แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ มีผู้ฟังมีผู้พูดเรียกว่าฟังธรรม ผู้พูดก็จะพยายามพูดแต่เรื่องที่ถูกที่ผิดให้ฟัง ผู้ฟังก็ได้ฟังแล้วเอาไปทำตาม ที่บอกที่สอน เรียกว่าฟังธรรมแล้วปฏิบัติตามธรรม อย่าปฏิบัติตามอธรรมที่ไม่ถูกต้อง นี่คือการฟังธรรม
เรื่องที่ผิดที่ถูก เขาเกิดอยู่ที่กายที่ใจเรานี่ แล้วก็เรามีสติ ให้มีสติ อย่าหลง เพื่อดูแลกายใจ เมื่อเรามีสติดูอยู่ ก็จะเห็นสิ่งที่ผิดที่ถูกเกิดขึ้นที่กายที่ใจเรา ก็จะได้เปลี่ยนให้มันดี ได้แก้ไข ในสิ่งที่ไม่ดีให้มันดี ในสิ่งที่ไม่ถูกให้มันถูก เมื่อเราทำอย่างนี้ ก็ชื่อว่าปฏิบัติตามธรรม ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามธรรม สิ่งที่ผิดเกิดขึ้นก็ไม่ได้แก้ไข สิ่งที่เป็นทุกข์เกิดขึ้นก็ไม่ได้แก้ไข ไม่ได้เปลี่ยน ไม่ได้ทำตามความถูกต้อง ให้มันแทนที่ มันก็จึงจะเป็นงานเป็นการขึ้นมา ทำงานทางกายทางใจให้มันถูกมันต้อง ถ้ามีสติจะเห็น สิ่งที่มันเกิดขึ้น ก็จะได้แก้ไข ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่มันเป็นทุกข์เป็นโทษ จะไม่มีทุกข์มีโทษ
“จงถึงบทอันเกษม กล่าวคือพระนิพพาน” สูงสุดของชีวิตเรา คือจุดหมายปลายทาง คือมรรคผลนิพพาน ถ้าไม่ถึงมรรคถึงผล ก็จะมีเวรมีภัย เกิดแก่เจ็บตาย เรามีกายมีใจนี้ ถ้าเราไม่สั่งไม่สอนไม่ปฏิบัติตามธรรม มันก็เป็นทุกข์เป็นโทษต่อตัวเองและคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น จนมีปัญหา สร้างคุกสร้างตาราง ให้ตำรวจทหาร มีกองทัพ มีอาวุธ เพื่อปราบความผิดที่เกิดขึ้นจากคนที่เขาไม่แก้ ให้คนอื่นไปแก้ ไปปราบ ไปเข่นไปฆ่ากัน นอกจากเราเดือดร้อนแล้วก็สิ่งธรรมชาติก็เดือดร้อน ฉิบหายไปหมดแล้ว โลกร้อนเกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจะท่วมโลก เพราะคน ที่ไม่ปฏิบัติตามธรรม จึงมานับหนึ่งจากตัวเรานี่ก่อน ทุกคนตั้งต้นจากตัวเราทุกคน คนไทย ๖๕ ล้านคน ตั้งต้นจากทุกคน มีสติดูแลกายใจของตัวเองให้มันคุ้ม มันก็คุ้มได้ถ้ามีสตินะ อะไรเกิดขึ้นก็รู้สึกตัวซะ ระหว่างของกายของใจก็มี ไม่มาก เอาที่พูดให้ฟังในศีลก่อน มีกายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓
การแสดงออกทางกาย ก็มีสามประตู ที่มันผิดมันพลาด ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม มีสามเท่านี้ มันต้องรักษาได้ มันก็อยู่ที่เรานี่ ก่อนที่มันจะฆ่า ก่อนที่มันขโมย ก่อนที่มันประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ยังคนอื่นเดือดร้อน มันก็เกิดจากความคิดที่ไม่มีสติ บัดนี้เรามีสติเห็นมันอยู่ เราได้เปลี่ยนมัน มันก็ไม่ได้ไปฆ่า สติ มันรู้สึกตัวจะทำให้ไม่ถูกต้อง ก่อนที่มันจะฆ่า ใจมันไม่ดี เพราะมันความหลงเข้ามาแทน เรามีสติอยู่แล้วก็ไล่มันออกไป ไม่ต้อนรับความหลง ไม่ต้อนรับความโกรธ ไม่ต้อนรับความทุกข์ ใจเรามีสติอยู่แล้วก็คุ้มได้ ระวังกายในสามเนี่ยคุ้ม
มโนกรรม ๓ เนี่ย คือใจที่มันคิด ปล่อยให้มันคิดได้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง มันก็ไม่ได้ ใจนี่ สำส่อน คิดอะไรก็ได้ จนเป็นนิสัย ตามความคิด ที่ไม่อบรมสั่งสอนจิต ไม่ฝึกจิตตัวเอง กลายเป็นคนโทสจริต โมหจริต ราคจริต เป็นทุกข์เป็นโทษต่อตัวเอง เกิดจากความคิดเนี่ย ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ทำให้เป็นบ้าได้ อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้ เห็นวางอยู่กุฏิหลวงตาเนี่ย ผู้หญิงฆ่าลูก ๒ คน คนหนึ่งอายุ ๕ ขวบ คนหนึ่งอายุ ๒ ขวบ เป็นผู้หญิงทั้งคู่ แม่เป็นโรคประสาท สามีไปรับจ้างเก็บลำไยที่ลำพูน คนเชียงใหม่ คนลำพูนหรืออะไรเนี่ยแหละ ก็เป็นโรคประสาทลูกนอนอยู่ สังเกตว่าจะเป็นเช่นนั้น เอามีดพร้าอีโต้ไปฟันคอลูกตาย และเอามาสับเป็นชิ้นเป็นชิ้น ส่วนเล็กส่วนน้อย ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงฟันแรง ๆ อยู่กับใกล้ ๆ บ้านแม่ของหญิงคนนั้น แม่ก็มาดู เห็นฟันเนื้อลูกเป็นชิ้นเป็นส่วน กองทิ้งที่กลางบ้านนั้น มันฟันแรงผัวะ ๆ ๆ แม่ก็ช็อก ก็วิ่งไปบอกคนมา จับไป ก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย เป็นโรคประสาท เนี่ย! คิดเนี่ย ถ้าไม่ฝึกหัดมันอันตราย ฆ่าคนอื่นได้แม้แต่ลูกก็ฆ่าได้ ผัวฆ่าเมียก็ได้ เมียฆ่าผัวก็ได้ พี่น้องทะเลาะกันแตกร้าวสามัคคี แทนที่จะพึ่งพาอาศัยกันก็ เป็นศัตรูกัน คนนั้นเราเกลียดคนนี้เรารัก ไปเสียแล้วจิตมันเป็นอย่างนั้นถ้าไม่สอนมัน นี่เรียกว่ามโนกรรม ๓ คิดประทุษร้ายเขา คิดพยาบาทปองร้ายเขา เห็นผิดจากทำนองคลองธรรม ทำชั่วได้ง่าย ทำดีไม่ได้เลย เพราะจิตของคนไม่ฝึกหัด แม้แต่เราก็พึ่งเราไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร คุ้มร้ายคุ้มดี ฟู ๆ แฟบ ๆ เพียงแต่คิดขึ้นมาก็นอนไม่ได้กินข้าวไม่ลง คิดแบบกัดตอดตัวเองความคิดที่ไม่ถูกต้อง ที่ไม่หัดไม่สอน ไม่มีสติ
