แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันเนอะ กาลนี้เป็นกาลฟังธรรม การฟังธรรมตามกาลเป็นเวลาเป็นมงคลอันสูงสุด มีผู้ฟังมีผู้พูด ฟังแล้วก็ทำ พูดเรื่องกายเรื่องใจเรานี้ กรรมเกิดขึ้นอยู่ที่กายที่ใจนี้ ความผิดความถูกก็เกิดขึ้นกับที่กายที่ใจนี้ ฟังแล้วนำไปปฏิบัติ สิ่งที่ผิดทำให้เป็นสิ่งที่ถูก ง่ายๆอยู่ใกล้ตัวเรานี่เอง ไม่ใช่อยู่ชั่วโมงอื่น นาทีอื่นวินาทีอื่น เดือนอื่น ปีอื่นที่ไหน ไม่มีอกาลิโกไม่มีกาลเวลา อยู่ปัจจุบัน ผิดถูกเกิดขึ้นกับปัจจุบัน ในความผิดปัจจุบัน ในความถูกก็ปัจจุบันนั่น ที่เดียวกันนั่น เหมือนกับเปลือกตาเรา เราปิดตาก็มืด ถ้าลืมก็เห็น ความผิดความถูกง่ายๆอย่างนี้ เราต้องลืมตาเอง อย่าไปหลับ ในความคิดก็ ตอนไหนคือสติเนี่ย ลืมขึ้นมารู้สึกตัว ก็จะได้เห็นความผิด ในแง่ความผิด ได้ไม่ผิดเพราะความผิด ได้ไม่ทุกข์เพราะความทุกข์ ทันทีทันใด จึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรา ไม่ใช่เรื่องอ้อนวอน เป็นเรื่องปฏิบัติ ปฏิบัติคือเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก หรือว่าปฏิบัติให้มีความรู้ความไม่รู้ หลงเป็นหลงเรียกว่าความไม่รู้ อวิชชาปิดตาไว้ ปิดบังไว้ อวิชชาคือความหลงเป็นหลง นั่นแหละอวิชชา แม้ท่านจะรู้อะไรมา ก็ยังเป็นอวิชชาคือไม่รู้อยู่นั่นเอง ถ้าความไม่รู้เกิดขึ้น ก็เป็นวิชชาคือความรู้ นั่นคือวิชชา ความไม่รู้เป็นป่าเป็นดงรก ความรู้คือมันเป็นที่โล่งที่แจ้ง ไม่รกไม่มืด เหมือนกับแสงสว่างกับความมืดนั่นเอง ระหว่างความไม่รู้กับความรู้เนี่ย มีทุกโอกาสได้ มันมีวัตถุอาการ ให้เกิดขึ้นมาได้กับชีวิตของคนคนหนึ่งได้ มีวัตถุมีตามีหูมีจมูกมีลิ้น มีกายมีใจ มีรูปมีรสมีกลิ่นมีเสียงมีสัมผัส มีอารมณ์เป็นคู่ๆกัน หลงตรงนี้ไม่หลงก็ตรงนี้ ถ้ามีตาในจะไม่หลง ถ้าไม่มีตาในก็จะหลง มันมีอะไรซ้ำซ้อนตรงนี้ ถ้าไม่มีตาในช่วยดูแล ตาเนื้อตาใน มักจะหลงเป็นหลง ก็เลยไม่มีโอกาส ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานนี่ก็จะได้กระแส กระแสแห่งพระนิพพาน
