แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกัน วันคืนล่วงไปๆผ่านมาใกล้เข้าพรรษาแล้ว ตามพุทธบัญญัติมีความหมายทุกๆวัน มีความหมายทุกๆเดือน มีความหมายทุกๆนาที ทุกวินาที ชีวิตเราต้องพัฒนา นอกจากเราแล้วยังมีอันอื่นอีกที่เราจะต้องช่วยกัน ถ้าตามปกติตามธรรมวินัยแล้ว ผู้ที่อยู่ในอาวาสเมื่อก่อนใกล้เข้าพรรษาก็ต้องเตรียมเสนาสนะที่อยู่อาศัยเพื่อต้อนรับพระสงฆ์ ผู้ที่ยังไม่มาขอให้มา ถ้ามาแล้วมีที่อยู่อาศัยอยู่เป็นสุข ถ้าวัดที่มีไวยาวัจกร มีชาวบ้าน มีทายกที่เป็นผู้อุปถัมภ์ดำรง เขาก็มาเตรียมเสนาสนะ ถางหญ้าถางถนนหนทาง ตัดกิ่งก้านรานกิ่งต้นไม้ที่มันทำท่าจะล้ม จะปรกหลังคากุฏิศาลา ทำความสะอาด อย่างน้อยก็ต้องเอารถเทศบาลมาตัดกิ่งไม้ขนไปทิ้งถ้าอยู่ในเมือง
นี่เราก็คาดว่าจะมีเพื่อนสหธรรมิก หมู่พระสงฆ์ ฆราวาสญาติโยม จะมาอยู่ด้วยกันหลายชีวิต ถ้าที่อยู่อาศัยนั้นคงจะยังไม่สมบูรณ์แบบ เราก็ทำอยู่เรื่อยๆ ไม่หยุดไม่หย่อน อย่างนี้อาจารย์ตุ้มก็ทำมา ตั้งแต่อาจารย์ตุ้มมาอยู่นี่ทำมาตลอด ทั้งน้ำ ทั้งไฟ ทั้งที่อยู่อาศัย ก็มีกุฏิ 2 หลังที่ควรจะบำรุงซ่อมให้มันดี กุฏิดินอยู่กุฏิองค์ ๑๓ หลังหนึ่ง ถ้าไปฉาบปูนดีๆ ราดฟุตบาทดีๆ ห้องน้ำก็ใส่ประตู ใส่อะไรดีๆ จะพอเพื่อนเราอาศัยอยู่ได้ กุฏิดินหลังนี้หลังใกล้ๆ กับกุฏิคุณไพศาลนี้ ก็วิเวกดี หลัง เดี๋ยวนี้กุฏิดิน ๒ หลังนี้ปลีกวิเวกที่สุดเลยไม่มีใครรู้ ถ้าซ่อมเสียหน่อย เพื่อให้พอที่จะอาศัยอยู่ได้ตามอัตภาพของพวกเรา นอกจากเราอยู่กับตัวเราแล้ว เราก็อยู่กับเพื่อนกับมิตร อยู่กับธรรมวินัย มีศีลสามัญลักษณะเสมอกัน สุขด้วยกันทุกข์ด้วยกัน นอกจากอยู่กับธรรมวินัยแล้ว ก็ยังอยู่กับธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ผืนดิน น้ำ อากาศ ไฟ ป่าไม้ สัตว์สาราสิ่ง เราก็มีจิตใจกว้างขวาง รู้ อยู่ที่ไหนก็เพียรพยายามที่จะทำให้มันไม่สูญเสีย โดยเฉพาะเรา ที่อยู่ของเราเนี่ย มีที่สูงมีที่ต่ำ น้ำไหล สมัยก่อนนี่ไม่เห็นน้ำไหลนะ ฝนตกขนาดทั้งวันนี่ไม่ค่อยเห็นน้ำไหล เพราะถนนหนทางไม่มี แล้วก็แต่น้ำในห้วยเนี่ย จะขึ้นเอง ไม่เห็นน้ำไหล มันจะขึ้นเอง ขึ้นเอง ขึ้นเอง มันซึมลงไป มันดูดลงไป ต้นไม้มีมาก น้ำในห้วยก็ขึ้น ตึงขึ้นตึงขึ้น ก็ไหล ไหลในห้วย แต่น้ำในป่าตามถนนหนทางไม่มีที่ไหล
