แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ในรัศมีที่กำแพงล้อมไว้นี้ 500 ไร่ คือชีวิตที่อยู่ร่วมกันที่นี่ตามพระธรรมวินัย มีขอบเขตไตรมาตร 3 เดือนอย่างน้อย แต่ว่าส่วนรูปธรรมเราอยู่ด้วยกันจริง แต่นามธรรมนั้นอยู่ด้วยกันอย่างไรก็ไม่ทราบ ให้รู้แก่ใจตัวเอง บางทีอาจจะไปอยู่ที่ใดก็ไม่ทราบ มัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดว่าอยู่ในอาวาส อยู่ในกรอบ ในเขตธรรมวินัยก็ได้ เราจึงต้องฝึกตนสอนตน เราเป็นอย่างไร เราก็ต้องแก้ไขตนด้วยตน ตักเตือนตนด้วยตนเองให้ได้วิวัฒน์ พัฒนาขึ้น กายอยู่นี่ จิตใจไปไหน เราจึงมีกรรมฐานเป็นนิมิตรเครื่องหมายเป้าหมายเพื่อจะได้อยู่ในวิหารธรรมอันร่มเย็น ไม่ใช่เราอยู่วันนี้ พรุ่งนี้ หนึ่งเดือน สองเดือน สามเดือน เราอยู่ที่นี่ ที่ไหนก็อยู่ไปตลอดชีวิต มันเก็เป็นภาพ เป็นเลนส์ เป็นเลนส์ที่ถ่ายเอาไว้ อย่างหลวงตาว่าเมื่อวานนี้สวดธรรมมะ พาหัง เราก็คิดถึงเคยได้สวดมา 30กว่าปี มันก็เป็นภาพที่ชัดเจนร่วมกันกับพระอาจารย์พุทธทาส อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ท่านไปร่วมปฏิบัติธรรม ฟังธรรมที่สวนโมกข์ด้วยกัน หลายชีวิต มันก็ยังมีภาพที่เราเป็นเลนส์ชีวิตเราได้ชื่นใจ ได้สัมผัสตลอดทุกวันนี้ อันความดี ความร้ายก็เหมือนกัน เราจึงควรที่จะทำความดีเพื่อเป็นนิมิตรเครื่องหมาย มีคติเป็นที่หมายไม่ขัดสนไม่จนต่อกรรมที่เราได้ทำในแต่ละวัน แต่ละวันไป
นอกจากส่วนตัว แล้วก็ส่วนรวม เราอยู่กันเป็นจำนวนมากต้องระมัดระวัง มีวินัยมีระเบียบการใช้ชีวิต แม้แต่เกี่ยวกับบาตร ต้องรักษาเอาไว้ให้ดี เวลาฉันก็ฉันในบาตร เสร็จแล้วต้องล้างให้สะอาด แล้วก็ตากไว้นิดหน่อยให้มันแห้ง แล้วค่อยเก็บไว้ ตากนานก็ไม่ดี แล้วก็อย่าให้เหม็นสาบเหม็นคาว ถ้าบาตรเปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรก เวลาเอาไปใส่อาหารมันก็มีปนเปื้อน ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ พระธรรมวินัยการรักษาบาตรนี่แม่นยำชัดเจน
จีวรก็เหมือนกัน ที่นุ่งห่ม อย่าให้มีกลิ่นเหม็นสาบเหม็นคาว ถ้าผืนไหนที่ใช้แล้ว ไม่ใช้อีกก็ต้องซักให้สะอาด จึงค่อยเอาไปเก็บไว้ ถ้าใช้แล้วไปเก็บไว้ วันหนึ่ง สองวัน ก็เป็นกลิ่นไปแล้ว เหม็นแล้ว ซักไม่ค่อยออก แล้วก็เป็นที่น่ารังเกลียดของผู้คน อย่าให้มีกลิ่น บางทีมันซักไม่ออก ก็ต้องต้ม ต้องต้มเอาใจใส่ซักหน่อยและต้องดูแลดีๆ
จีวร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน ให้สะอาดเรียบร้อยหมั่นปัดกวาดเช็ดถู เข้าหลับเข้านอน เช็ดเท้าให้สะอาด มีราศีก่อนนอน เข้าห้องนอนต้องล้างเท้า อย่าหมักหมม มักง่าย บางทีมีเชื้อโรคอยู่กับเม็ดดินเม็ดหินที่เราเดินอยูในดินในป่า ส่วนดินก็มีเชื้อโรค อากาศก็มีเชื้อโรค เครื่องใช้ไม้สอย เครื่องดื่มน้ำ แก้วน้ำ ต้องล้างทุกวัน พยายามอย่าใช้แก้วใบเดียวกัน ช้อนก็อย่าช้อนอันเดียวกัน มีช้อนกลางสำหรับฉัน ถ้าฉันเป็นภาชนะ ให้ระมัดระวัง ไม่เหมือนแต่ก่อน ทุกวันนี้ก็มีไข้หวัดพันธุ์ใหม่ ต้องพิถีพิถัน เข้าห้องน้ำต้องล้างมือทุกครั้ง แปรงฟันเวลากินข้าวเสร็จให้สะอาด อย่ามักง่าย กว่าเราจะได้กลิ่นเรา คนอื่นก็เต็มที่แล้ว ต้องพิถีพิถัน ดูแลรักษาตัวเองให้คุ้ม เครื่องใช้ไม้สอยของตนเอง อย่าให้หมักหมมอยู่ในที่หลับที่นอน บางทีเราอยู่ในป่า งูบางประเภท งูพิษบางประเภทชอบมาอยู่กับที่อยู่ของเรา มีอะไรที่กองที่ทับกันไว้มันรู้จัก มันรู้จักอันไหนที่คนไม่ใช้ไม่มีการเคลื่อนไหว 6วัน 7วัน อาจจะมีสัตว์มีพิษไปอยู่ในนั้นแล้ว ต้องให้สะอาดอยู่เสมอ ในพื้นห้องกุฏิอย่าให้มีอะไรเกะกะ ยกขึ้นเหนือพื้นได้ก็ดี ถูให้สะอาด มีงูพิษนี่แหละมันชอบนอนใกล้ๆคนก็มี เช่น สามเหลี่ยม เช่นอะไรต่างๆนี่ เคยมีเหมือนกัน โดยเฉพาะฤดูฝน ฝนตกตลอดคืนนั้นมันก็หนาว มันได้กลิ่นไออุ่นของคนอาจจะเลือกมานอนด้วยก็ได้ถ้ามันรกรุงรัง ที่นอนหมอนมุ้ง ตื่นขึ้นมาต้องเก็บให้เรียบร้อย อย่าเรี่ยราดไว้เพราะจะมีงูที่เดินไปเดินมา ระมัดระวัง มีไฟฉาย ตอนมีงูกลางคืน กลางคืนก็มีงูพิษบางประเภท โดยเฉพาะฤดูฝนนี่ งูสัตว์มีพิษมักจะเลื้อยคลาน ถ้าฤดูฝนไปแล้ว สัตว์มีพิษไม่ออกหากิน ไม่ผสมพันธุ์ เดี๋ยวนี้สัตว์บางประเภทผสมพันธุ์กัน มันดุ มันมีอารมณ์แรง แล้วก็รู้จักหัดการใช้ชีวิตในแต่ละวัน จะลุกจะตื่นก็ลุกลี้ลุกลน ให้เบาๆ เวลาจะลุก เวลาจะนอน อย่าลุกลี้ลุกลน ถ้าสัตว์มีพิษมันนอนอยู่มันตื่นตกใจ มันก็โกรธเรา ถ้าเราค่อยๆ มันก็ไม่เป็นไร