พอเจริญสติปัฏฐานแล้วจะเห็นกระแสพระนิพพานทันที ไม่ยกเว้นใคร ไม่เกี่ยวกับเพศกับวัย กับอายุกับวรรณะ ลัทธินิกายใด ผู้เจริญสติปัฏฐาน เรียกว่าเหยียบเส้นทางก็จะเห็นทิศทางไปเลย เพราะถ้าเหยียบดู ถ้าทางถูกทาง ก็ง่ายๆไม่ขรุขระ ถ้าผิดทางก็ลุกไปเลยเข้าป่าไปเลย จุดโน้นจุดนี้ ไป ล้มลุกคลุกคลานไป สุขเป็นสุขทุกข์เป็นทุกข์ไป เราจึงเลือกได้ถ้าเราได้เหยียบทางนะ แม้แต่คนตาบอดถ้าได้สัมผัสก็รู้ เพียงไม้เท้าหรือปลายเท้าของเขา นำไปก็รู้จักว่าทางหรือไม่ใช่ทาง การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ว่าแต่สัมผัสดู สัมผัสกับความหลงเป็นอย่างไร สัมผัสกับความไม่หลงจะเป็นอย่างไร ตรงนี้ดูดีๆ ให้สัมผัสดูดีๆอย่าเพิ่งรีบร้อน ส่วนมากคนจะรีบร้อนตรงนี้ เลยไม่ค่อยเห็นทาง เหยียบผิดอยู่เรื่อยก็ผิดอยู่เรื่อย ผิดให้เป็นผิดอยู่เรื่อย ถ้าเหยียบถูกก็ถูกไปตะพรึดตะพือไป จะได้กระแสแห่งพระนิพพาน พระพุทธเจ้าก็เดินทางนี้ พระอรหันต์ทั้งหลายก็เดินทางนี้ เดินคนเดียว ไปถึงที่เดียวกัน จุดหมายปลายทางอันเดียวกัน ไปถึงที่ยังไม่ถึง และไปถึงแล้ว ก็มันไม่มีอะไร ตั้งแต่หลงคือไม่หลงเนี่ยไปไกล ไปถึงความไม่มีอะไรที่จะให้หลงในโลกนี้ จึงเป็นเรื่องสุด สุดทางที่สุดแห่งทุกข์นั่นแหละ ไม่ใช่แผ่นดินสุด สุดแผ่นดินอยู่เทพสถิต แบบนั้นไม่ใช่สุด สุดของทางถึงมรรคถึงผลนี่ ไม่มีอะไรจะทำอีก ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นอีกแล้ว แต่ก่อนสุขเป็นสุข ทุกข์เป็นทุกข์ ตัวที่ให้เป็นสุขเป็นทุกข์มันไม่มี หมดไป ตัวไม่มี แต่ก่อนตัวมันใหญ่ มีตัวตนใหญ่ เหมือนกับสุขทุกข์ก็ถูกทั้ง ๒ ทางเหมือนกับ อยู่กลางเขาควาย แต่ตัวใหญ่อยู่กลางเขาควาย ควายมี ๒ เขา แหลมทั้ง ๒ เขา แต่ตัวใหญ่ถูก สุขก็ถูกแล้วทุกข์ก็ถูกแล้ว ซ้ายก็ถูกขวาก็ถูก ถ้าสุขก็คือขวาซะ ทุกข์ก็คือซ้ายซะ สุขทั้งสองทาง ก็มันตัวใหญ่มีตัวตน ทำให้ตัวเล็กลงเวลาเราปฏิบัติธรรมสติปัฏฐานเนี่ย เล็กแน่นอน ตั้งแต่เห็นกายสักว่ากายเนี่ย ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขาเนี่ย ตัวมันเล็กลงแล้ว เห็นทีไรก็สักแต่ว่า เล็กลงเล็กลง เล็กลง สุขทุกข์เวทนาก็สักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์บุคคลไม่ใช่ตน ตัวเล็กลงอีก จิตที่มันคิดไปนั้นก็เล็กลงไม่มีตัวตน ถ้าจะให้ความสุขความทุกข์ความคิด ไม่มีอีก เล็กลง เล็กลงไป ธรรมทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นมา จากรูป จากนาม ก็เป็นสักว่าธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ความเสื่อม ความเจริญ ความแก่ความเจ็บ ความตาย ความสุข ความทุกข์พวกนั้นน่ะ ความโกรธ โลภ หลงอย่างนั้นน่ะ มันก็เล็กลงไม่มี