แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ได้ยินได้ฟังเอาไว้ เป็นการศึกษา เรียกว่า “สุตมยปัญญา” ปัญญาได้เกิดขึ้นได้จากการได้ยินได้ฟัง ฟังแล้วไปทำ อย่าฟังแล้วจำ มันได้ของปลอม ถ้าจำเอา หากฟังแล้วไปทำ มันได้ของจริง เช่น บอกว่าสติ ความระลึกได้นะ สัมปชัญญะ-ความรู้ตัว เราก็จำเอา สติ-ความระลึกได้ สัมปชัญญะ-ความรู้ตัว เมื่อมีคนถามสติคืออะไร เราก็ตอบได้ สติ คือ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว นี่ก็ได้ของปลอม เป็นภาษานกแก้ว นกขุนทอง พูดได้ อะไรก็ตาม แต่ก็ดี ดีกว่าไม่จำ ไม่เคยได้ยิน แต่ถ้าเราฟังแล้ว เอาไปทำ เอาสติ คืออย่างนี้ อย่างนี้ ก่อนพูด ก่อนทำ ก่อนคิด รู้สึก ระลึกได้ ขณะที่พูด ที่ทำ ที่คิดอยู่ รู้ตัว อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้อง เรื่องความคิด เรื่องการพูด เรื่องการทำ เปลี่ยนให้เป็นเรื่องถูกต้อง เรียกว่า สัมปชัญญะนะ ก็ใช้ได้ เรียกว่า ศึกษา เอาไปทำ โอ้! มันเป็นอย่างนี้ นี่คือ สติ นี่คือ สัมปชัญญะ มันใช้ได้กับชีวิตเราจริง ๆ นี่เรียกว่า สุตมยปัญญา ได้เกิดปัญญา ได้ยินแล้วมาเป็นปัญญา ถ้าได้ยินได้ฟังแล้ว ไม่เกิดปัญญา มันก็ไม่ใช่ศึกษา
“จินตมยปัญญา” ปัญญาเกิดจากการขบเคี้ยว แยกแยะ ไม่ใช่ซื่อบื้อ ทำตามกันไป ไม่ใช่อย่างนั้น อะไรผิด อะไรถูก ก็เคี้ยวเหมือนเรา เคี้ยวอาหาร กลืนลงไปในลำคอ เคี้ยวดู ถ้ามีก้าง มีดูก มีขี้ดิน ขี้หิน ก็เอาออก ให้กลืนแต่ข้าว ให้กลืนแต่อาหาร อันนี้มันธรรมชาติ มันบอกแต่ว่า ความคิดของคนเรานี้ ถ้าไม่ขบ ไม่เคี้ยว มันเอาหมด ก็ไม่ถูกต้อง คิดอะไรก็พูดไป ทำอะไรก็พูดไป ถ้ามันคิดโกรธ ก็โกรธตามความคิด ถ้ามันคิดรัก ก็รักไปตามความคิด ไม่ขบไม่เคี้ยว มันก็เป็นโทษเป็นภัยก็มี จึงศึกษาถลุง ให้ได้เนื้อ ให้ได้ประโยชน์จากความคิด คิดมี 2 ความคิด
- ตั้งใจคิด นี่แหละ คือ จินตมยปัญญา
- หากถ้ามันลักคิด เรียกว่า สังขาร สมุทัย เป็นตัวเหตุ ที่ทำให้เกิดปัญหา ตัวลักคิดน่ะ เป็นสังขาร เราไม่ได้ใช้มัน มันใช้เรา มีจิต มีใจ เอาไปรับใช้ความคิด สังขาร สมุทัย ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ เรียกว่า จินตมยปัญญา
