แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีหน้าที่ต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์ อย่าให้มีโทษ เราอยู่ในโลกนี้ต้องพึ่งพาอาศัยหลายอย่าง ดินฟ้าอากาศ อาหารการกิน เครื่องนุ่งเครื่องห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เราก็พึ่งพาอาศัยกันด้วย เจ็บไข้ได้ป่วยพึ่งพากัน เราอยู่ที่นี่ก็พึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช่เราอยู่คนเดียว อย่างน้อยเราก็ต้องมีหนี้บุญคุณของพระพุทธเจ้า ที่มีจีวรนุ่งห่ม มีผ้าขาวนุ่งห่ม โกนผมอยู่วัดสาธารณสถาน มีข้าวมีบิณฑบาตได้ฉัน ตีฆ้อง ตีกลอง บิณฑบาตมีผู้คนมาช่วยเรา มาให้อาหารการฉัน
เมื่อวานนี้ก็เข้าวันข้าวกระยาสารทเสร็จไปแล้ว ชาวบ้านเขาทำบุญรวมญาติ เป็นสารทลาว วันเพ็ญเดือนสิบก็เป็นสารทไทย งานทำบุญชาวบ้านจบไป ตามจารีตสิบสองคลองสิบสี่ แต่พวกเรายังต้องทำอยู่ เราได้มา ที่เขามีศรัทธามาให้เรา ต้องถือว่าใช้ความดีของเขา เวลาจะนุ่งห่มจีวรก็พิจารณา จีวะรัง ปะริภุตตัง เวลาฉันก็พิจารณา อาหารและปิณฑปาตัง เวลาอยู่อาศัย เสนาสนะปาตัง เรามีหยูกมียารักษาโรคก็ คิลานะเปตัง เวลาจะขบจะฉัน ไม่ใช่เราได้มาเอง มีคนมาให้เรา ถ้าฉันไม่เป็นก็เป็นบาป
อย่างเมื่อวานนี้ เขามีสลากภัตพาเวร คำว่าเวรนี้ พาเวรนี้เพื่ออุทิศไปยังเปตุชน ปรทัตตูปชีวี เขาไม่ได้มีความมุ่งหมายจะให้เราซักครึ่งหนึ่ง ให้เปตุชนครึ่งหนึ่งซะ เราจะฉันอาหารที่เขาพาเวรสลากภัต ไม่เหมือนสังฆทาน ตามธรรมวินัยก็อุปโลกน์จึงฉันได้ ถ้าฉันไม่อุปโลกน์ก็กลายเป็นเปรตได้ นักบวชกลายเป็นเปรตได้ ก็จึงมีอุปโลกน์ อุปโลกน์คือแจกตามธรรมวินัย แต่ที่นี่ถ้าไม่ได้แจกแบบอธิการ เจ้าอธิการเขาแจกก็คือเจ้าอาวาสนั่นล่ะ เรียกว่าพระอธิการ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนชื่อว่าเป็นพระอธิการ แล้วไม่เป็นเจ้าอาวาสก็เรียกว่า พระภิกษุ ผู้ดูแลสงฆ์
ทีนี้ทุกวันนี้ก็เป็นของที่ชาวบ้านอุปโลกน์ให้แล้ว จัดมาเป็นภาชนะ มาวางไว้บนโต๊ะ เขาจัดมาแล้ว แล้วเราก็ไปรับแจกทีหลังอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ของที่ทิ้งขว้าง มีคนมีศรัทธานำมา ไม่ต้องแจก ไปบิณฑบาตมาก็ไม่ต้องมาอุปโลกน์อีก มีสิทธิ์ฉันได้ เวลาบิณฑบาตกลับมา ของที่ตกในบาตรอย่าเพิ่งไปให้ใคร ให้ตัวเองพิจารณาดูก่อน เขาประสงค์จะให้พระสงฆ์ ถ้าบิณฑบาตได้มาเห็นลูกเห็นหลาน ควักขนมออกจากบาตร ให้ลูกให้หลาน อันนั้นก็ถือว่าผิดวินัย ต้องพิจารณาก่อน ถ้าพิจารณาแล้วจะเอาอะไร ก็เอาซะ ถ้าเหลือนั้นก็แจกคนอื่น อย่าหวงบริโภคผู้เดียว นี่เขาเรียกว่าอุปโลกน์
