แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้หลวงพ่อเป็นผู้พูดแสดงธรรม ท่านทั้งหลายเป็นผู้ฟัง มีผู้ฟังมีผู้พูดในเรื่องธรรมะว่าธรรมะนี่คือเป็นกลาง ๆ ถ้ามีการกระทำเกิดขึ้นจึงแบ่งกัน ถ้ามีสติเรียกว่ามีธรรมเป็นฝ่ายกุศล ถ้ามีความหลงก็เป็นธรรมฝ่ายอกุศล เป็นผิดเป็นถูกเป็นสุขเป็นทุกข์ไป ชีวิตเราจึงเลือกทำอันที่มันถูกต้อง สิ่งไหนไม่ถูกต้องก็ไม่ต้องทำ ที่นี่สิ่งที่ไม่ถูกต้องมันเกิดขึ้นเมื่อเราทำ มันมาติดตัวเราแล้วก็แก้ไขตรงนั้น นั่นก็พอใช้ได้แต่ไม่ดีมาก วิธีใดที่เราจะต้องหัดฝึกหัดตัวเองที่ไม่ให้ความผิดที่เกิดจากการกระทำของเราเกิดขึ้นได้ก็คือมาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมคืออย่างไร ปฏิบัติธรรมก็คือมาเจริญสติ เพราะสติเนี้ยเป็นสิ่งที่คุมกำเนิดของความหลง ถ้าไม่มีสติ ความหลงก็เป็นอิสรภาพ มันก็ชอบเกิดขึ้นที่กายที่ใจเราได้เหมือนกัน บางทีมันเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือนด้วย เจ้าของกายเจ้าของใจด้วย เราจึงต้องจำเป็นมาก ๆ
หลวงพ่อได้รับจดหมายหลายฉบับ เมื่ออยู่วัดนี้มันดี คิดว่าจะไปสู้กับโลกได้ เมื่อออกไปแล้วก็ยังไม่ไปถึงไหนเลย ความชั่วความทุกข์เกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อมันมีความชั่วความทุกข์เกิดขึ้นจึงค่อยแก้ไข อันนั้นก็เหมือนหาเช้ากินค่ำ หาวันนี้กินวันนี้ ถ้าจะเป็นคนอาชีพมีฐานะก็ยังจนอยู่ยังไม่เป็นผู้มีที่จะกิน ถ้าหาแล้วจึงค่อยได้กิน หาอยู่หากิน ไม่ใช่มีอยู่มีกิน มันจึงต้องทำให้มันมีซะจะไม่จนในความไม่ทุกข์ เราไปจนต่อความทุกข์ความหลงก็เรียกว่าจนอยู่ คนในโลกนี้แสวงหาต่าง ๆ กันไป แต่ถ้าพูดถึงการปฏิบัติแล้วไม่ต้องแสวงหาที่ใด อยู่กับเราแท้ ๆ เกิดจากการกระทำ การกระทำมันทำที่ไหน ที่กายที่ใจเรา กายเราอยู่ที่ไหน ใจอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ตรงนี้ จะอยู่ที่ไหนมันก็อยู่ด้วยกับเรา ไม่ต้องไปแสวงหา ณ ที่ใด การทำบุญก็ดี การทำความผิดก็ดี การทำความถูกก็ดี มันเกิดจากการกระทำของเรา เราแสวงหาตรงไหนกัน
หลวงพ่อก็ไปประเทศอินเดียที่เป็นศาสนาเป็นประเทศเก่าแก่ อย่างน้อยก็สี่ห้าพันปีมาแล้ว ไฟเผาศพไม่เคยมอด 5,000 ปีมาฝั่งแม่น้ำคงคา เป็นศาสนาเก่าแก่ มันเข้าสายเลือด ไม่อาศัยตนเอง อาศัยล้างบาปด้วยการอาบน้ำ ได้บุญเพราะการอ้อนวอนเทพเจ้าต่าง ๆ ทำบุญก็ทำนอกกายไปหมดเลย ทำบุญอุทิศให้พ่อให้แม่ก็ซื้ออาหารไปให้ปลากิน เพราะพ่อแม่ล้มหายตายไปเอาไปลอยอังคารในแม่น้ำคงคา เพราะว่าแม่น้ำคงคาเป็นที่เกิดของเทพเจ้า ถ้าอะไรตกไปอยู่ที่นั่นก็ถือว่าบาปก็กลายเป็นบุญ วิธีทำบุญหาบรรพบุรุษของเขาคือซื้ออาหารไปให้ปลา ปลาก็อยู่ในน้ำ
