แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงตาพูดด้วยความพอใจ ผู้ฟังก็จงฟังด้วยความพอใจ ตั้งใจ มี คิดใส่ใจตาม ทำอะไร ๆ ก็ตาม พยายามเก็บคะแนนให้ตัวเอง พระพุทธเจ้านั้นเหมือนสารถีผู้ฝึกบุรุษที่สามารถฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เราก็พยายามฝึกตัวเราเหมือนกับนักกีฬา เก็บคะแนนให้ได้ ลูกไหนที่มันจะตก ไม่ให้มันตก ผู้ที่มุ่งจะให้ตก เรามุ่งที่จะแก้ไขไม่ให้ตก ถ้าคะแนนตกก็เรียกว่าฝึกไม่ได้ ยังหลงอยู่ ยังโกรธอยู่ ยังทุกข์อยู่ เวลามันหลงไม่แก้ ให้เปลี่ยนเป็นรู้ ถ้าหลง ก็หลงเรื่อยไปว่ามันทุกข์ไม่เปลี่ยนทุกข์เป็นรูป ความทุกข์ก็ทุกข์เรื่อยไป อะไรก็ตามถ้าเป็นสิ่งที่ผิดไม่แก้ให้ถูกต้องก็ผิดเรื่อยไป เหมือนน้ำที่เคยลงตรงไหน ก็ไหลลงตรงนั้น เคยรั่วตรงไหนก็รั่วตรงนั้น ตรงที่ผิดก็ผิดเสมอ ชีวิตเราก็เช่นกัน เราแผ่เมตตาอย่าว่าแต่ปาก หมั่นซึ้งถึงจิตใจ ครอบจักรวาล ขนาดที่แผ่เมตตาทั้งหมด คือ ศีลของเรา คือ สมาธิของเรา คือ ปัญญาของเรา บางทีว่าแต่ปาก สำเนียง จังหวะ ไม่เน้น ไม่ใส่ใจ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ว่าแต่ปาก ภาษานกแก้วนกขุนทอง แทนที่จะใส่ความรู้สึกเข้าไป ให้มีเมตตา ให้อภัย ล้างบาปออกจากจิตใจเหมือนเราล้างหน้า ล้างสิ่งสกปรกออกจากใบหน้า หน้าเนื้อ หน้าในไปพร้อมกัน หน้าเนื้อ คือ หน้าตา หน้าใน คือ จิตใจ แปรงฟัน แปรงสิ่งสกปรกออกจากปากที่มันมีสกปรก เป็นปากที่มันเคยสกปรกเป็นคำพูดอะไรที่มันทำให้เกิดทุกข์เกิดโทษ ล้างออก แล้วก็สอนตัวเอง เก็บตกให้เป็น อย่าปล่อยปะละเลย สอนม้า สารถีผู้สอนม้า สอนวัวสอนควาย แต่สอนช้างไม่เคยสอน สอนม้าเวลาเราขี่ม้า ขี่ม้าต้องหัดสอนมันเก็บตกให้ได้ เวลามันเจ็บ ลู่วิ่งไม่ดีก็ชักสายบังเหียน เอาขาเราสอนมันว่า ว่าผิดแล้ว เจ็บมั้ย เวลามันทำผิดม้ามันวิ่งผิดจังหวะ มันไม่นิ่ง ม้าตัวไหนที่ไม่เคยฝึก เวลาเรานั่งมันจะนั่งไม่สบาย ก้นเราจะแตก แต่ม้าตัวไหนที่เราฝึกดี ก้นของเราไม่ออกจากหลังม้าไปพร้อมกันเหมือนเรานั่งอยู่ ในที่ที่เหมือนทางมิตรภาพ นั่งแล้วไม่กระดุกกระดิก นั่นก็ทำดี การเลือกม้า หลวงตาเคยเป็นนักขี่ม้า ขี่ม้าแข่ง ขี่ม้า ลู่วิ่งเล็ก ลู่วิ่งใหญ่ ถ้าขี่ในลู่วิ่งเล็กก็เจ็บแบบหนึ่ง รักษาบังเหียนเอาก้นของเรา ขาของเราบ้าง สอนมัน ถ้าผู้ที่ฝึกไม่คล้องจองกับลักษณะของจังหวะที่ม้าวิ่งมันก็ไม่รู้เรื่อง สอนม้าก็สอนไม่เป็น เอาขาไปหนีบมัน มันก็วิ่งไม่ได้ เหมือนมัดมือมัดเท้า ทำอะไรไม่เป็น ถ้าจะให้คอมันขึ้นสวยๆ หางมันขึ้นสวยๆ มีอยู่จังหวะที่เรานั่ง ถ้านั่งไม่เป็นคอมันต่ำไม่สวย ม้าวิ่งไม่สวย แต่ม้าตัวใดวิ่งยกคอ พอดี