทวธรรมช่วยท่านแล้ว ถ้าท่านหลงไม่หลงก็ได้ การโกรธไม่โกรธก็ได้ ตาย มันสกปรก นั่นแหละเทวธรรม มันไม่กล้าทำชั่ว คิดชั่ว พูดชั่ว ไม่กล้าจะไปสุขไปทุกข์ มันอาย มันมีเทวธรรมในหัวใจ เนี่ยถ้าทุกคนเป็นอย่างนี้ เรียกว่าโลกบาลทั้งหมดสงบร่มเย็น ความปรารถนาที่ดีงามของสัตว์ทั้งหลายจงสำเร็จเถิด จงถึงมรรคผลนิพพาน ความปรารถนาที่ดีงามของท่านทั้งหลายจงสำเร็จเถิด
เราก็ขอสนับสนุนเรื่องนี้ จุดหมายปลายทางคือความไม่เป็นอะไร มันไม่ยาก ไม่ต้องไป ไม่หลับไม่นอน ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ เดินจงกรมจนเท้าแตก เดินจงกรมจนกกขาแตก ไม่หลับไม่นอนจนตัวเหลือง มันไม่ใช่ ฉันข้าวทานข้าวให้อิ่ม นอนให้พอ ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องนั้น เรื่องธรรมะมันเป็นการเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกน่ะ ไม่เป็นอะไรกับอะไรน่ะ นี่สำคัญ แม้ท่านจะกินอะไรไม่กินอะไรก็ไม่เป็นไร แต่ว่ารู้จักประมาณ หัดก็ได้เรื่องกิน เรื่องนอน หัดนอน หัดตื่น อย่าหลงไหล ไม่ต้องไปจำนน แต่ว่าเรื่องอันสุขๆทุกข์ๆ อันหลงอันโกรธน่ะ มันไม่เกี่ยวกับอันอื่น มันเกี่ยวกับสติ ปัญญา ศีล เท่านี้ ไม่ใช่ไม่กินข้าวมาสู้กับความโกรธ มาสู้ความหลง เอาไม่กินข้าว อดข้าวอดนอนมาสู้ มันสู้ไม่ได้ มันต้องเอาสติปัญญา เอาศีล เอาสมาธิ เอาปัญญา มีสติเข้าไปแล้ว มันถึงจะใช้ได้ มันเป็นเหมือนแสงสว่างมันก็ขจัดความมืด ไม่มีวิธีใดจะกำจัดความมืดได้ ความไม่หลง จำกัดความหลง ความไม่ทุกข์ จำกัดความทุกข์ ไม่ใช่เหตุอันอื่น เอาเหตุเอาผลไม่ใช่ เป็นหลักปฏิบัติตรงกัน ปฏิบัติตรง เวลามันหลงไม่หลง มันตรง เวลามันทุกข์ไม่ทุกข์มันตรง เวลามันโกรธไม่โกรธมันตรงอย่างนี้ มันดีปฏิบัติตรงมันก็ดี มันก็ทำได้ ถ้ามันหลงไม่หลง โอ้…มันก็เปลี่ยนไปได้ มันดี ออกจากทุกข์ขึ้นมา ไม่ให้เป็นทุกข์แล้ว มันอยู่ในคราวเดียวกัน สติมันเป็นวงจรของธรรมะ มีศีลก็เกิดจากสติ เนี่ย ให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ขอสนับสนุนทุกคนที่ใช้ชีวิตในโลกนี้ ผู้ปรุงอาหารก็บรรลุธรรมได้ ผู้ที่มีนวกรรมการก่อสร้างก็บรรลุธรรมได้ อาจารย์ทรงศีล อาจารย์ตุ้มดูแลเรื่องการซ่อมแซมเสนาสนะ ขอสนับสนุน มีโอกาสบรรลุธรรมได้ มีพระอรหันต์บางรูปทำหน้าที่เรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน เจ้าอธิการเสนาสนะนวกรรม กุฏิใครรั่ว กุฏิใครพังบอก บอกผม จีวรใครขาด บอกผม จีวรใครเศร้าหมอง บอกผม บาตรรั่วบอก ย้อมผ้าก็บอก มีผู้สมัคร อย่างวัดเราก็มี