ให้อันสูงสุด เรียกว่า “ภาวนามยปัญญา” ปัญญาเกิดจากการกระทำ ทำความดี ภาวนา คือทำดี ขยันทำความดี เปลี่ยนความร้ายเป็นความดี เปลี่ยนความผิดเป็นความดี เปลี่ยนความถูกเป็นความดี เปลี่ยนหลงเป็นความรู้ เรียกว่าภาวนา เปลี่ยนความทุกข์เป็นความรู้ เรียกว่าภาวนา เปลี่ยนความโกรธ เป็นความรู้ เรียกว่าภาวนา ภาวนา คือ ขยัน ทำดี ถ้ามันไม่มีอะไร ก็มีความรู้สึกตัวไป นี่เรียกว่า ภาวนา เป็นปัญญาอันสูงสุด เราก็มีการบ้านแบบนี้ ไม่ใช่ไม่ศึกษาอะไร
การบ้านของเรา คือ ธุระ ธุระของเราเนี่ย ถ้าเราเป็นนักบวช ออกจากเรือนไม่เกี่ยวข้องด้วยบ้าน ด้วยเรือน จะเป็นเพศนักบวช จะไม่เป็นเพศนักบวช แต่จิตใจก็เป็นเรียกว่า “ปวัชชะ” ออกไปจากความชั่วไปสู่ความดี บวชทางจิตใจ ไม่ได้บวชทางกาย นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ก็บวชทางจิตใจ เช่น ความชั่วไปสู่ความดี ธุระของเรามี ๒ อย่าง ต้องรับอย่าปล่อยปละละเลย ธุระของเรา ๒ อย่าง คือ
“คันถธุระ” อย่างศึกษาเนี่ย คันถธุระเนี่ย ศึกษาคือ ได้ยิน ได้ฟัง เอามาคงมาคิด เอามากระทำ เรียกว่า สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ปัญญามยปัญญา ได้ปัญญาทั้ง ๓ อย่าง เอามาสร้างปัญญา เรามีสติ สัมปชัญญะ เราก็เป็นการละความชั่ว ทำความดี สุตมยปัญญา เรียกว่า คันถธุระ เรามาสวดมนต์ สาธยายนี่ เป็นคันถธุระ อ่านหนังสือตำรับตำรา เป็นคันถธุระ เรียนรู้เรื่องประวัติพระพุทธเจ้า เกิดศรัทธาเลื่อมใส เรียกว่าคันถธุระ ทุกคนที่เป็นพุทธศาสนาทั่วโลก พวกเราก็มีศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระพุทธศาสนา จนถึงออกบวช การออกบวชเช่นนี้ มีจิตวิญญาณตั้งแต่เราเกิด พ่อแม่ให้เกิดลูกชาย เกิดลูกสาว ก็ตั้งใจให้เป็นคนดี สิ่งที่เป็นคนดี คือศีล คือธรรม หลักคำสอน จนเราได้ซึมซาบเข้าไปในจิตใจ บางทีเราก็คิดขึ้นมาเอง ตอนนี้อายุป่านนี้แล้ว น่าจะบวช ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เวลานี้อายุปูนนี้แล้ว น่าจะบวชมาศึกษา
ถ้าพูดถึงการขวนขวายเรื่องนี้ พระพุทธศาสนาทั่วโลก ประเทศทิเบตนี่ เก่งที่สุดในโลก ขวนขวายเรื่องนี้ เรื่องการบวช แต่ละปี คนทิเบตเนี่ย จะต้องออกบวชทุกปี ถ้าพ่อไม่บวช ก็ต้องแม่บวช ถ้าแม่ไม่บวช ลูกสาวต้องบวช ถ้าลูกสาวไม่บวช ลูกชายต้องบวช หรือถือฤดูบวช บวชแล้วก็เต็มอยู่แถวสังเวชนียสถาน มีแต่คนทิเบต เหลืองเต็มไปหมดเลย ทั้งนักบวชหญิง ทั้งนักบวชชาย