แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมเสียงก็ไม่ค่อยมี มันก็เป็นอย่างนี้ความเป็นจริง เคยมีเสียงก็อาจจะไม่มีเสียงเป็นไปได้เคยมีหูก็อาจจะใช้ไม่ได้ เคยมีเรี่ยวมีแรงก็อาจจะไม่มีเรี่ยวมีแรง แต่ก่อนนี้ไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าวัดไหนแคบ ๆ ไม่อยากไปอยู่เพราะมันไม่หมดก้าว วันหนึ่งเราเดินไกลหลายก้าวสุดทิศเหนือทิศใต้ตะวันตกตะวันออก ทุกวันนี้ก็ไม่เหมือนก่อน เดินไปไม่ถึงไหน เสียงก็ไม่มี หูก็ใช้ไม่ได้ กำลังก็น้อยลง แต่ก่อนเรานึกว่าเราเป็นช้าง สมมติตัวเองเป็นช้างเลยลากไม้สร้างศาลาหลังนี้ จากเคยเป็นช้างลากมาหลายตัว เอาผ้าอาบน้ำผูกหัวไว้แล้วก็พาดบนบ่าดันฝ่าดงพงไพรมาไม่มีล้อมีเกวียน ลากเอา วันละสองตัวสามตัว จำได้ เดี๋ยวนี้แม้แต่เดินก็จะไม่ไหว ปีที่แล้วไปอยู่กุฏิหลังโน้น ปีนี้ก็เดินมาทำวัตรก็เดินจะไม่ไหวต้องย้ายมาอยู่กุฏิหลังนี้ ต่อไปจะเป็นยังไง
เรามีความแก่เฒ่าเป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความแก่ไปไม่ได้ ทุกคนเป็นอย่างนี้ เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็นธรรมดาจะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ ของจริงเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องประมาท บัดนี้เรามีเพศเป็นนักบวชแล้ว ฉันข้าวในบาตร อาหารเนื่องด้วยผู้อื่น สมควรที่จะฉันข้าวในบาตรไหม เรามีอานิสงค์อะไรมาฉันข้าวในบาตรมีประโยชน์อะไร ผู้ที่ให้ข้าวเราฉันในบาตรเขาได้ประโยชน์อะไร ผ้านุ่งห่มจีวรจากคนอื่นหามาให้ เราได้ประโยชน์อะไรจากนุ่งห่มจีวร คนอื่นที่เอาผ้าให้เราเขาได้ประโยชน์อะไร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค คุ้มค่าไหมจากคนสองฝ่าย จากตัวเราด้วย จากคนอื่นด้วย
มีอะไรที่มันจะดีในการใช้ชีวิตของเรา เราก็เพียรพยายามทำ มีงานทำอยู่ 2 อย่าง คันถธุระ การศึกษาพระสูตรต่าง ๆ สาธยายพระสูตร เราก็ได้สาธยาย ทำในใจ นอกจากนั้นก็วิปัสสนาธุระ มีการฝึกฝนตนเอง ทำให้มันเป็น มีความรู้สึกตัวไปในกายมีบ้างไหม วันหนึ่งเราหลงหรือเรารู้ ถ้าจะทำตามพระพุทธเจ้าที่จะต้องไม่เป็นบาปสมควรแก่ผู้รับทักษิณาทาน สมควรแก่ผู้ที่กราบไหว้ ทำยังไง พระพุทธเจ้าจึงบอกให้เราทำ จงมีสติไปในกายอยู่เป็นประจำ อย่าให้หลง หัดให้รู้ไปในกาย มันก็มีกายกันทุกคน เราหลงไหมในกายของเรานี้ มันพาให้เกิดสุขเกิดทุกข์มีมั๊ย กายเนี่ย เวลาเราตั้งใจที่จะรู้ไปในกายมีอะไรมันสอดแทรกขึ้นมามันรู้ทุกข์ ถ้าหายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ วินาทีหนึ่งรู้ทีหนึ่ง มันรู้ทุกวินาทีไหม