ยกหางพอดี ใช้ขาเป็นวงเป็นวง มันวิ่งขาเป็นวง ไม่ใช่วิ่งแบบโดด เพราะคนฝึก ผู้ฝึกไม่เป็นม้าก็ไม่รู้จังหวะ ไม่รู้ภาษาวิ่ง วัวควายก็เหมือนกัน ไปซ้ายไปขวาไปไม่ตรง เวลามันไปซ้ายไม่สอนมัน เวลามันไปขวาไม่สอนมัน มันก็ไปไม่ตรง เวลามันถูกหลักถูกตอไม่สอนมัน มันก็ไม่รู้หลักรู้ตอ ถ้ามันถูกตอมันก็ยังดันอยู่ เพราะคนที่เทียมม้าเทียมไถไม่ได้สอนมัน เวลาใดมันถูกตอ ถูกรากไม้ เราก็ไม่เห็น
แต่เมื่อเราสัมผัส เวลาเราไถนา เราก็รู้ เวลามันถูกตอ เมื่อเราสัมผัสเราก็รู้ก็สอนมัน ดึงมันหยุด หยุด มันก็หยุด ถ้าเวลาถูกตอ ไป ไป มันก็ดันตะพึดตะพือ ไถก็หัก เทียมเกวียน ใส่วัวใส่ควายเทียมเกวียน เวลามันไป หลบตอ ตออยู่ข้างหน้าทำไง ต้องจับสายทาง จับสายทางสอนมันให้โค้งไปหน่อยหนึ่ง เหมือนเราจับแฮนด์มอเตอร์ไซค์ จับแฮนด์จักรยานหลบไปซะหน่อย เลี้ยวไปซะหน่อย จับสายทางเลี้ยวไป จับแล้ว เลี้ยวไป แล้วหลายเลี้ยวเลย จับสายทาง ให้มันไปอีกทางหนึ่งแล้ว เค้าเรียกว่า พัด ทั้งบอกด้วยซ้ายขวาบอกมันด้วย คำพูดที่เป็นซ้ายเป็นขวามันศักดิ์สิทธิ์ มันจำได้สัตว์ แม้แต่เสียงเจ้าของก็จำได้ ถ้ามันผิดเจ้าของเรียกมันหยุด คนอื่นเรียกไม่รู้ ช้างก็ดีอาจจะเป็นเช่นนั้น ม้า วัว ควาย เหมือนกันหมด มันวิ่งอยู่ทุ่งนาแล้วจะไปจับมัน มันเดินอยู่โน่น มันอยู่ไกลเราบอก หยุด มันก็หยุด มองไปมาเห็นเรา มันก็หยุด หันหน้ามาอ้าปากใส่เราพร้อมจะดี ปากดีสะพายมาให้เราจับ นี่เราสอนมัน การสอนตัวเองมันก็ยิ่งแม่นกว่าการสอนสัตว์ สัตว์มันเป็นอันอื่น มันอยู่นอกเรา นอกตัวเรา มันต้องมั่นใจในการสอนเรา เราเดินยังไง เราเดินยังไง เรานั่งยังไง ชีวิตเราเป็นยังไง มันง่วงเหรอ ปล่อยให้มันง่วง ไม่สอนมัน ง่วงเรื่อยไป มันคิดปล่อยให้มันคิด ไม่ได้สอนมันให้มันรู้ มันก็คิดเรื่อยไป มันสุข มันก็สุขไปไม่ได้สอนมันให้เห็นว่ามันสุข ก็สุขไป มันก็ไม่ได้สอน เรียกว่า ประมาท ผู้ไม่ประมาท ตื่นอยู่ในพวกผู้อื่นประมาท ผู้ประมาทก็ประมาทเรื่อยไป ผู้ที่ไม่ประมาทตื่นอยู่ในขณะที่ผู้อื่นประมาทย่อมละกันไปไกล ไกลกันเป็นโยชน์ ชีวิตเท่ากันวันนึง 12 ชั่วโมง เราใช้ชีวิตอย่างไร ถ้าเป็นนักเจริญสติมีแต่บทเรียนที่มีค่า เลื่อนฐานะของตนเองขึ้นเรื่อย ๆมันเพียงพอแล้วชีวิตเรา ถ้าจะมีอายตนะ มีตา มีหู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีรูป มีรส มีกลิ่น มีเสียง สัมผัสให้มันดี ผิดก็ผิดตรงนี้ ถูกก็ถูกตรงนี้ เช่น พระพุทธเจ้าฌานสมาบัติปฐมฌาน วิตกวิจารณ์ปิติสุข เอกัคคตา ละวิตกละวิจารณ์ เห็นวิตกละวิจารณ์ ละปิติละสุขเสียได้ ก็เลื่อนไปอันวิตกวิจารณ์เลื่อนไปเป็นปิติสุข สุขเลื่อนสุขไปเป็นปัสสัทธิ ปัสสัทธิเลื่อนไปเป็นอุเบกขา เป็นเอกัคคตา มีแต่สติไปเรื่อย ๆ ไปเรื่อยๆ ไป ชำนาญไป เป็นทางที่ 4 ที่ 5 เข้าสู่ปรินิพพาน ใครมีสุขก็สุขเรื่อยไป ทุกข์เรื่อยไป ไม่ได้สอนตัวเอง แล้วก็ฟรี ชีวิตมันก็ฟรี ผิดฟรี ๆ สุขฟรี ๆ ทุกข์ฟรี ๆ แทนที่จะมีสติหลงโกรธโลภก็ฟรีเรื่อยไป ไม่สอน ไม่สอนตัวเอง ใครจะมาเข้าค่ายฝึกทำให้มันเป็น คนอื่นสอนเราไม่ได้เรื่องนี้ เราต้องสอนตัวเรา เช่น เราเป็นนักกีฬา อะไรก็ตามเก็บตกให้ได้ บางทีก็จังหวะเล่นกีฬาหรือฟันมีด ฟันขวานต้องมีจังหวะ ดูทิศดูทางหากฟันมีดไม่เป็นมันก็ไม่แรง ฟันจอบไม่เป็น ฟันจอบก็ไม่แรงเหนื่อยง่าย ฟันขวานไม่เป็นฟันไม้ก็ไม่ค่อยขาด ถ้าฟันเป็น แรงก็ไม่ค่อยหมด ขวานก็เข้ามันไปแรง เพราะจังหวะ ชีวิตของเราพลังมันใช้ถูกมันก็ไม่หมดทดแทนกันได้ ถ้าใช้ผิดก็หมด อะไรทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย เดินขึ้นเขาเดินไม่รู้จักจังหวะ บางคนเดินลงเขาขาสั่น ขาสั่นดิกๆๆ (หัวเราะ) ให้ลงเขาไปยืนอยู่เวลาลงเขาไปยืนอยู่ขาสั่นดิก ๆๆๆ แม่นบ่ล่ะ (หัวเราะ) ถ้าเดินไม่เป็นก็เป็นอย่างนั้น ถ้าเดินเป็นก็อย่าให้มันกดตึง ดึ้ก ลงไป ดึ้ก แข็งเก่เด่ ไม่นิ่ม ถ้าเราดึ้กก่อนลงไปซักหน่อยน่องเนี่ย น่องเนี่ยอ่อน อ่อนลงไป หย่อนลงไปเป็นสปริง เดินไปเท่าไหนก็ไม่สั่น ถ้าเดินลงเขาเป็น เดินขึ้นเขาเป็นก็ไม่เหนื่อย ไปโหมไปแบกไม่มีจังหวะ ไม่มีความโน้มเอียงไป ไม่มีจังหวะ มันไม่มีน้ำหนัก ถ้าเดินถูกมันก็ไม่มีน้ำหนัก เดินขึ้น เดินลงเหมือนกัน ทำอะไรก็เหมือนกัน ความสุขก็มีรส ความทุกข์ก็มีรส ความหลงก็มีรส อะไรต่าง ๆ มีรสชาติ ถ้ามีสติมันก็ได้ไม่มีรส ไม่มีรสในเรื่องนามธรรม รูปธรรมคนละอย่าง หัดเนี่ย ได้บทเรียนดี๊ดี ชีวิตของเราเหมือนตู้พระไตรปิฎก กายของเรา ใจของเราเนี่ย สติเหมือนนักศึกษาเข้าไปศึกษาตำราเล่มนี้จนจบปริญญา ญาตปริญญา กำหนดรู้อะไรง่าย ๆ การรู้ง่าย ๆ ตรงที่มันหลง ไม่หลง ญาตปริญญาตรงที่มันสุขไม่สุข ตรงที่มันทุกข์ไม่ทุกข์ กำหนดรู้ด้วยการรู้ ดีรณปริญญาแจกแจงได้ แจกแจงได้ไม่เป็นดุ้น ไม่เป็นก้อน สุข ไม่เป็นสุข ทุกข์ ไม่เป็นทุกข์ โกรธ ไม่เป็นโกรธ หลง ไม่เป็นหลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่เป็น เกิด แก่ เจ็บ ตาย แจกแจง เรียกว่า ดีรณปริญญา มหาณปริญญาทำให้เรื่องต่าง ๆ หมดไป หมดไป หมดไป หมดไป ไม่มีเหลือ การดับก็ดับไม่มีเหลือ ไม่มีเชื้อ มันหมดไป หมดไป หมดไป แต่เนี่ยปริญญาเหมือนกัน เราจึงมาฝึกของที่มันเป็นไปได้ไม่ใช่มาสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าไม่ฝึกมันก็จะเสียเวลา เรามีงานมีการมีลูกมีหลานไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานนู้นน่ะ ไปให้มันเห็นหน้านู้นน่ะ (เสียงหัวเราะ)