บางทีประชาชนคนเขาเวลาจะไปไหนตื่นแต่เช้าไปปลุกพระเจ้าคือไปลงอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำคงคา ไปล้างหน้า ไปดื่มน้ำคงคา เพื่อไปปลุกพระเจ้า คือน้ำให้ติดตัวเราไป ไปด้วยกันตลอดวัน กลับมาตอนเย็นมาอาบอีกมาล้างบาป ไปนอน เวลานอนไม่ได้ทำบาป เวลาตื่นขึ้นมาก็ไปปลุกเอาพระเจ้าคือแม่น้ำคงคาไปอาบน้ำเพื่อให้พระเจ้าติดตัวไปอีกเป็นวัน ๆ ทุกวันไป การอ้อนวอน การกระทำพิธีต่าง ๆ เทพเจ้าไม่รู้จะเอาองค์ไหน มากมายเหลือเกิน ใครเชื่ออะไรก็สร้างขึ้นทำเป็นรูปเอาไปไว้ในแม่น้ำคงคา ให้อยู่ในน้ำคงคา วางเป็นก้อนปูนก้อนอิฐก้อนหินไว้ บางทีก็ทำเป็นรูปหลาย ๆ รูป เขาว่าเขาได้บุญ เขาก็ว่าเขาทำถูกต้อง ถ้าเราอยู่ที่นี่เราไม่มีแม่น้ำคงคา เราจะละบาปได้ไหมเราจะทำบุญได้ไหม ต้องไปประเทศอินเดีย ต้องไปอาบแม่น้ำคงคา มันก็ไม่จำเป็น ไม่เป็นสากล ไม่เป็นสัจธรรม ถ้าความดีความชั่วอยู่นอกตัวไปมันก็ทำไม่ได้ มันต้องอยู่ในเราแท้ ๆ ล่ะ
พระพุทธเจ้าจึงสอนเรื่องกรรมฐานเนี่ย น่ารักที่สุดเลยกรรมฐานเนี่ย กรรมคือการกระทำ ฐานคือที่ตั้ง อยู่ตั้งไว้ที่ไหนทำที่ตรงไหน ก็ตั้งไว้ที่กายที่ใจเราเนี่ย เอาสติมาตั้งไว้ที่กาย มันก็มีอยู่กาย สติก็มีอยู่ มีการภาวนา ภาวนาคือขยันรู้ให้มันรู้ มากรู้ เอากายมาเป็นวัสดุอุปกรณ์ให้มันเกิดความรู้ที่กาย ดูกายอย่างเดียวมันเห็นหลายอย่าง เห็นความสุข เห็นความทุกข์ เห็นความหลง เห็นความผิด เห็นความถูก ทางกายก็มี ทางใจก็มี อะไรที่มันเกิดขึ้นตามชื่อต่าง ๆ ตามสมมติต่าง ๆ เราก็นึกว่าเราเข้าไปเป็นตามอาการต่าง ๆ เป็นสุขเป็นทุกข์ พอใจ ไม่พอใจ กายมันก็มีอายตนะ มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีจิตมีใจภายใน แล้วก็มีภายนอกเข้ามาเป็นคู่กัน มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ต่าง ๆ มันก็ก่อให้เกิดความยาวออกไป สัมผัสก็ไปแก้ตรงนั้นก็พอได้ สัมผัสสชาเวทนา แก้สัมผัสสักแต่ว่าก็พอได้อยู่ เห็นอะไรก็ไปทำสิ่งนั้น ไม่ต้องทำได้ไหม ให้มันเสร็จไปซะรู้แล้วเท่านี้ก็พอ มันสุขก็รู้แล้ว มันทุกข์ก็รู้แล้ว มันพอใจก็รู้แล้ว มันไม่พอใจก็รู้แล้ว ไม่ใช่ไปทำอะไร มันก็ง่าย ๆ แต่เราก็ทำยากเพราะทำไม่ถูกขั้นตอน
บางทีก็ต้องอดเวลามันโกรธเวลามันทุกข์ ไปอดไปทน ต้องหลบต้องหลีก ต้องละต้องเว้น ไม่เห็นกิเลสเป็นการดี หนีไป หลับหูหลับตา เมื่อจำเป็นต้องเห็น ไม่พูดเสียเลยเป็นการดี ก็ไปแก้แบบนั้น เมื่อจำเป็นต้องพูดก็พูดแบบมีสติ เป็นการดี มันก็มีแต่การบ้านถ้าเราทำให้มันเสร็จซะ มันก็เพียงแต่รู้แล้ว รู้แล้ว ไม่มีอะไรที่จะไม่รู้ สิ่งที่มันรู้อย่างนี้เรียกว่าปัญญา มันรู้จากกองสังขารที่ตั้งอยู่ในกาย มันตั้งอยู่ในใจของเรา รู้หมด รู้ครบรู้ถ้วน ก็ทำงานจบลง มันจบเป็น มีความทุกข์ก็จบเป็น ความสุขก็จบเป็น ความอะไรต่าง ๆ ปัญหาอะไรต่าง ๆ มันจบเป็น ไม่ใช่มีปัญหา มันไม่ใช่เป็นทาส มันไม่เป็นจำเลยใคร ถ้าเราไม่รู้เราก็เป็นจำเลย ความหลงเป็นโจทย์เป็นเจ้าของ ความทุกข์เป็นเจ้าของ ความโกรธความโลภความหลงเป็นเจ้าของเรา รับใช้เขา ความวิตกกังวลความเศร้าหมองเป็นเจ้าของเราแล้วแต่เขาจะใช้เราอย่างไร เราก็ไปตามเขาบังคับผลักไส เรียกว่าทาสขี้ข้าก็ว่าได้ ต้องเป็นไท ต้องอิสระ ไม่ต้องเป็นมีสิทธิที่ไม่ต้องเป็น ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องโลภ ไม่ต้องหลง ไม่ต้องพอใจ ไม่ต้องไม่พอใจ เราเป็นอิสระของเรา เราจึงมาอาศัยการฝึกหัดตัวเอง ไม่ใช่การไปอ้อนวอนขอร้องอันอื่น
แม้หลวงพ่อเป็นผู้สอนธรรมะ คนก็มาอาศัย อาศัยแบบใด บางคนจะไปเมืองนอกเขาก็มาให้เราผูกฝ้ายผูกแขนให้ หลวงพ่อเอาธรรมให้เขา เขาก็ยังอยากได้ฝ้ายอยากให้ผูกแขน มันอยู่กับการกระทำ มันก็ยังไม่เอา จะเอาฝ้ายผูกแขน บางคนก็ขอรดน้ำมนต์ บางคนก็ทำอะไรต่าง ๆ ที่ให้เป็นวัตถุ ทั้ง ๆ ที่วัตถุเหล่านั้นมันไม่ช่วยเราได้ เราบอกว่าฝ้ายผูกแขนเนี้ย เวลาฝ้ายผูกแขนอยู่กับเธอ เธอก็ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องหลง ถ้าโกรธทีไรก็ฝ้ายผูกแขนอยู่ตรงนี้ก็พอได้ โกรธไม่ได้นะ ทุกข์ไม่ได้ ทำชั่วไม่ได้นะฝ้ายผูกแขน ถ้าทำชั่วอยู่ไม่ผูกให้นะ ถ้ายังทุกข์อยู่ไม่ผูกให้ ต้องหมดไปเดี๋ยวนี้ รู้เดี๋ยวนี้ มันก็ยังทำไม่เป็น ยังทำผิดทำชั่วอยู่ ยังทุกข์อยู่ ขับรถขับเรือก็ยังไม่มีสติ เราจึงไม่ควรยากอย่างนั้น มันง่าย ๆ การปฏิบัติธรรม เราจึงหัดตัวเรา ถ้าไม่หัดมันไม่เป็น ไม่ใช่ไปเรียนให้ไปเกิดความรู้ มาทำให้มันเป็น ถ้ามันเป็นแล้วมันไม่ลืม มันเห็น มันรู้มันเห็น มันพบมันเห็น อะไรที่มันเกิดขึ้นกับกายกับใจเห็นหมดไม่มีอันไหนปิดบังอำพราง รู้หมด รู้ครบรู้ถ้วน อย่างนี้เรียกว่าปฏิบัติธรรม อย่าไปทำอย่างอื่น ตรงเข้ามา ลัดเข้ามา มันจะเสียเวลา
แม้วิธีการสอนปฏิบัติธรรมในเมืองไทยก็มีหลายสำนักหลายครูบาอาจารย์ ก็ไปศึกษาเอา ถ้าใครสอนอันใดให้ไปพึ่งอันอื่นให้ฟังหูไว้หูก่อน ต้องให้มันเกิดขึ้นจากตัวเรา ไม่ใช่ปฏิเสธอะไรทั้งหมด มันมี ปฏิเสธไม่ได้ กายมันก็มี ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกายก็มีเรารู้ มันจบแล้วถ้าไปอาศัยอันอื่นอันอื่นมาช่วยเราถือว่ายังไม่ใช่สัจธรรม เป็นสมมติบัญญัติ สมมติบัญญัตินี่พอใช้ได้แต่ไม่ดีมาก เหมือนเราเขียนคัดลายมือไปตรวจ ตัวอาจารย์บอกว่าพอใช้ได้เพราะว่ายังไม่สวย ถ้าเราคัดให้มันสวยขึ้นดีมาก ดีที่สุดถ้าเป็นนักธรรม สมัยก่อนเป็นสามเณร ถ้าตอบปัญหาที่อาจารย์เขียนมาให้ตอบ เป็นปัญหาให้เราตอบ ให้ ห เดียว เรียกว่ายังไม่ดี ถ้าให้ 3 ห เรียกว่าดีมากแล้ว การปฏิบัติธรรมให้มันถึงกับยกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้าไหว้ตัวเองได้จะไหว้คนอื่นได้ง่ายดาย เคารพทุกอย่าง เคารพคนชั่ว เคารพคนดี รู้จักหลบรู้จักหลีก การเคารพไม่ใช่รังเกียจ การปฏิเสธไม่ใช่รังเกียจ เราเคารพเราไม่ทำเหมือนเขา เราเคารพเราทำเหมือนเขา เลือกได้ เลือกทำได้ ในโลกนี้มีสิ่งที่ให้เราเลือกเยอะแยะ ประสบการณ์เยอะแยะมากมาย ก็อยู่ที่เราแท้ ๆ แหละการปฏิบัติธรรมเนี่ย เป็นกอบเป็นกำขึ้นมา