เห็นไหมมันจะมีความหลงเกิดขึ้นขณะที่มีความรู้คู่กันไป ก็มาเปลี่ยนตัวหลงเป็นภาวะที่รู้ ทำให้มันเป็น อย่าให้หลงเป็นหลง ถ้าหลงเป็นหลงมันก็ไม่ดีอะไรขึ้นมาอาจจะไม่คุ้มค่ากินข้าวสุกน้ำแกง ก็เหมือนกันกับชาวบ้านเขา ถ้าหลงเป็นรู้ เออ! ดี ถ้ามันทุกข์เป็นรู้ ก็ดี ถ้ามันโกรธเป็นรู้ ก็ดี มันจะต่างกัน อันนี้เรียกว่าวิปัสสนาธุระ เปลี่ยนร้ายเป็นดี เป็นงานของพวกเรา อย่าประมาท
ที่นี่งานแบบนี้ก็เหมือนกันหมดจะเป็นนักบวชหรือฆราวาสญาติโยมเหมือนกัน เตรียมตัวไว้ แต่ญาติโยมฆราวาสนั้นอาจจะไม่สะดวกเหมือนนักบวช นักบวชนี้มีธรรมวินัย ประเทศไทยยอมรับ ถ้าประเทศอื่นไม่ยอมรับ ไปบิณฑบาตเขาจับ เมืองไทยไปบิณฑบาตเขาไม่จับ ไปอยู่ประเทศฟิลิปปินส์ เคยไปศึกษาพุทธศาสนาเปรียบเทียบที่ฟิลิปปินส์ เขาก็ยอมให้เราทำว่าขอบิณฑบาต เขาก็บอกว่าบิณฯไม่ได้ ตำรวจจับ ทำยังไงจึงจะบิณฑบาตได้ เรามาศึกษาพระพุทธศาสนาเปรียบเทียบ ฟิลิปปินส์เป็นเมืองคริสต์ศาสนา เราอยากจะรู้เราทำไง ให้เขาได้เรียนรู้ ก็เลยหาเรื่องที่จะบิณฑบาตนะ
แต่คริสต์ศาสนานี่เขามีพ่อมีลูกกันเต็มบ้านเต็มเมือง ใครไปทำคลอดให้ใครก็ถือว่าคนนั้นเป็นลูก คนที่คลอดออกมาจากผู้ทำคลอดจะเรียกผู้ทำคลอดเรียกผู้นั่นว่าเป็นพ่อเป็นแม่ จะไม่ทิ้งกัน เช่น ใครไปทำคลอดให้ใครผู้นั่นก็เป็นพ่อคนนั้น ใครเคยคลอดจากใครที่คลอดออกมาได้ก็เป็นลูกของคนนั้น เขาจึงมีพ่อสองคนมีแม่สองคน ถ้าคนที่ทำคลอดเก่งก็มีลูกเป็นหลายคน ก็มีเขาบอกว่าผมมีทางที่ทำได้เขามีทางที่ทำได้ เขาจะให้ไปบ้านลูกของเขา เขาไปนัดลูกของเขาว่าจะมีพระสงฆ์มาบิณฑบาตแต่ว่าบาตรต้องอุ้มไว้ในผ้าเอาจีวรห่มไป ไม่ให้ใครเห็นเหมือนอุ้มบาตรเหมือนบ้านเรา เขาก็พาเราไปบ้านลูกของเขา ลูกของเขาก็เอาแอปเปิ้ลเอาขนมมาใส่บาตรเราก็ปิดฝาบาตรเดินไป เขาก็พาไป ได้เต็มบาตรเอามาก็เอามาฉันในบาตรให้เขาดู นี่เรียกว่าต้องมีซิกแซกแบบนั้น
ประเทศไทยเราโชคดี ชาวพุทธบริษัททั้งให้ทั้งกราบทั้งไหว้ ของไม่ดีเขาไม่ให้ นี่ก็มีของให้มีแต่ของดี ๆเนี่ย ถ้าคิดเป็นเงินก็หลายบาท เราก็อยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้เราจึงจะทำยังไงอย่าทิ้งธุระของเรา คันถธุระ ศึกษา อย่าอยู่เฉย อย่าประมาท วิปัสสนาธุระ ฝึกตน สอนตน เตือนตน โดยเฉพาะกรรมฐานนี่ วิปัสสนาธุระนี่ มีสติเนี่ยมาจากประสบการณ์ แล้วก็มีโอกาส เรากินข้าวชาวบ้านได้นุ่งห่มจีวรได้เพราะเราได้เห็นเรื่องนี้จะไปบอกเขาว่าถ้ามันหลงไม่หลงก็มีนะ มีใครบ้างในโลกนี่พระสงฆ์ที่พูดที่บอกกันแบบนี้ แล้วเวลามันโกรธไม่โกรธก็ได้ ถ้าพระสงฆ์ 300,000 รูปในประเทศไทยช่วยกันบอกเรื่องนี้ อย่างน้อยต้องบอกพี่บอกน้องบอกพ่อบอกแม่เรา บอกคนใกล้ชิด บอกชาวบ้าน บอกใครที่ไหนให้บอกกันเรื่องนี้ เวลามันหลงไม่หลง หัดทำให้เป็น ความหลงไม่ถูกต้อง ความไม่หลงถูกต้องที่สุด สัมผัสเอา ความโกรธก็เหมือนกันความทุกข์ก็เหมือนกันบอกเขา