การใช้ชีวิตนี่ บางทีมันก็รู้ แต่ก่อนมีช้าง มีเสือ มีงู เยอะแยะ มีคนไม่มาก มันชนะเรา เราก็แพ้มันไป ที่ใดมันครองไว้หมด มันก็เลยมีอำนาจมาก เดี๋ยวนี้ผู้คนมีมากขึ้น มันก็ถอยไม่สู้ แต่ว่าถ้าเราไม่ไปจ๊ะเอ๋กับมันกะทันหัน มันก็ไม่ว่าอะไร บางทีเราเดินไปเดินมา มันเห็นเรา แต่เราไม่เห็นมัน แต่บางคนเดินไม่งาม ฉายไฟก็เหมือนกัน อย่างแกว่งหน้าแกว่งหลัง ฉายไฟต้องบรรจง มันโกรธเหมือนกันน่ะ สัตว์น่ะมันไม่ชอบ แต่ก่อนก็เดินอยู่ในป่า บางคนก็เดินฉายไฟกลางคืน เก้งก็เห่า สัตว์บางประเภทมันก็ด่า นกก็ด่าได้ กวางก็ด่า เก้งก็ด่า ช้างก็ด่า เสือก็ด่า ถ้าเดินไม่ดี มันก็ไม่ชอบความลุกลี้ลุกลนของคน มันก็ดูนิสัยของคนอยู่ สัตว์ในป่ามันไม่ใช่มันไม่ดู มันชอบใครมันก็อยู่ใกล้เราได้ไม่เป็นพิษมันเป็นเพื่อนกันก็ได้ ถ้ามันเป็นศัตรูกับใคร กลิ่นตัวไม่สะอาด กิริยามารยาทไม่เรียบร้อย มันก็โกรธ ไม่พอใจ ไม่ชอบเหมือนกัน แค่ได้กลิ่นไม่สะอาดมันก็ชูคอ เช่น งูจงอาง งูเห่า มันไม่ชอบกลิ่นที่สกปรก ได้กลิ่นสะอาดเหมือนพวกเรา แม่ชี พระสงฆ์ ผู้ที่มีธรรมวินัยดี งูจงอางก็ไม่ค่อยจะชูคอ ถ้าชาวบ้านมีกลิ่นบุหรี่ กลิ่นเหล้า กลิ่นผ้า มันก็ชูคอใส่ มันก็ไม่ชอบเหมือนกัน อันนี้ก็เป็นไปได้
เคยจ๊ะเอ๋กันกับ เสือบ้าง สัตว์มีพิษบ้าง บางทีก็คุ้นกัน เห็นกันมันก็เฉยได้ เสือก็เฉยได้ ช้างก็เฉย งูก็เฉย เคยไปจ๊ะเอ๋กับฝูงลิงสมัยหนึ่ง ให้เล่าซักหน่อยมั๊ย อยู่ถ้ำใหญ่กลางดงชุมพร เดินธุดงค์ นัดกันจากสวนโมกข์ว่าจะไปพบกันที่กลางดงชุมพร มีถ้ำใหญ่ มีพระเพื่อนกันเคยไปอยู่ ก็นัดกันไป แต่ก่อนนั้น ถ้ำที่ใด ภูเขาที่ใดมันชอบ ก็นัดกันไปพบกันในวันนั้น แล้วก็เดินไปตามแผนที่ มีบ้านตอนหลังหนึ่งอยู่กลางดง บ้านตอนคือบ้านใคร คือบ้านกรมทาง อยู่หลังเดียว มีครอบครัวเดียวกลางดงกลางป่า เมื่อเดินไปถามว่ามีพระเข้าไปนี่หรือเปล่า ตอนบอกว่าไม่มี ก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ตอนก็รับรองว่าไม่มีแน่นอน ไม่หนีไปไหนแน่ ถ้าพระมาจะเข้าไปดงก็ต้องผ่านทางนี้ มีทางอื่นก็ไกล ทางนี้เดินไป 7 กิโล ก็เลยสงสัยว่า เอ๊ะจะเดินไปทางอื่นหรือเปล่า กลัวจะผิดนัด แล้วก็ตอนก็ห้ามเรา