แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ มีผู้ฟังมีผู้พูด ฟังแล้วเอาไปทำ ถ้าไม่มีการกระทำ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากการกระทำ ธรรมเป็นสิ่งที่จำแนกสัตว์ทั้งหลาย ทำดีก็ย่อมดี ทำชั่วก็ย่อมชั่ว เพราะเรามีกายมีใจ ถ้าเรากระทำทางกายทางใจที่ไม่ถูกต้อง มันก็เป็นทุกข์เป็นโทษ ถ้าเราทำทางกายทางใจถูกต้องก็เป็นประโยชน์ การเว้นเสียซึ่งโทษการทำประโยชน์ ก็คือวิชากรรมฐาน วิชากรรมฐานนี่เป็นวิชาที่ละความชั่ว ทำความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์ ที่จะเกิดเป็นศีล สมาธิ ปัญญา เกิดเป็นพระขึ้นมา เกิดเป็นกุศลขึ้นมา เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมา จะอ้อนวอนไม่ได้ ขอไม่ได้ เรามีกายมีใจเป็นเครื่องมือทำความดี สูงสุดเป็นสวรรค์ เป็นนิพพาน เป็นมรรคผลนิพพาน ถ้าเราใช้ไม่เป็นก็เป็นอบาย ไปสู่อบาย เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ดิรัจฉาน เป็นผู้ไม่เจริญ ก็เสียชาติที่ได้เกิดมา
ที่นี่ก็สอนวิชากรรมฐาน ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน เว้นข้อที่พระพุทธเจ้าห้าม ทำตามข้อพระองค์อนุญาต คือวิชากรรมฐานนี้ เรียนวิชานี้อย่างเดียว ไปได้ไกล เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ละความชั่ว ทำความดี จิตบริสุทธิ์ พวกเรานี่ในฐานะที่ มีศรัทธาออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน “สัทธา อคารัสมา อนคาริยัง ปัพพชิตา” ที่เราได้สวด ได้สาธยาย เป็นอนาคาริกะบุคคล ไม่เกี่ยวข้องด้วยบ้านด้วยเรือน แม้มีบ้านก็ทำให้ไม่มี มาทำกรรมฐาน เราไม่ต้องทิ้งบ้าน ไม่ใช่เราทิ้ง วางไว้ก่อน เราวางไว้อย่างนั้น มีลูกมีเมียก็วางไว้นั่น มีทรัพย์สมบัติก็วางไว้นั่น ไม่ใช่ทอดทิ้ง มาทำกรรมฐาน จิตน่ะมันมีอันเดียวเฉพาะหน้า ถ้ามีสติ อันอื่นก็ไม่มี ถ้าไม่มีสติ อันอื่นก็มีเยอะแยะ จึงทำตัวเป็นอนาคาริกะบุคคล ไม่มีอาชีพ สิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต “ภิกขูนัง สิกขาสาชีวะสะมาปันนา” ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรม เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของเราทั้งหลาย ชีวิตที่มันอยู่เหนือการเกิดแก่เจ็บตาย ต้องเลี้ยงด้วยสิกขาและธรรม