ชาวบ้านอุปโลกน์ให้ เอามาวางเป็นภาชนะ มาวางใส่ถ้วยใส่ชามให้พวกเรา อันนี้ไม่ต้องอุปโลกน์ แต่เรายังจะต้องบริโภคด้วยพิจารณาเนืองๆ ว่า เวลานี้เราจะฉันบิณฑบาตเพื่อยังไง เป็นไปเพื่อยังไง ไม่ได้ประมาท เราต้องใช้หนี้ไปเรื่อยๆ การใช้หนี้คือพิจารณา บางที่บางแห่ง ก่อนจะฉัน พระทั้งหลายก็ต้องถวายพระพุทธ ถวายข้าวพระพุทธก่อน พนมมือขึ้นว่า อิมังสาธุ ปะนัง(สัมปันนัง) สารีนัง โภชนัง อุทธกังวะรัง พุทธัสสะปูเชมะฯ ถวายพระุพุทธเจ้าแล้วเราก็ เสสัง มังคะลา ยาจามิฯ รับเศษพระพุทธเจ้า เหมือนกับมีความรู้สึกอย่างนั้น อาหารที่เราฉันได้มาจากพระพุทธเจ้า ถวายพระพุทธเจ้าก่อนจึงมารับเศษทีหลัง ไม่ใช่มูมมาม อันนี้ก็เป็นเรื่องของ พระสงฆ์ นักบวชเรา แม่ชีด้วย ญาติโยมที่อยู่ในวัดนี่ทุกคนด้วย จึงไม่ควรประมาท
สิ่งที่ไม่ประมาทที่ดีที่สุด คือปฏิบัติธรรมนี้ให้มีความดี พอที่จะนั่งให้คนกราบไหว้ พอที่จะรับทักทาน ทักษิณาทานชาวบ้านได้ ถ้าไม่มีความดี มันกินแหนงแคลงใจ ปกปิดซ่อนเร้นมันก็เป็นบาป ต้องมีความดีที่จะอยู่เสนาสนะที่เขาสร้างให้ ที่จะนุ่งห่มจีวรที่เขาหามาให้ ที่จะขบจะเคี้ยว ต้องมีความดี มีศีล มีธรรม ให้เป็นเนื้อนาบุญของโลก ที่ทำให้เราไม่เป็นหนี้ก็คือ ปฏิบัติธรรม มีการศึกษาปฏิบัตินี่ พวกเราจึงอยู่ด้วยกันแบบนี้ เราไม่ได้ค้าขายให้ได้ มีอาชีพอะไร ผลประโยชน์เรื่องอันใดที่เกิดจากพวกเราที่อยู่ที่นี่ ที่เป็นนักบวช ก็เป็นของแผ่นดิน เป็นของส่วนรวม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็ควรจะมีบ้าง ในชีวิตของเราที่เกิดมาอย่างน้อยก็ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น ช่วยเหลือสิ่งอื่นวัตถุอื่นให้เป็นไปในทางที่อยู่ที่ชอบ พอจะเกิดประโยชน์ได้บ้าง ก็ภูมิใจ ถ้าเราไม่มีอะไรที่เกิดจากเราเลย จะสอนศีลสอนธรรมสักหน่อยก็ไม่ได้ ตัดช่องน้อยเฉพาะตัว เป็นปัจเจกพุทธตายทิ้งไปเปล่า ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นเลย อันนี้ก็ประโยชน์น้อย ก็ต้องมีอะไรหลายอย่างที่เราจะต้องให้มันเกิดความดีจากเรา อย่างน้อยเราก็ต้องปฎิบัติธรรมนี่แหละ เราไม่มีลูกมีหลานเลี้ยงดูเหมือนญาติโยมเขา ไม่ได้ทำไร่ทำนา หาข้าวปลาอาหารมาทำบุญให้ทาน แต่ทำบุญแบบมีศีลมีธรรมเป็นส่วนหนึ่ง มีความสันโดษ จะกิน จะนอนตรงไหนก็ไม่กังวล ไม่ป้องกัน จนถึงให้มีปัญญาแก่กล้า เหนือการเกิด แก่ เจ็บ ตายไปโน่น อันนี้เป็นงานของพวกเรา มีแน่นอนการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย
สิ่งที่เราทำอยู่นี้ ปฏิบัติธรรมอยู่นี้ มันเพื่อการนั้นโดยตรง ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะสรรเสริญเยินยอ ไม่ใช่หมู่มิตรพวกพ้องบริวาร เพื่อเจ้าลัทธิอะไร มุ่งไปสู่มรรคผลนิพพาน เป็นที่สุดหมายปลายทางของนักบวช ของศาสนา ของพุทธศาสนา จึงมีงานของเราที่ทำนี่เรียกว่ากรรมฐาน เรียกว่ากรรม วิปัสสนากรรมฐานให้เกิดผล ล่วงพ้นภาวะเก่าว่าง เคยหลงก็ไม่หลง บางอย่างเคยหลงเรื่องหนึ่งเรื่องใด เคยทุกข์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง เคยโกรธเรื่องอันนั้นอันนี้ ผ่านได้แล้ว เป็นชีวิตที่เหนือรสของโลกได้บ้าง มีโอกาสยกมือไหว้ตัวเองได้บ้าง ให้เราไม่ได้อยู่เพศนี้ก็ยิ่งดี ใครเป็นฆราวาสญาติโยมก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ผู้ที่อยู่ในเพศนี้ก็ทำเรื่องนี้เรื่อยไป เพื่อเป็นส่วนรวม
ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไหว้พระสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ชวนกัน สอนกัน บอกกัน ทำให้ดู อยู่ให้เห็น พูดให้ฟัง ให้เป็นนิมิตรพอเห็นได้บ้าง ถ้าไม่มีนิมิตรเห็น ไม่มีรูป จะให้คนดูอะไร อย่างพระสิทธัตถะเห็นนิมิตร เห็นคนเกิด เห็นคนแก่ เห็นคนเจ็บ เห็นคนตาย แล้วก็เห็นสมณะ เห็นคนเกิด เห็นคนแก่ เห็นคนตาย มันก็เห็นตรงๆ อะไรที่มีนิมิตรอีก เห็นสมณะ เห็นนักบวชก็เลย เออ นี่ก็เป็นนิมิตรอันหนึ่ง น่าจะเป็นไปได้
นักบวชก็ไม่ใช่เหมือนกับอยู่กับฆราวาสญาติโยม ดีดออก สันโดษ โสตาย อยู่ป่า อยู่วัดวาอาราม อาศัยคนอื่นเลี้ยงชีวิต แต่เราใช่ปฏิพกยาจก ไม่ขอ ขอไม่ได้ มีแต่แสดง อุ้มบาตรหม้อดินเดินไป ใครจะให้ก็ให้ ใครไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ได้อะไรมาก็สันโดษ ไม่ได้กระตือรือร้น ถึงคราวหิวก็ต้องหิว เวลาร้อนก็ร้อน เวลาหนาวก็หนาว บางทีก็ไม่มีการป้องกันตัวได้ เพราะเราไม่มีอะไร มีอะไรไม่ได้ สาตราวุธก็มีไม่ได้ สาตราของมีคม อาวุธคือของคมทั้งปลายแหลมเรียกว่าอาวุธ ไม่ใช่ของพวกเราเป็นนักบวช นักบวชก็มีบาตร มีจีวร เป็นสมบัติของเรา ญาติโยมก็จะงามในการสร้างบ้านสร้างเรือน วัตถุสิ่งของ แต่พระนี่นักบวชนี่มีงามที่สุดคือบาตรกับจีวร ได้จีวรใหม่มา เห็นมันเป็นอดิเรกลาภ ผ้านอกอธิฐานเรียกว่าอดิเรกเกิดขึ้นแล้ว มีหลายไตร เคยโทรไปหาเพื่อน มีจีวรมั้ย ถ้าไม่มีก็มาเอาได้ ที่นี่มีผ้าหลายไตรที่ไม่ได้ใช้ ก็มีคนมารับ มีพระมา ก็ให้ไป ไม่หวงบริโภคผู้เดียว อันนี้ก็คือแบ่งกัน
เราไม่มีอะไรที่เป็นสมบัติของเราเพื่อได้อาศัย อาศัยข้าวสุกน้ำแกงชาวบ้าน แต่เราก็ไม่ได้ประมาท บางทีก็ดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นที่อาศัยด้วย เขาทำถนนใหม่คอนกรีตที่มาบ้านเรานี่ คอสะพานขาดแล้ว เราทำไง เป็นโยธาได้ไหมพวกเรา (หัวเราะ) ไปช่วยกัน หาเอารถบรรทุกก้อนหินมารองคอถนน สะพานตรงนั้นน่ะ อีกไม่นานนะ ก็จะขาดไป จะลำบาก ถ้าไม่แก้ไขซะ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย เคยลำบากมาแล้ว เป็นเกาะไปไม่ได้ ที่นี่น้ำท่วม เคยมีเหมือนกัน อดข้าวสองวันก็มี
