แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
การฟังธรรมก็คือการฟังเรื่องของเรานี้ เรื่องของเราก็มีกายมีใจ ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นที่กายที่ใจ การแก้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นที่กายที่ใจ ให้รู้จักแก้ปัญหาที่กายที่ใจ ให้รู้จักสร้างปัญญาเกิดจากกายจากใจด้วย เพื่อใช้ชีวิตให้ถูกให้ชอบให้อยู่ให้งาม ชีวิตของคนเราไม่เหมือนนก นกมันมีเล็บมีเขี้ยวมีปีก มันไปที่ไหนก็ไปหาอยู่หากิน แต่ชีวิตของคนเราไม่เหมือนอย่างงั้น อาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่าง มีความรู้ มีความสามารถ ทำอะไรให้มีความสำเร็จบ้าง พึ่งตนเองได้บ้าง อย่างนายบุญทวีเดินมาจากบางขุนเทียน หลายคนมาจากทิศทางต่างกันไกลๆ อาศัยปัจจัยอย่างอื่นที่ช่วยเรา ก็มีสติปัญญาช่วยเรา แต่บางคนไม่มีสติปัญญา เพราะไม่ค่อยศึกษาหรือไม่มีโอกาส ไม่ค่อยมีเวลา
ชีวิตของคนเราต่างกัน อย่างน้อยเราก็มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน พอที่จะพึ่งตนเองได้ รู้จักหา รู้จักเก็บรักษา รู้จักใช้ รู้จักจ่าย รู้จักตั้งพ่อบ้านแม่เรือนเป็นคนดี เชื่อฟังกัน มีศีลมีธรรม อยู่เย็นเป็นสุขได้ ถ้าเราไม่สร้างสรรค์แบบนี้ เราก็เดือดร้อนกว่าสัตว์เดรัจฉาน คิดไว้อย่างอื่น สร้างอันตรายเบียดเบียนกันได้ เป็นคนเป็นมนุษย์ที่จะต้องมีขอบเขต มีรั้วล้อมรอบกายใจของเรา มีศีลมีธรรม ก็อยู่กันด้วยความผาสุก ถ้าขาดศีลขาดธรรมเราก็เดือดร้อน จะดีคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกัน ชวนกันเป็นคนดี ก็ไม่เคยตัดต้นไม้สักต้น เราก็ลำบาก โลกร้อนขึ้น มีเหตุการณ์ปั่นป่วนไม่เหมือนเมื่อก่อนเพราะฝีมือของมนุษย์ ฝีมือของคนเรานี้ มันก็ถ้าไม่ชวนกัน ไม่มีขอบเขต ไม่มีการศึกษา ต่างคนต่างทำกัน ใครทำอะไรก็ทำไปได้ มันก็ฉิบหาย
โลกมีท่านผู้รู้ มีครูบาอาจารย์ มีผู้มีความสามารถมากน้อยต่างกัน เราก็อาศัยคนมีปัญญา มีความสามารถ เราไม่มีความสามารถก็อาศัยกัน คนมีความสามารถก็อาศัยคนที่ด้อยความสามารถ พึ่งพาอาศัยกันไปได้ เราพึ่งพาอาศัยกันไปได้ ก็ให้สมกับเราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีพระพุทธศาสนา กายใจของเราต้องมีศาสนา มีระเบียบต่อการปฏิบัติร่างกาย มีระเบียบต่อการปฏิบัติต่อจิตใจ มีระเบียบต่อคำพูดที่มันแสดงออกมาสามปลาย ปลายกาย ปลายวาจา ปลายจิต รักษาสามปลาย หายสามโทษ โบราณท่านว่า โทษที่เกิดจากกายของคนก็มี โทษที่เกิดจากวาจาของคนก็มี โทษที่เกิดจากจิตใจของคนก็มี จึงมีขอบมีเขต รักษาใจไม่คิดไปประทุษร้ายเขา ไม่ไปปองร้ายเขา ไม่เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม อย่างงี้