แต่ว่าวิธีเนี้ยวิธีที่สร้างความรู้สึกตัวถ้าทำไม่ถูกเป็นทุกขาปฏิปทา มันก็ยากเหมือนเราไม่รู้อะไรที่มันควรจะรู้ ไม่รู้ตะพึดตะพือ ไม่ค่อยใส่ใจ มันก็ยากอยู่ พอเราทำลงไป สร้างจังหวะลงไป เดินจงกรมลงไป อะไรมันรุมเข้ามา ไปแก้ ไปแก้ ความคิดบ้างความทุกข์บ้าง ความง่วงเหงาหาวนอนบ้าง ปัญหาที่มันเกิดขึ้นคอยจะแก้ หาคำตอบ ทำไม ทำไม ไม่ได้อะไรเลย วันนี้ดี วันนี้ไม่ดี อย่างนั้นมันยาก ถ้าทำลงไปมีสติเนี่ยมันไม่มีอะไรยากเลย รู้เท่านั้นก็พอ มันง่วงก็รู้แล้ว ไม่ใช่พอง่วงจะเป็นการแก้ รู้แล้ว มันคิดไปก็รู้แล้ว มันทุกข์ก็รู้แล้ว มันสุขก็รู้แล้ว มีประโยชน์ทั้งความผิด มีประโยชน์ทั้งความถูก ตัวรู้ตัวนี้นะ เอามาเป็นตัวรู้ทั้งหมดเลย มันทุกข์ก็รู้ได้ประโยชน์ มันหลงก็รู้ ไม่เสียหายสตินี้มันขนาดนั้นล่ะมันสุขก็รู้เนี่ยสติตัวนี้ ไม่ใช่เป็นอันอื่นไป มันทุกข์ก็รู้คือสติ มันหลงก็รู้คือสติมันอะไรเกิดขึ้นก็ตามคือสติคือรู้สึกตัวคือรู้สึกตัวมันจึงง่ายๆ นะ
หลวงพ่อเคยปฏิบัติธรรม ประสบการณ์กับการปฏิบัติธรรมของตนเองเนี่ยมันก็ไม่ใช่ซื่อบื้อนะ มันได้ศึกษาอะไรมาต่าง ๆ มันก็หาคำตอบ หาเหตุหาผล ว่าเอาความชอบเอาความไม่ชอบไปต่อรองกับอะไรต่าง ๆ เสียเวลามาก ความชอบความไม่ชอบไม่ใช่ตัวรู้ ตัวรู้มันไม่มีอันตัวชอบไม่ชอบ มันมีแต่ตัวรู้เท่านั้นมีแต่ตัวรู้เท่านั้น มันต้องเป็นตัวรู้อันเดียว ใครจะแก้อะไรก็ตาม ไม่ให้คนอื่นแก้ เราแก้เอาเอง เรารู้ เรารู้ มันหลงก็รู้ ไม่ได้ทำอะไร มันผิดก็รู้ มันถูกก็รู้ มันทุกข์ก็รู้ เพราะเรารู้ ทำไมจึงมีตัวรู้ เพราะเรารู้ ไม่ได้เป็นอะไร ก็ง่ายเข้ามา เอา! เราเดินจงกรมเราก็รู้เนี่ย เวลามันผิดเราก็รู้ เวลามันเกิดคิดขึ้นมาทางใดทางไหนทางอะไรก็ตาม เรารู้ ไม่เสียหาย มันไม่เหมือนเราขุดดินทำไร่ทำนา อันนั้นมันก็มันทำเสร็จเป็น ต้องมีการกระทำ แล้วดำนานี่ถ้าแปลงใหญ่ก็ต้องรีบสักหน่อยต้องใช้เวลามากต้องขยันมันก็เสร็จเป็นแปลง ๆ ไป