ยิ่งเห็นคนมีทุกข์ก็ยิ่งเป็นเพื่อนของเขา ขอเสนอตัวเราเป็นเพื่อนเขา เหมือนพระพุทธเจ้าเป็นเพื่อนกับยสกุลบุตร ยสกุลบุตรนี่ร้องออกมาจากเมืองพาราณสีมาสารนาถอิสิปตน “ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ วุ่นวายเหลือเกิน วุ่นวายเหลือเกิน” พระพุทธเจ้าจงกรมอยู่ก็ขานตอบไปว่า “ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง จงมาที่นี่เถิด เข้ามา เข้ามา” แล้วก็แสดงธรรมให้ยสกุลบุตรได้เห็นเรื่องนี้จนออกบวชพร้อมบริวาร 45 คน ให้เราทำอย่างนี้จะได้อานิสงค์ทั้งสองฝ่าย เราพยายามเป็นเพื่อนคนหลงให้ได้ พยายามเป็นเพื่อนคนที่ทุกข์ที่โกรธที่ผิดให้เป็นถูกให้ได้ ท้าทายสักหน่อยเรื่องนี้อย่าปล่อยกันทิ้ง
มีความทุกข์อะไร แน่นอนที่สุดเกิดแก่เจ็บตายเป็นคนที่ทุกข์ ทำยังไงจึงช่วยคนเรื่องนี้ได้ นอกจากความพอใจความไม่พอใจความโกรธความโลภความหลงเล็กน้อย ถ้าความแก่ความเจ็บความตายมันยิ่งใหญ่ ไม่มีใครที่จะปฏิเสธได้ ไม่มีใครตายจากกันหัวเราะสนุกสนานมีแต่ร้องไห้เศร้าโศก จะทำยังไง ถ้าจะมุ่งไปสู่จุดนั้นแก้ตรงไหนก่อน ต้องแก้ตรงที่มันหลงให้เป็นรู้เนี่ย ลาดไปจากนี้เหมือนทางขึ้นเขา มันเป็นหน้าผาขึ้นไม่ได้ทำให้มันลาดเสียก่อน เหมือนทางขึ้นเขาทางแก้งคร้อน่ะแต่ก่อนเป็นหน้าผา ทำยังไงมันจึงจะลาดให้มันขึ้นมาได้ ต้องออกแรง แรงที่ทำให้หลงเป็นรู้นี่มันไม่ออกแรงเหมือนกับรถแทรกเตอร์ เพียงแต่มีสติ ต้องทวนกันสักหน่อย บางทีอาจจะง่ายที่จะหลงถ้ามันรู้มันจะยาก เวลามันโกรธหาความรู้ได้ยาก ความโกรธครอบงำ ความทุกข์ครอบงำ จะทำยังไง ช่วยกันได้ ให้เขาได้เห็น ฝึกไว้ ยามสงบเราฝึกยามศึกเรารบไว้ เราฝึกไว้ก่อนเหมือนนักกีฬาถ้าไม่ฝึกไปขึ้นเวทีเข้าเวทีมันก็ไม่มีทางชนะได้ เราฝึกให้ดีจึงมาฝึกหัดแบบนี้ แล้วเราก็ท้าทายพิสูจน์กันนานเหลือเกินเรื่องนี้
เสียเวลามากแล้วชีวิตของเราน่ะ หลวงตานี่กว่าจะมีเห็นเรื่องนี้เกือบ 30 ปี ตกใจเลยพอมาเห็นมันหลงเห็นมันรู้นี่ มันก็กระตือรือร้น เวลามันหลงเปลี่ยนหลงเป็นรู้นี่มันชอบที่สุด เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธก็ชอบ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ก็ชอบ มีเหมือนกัน มันมีหลายกว่าความรู้ความหลงความโกรธ เคยใช้ชีวิตแบบนั้น ไม่เคยใช้ชีวิตแบบรู้ ไม่เคยฝึก พอมาฝึกแล้วมันเห็นทางไปแบบเนี่ย เวลามันหลงมันก็ไม่จนความหลง