ถ้าเรามาฝึกเนี่ยมันก็ทั้งหมด เราเป็นคน ๆ เดียวเริ่มต้นทั้งหมด ถ้าเราดูแลเราดีๆ มันก็ทั้งหมดของโลก ทุกคนฝึกมันก็ทั้งหมดของโลก ครอบจักรวาล ครอบจักรวาล ถ้าเรานับหนึ่งทุกคน ความชั่วความเดือดร้อนไม่มี ไม่เบียดเบียนตนเองแน่นอน ไม่เบียดเบียนคนอื่นแน่นอน และจะพยายาม ถ้าเราไม่เบียดเบียนตนแล้วไม่ใช่ปล่อยไว้ เราไปช่วยคนอื่นให้เขาไม่เบียดเบียนเขา ไปช่วยคนอื่นให้เขาไม่เบียดเบียนคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น จนสุดความสามารถ หลวงตาไปเนี่ย อาทิตย์นึงเนี่ยก็ไป ไปพูดเรื่องนี้ไม่ใช่ไปเที่ยวเล่น ไปแทนพวกเราที่อยู่สุคะโต แล้วเอาพวกเราไปด้วย นี่มาแทนสุคะโต มาแทนพระสงฆ์สุคะโต มาแทนแม่ชีสุคะโต มาแทนอุบาสกอุบาสิกาวัดป่าสุคะโต มาแทนคนไทยทั้งชาติ ว่านี้ คนไทยศาสนาพุทธเป็นอย่างนี้ พระสงฆ์เป็นอย่างนี้ คำสอนเป็นอย่างนี้ ไปประกาศอย่างนี้ ไม่ท้อแท้ อายุแก่แล้วก็ ทำอะไรไม่ค่อยได้ ก็หมด หมดจริง ๆ น่ะ เดี๋ยวนี่จะเดินมาทำวัตรจากกุฏิโน้นมานี่ก็เหนื่อย ก็เลยอยากจะมาพักเต้นท์ที่เนี่ย ไกล้ ๆ เนี่ย อีกหน่อยก็จะมาแป๊บที่เต้นท์โน้น วันที่ 20 พฤษภา จะลงไปอยู่เต้นท์ นอนเต้นท์ นอนตากฝน นอนดิน เวลาเอาหลังวางลงบนดินเนี่ย แหม มันมีความสุขจริง ๆ ไปนอนอยู่ภูเวียง เขาจะเอาเต้นท์มากางให้ ฝนมันตก เอาอะไรมา ที่นอนให้มาทำ เอาเตียงเอาอะไรมา เราได้ต้นคร้อต้นหนึ่ง ลมดี อยู่ทุ่งนา ก็นอนอยู่ พอนอนหลัง เรานอนบนพื้นดิน อ้าว ฝนก็ตกลงมา ตกลงมา เทลงมา (เสียงหัวเราะ) เราก็อยากให้มันตก อยากให้ฝนตก มันเปียก นอนเปียกลองดู เค้าบอกคนอื่นขึ้นไปนอนที่อื่นแล้ว อย่ามานอนแบบนี้ ไปนอนคนเดียว แต่หลวงพ่อคงกางเต้นท์นอน แล้วก็นอน โอ้ย เหมือนกับอยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่าน ตรัสรู้ ประสูติก็บนดิน ตรัสรู้ก็บนแผ่นดิน แสดงธรรมก็บนแผ่นดิน ตลอดถึงปรินิพพานก็บนดิน ไม่ได้รังเกียจซักหน่อยเลย นอนอยู่สองสามคืน รู้สึกว่าเหมือนเหยียบบนแผ่นดินนี้อย่างทะนุถนอม อย่างมีชีวิตชีวา แผ่นดินนี้ใครเป็นคนหามาไว้ให้เรา บรรพบุรุษหามาไว้ เช่น พระยาตากนั่น นั่นนั่งอยู่นั่น เห็นบ่นั่น นั่งอยู่นั่น ใส่หมวกเท่อเล้ออยู่นั่น (เท่อเล้อ ภาษาอีสาน) อ่านดูซิ คำปณิธานพระเจ้าตาก อันตัวข้าชื่อว่าพระยาตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติ กู้พระศาสนา ถวายแผ่นดินไว้เป็นพุทธบูชาแด่พระศาสดาสมณะพระโคดม ให้อยู่ยงคงทนห้าพันปี สมณะ ชี พราหมณ์ สามัคคีพร้อมปฏิบัติให้เหมาะสม ฝึกสมถะวิปัสสนาพ่อชื่นชม ขอถวายบังคมรอยพระบาทศาสดา คิดถึงพ่อพ่ออยู่กับเจ้า ชาติของเราคงอยู่คู่กับพระศาสนา พระศาสนาคงอยู่คู่กับกษัตรา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน เนี่ยแผ่นดินเนี้ย ถ้าพระยาตากไม่กู้ขึ้นมา ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ตั้งแต่เชียงแสน เสียไปแล้ว สุโขทัย เสียไปแล้ว กรุงศรีอยุธยา เสียไปแล้ว รัตนโกสินทร์เนี่ยพระยาตากนี่กู้ขึ้นมาเป็นแผ่นดินที่เราอยู่อาศัยไม่ต้องต่อวีซ่า เช่น พระจีน ชีจีนมาอยู่นี่ต้องเสียภาษี แต่หลวงจีนมาอยู่นี่เกือบสามสิบปีต้องเสียภาษีทุกปี พวกเราไม่เสียภาษี พระยาตากหาไว้ให้เรา แผ่นดินนี้จะทำมาค้าขายทำอยู่ทำกินได้ ทุกพื้นที่ ทุกตารางวา ทุกตารางนิ้ว สามารถไปอยู่ได้ คนไทยมีบัตรประชาชน เราเป็นพระสงฆ์ มีจีวร มีบาตร มีหนังสือสุทธิ หลวงตาก็สามารถออกหนังสือสุทธิให้ผู้ที่บวชเป็นสากลยอมรับ อ้างได้ มีสิทธิเป็นนายทะเบียนคนนึงแทนคนไทยและมีสิทธิที่จะต้องบอกความจริงความเท็จแก่คน ไม่กลัวใคร ไปรอบหลายประเทศมาแล้ว ไปบอกว่าหลง มันไม่ถูก รู้สึกตัวมันถูกต้อง ความโกรธไม่เป็นธรรม ความไม่โกรธเป็นธรรม ความทุกข์ไม่เป็นธรรม ความไม่ทุกข์เป็นธรรม ฝึกกายให้มันเหนือเกิดแก่เจ็บตาย เรามีทุกข์เป็นเบื้องหน้า เรามีความอะไรต่าง ๆ เราจะอยู่ยังไง นี่แหละ ฝึกอย่างนี้ ฝึกสมถะวิปัสสนา พ่อชื่นชม พระยาตากเค้าพูดไว้ตั้งหลายร้อยปีแล้ว ในกรุงรัตนโกสินทร์เนี่ยสามร้อยปีมาแล้ว มีคนพูดอย่างนี้ ศาสนานี่พระพุทธเจ้า พระศาสดาตรัสไว้ แม้ชีวิตของเราเนี่ยอะไรเป็นอะไร มองดูซิได้มาจากบรรพบุรุษ ไม่ใช่เราดี วิเศษ บรรพบุรุษที่ให้เลือดให้เนื้อให้ชีวิตเรามา มีพ่อ มีแม่ พี่ป้า น้า อา ปู่ย่า ตายาย หลายชั่วคน จนมาถึงเราเนี่ย เราจะเป็นยังไง ให้มันเป็นชีวิตที่มีค่าอย่าเอาเลือดเอาเนื้อเอากายเอาใจไปทำชั่ว สงสารพ่อสงสารแม่เอามาทำสิ่งที่ดีที่ประเสริฐเป็นทรัพย์ที่เอามาทำดีได้ มาล้างความชั่วได้ จนถึงมรรคผลนิพพานเป็นที่สุดของชีวิต พ่อแม่เราอาจจะไปไม่ถึงแต่เราต้องแทนพ่อ แทนแม่ ปู่ย่า ตายายของเรา จะปล่อยทิ้งยังไง ทุกข์ไม่ได้สงสารพ่อแม่ โกรธไม่ได้สงสารพ่อแม่ ชั่วไม่ได้สงสารพ่อแม่ มีนามสกุล สองนามสกุล มีเชื้อ สองเชื้อบวกกันมาเป็นชีวิตเราพ่อแม่ แล้วก็ไม่ใช่มีเราคนเดียว มาถึงเรานี่ก็ไม่ใช่เราคนเดียว มีพ่อมั้ย มีแม่มั้ย มีปู่ย่าตายายมั้ย เนี่ย เนี่ย เนี่ย มาเนี่ย เราจะทำไง จะเอาพ่อเอาแม่มาทำ เราจะไม่เอาพ่อแม่ไปทำชั่วทำกรรม เราทำได้เรื่องนี้ สิทธิของเรา เราไม่โกรธเราทำได้ ไม่ต้องขอร้อง ขออนุญาต หลวงตาอย่าให้ผมโกรธด้วยนะ หลวงตาช่วยผมด้วย ก็ไม่ได้ เวลาเราหลง หลวงตาผมหลงแล้ว ช่วยด้วย ไม่มีทาง หลงเองเปลี่ยนเอง