ขุดดินก็ได้หลุมหนึ่ง เมตรหนึ่ง ยาวหนึ่งเมตร ลึกหนึ่งเมตร ได้หลุมหนึ่งมันก็เสร็จได้เงินไปเท่ากัน สมมติว่าหลุมละ 70 บาท คนหนึ่งขุดเพื่ออยากได้เงิน คนหนึ่งขุดเฉย ๆ แล้วก็แล้วเหมือนกัน เงินก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องอยากได้มัน เงิน มันก็ได้เหมือนกันถ้ามันเสร็จนะ แต่บางคนก็ขุดเพื่อความอยาก จะเอาให้ได้ จะเอาให้เสร็จ กูจะได้เงิน 70 บาทกูจะได้เงิน 70บาท ทั้งขุดทั้งคิดอยาก หิว อยากได้ มันก็อาจจะกินแรงทั้งสองทางทั้งกายทั้งใจด้วย ถ้าคนขุดก็ร้องเพลงไปทำไป เหนื่อยก็ไม่เป็นไร ร้อนไม่เป็นไร หนักไม่เป็นไร ทำสบาย มันก็ง่ายกว่ากัน แม้ตากแดดอากาศอุณหภูมิเท่ากันแต่การสิ้นพลังงานอาจจะต่างกัน ก็คิดว่ายากกว่าจะได้เงิน 70 บาท เราไม่ใช่ไปเอาอันนั้นมาเป็นผล เราทำไป เราทำไป อันบุญอันกุศลมรรคผลนิพพานไม่ใช่เงิน 70 บาท มันทำไป มันรู้ไป มันได้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ขุดเสร็จแล้วจึงจะได้เงิน พอมันรู้ก็ได้แล้ว ยกมือขึ้นก็ได้แล้ว ถ้ามันหลงก็รู้ก็ได้แล้ว ไม่มีเสียหายตรงไหนเลย มันจึงพอใจในการบอกการสอน ผู้ปฏิบัติก็ควรที่จะพอใจอย่างมากเลย มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ การปฏิบัติธรรม จึงไม่ต้องจำเป็นต้องมีพิธีหาอะไรเตรียมอะไรต่าง ๆ มากมาย เอาอายุ เอาความหนุ่ม เอาความแก่ เอาความรู้ เอาความไม่รู้เอาเพศเอาวัยไม่ต้องเลย เท่า ๆ กัน ชีวิตของเราเท่า ๆ กัน อันตัวรู้ก็เท่ากัน อยู่กับพระสงฆ์องค์เจ้าก็เหมือนกัน อยู่กับเราก็เหมือนกัน อยู่กับพระพุทธเจ้าก็อันเดียวกันกับเราทุกวันนี้ แม้ผ่านมาแล้วสองสามพันปีก็อันเดียวกัน แล้วจะไปกลัวอะไร
เราจึงควรมีสถานที่อย่างนี้บ้าง มีพระสงฆ์ มีผู้ดูแล มีผู้ชักชวน มีผู้พูดมานั่งพูดอยู่ตรงนี้ มีเสียงภาษาสื่อภาษาก็รู้กัน จะเอาอะไรอีกพวกเรา นี่คือประเทศไทย ไม่ใช่พาพวกท่านไปว่ายน้ำเจ้าพระยา เอา! จะให้อาบน้ำเจ้าพระยา มีโยมอนุเคราะห์เรา น้ำมันประเทศเขา 60 บาทต่อลิตรน่ะ ของเราก็ 30 บาท 31 บาท แพงมาก ไปไม่ได้ เมืองที่หลวงพ่อไปเป็นเมืองปัญหาชายแดนระหว่างปากีสถานกับอินเดีย มีแต่ทหารจับปืนจ้องกันอยู่ทุกตารางวาก็ว่าได้ เวลาเราจะบินขึ้นอยู่สนามบิน ติดอยู่ในสนามบินเป็นชั่วโมงเครื่องบินทหารขึ้นปานแมลงเม่า เราก็ไม่มีโอกาสบิน ติดอยู่ตรงนั้น ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เพราะไม่มีธรรมะ ต้องฆ่ากัน ต้องเอาชนะกัน ของกูของมึง
แคว้นแคชเมียร์เนี่ยเมืองแคชเมียร์เป็นเมืองที่มีทรัพยากรมาก มีป่าไม้ เป็นเมืองท่องเที่ยวสวยงามที่สุด เป็นเมืองแห่งความงาม ปากีสถานก็อยากได้ อินเดียก็อยากได้ ก็เลยแย่งกัน เจรจากันแล้วก็ไม่เอา สร้างศาสตราอาวุธแข่งขันกัน ระหว่างปากีสถานกับอินเดียมีปรมาณูนิวเคลียร์เพื่อจะประหัตประหารกัน เอาชนะกันด้วยกำลัง มีปัญญาหาฆ่ากันโดยวิธีใดวิธีหนึ่งมันไม่เป็นขนาดนั้นคนเรา น่าสงสาร น่าสงสารแถะหนอ คนอินเดียก็เหมือนคนไทย คือมีขาสองแขนสอง มีกายมีใจ มีความอะไรเหมือน ๆ กัน ไม่ควรจะไปคิดแบบนั้น น่าจะสงสารกัน ไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องสร้างศาสตราอาวุธมาประหัตประหารกัน ชาวบ้านที่นั่นเป็นโรคประสาทเป็นโรคเครียด อายุไม่ยืน เขาเครียดเพราะว่าลูกชายเขานี่เขาไปเป็นทหารตายกันหมด เป็นเมืองแม่ม่าย คนก็เครียด อายุสั้น เพราะคนเราสร้างปัญหาขึ้นมา
