แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ มีแต่เรื่องดีๆนะธรรมะเนี่ย บอกผิด บอกถูกต่อเรา ยิ่งเวลาเราปฏิบัติยิ่งได้สัมผัสกับความผิด ความถูก ลองผิดก็เป็นทุกข์เป็นโทษจริงๆ ลองถูกก็เป็นทุกข์เป็นโทษจริงๆ สัมผัสได้ด้วยการรักษากาย รักษาใจ พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้ พร้อมทั้งพระธรรมคำสอนอันเป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อปรินิพพาน พวกเราได้เกิดมา ได้รู้ ได้ยิน ได้ฟังคำสอนนี้ แล้วเราก็มีชีวิตอยู่ มีกาย มีใจ ที่จะได้สัมผัสกับพระธรรมคำสอนอันเป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ ปล่อยทิ้งไปได้ยังไง แล้วเราก็ได้อยู่มรดกของพระพุทธเจ้า อยู่วัดป่าอาราม ได้นุ่งห่มจีวร ได้ฉันท์อาหารบิณฑบาตร ได้ยารักษาโรค มีผู้ช่วยเหลือ มีผู้ให้ แล้วเรายังจะไม่ทำในใจ นำธรรมมาสู่ที่ใจ ชีวิตของเรามันมีอยู่ ธรรมะที่เป็นธรรมออกจากทุกข์ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อปรินิพพาน ทุกคนสัมผัสได้ เป็นปัจจัตตังของใครของมัน ทุกคน ทุกคน เวลาเราปฏิบัติเราก็ดูกาย ดูใจ เอากายไปต่อเอากับความถูก เอาใจไปต่อเอากับความถูก ได้เห็น ได้สัมผัส ทำผิดแล้วผิดเล่า ความถูกก็ทำอีก ตรงไหนที่มันผิด เห็นแก่ความถูกได้ ปฏิบัติได้ ให้ผลได้ มันหลงไม่หลงก็ได้ ในคราวเดียวกัน มันทุกข์ไม่ทุกข์ก็ได้ในคราวเดียวกัน มันเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นมา กับกายกับใจสัมผัสได้และก็เปลี่ยนได้ รู้ได้ จนเห็นความเท็จ ความจริง แล้วมันก็เป็นรูปเป็นนาม เรื่องที่เกิดขึ้นกับรูปกับนามแต่เรื่องเก่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เรื่องเก่าเกิดแล้วเกิดอีก เราเคยปล่อยทิ้งไว้ เรื่องไม่ดี ปล่อยให้เกิดกับกายกับใจเรา บัดนี้เราก็ได้ยินได้ฟังคำสอนว่า มันปฏิบัติได้ มันเปลี่ยนได้ ถ้าเราจะต้องไม่เปลี่ยน ดื้อด้านกันทำไม ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ปล่อยให้ตัวเองหลง เอาสิ่งที่ไม่ดี เขี่ยอสงไขยทุกข์แล้ว เขี่ยอสงไขยหลงแล้ว เราจึงมาทำงานอันนี้มาเปลี่ยนลองดู มาเปลี่ยนลองดู มีเท่าไหร่เปลี่ยนให้รู้สึกตัว ความรู้สึกตัวเนี่ย มันเป็นธรรม เมื่อมีอยู่ในกาย กายก็ได้รับความเป็นธรรม เมื่อเกิดกับใจ ใจก็ได้รับความเป็นธรรม ได้เห็นความเท็จความจริง ได้ช่วยเหลือตัวเอง ถึงป่านนี้ก็ยังปล่อยตัวเองทิ้ง แล้วมันก็ เวลาเราศึกษาเรื่องนี้เรามาสัมผัสเรื่องนี้ มันก็อาจจะมีความเคยชินทางกาย รับใช้สิ่งที่ผิด ๆ มา อาจจะมีความเคยชินทางจิตใจรับใช้สิ่งที่ผิดมา ต้องทวนกระแสสักหน่อย แต่ว่ามันเป็นอุปกรณ์ เป็นปัจจัยที่ดี เป็นเหตุที่ดี