ต่อมาเราก็มีกุฏิหอไตรหลัง 8 หลังนี้อยู่หอไตร ก็เอาโอ่ง เอาปูน เอาหิน ขึ้นไปทำแท็งก์น้ำ ก็มีทางรถขึ้นได้ เราก็ทำลายเพื่อไม่ให้มันไหลระยะยาวๆ เวลามันไหลก็แบ่งเฉลี่ยให้มันไหลออกโน้นออกนี้ แล้วก็มีทางเดินขึ้นไปก็เป็นศอกลงมา เราก็พยายามเฉลี่ย อย่าให้มันไหลยาวๆเลย มันเลยศอก มันไม่น่าดู ก็ๆ เฉลี่ยออกไป เฉลี่ยออกไปไหลบ้าง เฉลี่ยออกไปเฉลี่ยออกไป ไม่อยากเห็นน้ำไหลยาวๆ ถ้าตรงไหนที่มีน้ำไหลยาวๆ ก็ช่วยกันเสียหน่อย ให้ธรรมชาติมันยังอยู่ การขุด การอะไรก็ เราพยายามที่จะอยู่ป่าตามระเบียบของป่าสงวนแห่งชาติ แม้แต่รอยจอบรอยเสียมที่เราขุดก็ ก็ระวังที่สุดเลย ไม่ใช่กลัวป่าไม้หรอก เรานี่แหละที่จะไม่ทำลายอะไร นอกจากไม่ทำตนเองให้เป็นทุกข์ ไม่ทำคนอื่นให้เป็นทุกข์ ไม่ทำสิ่งอื่นให้เป็นทุกข์ ไม่ทำอะไรทุกอย่างให้เสียหายให้เป็นทุกข์ ให้สูญเสียจากธรรมชาติ ก็ช่วยๆ กัน คิดช่วยคนอื่นบ้าง คิดช่วยสิ่งอื่นบ้าง พอที่ช่วยกันได้ พอที่จะให้ความสะดวกกันได้
โดยเฉพาะเขตกุฏิผู้หญิงนี่ ผู้หญิงนี่ ที่อยู่อาศัยยังดีกว่า ดีกว่าที่อยู่ของพระสงฆ์-อุบาสก เพราะศรัทธาผู้หญิงมีมาก สร้างกุฏิทีหลังเป็นแสนๆ กุฏิพระเนี่ยไม่ค่อยมีนะ ชีน้อย ไม่ค่อยมีคนสร้างนะ ผู้หญิงนี่ โอ๊ย! เยอะแยะเลย แล้วก็มาสร้างอยู่สบายติดมุ้งลวดให้ด้วย พระธรรมนะ แม้ทุกวันนี้เราก็ได้กินได้อยู่ได้กินเพราะพวกผู้หญิงทำอาหารให้พวกเรา ดูแลพวกเรา วันนี้คือเสียรู้พระเลย ชีน้อย เอ้อ ชี คุณอูฐ คุณหมู พระมาขอเงินค่าน้ำมัน ก็คิดว่าหลวงพ่อบอก มาถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ด่าว่า โง่แล้วยังมาให้ถามหลวงพ่อทำไม เอาให้เขาไป อย่าคิดว่าตัวเองทำบุญ ทำอย่างงั้นไม่ใช่ทำบุญ ทำบุญต้องมีประโยชน์ เนี่ย คนแบบนี้มันสนับสนุนไม่ได้ มันเสีย เป็นบาปผู้ที่ให้ แม้แต่ของอยู่ในกุฏิเรา อะไรที่มีค่า อย่าสมรู้ร่วมใจกับโจรผู้ร้าย นาฬิกา ของที่มีค่า ทิ้ง ไม่ดูแล โทรศัพท์ เวลาเขาขึ้นไปเขาเห็นเนี่ย เขาไม่นึกว่าจะขโมยหรอก แต่เห็นแล้วมันมีค่าก็เอาไป ทีแรกไม่ตั้งใจ แต่ว่าไปเห็น ไม่มีใครดู ใครอยู่ เขาก็หยิบไป ต่อไปเขาก็ติดนิสัยขี้ลักขี้ขโมยเกิดขึ้นๆๆ เราก็มีส่วนที่จะไปสนับสนุนให้เกิดขโมย ขโจรขึ้นมาได้ ดูแลให้มันดีๆ สิ่งของ เครื่องใช้ไม้สอย อย่าให้เลอะๆ เลือนๆ ให้เป็นระเบียบทั้งกายเรา ทั้งใจเรา ทั้งวาจาเรา ทั้งสิ่งของ