สิกขา คือถลุง คือย่อย ให้ได้ถึงเนื้อ ให้เกิดเป็นธรรมขึ้นมา ให้กายได้รับความเป็นธรรม ให้ใจได้รับความเป็นธรรมเกิดขึ้นมา เลี้ยงด้วยสิ่งนี้ ไม่ใช่เลี้ยงด้วยข้าวปลาอาหาร ข้าวปลาอาหารก็มีแต่แก่เจ็บตาย ไม่ค่อยจะมีคุณธรรม อาจจะเป็นบาปก็ได้ ถ้าเลี้ยงไม่เป็นก็เป็นบาป อาชีพทุจริต สิกขาและธรรม คือเป็นอาหารทางจิตวิญญาณ มีสติ นี่คือสิกขา มีธรรม มีความดีเกิดขึ้น ความหลงไม่เป็นธรรม ความไม่หลงเป็นธรรม บริโภคความเป็นธรรม หาความเป็นธรรมได้ จากกายจากใจนี่ สิ่งที่ทำให้ไม่เป็นธรรมก็เกิดขึ้นที่กายที่ใจนี่ ถ้าเรามีสติจะรู้จักจะได้เห็น ไม่ต้องจน เลือกได้ ชีวิตนี่เลือกได้ เลือกให้เกิดความเป็นธรรมได้ ในกายในใจนี้ อาจจะเลือกได้ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที มีให้เลือก ถ้ามีสติ
สติปัฏฐาน เป็นสติที่ย่อยแยก คือขบเคี้ยว เรียกว่า ธัมมวิจยะ ขบเคี้ยว อะไรเกิดขึ้นมา มีสติขบเคี้ยว รู้สึกตัว พอรู้สึกตัวก็เห็น อะไรที่มันเกิดขึ้นมานั้น จะได้เปลี่ยนมัน การเปลี่ยนความไม่ดีให้เป็นความดี การเปลี่ยนความผิดให้เป็นความถูก เรียกว่า ปฏิบัติธรรม จำเป็นมาก ในคราวที่อะไรมันเกิดขึ้นกับกายกับใจ ต้องมีการปฏิบัติธรรม เปลี่ยนให้เป็นความดี มีสติ เป็นเครื่องมือเครื่องทุ่นแรง ว่าร้ายเป็นดีได้ถ้ามีสติเป็นที่ตั้งเอาไว้ เพราะสติมันไม่เหมือนอันอื่น มันเหนือทุกอย่าง อะไรเกิดขึ้นมาก็รู้จักหมด ถ้ามีสติเป็นเกณฑ์ชี้วัด ถ้าไม่มีสติก็เอาหมดทุกอย่าง ซึมซับหมดทุกอย่าง ถ้าขาดสติก็ซึมซับเอาความชั่ว อาจจะเยอะแยะไป มากไปก็มี เป็นดินพอกหางหมู
ถ้าเรามามีสติดูกายดูใจนี่ มีแต่งานแต่การที่มันเกิดขึ้นเพื่อที่ให้ทำความดี เฉพาะหน้าทันที คู้แขนเข้ารู้สึก เหยียดแขนออกรู้สึก จะได้เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ความรู้สึกตัว จะได้เปลี่ยนให้เป็นความรู้สึกตัว นี่อาหารทางจิตวิญญาณ ได้รับเข้าไป ได้รู้เข้าไป ความรู้ก็มาก รู้มาก รู้ ความหลงก็น้อยลง น้อยลง ละความชั่วได้ ทำความดีได้ ทำจิตบริสุทธิ์ได้ สะดวกมากขึ้น ถ้ามีความรู้ เป็นพลัง มีศรัทธา เชื่อในความรู้ ในความเพียรขยันรู้ ทำไปให้เกิดความขยัน ให้เกิดความเพียร ให้เกิดความใส่ใจ มันเห็นผล เหมือนการออกกำลังกาย มันเห็นผล เกิดขึ้น ไม่ได้รอชาติหน้า ถ้าเป็นบุญก็เกิดขึ้นรู้ บุญคือรู้ ไม่โง่