เราก็กลัวจะผิดนัดกับเพื่อน เลยตัดสินใจไป เดินฝ่าดงลงไปมันก็มืด ไปถึงถ้ำว่าจะเข้าไปในถ้ำ ฝูงลิงตัวใหญ่อยู่ในถ้ำเต็มไปหมดแล้ว ไม่ให้เราเดินเข้าไป มันก็โกรธเรา ตีหน้ากระดานออกมา ยิงเขี้ยวยิงฟันขู่เรา เราก็เห็นฝูงลิงมีตัวใหญ่เท่าตัวเราเนี่ย เราก็ถอยหลังออกมา ไม่ได้กลัวอะไร เราก็นึกว่า เราก็บริสุทธิ์ใจ เขาคงไม่ทำร้ายเรา แม้นเขาจะทำร้ายเราก็ไม่สู้กับเขา เราจะยอมตายอย่างสง่างาม แล้วก็ถอยหลังออกมา มันก็เดินตามกระดานออกมา เราลองมองหน้ามันที มันก็ยิงเขี้ยวใส่ ลองขู่เรา เราก็ไม่มองหน้ามัน เราก็เฉยๆ ถอยหลังออกมา มาได้ก้อนหินหน้าถ้ำ เราก็เลยนั่งลงตรงนั้นเลย ก็เอากลดออกมา มากลางมุ้งนอนที่นั่นแล ไม่ไปไหนวุ่นวายเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธเรา เราก็ขอพูดในใจ คิดในใจว่า ขอโทษนะเราไม่รู้ว่าพวกเธอทั้งหลายอยู่ในนี้ อย่าถือว่ามารบกวน ในที่นี้ก็มีพระพุทธรูป ลิงก็ไปนอนอยู่บนหัวพระพุทธรูปกันเต็มไปหมดเลย เราก็คิดในใจขอโทษเขา ออกมาเราก็นอน เพราะมันค่ำมืดแล้ว นอนมันก็หลับไปเลย
พอตื่นขึ้นมาประมาณตีหนึ่ง ได้กลิ่น กลิ่นที่เป็นกลิ่นเสือ ที่ไม่เคยรู้จัก ว่ากลิ่นเสือนี่ไม่เคยได้กลิ่นเลย แต่พอได้กลิ่นรู้ว่าเป็นเสือทันที ก็เลยลุกขึ้นนั่งมองออกไปนอกมุ้ง ไม่ไกลเท่าไหร่ เห็นนั่งทะมึนอยู่ ว่านี่แหละเสือ มานั่งอยู่นี่ แล้วก็มุ้งของเราก็เป็นมุ้งสีขาว สัตว์มันกลัวกลางคืน ถ้ามุ้งสีกลักสีอะไร อาจจะไม่กลัว เราก็เลยเอาเทียนมาจุดอันหนึ่ง มันคือสัตว์มันกลัวแสงไฟ แต่มันไม่กลัวไฟฉาย ในป่านี่ถ้าวันไหนช้างมันรบกวน มันพ่นจมูก พี่แพ่พี่แพ่ เราก็มาใกล้กุฏิแล้วก็จุดเอาผ้าปั้นเป็นเกลียวจุ่มน้ำมันไว้ ถ้าเข้ามา ก็จุดไฟก็โยนลงหน้าต่างก็หนีไป มันกลัวไฟ ถ้าไฟฉายมันไม่กลัว ใช้ไม่ได้ ก็จุดเทียนแล้วตั้งไว้บนหัว ถ้ามองไปมันก็ลุกไปเลย เสือตัวนั้นก็ลุกปุ๊บปั๊บไปเลย แล้วก็ดูสังเกตุการณ์ มันหนีไปแล้วก็ ก็เลยนั่งๆนอนๆเล่นอยู่นั่น พอตื่นเช้าขึ้นมา ก็ไปดูรอยมัน มีรอยเสือจริง เหม็นคาวเหม็นสาบ นี่ก็ถ้าเราไม่กลัว เลยคิดว่าเขาไม่ทำร้ายเรา แล้วก็อาจจะเป็นรหัสที่ดีระหว่างอันตรายกับชีวิตเราได้