มีพระที่ทำหน้าที่เรื่องนี้ เรื่องปล่อยเรื่องน้ำ เรื่องซ่อมแซม ไม่ว่าหลวงตามาจากกรุงเทพฯกลางคืน มาว่าจะไปอาบน้ำอุ่น ที่กุฏิโน่น ไปเปิดก๊อกน้ำอ่างล้างหน้าแปรงฟัน เหม็น! นึกว่าตัวอะไรไปตาย มันจะไปตายได้อย่างไร มันอยู่ในท่อ มันอยู่ในโอ่งในแท๊งค์ อาจจะมีตัวสัตว์อะไร กระรอกบ้างหรือหนูบ้างงูบ้าง มีฝาไม่ปิดดี อาจจะเป็นเหตุนั้นล่ะมั้ง มันเน่ามันเหม็นเหมือนสัตว์ ไปแปรงฟันไม่ได้ อาบก็ไม่ได้เหม็นไปเลย เปิดน้ำมา ก็เลยเดินมาอาบน้ำที่นี่ มาต้มเอา ทีนี้ก็บอกคุณตุ้ย คุณตุ้ยไปดูน้ำให้หน่อยนะ คุณตุ้ยก็ชวนเพื่อนไปอย่างองอาจ มีพระชำนาญ นวกรรมเป็นนายช่างใหญ่อยู่นี่ก็มีนะ เค้าไปกันเป็นทีมไป ทว่าคุณตุ้ยบอกว่าหลวงพ่อไปเปิดดูซิ มันจะเหม็นไหม ไปเปิดดูมันก็ไม่เหม็นแล้ว (หัวเราะ) เขาก็มีความรู้ความสามารถแบบนี้เหมือนกัน ไปทำอย่างไรล่ะ มีอะไรตายหรือ ไม่มีอะไรตาย น้ำหลวงพ่อไม่ได้ใช้หลายวันอยู่ในท่อ ไม่มีตัวอะไรไปตายใส่ เวลาหลวงพ่อมาต้องเปิดให้มันยาวๆออกซะก่อน อย่างท่อน้ำของเรา ถ้าไม่ได้เปิดเราใช้เลยไม่ได้นะ ถ้าเราไม่อยู่น่ะ มันมีมลภาวะ น้ำของเราบางทีก็ไม่สะอาดมีละอองมีฝุ่นไม่ได้กรอง ไม่เหมือนน้ำประปากรอง เอาขังไว้ในท่อน้ำ มันก็ขังอยู่ไม่ไหลผ่าน มันก็เปิดออกมา มันก็เน่าเหม็น เปิดทิ้งไว้ นะ ไม่มีอะไรไปตาย โอ้…พอรู้ พึ่งมารู้ แต่ก่อนว่าอะไรตาย จะได้เปิดน้ำโอ่งทิ้งแล้ว (หัวเราะ) เปิดล้างท่อ เนี่ย นวกรรมผู้ชำนาญ นี่ก็ พวกเราก็อบอุ่นใจ แม่ชีทุกคนหายเจ็บหายป่วย(หัวเราะ) ฉะนั้นก็ หลวงตาก็หาย ไปตรวจโรคมะเร็งหมอบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ครั้งที่ 11 แล้ว สามสี่ปีแล้ว ยังไม่พบเพิ่ม มะเร็งยังสงบอยู่ นี่มันก็ธรรมดาของสังขารร่างกาย
ขอสนับสนุนให้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่เป็นอะไรกับอะไรในโลกนี้ โล่งๆว่างๆ สะดวก เป็นสุขไม่สะดวก เป็นทุกข์ไม่สะดวก เป็นความรักความชัง พอใจไม่พอใจไม่ค่อยสะดวก ถึงตรงที่ไม่เป็นอะไร เป็นชีวิตที่สะดวกราบรื่น โล่งๆว่างๆ มองออกทะลุทะลวงทั้งหมด ใครเป็นอะไร เราก็รู้แล้ว เหมือนกันหมด ชีวิตของเราเหมือนกันหมด ถ้าใครหากว่ามีอะไรอยู่ก็ไป ไปให้พ้น พระพุทธเจ้าเหยียบไปแล้ว ทางสายนี้ ชำนาญมาก ชำนาญในการเดินทาง เหมือนเรา ทางของเรา เช่นรถแก้งคร้อ-ท่ามะไฟหวาน เป็นทางของเขา ถ้าเขาวิ่งทางของเขา มันก็ปลอดภัย คนไม่เคยทาง มาวิ่งทางของคนอื่น ไม่เคย ก็ไม่ปลอดภัย ตกเขาไปหลายคันแล้ว ทางมันเป็นของใครของมันอยู่ ยังไม่ค่อย ยังไม่ค่อยเป็นมิตรภาพ ถ้าเป็นมิตรภาพแล้ว มันก็สะดวกยิ่งเป็น Highway Tollway ก็สะดวกเพิ่มขึ้น ถ้าเป็น Freeway ยิ่งสะดวกใหญ่ ประเทศไทยเราไม่มี ที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว Freeway ทั่วประเทศ วิ่งไม่ต้องจอด รถนั่งส่วนตัววิ่ง Freeway สำหรับไปทำงาน เขาวางไว้ทั่วประเทศ