สิ่งที่เกิดขึ้นกับกายกับใจรู้ คือบุญ พอรู้ก็ไม่ทำความผิด พอรู้ก็ทำแต่ความดี โดยให้กายให้ใจทำความดี กายก็ได้บุญ เกิดความดี ความถูกต้อง ความเป็นธรรม มีอานิสงส์ ก็มีความสุขที่เกิดจากบุญ ไม่เหมือนบาปเป็นความทุกข์ที่เกิดจากบาป เช่น ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความไม่โกรธ ความไม่โลภ ไม่หลง เปลี่ยนที่เดียวกัน ในความหลงมีความไม่หลง ในความโลภมีความไม่โลภ ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์ มาร้ายเป็นดี เก็บเอาความดีจากความไม่ดี ที่มันเกิดขึ้นมากับกายกับใจเรานี่
ถ้าเรามีสติจะได้เห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีที่มันเกิดขึ้นมา เกิดความขยันหมั่นเพียร เหมือนกับอาชีพทางจิตวิญญาณ ไม่ฟรี เหมือนออกกำลังกาย เช่น แกว่งแขน ยืนให้ถูกต้อง แกว่งแขนให้ถูกต้อง เอาลิ้นกดเพดานไว้ มันจะขับเลือดขับลม ลมก็จะขึ้นเบื้องบน เรอออก ลมจะพัดลงข้างล่าง ปล่อยลมออก ขับเลือดขับลม เลือดก็จะดี ลมก็จะดี เลือดดีลมดี อะไรก็จะดีไปอีกหลายอย่าง การออกกำลังกายก็มีเหตุผลขึ้นมา ขณะกินข้าว เคี้ยวกลืนลงไปแต่ละคำ ก็มีความอิ่มขึ้นมาเอง ความหิวก็หมดไปเอง เมื่อมีความอิ่มเกิดขึ้นมา จากอาหารกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อ เป็นพลังงาน ทำความดีเกิดขึ้นที่กายที่ใจ ถ้ามีประกันสุขภาพ ถ้าเราทำขึ้นมา การกระทำขึ้นมา อาหารทางจิตวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ได้ประโยชน์ขึ้นมา ต่างเก่า พ้นภาวะเดิม เมื่อเปลี่ยนความชั่วเป็นความดี ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำดีได้ง่าย ทำชั่วได้ยาก ทำไม่ได้เสียเลย พวกความชั่วเนี่ย เมื่อไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี ก็เกิดอะไรขึ้นอีกมากมาย จากคนดี กายดีใจดี
เหมือนพูดเมื่อวานนี้ว่า ในโลกนี้คนดีขาดแคลน คนชั่วอาจจะมากกว่าคนดี เช่น มาดูตัวเรานี้ก็มีสิทธิจะได้เห็น เห็นความหลงมากกว่าความรู้ ฝึกใหม่ ๆ มันแย่งไป ไปทางตาบ้าง ไปทางหู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ผ่านไปทางใจนี่เยอะมาก ตั้งใจจะสร้างจังหวะ ๑๔, ๑๕ จังหวะ อาจจะรู้สักสองสามจังหวะที่เคลื่อนไหวเท่านั้น นอกนั้นก็หลงไป ต้องทวนกระแสกันใหญ่ ผู้มีลูกก็คิดแบบคนมีลูก ผู้มีผัวมีเมียก็คิดแบบคนมีผัวมีเมีย คนมีความทุกข์ก็คิดแบบคนมีความทุกข์ คนมีความสุขก็คิดแบบคนมีความสุข แล้วแต่มันจะคิดไป เพราะมันเคยชิน จิตใจของเรามันก็ไหลอยู่ ไหลอยู่เรื่อย กลางคืนก็ว่าฝัน กลางวันก็ว่าคิด พอมาให้มันอยู่ที่เดียวมันไม่ยอม ไหลไป สิ่งที่มันเคยไหล เราก็ต้องกลับมารู้ กลับมารู้