ถ้าเราไม่สร้างปัญหาขึ้นมามันก็ไม่มีอะไร ถ้าจะพูดถึงความสงสารที่เป็นสัตว์ในโลกนี้คือมนุษย์คนเราเป็นสัตว์ที่น่าสงสารมาก น่าสงสารจริง ๆ ไปทางไหนก็ระวัง ออกจากบ้านก็กลัวอันตรายมองหน้ามองหลัง มองซ้ายมองขวา หลายอย่างที่ทำให้เราผิด บางทีมีรถมีรา เดี๋ยวนี้ก็มีถึงกับพิษในน้ำ ในดิน ในอากาศ อาหารการกินก็มีพิษ ไม่เหมือนกับสัตว์อันอื่น เคยเห็นเหยี่ยวบินอยู่ท้องฟ้า มืดเลย เหมือนลมหัวกุดพัดใบไม้ขึ้นท้องฟ้า บินเขาก็เจื้อยแจ้วเขาสนุกสนานกว่าเรานะ ปลาในน้ำทะเลสาบ โฉบเอาไปกิน แต่คนเรานี่โอ้ย! รับจ้างหาอยู่หากิน จะอยู่จะกินก็ลำบากแล้วยังไประวังโทษภัยอะไรต่าง ๆ เข่นฆ่ากัน เหมือนคนภาคใต้เราถ้าเห็นใครจากไหนขี่รถแซงหน้าแซงหลังก็ระวังนะ ไม่ควรเป็นอย่างนั้น มาสงสารกัน เอาเมตตาสงสารกัน มันก็ไม่ยากดอก เปลี่ยนความโกรธซะมามีเมตตาต่อกัน มามีสติเห็นโลกเขาโลกเราเหมือนกัน น่าสงสารจริง ๆ คนเหล่าเนี้ย
ขอให้ที่นี่เป็นที่ปลดปล่อยเรื่องนี้ให้มากที่สุดนะ เรามาที่นี่ให้เรามาปลดปล่อย เหมือนกับอิสิปตนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย เป็นที่ปลดปล่อยสัตว์ทั้งหลาย คนก็ไปอยู่ที่นั่น อย่าเบียดเบียนกันถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้ว สัตว์ก็อย่าเบียดเบียนเขา มีเก้ง มีกวาง มีนก มีสัตว์ต่าง ๆ อยู่ในอิสิปตนมฤคทายวัน จึงขอให้ที่นี่เหมือนที่นั่นด้วย อย่าเบียดเบียนกัน อย่าเบียดเบียนตัวเราด้วย อย่าทำให้เราเป็นทุกข์ มามีชีวิตที่บริสุทธิ์ หัดตัวเองนะ มาย้อมเอาความบริสุทธิ์ใจ เห็นหน้ากันก็สงสารกันเป็นมิตรกันทั้งหมด เป็นญาติกันทั้งหมดเลย ก็บอกใครต่อใครว่าที่นี่คือบ้านของเรา ไม่มีใครแปลกหน้า มีแต่ญาติแต่เพิ่งเห็นกัน เป็นญาติกันมาก่อนแล้ว มันจะเป็นไปได้ไหมเมืองไทยเราเนี่ยถ้ามาทำอย่างนี้หนา หลวงพ่อว่ามันเป็นไปได้ ไม่ยาก ไม่เหลือวิสัย ไม่ต้องไปสร้างอะไร สร้างตัวเราเนี้ย สร้างความเห็น ความเห็นของเรานี่ก็บอกกันด้วย ถ้าเราไม่เบียดเบียนเรา เราก็ไปสอนเขาไปบอกเขาอย่าให้เขาเบียดเบียนเขา คือเราไม่เบียดเบียนคนอื่นก็ไปบอกเขาอย่าให้เขาเบียดเบียนคนอื่นต่อ ๆ กันไป ไม่มากคนไทย 60 กว่าล้านคน คนอินเดียนี่ 1,000 กว่าล้านคน แล้วมันก็ไม่ถึงปานนั้น เอา! ถ้ามีสติ แป๊บเดียวเลยคนในโลกนี่ถ้ารู้สึกตัว ถ้าเปลี่ยนความโกรธเป็นความเมตตากรุณา ก็เปลี่ยนได้ทันที เดี๋ยวนี้วินาทีนี้ทันทีใครที่จะเป็นผู้ที่บอกกันอย่างนี้ มีไหมในโลกเนี่ย