เรามีสติเห็นมันคิด มันจะมีสองคิด ตั้งใจคิดคือเรื่องดี จะคิดเรื่องทำงานทำการ ตั้งใจคิด เป็นงานเป็นการ อันอื่นไม่ได้ตั้งใจคิด มันคิดขึ้นมาเอง ไม่อยากคิดมันก็คิด หยุดความคิดไม่เป็น เพราะไม่เคยสอน จะไปหยุดเมื่อมันคิด มันเป็นนิสัยไปแล้ว มันก็ยาก จึงมาหัดมีสติคอยดูจิตที่มันคิด ดูกายเห็นจิต ดูคิดเห็นธรรม ดูกายเคลื่อนไหว ดูเห็นใจมันคิด เราว่าจะมีสติดูกายเคลื่อนไหวอยู่ แต่ความคิดมันเกิดขึ้น ไปตามความคิดไปหมด นอนอยู่วัดป่ามหาวัน ปฏิบัติกันอยู่ฉุดคิดไปโน่นกรุงเทพโน่นน่ะ คิดไปโน่นที่โน่นที่นี่ มันคิดไปอย่างนั้น เพราะมันเคยชิน มันเคยไหล มันเป็นสังขาร คิดเรื่องเก่า คิดแล้วคิดอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่มีประโยชน์ ก็เอามาคิดอยู่เช่นนั้น คิดดีไม่เป็น มีแต่คิดร้าย หน้าก็บูดหน้าบึ้ง นี่คือไม่ได้สอนจิต มันคิดอย่างนี้ ก็มีสติซะ จะได้ปฏิบัติตามธรรม เวลานี้เรารู้สึกตัวทักท้วงความคิด ความคิดที่มันหลง กลายเป็นความรู้เสียแล้ว เอาความรู้ไปแทนที่ ไปสอนจิตแล้ว มันคิดทีหนึ่งก็รู้มันทีหนึ่ง มีสติ มันคิดสองครั้งก็รู้มันทั้งสองครั้ง เรียกว่ารู้เท่ารู้ทันความคิด ได้สอนจิต ได้สอนกาย มีสติ ดูกายเคลื่อนไหวเห็นใจมันคิด จะเห็นทั้งสองอย่าง เห็นทั้งกายเห็นทั้งใจ
วจีกรรม ๔ พูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ พูดเท็จ คือพูดไม่เป็นความจริง พูดคำหยาบ ไอ้ห่า ไอ้ผี มึง ๆ กู ๆ ด่ากันได้ เห็นเมียเป็นหมา เห็นผัวเป็นหมา เห็นเมียเป็นอะไรไป คำหยาบ พูดออกไปก็เป็นวจีทุจริต ไม่น่าฟัง คำพูดนี่ ทำให้เสียเงินเสียทองก็ได้ ติดคุกติดตารางก็ได้ อย่างเขาจับเสื้อแดง หัวหน้าเสื้อแดงติดคุก เพราะคำพูด ดุด่าศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้คนเกลียดชังศาล ด่า ผลที่สุดก็โดนฟ้อง เป็นคำพูดที่ผิด ผิดประเพณี ไม่เคารพซึ่งกันและกัน ด่ากันได้ ไม่เห็นคุณเห็นค่าความดีของเขา ผลที่สุดก็เอาเข้าคุกไปแล้ว ๗-๘ คน เหล่าหัวหน้าเสื้อแดงทั้งหลาย ยังติดอยู่อีกตั้งหลายสิบคน เพราะอะไร เพราะใจมันนี่แหละ มันเดือดร้อนทำให้อะไรต่าง ๆ ไม่ได้คิดเมตตากรุณาต่อกัน เกิดจากคำพูดทั้งนั้น บางทีใจมันคิดมาก ๆ ก็โกรธ แสดงความโกรธออกมา เผาบ้านเผาเมืองก็มี ทำลายฆ่าเข่นฆ่ากัน คนก็ล้มตายไปคนดี ๆ ถูกฆ่าไป เราไม่ได้ทำอะไรเราก็เดือดร้อน เพราะคนชั่วเกิดขึ้น
เราจึงมีสติ คุ้มมันทั้งกายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ มันคิดขึ้นมาก็รู้แล้ว มันยังไม่ได้พูดเลย รู้สึกตัวแล้ว อะไรที่มันเกิดกับกายกับใจรู้สึกตัว เปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกตัวทั้งหมดเนี่ย ก็เลยกลายเป็นความดี ได้สอนกาย ได้สอนใจ ใจมันก็เชื่อง กายของคน ใจของคน