แต่ก่อนน้ำลำปะทาวเนี่ย มันมีท่อนซุงเยอะแยะ เวลาน้ำหลากมามันไหลไม่สะดวก ระหว่างลำปะทาวกับฝายวัดนี่เสมอกันเลยน้ำนี่ ท่วมทุกขุมแถวนี้ จนวัวควายตายบ้านเรือนเสียหายมากสมัยก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมี “แม่นบ่ พ่อหยก” อันนั้นถ้าสะพานตรงนี้ขาดทำไงล่ะ สะพานตรงนี้หนา หลวงตาเป็นคนขอมาเองนะ สมัยเราอยู่ในเกาะ “แม่นบ่ พ่อเปรม” ไปทำสะพานป่าสักโน่นแน่ะ ทางเดินของพวกเรา หลวงพ่อพาชาวบ้านไปทำโน่น นายอำเภอมาเห็น “โอ้ เอาป่านนี้รึหลวงพ่อ” “เอาป่านนี้แล้วว่า” “ไม่มีทางแล้ว อดข้าวมาหลายวันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปหาผู้ว่าฯ” ไปก็ไปสิว่า ไปเลยไปหาผู้ว่าฯ เขาจะไม่ให้เข้าประตูหาผู้ว่าฯ เลขานั่งอยู่ “มาทำไม หลวงตา” “มาหาผู้ว่าฯ” “มาทำไมล่ะ มีเรื่องอะไรบอกเราด้วย” “อ๋อ เดือดร้อน น้ำท่วม ไม่มีทางไปมาหาสู่ อยู่ในเกาะเป็นอาทิตย์แล้ว”
เขาพาเราเข้าไปหา เลขาเข้าไปหาผู้ว่าฯ ท่านนายอำเภอนี่ “ผมเองพาหลวงพ่อมา”บอกเลขาเขา เขาเป็นนายอำเภอแก้งคร้อ เขาพาเข้าไป ผู้ว่าฯ ก็ต้อนรับอย่างดี นายอำเภอพาไปนะ พาเข้าไปก็ “ท่านผู้ว่าฯ หลวงพ่อเดือดร้อน ชาวบ้านไม่มีข้าวจะกินแล้ว น้ำท่วมหลายวันแล้ว เห็นลอยน้ำลอยทำสะพานกันอยู่ มีเรือลำหนึ่งใช่มั้ย อยู่ในวัดนี่ แล้วก็อยู่ท่าโน้นบ้างท่านี้บ้าง ขนเรือคนไปข้ามไป” เรือเล็กๆ ลำหนึ่ง เดี๋ยวนี้หายไปไหนไม่รู้นะ (หัวเราะ) เรือวัดลำหนึ่ง กลุ่มศึกษาซื้อมาให้ พอได้ข้ามลำปะทาวบิณฑบาต ผู้ว่าฯ เขาบอกว่า “เอ้อ ไปเรียกโยธามา ไปเรียกโยธามานี่” โยธาก็มานั่ง “โยธาน้อง ทำสะพานให้หลวงพ่อสักอันได้มั้ย” ที่ไหน เขาบอก บ้านใหม่ป่าสุคะโตโน่น น้ำท่วมหลายวันแล้ว ต้องไปดูก่อน “ไปดูซิ ไปดูแล้วยังไงมาบอกเรานะ”
โยธาก็มาพายมาสำรวจเขียนแปลนออกมาทันที เสนอผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯ ก็งบประมาณให้มา ถ้าจะสร้างป่าสักนะ แม่นบ่ หลวงพ่อได้แบบมา ผู้ว่าฯ ให้มา ผลที่สุดก็อยากมีทางนี้ ทางไปเรียนเด็กน้อยมีโรงเรียน เอาทางนี้ดีกว่า หลวงตาเลยให้แม่สุดมาซื้อที่ ก็เลยตัดทางไป ถ้าไม่ซื้อที่ไม่มีทางหรอกนะ เรายังเป็นเกาะนะ ให้แม่สุดมาซื้อที่ตรงนี้ ตัดทางทะลุไปโน่น เอามาลงนั่นเลยนะ นายอำเภอเอาลูกชายมาบวชที่นี่ “ท่านนายอำเภอ หลวง พ่อเดือดร้อนว่า ไปอำเภอทีไรต้องลงเขาไปเกษตรสมบูรณ์หมด แต่่ก่อนขึ้นต่อเกษตรใช่มั้ย อำเภอเกษตรสมบูรณ์นี่ หลวงตาไม่อยากเป็นคนอำเภอเกษตรสมบูรณ์ อยากเป็นคนอำเภอแก้งคร้อ (หัวเราะ) จะทำได้ไหม” เอาอย่างไงล่ะ เดี๋ยวนี้มันเขตเกษตรสมบูรณ์กับเขตแก้งคร้อมันลำปะทาวนั่น อำเภอแก้งคร้อมีหน้าผาแค่นั้นเอง แต่ทางนี้เป็นของเกษตรหมดเลย สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของอำเภอแก้งคร้อ หลวงพ่อจะเอายังไงล่ะ จะเอาโน้นเหรอ ภูค้อ ภูคี ลำห้วยยางลงไปลาดผักหนาม ไปโน่นล่ะ เขตแก้งคร้อได้มั้ย ได้ ผมจะไปขอกับทหาร ที่นี่เป็นที่ทหารนะ ไปขอทหาร เราตัดแผนที่เลยเอาๆ พอตั้งได้ปั๊บ ได้แล้วหลวงพ่อ พอตั้งได้ก็ตั้งบ้านใหม่เป็นหมู่บ้านขึ้นมา บ้านท่าเว่อในเป็นหมู่บ้านขึ้นมา พ่อผู้ใหญ่คนแรกคือผู้ใหญ่สวนนี่หละ (หัวเราะ) ก็พอมีผลบ้าง