ทุกข์เองเปลี่ยนไม่ทุกข์เอง มาเปลี่ยนมาปฏิบัติ เปลี่ยนได้มันดียังไง มันผิดมั๊ย ถ้าผิดก็พากันหนีอย่ามาอยู่นี่ (เสียงหัวเราะ) ถ้าหลวงตาสอนผิดมาอยู่ทำไม หา ถ้าหลงก็หลงไปซิ ไปทำชั่วทำไปซิ ไปไม่กี่วา ถ้าทำชั่วที่สุดไม่มีสิทธิ์เดินทางในประเทศไทยได้ หลวงตาเคยสอนเยาวชนติดยาเสพติดสมัย 10 ปีผ่านมาแล้ว ไปแวะอยู่กับยาเสพติดจนสุดเหวี่ยง ทั้งกัญชา ทั้งฝิ่น เฮโรอีนมาถึงยาม้า ตั้งแต่เฮโรอีนไปจับนักเลงสวนลุม สมัย 516 ไประดมธรรมที่นั่น มีปัญหาเยอะสวนลุมพินีอ่ะ ร่วมกับตำรวจจับนักเลงสวนลุมพินี บอกดี ๆ อย่าไปจับเค้าเข้าคุกเข้าตาราง ให้เค้ามาหาเรา ถ้าใครต้องการจะเปลี่ยนชีวิตใหม่ ละ เลิก มาหาเรา เราพาไปบวช จับได้ 13 คน สารภาพ เอามาบวช เอามาบวช บวชเอาเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดไปบวชที่วัดสนามใน เสมาวัดสนามในไม่ใช่อะไรเป็นก้อนอิฐเก่า ๆ โบราณ ไปนั่งบวชที่นั่น เป็นเสมานานมาแล้ว ไม่ได้มีหลังคา ช่อฟ้า ใบระกาอะไรหรอก ก้อนอิฐเก่า ๆ ไปนั่งบวชที่นั่น เจ้าคณะจังหวัดเลย เอาไปบวช บวชแล้วแบ่งกันมา หลวงตาเอามาอยู่เนี่ย 3 คน ตายไป 2 คน เหลืออยู่คนเดียว เลิกไม่ได้ เอามาเลิกได้แล้ว มันกลับไปอีกนะ มันก็ติดอีก ได้คนนึง คือ ใครในเพื่อน ตอนนี้เค้าเป็นเศรษฐีแล้ว ชื่อสมชาย สมทรงขี้ยาสวนลุม นักเลงสวนลุมนะ (เสียงหัวเราะ) เดี๋ยวนี่เค้าเป็นเศรษฐีแล้วนะ บางใหญ่ไปแล้ว ตั้งบริษัท โรงงานต่าง ๆ แล้ว แล้วก็เอาทุกอย่าง เดี๋ยวนี้ไปเอาไม่ได้แล้ว มีเด็กคนนึงติดยาม้า ติดยาม้า แล้วพ่อ พ่อ พ่อปกครองไม่ได้ ครูก็ปกครองไม่ได้ เอามาให้พระ อำเภอร่วมกันกับตำรวจ อำเภอ โรงพยาบาล ผู้กำกับการตำรวจภูธรแก้งคร้อ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแก้งคร้อ วัดป่าสุคะโตร่วมกันเอามาให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน จับเอาคนที่ติดยาม้ามีปัญหา เป็นคนอะไรในสังคม มีเด็กคนนึงติดยาม้า ติดยาม้าแล้วอยากได้มอเตอร์ไซค์ บอกพ่อซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ พ่อไม่มีเงิน บอกพ่อให้ขายควาย พ่อก็ว่าโอ้ยควายก็มีเท่านี้เอาไว้ทำนา พ่อก็ไม่ขายขึ้นไปบนเล้าไปผูกคอตาย พ่อเห็นลูกชายขึ้นไปผูกคอบนเล้า พ่อขึ้นไปแก้ แก้แล้วยอมขายควายซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ลูก โอ้ย หลวงตา รู้สึกว่าสลดใจมาก ขายควายซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ลูกๆ ก็ไม่เล่าไม่เรียนมีแต่ติดยาม้า เล่น ก็เลยจับมา พอจับมา ให้ผู้ใหญ่บ้านจับมา บ้านใครบ้านมันจับมา ให้ผู้ใหญ่บ้านมาดูแล ก็มานอนเฝ้าประตู ผู้ใหญ่บ้านมานอนเฝ้าประตู เอาเด็กมา มาอยู่ที่วัด แต่มาอยู่ที่ภูเขาทองที่นั่นมีกำแพง ให้พ่อ แม่ ให้พ่อเอารักษาความปลอดภัยมาดูแล