ใหม่ๆ ก็ต้องทวนกระแส ต้องสู้สักหน่อย อาจจะยากซักหน่อย ความรู้ก็จะยากต้องเข็นกัน อันความหลงก็จะง่าย เหมือนน้ำไหลมาจากที่สูงสู่ที่ต่ำ ฝึกใหม่ ๆ เป็นอย่างนั้นกันทุกคน นอกจากเกิดทางจิตใจแล้ว ที่เป็นความหลงในทางความคิด เกิดความง่วงเหงาหาวนอน อะไรต่าง ๆ มากมาย ที่มันจะเกิดขึ้นมา หาเรื่องหาราวให้เราหลง เอาความง่วงมาใส่ หมดเรี่ยวหมดแรงลืมตาไม่ขึ้น ทำให้มีความอยากหลับอยากนอน วางความเพียร กลางคืนก็นอนเต็มที่แล้ว กลางวันก็นอนอีก ละทิ้งความเพียร เลยไม่ได้ความเพียร สติมันก็เลย(ไม่)งอกงาม เหมือนกับปลูกข้าวในลานหินมันก็ไม่ค่อยจะงาม เราจึงมีศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีปัญญา ช่วยหลายทาง เอาอย่าง(พระ)พุทธเจ้าเอาอย่างคนดี ในเวลาความง่วงเกิดขึ้นมา ก็คิดเสียว่าพระพุทธเจ้าก็เห็นเรื่องนี้ จึงได้เทศนาว่า ง่วงเหงาหาวนอน เป็นภูเขาลูกแรก นิวรณ์ธรรม เป็นภูเขาลูกแรกที่ต้องก้าวข้ามไป ใครก็เหมือนกัน ว่านิวรณ์ธรรมเป็นภูเขาลูกแรกขวางกั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณงามความดี ทุกคนก็มี พระพุทธเจ้าก็เห็นเรื่องนี้ นอกจากนิวรณ์ธรรมก็มีความลังเลสงสัย เรื่องต่าง ๆ ฟุ้งเข้ามาอะไรผิดอะไรถูก เอาเหตุเอาผล ลืมสติไป มัวแต่ไปคิดเหตุคิดผล ลังเลสงสัย คนที่เกิดพยาบาท เคยโกรธเคยเคืองก็ใช้ออกมา มีความรักก็ใช้ออกมา เกิดกามราคะ ปฏิฆะ เคยมีกิเลสตัณหา ติดอะไรมา มันก็คิดไปทางนั้น ลืมสติไป เราเห็นอย่างนี้ก็ เออ! พระพุทธเจ้าก็เห็นอย่างนี้ จึงได้ว่าภูเขากั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณงามความดี เราต้องข้ามไปได้ ถ้าพยายามมันก็ไม่จริงจังอะไร เคยง่วงเหงาหาวนอน หาวอ้าปาก มันก็ไม่ง่วง หัดได้ ชีวิตของเราเนี่ย ผ่านได้ภูเขาลูกนี้อย่างสง่างามเลย ถ้าจะหลับก็หลับ ถ้าจะตื่นก็ตื่น ถ้าจะไม่หลับก็ไม่หลับ แต่ถ้าจะหลับก็หลับเลย ไม่ต้องไปง่วง แล้วแต่เราจะใช้มันได้ ฝึกดีแล้ว
จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำความสุขมาให้ นำการงานมาให้ ในงานชอบขึ้นมา เมื่อฝึกผ่านภูเขาลูกนี้ก็นิสัย จริตนิสัย สังโยชน์ มันก็จึงจะง่าย สังโยชน์ก็ไม่มีอะไรที่จะยุ่งยาก ถ้าเรามี ถ้าเราผ่านภูเขาลูกแรกได้ ตัดสังโยชน์ได้ง่าย สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ถือมั่น ยึดมั่นถือมั่น เอาความสุขความทุกข์ที่เกิดจากกายจากใจ ว่าเป็นตัวเป็นตน เรามีสติมันก็เห็น