ทำให้เราได้เปลี่ยนร้ายได้เป็นดีได้ มีให้เราเปลี่ยนจริงๆ ความไม่ถูกต้อง ให้มันเป็นความถูกต้อง มีอยู่จริงๆ เกิดกับกายกับใจเรานี้ ได้เห็นความเท็จ ความจริง เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเล่า เปลี่ยนความผิดให้มันถูก ทุกครั้งทุกคราวที่มันเกิดขึ้นมา มันก็เป็นงานเป็นการ เราเปลี่ยนมันแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ผู้ปฏิบัติย่อมรู้เองเห็นเองว่าเป็นเช่นไร ในความหลงไม่หลงอีกแล้ว ในความทุกข์ไม่ทุกข์อีกแล้ว ในความโกรธไม่โกรธอีกแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อสิ่งไม่ดีมันหลุดออกไป มันมีสิ่งดีเข้าไปแทน เอากายรู้รับความถูกต้อง เอาใจรู้รับความถูกต้อง มันก็เป็นธรรม ธรรมก็เกิดอะไรขึ้นมา ได้หลักได้ฐานได้เห็น เห็นความเท็จ ความจริง เห็นความแจ้งความไม่แจ้ง ได้เปิดตัวเหมือนกับมันปิดอยู่ได้เปิดออกมาแล้ว มันคว่ำอยู่ได้หงายขึ้นมาแล้ว ได้เห็นตัวเอง การเห็น การรู้ตัวเองนี่ มันเป็นความชอบ ทำให้ใช้กาย ใช้ใจถูกต้อง เมื่อใช้กายใช้ใจถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อกายต่อใจ ไม่เป็นประโยชน์ต่อกายต่อใจ ก็เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่นไป หลาย ๆ อย่าง เราจึงต้องใส่ใจเรื่องนี้ดูสักหน่อย ได้เห็นเป็น มันเป็นรูปเป็นนาม สิ่งที่เกิดขึ้นกับรูป สิ่งที่เกิดขึ้นกับนาม มีสติดูกายเคลื่อนไหว เห็นใจคิดนึก ดูกายเคลื่อนไหว มันดูมันก็เห็นความคิดที่มันเกิดขึ้นมันคุมทั้งสองฝ่าย ทั้งกายทั้งใจ ทั้งรูปทั้งนาม ดูอันเดียวก็ครอบคลุมไปหมดหลายๆอย่าง ได้เห็นเป็นรูปเป็นนาม ได้เห็นอาการที่เกิดขึ้นกับรูปกับนาม มากมายหลายอย่าง อาการที่เกิดขึ้นกับรูป เกี่ยวข้องอย่างไร อาการเกิดกับนามเกี่ยวข้องกับมันอย่างไร มันก็แล้ว โดยเฉพาะเกิดกับนามเกี่ยวข้องกับมันก็แล้ว มันแล้วไป กับรูปบางอย่างมันไม่แล้ว จะรู้จักสิ่งที่มันไปแล้ว ทำยังไง เกี่ยวกับรูป มันกินข้าวทุกวัน มันไม่แล้ว ต้องนอน ต้องขับ ต้องถ่าย ต้องคู้เหยียดเคลื่อนไหว เป็นกิริยา เป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับรูปอย่างถูกต้อง จัดทั้งกายอยากให้รูปมีระเบียบ การใช้รูปไม่มีระเบียบ เมื่อหัดให้มีระเบียบมันก็มีระเบียบ แค่ไหนเพียงไร ส่วนนาม ที่จิตใจ ที่มันเป็นใหญ่ในรูปนี้ เมื่อเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันไม่ดีเกิดกับนาม มันก็แล้ว