ไม่มีจิตตนที่เป็นสุขไม่มีตนที่เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนที่ให้มีความแก่ความเจ็บความตาย มันหมดไปแล้วตัวตนเนี่ย นี่ว่าเข้าพิมพ์เพื่อจะหล่อ พิมพ์อันนี้หล่อชีวิต ให้เป็นพระอริยบุคคล ชั้นใดชั้นหนึ่งได้ ถ้าเข้าพิมพ์นะ ถ้าไม่เข้าพิมพ์ก็ยังเป็นเดนอยู่ เหมือนหล่อเสาหล่อพระพุทธรูป ถ้าปูนไม่เข้าพิมพ์ก็เป็นเดนเป็นเศษไป แต่ปูนอันใดเข้าไปอยู่ในพิมพ์ก็เป็นรูปของพระ รูปของต้นเสา จะเป็นกลมเป็นเหลี่ยมได้ กลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง แล้วจึงมาเข้าพิมพ์กัน วิธีการปฏิบัติธรรมในการเข้าสู่พิมพ์ ให้เป็นพระ ต้องเข้าเอง เห็นกายสักแต่ว่ากาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา มีอยู่จริงกายนี้ แต่ก่อนอาการเกิดกับกายเป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นกิเลสตัณหาเป็นโลภ โกรธ หลงเยอะแยะไปเลย ให้กายไปต่อเป็นภพเป็นภูมิต่างๆ มีกายอย่างเดียวไปไกล ไปถึงเดรัจฉาน สัตว์นรก อสูรกาย เปรต ไปโน่น ภพภูมิที่เกิดจากกาย ภพภูมิที่เกิดจากเวทนาที่เป็นสุขเป็นทุกข์นั่นก็ไปสู่อบายภูมิเช่นเดียวกัน ไปทางต่ำ ภพภูมิที่เกิดจากความคิด ก็ไปสู่อบายไปทางต่ำ ภพภูมิที่เกิดจากธรรมทั้งหลายไปยึดว่าตัวว่าตนนั่นก็ไปทางต่ำ เหมือนน้ำไหลลงจากที่สูงสู่ที่ต่ำ ต้องทวนกระแสเป็นกายสักว่ากายเนี่ย มันทวนไปแล้วขึ้นสูง เป็นกายสักว่ากายไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา นี่เป็นมนุษย์ขึ้นมาไปสูงๆ
แต่เห็นกายเป็นตัวเป็นตน เป็นคนปนเปกันไป เห็นเวทนา เห็นความคิด เนี่ยมันเป็นมนุษย์ ขึ้นมา มันต้องเป็นสัตว์ประเสริฐเป็นพระได้ และเป็นมนุษย์ ถ้าเป็นคนเป็นพระไม่ได้ สุขเป็นสุขทุกข์เป็นทุกข์เป็นพระไม่ได้ พระรัตนตรัยและเป็นพระสมมตินี่ ก็เป็นได้ ตามสมมุติบัญญัติ ออกบวช ตามการสวดญัตติจตุตถกรรมยกขึ้นมาตามสมมุติ ตรงนี้ เอวะ เมตัง กัลละยา มาถึงตรงนี้ก็เป็นพระได้แล้ว นั่นเป็นพระสงฆ์สมมุติ ไม่ใช่สงฆ์พระอริยะสงฆ์พระรัตนตรัย นั่นมันอยู่ตรงนี้ทุกคนทำได้ ทุกคนปฏิบัติได้ ทุกคนให้ผลได้ ไม่มีใครทำไม่ได้ ถ้าทำจิตให้ดีๆให้ปราณีตให้แยบคายดีๆ จะได้ประโยชน์มาก ได้ประโยชน์จากความผิดได้ประโยชน์ ได้เป็นความถูก ได้ความไม่ทุกข์เพราะความทุกข์ มีประโยชน์ที่มันเกิดขึ้นมา ถ้าไม่มีทุกข์มันก็ไม่มีความไม่ทุกข์ เห็นความทุกข์ชื่อว่าเห็นอันประเสริฐ ในหลักอริยสัจ ๔ เห็นความทุกข์เรารู้แล้วนั่นน่ะ เห็นความทุกข์รู้ได้แล้ว กำหนดรู้ได้แล้ว เห็นเหตุให้เกิดทุกข์ ละได้แล้วนั่นน่ะ เห็นนิโรธคือความหลุดพ้น ทำให้หลุดพ้นได้แล้ว แจ้งแล้ว ทำได้มากแล้วเจริญแล้วด้วยมรรค นี่แหละเห็นของจริงอันประเสริฐคือ เห็นอริยสัจ เห็นอริยมรรคนั่นน่ะ ทำไปแล้ว นี่เห็นของประเสริฐ เห็นงูจึงจะพ้นจากงูได้ พ้นแล้วจริงๆ แต่ก่อนงูอยู่ใกล้หน้าแข้งนี่ บัดนี้ไม่อยู่ใกล้แล้ว อยู่คนละที่ เราไม่มีทางที่ถูกงูกัด ชื่อว่างูที่มีพิษเห็นหมด แต่ก่อนเนี่ย เพียงแต่คิด กัดตอดตัวเองก็เจ็บปวด เจ็บปวดเพราะความคิด น้ำตาไหลเพราะความคิด นอนไม่หลับเพราะความคิด กินไม่ได้เพราะความคิด นั่นแหละคนไม่เห็นงู งูกัดเอา เห็นกงจักรเป็นดอกบัวเจ็บปวดอยู่ก็ยังเอามาคิดอยู่ เอากงจักรหมุนหัวตัวเอง พวกสัตว์นรก พวกเดรัจฉาน พวกอสูรกาย ไม่มีปัญญา โง่ โง่จนอมทุกข์ มีเพื่อนไปบอก โกรธแต่เพื่อนเอ้ย แล้วบอกว่าไม่โกรธไม่ได้ มันว่าเราอย่างนั้นมันว่าเราอย่างนี้ เอาคำว่าที่มันหายไปนานแล้ว ข้ามวันข้ามคืนมาแล้วยังเอามาทิ่มมาแทงตัวเองอยู่ นั่นคือมันโง่ โง่ขนาดนั้น เขามีภูมิของเขา เขาเสวยวิบากของเขา เพื่อนช่วยก็ไม่ขึ้นมา เหมือนกับพวกสัตว์นรก เขาอยู่ในคูถ พวกเทวดาเขาขึ้นมาแล้ว จะดึงขึ้นมาก็ไม่ขึ้น เหมือนหนอนอยู่ในคูถ เขี่ยขึ้นมาก็มุดลงไปอีกไม่ยอมขึ้น เห็นว่าความทุกข์มันเป็นชีวิตของเขา จึงทำตามความทุกข์ หมดไปเลยชีวิตทั้งชีวิต ความดีก็เคยมีแต่ว่ากลบเกลื่อนไปหมดเลย เหมือนบ้านสร้างมาดี พอไฟเผาทีนึงก็ไหม้ไปหมดเลย ความทุกข์ก็เหมือนกัน ความดีมีเยอะแยะ ความดีที่มีเยอะแยะหมดไปเลย มันกรรมหนักเป็นครุกรรม กรรมหนัก กรรมตามทัน กรรมบีบคั้น ต้องยอมตามกรรมนั้น รับใช้กรรม ไปเสวยอยู่ในภูมิอันต่ำ ไม่เจริญ น่ากลัวนะ ขนหัวลุกนะ เพียงแต่คิดก็เป็นทุกข์ ขนหัวลุกนะ มันไม่มีตัวมีตนอะไร ตาเห็นรูปก็ทุกข์ สุขไปแล้ว ให้อันอื่นหอบหิ้วชีวิตเราไป ดีๆมีอยู่ไม่ไป ไม่ปฏิบัติดี ไม่ปฏิบัติตรง ไม่ปฏิบัติออกจากทุกข์ ไม่ปฏิบัติ เป็นสถาบัน ไม่ได้หลักตรงนี้ ตะเปะตะปะไป โทษโน่นโทษนี่ไป อ้างถึงบุญวาสนาไป เปรียบเทียบตัวเอง เป็นปมด้อย สำคัญว่าเราเลวกว่าเขา เขาดีกว่าเรา เป็นทิฐิมานะ มานะทิฐิ เราเลวกว่าเขา เขาดีกว่าเรา เราสู้เขาไม่ได้เขาชนะเรา ยอมเป็นปมด้อย ทำดีได้ยาก แต่ทำชั่วได้ง่าย เกินคนอื่น