แต่ก่อนก็หนุ่มเนอะ เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้วพ่อทายกเอ๋ย หมดเรี่ยวหมดแรง อดีตรำลึกนะ เมื่อวานไปร้องเพลงให้ชาวบ้านท่ามะไฟหวานฟัง สามสิบกว่าปีก่อน เป็นพระหนุ่มตั้งกลุ่มเยาวชนยุวชน ทำทางจากหน้าโรงเรียนบ้านกุดโง้งลงหน้าผา ไม่รู้จักทาง (...) ตอนเย็นนี่ก็ติดตะเกียงมา เอาคนหนุ่มคนสาวขุดทางไป ตัดทางไป ได้ทำทางลงเขา ไปขอซื้อระเบิดกับนายอำเภออีกละนั่น นายอำเภอว่าอยากได้ระเบิดดินระเบิดมาระเบิดภูเขา จะซื้อที่ไหน เอาระเบิดมายังไง เอาระเบิดมาเห็นเขาเจาะระเบิดหินน่ะ จะทำทางลงเขา มันไม่ได้ ผิดกฎหมาย จะไปซื้อดินระเบิดมาไม่ได้ ผิดกฎหมายเขา ถ้าไม่ซื้อก็ต้องไปเอาไฟเผา เห็นแล้วก็ทุกข์ สมัยก่อนทำทางลงเขามันลำบากมาก หาบข้าวขึ้นเขา แม่นบ่ แม่เพียร นายอำเภอก็ว่าหางบทำทางขึ้นเขาให้ ว่าจะเอาลงนี้หนา ผลที่สุดได้ทางโน้นไปเลย นี่ก็ร้องเพลงให้ชาวบ้านฟังเมื่อวานนี้ อดีตรำลึก อยากฟังเพลงหลวงตามั้ย สามสิบกว่าปีแล้วตั้งกลุ่มเยาวชน (หัวเราะ)
“ ท่ามะไฟหวานเราดีจริงหนา มีวัดนำพาฝึกหัดกายใจ
เยาวชนชายหญิงทั่วไป ร่วมจิตร่วมใจรักใคร่สามัคคี
ท่ามะไฟหวานเราดีจริงเอ๋ย เป็นหนึ่งได้เลยดินแดนสุขสันต์
ท่ามะไฟหวานไม่มีชนชั้น ไปมาหากันได้อย่างสบาย
ท่ามะไฟหวานเราดีจริงหนา ลำปะทาวไหลมาๆ ไม่ขาดสาย
เหมือนหนึ่งดังธารน้ำใจ รวมจิตร่วมใจรักใคร่ปรองดอง ”
แต่ก่อนก็เด็กร้องเพลงกันนะ หนุ่มสาวร้องเพลงกัน เดี๋ยวนี้จำไม่ได้แล้วคนทั้งหลาย บ้านเราสร้างเพลงขึ้นมา เอาหนุ่มสาวเยาวชนมาเข้าวัดเข้าวากัน อบรมสั่งสอน ก็สนุกไปตามคนบ้านเขา บ้านป่าขาดง ไปเอาดินมาถมศาลาหน้าเรานี่ ไปเอาทรายนะ ไม่มีรถดัมพ์เหมือนทุกวันนี้นะ พอหนุ่มสาวบ้านใหม่บ้านกุดโง้งเอาล้อน้ำไปเข็น ขึ้นมา มาถมมาปลูกศาลานะ นี่ขนาดทางเท่านี้เราไปทำไม่ได้หรือ อ่อนแอหรือทุกวันนี้ มีอบต.หรือ จ่านกกำลังจะไปทำถมทางนะ แต่นี้อบต.เขามาบอกว่าจะทำเอง คันดินลาดยางแค่นี้ เอาจอบเอาขิดไปขุดก็แตกแล้ว ไปใช้เครื่องตัดอยู่เป็นเดือนแล้วไม่เสร็จเลย (หัวเราะ) อ้าว เฮ้ย มันไปไหนหมดมือคนนี่ น่าสงสาร
ปัญญาอ่อนแล้วคนทุกวันนี้ จับจอบจับมีดจับเสียมไม่เป็นแล้ว ไปมั้ยพวกเราบ้านใหม่ พ่อผู้ใหญ่ พ่อทายก เอารถพ่อทายกไปหาตัดไม้ ขอไม้ยูคามาสับเป็นเขื่อน ถ้าไม่แก้ไขจะเป็นเกาะนะบ้านเรานะ เอาไม้ยูคามาตัดเป็นเขื่อนๆ ตีลง สับลงๆ ทำเป็นขวางไว้ ไม่ให้น้ำไหลเซาะเข้ามา ไปดูมั้ย เดี๋ยวนี้มันเข้ามาครึ่งหนึ่งแล้วนะ ถ้ามันหักลงมาทำไงนะ ต้องป้องกันเสียก่อน เนี่ย ฝนหน้านี้ก็ชุกแล้ว มันมาอีกสองหัวก็หมด เสร็จเลยเรา อันนี้ก็พูดเล่นๆ ไป ให้ชาวบ้านนะ ถ้าพระทำ พระอายชาวบ้านนะ แต่มันอดไม่ได้บางโอกาส