เช่น ความหลงเกิดกับนาม มันแล้วไปแล้ว ความโกรธเกิดกับนามมันก็แล้วไปแล้ว ความทุกข์ที่เกิดกับนามมันแล้วไปแล้ว เมื่อมันเกิดสิ่งที่ไม่ดี มันเป็นความดีแทนที่แล้ว มันก็แล้วเพียงครั้งเดียว จบทีเดียว เมื่อมันจบเรื่องที่เกิดขึ้นกับนามธรรม เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับนามธรรม ไม่ใช่หลายเรื่องที่ไปแก้ไข มีแต่สติรู้สึกตัว รู้แล้ว รู้แล้ว ภาวะที่รู้เป็นตัวเฉลยที่เกิดขึ้นกับนามมันก็จบ เป็นทุกข์รู้แล้ว เหตุที่เกิดทุกข์ ทำให้แจ้งได้แล้ว เป็นวิธีปฏิบัติให้ถูกต้องได้แล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนาม ตัวรู้ว่านามมันถูกต้อง มันก็ถูกต้องไปด้วย เป็นธรรมต่อกัน ความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับรูปกับนาม อาศัยรูป อาศัยนาม นามอาศัยรูป รูปอาศัยนาม มีรูปให้ทำความดี มีนามใช้รูปไปทำความดี ความดีที่เกิดกับรูปกับนาม ความดีที่เกิดกับนามทำได้ทุกโอกาส ความดีเกิดกับรูปต้องมีวัตถุเหตุปัจจัย หน้าฝนปลูกต้นไม้ แต่หน้าแล้งปลูกไม่ได้ มันมีมือมีกาย ได้แรงงานแรงกายปลูกต้นไม้หน้าฝน ทำนาทำไร่หาอยู่หากินก็ทำได้ เป็นฤดูเป็นโอกาสบางครั้งบางคราว แต่ความดีเกิดจากนามทำได้ทุกโอกาส สะดวก การทำความดี นอนอยู่ก็ทำความดีได้ นอนอยู่ก็ปฏิบัติให้เกิดความดีต่อนามได้ เมื่อเกิดความดีต่อนาม นอนมันก็หลับไม่ฝันร้าย มันก็เป็นความสุข เป็นความสงบ ได้ใช้รูปใช้นามให้เป็นระเบียบเรียบร้อย รูป นาม รูปธรรมนามธรรมมันทำดี ถ้ามาทำดี เอารูปมาทำดี เอานามมาทำดี ถ้ามันทำชั่วก็เปลี่ยนให้มันทำดี มีเท่าไหร่เปลี่ยนได้ รูปธรรม นามธรรมก็เกิดการกระทำที่เป็นความดี ความดีที่เกิดจากรูป จากนาม เป็นรูปธรรม นามธรรมที่ทำดี มันก็เป็นผล เป็นกุศล เป็นบุญ เป็นมรรค เป็นผล เป็นนิพพาน มีรูป มีนามมันเกิดนิพพานถ้าเราใช้ถูก ถ้าใช้ไม่ถูกก็เกิดนรกเป็นเปรตอสูรกาย ไม่เหมือนกับปลูกข้าวก็ได้ข้าว ปลูกต้นไม้ก็ได้ต้นไม้ทำดีแบบนั้น แต่ว่าเมื่อมันเป็นรูปนามมันทำดีที่เป็นสติ รู้สึกตัวก็กลายเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ศีลคือกำจัดความชั่ว สมาธิกำจัดความชั่ว ปัญญากำจัดความชั่ว ความชั่วไม่มีในกาย ในวาจา ในใจ มันเป็นมรรค เป็นผล เป็นสวรรค์นิพพาน มันเคยชินซะว่าสวรรค์นิพพาน ที่จริงมันนิพพาน บุญกุศลนี้ก็ไม่ใช่ มันเรียกต่อกันไม่ได้ นี่บุญกุศลสวรรค์นิพพาน มันเป็นความเคยชินของภาษา ที่จริงมันไม่ถูก บุญก็อันหนึ่งต่างหาก กุศลก็อันหนึ่งต่างหาก กุศลมันเกิดจากความฉลาด บุญมันเพียงดีใจ ดีใจยังเป็นทุกข์ได้ มันยังมีเสียใจ ใจมันต้องดีมันจึงไม่เป็นทุกข์ เมื่อใจมันดีเนี่ยหรือว่ากุศลนี้ว่านิพพาน แต่บุญนี้มันไม่ใช่กุศล มันไม่ใช่นิพพาน แต่คนก็ติดคำว่าบุญคือความสุข ที่จริงสุขมันก็ไม่ใช่ ถ้ายังมีสุขก็ต้องมีทุกข์คู่กันอยู่ ทิ้งมันทั้งสุขทั้งทุกข์ มันไม่มีอะไร นั่นน่ะเรียกว่ากุศล