ไม่รู้ว่าเขาได้เงินได้ทองมาจากไหน หรือเค้าเดินเอาก็ไม่รู้ จากทิเบต อินเดียเนี่ย (หัวเราะ) เต็มไปหมดเลย มีแต่คนทิเบต ในพุทธคยาเนี่ย จนไม่มีที่ไป ตรงไหนก็มีแต่คนทิเบต ยึดพื้นที่ เสียงสวดมนต์ ในพุทธคยา มีแต่เสียงคนทิเบต และก็ไหว้ วิธีไหว้ของเขายืนไหว้อยู่นั่นแหละ และก็เวียนเทียน ทำประทักษิณ ยืนขึ้นแล้วมีกระดาน เมบลงไป หน้าผากจรดพื้น แบฝ่ามือ ลุกขึ้น ยืนขึ้น เป็นร้อย ๆ พัน ๆ ครั้ง เรากราบ 3 ที ก็เกือบจะไม่ไหวแล้ว บอกให้ทำหลังแอน ๆ ก็ไม่อยากทำ แป๊กลง ขี้เกียจ (หัวเราะ) บอกให้เมบลง เบญจาคประดิษฐ์
เบญจางคประดิษฐ์ คือ อัญชลี วันทา-ยกหัวแม่มือใส่ปลายจมูก นิ้วชี้จรดระหว่างคิ้ว วันทา อภิวาท-กราบลงไป แบมือออก เอาหัวแม่มือจรดคิ้ว หมอบลงให้จรดคิ้ว อย่าไปทำแบบนี้ ทำแบบนี้มันกราบศพ แบมือออก ค้อมลง หัวแม่มือจรดคิ้ว “พุทโธ เมนาโถ” เงยขึ้น พอกราบลงก็ เอาหัวแม่มือจรดคิ้ว “พุทโธ เมนาโถ” ว่าในใจ เงยขึ้นมา มือมาแตะเข่า ยกขึ้นมาหน้าอก อัญชลี วันทา อภิวาท ระหว่างก้นนี่ ให้จรดน่อง อย่าให้ก้นเงิ่ง เหมือนกับส่องกบอยู่นี่ ไม่ใช่แอน ๆ หลังแอน ๆ
ทิเบตเป็นร้อย ๆ ครั้ง ยืนขึ้นกราบ เมบลงไป เก่งจริง ๆ คนทิเบต เขามีศรัทธา อันดับหนึ่งของโลก พุทธศาสนาที่มีศรัทธาสูงสุด คือ คนทิเบต ประเมินจากการไปสังเวยชนียสถาน ทิเบตเนี่ยอันดับหนึ่งของโลก ไปมากที่สุด ต่อมาศรีลังกา ประเทศไทยอันดับที่ ๔ ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศพุทธศาสนา 90 เปอร์เซ็นต์ แต่เพียงเป็นอันดับที่ ๔ ที่ขวนขวายเรื่องพระพุทธศาสนา แต่มีเปอร์เซ็นต์ เอาเปอร์เซ็นต์ สำมะโนครัวเฉย ๆ แต่การกระทำนี่ สู้คนทิเบตไม่ได้ เพราะงั้นเนี่ย
เราก็มีศรัทธามาบวชแล้ว บวชแล้วก็เอาธุระ คันถธุระ ศึกษา สวดมนต์ ทำวัตร ภาวนา ทำตรง ๆ ตั้งใจเจริญสตินี่ รู้สึกตัว พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้นี่ ทำอย่างนี้ เราก็ตามรอยของพระพุทธเจ้า พระองค์ทำอย่างนี้ ไม่มีหนังสือตำราเรียน เอากายเป็นตำรา เอาใจเป็นตำรา ตั้งใจเรียน เปลี่ยนจากตัวเองเห็นความคิด เห็นความหลง มันคิดไปไหน คิดถึงพิมพาราหุล กลับมารู้สึกตัว คิดถึงปราสาทราชวัง กลับมารู้สึกตัว คิดถึงสาวสนมกำนัลใน กลับมารู้สึกตัว คิดถึงพระราชทรัพย์สินศฤงคาร กลับมารู้สึกตัว คิดถึงพระเจ้าจักรพรรดิที่จะอยู่ในกำมือ กลับมารู้สึกตัว เอากลับมาไว ๆ กลับมาไว ๆ ก็สัมผัสความรู้ ความหลง ได้ทิศ ได้ทาง ได้กระแส มันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ใด มีความรู้ความหลงตรงนี้ ตั้งใจเข้าไป จนได้เกิดเป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เราก็ทำตามรอยตรงนี้ ศึกษาไป อย่าทอดทิ้ง เอาธุระให้ได้ อย่าห่าง ให้มันติด เหมือนเราท่องหนังสือ เราดูหนังสือ ถ้าเราท่องบ่อย ๆ มันก็ติดปาก ติดตาด้วย เขียนถูกด้วย จนติดปาก ถ้าติดปากแล้วมันก็ มันก็ท่องติดง่าย การติดความรู้สึกตัว มันติด ถ้ามันติด ความหลงก็ติด ถ้ามันหัดยังไง ชีวิตจิตใจของเราเนี่ย มันเป็นของต่อเนื่อง เป็นของติดได้ ถ้าเราไม่สอนตนเอง ติดความชั่ว ติดกิเลส ตัณหา เป็นจริตนิสัยได้
“ราคจริต” คิดแต่เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง การเล่น มัวเมา เลื่อนเปื้อนในกามคุณ ทะเยอทะยาน อยากโน้นอยากนี้ มันก็ติดไปแบบนั้น เรียกว่า ราคจริต ปรุง ๆ แต่ง ๆ ยินดียินร้าย
“โทสจริต” ติดความโกรธง่าย อะไรก็ออกหน้าออกตา ความโกรธ ความทุกข์ เป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือน เจ้าอารมณ์ โทสจริต เป็นจริต เป็นอย่างนั้น หายใจดีสักว่าง สักซาลงนิดหน่อยไม่มี หมกมุ่นอยู่กับความคิด เร่าร้อน จิตใจ โทสจริต โทสะ แล้วไม่พอ ร้ายกาจ เรียกว่าทำลายอะไรได้ ทำลายตัวเองได้ โทสะ ไม่อยู่ตรงโทสะอย่างเดียว มันร้ายกาจออกไป ทำลายตัวเอง ทำลายคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น ฆ่ากัน ฆ่าตัวเองตาย ฆ่าคนอื่น ทำอะไรก็ได้ หาความปราณี เมตตากันนิดหน่อยไม่มี เมื่อมันเป็นจริตแล้ว
“โมหจริต” หลงเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือน มืดบอด อะไรก็ยินดี อะไรก็พอใจ ไม่พอใจ พอใจ ไม่พอใจ พอใจ ไม่พอใจ หาความเป็นกลางไม่มีเลย ไม่มีสติสตางค์อะไร ถ้าไปขวาจัดยินดี ซ้ายจัดยินร้าย อารมณ์บวกลบ อารมณ์ของคนนี่ มีบวกมีลบ ถ้าบวกก็พอใจ ถ้าลบก็ไม่พอใจ ของอย่างเดียวสมมุติพอใจ ของอย่างเดียวสมมุติไม่พอใจ อดีตต้องทิ้งลูก ทิ้งเมีย ทิ้งคนรัก ทิ้งเพื่อน ทิ้งการ ทิ้งงาน อยู่กันดี ๆ มีอะไรนิดหน่อยก็ทะเลาะกันแล้ว ให้อารมณ์เป็นใหญ่ เรียกว่า โมหจริต พร้อมที่จะคล้อยตามอารมณ์ อารมณ์มาก็เอาเลย ถ้ากูได้โกรธแล้วกูไม่ลืม