เวลามีสติไปในกาย ก็เป็นสูตรไปแล้ว ง่ายไปแล้ว เห็นกายสักแต่ว่ากาย ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเราเขา ทำไมจึงจะตัดไม่ได้ สังโยชน์ ๓ สักกายทิฏฐิ คือเรื่องเกิดกับกาย ให้ออกมาเป็นสุขเป็นทุกข์ทำไม มันสักแต่ว่าเสียแล้ว การตัดสังโยชน์ก็ไม่ใช่จะเรื่องยาก มีสูตรอยู่ หลักสูตรมีอยู่ ในสติปัฏฐาน วิชาที่เราทำกรรมฐานอยู่เนี่ย เป็นสูตรที่เฉลยได้ เฉลยได้ ให้เกิดแนวร่วมไปก่อน เราท่องสูตร เลขสูตรคณิตศาสตร์ สองหนึ่งเป็นสอง สองสองเป็นสี่ สองสามเป็นหก สองสี่แปด สองห้าสิบ ไปก่อน บัดนี้เอามาใช้ สองห้ามันต้องเป็นสิบ สองห้าเป็นสิบเอ็ดไม่ถูก สองห้าเป็นเก้าก็ไม่ถูก สองห้าต้องเป็นสิบ ความหลงไม่ถูก ความไม่หลงถูก สิ่งที่มันเกิดขึ้นกับกายกับใจเนี่ย ผิดถูกรู้จักชัดเจนแจ่มแจ้ง เห็นแจ้ง รู้แจ้ง ความหลงไม่จริงไม่ต้องถามใคร ความไม่หลงจริง แจ้งจริง ๆ ความทุกข์ไม่ถูกต้อง ความไม่ทุกข์ถูกต้อง แจ้งจริง ๆ มันเกิดวิปัสสนาขึ้นมา ทำไมจะตัดไม่ได้ จะเอามาเป็นสุขเป็นทุกข์ทำไม สิ่งที่เกิดกับกายไม่ใช่เอามาเป็นสุขเป็นทุกข์ มาเป็นความรู้ เป็นสติปัญญา แต่ก่อนนี่ร้อนก็เป็นทุกข์ หนาวเป็นทุกข์ เจ็บเป็นทุกข์ หิวเป็นทุกข์ หนาวเป็นทุกข์ ทุกข์ทำไม
อาการที่เกิดกับกายเยอะแยะ ไม่ใช่เอามาเป็นทุกข์ ได้ปัญญา ขอบคุณที่มันรู้จักร้อน ขอบคุณที่มันรู้จักหนาว ยุงกัดมันเจ็บขอบคุณที่มันรู้จักเจ็บ มันเป็นสัญญาณภัย ให้เราได้ช่วย น่าจะภูมิใจ เช่น มันหิวอย่างนี้เป็นทุกข์ทำไม ถ้ามันมีความหิวก็ถูกต้องแล้ว แสดงว่าอาหารขาดในกระเพาะ ไม่มีพลังงานแล้ว ต้องกินต้องหาสิ่งที่จะกิน ไม่ใช่ความทุกข์ มีความสุขด้วย เรียกว่าเราปกติที่สุด ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ปกติที่สุดแล้ว ถ้าไม่หิวเนี่ยอันตราย เบื่ออาหารเนี่ยอันตราย รับรองว่าเป็นโรคร้ายเสียแล้ว เคยไม่หิวอาหาร จากน้ำหนัก ๗๕ กิโล เหลืออยู่ ๔๐ กว่ากิโลเนี่ย มันไม่หิว เบื่ออย่างรุนแรง กลายเป็นโรคมะเร็งระดับสุดท้าย ระดับที่ ๔ ไป ไม่รู้สึกตัวเลย เพราะฉะนั้นมันหิวมันดีแล้วไปทุกข์ทำไม