แต่ก่อนหลวงตาเคยไปเอาหินถมทางแถวนั้น รถติดนะมาจากบ้านโน้น เดี๋ยวนี้มันก็ทำอบต.เขาเป็นเจ้าของ ขวางหน้าขวางตาเขาก็ไม่ดีนะ ให้พ่อทายกให้ผู้ใหญ่บ้านบอกอบต.บ้านใหม่ ไปทำสักหน่อยก็ดีนะ ถ้าไม่มีไม้ก็มาเอายูคา ไม้เมื่อก่อนขอยูคาเขา เขาก็ตัดมา แหลมๆ แล้วก็ตีลงๆๆ หลวงตาเคยไปทำเขื่อนเกาะทับมิ่งขวัญนะ น้ำไหลเซาะ อยู่นะ ขนาดน้ำเลยเนี่ยแรงกว่า อันนี้แต่คลองนิดหน่อย ไม่ต้องอาศัยรถอะไร เราทำกันเอง อันนี้ก็เพื่ออยู่รอดของพวกเรา ใช้ถนนหนทาง ใช้น้ำ ใช้ดิน ใช้อากาศ อะไรที่เกิดจากพวกเราในรุ่นนี้สมัยนี้ อย่าตระหนี่ ให้แสดงออกร่วมกัน ชาวบ้านเป็นชาวบ้าน มีพ่อมีแม่ ลูกหลาน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มีวัดวาอาราม
นอกจากนั้นเรามาช่วยตัวเองให้เหนือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่มันเรื่องงานของเรา อย่าอยู่นิ่งๆ ถ้าเราหลงอยู่เรียกว่าเรามีงานการอยู่ มีงานที่ต้องทำ ถ้าเรามีทุกข์อยู่เรียกว่ามีงานอยู่ อย่าประมาทในทุกข์ อย่าประมาทในหลง มันไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่หลงก็ได้อยู่ ถ้ายังมีโกรธ มีพอใจ ไม่พอใจอยู่ มันก็งานของเรามีอยู่ แค่นี้หรือ เราจะต้องเกิดมาทั้งชาติจะให้มันหลงจนตาย ทุกข์จนตาย โกรธจนตายหรือ ถ้าเราช่วยตัวเองได้แล้วก็ช่วยคนอื่นได้ อยู่ไม่ได้ ถ้ารู้จักช่วยตัวเองแล้ว โอ๊ย คิดถึงคนอื่น เพียงแต่หลวงตามีผ้าไตรจีวรก็โทรไปบอกเพื่อนเรา มันอดไม่ได้ที่จะให้คนอื่น ถ้าเรามีความสุข ความไม่หลง ไม่โกรธนี่ ทำไมจะมันอดได้ ก็ต้องบอกกัน ต้องสอนกัน ดูแลกัน สอนเฉยๆ ไม่พอ ต้องมีที่อยู่อาศัยร่วมกัน เราก็มีเพื่อน มีพระสงฆ์
อาจารย์ตุ้มตอนนี้วัดเราสร้างมานาน ก็เสื่อมโทรม กุฎิทุกหลังซ่อมเกือบหมดแล้ว เดี๋ยวนี้มีสร้าง ช่างซ่อมกุฏิอยู่สามกลุ่ม สามหลังไม่หยุดไม่หย่อนเลย พ่อทายกสี่สิบกว่าปีแล้ววัดเรานะ มันกำลังทรุดโทรมเยอะแยะแล้ว เอาตังค์ช่วยดูแลกัน ไม่ใช่เพื่อเรา เพื่อพวกเราเพื่อลูกเพื่อหลาน เพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดินนี้ ขออย่าให้จน เราก็มีไม้มีมือเหมือนกัน อะไรดีอะไรผิด อันผิดก็บอกกัน อันดีก็บอกกัน หลงน่ะไม่ดีแน่นอนนะ โกรธไม่ดีแน่นอน เป็นภัยต่อตัวเอง เป็นภัยต่อคนอื่นด้วย แต่เพราะเรานี่ก็ยังเป็นภัยต่อเราอยู่ เราจะไปช่วยอะไรได้
เรามีพ่อมีแม่มีลูกมีหลาน เรามีเพื่อนมีมิตร มีสิ่งที่อาศัยเราอยู่ในโลกนี้ อย่างน้อยก็ ดิน ฟ้่า อากาศ อาศัยเราอยู่ ธรรมชาติ เราไม่ใช่ยิ่งใหญ่หรอก เราต้องให้มันเป็นประโยชน์บ้าง อัตถะกิละถา (บาลีไม่ตรงนัก)ประโยชน์ ญาตัตถจริยา ประโยชน์แก่ญาติ พุทธัตถจริยา ประโยชน์แก่พุทธศาสนา โลกัตถจริยา ประโยชน์ต่อโลก อัตตัตถจริยา ประโยชน์แก่ตนบ้าง เอาชนะความหลงได้บ้าง เอาชนะความโกรธได้บ้าง เอาชนะความทุกข์ได้บ้าง อะไรที่เรายกมือไหว้ตัวเองได้ นิดหน่อยก็โกรธ ผัวเมียกันชวนทะเลาะกัน ไปทะเลาะกันทำไม เราอยู่ด้วยกันแล้ว มีลูกมีหลานแล้ว พ่อแม่ลูกหลาน เพื่อนบ้าน เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ด้วยกัน ยังจะมาอิจฉาเบียดเบียนกัน ไม่มีใครเบียดเบียนก็เบียดเบียนตัวเองอยู่แล้ว ต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