มันก็เป็นนิพพาน มันไม่มีอะไร สิ่งที่เกิดกับรูปกับนามมันต่อยอด ได้ยอดใหม่ มันก็ทำดีละความชั่ว เมื่อมันทำดีละความชั่วทั้งรูปทั้งนาม มันก็บริสุทธิ์เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา เหมือนการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้ารูปทำนาทำไร่หาเงินหาทองได้ข้าวเอามากินมันยังเจ็บยังแก่ยังตาย เงินได้มาก ๆ แต่ไม่มีชีวิตอยู่ ใช้เงินใช้ทองเป็นของคนอื่น บางทีก็เงินทำให้ตนเดือดร้อน คนอื่นเดือดร้อน เออน่ะ มรรคผลนิพพานมันไม่มีใครมาแย่งได้เป็นอริยทรัพย์ภายในของกายของใจ จึงเป็นชีวิตของเราที่ต้องก้าวไปถึงเรื่องนี้ แล้วเราก็สะดวกทำงานอันนี้ ยิ่งพวกเราเป็นนักบวชมาอยู่วัดป่าอาราม ออกจากบ้านจากเรือนมาไม่เกี่ยวข้องด้วยบ้านด้วยเรือนมา มาอยู่ในวัดวาอาราม ได้มีโอกาสปฏิบัติเป็นเพื่อนเป็นมิตรกัน มีกิจวัตร พิธีวัตร ตอนเช้าสวดมนต์ไหว้พระ สาธยายพระสูตร สรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ธรรมที่ทําให้เกิดป็นพระพุทธเจ้า ธรรมที่ทำให้เป็นพระสงฆ์ พระธรรมอยู่ในพระพุทธเจ้า พระธรรมอยู่ในพระสงฆ์อันเดียวกัน
แต่ผู้ที่รู้ก่อนเรียกพระพุทธเจ้า รู้ทีหลังเรียกว่าพระสงฆ์ รู้ตามแต่รู้อันเดียวกัน ธรรมที่มีอยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเอามาสอนคนอื่น คนอื่นรู้ตามเรียกว่าสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสารถีฝึกบุรุษ ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มาสอนเราได้ เวลามันหลงไม่หลง ทำตามพระพุทธเจ้า เวลามันทุกข์ไม่ทุกข์มีสติทำตามพระพุทธเจ้าดู อย่าทิ้งพระพุทธเจ้า อันความทุกข์มีความไม่ทุกข์อยู่ พุทธเจ้าไปทางนี้ ในความโกรธก็มีความไม่โกรธอยู่ พุทธเจ้าไปทางนี้ ในความหลงก็มีความไม่หลงอยู่ พุทธเจ้าไปแบบนี้ เรียกว่าปฏิบัติเปลี่ยนร้ายให้เป็นดีทั้งกายทั้งใจ วันหนึ่งวันหนึ่งให้เราทำเรื่องนี้ มีสติเห็นกาย ก็รู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายกับใจ เห็นรูปธรรมนามธรรม เห็นรูปทุกข์ นามทุกข์ เห็นรูปโรคนามโรค รูปธรรมมันทำดีมันทำชั่ว นามธรรมมันทำดีมันทำชั่วได้เห็น ไม่มีตรงไหนปิดบังอำพรางได้ ถ้ามีสติได้เห็น รูปทุกข์ นามทุกข์ ทุกข์ทำให้เกิดเป็นพุทธะ ดีแล้วจะได้พ้นความทุกข์ กระตือรือร้น รูปโรค นามโรคมันอยู่กับรูป นามเกิดโรค รูปเกิดโรค โรคของรูป ความแก่เฒ่า เกิดแก่เจ็บตาย โรคของรูป โรคของนาม คือความโกรธ ความโลภ ความหลง ความดีใจ เสียใจ ความสุข ความทุกข์ที่เกิดกับนาม มีสติก็รักษาให้มันหาย ไม่มีรูปทุกข์ รูปโรค นามโรค เห็นรูปเห็นรูปที่เกิดกับรูป โรคเกิดกับรูป เกี่ยวข้องอย่างไร เราหิวข้าวทุกวันต้องกินข้าว