นอกนั้นเอก วิชาเอกของเรา คือกรรมฐานนะ กรรมฐาน กรรมฐานนี้อย่าให้ อย่าให้เว้นว่าง ฉวยโอกาสที่ตั้งแห่งการกระทำ เวลาฟังธรรมไม่ต้องสร้างจังหวะก็ได้หรือสร้างก็ได้ ถ้าทำท่ามันลอยๆ ก็ยกมือ รู้ไปด้วยฟังไปด้วยก็ดี ถ้าไม่กำหนดตัวใดก็ฟัง (สุดสูสัง ละภะเต ปัญญัง) ผู้ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา ก็มีบ้างการพูดการสอนกันน่ะ พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมนี่แหละ การแสดงธรรมนี่ สิ่งที่ไม่เคยได้ยินก็ได้ยิน เมื่อได้ยินแล้วสิ่งไม่เคยเข้าใจก็เข้าใจ บรรเทาความสงสัยเสียได้ จิตของผู้ฟังย่อมผ่องใส อานิสงส์ของการฟังธรรมมีเหมือนกัน ทำความเห็นให้ถูกต้อง เนี่ย อานิสงส์ ๕ ประการการฟังธรรม หลวงพ่อก็ชอบฟังหลวงพ่อเทียนพูดสมัยก่อน โอ๊ยฟัง บางทีหลวงพ่อเทียนพูดเราไม่รู้ เอาไว้ก่อนยังไม่ต้องคิด สิ่งที่เราไม่รู้จักไม่ต้องไปคิด เราเอาเฉพาะเรื่องที่เราทำเรารู้ เช่น หลวงพ่อสอนเรื่องสติยกมือเคลื่อนไหว เราก็รู้อยู่นี้ หลวงพ่อเทียนสอนรูปนาม เราก็ไปรู้รูปนามเหมือนหลวงพ่อสอน ให้ดูมันซิ เนี่ย การเคลื่อนไหวเนี่ย อะไรมันเคลื่อนอยู่นี้ อะไรมันมีแนวเคลื่อน ท่านก็เอา เอารูป ชี้ให้เห็นรูป รูปแบบนี้มันเคลื่อนไหวได้ไหมเนี่ย รูป รูปคน รูปพระ มันเคลื่อนไม่ได้ ทำไมมันเคลื่อนไม่ได้เพราะมันไม่มีใจ มือของคนเนี่ยทำไมมันเคลื่อนได้เพราะมีจิตใจ มีความรู้สึก เนี่ย มันก็ดูให้มันเห็นรูปเห็นนามนี้ แต่เราไม่ได้คิดนะ หลวงพ่อเทียนคล้ายๆ ว่าสอนให้เราคิด เราก็ไปคิดตามที่หลวงพ่อเทียนสอน มันก็บางทีปวดหัวด้วย ไม่ต้องคิด หลวงพ่อบอกแล้ว แล้วก็ไปทำให้มันรู้ ให้มันเห็นเข้า ไม่หาคำตอบจากความคิด หาคำตอบจากการกระทำ เราก็ดูไป รู้ไป เห็นไป มันก็เข้าใจรูปนาม