เหมือนกับบางครั้งบางคราว พอรู้ว่าเสือมันกัดคนในเวลาใกล้จะสว่าง แสงทองแสงเงินขึ้น เราก็เลยไม่ออกจากมุ้งเลย นั่งอยู่ในมุ้งนั้น จนแสงแดดส่องมาเราก็ลุกจากมุ้ง พับมุ้งพับอะไรใส่บาตรเดินออกมาหาบ้านตอน บ้านตอนก็บอกว่าโอ้ยผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลย เป็นห่วงท่าน มีปัญหาอะไรไหม เราว่ามีนิดหน่อย ผมเป็นห่วงท่านมาก เพราะมันมีศัตรูมีเสือมีอะไรเยอะแยะในดงนี้ (หัวเราะ) แล้วก็ทำอาหารเช้าถวายแล้วก็เดินทางต่อ ก็ขอร้องให้ขึ้นรถ เลยบอกว่าไม่ขึ้นก็ได้ จะเดินเอา เพราะตั้งอธิษฐานไว้ เดินเข้าไม่นั่งรถนั่งเรือ คือบางทีมันก็จ๊ะเอ๋กันอย่างนี้ ถ้าเรามีจิตใจดีๆ มันก็ไม่เป็นอันตราย อย่าทำท่าต่อสู้อะไรกับเขาเฉยๆไปก่อน มันก็เห็นหน้ากันเหมือนเราเห็นหน้ากัน ก็เป็นมิตรกันเลย มองหน้าก็เป็นมิตรแล้ว ตาของคนเป็นมิตรมันก็บอกใช่ไหม แม้แต่สัตว์ร้ายมันดุ เราก็รู้สัตว์มีพิษ เรามองตามันก็รู้ คนมีพิษก็มองตาก็รู้ อย่างงูมีพิษเนี่ย รู้จักไหมมองตามัน ถ้างูตัวไหนตาหรี่ๆ เหมือนเนี่ยตาหรี่ๆ อย่างเนี้ย อันนั้นงูมีพิษ คิ้วโป่ๆ ตาหรี่ๆ ถ้างูตัวไหนตาโบ๋ๆเนี่ยไม่มีพิษเลย เราก็บอกลักษณะของมันได้ ถ้าตาโบ๋ๆไม่มีพิษหรอก ถ้าตาหรี่ๆ ระวังให้ดี ถ้างั้นก็ให้เป็นมิตรกับเขา บางโอกาสถ้าคนร้าย คนไม่ดี เราไปแสดงเป็นบัณฑิต มันก็อันตรายต่อเรา ถ้าคนเขาเป็นคนดี เราไปแสดงเป็นคนพาล ก็เป็นอันตรายต่อเรา ต้องปรับตัวบ้างบางโอกาส แม้แต่ทุกผู้ทุกคน พวกสัตว์ร้ายมีพิษอย่างไรก็ต้องปรับเนื้อปรับตัว วางท่าวางทางอย่าเป็นศัตรูกับเขา อย่างนี้ การใช้ชีวิตบางทีมันก็เป็นศิลปะไปในตัวกับการปฏิบัติธรรม รักษากาลเทศะตามเหตุตามปัจจัย
เวลานี้ก็ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่มันก็มีเชื้อโรคอยู่ การใช้ชีวิตร่วมกันถ้าเราไม่รักษามีระเบียบมีวินัยดี มันก็เป็นที่หมักหมมของเชื้อโรคได้ในวัดวาอารามนี้ ต้องดูแลตัวเองให้ดี สุขภาพแข็งแรง อย่าอ่อนแอ กินอาหารให้อิ่มอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายพอประมาณ อย่าโหมเกินไป เดินจงกรม สร้างจังหวะ อย่านอนหลับสลบไสล กลางวันเกินไป พักผ่อนบ้าง ถ้ามันเหนื่อยมาก ถ้าไม่เหนื่อยก็ไม่เป็นไร ถ้าหลับกลางวัน กลางคืนจะไม่ค่อยหลับ มันไม่มีประโยชน์เท่าไหร่ การหลับก็หลับแต่หัวค่ำบ้างก็ดี อย่าหลับดึกเกินไป หลับก่อนสองทุ่มน่ะดีที่สุด ถ้าไปหลับหลังเที่ยงคืนแล้วไม่ค่อยมีประโยชน์ การพักผ่อนหลับนอน การฉันก็ต้องเป็นเวล่ำเวลา อย่าฉัน ปรัมปร(โภชน์) หัดกระเพาะให้รู้จักเวลาย่อยเวลาพักผ่อน ฉันปรัมปร(โภชน์) มีอะไรก็ฉันฉันไป มันก็ไม่ค่อยมีระเบียบ การขับถ่ายก็เช่นกัน พยายามหัดถ่ายให้มีเวล่ำเวลา ถ้าไม่หัดมันก็ไม่เป็นนะ การกินอย่างเนี่ยะมันไม่ย่อยกระเพาะไม่ย่อย ก็กินไม่ลง เวลาถ่ายถ้าไม่หัดมันก็ไม่ถูกต้องเวลา บางทีเดินทางไปไหนมาไหนต้องระมัดระวังการอยู่การกิน ไม่ใช่ไม่ระวัง บางทีการเดินทางไม่ค่อยสะดวกในการขับถ่าย ก็ต้องเอาที่อดทน จะทำให้ปรับเนื้อปรับตัวได้ดี ร่างกายและสิ่งแวดล้อมกาลเวลาก็เหมือนกัน ในชีวิตจิตใจเราก็เหมือนกัน รู้จักปรับ มันหลง รู้ มันอ่อนแอ เข้มแข็ง ในเข้มแข็งในความอ่อนแอให้เป็น ในความเดือดร้อน จิตใจเร่าร้อน เย็นให้มันเป็น โบราณว่าให้มีความเย็นได้ในเตาหลอมเหล็กดีที่สุด ถ้าเย็นอยู่ในห้องแอร์มันก็ไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าเย็นในความร้อน มันจะดี เข้มแข็ง
ความทุกข์ความสุขก็เหมือนกัน จึงมีวิธีปฏิบัติแบบนี้ เห็นมันสุข เห็นมันทุกข์ ไม่ใช่เป็นผู้สุข ไม่ใช่เป็นผู้ทุกข์ แม้มันจะมีโกรธ มีกิเลสตัณหาก็เห็น อย่าเป็นผู้มีกิเลสตัณหา มันหลงตรงไหน รู้ตรงนั้น จนรื้อถอนได้ เป็นสักกายทิฏฐิ ถอนความหลงออกจากทิฏฐิ ความหลงมันมีทิฏฐิสำคัญมั่นหมาย สักกายทิฏฐิเห็นผิด ทำให้เห็นถูก อยู่โดยชอบให้มาก จัดการกับตัวเองให้ดี ดูแลตัวเองให้ดี เรียกว่าธรรมวินัย ช่วยตัวเองบ้าง ช่วยคนอื่นบ้าง ใจกว้างๆขวางๆ อย่าคับแคบ ถ้าไม่ได้ทำอะไรก็คิดจะช่วยคนอื่น ขวนขวายในกิจอื่นของเพื่อน เราทำได้ก็ขวนขวายเอาไว้ จะได้มีน้ำใจเป็นอัปปมัญญา ไม่มีขอบเขตในความรัก ความปรารถนาดี ไม่มีขอบเขต กว้างใหญ่ไพศาล เป็นมหากรุณาธิคุณเหมือนพระพุทธเจ้า