ต้องขับ ต้องถ่าย ต้องอาบน้ำแปรงฟัน เป็นแค่มันเป็นก้อนรูปอันหนึ่งของรูป หิวก็ต้องกินข้าวความหิวก็หมดไป แต่มันไม่ได้แก้ มันบรรเทาหรือเดินนั่งนอนก็เป็นการบรรเทา จะยืนอยู่นานๆก็ไม่ได้ มันเป็นทุกข์ นอนนานๆ ก็ไม่ได้มันเป็นทุกข์ นั่งนานก็ไม่ได้มันเป็นทุกข์ ยืนนอนมากๆ ก็ไม่ได้ มันเป็นทุกข์ ทุกข์ก็ต้อง นอนก็ต้องลุกขึ้นมา นั่งก็ต้องเปลี่ยนอิริยาบถ มันเป็นการบรรเทามันไม่ใช่แก้ ต้องขับ ต้องถ่าย อันนี้ รูปทุกข์ของโรค รูปของโรค แต่โรคของนามรักษาได้เด็ดขาด มันเกิดขึ้นมาอีกความโกรธความโลภ ความหลง กิเลส ตัณหาราคะ เวลามันเจ็บ มันแก่ มันตายก็รู้ เห็นว่ามันเป็นรูปทุกข์นามทุกข์ รูปโรค นามโรค เป็นเรื่องของรูป ความแก่ไม่ใช่นาม ความเจ็บไม่ใช่นาม ความตายไม่ใช่นาม มันเป็นความไม่เป็นอะไรกับสิ่งเหล่านี้ มันเห็น มีปัญญา มันมีปัญญาเป็นพุทธะ มันเป็นผล มันก็ไม่อยู่กับความแก่ ความเจ็บ ความตาย เห็นมันแก่ไม่ใช่เป็นผู้แก่ เห็นมันเจ็บไม่ได้เป็นผู้เจ็บ เห็นมันตายไม่ได้เป็นผู้ตาย ไม่เจ็บเพราะความเจ็บ ไม่แก่เพราะความแก่ ไม่ตายเพราะความตาย นี้ เมื่อมีสติ มีแต่สติแล้วแลอยู่ มีแต่สติแล้วแลอยู่ สุขก็ไม่มีทุกข์ก็ไม่มี มีแต่สติ นี่ จุดหมายปลายทางของรูปของนามที่จะมีประโยชน์ที่มีรูปมีนามนี้ ถ้าไม่ศึกษา มันก็เวทนา ก็เป็นทุกข์ รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็นทุกข์ ปัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์ ถูกความทุกข์จ้องเอาแล้ว ถูกความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ถ้าเราไม่ศึกษา ถ้าเราศึกษาก็ไม่มีเรื่องนี้ เราก็มีสิทธิที่ต้องศึกษาเรื่องนี้ ไม่มีใครห้ามได้ มีสิทธิไม่ทุกข์ มีสิทธิไม่โกรธ มีสิทธิไม่หลง เวลามันโกรธเรามีสิทธิไม่โกรธ ไม่ต้องขออนุญาตใคร เวลามันทุกข์เราก็มีสิทธิไม่ทุกข์ เวลามันหลงเรามีสิทธิไม่หลง มันทำได้มีสติอยู่นี่ คู้แขนเข้าเหยียดแขนออกแบบนี้ รู้สึกตัวอยู่นี่ กลับมารู้สึกตัวนี่ แล้วความรู้สึกตัวนี่เป็นพุทธะ กำจัดความทุกข์ เป็นเครื่องกำจัดความทุกข์ พุทธะ พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตาจะ วิธาตาจะ หิตัสสะเม
พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์คือตัวรู้ ตัวรู้เป็นพุทธะ ภาวะที่รู้ รู้ตื่นเบิกบานเนี่ยกำจัดความทุกข์ พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์ คือนักธรรม พระนักธรรมเป็นภาวะที่รู้นี้ ปฏิบัติตาม ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติออกจากทุกข์ ปฏิบัติเป็นสถาบัน รู้ ผู้รู้เป็นสถาบันภาวะที่รู้เป็นสถาบัน ในกายในใจเป็นใหญ่ รู้เห็นนี้เป็น