พอใจในความโกรธ เรียกว่า โมหจริต ไม่รู้ว่าความโกรธมันคืออะไร ไม่มอง ไม่เห็นตัวเอง นึกว่าเราโกรธ นึกว่าเราทุกข์ นึกว่าเราดี เราเด่น อะไรต่าง ๆ ไป แสดงออกได้ไม่อาย เล่าให้คนอื่น สูบบุหรี่ให้คนอื่น โกรธให้คนหนึ่ง มันก็เป็นจริตได้ ถ้าเราไม่สอน ถ้าเราไม่สอนตัวเอง จริตนี่ มันจะไปเป็นกรรม เป็นวิบากของคน ๆ นั้น ตลอดชาติ และอีกชาติเท่าไหร่ไม่รู้ มันจึงเสียชาติแล้ว ถ้าเราไม่ศึกษา สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ มันไม่ควรที่จะเป็นจริตแบบนั้น
มันเป็น “พุทธจริต” รู้ ตื่น เบิกบาน คิดสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา ทำสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา พูดสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าและลับหลังทุกคน ไม่มีความลับ มีแต่ตัวเองที่เห็นตัวเอง ถ้าหลอกคนอื่น มันอาจจะหลอกได้ ถ้าหลอกตัวเองเนี่ย หลอกไม่ได้ เพราะเราเห็นตัวเอง ศึกษาไป เรายังไงก็เป็นคนไทย เป็นชาวพุทธ มาศึกษา มาเรียนรู้ มาสัมผัส ให้ได้ประจักษ์กับสิ่งที่ถูกต้องของโลก อย่างน้อยก็ไปพูดให้พ่อให้แม่ฟัง กล้าพูดไหม แม่จ๋า พ่อจ๋า ลูกสาวของแม่คนนี้ รับรองไม่ชั่วละแม่เอ๊ยพ่อเอ๊ย ให้พ่อแม่ได้สบายใจ ลูกสาวของแม่คนนี้ ไม่ชั่วเด็ดขาดแล้ว คุ้มค่าที่แม่เลี้ยงมา หรือว่าตอบแทนค่าน้ำนม ไม่ทำให้แม่เสียเลือดในอก พูดสักทีไหม
ก็ ก็เพราะเหตุที่พูดเรื่องนี้ แม่หลอก แม่หลอกเรา เขียนจดหมายมา พรรษาที่สอง ออกพรรษาปั๊บ มีคนเอาหนังสือด่วนมาก ไปส่งที่อำเภอเชียงคาน ไปอยู่อำเภอเชียงคานคนเดียว อยู่เขา บ้านหลวงพ่อเทียน จดหมายด่วนไปส่งให้ พออ่านไป เขาบอกว่า ถ้าอ่านจดหมายเสร็จแล้วให้รีบกลับบ้าน แม่ไม่สบาย ก็ลงเขามา เดินมาเชียงคาน ไม่มีรถ ตั้ง 20 กิโล 10๐ กว่ากิโล เดินมาขึ้นรถถึงบ้าน ขึ้นไปบ้าน แม่นั่งอยู่ ไม่เห็นป่วยอะไรเลย (หัวเราะ) แม่ก็ยกมือไหว้ “อย่าให้แม่เป็นบาปเลย” เราก็นั่งลง “แม่ไม่เป็นไรหรอก สบายดีอยู่ แต่ไปทำไม 2 ปีไม่กลับบ้าน ไม่รู้ว่าตัวเองมีแม่เลย ไม่คิดถึงแม่ก็ตามเถอะ แต่แม่ต้องคิดถึงลูกตลอดเวลา ใช่ไหม ทำไมไปอย่างนี้ ให้รู้ว่าตัวเองมีแม่บ้าง ไม่คิดถึงแม่ไม่เป็นไร แต่แม่ต้องคิดถึงลูก”
“แม่ ลูกของแม่เป็นพระ ลูกของแม่ ๗ คน มีลูกเป็นพระอยู่คนหนึ่ง ไม่ชั่วดอกแม่ ลูกชายของแม่คนนี้ไม่ชั่วเด็ดขาด”