ขอบของจิตกรอบรั้วของจิตใจ การรักษากายก็ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ทางวาจาก็ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ พูดแต่ความจริง เมื่อเรามีขอบเขตในกาย วาจา ใจแล้ว เราก็อยู่เป็นสุขได้ แต่ถ้าเราไม่มีขอบเขต ไม่มีรั้วล้อม มันก็ทะลุทะลวงไป เบียดเบียนคนอื่น ทำให้คนเดือดร้อนได้ เราคนหนึ่งล่ะที่ช่วยสังคมให้อยู่เย็นเป็นสุข แสดงออกช่วยกัน มีเมตตากรุณา ชีวิตของเรามันทำอะไรได้สำเร็จ ทำความดีได้สำเร็จ ละความชั่วได้สำเร็จ อยากจะตากแดด ก็มีแสงแดดอาบได้ตากได้ จะหายใจก็มีอากาศ หายใจได้ อยากกินพริกขี้หนูสักต้น หาพริกมาปลูกก็ได้ อยากได้โหระพาสักต้น หาโหระพามาปลูกก็ได้ อย่างน้อยก็มีผักที่กินรอบบ้านเหมือนคุณมนณิภา (หัวเราะ) บันไดขึ้นบ้านก็มีผัก คนซื้อผักซื้อของมากินน่ะน่าสงสาร เอาถุงพลาสติกไปหิ้วมาจากร้าน เขาตั้งชื่อว่าตลาดสด มันก็ไม่สดอะไร เขาไล่แมลงวันอยู่ ก็ไปยืนซื้อเอาจากเขา ไม่สดเลย ถ้าเราปลูกวันนี้ มันก็สดจริงๆ
เหมือนสุคะโต อันนี้ไม่ได้พูดไม่ได้สอน ทำมาแล้ว บริเวณสระวัดป่าสุคะโตมีผัก 80 ชนิด มาดูได้ ฝีมือของเราเอง เดินจากทางทิศตะวันตกมาศาลาหน้ามาที่ฉัน เดินผ่านมามีเก็บผักมาด้วย เดินมาทางทิศใต้ มาศาลาหน้ามาหอฉัน มีผักตามที่ทางเดินมาด้วย มาทางทิศตะวันตกก็มีผักอะไรหลายอย่าง มันบอกเรา มันยื่นมือมาให้เราเก็บมัน ถ้าเราเก็บมา มันก็ดีใจ๊ ดีใจ มีพริกบางประเภท พริกนกปลูก เป็นยังไงพริกนกปลูกเนี่ย เคยเห็นไหม ถ้าไม่เคยเห็นไปดูสุคะโตนะ พริกนกปลูก มันเก่งกว่าเรา ต้นไม้นกปลูก คนไม่สามารถจะปลูกได้เหมือนนก น่าเคารพนก เรานึกว่าเขาไม่เก่ง เขาเก่งกว่าเรา มีเหมือนกัน หลวงตาเขียนป้ายขึ้นไว้ว่า ต้นไม้นกปลูก ฝีมือของนก เขียนไว้ พริกนกปลูก คุณหมูเขียนให้ บอกคุณหมูเขียน เอาติดป้ายขึ้น ออกลูกตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น เราก็คนหนึ่งล่ะ ที่จะต้องทำอะไรให้มีเป็นที่พึ่งของตนเอง เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ ให้มีความสำเร็จบ้าง หลายชีวิตที่มีความสำเร็จได้พึ่งพาอาศัยในโลกนี้ สมัยปีกลายนี้มาดูที่นี่ พ่อธงชัยแม่เบญจวรรณ เป็นป่าอย่างงั้นน่ะ ป่าหญ้าพง (หัวเราะ) แล้วคนที่มีปัญญาเขาว่า อีกสักเดือนหนึ่งก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา พอมาดูอีกเดือนหนึ่ง เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา อ้าว มีศาลามีอะไรให้ทำ อ้าว นี่คนมีปัญญาหนอ
อาจารย์ดร.มนัสเดินรอบวัดป่าสุคะโตเป็นแผนที่ออกมา เพราะอะไร เพราะมีปัญญา ตอนนั้นท่านบวชอยู่ เดินรอบวัดสุคะโตเป็นแผนที่ กี่เมตร ไม่ต้องนับเหมือนหลวงตา หลวงตานับดู อย่างเดินรอบสระเนี่ย อาจารย์มนัสเดินรอบสระ ไม่ต้องนับเหมือนหลวงตา หลวงตานับดูได้เจ็ดร้อยกว่าก้าว นาทีหนึ่งได้ร้อยก้าว อาจารย์มนัสไม่ต้องนับเลย เดินไปเนี่ยออกมาเป็นตัวเลข ไปยืนอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดสุคะโต แล้วมายืนอยู่หน้าวัดทางทิศตะวันออกของวัดสุคะโต