เมื่อเข้าใจรูปนาม เมื่อหลวงพ่อเทียนพูดเรื่องรูปนาม เราก็มีเครื่องรับของเรา มันก็แสดงไป บางทีมัน มันแตกฉาน น่าจะพูดตรงนั้น หลวงพ่อเทียนน่าจะพูดตรงนี้ มันก็แตกฉานไป เห็นรูปธรรม เห็นนามธรรม เห็นรูปมันทุกข์ เห็นนามมันทุกข์ เห็นรูปมันเป็นโลก เห็นนามมันเป็นโลก โลกของรูปโลกของนาม เห็นสมมติของรูป เห็นสมมติของนามที่มันบัญญัติขึ้นในชีวิตจิตใจของเรา ที่บัญญัติเป็นวัตถุสิ่งของนอกตัวเรา ความรักความชังเป็นสมมติบัญญัติเอาเอง มันก็แตกฉานไป แตกฉานไป กระทบกระเทือนไป ความโลภ ความโกรธ ความหลง ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ตั้งไม่ติดเลย
เหมือนกับเราตัดเถาไม้ วันนั้นหลวงพ่อตัดเถาที่ต้นส้มโอ ส้มโอลูกแต่ก่อนดี๊ดีนะ เดี๋ยวนี้พอเถาไม้ขึ้นคลุมมัน อาจจะ ๒ ปีแล้วคลุมหมด ต้นส้มโอก็ไม่ ไม่มีเนื้อเลย แกร็น มีลูก ใช่ไหม ชีน้อย หลวงพ่อก็ดูมัน ไปดูมัน เถาไม้มันขึ้นไปคลุมมัน ก็ตัดซะ แป๊บเดียว มีดเล็กๆ มีดอะไรบางๆน้อยๆ หลวงพ่อถือ ถือใส่ตะกร้าไป ไปปาดเอายางที่มันพันต้นมะม่วงเขาตอนมา เวลาปลูกเราปาดออก อาจารย์ตุ้มบอก ถ้าไม่ปาดตรงนี้มันจะตายนะ ก็ปาดออก ก็ไม่เห็นแล้ว เอามีดน้อยๆ ปาดออก เถาขนาดนี้ ปาดฉับนิดเดียวไม่กี่วินาที เดี๋ยววันนี้ไปดูซิ มันร่วงหมดแล้ว มันตายแล้ว ไม่ต้องไปปลิดใบมันทีละใบ ทีละใบ
การที่จะไปห้ามความโกรธ ความโลภ ความหลงเนี่ย ไม่ต้องไปห้าม ไม่ต้องปลด มันมีตัวนี้ ตัวรู้ ตัวหลงเนี่ย มันเห็นรูป เห็นนามนี้เข้าไปกระทบกระเทือนเลย ความโลภ ความโกรธ ความหลง จนล่วงเกินล่วงพ้นภาวะเก่าได้จริงๆ ปฏิบัติธรรมนี้ไม่ต้องไปหาเหตุผล ไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์อันใดที่จะไปรื้อมาถอนความทุกข์ทั้งหลายทั้งหลายทั้งปวงนี้ ที่มันเกิดกับรูปกับนาม มีแต่การปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมก็มีแต่การเจริญสติ พวกเรามั่นใจมากนะ ขอให้ไว้เนื้อเชื่อใจในคำสอน ที่นี่ก็มีอาจารย์ใหญ่ อาจารย์พรเทพนะ ดูแลพระสงฆ์ดีมากทีเดียวเลย แต่ดูแลแม่ชีเนี่ยก็พากันไปสิ ชวนกันไปหาอาจารย์พรเทพป่าไผ่เวฬุวัน ชวนกันไป ท่านตั้งหน้าตั้งตาสอน