รู้เห็นนี้เป็นสถาบันของกายของใจเป็นใหญ่ ไม่เป็นอะไรกับอะไรเป็นใหญ่ ภาวะไม่เป็นอะไรกับอะไรกับกายกับใจนี่คือความเป็นใหญ่ เหนือโรค ไม่มีโรค พระพุทธเจ้าได้ประกาศเรื่องนี้ อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ที่มันประเสริฐอย่างนี้เราก็มีโอกาสแล้ว มีกาย มีใจ มีเวลา ยิ่งพวกเราอยู่ที่นี่ เป็นเพื่อนเป็นมิตรกันก็อุ่นใจ ไม่ใช่อยู่ผู้เดียว ออกจะขวัญหายอยู่ในป่าในดง บัดนี้เรามีเพื่อน มีมิตร มีนักบวชเป็นผู้หญิง มีนักบวชเป็นพระเป็นผู้ชาย แล้วก็พึ่งพาอาศัยกันได้ ตามวิสัยของพวกเราที่อยู่นี่ เราจะเอายังไง ชีวิตของเรานี่ อะไรที่เป็นของที่จะให้มันถูกต้องกับกายกับใจ บางทีเราอาจจะใช้กายใช้ใจมาผิดพลาดเปรอะเปื้อนเลอะเทอะมา นั่นแหละเป็นงานที่เราจะต้องประสบการณ์บทเรียนยิ่งมีประโยชน์มาก ได้สู้กับเรื่องนั้น สู้กับเรื่องนี้จะได้มีประสบการณ์จะได้เป็นครูของคน ได้เห็นได้แก้ไขต่าง ๆ มากมาย ที่มันเกิดกับกายกับใจ เพราะใช้กายใช้ใจผิดมา กิเลสก็พันห้า ตัณหาก็ร้อยแปด แต่เราไม่ใช่ดุร้าย ร้ายเหมือนกับองคุลีมาล องคุลีมาลฆ่าคนตั้ง ๙๙๙ คน เราไม่ได้ฆ่าใคร ก็มันน่าจะสะดุ้งไปเลยมากมาย บางทีก็เกิดกิเลสตัณหาราคะ เกิดโกรธ โลภ หลงแค่นี้ไม่หนักอะไรมากมาย พระพุทธเจ้าโปรดองคุลีมาล เพียงแต่ว่าเราหยุดแล้ว เธอยังไม่หยุด ไม่หยุดอะไรมันวิ่งอยู่ หยุด เราไม่หยุด ไม่ทำบาปทำกรรมอีกแล้ว เธอยังจับมีดจับดาบฟื้นฟ้าไล่ฆ่าเราอยู่ เธอยังไม่หยุด เท่านี้ก็หักดิบเลย สะดุ้ง ทีนี้เรามาเห็นสิ่งที่มันเกิดกับเราเนี่ย มีสติอยู่เนี่ยเหมือนพุทธเจ้ามาโปรด ทุกครั้งที่มันเกิดอะไรขึ้นกับกายกับใจ รู้ขึ้นมาเปลี่ยนร้ายเป็นดีเหมือนพุทธเจ้ามาโปรดเรา เราก็ไม่ได้ฆ่าใครมันเกิดจากความคิด มีสติเห็นจิตคิดขึ้นมา ได้เปลี่ยนมัน ได้รู้มันเหมือนพุทธเจ้ามาโปรดเราอยู่เฉพาะหน้านี้แล้ว พระพุทธเจ้าอยู่เฉพาะหน้านี้แล้ว ไม่ใช่อยู่เดียวดาย เกิดอะไรขึ้นกับกายกับใจมันก็มีพุทธะช่วยเราอยู่คือรู้สึกตัว ตื่น รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาทันที รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาทันที มีร้ายเป็นดีขึ้นมาทันทีทันใจ เป็นปัจจัตตังของผู้ปฏิบัติให้ผลได้ไม่จำกัดกาลของผู้ปฏิบัติตามสมควรแก่ผู้ปฏิบัติ รู้หลงหนึ่งครั้งรู้หนึ่งครั้ง หลงร้อยครั้งรู้ร้อยครั้ง ทุกข์ร้อยครั้งรู้ร้อยครั้ง สมควรแก่ผู้ปฏิบัติถ้าทำแบบนี้ ถ้าหลงร้อยครั้งรู้สามสิบครั้ง มันคิดไปร้อยครั้งรู้ไม่ทันมัน จะเป็นปรุงเป็นแต่ง เป็นสุข เป็นทุกข์ไปกับความคิด อันนั้นก็ไม่สมควรแก่ผู้ปฏิบัติ สติจริงๆ มันจะเห็นดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม ดูกายเคลื่อนไหวเห็นใจคิดนึก แบบนี้มันเป็นการบรรลุธรรมนะดูให้ดี หลวงพ่อเทียนเชื่อขาดตรงนี้ การคิดที่ไม่ตั้งใจมันมาแรงนะถ้าดูดี ๆ ถ้ามีสติ ถ้าเราไม่มีสติมันก็เฉยได้ในความคิดที่ไม่ตั้งใจ ประมาทตรงนี้ หลวงพ่อเทียนท่านมีสติเดินจงกรมเดินจงกรมรู้สึกตัว ก้าวไป รู้ไป รู้ไป มันคิดขึ้นมากำลังมีสติอยู่ดี ๆ มันคิดขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจคิด เหมือนกับคนมาผลักให้บ่วนไปข้างหน้า เอ้ามันอะไรเกิดขึ้น ดูมันอีกก็ได้ เดินไปรู้สึกตัว เดินไปรู้สึกตัว เดินไปรู้สึกตัว คิดขึ้นมาเลย โอ้ มันเกิดจากความคิด เอ้า มาอยู่นี่ละนี่ความคิดเนี่ย ดูกายเห็นจิต ดูคิดมีสติ ดูกายเคลื่อนไหวเห็นใจมันคิด เอามันดิ แป๊บเดียว พอเห็นเงื่อนไขของมัน มันอยู่ตรงนี้เลยดิ คิดที่ไม่ตั้งใจ นี่หรือคือความหลง ตัวโผมันเลยนี่ เคยมาใช้จิตนี้คิดอะไรก็ได้ บัดนี้มีกาย มีสติดูกายเคลื่อนไหว เห็นใจมันคิด เสี้ยวขาดตรงนี้จบไปเลย มีเท่านี้หนอชีวิตนี่ ธรรมราคะ ปฏิฆะ มานะ ทิฐิ ไม่มีเลยพุทธเจ้าตัดผมครั้งเดียวงอกขึ้นมาอีกไม่ได้เลย เด็ดขาดไปเลย เนี่ยลองดู มีสติเห็นกายเคลื่อนไหว ไม่เห็นความคิด ความคิดหิ้วใจไปไหนก็ไม่รู้ นั่งอยู่นี่แต่มันคิดไปไหน สติมันไม่มากพอเหมือนน้ำหลาก ไหลหลาก น้ำน้อยๆย่อมไม่พัดอะไรไปได้ มหาสติมันมากพัดอะไรไปได้ ถ้ายังมีกรรมฐานตั้งไว้ก่อน รู้สึกตัวดูกายเคลื่อนไหว คู้แขน เหยียดแขนออก รู้สึกตัวอยู่ นี้ เรามีหลักอยู่นี้กลัวอะไร จะเปรียบเทียบกับใครเราก็หนึ่งล่ะมีกายมีใจ มีความหลงเหมือนกัน สิ่งที่เราหลงคนอื่นเขาไม่หลง สิ่งที่เราทุกข์คนอื่นเขาไม่ทุกข์ มีในโลกนี้อยู่ตรงที่เดียวกันเนี่ย ถ้าเปลี่ยนหลงเป็นรู้ เปลี่ยนทุกข์เป็นรู้ เปลี่ยนอะไรมาเป็นรู้ได้ทั้งหมด สิ่งที่มันเกิดกับกายกับใจเรานี่ นี่ก็พูดสู่กันฟังให้กำลังใจว่ามันทำได้ มันทำได้ เอาคอเป็นประกันคำสอนของพุทธเจ้านี้ ปฏิบัติได้ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล มีธรรมแท้ๆอยู่นี่ ต่อยอดมัน มันมาอะไรเปลี่ยนมันดี มันดีได้ บัดนี้หลวงตาจะไปฉันท์เช้าที่วัดโพธิ์ วัดป่าสุคะโตจะมีแขกมาหาที่นั่นบางทีถ้าไม่มีอะไร นี่ละอยากจะบอกอยากจะสอนอย่างนี้แหละ แต่ที่นั่นก็มีครูบาอาจารย์เยอะแยะ ก็มีเพื่อนมีมิตรอยู่ที่นั่นคิดถึงเพื่อน ถึงมิตร คิดถึงธรรมอยากจะบอกความผิด ความถูกที่เกิดขึ้นกับกายกับใจ ถ้าไม่ที่สุคะโตก็ที่ภูเขาทองอาจจะไม่ อาจจำเป็นต้องพักผ่อนกับศรัทธาเขาสักคืนหนึ่งถ้าไม่น่าพักผ่อนก็กลับมาได้ ถ้าอะไรปกติอยู่ ถ้ามีปัญหาอะไรก็จักดู จักแล จะช่วยเหลือ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็กลับมามหาวัน อ้าว ..สมควรแก่เวลา