ความสูงความต่ำรู้จักเลย ที่นั่นกับที่นี่ต่ำกว่ากันเท่านั้นเมตร ที่นั่นสูงกว่าที่นี่เท่านั้นเมตร คนมีปัญญา แล้วเขาพูดในหนังสือพิมพ์หลวงตาตัดไว้ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 60 เมตร กรุงเทพมหานครสูงกว่าน้ำระดับทะเล 36 เมตร ถ้ามันสูงขึ้น 60 เมตร แล้วกรุงเทพฯ จะอยู่ยังไง เขามีความรู้ เขาคำนวณอย่างไร พายุมันเกิดขึ้นที่ตรงไหนสามารถรู้ล่วงหน้าได้ 4 ชั่วโมง 70 ตารางกิโลเมตร สามารถป้องกันได้ นี่คนมีปัญญา ถ้าเราไม่มีปัญญา คอยแต่จะหอบสิ่งหอบของเวลาฝนตกลมพัด คนมีปัญญาเขาเตรียมตัวได้ เพราะนั้นต้องอาศัยคนพวกนี้
พวกเราที่นั่งอยู่นี้มีปัญญาอะไร้ก็เอามาช่วยกัน หลวงตาก็มีปัญญาแบบเปลี่ยนความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ มีปัญญาตรงนี้เด็ดเดี่ยวทีเดียว มาเถอะ มันจะทุกข์ยังไง เปลี่ยนได้ทันที เหมือนหน้ามือหลังมือ ปัญญาของเราเปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ เปลี่ยนความหลงเป็นความไม่หลง เรามีปัญญาอย่างนี้ เราจึงมาสอนอย่างนี้ ปัญหาเกิดจากกายจากใจ เราทำให้มันดีได้ อย่างพี่รู้สอง น้องรู้หนึ่ง ญาติโยมมีปัญญาสร้างอันนี้ ก็สร้างให้เรามาอาศัย อาหารการฉันเราทำพึ่งตัวเองไม่ได้ ญาติโยมมีปัญญา เราก็ไม่มีปัญญาอย่างนั้น ให้กันคนละทิศคนละทาง ช่วยกันไป
เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ อยู่กับเม็ดดินเม็ดทราย ดินแผ่นดิน อากาศแม่น้ำ ป่าไม้ ต้นไม้มันยืนอยู่ ไม่ใช่มันอยู่เฉยๆ มันกรองอากาศให้เป็นออกซิเจนให้เราหายใจ ถ้าที่ใดไม่มีต้นไม้ มีท้องฟ้าโล่งๆ อย่างทีนี่ มันไม่มีออกซิเจน มันก็ลำบาก บางทีมีเขาไปเห็นต้นไม้ใหญ่ของหลวงตาที่สุคะโต เขาตีราคาเป็นหมื่นเป็นแสน ถ้าต้นนี้ๆ แปรสภาพเป็นกระดาน ขายแผ่นละหมื่นสองหมื่น ขายไหมหลวงตา ผมจะซื้อหมื่นหนึ่งขายไหม เขาตีเป็นเงินเป็นทอง เราก็บอกว่า โอ้ หลวงตาไม่คิดเป็นเงินเป็นทอง ต้นไม้ตอนนี้มันยืนอยู่นี้ มันกรองอากาศให้เรา มันคุ้มครองต้นไม้เล็กๆ ต้นไม้เล็กๆ อาศัยต้นไม้ใหญ่ๆ เหมือนสังคมเรา เราก็มีสังคม มีลูก มีหลาน มีเหลน มีโหลน มีพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เราก็อยู่เหมือนสังคมของต้นไม้ ต้นไม้มันก็มีสภาพแบบนั้นเหมือนกัน ต้นไม้ต้นเล็กก็อาศัยต้นไม้ต้นใหญ่ ต้นไม้ต้นใหญ่อาศัยต้นไม้ต้นเล็ก บางทีเราไม่รู้ เรานึกว่าเราเก่งกว่าทั้งหมด ไม่ใช่เลย