มันพัฒนาได้ จากความเป็นคนให้เป็นพระได้ ให้เป็นพุทธะได้ จะได้พึ่งพาอาศัยกันได้ ฝึก มันมีให้ฝึกกาย ให้มารับใช้ ให้เราได้ฝึกได้สอนมัน ได้สอนแล้วก็มีประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่น เราจะเห็นสิ่งที่มันไม่ดี มันดีเกิดขึ้นได้หลักได้ฐาน เห็นกายเป็นรูป เห็นใจเป็นนาม มันมีอยู่ที่นี่ ได้หลักได้ฐานอันที่มันถูกมันผิด
รูปมันมีอะไร นามมันมีอะไร แค่ไหนเพียงใด มันมีธรรมชาติ มีอาการอย่างไร ในรูปในนามนี้ แตกฉานออกไปบัดหนิ แตกฉานออกไป รูป อาการของรูปก็มีมาก อาการเกิดกับใจก็มีมาก จะได้เห็นความเท็จความจริง เกี่ยวข้องกับมันอย่างถูกต้อง ไม่เอามาเป็นสุขไม่มาเป็นทุกข์ เห็นความไม่เที่ยงเกิดขึ้นกับรูป เห็นความไม่ทุกข์เกิดขึ้นกับรูป เห็นความไม่ใช่ตัวตนเกิดกับรูป สติมันเข้าไปเห็น มันก็รู้แจ้งเห็นจริง ตามความเท็จความจริง ว่าความโกรธมันไม่จริง ความไม่โกรธมันจริง ความทุกข์ไม่จริง ความไม่ทุกข์มันจริง ถ้ามีสติจะได้เป็นตัวเฉลยได้ ไม่ให้ความหลงนอนอยู่กับความคิด ไม่ให้ความโกรธนอนอยู่กับความคิด นอนอยู่ข้ามวันข้ามคืน ไม่ได้เด็ดขาด เพราะไม่ถูกต้อง มีสติ ได้ประโยชน์ ได้เห็นความผิดความถูกที่มันเกิดขึ้น ได้แก้ไข ได้สอนตัวเอง ได้ช่วยตัวเอง ได้ช่วยกายช่วยใจ ได้ดูแลกาย ได้ดูแลจิตใจ เราปล่อยกายปล่อยใจทิ้งมานานแล้ว
มาช่วยกาย มาช่วยใจ เรียกว่า ปฏิบัติธรรม เราปล่อยให้มันสุขมันทุกข์ ให้มันโกรธ อันความโกรธไม่ใช่ใจ มันเป็นอาการ มันเป็นอารมณ์ จรมาอาศัย เราไม่รู้นึกว่าเราซะ ทำตามความโกรธ เสียผู้เสียคน เสียเปรียบความโกรธ เพราะเราไม่รู้ บัดนี้เรามารู้แล้ว โถ! ได้เห็นมัน ได้แก้ไข ได้สอนกายได้สอนใจ ได้ช่วยกายได้ช่วยใจ ก็อาศัยกายอาศัยใจ ได้บัดหนิ นี่เอามาทำความดีได้สำเร็จ กายนี่ ภูหลงปลูกป่า รักษาป่า บ้านตาดดินทอง เอากายเอาใจมาช่วยกันรักษาป่า กำลังจะประกวดได้อันดับที่ ๑ ของเขตของภาค ระดับประเทศมันจะได้เท่าไหร่ หือ! ได้บ่ ระดับประเทศได้ไหม โน่นแน่ะพวกเรา...ความดีที่มันเกิดขึ้นเรา เห็นชุมชนบ้านตาดดินทอง ว่าเออนี่คือคนไทย นี่คือคนไทย คนไทยที่รักชาติ ที่คนอย่างนี้ ดูแลเรายังไม่พอ ดูแลสิ่งแวดล้อม ช่วยกันอย่างนี้ นี่คือพื้นฐานคนไทย ถ้าคนไทยคิดแบบนี้กันทำอย่างนี้ มันก็อยู่กันได้ โลกจะไม่ร้อน เดี๋ยวนี้ คนที่ทำอย่างนี้ไม่ค่อยจะมี เห็นแก่ตัว ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