“ไม่ชั่วก็ตาม เป็นพระก็ตาม แต่ต้องคิดถึง อย่างน้อยต้องให้รู้ว่าอยู่ที่ใด ให้ข่าวคราวกันบ้าง ขอร้องเหอะ ให้ข่าวกันบ้าง”
วันนั้นเนี่ย ไปพูดบ้าง ไปสอนแม่บ้าง ขืนไปพูดว่า แม่เอยลำบาก ไปอยู่วัดป่าสุคะโต ลำบาก (หัวเราะ) ลำบากจริง ๆ แม่ ไม่รู้จะทนได้ไหม พอแม่มาเยี่ยม หน้าบูดหน้าบึ้ง เศร้าสร้อย หงอยเหงา แม่ก็ใจเหี่ยว โอย! ลูกชายของฉัน เป็นงี้หนอ ทำไมไม่สู้สักหน่อย แทนที่แม่จะชื่นใจ แม่ก็เศร้า แสดงความอ่อนแอ ไม่ใช่
เราต้องเข้มแข็ง เราต้องเข้มแข็ง เพื่อสร้างความดี ไม่เป็นไร ดี ให้มันยากลงไป ให้มันทุกข์ลงไป ลำบากลงไป
เวลานี้ มีกรรมการมหาเถรสมาคมจะช่วยพระสูบบุหรี่ ให้เลิกบุหรี่ มีฮอลล์ชนิดหนึ่ง เขาผลิตขึ้นมา บริษัทผลิตฮอลล์ขึ้นมา ออกหนังสือแถลงการณ์คณะสงฆ์ จะแจกฮอลล์ ถวายพระผู้สูบบุหรี่ (หัวเราะ) ใครจะเอาบ้าง จะไปรับมาให้ เลิกให้ได้ เลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เดี๋ยวนี้ก็มีติด ทั่วโลก ทั่วประเทศ ในวัดวาอาราม เป็นเขตปลอดบุหรี่หมดแล้ว แล้วพระจะมาสูบบุหรี่นี่ มันใช้ได้ยังไง เพราะนั้นใครสูบบุหรี่ ก็ต้องหยุด ไม่ต้องสูบ กินมากก็หยุด ไม่ต้องกินมาก มีไหมวัดเรา (หัวเราะ) ให้เข้มแข็ง เอาล่ะ อันความดี ความชั่ว เราจะพยายามละความชั่ว เราจะพยายามทำความดี มันก็ทำได้ มันคิดขึ้นมา ไม่ต้องคิดไปล่ะ หยุดทอด ชักสะพานออกมา บอกกลับ ไม่เอา กลับมารู้สึกตัว สอนตน มีโอกาสสอนตลอดเวลา ตัวเราเนี่ย ไม่เข้มแข็ง ให้มีศรัทธา ให้มีความอดทน ให้มีความเพียร เพียรละกิเลสที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพียรละบาปอกุศลที่มีแล้วให้ไม่มี เพียรสร้างกุศลที่ยังไม่มีให้มีขึ้น เพียรสร้างกุศลที่มีขึ้นแล้วให้เจริญมากขึ้น ให้มันเจริญมากเท่านั้น มันทำได้ ปฏิบัติได้ อย่างที่เราสวด “สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม” พระธรรม เป็นธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว “สันทิฏฐิโก” เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว มันเป็นวิทยาศาสตร์ พระธรรมเนี่ย อย่าไปทอดทิ้ง เวลาใดมันหลง ไม่หลงก็ได้ เวลาใดมันทุกข์ ไม่ทุกข์ก็ได้ เวลาใดมันโกรธ ไม่โกรธก็ได้ มีสติเนี่ย จะไปทำไงพวกเรา ล้วน ๆ อยู่ที่นี่ อย่าไปแย่งเอาการงานนี้ หน้าที่กันมาใช้ ไม่ว่าจะมีศรัทธา แม่โรงทาน ทำอาหารหวานคาว ให้พอใจ ตำน้ำพริก ยิ้มแย้มแจ่มใสได้ไหม หรือว่าตำน้ำพริก เฮ้ย! ลำบากตรากตรำ ยากเหลือเกิน ตำพริกก็ไม่อร่อย ไม่แซบ เผ็ด ๆ บางคนตำพริกเผ็ดมาก เพราะอะไร ไม่มีน้ำใจเลย เลยเหือดแห้ง บางคนตำน้ำพริกนี่ แซบ แซบ ปรุงอาหารก็แซบ มีน้ำใจ ใส่น้ำใจลงไป เหมือนแม่ทำอาหารให้ลูกกิน บางคนนะ กินอาหารจากคนอื่นไม่อร่อย ต้องกินอาหารจากแม่ อย่างพระรูปหนึ่ง ที่อยู่เทพสถิต มาบวชที่นี่ คิดถึงแม่ เพราะกินอาหารไม่เหมือนแม่ทำให้ อีกคนหนึ่งมาจากสหรัฐ เป็นลูกหมอ เป็นหมอ เป็นคนไทย แม่ก็เป็นคนไทย พ่อก็เป็นคนไทย เป็นหมอทั้งคู่ไปอยู่สหรัฐ เอาลูกชายมาบวชเป็นเณรที่นี่ แต่เณรนี่ พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ ต้องคุณ...มาอยู่ช่วยดูแล เอาลูกมาบวชที่นี่ คิดถึงแม่ คิดถึงอะไร คิดถึงอาหารที่แม่ทำให้ อาหารใครทำให้ที่ว่าแซบ แซบ ถ้าแม่จะทำยังไง ถ้าทำอันนี้แล้วแม่ ทำเหมือนแม่แล้ว ก็ยังไม่แซบเหมือนแม่ทำให้กิน เพราะน้ำใจแม่ ไม่ใช่อาหารหรอก เอามาทำที่แม่ให้สูตรมา ก็เขียนจดหมายไป แล้วคุณทำอาหารให้ลูกคุณกินยังไง เขียนจดหมายไปถามแม่ เขาก็บอกสูตรมาเขียนมา เราก็มาทำน่ะ เราก็ทำเหมือนแม่เขาบอก มันก็ยังบอกว่าไม่แซบเลย (หัวเราะ) เพราะอะไร เพราะน้ำใจ ใส่ลงไป แม่รักลูก ก็ใจปรุงอาหารให้ลูกกิน เนี่ย! ลองทาน ลอง แซบ แซบ กินอาหาร เพราะมีน้ำใจ
อย่าไปคิดยุ่งยาก ช่วย ๆ กันนะ หลวงตาก็ต้องอาศัย พวกเราทุกคน น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า สิ่งที่เรารวมกันคือ สร้างความดี คือสร้างบุญกุศล สร้างมรรคผลนิพพาน ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไหน ทำอะไรก็ตาม มุ่งมาสู่จุดนี้ ให้มีความรู้สึกตัว มีความรู้สึกตัว คิดช่วยกันอย่างนี้ เผื่อกันอย่างนี้ เป็นสิ่งแวดล้อมไม่ตรงกันละก็ อย่าเบียดเบียนกัน อย่าทะเลาะวิวาทกัน อย่าขัดแย้งตัวเอง คิดง่าย ๆ คิดถูก ๆ คิดเบา ๆ อย่าไปคิดให้ตัวเองหนัก เบียดเบียนตนเองก็เป็นบาป คิดขึ้นมาเบียดเบียนตนเองให้เป็นทุกข์ เป็นบาป เบียดเบียนคนอื่นก็เป็นบาป ชิงกันก็เป็นบาป อย่าทำชั่ว อย่าพูดชั่ว อย่าคิดชั่ว ให้มีสติสัมปชัญญะ