อาการที่มันเกิดขึ้นมามันเป็นความจริง ที่มันบอกความเท็จความจริง ทำไมจะตัดไม่ได้สักกายทิฎฐิเนี่ย ไปเอาเรื่องเกิดความเป็นทุกข์ทำไม สีลัพพตปรามาส เอาจริงเรื่องอะไร ทำตามความจริง อะไรมันเป็นความจริง ความโกรธเป็นความจริงหรือ ทำตามความโกรธหรือ ถ้ากูได้โกรธกูตายก็ไม่ลืมหรือ ถ้ากูได้โกรธกูไม่ด่ามึงกูไม่ยอม ถ้ากูได้โกรธกูไม่ได้ฆ่ามันกูไม่ยอม เอาจริงอย่างนั้นมันไม่ใช่แล้ว ยึดมั่นถือมั่น เอาเป็นตัวเป็นตน ทำตามความโกรธ ทำตามความทุกข์ ทำตามความโลภ ทำตามความหลง ป้าด! เข้าไปเลย อ้าว! ถือทิฏฐิ จนประกาศออกมาได้เลย แต่นี่ไปคำว่าทุกข์คำว่าสุข เอากายมาเป็นสุขเป็นทุกข์ จะไม่เอามาใช้อย่างนั้นแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไป จะไม่เอากายเอาใจไปทำคนอื่นสิ่งอื่น ให้เป็นทุกข์เดือดร้อน ดีต่อไป เด็ดขาด เด็ดขาด เนี่ย สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ตัดอย่างนี้ จะไม่มีทุกข์มีโทษอะไร แล้วก็เป็นประโยชน์ของดีจึงจะเกิดขึ้นกับคน ถ้าไม่ตัดอย่างนี้ความดีเกิดขึ้นได้ยาก เห็นแก่ตัว โลภมาก ขนาดทำคนให้เดือดร้อน เอาของคนอื่นมาเป็นของตนเอง ถ้าตัดสังโยชน์ได้ ความดีเกิดขึ้นจากกายจากใจ ขยายไป สู่โลก เป็นประโยชน์ต่อโลก เป็นประโยชน์ต่อญาติ ญาตัตถจริยา ประโยชน์ต่อญาติ ใครมีลูกเป็นคนดี พ่อแม่ก็มีความสุข ใครมีสามีเป็นคนดี ภรรยาเป็นคนดี ภรรยาสามีก็มีความสุข ถ้ามีเพื่อนเป็นคนดีอย่างนี้ เพื่อน ๆ ก็มีความสุข ความสุขไปกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เบียดเบียนทำร้ายอะไรต่าง ๆ คือทำความดี ความดีที่เกิดขึ้นมาเยอะแยะ ก็กลายเป็นประโยชน์ต่อโลก ประโยชน์ต่อพระศาสนา เป็นพลังให้แก่พระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่าง น่าเคารพ น่ากราบไหว้ นี่เรียกว่าความดีเกิดขึ้นแล้วในโลก คนดีเกิดขึ้นแล้วในโลก โลกก็จะได้อาศัย เช่น เราอยู่ที่นี่ เราอาศัยวัด วัดก็ต้องอาศัยเรา เรามีเพื่อน เราอาศัยเพื่อน เพื่อนก็ต้องอาศัยเรา น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มีคนหวังพึ่งพาอาศัยเราอีกมาก พ่อแม่ล่ะ พี่น้อง สัตว์สาราสิ่ง สิ่งแวดล้อม อีกหลาย ๆ อย่างที่ต้องอาศัยเราอยู่เวลานี้ ในวัดนี่ก็มีสัตว์สาราสิ่ง มีอะไรต่าง ๆ ต้นไม้ แม่น้ำ แผ่นดิน อากาศ หน้านี้ก็ระวังไฟป่า มันจะไหม้เข้ามาในวัด อาศัยเราป้องกันไม่ให้อันตรายเกิดขึ้นทำให้สูญเสีย ขโมยก็มี คนชั่วก็มี เราก็เดือดร้อน สายไฟที่ไปสูบน้ำ ไปสูบน้ำ หอน้ำที่ทางทิศตะวันตก เขาก็ลักเอาไป เอาไปฝังไว้อีก อาจจะลักอีกก็ได้ ขโมยอีกก็ได้ เราก็เดือดร้อน ถ้าเราเป็นคนดีเกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่มีอะไร เป็นการสร้างสรรค์ ทำให้โลก เป็นประโยชน์ต่อโลก