เพราะฉะนั้นนี่ มันฝึกได้ สอนได้ กายใจของเรานี่ จนดีวิเศษ เป็นพระขึ้นมา เป็นพระอริยบุคคล เป็นพระอรหันต์ ชั้นใดชั้นหนึ่งขึ้นมา ได้นะจิตของเรานี่ ถ้าไม่ฝึกมันก็เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอบายภูมิที่ไม่เจริญ เสียชาติเฉย ๆ เราจึงมีโอกาส มีหลักคำสอน มีศาสนา มีพิธีกรรม สาธารณะบุคคลคือพวกเรา พระภิกษุ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ศาสนวัตถุก็คือ ในวัดก็มีวัด มีศาลา มีพระพุทธรูป มีตำรับตำราหนังสือ มากที่สุดคือที่นี่ หนังสือธรรมะเป็นตู้ ๆ เพราะผู้นำที่นี่ อาจารย์ไพศาล เป็นผู้ที่มีความยิ่งใหญ่ในด้านปัญญา คนยอมรับทั่วโลก เมื่อวานเนี่ย เมื่อวานซืน หลวงตาก็ไปอยู่โน่น ภูเก็ตโน่น เห็น ดู ดูทีวีอยู่ในห้องพัก อาจารย์ไพศาลเทศน์..อยู่นั่น ทั่วโลก คนเห็นทั่วโลก ทั้ง ๆ อยู่นี่ คนรู้จักทั่วโลก ก็จึงว่าพวกเราก็โชคดี ถ้าไม่มีอาจารย์ไพศาลอยู่นี่ จะมีใครรู้จักเรา ที่นี่ แต่นี่วัดตาดดินทองก็มีคนรู้จักกันเยอะ อาจารย์ไพศาล แม่ชีอุ่น แม่ชี..ช่วยกันที่นี่ เราได้อะไรเราอยู่ที่นี่ ไม่ได้อะไรเลย มาดูแล มาเป็นภารโรงให้ เป็นภารโรงวัด ช่วย...ชาวบ้าน ขอบิณฑบาต ได้ข้าววันละบาตร ก็พอได้อยู่ได้กินพอมีชีวิตอยู่ เป็นศาสนบุคคล มันมีความดีความงามอย่างนี้ประเทศชาติเรา ถ้าเราไปแย่งชิงชาวบ้านทำไร่ทำสวน นักบวชในประเทศนี้มันสามสี่แสนรูปนี่ชีวิตนี่ ถ้าไม่มีนักบวชอยู่ในนี้ จะไปแย่งที่ทำกินชาวบ้านเท่าไหร่แล้ว เผาผลาญน้ำมงน้ำมันเท่าไหร่ พลังงานเท่าไหร่ เราก็อยู่อย่างนี้ ก็ช่วยเศรษฐกิจ เราไม่ได้เผาผลาญพลังงาน กินข้าววันละมื้อ พออยู่ได้ยังไม่ตายนะ
เพราะนั้นเราจึงมีศาสนบุคคล ศาสนพิธี ศาสนวัตถุ ศาสนธรรมคำสอน มาบอกกันอยู่นี่ ความโกรธไม่ถูกต้อง ความไม่โกรธมันถูกต้อง ได้ยินบ่ ได้ยินไหม อย่าทำตามความโกรธ จงมีสติ ความทุกข์ไม่ถูกต้อง ความไม่ทุกข์มีอยู่ เปลี่ยน เปลี่ยนร้ายเป็นดี เปลี่ยนได้ เปลี่ยนได้ เปลี่ยนอย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติตามธรรม ได้ศึกษา ได้ปฏิบัติ ได้สอนตัวเอง ได้ช่วยกายช่วยใจ เหมือนกับเราจะได้ประโยชน์จากกายจากใจ เกิดมรรคเกิดผลขึ้นมา อันนี้ก็ไม่ได้พูดเฉพาะที่นี่ ไปอยู่ภูเก็ตสี่ห้าวัน พึ่งกลับมานี่ ตั้งแต่วันโน้น ใจคิดถึงภูหลงอยู่ มาถึงภูหลงน่ะโอ้! มันเย็นสบาย เย็นจากธรรมชาติ ภูเขาก็เย็นเหมือนทะเล มันเย็นคนละแบบกัน เย็นทะเลมันเย็น เย็นผิวกาย เย็นเหนียว ๆ เย็นภูเขามันเย็น เย็นถึงทรวงถึงใจ ไม่เหนียว มันเกลี้ยงเกลา มันก็สัมผัสดู