สำหรับหลวงพ่อไม่รู้อะไรหรอกตอนนี้ อะไรก็ไม่รู้ ที่เป็นวัตถุสิ่งของอะไรต่างๆ สบายๆ มันไม่ต้องรับผิดชอบอะไร บางวันก็มาทำวัตร บางวันก็ไม่มา มีข้ออ้าง ก็เหนื่อยจริงๆ นะ ชีน้อย ก็เหนื่อยนะ เมื่อเช้านี้ไม่ได้แกว่งแขนอะไร ตื่นสายมากเมื่อเช้านี้ มันปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ตากแดด วันนี้ก็ปลูก มันมีอยู่อีกไม่กี่ต้นก็จะหมดแล้ว ไม้ผลที่อาจารย์ตุ้มซื้อมา หลวงพ่อจัดให้มันอยู่ ไม่เคยปลูกไม้ผลมาหลายปีแล้ว เพราะว่าปลูกไม้ผลมันมีปัญหา เราก็ไม่ค่อยได้กิน มีแต่ชาวบ้านเอาไปกินหมดก็เลยขี้เกียจปลูก อ้าว! วันพอป่วยขึ้นมานี่ คุณหมูเอามะม่วงมาให้ฉัน อ้าว! มันฉันได้เลย ฉันนิ่มก็ได้ ฉันข้าวกับมะม่วงกลืนง่ายนะ คนป่วยคนแก่เนี่ย มันมีน้ำลาย ช่วงที่ป่วยหนักๆ เนี่ย น้ำลายไม่มีเลย ฉันข้าวมะม่วง โอ้! มันก็ล่อลงได้ ล่อคำข้าวลงคอให้มีน้ำลาย ก็เลยปลูกมะม่วงใหญ่เลยปีนี้ ต่อไปเราไม่ปลูกแล้วนะ ถ้ามันมีลูกนะ มันก็ไม่มี มะม่วงเนี่ย วัดเราเนี่ย เยอะแยะเลย
แต่ก่อนก็มะม่วงขึ้นประสาทหลวงพ่อมากที่สุดเลย ปลูกกันใหญ่เลย วัดภูเขาทองเนี่ย ๒๐ ไร่ ปลูกมะม่วงหมดเลย ต้นละเจ็ดสิบบาทก็ซื้อ ต้นละร้อยก็ซื้อ ถ้าไปดูตลาดแผงต้นไม้นี่ หาดูต้นมะม่วง เขาขึ้นป้ายต้นนี้ร้อยบาทมีลูกด้วย ชอบมากซื้อมาปลูก ไม่มีลูกสักลูกเลย แต่ปีนี้มาปลูกอีก อาจารย์ตุ้มซื้อมา เป็นแถวรอบภูสระเลย อาจารย์ติ๊กก็ไปปลูก อาจารย์วัตรก็ไปปลูก แข่งกันดูนะ ปี 55 เนี่ย ใครจะเก่งกว่าใครนะ เดี๋ยวๆนี้ก็เหลืออยู่ต้นกระท้อน ต้นชมพู่ ต้นมะกอกน้ำ ไม่กี่ต้นก็หมดแล้ว พอต้นไม้พวกนี้หมดหลวงพ่อก็หยุดก่อน รอ ที่เราจะต้องรีบทำแบบนี้ คือแปลงปลูกป่า
ปี 2550 จะมีกลุ่มบริษัทเลมอน ฟาร์ม เขาจะมาปลูก เขามาทอดผ้าป่า พวกนี้คนกรุงเทพฯ ที่มีคุณภาพสูงมาก เป็นคนที่สายงานของอาจารย์ตุ้มเนี่ย พวกเราก็พอที่จะอาศัยได้อยู่ บางอย่างเขาช่วยเรา แต่ว่าเราจะทำให้ดีๆ หน่อย แปลง แปลงปลูก ดายหญ้าให้สะอาด ขุดหลุม ใส่ปุ๋ยด้วยนะ เพราะว่าตรงนั้นเนี่ย เราปลูกทีไรไม่ขึ้นเลยเพราะดินมันเสื่อม สมัยหนึ่งเนี่ย เราก็ไม่มีที่อื่นใด ไฟไหม้ป่าโล้นไปเลย หลวงพ่อก็เลยให้ชาวบ้านเขามาทำ ให้คนละ 5 ไร่ 10 ไร่ แล้วก็ให้เขาปลูกมะม่วงให้ พอปลูกให้ สัญญากัน 9 ปี ถ้า 10 ปีไม่ได้นะ เอา 9 ปี