สมัยก่อนเขามี อพป. มีปืนด้วย (หัวเราะ) มาดูแล แต่เด็กมันไม่ออกประตูนี่ มันกระโดดออกกำแพง สำรวจหายไปสี่ห้าคน ไม่รู้เด็กนี่อยู่ที่ไหน เอ้าเราก็ตามไปตำรวจตามไป ก็หาไม่เจอ แต่ว่าถ้าเกินเจ็ดวันจะจับให้พ่อเอามาส่ง ก็หลวงตาก็ตามไป ตามไป ถ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อฟังครู ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ไปอยู่กับพระก็ไม่เชื่อฟังพระ ให้อยู่เพียง 7 วันเนี่ยไปบอกพ่อกับแม่เขา พ่อแม่เขาก็ยอมรับ 7 วันเท่านี้เองถ้าไม่กลับนะภายใน 7 วันนะ ถ้าไม่กลับไปเข้าคอร์สเข้าค่ายเนี่ย จะเดินอยู่ในเส้นทางประเทศไทยไม่ได้เด็ดขาดเลย จะเอายังไง ถ้าจับได้จะให้ไปอยู่ในค่ายทหาร 3 ปี ไปอยู่วัด 7 วัน กับไปอยู่ในค่ายทหาร 3 ปี จะเอายังไง หลวงตาก็ไปพูดกับเขาแบบนี้ เธอจะเดินในทางในประเทศไทยไม่ได้ต้องเดินอยู่ในดงในป่าเหมือนสัตว์จะเอายังไง คนไทยจะเป็นอย่างนั้นหรือ เส้นทางทุกเส้นในประเทศไทยจะไม่มีสิทธิ์เดินทางในประเทศไทยได้ ถ้าไม่กลับ ถ้ากลับก็ไปพร้อมกับหลวงตาตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร เขาก็กลับ แต่งเสื้อแต่งผ้าไปเลย (หัวเราะ) มาเข้าคอร์สแล้ว โอ้ยดีเดี๋ยวนี้ก็ดีแล้วเลิกยาม้าได้ เดี๋ยวนี้ก็ยังพอยังมียาม้ากันอยู่ แต่เมื่อ 10 ปี ก่อนนี้โอ้เดือดร้อนมาก นักเลงที่จะมาเนี่ย จะเล่าให้ฟัง ยิ่งไปอยู่ในคุกยิ่งชำนาญ เฮโรอีนสมัยก่อนต้องเอาเฮโรอีนละลายน้ำ เอาเสื้อชั้นในเสื้อชั้นในบาง ๆ ซักให้สะอาด ซักให้สะอาด ไม่ใช่สอนมวยนะ อย่าไปทำนะ (หัวเราะ) ซักเสื้อชั้นในสะอาด เอาเฮโรอีนเบอร์ 1 โยนลงไปในน้ำในขัน เอาเสื้อซักแห้ง ตากแห้งแล้วไปจุ่มเอา ไปจุ่มเอาให้มันดูดออก ดูดน้ำหมด เอาไปผึ่งไว้ในลม มันแห้งพับส่งไปให้เพื่อน พอเพื่อนได้ไปก็เอาไปก็จุ่มน้ำนิดหน่อย บีบออก บีบออก แล้วสูบ ดึงฉีด เมาเหมือนกันเฮโรอีนเหมือนกัน นี่จับมาได้ มาจับอะไรเป็นเสื้อนะ นี่เค้าบอกเรานะ ว่าจับเขามานะ คุณจะเอาไง ไปฉีดยาในคุกตารางได้ไง โอ้ยสบายมาก เค้าก็พูดเรื่องเรียนปริญญาเสพติด ยาเสพติดในคุกยิ่งสบายเลย เขาพูดอย่างนี้ ปราบไม่อยู่
เพราะฉะนั้นนี่ การใช้ชีวิตเนี่ยมันจะติด แต่ชั่วก็อยู่ไม่ได้ ลำบาก เกิดโรคเกิดภัย อย่างที่หลวงตา ตาย สมควรตาย มันบวชแล้ว ไหนบวชแล้วมันดีแล้ว มันกลับไปบ้าน สึกไป สึกไปไปติดอีก ไปติดอีก หลวงตาตามไป ตามไป ตามไปก็บอกอีแอ๊ดว่า หลวงตาอยู่วัดสนามในนี่ให้มาพบที่นี่ ก็มาพบไม่ใช่มาอะไร มอมแมมมา กลางคืนมาเคาะประตู ขอพูดซักหน่อยนะ ฟังมั้ย สนใจมั้ย (หัวเราะ) มาเคาะประตูหลวงตา