ถ้าเราอยากรู้พระพุทธเจ้า ก็เอาคุณของพระพุทธเจ้ามาไว้ในเรา คุณของพระพุทธเจ้านั้น เอาอย่างที่อยู่ใกล้ๆเราคือ เมตตาธิคุณ เป็นการนำทาง คิดสิ่งใด พูดสิ่งใด ทำสิ่งใด ประกอบด้วยเมตตา นี่ลักษณะของพระพุทธเจ้า คุณต่อไป กรุณาธิคุณ ไม่ใช่คิดเฉยๆ พอจะช่วยก็ช่วยกันไป กรุณาธิคุณช่วยเหลือ ตามกำลังของเรา เช่น เมตตาเห็นคนตกน้ำ น่าสงสารหนอ น่าสงสารหนอ มันก็ไม่มีประโยชน์ กรุณาคือ ช่วยลงไป ยื่นท่อนไม้ ทิ้งเชือก ทิ้งไม้ลงไป ให้เขาจับ ดึงเขาขึ้นมา ถ้าเราไม่มีแรงที่จะไปช่วยเขาได้ หาวิธีอื่นๆ เรากรุณาเข้าไปช่วยเหลือ โดยการคิด โดยการเป็นเพื่อน ถ้าไปเป็นเพื่อน เรียกว่ากรุณาธิคุณ ทำเรื่องหนักให้เป็นเรื่องเบา ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ในตัวเราก็เช่นกัน ในคนอื่นก็เช่นกัน ข้อที่สาม เรียกว่า บริสุทธิคุณ ทำสิ่งใดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังค่าตอบแทนใดๆ ไม่เรียกร้องค่าตอบแทนด้วยความบริสุทธิ์ ข้อที่สี่ ก็ ปัญญาธิคุณ มีปัญญารอบรู้ กับกาลเทศะ ถ้ามีคุณสี่อย่างนี้ ก็ใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้า เรียกว่าเป็นญาติกันเลย น้อมเอาไว้ในเราเนี่ย มันก็ไม่เหลือวิสัยที่เราทุกคนทำได้ ได้ไหม จำได้ไหมพี่น้อย สี่อย่างอะไรบ้าง หือ (หัวเราะ) เมตตาธิคุณ อยู่ในหัวใจ พูดสิ่งใด ทำสิ่งใด คิดสิ่งใด ประกอบด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าลับหลังในเพื่อน ทุกสิ่งทุกอย่าง กรุณาธิคุณ ช่วยเหลือตามความสามารถ บริสุทธิคุณ ทำลงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังค่าตอบแทน คิดแต่ว่าให้มาก เสียให้น้อย คบมิตรเพื่อประโยชน์ อันนั้นก็ไม่ใช่มิตรแท้เป็นมิตรเทียมไป ปัญญาธิคุณ รอบรู้ แก้ไขความร้ายเป็นความดีอยู่เรื่อย เวลามันหลงให้มันรู้ เวลามันทุกข์ให้มันรู้ ปัญญาธิคุณ สามสี่อย่างนี้อยู่โดยชอบ ไม่ใช่อยู่ป่าสุคะโตนะ อยู่โดยชอบ อยู่ในการปฏิบัติตัวลงไป ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธออยู่โดยชอบ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าตรัสดังนี้ คืออยู่โดยชอบคืออย่างนี้ ทำไป ทำไว้ในใจ เราเป็นคนเฒ่าคนแก่ก็นอนทำไว้ในใจ ไม่เป็นไร ไม่ใช่ขยันขันแข็ง มื้อนี้อาจจะไม่ได้มาทำวัตรนะ จะเตรียมตัวเดินทางไปขอนแก่นแต่เช้า ก็มีอาชีพ เรื่องนี้ (หัวเราะ) ยังมีร้อนวิชาในกรรมฐานอยู่ เราจะบอกจะสอนคน ปรารถนาดีอย่างนี้ไป