ก็มีสัญญาเยอะแยะตามนี้ๆ ก็บอกเขาว่าให้ปลูกมะม่วงให้ พอถึง ๙ ปีแล้วยกมะม่วงให้วัด ห้ามปลูกมันสำปะหลัง ให้ปลูกมะม่วง ปลูกข้าว เขาไม่เชื่อเรา ปลูกมันสำปะหลังกัน โอ๊ย! ดินมันเสื่อมหมดเลย เราปลูกไม่ขึ้นเลย ทีนี้พาอาจารย์ตุ้มไปดู จ้างคนงานให้เขามาดู มันไม่ขึ้นเลย แต่ปีนี้ว่าจะเอากระถินเทพาใส่ปุ๋ยเสียหน่อย ขอให้ปลูกคนละต้นสองต้นนะ ดูซิ เอาต้นไม้เป็นลูกสาวลูกชายด้วยนะ ทำให้เขาเป็นจริงๆ นะ ต้นไม้เนี่ย มันมี มันมีอาณาจักรเหมือนกันน่ะ รุ่นปู่ รุ่นย่า รุ่นตา รุ่นยาย รุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นป้า รุ่นลุง รุ่นลูก รุ่นหลาน อาศัยกันเลย ต้นใหญ่ก็เหมือนปู่ของต้นไม้เล็กๆ อาศัยกัน ต้นไม้เล็กก็อยู่ในร่มต้นไม้ใหญ่ๆ ขึ้นไปๆ
การรักษาป่าธรรมชาติเนี่ย อาย อายภูค้อ หลวงพ่อนึกว่าตัวเองดี พอไปเห็นภูค้อ เห็นสวนสุขภาพทะเลภูของโยมที่นั่นเนี่ย อายเขาเลยหลวงพ่อเนี่ย เขาก็มีทางเหมือนกันขึ้นเขาเหมือนกัน แต่ว่าเขาเฉลี่ยน้ำไม่ให้มันไหลกระจุยกระจายยาวๆ โอ้! ดีมากที่นั่น การรักษาธรรมชาติน่ะดีที่สุดเลย เขามาพักที่วัดเรา คิดอายเขาอยู่ เรานะคุยโวเฉยๆ เรารักษาป่า เราอยู่ป่า จริงๆ ไม่ค่อย ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าพื้นที่มันต่างกัน ของเขามีหญ้าคา มีป่าพงมันมี พอไม้ใหญ่ล้มหมดมันก็ไม่มีหญ้าคา มันเป็นป่า เป็นป่าตั้งแต่ ตั้งแต่เมืองเลยไป ไปถึงเพชรบูรณ์ ขึ้นไปทางเหนือไปโน่น เมืองลาวโน่น ไม่มีหญ้าคาป่าพง แต่เขาลูกนี้มีหญ้าคาป่าพง เขาลูกนี้ก็ไปทางอำเภอ ไปทางเทพสถิต ไปทางนี้ เพชรบูรณ์ไปทางเนี่ย ไปทางฝั่งทางนี้ มีป่าพง มีป่าหญ้าคา มีป่าคอมมิวนิสต์ ถ้าไปทางโน้นไม่มี ทางเขาก็รักษาป่าได้เป็นร้อยๆ เป็นพันน่ะ ก็ไปดู อาจารย์ตุ้มพาเราไปดู โอ๊ย! มันก็รักษาได้แหละ มันไม่มีป่าพง ไม่มีหญ้าคา มันมีหน่อ มันลัดกิ่งขึ้นมา ไฟไหม้ก็ไม่ไหม้โหมเหมือนบ้านเรา ที่นี่ โอ๊ย! สู้กัน หมดเงินหมดทองกันเยอะแยะไปเลย อย่างนี้เราก็พอที่จะอยู่กันได้