นี่บางชีวิตเป็นอย่างนั้นเป็นจริตนิสัย น่ากลัวชีวิตถ้าเราไม่ศึกษาไม่ปฏิบัติน่ะ ชาติทั้งชาตินี่ เสียไปเลย ทั้งๆมีสิ่งแวดล้อมมีหลักมีธรรมที่ต้องทำอยู่ไม่ทำไปทางอื่นไป เหมือนกับที่ว่าคนเนี่ย ปนเปกันไป ไม่ค่อยเรียบร้อย หลงเป็นหลงเนี่ย อยู่เช่นนั้น ไม่ได้บทเรียนจากตรงนี้ เราจึงมาตั้งต้นตรงนี้ดีๆ ตั้งต้นให้ดีๆ อย่าประมาท ได้ประโยชน์ พอจะเป็นการเจริญให้เร็วไวเพิ่มขึ้น ได้เห็นเส้นเห็นทางก้าวไป ข้ามไป ข้ามไปข้ามไป ชาวบ้านน่ะเหมือนคนเดินทาง เหมือนม้ามีฝีเท้าดี ก็ย่อมทิ้งม้าที่ไม่มีฝีเท้าดี อัปปะมัตโต ปะมัตเตสุ สุตเตสุ พหุชาคะโร อะพะลัสสังวะ สีฆัสโส หิตะวา ยาติ สุเมธะโส ผู้ไม่ประมาท ไม่ประมาทในเมื่อผู้อื่นประมาท เขาหลงเราไม่หลงเนี่ยแหละ ตื่นอยู่ในเมื่อผู้อื่นหลับ เขาหลับเขามืดเขาบอดอยู่เขาทุกข์อยู่ เราตื่นแล้ว ย่อมละความโง่ไปไกล นั่นเขาโง่ เหมือนม้ามีฝีเท้าดีละม้าที่ไม่มีกำลังฉันนั้น มันต่างกันตรงนี้ต่างกันที่กรรมการกระทำเนี่ย และกรรมนี้ทำได้ ปฏิบัติได้ให้ผลได้ มีสิทธินะ เราก็ชีวิตหนึ่ง ยิ่งพวกเราก็อยู่ด้วยกันก็น่าจะเอาเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี มีเพื่อนดี มิตรดีสหายดี ผู้แวดล้อมดี ก็น่าจะมีประโยชน์มีกำลังใจ นอกจากมิตรดีเพื่อนดีสหายดี มีสิ่งแวดล้อมดี มีวัดป่าสุคะโต มีสถานที่ ศาลาหน้า เป็นเขตคามวาสีเขตบ้าน ข้ามสะพานมา เป็นเขตอรัญวาสีเป็นเขตป่า ใกล้ๆแค่นี้สามารถใช้ได้และก็มาใช้แล้ว มาถึงแล้ว มีในโลก ในประเทศไทยและมีวิธีปฏิบัติ มีคำสอน ไม่มีใครหลอกลวงกัน มีผู้บอกมีผู้สอนมีคนเป็นมิตรเป็นเพื่อน มีสิทธิที่จะอยู่ที่นี่ได้ มีบ้านให้อยู่ มีข้าวให้กิน มีโรงอาหารอย่างดี โรงอาหาร โรงทานวัดป่าสุคะโตเนี่ย ไม่มีที่ใดเปรียบเทียบได้ สะอาดเครื่องใช้ไม้สอยมีแต่สแตนเลส เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ เราทำไว้เพื่อให้สะดวกปลอดภัยแก่ผู้มาใช้ เดินเข้ามา มีหอไตรสะดวกในการใช้ ไม่กรำแดดกรำฝน ไม่ลำบาก ห้องน้ำห้องส้วม มีสวนป่า สวนป่าเลไลยกะ สวนป่ายังเป็นระเบียบ เหมือนบอกเราอยู่ ไปคิดอะไร คุณพี่ คุณแม่ คิดอะไรน้อง อยู่นิ่งๆเหมือนฉันนี่ ไปลำบากอะไร ก็บอกไปกอดต้นไม้ดูสักต้น มีลานธรรม หินโค้ง มีสิ่งแวดล้อม เสมาธรรมจักร เป็นสวนดอกไม้ มีพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก มีพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ เขาสร้างมาให้ สิ่งแวดล้อมดี มีอนุสาวรีย์หลักปฏิบัติธรรมหลักสติปัฏฐานสูตร 14 ท่า