แม้ไปอยู่ในหมู่ หลวงพ่อนี่เป็นนักบวชไปอยู่ในกลุ่มพระ เขาอ้างกันพระครูชั้นตรี พระครูชั้นโท พระครูชั้นเอก เจ้าคุณชั้นสามัญ เจ้าคุณชั้นวิสามัญ ชั้นราช เพราะอะไร เพราะทำความดีอย่างนั้นอย่างนี้ ความดีอยู่ที่ไหน สร้างวัดสร้างวาหมดเงินไปประมาณล้านหนึ่งก็ได้แล้วตำแหน่ง สองปีสามปีหมดเงินอีกล้านหนึ่งได้ตำแหน่งแล้ว เอานั่นหรือมาเป็นคุณภาพ เราไม่เป็นพระครูสักรูปอยู่เนี่ย เขาจะให้หลวงพ่อเป็นพระครูบางทีเขามาบอกหลวงพ่อมาเห็นวัดที่เราอยู่นี่ เอาพระครูชั้นพิเศษซะ โอ๊ย!ผมบ่เอาดอกผมแก่ผมเฒ่าแล้ว บ่เอาบ่ได้ พระรุ่นน้องเขาไปบ่ได้หลวงพ่อบ่เคลื่อนไปทางหน้า มันไปบ่ได้ อย่าขวางกั้นเขา ผมขวางกั้นใครนะเดี๋ยวนี่ผมลาออกแล้ว มันไปขวางกั้นก็อย่าเอาอันนั้นสิ เอาอันนี้ เอาคุณธรรมนี่ ได้ไหมพวกเราทั้งญาติทั้งโยมอุบาสกอุบาสิกาช่วยกันอย่างนี้ เนี่ยมันนึกขึ้นได้ ให้มันเกิดขึ้นไว ๆ สักหน่อย อย่าให้มันช้าเกินไป จนถึงใกล้จะตายถึงเข้ามา
อย่างคุณหมอโรคประสาทมานิมนต์หลวงพ่อไปพูดที่โรงพยาบาล ไปช่วยคนใกล้จะตาย วินาทีทองก่อนใจจะขาด ก็ดีนะ ดีกว่ามูลนิธิปอเต็กตึ๊งนะ ถ้าไปทำด้านนี้ขึ้นมา มูลนิธิปอเต๊กตึ๊งไปเก็บศพกัน ตั้งมูลนิธิขึ้นมา เราก็ต้องทำ ไปช่วยกันนะคนจะตาย หลวงพ่อยังบอกคุณหมอเลย ถ้าใครเจ็บป่วยมาก ๆ บอกหลวงพ่อด้วยยินดีมาก ๆ น่ะไปช่วยกันเอา! ตอนนั้นก็ยังช้าเกินไป เอาเดี๋ยวนี้ดีไหม มาตายก่อนตาย เอานี้สิมันดีกว่าเนาะ แม่ชีน้อยก็ยังหนุ่มยังสาวอยู่ คุณอ้วนก็ยังหนุ่มยังสาวอยู่รอให้เฒ่าให้แก่หรือ พายเถิดพ่อ อย่ารั้งรอพาย ตะวันจะสาย ตลาดจะวาย สายบัวจะเน่า ช้าไม่ได้ เดี๋ยวนี้เด้อโยมเด้อ เนี่ยยังน้อยจังสินี่ดีมาก เดี๋ยวนี้ใครมาวัดโอ้ย!มาที่นี่หลวงพ่อดีใจมาก ถ้าไม่มีใครมาก็เศร้า ๆ ใจเสียหน่อย เราไม่มีประโยชน์อะไรหนอเกิดมานี่ เป็นหนี้เป็นสินประเทศชาติมากมาย ถ้าไม่ได้บอกได้สอนให้คนเป็นคนดี มันจะใช้หนี้ได้ยังไง เราเป็นหนี้ประเทศชาติมากมาย เจ็บไข้ได้ป่วยเสียเงินเสียทอง เอาเงินภาษีอากรของคนในประเทศไปซื้อยาราคาแพง ๆ ขอใช้หนี้ด้วยสอนธรรมะ
วันนี้กีเขาโทรมาว่าพระตาย หลวงพ่อเป็นคณะผู้ปกครองเขาก็ให้ไปดู หลวงพ่อไปไม่ได้หรอกวันเนี่ยอยู่ที่วัดนี้ก่อน หลวงพ่อจะบอกให้ ก็ตรวจสอบซะเอาเจ้าอาวาสที่อยู่ตรงนั้น แล้วให้เลขาฯ องค์หนึ่ง เจ้าอาวาสองค์หนึ่ง เอาอุบาสกอุบาสิกาญาติโยมสัก 4 – 5 คน ไปตรวจทรัพย์สิน หนังสือสุทธิ สังกัดที่ไหนวัดใด บวชเมื่อไหร่ มีเงินมีทองเท่าไหร่ มีสิ่งของเท่าไหร่ บันทึกไว้ ลงลายมือลายเซ็นต์ไว้ แล้วก็ให้เก็บศพไว้เผาปีหน้าหลวงพ่อเลยบอกว่า เพราะบ้านหนองมะเขือเนี่ยเป็นปฏิบัติธรรมกันทุกปี เอาเผาในวันปฏิบัติธรรมวันสุดท้าย เอาเข้าเบ้าไว้ วิธีทำเบ้าก็อย่าไปใส่หีบที่ดี ๆ นะ ให้มันย่อยลงดินได้ มันจึงจะแห้งดี ถ้าไปใส่หีบห่อไว้มันไม่ย่อย หลวงพ่อไม่มีโอกาสไป ไม่ได้ไปหรอกวันนี้ สั่งไปก็อยากไปช่วย พระตายน่าสงส๊ารน่าสงสาร ไม่มีลูกมีหลานขอให้พระเป็นธุระนะ โยมไม่ต้องเกี่ยว ศพหลวงพ่อที่นี่เราจะดูแลเอง จะเป็นผู้ไปรับผิดชอบ เราก็ขอให้เก็บศพไว้ ไม่ต้องทำให้เศร้าหมอง คนไปเห็นแล้ว โอย! น่าสงสารหนอพระนี่ ใครเขาก็เลยไม่อยากบวชเป็นพระ ไม่เหมือนญาติโยมเนาะญาติโยมนี่โอ้ยทำบุญทำทาน แห่กันที มีรถแห่กันไป ถ้าพระนี่ก็โอ้ยน่าสงสาร หลวงพ่อยังอยากจะศพนี้ว่าจะไปทำลองดู เรียกว่าวิธีทำศพเก็บศพให้มันแห้ง มียาฉุน มีใบมะเขียบ(ใบน้อยหน่า )
บางทีก็อยากช่วยคนตาย คนเจ็บ คนยังไม่เจ็บก็อยากช่วย เพราะมันเป็นเรื่องน่าช่วยกันธรรมะนี่ ต้องเสียเงินเสียทองอะไรการช่วยกันเรื่องนี้ ได้ยินไหม ทำได้ไหม บอกอยู่นี่ รู้สึกตัวซะมันหลงมีไหม มี ถ้ามันหลงก็รู้สึกตัว มันทุกข์มีไหม มี ถ้ามันทุกข์ก็รู้สึกตัว มันยากไหม ต้องไปขอหาจากใครมาใช่ไหม ไม่ต้องขอ มันอยู่กับเรานั่นแหละ ทำได้ไหมเนี่ย มันไม่ยาก ปฏิบัติได้ ให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ยิ่งเห็นจริงสมควรกับผู้กระทำ อย่าไปอ้อนวอนขอร้อง ไปเกณฑ์ ไปประเมิน ความรู้สึกตัวไม่ต้องประเมิน ไม่ต้องรอ ก็รู้ขึ้นมาทันที ลำบากอะไรก็บอกพวกเราอยู่ที่นี้มีพระหลายรูป เราก็อยู่เสมอกันเป็นสามัญลักษณะ เท่าๆกัน ไม่ใช่เรามีฐานะต่างกัน หายใจเข้าหายใจออกเท่าๆกัน ต้องกินต้องนอน ต้องขับต้องถ่ายเท่าๆกัน ร้อนหนาวเท่าๆกัน อย่าเบียดเบียนกัน อย่าเบียดเบียนตนเอง
ให้สงสารตัวเองไว้ให้มาก ๆ คนเราถ้าสงสารตัวเองไม่เป็นก็สงสารคนอื่นได้ยาก สงสารตัวเรายังไง สงสารรูป ไปปฏิบัติธรรม สงสารรูป พอเห็นรูปเห็นนามแล้ว โอ้ย! สงสารรูป ไม่มีใครช่วยรูปสักทีเล๊ย 30 ปี น้ำตาร่วงเลย พอมารู้แล้ว โอ้ย! ไม่มีใครช่วยเจ้าหนอรูปเอ๋ย ใจก็ไม่เคยช่วยเจ้าหนอ ปล่อยให้ระเหเร่ร่อน จรจัด กลางคืนว่าฝัน กลางวันว่าคิด อะไรก็เอามาเป็นสุข อะไรเอามาเป็นทุกข์ ไม่ได้อะไรสักอย่างเลย ตั้งแต่นี้ต่อไปอันรูปก็ดีใจก็ดีจะไม่เอาไปทำชั่ว ไม่เป็นทุกข์แล้ว สงสารตัวเรา เมื่อสงสารตัวเราก็สงสารคนอื่นแล้วบาดเนี่ย สงสารคนอื่นมากที่สุดเลย อยากบอกอยากสอน อดไม่ได้ ไปแล้ว จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ไป ๆ พระพุทธเจ้าบอกพระสาวก 4 – 5 รูปเท่านั้นเอง ไปเถอะ ไปเถอะไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขแก่มหาชนแก่คนหมู่มากเพื่อโลก พวกเราไปพ้นแล้วจากบ่วงแห่งมาร จงไปบอกไปสอนเขาให้รีบสักหน่อย เราจึงทำพระพุทธรูปปางลีลา เดินจนจีวรปลิวเห็นไหม ไม่ใช่มาสอนนั่ง ต้องไปนะ นั่งก็นั่ง ไม่ใช่ขี้เกียจขี้คร้านนะ นั่งมีความเอิบอิ่มใจรู้สึกตัวนะ ไม่ใช่นั่งขี้เกียจนอนขี้เกียจนะ ตายก็ตาย หัดตายบ้าง เอาทุกอิริยาบถเลยเราเนี่ย ทุกอิริยาบถเป็นปัญญาทั้งนั้นล่ะ