หลวงตาเปิดประตูออกมา มอมแมม นุ่งผ้าผู้หญิงนะ เสื้อก็เป็นเสื้อผู้หญิง ใส่กางเกงเปื้อน ๆ (...) น้ำตาไหลไม่เหมือนผู้คนเลย อ้ายชื่ออะไรจำไม่ได้ มาจากยังไงอ่ะ พูดเบา ๆ ผมตีตำรวจตายมา ทำไมไปตีเขา ผมทะเลาะกับเพื่อน ผมไปขอปืนตำรวจ ตำรวจไม่ให้ผม ไม่ให้ปืนผม ผมเลยไปได้ เดินไปร้านซ่อมได้แป๊บมา เห็นตำรวจยืนอยู่ผมก็ตีตาย ตายแล้วผมวิ่ง ตำรวจก็ไล่ ไล่เอาหมาไล่ ผมก็วิ่งเข้าซอย พวกนักเลงมันชำนาญในซอยนะในสลัมนั้น วิ่งเข้าไปกระโดดเข้ากำแพง วิ่งไป ก็วิ่งไปนะ หมาก็ไล่ตามไปผมก็เลยไปเปิดถังส้วมผมมุดอยู่ในคูดนั้นในสลัม อ้าวพอเปิดลงไปๆ มุดอยู่ในส้วม พอคิดได้มั้ย (หัวเราะ) สมัยก่อนนั้นส้วมมันก็มีคูดเป็นน้ำต้องเอาฝาปิดให้มันพอหายใจได้ หมาตำรวจก็เข้าไปในส้วมไปเห่าใหญ่ ตำรวจเข้าไปก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ออกไป หมาก็เห่าอยู่นั่น ไปดมส้วมมันก็มีแต่คูด เหม็น ตำรวจไม่กล้าเปิดมันจะไปอยู่ได้ไงในหลุมส้วม นี่ก็เขาก็เลิกลาไป พอเที่ยงคืนมา พอเที่ยงคืนมาก็ไม่มีตำรวจมันก็ขึ้นจากส้วมมาอาบน้ำในห้องน้ำเขา เห็นเสื้อผ้าผู้หญิงมันตากอยู่มันก็เลยเอาใส่มา แล้วมาหาหลวงตา ผมจะโหนรถไปบางบำหรุลงภาคใต้ไปหาญาติที่โน้น ต่อมาเลยทราบว่า ถามข่าวจากญาติว่า ตายแล้ว ติดยาเสพติดหนัก ป่านนี้ชีวิตเราจะเป็นอย่างนั้นหรือ ห๊า เอามั้ย อย่างนั้น เอามั้ย (หัวเราะ) เอามั้ยชีวิตเรามันเลือกได้นี่ คนไทยนี่ประเสริฐที่สุด สงสารพ่อแม่เรานะ จะทำชั่วได้ไง มาเป็นคนดีมาช่วยกันนะ ยังมีประโยชน์ต่อประเทศชาติเรานี้ โลกมันร้อน ครึ่งปีแล้วฝนยังไม่ตก ฝนตกเมื่อวานนี้ไม่มีก้อนเมฆ น่าสงสารฝนอยากตกเหลือเกินไม่มีก้อนเมฆ มันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีเมฆ ทั้ง ๆ ที่อากาศมันน่าจะตกมันไม่มีเมฆ มีเมฆนิด ๆ หน่อย ๆ แม่น้ำโขงก็แห้งแล้ว เกิดความร้อนในโลกขึ้นมาคนทำลายโลก เราจึงมาช่วยกัน ชีวิตหลวงตาเนี่ยช่วงไม่นานเนี่ยมารักษาธรรมชาติไว้เนี่ย มาวัดสุคะโตเนี่ย ภูเขาทองมายังพอมีธรรมชาติอยู่บ้าง มาดูแล หลวงตาหมดแล้ว หมดสภาพแล้ว มาสอน มาฝึก มาดูแล มีประโยชน์ต่อแผ่นดินนี้พวกเรานะ หลวงตามันแก่แล้วขออาศัยพวกเราทุกคนพระหนุ่ม ๆ มาช่วยกันนะ มันเป็นอย่างนี้ มาทำความดีเนี่ย มันหลง เปลี่ยนหลงเป็นรู้ถูกที่สุด มันทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ถูกที่สุด มันโกรธ เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธถูกต้องที่สุด ชีวิตเราต้องมีอิสระจากวันนี้ไปจนเหนือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้ได้พบได้เห็นในธรรมะเบื้องสูงในชาติปัจจุบันนี้ด้วยกันทุกคน ๆ เทอญ