แต่ละท่าทุกวินาทีสามารถนำไปปฏิบัติได้ ยกมือเคลื่อนไหวครั้งละวินาที รู้ทุกวินาทีเป็นอนุสาวรีย์ให้เห็น ไม่ใช่มืดบอด ไม่ใช่สุ่มหา เอาอย่างอนุสาวรีย์นั่นน่ะ รู้สึกตัวเนี่ย มีทางเดิน 400 ก้าว เป็นล้อมกลม รอบลานธรรมนั้น สามารถใช้ประโยชน์พึ่งตนสอนตนได้ ไม่ลำบากมีทางเดินจงกรม 180 เส้น อาจารย์ทรงศีลทำไปขึ้นมา ลานธรรม มีเป็นพระรัตนตรัย เดินผ่านเข้าไปก็เห็นหลวงพ่อเทียน วิธีสอน มีสติรู้กายเคลื่อนไหว เห็นใจมันคิด นั่นน่ะสรุปลงมาแล้ว เชือกขาดตรงนี้ ขาดแล้ว ไม่ใช่เป็นสุขเป็นทุกข์ความคิดขาดไปแล้ว สุขเมื่อเป็นสุขทุกข์เมื่อเป็นทุกข์ขาดไปแล้ว จะให้เป็นสุขเป็นทุกข์มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องรู้ เดินเข้ามาอีกก็เห็นลานหินโค้ง เห็นเสมาธรรมจักรเป็นพระธรรมเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระไตรปิฎกเป็นคำสอน เป็นพระพุทธเจ้า เรียกพระรัตนตรัยสมบูรณ์อยู่ที่นั่น ไปอยู่ที่ไหนคิดเห็นที่นี่ก็อุ่นใจ มีสิ่งแวดล้อมก็ดี เพื่อนก็ดี ถึงคราวที่แก่ก็พ้นจากความแก่ได้ ถึงคราวที่เจ็บก็พ้นจากความเจ็บ ถึงคราวที่ต้องตายก็พ้นจากความตาย ถึงคราวที่เศร้าโศกก็พ้นจากความเศร้าโศกได้ มิตรดีเพื่อนดีสหายดี ผู้แวดล้อมดี สิ่งแวดล้อมดี มีเขตอุบาสิกา มีเขตพระอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่เปลี่ยวเดียวดาย พอเดินไปมาหาสู่กันได้ ถ้าหนาวก็มีผ้าห่ม ไม่ทอดไม่ทิ้งกัน อยู่มัน 200 ปี พวกเรานะเดือดร้อนอะไร วัดนี้ดีอย่างนี้ หลวงพ่อไม่อยากตาย หลวงตาก็ไม่ทันอยากตาย อยากอยู่เป็นเพื่อนอยากอยู่ดูแล แต่ถ้าเพื่อนไม่ดีนั้น ก็อยากจะตาย ลำบาก อยากมีเพื่อนดี ญาติโยมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี ผู้แวดล้อมก็ดี บางทีเราก็เห็นภาพเดินจงกรมเห็นภาพทำความดี ไม่ใช่เราไปหายากอะไร ไม่แต่เราคนอื่นเขาก็ทำอยู่เหมือนกันเนี่ย เราเดินจงกรมคนอื่นก็เดินเป็นเพื่อนอยู่เนี่ย มีคนหนุ่มคนแก่ มีพระมีสงฆ์มีแม่ชีมีอุบาสกอุบาสิกา ก็ถือว่าพร้อมแล้ว ที่เราจะมาใช้ปฏิบัติ ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่เอาเปรียบกัน มีอะไรก็แบ่งกันอยู่กันกินอย่างเนี้ย แล้วก็มีธรรมด้วยยิ่งอุ่นใจ ปฏิบัติตามธรรม ธรรมนำพา มีสติ สติก็จะพาไป สามารถใช้ได้ในความหลงทุกประเภท ทุกกรณี มีสติอยู่ทุกๆกรณีในโลกนี้ แม้จะมีความแก่ ความเจ็บความตายก็ มีสติอยู่ ไม่ได้แก่เพราะความแก่ ไม่ได้เจ็บเพราะความเจ็บ ไม่ได้ตายเพราะความตาย จริงๆเนี่ยมีธรรมเนี่ย ธรรมนำพา ผู้มีธรรมธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิตย์ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมไม่ตกไปในที่ชั่ว เป็นอย่างนี้จริงๆ ทุกข์ไม่ได้ ศีลมาช่วย ทุกข์ไม่ได้ สมาธิมาช่วย ทุกข์ไม่ได้ ปัญญามาช่วย มรรคผลนิพพานมาช่วย เหมือนกับทาง เครื่องอะไร เครื่องบอกทางติดรถยนต์ ของอาจารย์ทรงศีล รถอาจารย์ทรงศีลมีเครื่องติดรถบอกทางไปทางไหนกดปั๊บ มันจะบอก เป็นทางไป เห็นรถเราวิ่งไปตามทาง ถ้าเลี้ยวตรงไหนมันจะบอก แยกข้างหน้าให้เลี้ยวซ้าย มันมีเสียงด้วย ถ้าเลี้ยวขวาไปมันก็บอกผิดแล้วผิดแล้วกลับไปใหม่ ขณะนี้นะทุกวันนี้นะเหมือนกับอย่างนั้น ปฏิบัติธรรม จะให้ผิดเป็นถูกเป็นไปไม่ได้ จะให้ทุกข์เป็นความไม่ทุกข์เป็นไปไม่ได้ เปลี่ยนได้เปลี่ยนได้เปลี่ยนได้เหมือนกับว่าอย่างนั้นน่ะ ผู้มีสติข่มขืนไม่ได้ ข่มขืนตัวเองไม่ได้ ให้ทุกข์เป็นทุกข์ไม่ได้ ให้โกรธเป็นโกรธไม่ได้ ผู้มีสตินะไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้ ขนหัวลุกเลยไปข่มขืนน่ะ มันไม่ไหวจริงๆอ่ะ อย่างนี้หนา ธรรมจึงเรียกว่ารักษาผู้ประพฤติธรรมอยู่เป็นนิตย์
แล้วจนกระทั่งนี้พวกเราตื่นแต่ดึกสึกแต่หนุ่ม ใครแก่ใครเฒ่าก็ทำได้ การเปลี่ยนอย่างนี้ไม่ใช่หนุ่มไม่ใช่แก่ ไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่ฆราวาส เปลี่ยนได้ทุกคนน่ะ รักษาผลแห่งธรรมเนี่ย ก็มีผู้บอกแบบนี้ ไม่หลอกลวง จริงๆ ความหลงไม่จริง ความไม่หลงมันจริง พูดจนตาย พูดหมดแล้วนานแล้ว ความทุกข์ไม่จริง ความไม่ทุกข์มันจริงเนี่ย ก็บอกอยู่อย่างนี้ ให้ฟังกันได้บ้าง แม้แต่ทำยังไม่ได้ ก็พยายามอย่าหมดกำลังใจ มองกระแสเอาไว้ เวลาใดที่มันทุกข์ ความไม่ทุกข์ก็มีอยู่มองอย่างนี้ ก็ยังครึ่งๆกลางๆ กลับได้ ขึ้นฝั่งได้ ถ้าทุกข์เป็นทุกข์ก็ลอยคอ ไม่มีฝั่งไม่มีท่าเทียบท่าไม่เป็น ชีวิตต้องเทียบท่า เห็นมันทุกข์เนี่ย มีท่า ก้าวขึ้นไปอีกก้าวนึงน่ะขึ้นเป็นไม่ทุกข์ก็ได้ ขึ้นฝั่งไปแล้ว ผู้ที่ถึงฝั่งพระนิพพานเนี่ยมีน้อยนัก ผู้ที่ท่องเที่ยวอยู่ในโลกมีมาก มาขึ้นฝั่งกันเถอะ เวลามันหลงเห็นมันหลงไม่เป็นผู้หลงเนี่ย ชีวิตขึ้นฝั่ง เวลามันทุกข์เห็นมันทุกข์ไม่เป็นผู้ทุกข์พ้นจากความทุกข์ขึ้นฝั่งไปแล้ว ขึ้นสู่พระนิพพานไปแล้วหลุดพ้นไปแล้ว ได้ยินไหมเนี่ยฮะ อ้าวสมควรแก่เวลา