เมื่อวานพูดกับหลวงปู่กรม เห็นต้นไม้มันตายแถวสวนปาลิไลยกะ หน้ากุฏิของอาจารย์สุนทรี ต้นปาล์มแดงอย่างดี ราคาต้นหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้าร้อยหกร้อยบาท เห็นมันตาย พอเราไปเห็นคล้ายมันขอร้อง ช่วยด้วยหลวงตาช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย ไปพูดกับหลวงปู่กรมว่า หนูขอความช่วยเหลือจากหลวงปู่ หลวงปู่ก็เดินผ่านมาเนี่ยก็ไม่ช่วย เห็นพระ เห็นโยม เห็นพี่ เห็นเดินผ่านมา ไม่ได้ยินเสียงร้อง ขอร้อง ต้องจิตบริสุทธิ์ จิตว่าง เหมือนอาจารย์พุทธทาสว่า เมื่อจิตว่างจะได้ยินเสียงหญ้าพูด ต้นไม้พูด อาจารย์พุทธทาสว่าอย่างนั้นนะ
เห็นอะไรก็ไม่ทอดไม่ทิ้งหรอก มีแต่สิ่งที่จะช่วยเหลือเกิดความดีขึ้นมาจากคนดี ถ้าเราไม่รู้อะไร จิตมันวุ่นอยู่ มัวแต่ครุ่นคิดแต่อารมณ์ที่ครุ่นคิด ไม่ว่าง ไม่ปล่อย ไม่วาง ไม่เห็นโลกตามความเท็จความจริง อะไรควรช่วย อะไรไม่ควรช่วย อะไรควรละไม่ควรละ ไม่รู้ มืดบอด ก็มีจำนวนมาก เราจึงมาเป็นคนดี ด้วยการปฏิบัติธรรม ดีจริง ๆ เป็นคนดีจริง ๆ ทำให้จิตวิญญาณคนอื่นมีความสุขด้วย พ่อแม่มีลูกเป็นคนดี พ่อแม่ก็มีความสุข ถ้าลูกเป็นคนชั่ว พ่อแม่ก็มีความทุกข์ คนเคยพูดไว้ว่าระหว่างพ่อแม่กับลูกเนี่ย หัวใจหัวอกของใจพ่อแม่นะ
ห่วงใยลูกตลอดเวลา ได้อะไรมาคิดถึงลูกก่อน เอาใจใส่ต่อสุขภาพของลูกยิ่งกว่าสุขภาพของตัว ถ้าลูกหิวพ่อแม่จะอิ่มไม่ได้ ถ้าลูกยังหนาวพ่อแม่จะอุ่นไม่ได้ ถ้าลูกยังร้อนพ่อแม่จะเย็นไม่ได้ ให้ลูกอิ่มก่อน ให้ลูกอุ่นเสียก่อน ให้ลูกเย็นเสียก่อน พ่อแม่จึงจะเย็นตาม เอาใจใส่ต่อสุขภาพของลูกยิ่งกว่าสุขภาพของตัว คอยป้องกันอันตรายทั้งปวงไม่ให้เกิดขึ้น
ไม่คิดรังเกียจในสิ่งที่น่ารังเกียจของลูก ขี้เยี่ยวไม่รังเกียจ นอนกลางคืนอาจจะเอามือไปคลำ ก้นดู ถ้าเป็นขี้ก็เอามาดมดูเหม็น ๆ ก็ลุกขึ้นมา ล้างเช็ดถูให้ บางทีไม่รังเกียจจริง ๆ นะ เห็นแล้ว สมัยเป็นหนุ่มกินข้าวกับพี่ แม่สุดเนี่ยมีลูก อุ้มลูกกินข้าว ลูกก็จึงนั่งอยู่ตักแม่ ปวดฉี่ก็ฉี่ดิ๊งออกไป ใส่ถ้วยป่น ถ้วยอาหาร เราก็กูไม่กินแม่มึงหรอก ลุกหนีออกไป ขี้ เกลียดเยี่ยวหลาน ไปถูกกับถ้วยอาหาร ก็ถูกไม่ถูกหมดหรอก ถูกถ้วยหนึ่ง ถูกถ้วยป่น แม่สุดว่าเอามานี่กูกินเอง แม่สุดก็ตำจิ้มป่นกินจนอิ่ม ไม่รังเกียจในสิ่งที่น่ารังเกียจของลูก ทุกข์ใด ๆ ไม่ทรมานจิตใจพ่อแม่เท่ากับลูกไปชั่วสามานย์ ไม่มีความสุขความทุกข์ เมื่อลูกเป็นคนดีพ่อแม่มีความสุขใจ อันนี้ปฏิเสธไม่ได้ ทุกคนก็มีพ่อมีแม่ มีสิ่งผู้เกี่ยวข้อง