เมื่อวานอาจารย์ตุ้มก็ไปดูหมอป่วยเป็นโรคมะเร็ง ว่าไม่รอด นั่นน่ะขนาดเป็นหมอก็ยังจะตายอยู่ มันมีโรค รูปโรคนี่ สงสารกันดีกว่าพวกเรา ช่วยกันเถอะ ป่วยพร้อมกันกับอาจารย์วรเทพ คนที่มาปฏิบัติธรรมนะ เป็นเภสัชกร ป่วยพร้อมกันอาจารย์วรเทพ อาจารย์วรเทพก็ไปแล้วมะเร็ง หมอคนนี้ก็เป็นมะเร็ง ถ้ารอให้วันตายมาถึง รอให้วันเจ็บ วันแก่มาถึงเราเหรอ ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน จึงจะสมกับเกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าไม่รู้เรื่องนี้เราไม่มีอะไรที่ประเสริฐ เรียกว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ อย่าให้พลาดพวกเรา
ที่นี่ก็ช่วยกันอย่างนี้ สอนกันอย่างนี้ เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังเป็นอดิเรกไป ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ให้มาเถอะมาอยู่ด้วยกัน จะเป็นจะตายอยู่ด้วยกันเลย ทุกข์ยากลำบากก็อยู่ด้วยกันนะ อย่าไปเปรียบเทียบอะไรมากมาย บางคนอยู่ดีมีสุข มาอยู่นี่ลำบากก็จะไปเปรียบเทียบ เอาอะไรมาเปรียบเทียบ เราหลงที่ไหนล่ะ อยู่ที่ไหนก็หลง ถ้าหลงอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่นั่น ถ้าเรามีมิตรมีเพื่อนก็ดีแล้ว มาอยู่ด้วยกันแล้วจะได้มีอะไรก็จะต้องบอกกัน ดูแลกันบ้าง ใครอยู่ใกล้กันก็ดูแลกันบ้าง เพราะเราดูแลกันไม่ทั่วถึง ถ้าไม่เห็นกันก็ถามหา
เมื่อวานนี้บอกว่าผู้เฒ่าอย่าล้มนะ ก็ล้มเจ็บไปแล้ว ขาหักไปคนนึงนะ พอดีไปโรงพยาบาล เอามา รถกลับบ้านมาเมื่อวานนี้ บอกว่าอย่าล้มๆ ทำไมจึงล้มล่ะ ระมัดระวังนะถือไม้เท้า หลวงตาก็ถือไม้เท้านะ ไม้ทำให้คือผู้เฒ่านะ ไม่อยากเป็นผู้เฒ่าหรอกแต่ว่าจำเป็นต้องถือ เวลาเดินมาทำวัตรนะ มันบางทีก็ตื่นสายใช่ไหม ตีฆ้องไปแล้ว รีบจ้ำมา มันก็ช่วยได้นะ เอาน่าผู้เฒ่า อ้างว่าตนยังไม่แก่หรือ ต้องถือไม้เท้ามา เจ็บแล้ว ขานิ่วนี่ เจ็บไปแล้ว เดินไม่ได้แล้ว เห็นมั้ยทองคำ หามกันมาจากโรงพยาบาล ไปขึ้นรถขึ้นไม่ได้นะ บอกว่าอย่าล้มๆ ให้ระมัดระวังหน่อย
ดินวัดเรานี่ยังใหม่ อันไหนเก่ามันก็ขึ้นตะไคร่น้ำ มันมีลื่นด้วย ไม่ใช่คอนกรีต มันมีสะดุกสะดิก พลิกนิดหน่อยก็ล้มแล้วคนแก่นี่ ทางตรงไหนพอช่วยกันก็ช่วยกันถมหลุมถมบ่อบ้าง เผื่อคนแก่บ้าง ไม่ใช่เราคนหนุ่มไปไหนก็ได้นะ สงสารคนแก่บ้าง เห็นต่อเห็นรังอยู่ตรงไหน ขุดออก พอที่จะป้องกันพิษภัยที่เกิดขึ้นต่อกันและกัน อะไรอยู่ตรงไหน ให้ดูแล ที่อยู่อาศัยปลอดภัยมั้ย ทางเดินไปเดินมา