อย่างคนตัดกอไผ่ไม้ไผ่บอกว่า ไม้ไผ่มันมีหน่อลักษณะสองอย่าง หน่อไผ่เคยเห็นไหม คือหน่อดันดิน มันจะออกไปไกลๆ กอ มันจะมียอดอวบๆ ออกไปไกลกอ แสดงว่ามันเป็นไม้เบญจพรรณ มันจะสืบแทนพ่อแม่ของมัน พ่อแม่ของมันแก่แล้ว มันจะเป็นเบญจพรรณไป ออกหน่อไปไกลกอ อย่าไปสับมันมากิน ให้สับเอาเฉพาะหน่อที่มันปลายแหลมๆ มันอาจจะติดลำต้นไผ่ สับมาเลย มันไว้ให้เรากิน มันบอกเรา ถ้าเราไม่รู้หัวใจของหน่อไผ่กอไผ่ เราไปสับเอาหน่อไกลๆ มันเสียใจมาก มันก็พยายามบอก เราก็ไปสับมันอีก มันก็เสียใจ อุตส่าห์จะสร้างลูกมาให้สืบสกุล มีลูกสาวลูกชายมันก็อยู่ไม่รอด มันก็เสียใจ พอมันเสียใจ มันก็ออกไม่ได้แล้ว ทำไงล่ะ มันก็ปรึกษาหารือกัน พวกเราต้องเสียสละชีวิตแล้ว ตอนนี้ ไม่ต้องออกลูกออกหน่อ มาออกลูกดีกว่า มันก็ออกลูกขึ้นมา ลูกขี รู้จักมั้ยลูกขี ลูกมันก็หล่นลงมา เกิดเป็นลูกต้นกล้าเล็กๆ ทั่วไป ลมพัดไป เมื่อมันออกลูก มันก็ตาย เพื่อความอยู่รอดของมัน
คนเราเหมือนกัน อดึต ความร้อน ความหนาว ความปวด ความเมื่อย อย่าไปเป็นทุกข์อย่างเดียว ให้มีปัญญาด้วย ความหิวข้าวมันเป็นเรื่องดี มันบอก มันเป็นสัญญาณภัยเพื่อให้เราช่วย ทำงานมาเหน็ดเหนื่อยก็พักผ่อนบ้าง เวลามันโกรธ หายใจลึกๆ เข้าๆ ดู อย่าหาแนวร่วมกับความโกรธ อย่าพูดในเวลาโกรธ อย่าเอาอะไรมาคิดในเวลาโกรธ หาเหตุหาผลในเรื่องให้ที่ทำให้เกิดความโกรธ อย่าไปคิดเลย ลองดู มันจะมีทาง ทางมันอยู่ที่ตรงหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เห็นทาง ถ้าหลงนั่นแหละจะเป็นทางอยู่ตรงนั้นด้วย เราต้องดูดีๆ อย่าให้หลงเป็นหลง ให้หลงเป็นรู้ อย่าให้ทุกข์เป็นทุกข์ ให้ทุกข์เป็นรู้ อย่าให้โกรธเป็นโกรธ ให้โกรธเป็นตัวรู้ไป หาทางวนตรงนั้น เหมือนความมืดก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นบนความมืด
คนหลงก็มีความรู้เกิดขึ้นบนความหลงได้ นี่เรียกว่าความสำเร็จอันหนึ่งที่เราศึกษา ให้เรามีทางอย่างนี้ อย่าจนต่อความหลง อย่าจนต่อความทุกข์ อย่าจนต่อความโกรธ มีทางอยู่ ความโกรธเปลี่ยนได้อยู่ ไม่โกรธก็ได้ มีสิทธิเปลี่ยนได้ ความหลงมีสิทธิไม่หลง ความทุกข์มีสิทธิไม่หลง ใช้สิทธิของเรา นี้เรียกว่าให้มีปัญญาด้านนี้ด้วย ปัญญาแบบนี้เรียกว่าปัญญาพุทธะ ปัญญาพุทธะไม่ใช่ไปศึกษาแต่ตำหรับตำรา สูตรสำเร็จ ปัญญาพุทธะเกิดจากกองสังขารนี้ คือกายกับใจ เรียกว่า กายสังขาร หลงเพราะกายเยอะแยะ จิตสังขารก็จิตใจปรุงแต่งเยอะแยะ ใช้ปัญญาตรงนี้ เรียกว่าความรอบรู้ในกองสังขารที่ชื่อว่าปัญญา เพราะฉะนั้น เรามีแหล่งปัญญา มีแหล่งบุญ มีแหล่งกุศลในกายในใจเราเหล่านี้
แม้เราไม่มีเงินสักบาท ทำบุญกับกายกับใจลงไปได้ เอากายมาละความชั่ว เอากายมาทำความดี เอาจิตมาละความชั่ว เอาจิตมาทำความดีได้ทุกโอกาส ไม่ใช่ว่าเราจะมีเงินมีทองทำความดีทำบุญได้ ทำได้ คิดเฉยๆ ก็เป็นบุญได้ อนุโมทนาก็เป็นบุญ อภัยทานก็เป็นบุญ ไม่ต้องเสียเงิน ธรรมทานก็เป็นบุญ ถ้าหลวงตาพูดอยู่นี้ เราไปทำดู เมื่อมันโกรธ ไม่โกรธ ลองทำดูซิ ความโกรธเป็นบาป ความไม่โกรธเป็นบุญแล้ว ทำบุญต่อกันให้มาก อย่ามาทำบุญต่อหลวงตาอยู่วัดที่เดียว ภรรยาสามีทำบุญต่อกัน พ่อแม่ทำบุญต่อลูก ลูกทำบุญต่อพ่อแม่ เป็นคนดีให้กัน การรักกันต้องเป็นคนดี ไม่รักกันด้วยความคิดอาลัยอาวรณ์ ถ้ารักผัวรักเมีย รักลูกรักหลานก็เป็นคนดี ถ้าเราเป็นคนดีถือว่าเป็นยอดนักรักแล้ว ถ้ามีแต่รักล่ะ เป็นคนชั่วอยู่ ไม่ใช่