เราจึงมาเป็นคนดี ปฏิบัติธรรม ละความชั่วทำความดี ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองด้วย มีคุณมีค่าขึ้นมา จากความเป็นคน มาเป็นกัลยาณชนขึ้นมาคนดี จากกัลยาณชนมาเป็นพระอริยบุคคลชั้นใดชั้นหนึ่ง พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ก็ยิ่งวิเศษ ชีวิตจะประเสริฐ ได้เลื่อนชั้นได้ ถ้าไม่พัฒนา ไม่ศึกษา ก็ต่ำลงไป ไปสู่ทางต่ำ เราจึงต้องปล่อยทิ้งไม่ได้ ประโยชน์มากกายใจเราเนี่ย มีเครื่องมือทำความดี ตามันเป็นเครื่องมือทำความดี ได้เห็นสิ่งที่ไม่ดีจะได้ช่วยให้มันดี หูได้ยินสิ่งที่ไม่ดีจะได้ทำให้มันดี แก้ไข กายใจมาเป็นเครื่องมือทำความดีได้ มาก ๆ ทีเดียวเลย สร้างโลกได้ โลกพึ่งพาอาศัยได้ มีอานิสงส์เกิดขึ้น ตัวเองก็ได้รับ เป็นปัจจัตตัง รู้เองเห็นเอง ไม่ทำบาปเองก็ไม่ต้องเศร้าหมองเอง
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิจ นี่ถ้ามีธรรมแล้ว ถ้าไม่มีธรรม ไม่มีคุณงามความดีเกิดขึ้นแล้วก็ มีแต่ทุกข์แต่โทษ หาความสุขอะไรไม่ได้ คิดก็เป็นทุกข์ เอาความคิดมาเป็นความทุกข์ คิดแบบกัดตอดตัวเองให้เจ็บปวด มีกายก็มาเป็นทุกข์เป็นโทษ ทำทุกข์แก่ร่างกาย กินเหล้าก็เป็นโรคตับ สูบบุหรี่เป็นโรคปอด เพราะตัวเองทำตัวเอง เกิดโรคเกิดจากทานอาหารผ่านลงไปทางอาหารเนี่ย ๘๐% ถ้าไม่รู้จักอุปโภคบริโภค ไม่ถูกต้อง ชอบอะไรก็เอาอันนั้น ไม่คิดเสียดาย ซื้อเหล้ามากินได้ ซื้อบุหรี่มาสูบได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็เห็นว่ามันดี
เพราะนั้นจึงมาฝึกกรรมฐาน เป็นหน่อโพธิแห่งความดี มีสติไปในกาย คู้แขนเข้าเหยียดแขนออกรู้สึกตัว ให้โอกาสกันเต็มที่ เป็นมิตรเป็นเพื่อนจะไม่พาหลงทิศหลงทาง ให้อุ่นใจให้สบายใจ อย่าคิดอะไรมาก เราไม่ทอดไม่ทิ้งกัน เป็นญาติอย่างยิ่งแล้ว ไม่ใช่เราไกลพ่อไกลแม่ไกลพี่ไกลน้อง นี่แหละญาติที่สุด คือกัลยาณมิตร ผู้ปฏิบัติธรรมนี่ มีอะไรก็บอกกันได้ ไม่ใช่เราอยู่คนเดียว เราก็อยู่กันห่างกัน ให้จับคู่กัน ให้เห็นกันทุกวัน ชีวิตให้มีคู่กันทุกวัน เห็นกันทุกวัน แต่ละคู่ละคู่ ถ้าไม่เห็นก็ต้องถามหาบอกกัน ไปไหนไปไหน ถ้าจะไปไหนก็บอกกัน ให้รู้จักป้องกันอันตรายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นแก่กันและกัน เห็นกันทุกวัน ถ้าไม่เห็นก็ถามหา
เอ้า! ก็สมควรแก่เวลาแล้ววันนี้