อาหารการกินปลอดภัยมั้ย พวกที่ปรุงอาหารก็ให้สะอาด ล้างมือดีๆ อย่ามักง่าย พวกกินอาหารก็อย่ามักง่าย มูมมาม ให้รู้จักเลือกบ้าง อาหารทุกวันนี้ การซื้ออยู่ซื้อกินระวังให้มาก รสอีโตงเตงนี่ใครเป็นคนทำให้เรา อาหารผัดๆ มันๆ อย่าให้มีกันเกินไป สิ่งที่ทอดแล้วทอดอีก น้ำมันทอดแล้วทอดอีกอันตราย มันทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ตามหมอบอก กินน่ะร้อน กินร้อน นอนอิ่ม ล้างมือ กินร้อนอะไรที่เขาเขียนเขาวงไว้ แก้ไข้หวัด สมัยใหม่กินร้อน ล้างมือ เราทำไมต้องล้างมือมั้ย มีต้องล้าง เมื่อวานหลวงตาเห็นเขาล้างอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล นักเรียนทำความสะอาด โรงพยาบาลทุกวันนี้เขาเปลี่ยนทิศทางใหม่ ไข้หวัด ป้องกัน
หลวงตาไปประเทศจีนนี่เขาขังไว้บนเครื่องบินเลย ไม่ให้ลงเครื่องบินเลย มีแพทย์ชุดขาวใส่ไอ้โม่งมาขึ้นมายิงไฟใส่หลวงตา นึกว่าอะไร ไม่เคยเห็นใช่มั้ย นั่งอยู่บนเก้าอี้บนเครื่องบิน เขามายิงไฟใส่เรา ก็ผ่านไป คนเป็นร้อยกว่าจะจบ มันเป็นชั่วโมง เขายิงใส่อาจารย์โน้ส เขาจับไปเลย (หัวเราะ) เขาไม่ให้ออกสนามบินเลย ลงมาแล้ว พอถึงสนามบินเขาวิ่งมาจับแขนขึ้นไป อ้าว อะไรหนอ เขายืนอยู่ เขาบอกอาจารย์โน้สไม่เห็น มันต้องต่อเครื่องบินสองเที่ยวสองต่อ ไม่เห็นอาจารย์โน้สมา ต้องบอกล่ามไปดูแลซิ เครื่องบินจะออกเวลานี้ เครื่องบินเครื่องนั้นจะออกเวลานี้ ถ้าไม่รีบ เขาทิ้งกันเลยเรากับอาจารย์โน้ส (หัวเราะ) เขาเลยบอกว่าหนูจะดูแลเอง คนล่ามก็ดูแล เอ้า ไปดูแลนะ เขาเดินไปหาขึ้นรถอีกต่อหนึ่ง พอดีมาทันกันพอดี เป็นอะไรล่ะ ไม่เป็นอะไรล่ะ เขาว่าร้อน เขาก็ไม่ดูนะ ไม่ดูว่าเป็นอะไร ตัวร้อนเขาก็นั่งอยู่พักผ่อนนิดหน่อย เขาก็ตรวจอีกทีนึง ปลอดภัยแล้ว มันทำท่าอะไรก็ไม่รู้นะ อาจารย์โน้สก็แข็งแรงกว่าหลวงตานะ ทำไมเป็นอย่างนี้ เขาจับไปไม่ออก ไม่ออกด่านเลยนะ
อันนี้ถ้างั้นก็ล้างมือ เราจับประตูร่วมกัน เราจับราวบันไดร่วมกัน กินข้าว กินอาหาร ล้างมือดี บางทีมีน้ำยาด้วย ใครไม่มี ไปขอหลวงตาที่กุฎิมีสองอัน ในห้องน้ำอันหนึ่ง ในที่ทำงานอันหนี่ง หมอซื้อมาให้ล้างมือให้สะอาดนะ ตัดเล็บมือดีๆ ที่หลับที่นอนอย่าให้มูมมาม ซักผ้าซักผ่อน เดินไปเดินมาระมัดระวัง อย่าผลุนผลันพลันแล่น ผู้เฒ่าก็เจ็บไปแล้ว อย่าเจ็บอีกนะ ระมัดระวัง สิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือมารู้ตัวเอง แก้ตัวเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น มีงานมีการ ถ้าหลงก็รู้เรื่อยไป ให้มันรู้ รู้สึกตัวอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรา โดยเฉพาะชาววัดเรานี่ไม่มีอะไร ไม่มีอาชีพอะไร ใครมาที่นี่ถือว่าเป็นชาววัดทั้งหมด ใครก็หลงได้ ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