มองเห็นทางออกคือมันรู้สึกตัวตามวิชากรรมฐาน เวลามันโกรธก็มีทางออก ฝึกตัว เปลี่ยนความโกรธให้เป็นความรู้สึก เป็นเครื่องมือของหนักให้เป็นง่าย ถ้ามีความรู้สึกอาจจะง่ายเฉลยปัญหาได้ ถ้าจะไปเปลี่ยนตรง ๆ มันอาจจะทำได้ยาก เหมือนหักด้ามพร้าด้วยเข่า ถ้าเวลามันหลงให้รู้ เวลามันโกรธให้รู้เนี่ยมันง่ายกว่ามันลาดกว่า ไม่เป็นหน้าผา ถ้าเวลามันโกรธเปลี่ยนไม่โกรธมันทำยาก ทำไม่ได้เลยเพราะไม่เคยฝึก เราจึงมาหัดกันแบบนี้ แค่เปลี่ยนหลงเป็นรู้ เปลี่ยนโกรธเป็นรู้ เปลี่ยนทุกข์เป็นรู้ไป
มันก็จะลาดไปหลายอย่าง เพียงแต่มีความรู้ก่อนมันก็ละความชั่วแล้ว มันก็ทำความดีแล้ว จิตก็บริสุทธิ์แล้ว มันไปเป็นพวงแบบนี้ มันเป็นกลุ่มไปแบบนี้ เป็นกุศล เป็นหมู่กุศล เป็นหมู่อกุศล เหมือนความมืดกับแสงสว่าง เมื่อมีความสว่างก็มองเห็นอะไรได้ ถ้ามีความมืดก็มองไม่เห็น เราจึงมีความรู้เหมือนแสงสว่างจะเห็น เห็นมันหลงไม่เป็นผู้หลงน่ะ ไปแล้วบัดนี้ เห็นมันโกรธไม่เป็นผู้โกรธ เห็นมันทุกข์ไม่เป็นผู้ทุกข์ มันไปแล้ว เห็นหลงก็ไปจากความหลง มันเป็นเหตุอยู่ตรงนี้ มันจึงเห็นได้ทุกคนไม่ยกเว้น แต่เรามีสติจะเจอความหลงต่อหน้าต่อตาหน้าด่าน จ๊ะเอ๋กันเลยทีเดียว อันหนึ่งหลงอันหนึ่งรู้ พอดีกัน เป็นคู่กัน เราก็มีโอกาสได้เปลี่ยนหลงเป็นรู้ เวลามันโกรธก็เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ ชำนิชำนาญจนเป็นปริญญาได้ชำนาญ
การฝึกตนสอนตนมันเป็นไปได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ปฏิบัติได้อยู่ ให้ผลได้อยู่ ต่างกันอยู่ระหว่างความหลงความรู้ ระหว่างความโกรธความไม่โกรธ ความทุกข์ความไม่ทุกข์ มันต่างกัน สัมผัสดูแล้วมันต่างกัน แล้วก็เมื่อเราสัมผัสดูแล้วมันต่างกันแบบนี้เช่นนี้เราก็เลือกได้ ชำนาญขึ้น อยากให้มันหลงด้วยซ้ำไป อยากให้มันทุกข์ด้วยซ้ำไป จนมันไม่มีหลงมีทุกข์โน่นละ ทำไงที่เนี่ย โลกนี้มันน่าอยู่จริง ๆ ไม่มีอะไรที่จะมีคลื่น ราบเรียบไปเลย ไม่มีคลื่นอะไรเลยโลกนี้ ฟู ๆ แฟบ ๆ คุ้มร้ายคุ้มดีจะไม่มี มีกายก็มั่นใจในกาย มีใจก็มั่นใจในใจ แม้จะมีครอบมีครัวมีผัวเมียก็มั่นใจ ทุกคนมีลักษณะแบบนี้ก็มั่นใจพึ่งกันได้ ถ้าไม่มั่นใจก็คุ้มร้ายคุ้มดีก็ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ มาพึ่งกันมันก็ยิ่งไม่ได้อีก เราจึงมีนี่เป็นจุดหมายปลายทางของเรามาฝึกกันแบบนี้กัน