วันนี้นั่งรถอ้อมดูป่ากับอาจารย์ตุ้ม เห็นต้นคูน อีกสี่ห้าปี ต้นคูนจะยิ้มต้อนรับเรา เคยเห็นต้นไม้ยิ้มไหม ชีน้อย มันออกดอกสวยงามต้อนรับเรา เราเดินไปตามเนี่ย สองข้างทางมีต้นคูนออกดอกเหลือง มันฟ้อนก็เป็นนะต้นไม้ เต้นรำเป็น เสียงฟ้าเป็นดนตรีใช่ไหม ฟ้าร้องครืนครางครืนคราง ลมเป็น เป็นอะไร นางรำเหรอ พัดมา ต้นไม้ก็แกว่งแขนร่วมไป ซาวไปซาวมา สนุกดีเหมือนกันนะ ถ้ามีต้นไม้ดูเวลาฝนตกลมพัดมา ต้นไม้มันแกว่งแขนไปเกาะกันเล่น มันสนุกดี ไม่แห้งแล้ง ไม่เหมือนกับเราอยู่ตรงแจ้งนี่ เห็นแต่น้ำเต้นรำ พอมาดูวัดเรา ก็โอ๊ย! ต้นไม้ก็เต้นรำเหมือนกันนะ เคยเห็นน้ำเต้นรำไหม หา เคยเห็นไหม หลวงพ่อเคยเห็นน้ำเต้นรำนะ ไปสอนธรรมที่สิงคโปร์ ฟัง เล่าไหม ไม่เล่าก็ได้นะ เล่าไหม น้ำมันเต้นรำ หลวงพ่อก็ไป ขี่กระเช้าข้ามทะเลสาบไปเป็นเกาะหนึ่ง เขาพาไป พอไปแล้วมีเวที มีเวที มีเวทีสำหรับเต้นรำอยู่ต่ำกว่าเรา เวทีเรานั่ง เอ๊ะ พวกโยมนี้มันไม่เข้าใจพระหรือเปล่า มันจะพาเรามาดูวงดนตรีอะไรหนอ เราก็นั่งอยู่ก็ถามอาจารย์ชาร์ลส์เป็นพระฝรั่ง เขาจะพาเรามานั่งนี่ทำไม จะพามาดูดนตรีเขาเต้นรำเขาร้องเพลงหรือ ไม่ใช่ เป็นอะไรล่ะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ดูๆ ก่อน มันจะเป็นอะไร พอถึงเวลาคนก็มา มาๆ มานั่ง หลวงพ่อก็นั่งกับท่านชาร์ลส์กับโยมที่พาไป ถึงเวลาเขาเปิดเครื่องขยายตู้เพลงใหญ่เลย ตึงตัง ตึงตัง พอเปิดตู้เพลงก็มีไฟสีสันต่างๆ เขาก็ปล่อยน้ำขึ้นเป็นเส้นเท่านิ้วมือเท่านิ้วก้อย เต้นขึ้นๆ เอนไปเอนมา ร้องรำไปมา บางทีเกาะแขนกันก็มี น้ำนะ เกาะแขนกันเดินไป อ้าว ! น้ำเต้นรำ อาจารย์ยูกิมีไหมญี่ปุ่น แบบสิงคโปร์เนี่ย มีไหม ไปดูก็ โอ้! มันก็ดีเหมือนกันนะ น้ำเต้นรำ เกิดมาไม่เคยเห็นสักทีเลย น่าดูกว่าผู้โยมพวกเราเต้นรำด้วยนะ น้ำเต้นรำ เขาใส่สีด้วย สีต่างๆ เหมือนกับรูปผู้หญิงบ้าง เหมือนรูปผู้ชายสัตบุรุษใส่เสื้อ ใส่เสื้ออะไร ใส่เสื้อสูทด้วยนะ ผูกเนคไท ดูดีๆ เขาเต้นรำไปมา อ้า! น้ำเต้นรำ
ต้นไม้ในวัดป่าสุคะโตเขาก็เต้นรำเหมือนกัน หลวงพ่อ กุฏิหลวงพ่ออยู่ เวลาลมพัดมา วันนี้หลวงพ่อก็นอนอยู่ ไปให้ฝนสาดใส่สักหน่อยก็ดี เย็น ฝนตกมันก็ไม่ค่อยมีร่มเท่าไหร่ ดูต้นไม้มันเต้นรำเหมือนกันนะ เออสนุกดี หลวงพ่อก็สนุกไป พอฝนปุ๊บรีบลงปลูกป่า ปลูกต้นไม้สักที วันนี้ก็พูดเท่านี้เนอะ