ชีวิตต้องเป็น Freeway อันนั้นน่ะสะดวก ทางของเรา ถ้าทางรถ ถ้าเป็น Freeway ที่เป็น Highway Tollway ก็สะดวก เหมือน ถ้าจะเปรียบก็เหมือนไปมรรคไปผลนั่นแหละ มันบอกทางมันบอก จราจรมันบอก เวลาเรานั่งรถไป คนขับรถ อาจจะได้มรรคผลนิพพาน ถ้าใช้ถูกนะ อย่างหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ จราจรแออัด บางทีรถแซงมามันจะแซงไป มันก็แย่งกันนะ ต่าง ๆ เราก็ เอ้อ คนกรุงเทพถ้า ถ้าใช้ชีวิตเป็น จะได้บรรลุธรรมกว่าพวกเราอยู่สุคะโตนะ เพราะว่ามันผิดอยู่เรื่อย อันคนอื่นทำให้เราหลง คนอื่นทำให้เราทดสอบเรา บางทีเราก็เปิดแตรไล่กัน หลวงพ่อก็คิดว่า เอ้อ น่าจะไม่เป็นไร ให้เขาไปก่อน คันนี้มา เอ้าไม่เป็นไร ไปก่อน คันซ้ายมาขวามา ไปก่อน บรรลุธรรมไหม ไป ไม่เป็นไร (หัวเราะ) ไม่เป็นไร ไปก่อน เอ้าไปก่อน เอ้าไม่เป็นไรจอด เอ้อเอ้าไม่เป็นไร เนี่ย… มันสนุกนะ สนุกไม่เป็นอะไรกับอะไรนะ ถ้าเราใช้ชีวิตไม่ถูกต้องเครียดนะ ไม่ไหว ไม่ไหว มันตัดหน้าเรา มันเบียดเรา อะไรไปทำนองนั้น ต่างคนต่างอยากไป เราก็อยากไป เค้าก็อยากไป เราก็ไม่เป็นไรตะพึดตะพือไป นี่คือเดินทาง
เดินทางชีวิตก็เหมือนกัน แหละ ไม่เป็นไร มีอะไรเกิดขึ้นกับเราไม่เป็นไร เกิดกับคนอื่นมาทำให้เรา ไม่เป็นไร เราเป็นทุกข์เพราะคนอื่นไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ก็สะดวก สะดวกแบบนั้น ก็อยู่ชีวิตก็สะดวกแบบนั้น ให้ชีวิต ทำชีวิตของตนให้สะดวก อย่าทำชีวิตของตนให้ติดขัด จราจรติดขัด อารมณ์ค้าง จราจรในหัวใจไม่สะดวก นะ อะไรก็ยาก
มีคนถามหลวงตาไปเทศน์ พนักงานการบิน สนามบินสุวรรณภูมิ ชาติไหนจะได้บรรลุธรรม จะบรรลุธรรมชาติไหน ทำไมไม่เห็นอะไรเลย มันจะได้อะไร ชาติไหนล่ะ เวลามันหลงไม่หลงเนี่ย บรรลุธรรม เวลามันโกรธไม่โกรธบรรลุธรรม เวลามันทุกข์ไม่ทุกข์บรรลุธรรม อะไรที่มันเป็นนั่นแหละ ไม่เป็นบรรลุธรรม ไม่เป็น มันมีอะไรในโลกเนี่ย ไม่เป็น ภายในไม่เป็น ฉลาดตรงนี้ ไม่ใช่ว่าปลวกขึ้นนี่ เฉย ไม่ใช่นะ ดูแล คำว่าไม่เป็นคือ นักทำงาน นักทำงานไม่ปล่อยทิ้ง ถ้าเป็นแล้ว ไม่ใช่นักทำงาน คนที่ไม่เป็นไรคือคนที่เหมาะแก่การงาน อย่างมากทีเดียว เนี่ย เอ้า… สมควรแก่เวลา กราบพระพร้อมกัน