ขอใช้ที่นี่เป็นสนามฝึก พออยู่กันได้ประเทศไทย เมืองไทย มีธรรมะอันเดียวกัน ไม่ใช่คนละอย่าง ความหลงก็อย่างเดียวกัน ความไม่หลงก็อย่างเดียวกัน ความทุกข์ก็อย่างเดียวกัน ความไม่ทุกข์ก็อย่างเดียวกัน ความโกรธก็อย่างเดียวกัน ความไม่โกรธก็อย่างเดียวกัน มันจึงเป็นอันเดียวกัน ถ้าเราต่างเป็นอันเดียวกันมันก็เป็นคน ๆ เดียวกัน ถ้าเราหลงก็เป็นคนละคน ถ้าเราไม่หลงก็เป็นคน ๆ เดียวกัน มันก็เกิดความดีขึ้นมาเป็นมิตรภาพ แผ่นดินราบเป็นหน้ากลองชัย ศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยก็มาตรัสรู้ ก็คือเราเอาธรรมะของพระโคตโมเนี่ยมาปฏิบัติให้มันชำนิชำนาญเข้าถึงอริยเมตไตรโย ไม่ใช่องค์ไหนที่ไหน เป็นคุณธรรมที่เรามานำมาฝึกตนสอนตนนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ไหน ไม่ใช่อ้อนวอน ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาอ้อนวอน เป็นศาสนาแห่งการกระทำ ลิ้นแข็งนะคุณหมอ ลิ้นมันแข็ง นี่ก็อุ่นใจนะ อุ่นใจ อุ่นใจ เห็นพวกเราฝึกการเดินจงกรม เราเคยทำแบบนี้ ถ้าไม่ทำแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ต้องฝึกเอา อาศัยรูปแบบนิมิตเครื่องหมายให้มันรู้ไปจึงเราก็มีกายมีใจเหมือนกัน อุ่นใจเห็นพวกเราพากันสนใจปฏิบัติ มีผู้หลักผู้ใหญ่มาอยู่ เราไม่รู้อะไรเรารู้เรื่องนี้ พอเป็นเพื่อนกันเรื่องนี้
เวลามันหลงเปลี่ยนไม่หลง เวลามันโกรธเปลี่ยนไม่โกรธ เวลามันทุกข์เปลี่ยนไม่ทุกข์ ขอเป็นเพื่อนเรื่องนี้ ทำได้จริง ๆ จนถึงความไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายโน่นน่ะ ถ้าเปลี่ยนตรงนี้มันไปไกล จุดหมายปลายทางอย่าไปกลัวอะไร ต้องแกร่งกล้า รักธรรมะรักความเป็นธรรมต้องแกร่งกล้าถลาไกล ความหลงเกิดขึ้นให้รู้ ถลาไปแล้ว ก็มีความแกร่งกล้าถลาไกลกระโดดเข้าใส่ความหลง ความรักความชังกักขังไม่อยู่ถ้ามันแกร่งกล้า แต่ถ้าอ่อนแอเขาขังเราได้ ดีไม่ดีถ้าเก่งอย่างนี้ทำแบบนี้ไปกระโจนถึงสุดยอดกอดมงกุฎคือธรรมด้วยหทัยของใครของเรา เข้าถึงธรรม มีธรรมเป็นที่ตั้ง ถึงความไม่เป็นอะไรกับอะไร มองอย่างนี้ อย่ามองจน มองทะลุทะลวง
อย่างคนโบราณจากนครพนมแม้แต่เพลงกล่อมลูกก็เป็นนิพพาน ขอร้องเพลงกล่อมลูกนครพนมให้ฟังสักหน่อยได้ไหมหา! ฟังไหม “เออน้องยอดพนมเออน้องยอดพนม เหนือเกล้าเหนือผมคือพระธรรม ค่ำเช้าเข้านอนขอพรพระตรัย ฝึกกายฝึกใจมีชัยทุกประการ ฝึกกายฝึกใจถึงมรรคผลนิพพานเอย เออน้องเจ้าน่ะยอดพนม เหนือเกล้าเหนือผมคือพระธรรม ค่ำเซ้าเข่านอน ขอพรพระตรัย พัฒนากายใจเป็นสุขทุกประการ พัฒนากายใจถึงมรรคผลนิพพานเอย” กล่อมลูกก็เป็นนิพพาน เรามองอย่างนี้หรือเปล่า หรือมองแต่รักแต่เกลียดชังกัน คุ้มร้ายคุ้มดี ไม่ใช่ ภาคใต้ก็มีเพลงแบบนี้(....) อันนี่ก็มีนะจำไม่ได้นะ ขอโทษนะจำไม่ได้ คุณหมอสมปอง อ้าว! ไม่มีเสียงนะ เท่านี้ก็พอละ ไม่มีเสียง อาจารย์ทรงศิลป์ช่วยสักหน่อย