เราจึงมาสอนตัวเรานี้ ในตัวเรานี้ เรียกว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐจริงๆ สามารถละความชั่วได้ ทำความดีได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย แต่ถ้าเราไม่รู้จักช่วยตัวเองก็ไม่มีคนอื่นช่วยเรา เราช่วยตัวเองก่อน พระพุทธเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง และพระพุทธเจ้าก็สอนให้คนเขาช่วยตนเองพึ่งตนเอง เอาชนะตนเอง เอาชนะความโกรธหรือความไม่โกรธ ชนะตรงนี้จะภูมิใจขนาดไหน ภูมิใจที่เป็นนักบวช คือทำอะไรก็ไม่มีอะไรที่เป็นของของเรา แม้แต่กายใจก็ไม่มาสั่งอะไรเราได้ เราไม่มีอะไรที่จะต้องเอามาเป็นภาระ เป็นความทุกข์ความลำบาก เอามาเป็นเครื่องสะดวกในการทำความดี มันสะดวกมากไม่ต้องทำมาหากิน ญาติโยมดูแลให้อาหาร ให้ที่อยู่อาศัยให้เครื่องนุ่งห่ม เราก็สะดวกทำความดี ไม่มีวันขาดแคลนประเทศไทยเรา
เพราะฉะนั้น เราจึงโชคดีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา ที่เกิดมาเป็นคนไทย มีพระมหากษัตริย์ มีพุทธศาสนา พระเจ้าตากสินเคยพูดไว้ เคยได้ยินไหม หลวงพ่อชอบมาก
“ อันตัวข้าชื่อว่าพระเจ้าตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติศาสนา
ขอถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชา แด่พระศาสดาสมณะพระโคดม
ให้คงทนคงอยู่ได้ห้าพันปี สมณะพราหมณ์ชีประพฤติให้เหมาะสม
ปฏิบัติสมถะวิปัสสนาก็ชื่นชม ขอถวายบังคมรอยพระบาทพระศาสดา
ถ้าคิดถึงพ่อพ่ออยู่กับเจ้า ชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา
พระศาสนาอยู่ยงคู่องค์กษัตรา ศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน ”
พระเจ้าตากสินเป็นผู้กู้ชาติประเทศไทยเอาไว้ ให้เรามีแผ่นดินอยู่ เราไม่เหมือนนก นกมองโกเลียมันหนีหนาวมาอยู่สุคะโต เอามาอ่านดู ประวัตินกแบบนี่มาจากโน่น โอ๊ย มันอยู่เดินอยู่รอบกุฏิ มันหนีหนาวมาพึ่งผืนแผ่นดินไทย แต่คนไทยนี้ไปไม่ได้นะ ไปอยู่เมืองลาวก็ไม่ได้ เขาจับ (หัวเราะ) ต้องเสียเงิน นกไม่ต้องเสียเงินเล้ย บินไปไหนก็ได้ ตอนนี้อีแร้งเมืองไทยก็อยู่ ศรีลังกาก็อยู่ อินเดีย นกอีสานมาอยู่กรุงเทพฯ หมด ไม่มีสักตัวแล้วนกอีสาน ก็เนี่ย เรานี่มันดีตรงไหนล่ะ อะไรพึ่งเราได้ ให้เป็นที่พึ่งซึ่งกันและกันได้บ้าง อย่างน้อยก็สามีภรรยา นั่งอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ตรงนี้ ทำบุญต่อกัน พูดดีต่อกัน เห็นหน้ากันได้สวรรค์ได้นิพพาน เห็นหน้ากันอย่าให้ได้นรกนะ เห็นหน้ากันโกรธเคืองไม่ได้ เห็นหน้ากันได้นิพพาน สามีเห็นหน้าภรรยา สามีได้นิพพาน ภรรยาเห็นหน้าสามี ภรรยาได้นิพพาน พ่อแม่เห็นหน้าลูก พ่อแม่ได้นิพพาน ลูกเห็นหน้าพ่อหน้าแม่ พวกเราทุกคนน่ะ เห็นหน้ากันอุ่นใจ๊ อุ่นใจ