เพราะฉะนั้น ถ้าพูดถึงสิ่งแวดล้อม ผู้คน ไปเห็นผู้คนที่นั่น ไปเห็นสิ่งแวดล้อมที่นั่น เขาก็สะดวกสบายกว่าพวกเรา เดินตามทางก็มีของหยูกของกิน เวลาจะกินปลา เขาก็เอากะละมังเทินหัว ใส่อวนใส่ดางลงไป ก็เดินออกไป นั่งเรือไป วางอวนวางดาง ดึงมาก็ได้ปลาใส่กะละมัง ข้างหม้อ กินได้ ปลาไม่ได้เลี้ยง ทะเลมันเลี้ยงให้ พวกเราอยู่นี่... หลวงตาก็รักชาวบ้าน หนีจากชาวบ้านไม่ได้ อยู่แถวนี้มาสี่สิบปีแล้ว อยู่วัดนี้บ้าง อยู่สุคะโตบ้าง อยู่ภูเขาทองบ้าง หนีจากถิ่นนี้ไม่ได้ เพราะสงสารชาวบ้าน ถ้าไปดูที่อื่น ดูไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ไปอยู่ในที่ไม่เหยียบดินเลยก็ได้ ในโลกนี้ ในประเทศต่างประเทศ (หัวเราะ) จะอยู่ที่นี่ จะอยู่ที่นี่ ฉันว่าฉันเจอแล้ว บัดหนิแล้ว เราก็ยิ่งรักกันมากขึ้น เห็นความลำบากกัน ทำมาหากินเราก็อยู่อย่างนี้ แต่เราก็มีความสุขนะ ไม่ใช่ว่าจะต้องมีแต่คนแย่งทำมาหากินกัน วุ่นวายกันใหญ่เลย จิตใจไม่เป็นตัวเป็นตน เรานั่งอยู่นี่ นั่งยิ้มแย้มแจ่มใสมันอยู่นี่แหละ ไปวิ่งอะไรมากมาย คิดอะไรมากมาย พออยู่ได้ อย่างนี้ก็เรียกว่า ความสันโดษ
ความมีของเราคือความสันโดษ เป็นเศรษฐีแห่งความสันโดษ พอใจในสิ่งที่ตนมี ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็มีความสุข แต่คนที่ร่ำรวยก็มีแต่จะเอา ๆ ๆ ๆ มันก็ทุกข์ เป็นเปรต ไม่รู้สึกตัวเลย ไม่ใช่ไปด่าใคร ผู้ใด๋เป็นอย่างนั้นก็เป็นทุกข์เอาเอง เราอยู่ที่ไหนก็ดี คนที่อื่นที่เขาดี ๆ เขาก็มีความสุขมีธรรมะ อยู่ที่โน่นเขาก็ปฏิบัติธรรม ใส่ขาวนุ่งขาวมาปฏิบัติธรรม เหมือนเรานี่ เขาก็เป็นเจ้าของโรงแรม เขาก็ปฏิบัติธรรม ทำบุญทำทานปฏิบัติธรรมกันดีเหมือนกับพวกเรานี่ เขาก็รู้จักแบ่งปัน โรงแรมคืนหนึ่งหกหมื่น ห้าหมื่น ห้องหนึ่งคืนหนึ่งห้าหมื่น ห้องที่หลวงตาไปอยู่เนี่ย ห้าหมื่นคืนหนึ่ง สำหรับคนต่างชาติ เขาไม่อวดเงินอวดทอง เฒ่าชราก็อยู่กันห้องใหญ่ ๆ เดินจงกรมทั้งวัน มีห้องนอนสองห้องคนเดียว มีห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ มีห้องน้ำ เยอะแยะเลย เครื่องใช้ ไม่เคยดูทีวีนั่งดูทีวีทั้งวันเลย (หัวเราะ) ไม่เคยมีทีวีดู ไปที่นั่นทีวีอันใหญ่ ๆ ไปหัดเปิดทีวี ให้เขามาเปิดให้ ทำยังไง ก็ได้เห็น จึงเห็นอาจารย์ไพศาลแสดงธรรมในทีวี โอ้! อาจารย์ของพวกเราเนี่ย คนรู้จักทั่วโลกนะ เพราะธรรมะ บอกความเท็จความจริงต่อคน ให้เราพอใจอยู่ที่นี่พวกเรา ทำมาหากิน อย่าเบียดเบียนตัวเองและคนอื่น วันนี้หลวงตาก็จะไปบวชพระที่ภูเขาทอง จะไปฉันเช้าที่วัดภูเขาทอง จะไปเดี๋ยวนี้แหละอาจารย์ตุ้ม เอ้า! กราบพระพร้อมกัน