คุณค่าของสติสัมปชัญญะ คืออะไร ไม่ด่วนรับ ไม่ด่วนปฏิเสธ เป็นกลาง ไม่ด่วนยินดี ไม่ด่วนยินร้าย มีความเป็นกลาง นี่เรียกว่า สติ สติจริง ๆ ไม่ด่วนรับ ไม่ด่วนปฏิเสธ เป็นกลาง เป็นกลาง ๆ ไม่บวก ไม่ลบ เป็นกลาง ความเป็นกลางตัวนี้ เป็นธรรม เช่น อะไรเกิดขึ้น รู้สึกตัว เป็นกลาง ไม่วิ่งเข้าไปสู่ความพอใจ ไม่วิ่งเข้าไปสู่ความไม่พอใจ เมื่อเป็นกลาง เป็นมรรค มรรคนี่เป็นทางไปสู่มรรคผลนิพพาน ความเป็นกลาง เป็นทางมุ่งไปสู่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่สุดโต่ง ไม่ใช่กามสุขัลลิกานุโยค อ่อนแอเกินไป อัตตกิลมถานุโยค เข้มแข็ง ตึงเครียดเกินไป ทำความเพียร บางคนเอาจริงเอาจัง หน้าดำคร่ำเครียด เป็นทุกขาปฏิปทา ปฏิบัติลำบาก รู้ได้ยาก สุขาปฏิปทา อ่อนแอเกินไป หวั่นไหวง่าย เกินไป ขี้เกียจก็หยุด ขยันก็ทำ ให้ความขยัน ให้ความขี้เกียจพาทำ ไม่ได้ทำด้วยศรัทธา อย่างนี้กามสุขัลลิกานุโยค อ่อนแอเกินไป ก็ไม่บรรลุธรรมได้ ต้องเป็นกลาง จะหยุดก็ให้หยุดเอาเอง ไม่ให้ความคิดพาหยุดความเพียร เหนื่อยก็เห็นความเหนื่อย อย่าให้ความเหนื่อยพาหยุดความเพียร ให้เราหยุดเอง เราจะหยุดของเราเอง นอนลงไปสักหน่อย ยกมือสร้างจังหวะใหม่ ๆ อาจจะปวดต้นแขน ปวดต้นคอ ปวดเอว ปวดหน้าอก เหมือนจะเจ็บ จะไข้ ครั่นเนื้อ ครั่นตัว ไม่เป็นไร ก็พักผ่อน นอนเหยียดลงไป พักผ่อนสักหน่อย การพักผ่อนไม่ใช่ว่า ไม่ปฏิบัติธรรม มีลมหายใจรู้สึกตัว รู้สึกตัวรอบ ๆ ไม่อยู่ที่มือ แต่รู้สึกตัว นอน งีบสักหน่อยก็ได้ แต่ว่าอย่านานนะ (หัวเราะ) งีบสักหน่อย หายใจเบา ๆ พักผ่อน อย่าไปขี้เกียจ โอ๊ย! ไม่ไหว ไม่ไหว อย่าว่าไม่ไหว คำว่าไม่ไหวภาษาไทยศัพท์นี้ ไม่ต้องใช้แล้ว ไม่เป็นไร เอาไปแทนคำว่าไม่ไหว ไม่เป็นไร ใจมันจะต่างกันนะ ถ้ามันไม่ไหว อ่อนแอจริง ๆ ถ้าไม่เป็นไร เข้มแข็ง หัดจิต หัดใจตัวเอง หัดนิสัย หัดความคิด เนี่ยเอาไหม
จะยังไงวันนี้ หลวงตาจะเปิดปฏิบัติธรรมที่ภูเขาทอง เมื่อคืนก็มีคนโทรศัพท์มา มีญาติ เข้าห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้ หลวงตาบอกว่า ถ้าพรุ่งนี้หลวงตาไป จะทันไหม คงทันเขาว่างั้น แต่ก็อยากไปดูนะ เดี๋ยวนี้มันเป็นยังไงไม่รู้ อยากจะดูคนป่วย คนใกล้จะตาย พูดสักคำสองคำ อยากไปปิดตาให้ ถ้าเขาตาย อยากไปปิดปากให้ เวลาเขาอ้าปากเอามือไปค้ำ ไม่ปล่อยให้อ้าปาก ไม่ปล่อยเหลือกตา ปิดตา ปิดปาก