แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ เพื่อให้เป็นส่วนประกอบกับการศึกษาปฏิบัติ ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งใดที่ไม่เข้าใจก็จะเข้าใจได้ ฟังบ่อยๆอาจจะทำให้ความสงสัยหมดไป จิตใจก็บริสุทธิ์ หมดจด ผ่องใสได้ แล้วก็มีหลักการมีวิธีการ เรานั่งสวดมนต์ไหว้พระ 30 นาที กล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พร้อมทั้งพระธรรมคำสอนที่เป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ มันคืออะไร ทั้งหมดคือเรื่องกาย เรื่องใจของเรานี้ คือพระรัตนตรัย เป็นหลักที่เราจะต้องมีกฎ มีเกณฑ์ มีวิธีปฏิบัติต่อกายต่อใจเรา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธเจ้าก็คือคุณธรรม พระธรรมก็คือคุณธรรม พระสงฆ์ก็คือผู้ปฏิบัติตามคุณธรรมนั้น มีอยู่ที่เรานี้ น้อมมาปฏิบัติ พระพุทธเจ้ามีคุณลักษณะย่อๆ มีอยู่ 4 ประการ 1.เมตตาธิคุณ 2.กรุณาธิคุณ 3.บริสุทธิคุณ 4.ปัญญาธิคุณ ผู้ให้คนนึกถึงปัญญาอันเป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ ก็ต้องมีเมตตานำหน้า ช่วยเหลือ สงสาร เมื่อสงสารก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสงสารนั้นเรียกว่าปฏิบัติลงไป เรียกว่ากรุณา ทำสิ่งใดลงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อสิ่งที่เราเมตตา กรุณานั้น ไม่หวังค่าตอบแทน เพื่อให้เขาได้ถึงปัญญา ให้เกิดปัญญา ให้เขาได้ช่วยตัวเขา เมตตานำหน้า เป็นสิ่งที่นำพาให้ถึงความสำเร็จ แสดงว่าพระพุทธเจ้ามีเมตตาออกหน้าออกตา คิดสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา พูดสิ่งใดประกอบด้วยด้วยเมตตา ทำสิ่งใดประกอบด้วยเมตตา เป็นหลักเป็นเกณฑ์ชี้วัด ไม่ทะเลาะวิวาทกับใครเด็ดขาด ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเด็ดขาด มีแต่คิดจะช่วยเหลือ ยิ่งพวกเราเป็นสังคมเป็นครอบเป็นครัวผัวเมีย ก็มีเมตตาออกหน้าสำเร็จได้ถึงจุดหมายปลายทางได้ เมตตา กรุณานี่ พระพุทธเจ้าเป็นยอดนักรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีเปลี่ยนแปลง
แม้แต่องคุลีมาลจับดาบไล่ฟันพระองค์อยู่ พระองค์ก็ยังรัก ยังเมตตาจะช่วยอยู่ จนช่วยได้สำเร็จ บริสุทธิคุณ ปัญญาธิคุณนี่ทำให้เกิดปัญญา คิดได้ขึ้นมา จากความเป็นปุถุชนเมื่อใช้กายใช้ใจถูกต้อง เป็นพระอริยบุคคลขึ้นมา เป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาแก่ผู้ปฏิบัติ นี่คือธรรมะ พระธรรมนั้นก็คือ ทำดีมันก็ได้ดี ทำชั่วก็ได้ชั่ว ทวารที่เราทำความดีมีอยู่ที่กายที่ใจ เอามาทำความดีได้เยอะแยะ ในโลกนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องทำ หลายอย่างเมื่อทำความดี ก็เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา งอกงามขึ้นมา พาให้เราได้ถึงมรรคถึงผล สีเลนะสุคะติงยันติ จะมีความสุข สีเลนะโภคะสัมปะทา จะมีโภคทรัพย์สมบัติภายนอกภายใน สีเลนะนิพพุติงยันติ กลายเป็นนิพพานได้เมื่อละความชั่วทำความดี มีความดีให้เราทำ มีความชั่วให้เราละ เกิดขึ้นที่กายที่ใจนี้ จึงเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำความดีละความชั่ว ชีวิตของเราที่มีอยู่นี้ พระสงฆ์นั้นก็คือ นำพวกปฏิบัติ ปฏิบัติตรง ตรง ปฏิบัติดี ไม่ให้ผิดพลาด ไม่พูดผิด ไม่คิดผิด ผิดถูกอยู่ที่ตัวเราที่สัมผัสเอา ความหลงไม่ถูกต้อง ปฏิบัติดีเปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง ดีแล้ว มันทุกข์ ไม่ดี เปลี่ยนให้มันไม่ทุกข์ ดี ปฏิบัติตรง ตรงต่อตัวเอง ตรงต่อคนอื่น ตรงต่อหน้าที่การงาน ตรงต่อเวลา ตรงต่อศีลและธรรมอยู่เสมอ มั่นใจแน่วแน่ ปฏิบัติออกจากทุกข์ เมื่อมันโกรธเปลี่ยนความโกรธเป็นไม่โกรธ เมื่อมันทุกข์ เปลี่ยนความทุกข์เป็นไม่ทุกข์ นี่ปฏิบัติออกจากทุกข์ ปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นสถาบัน แน่วแน่มั่นคงมีมาตรฐาน ถ้าเป็นครอบเป็นครัวก็มีความสามารถสร้างครอบครัวให้เป็นสังฆะขึ้นมา เป็นสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะวิวาทกัน มั่นใจ มีมาตรฐาน ตัดสินใจด้วยความถูกต้องชอบธรรมอยู่เสมอ มาตรฐานของการใช้ชีวิต มีความพยายามที่จะสร้างครอบครัวให้มีความสามัคคีกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นี่แหละพระสงฆ์ พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม คือคุณธรรมที่เราฝึกหัดปฏิบัติตัวเองให้มันดี ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่น
ความดีต้องให้มันเกิดขึ้นที่กายที่ใจเรานี้ เมื่อมีความดีเกิดขึ้นที่กายที่ใจ สิ่งอื่นก็เกิดดีไปด้วย ถ้าความไม่ดีเกิดขึ้นที่กายที่ใจ สิ่งที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นอีก เยอะแยะไปเลย โบราณเขาถึงว่าไหว้พระพุทธอย่าให้ถูกทองคำ ไหว้พระธรรมอย่าให้ถูกตำราใบลานหนังสือ ไหว้พระสงฆ์อย่าให้ถูกพระลูกพระหลาน นี่คือหลวงพ่อเขียน นี่คือหลวงพ่อกลม ลูกของแม่ ลูกของพ่อ อันนี่เป็นปูชนียบุคคลอันหนึ่งที่มีชีวิตเพื่อบอกความเท็จความจริง ทำหน้าที่นำโลกความถูก ความผิดนี้ นี้คือพระสงฆ์เป็นสมมติบัญญัติ มีตัวมีตน พูดให้ฟังอยู่นี้ ชี้ผิดชี้ถูกอยู่นี้ ความหลงไม่ถูกต้องนี่ ความไม่หลงถูกต้อง พระสงฆ์จะพูดอย่างนี้ ได้ศึกษาได้ปฏิบัติธรรมมา ทำเพื่อการสอน นำเอาสิ่งที่ทำมา เกิดมรรคเกิดผล มาบอกมาสอนคนอื่นให้รู้ตาม หมู่ชนผู้เชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยแล้ว ได้มาสอนคนอื่นให้รู้ตามนี่คือพระสงฆ์ ไม่ใช่พระสงฆ์จะมาทำพิธีรีตองไม่บอกไม่สอน ไม่ใช่อย่างนั้น นี่จึงมีพระรัตนตรัยเป็นอย่างนี้ ว่าเรามีพระรัตนตรัยจริงๆ มั่นใจจริงๆ มีมาตรฐานของการใช้ชีวิตจริงๆ อยู่ร่วมกันไม่เบียดเบียนกันจริงๆ สร้างอะไรให้มันเกิดขึ้นมาจริงๆ ให้มีความภูมิใจ ให้มีโอกาสยกมือไหว้ตัวเองได้ จึงมั่นใจเรื่องความถูกต้อง ความผิดพลาด ที่จะต้องแก้ไขทุกเรื่องทุกราว เมื่อเราทำความดีเกิดขึ้น เราเกิดความดีอีกมากมายหลายอย่างในโลกนี้ เกิดความสงบร่มเย็นร่วมกัน เป็นสัตว์โลกร่วมกัน เอาไปทำ เอาไปบอก เอาไปทำให้ดูอยู่ให้เห็นพูดให้ฟัง มีอะไรก็แบ่งปันกัน สติปัญญาช่วยเหลือกัน ก็มีพระรัตนตรัยจริงๆนี่ เห็นหน้าก็เป็นที่พึ่งกันได้แล้ว แสดงออกก็เป็นที่พึ่งกันได้แล้ว อย่างเช่น อะภิวาทะนะสีลิสสะ.... ที่เราสวดให้ศีลให้พร อะภิวาทะนะสีลิสสะ... ผู้ที่จะมีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ต้องเป็นคนที่รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน กราบผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เป็นนิจ ยกมือไหว้อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่อ้อนวอน มันไม่เข้มแข็ง มองคนในแง่ดี ดูคนทุกคนเหมือนพระพุทธเจ้า ปานนั้น ฟังเสียงทุกเสียงเหมือนเสียงพระสวดมนต์ อยู่ที่ไหนเย็นที่นั่น อยู่ที่ไหนมีนิพพานอยู่ที่นั่น เช่น สมเด็จพระสังฆราชเขมรนี่ เห็นหน้ากันปั๊บ สบตาปั๊บ ยกมือไหว้ ก้มลง น่ารักมาก สังฆราชเขมร เคยมาเดินธรรมยาตราร่วมกัน อยู่ที่ภาคใต้ เดินธรรมยาตรารอบทะเลสาบสงขลา รักษาทะเลสาบ เดินธรรมยาตรารักษาน้ำลำปะทาวปีที่ 12 13 แล้ว สังฆราชเห็นหน้ากัน สบตากัน ก็ยกมือไหว้ มีรอยยิ้มตลอดเวลา
หลวงตาไปประเทศภูฏาน เห็นแต่คนยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่หน้าบูดหน้าบึ้งเหมือนคนไทยเรานี่ เห็นหน้ากันนะสบตากันก็มองออก ความไม่มีน้ำใจ สมัยหนึ่งอาจารย์ยูกิมาอยู่ด้วยใหม่ๆ เป็นนักศึกษา พาเดินไปบ้านท่ามะไฟหวาน เดินไปถาม ไม่ได้ทิ้งกันเลย เห็นหน้ากันถาม เป็นยังไง หลวงพ่อถามญาติโยม ทำไร่แล้วหรือยัง ทำนาเสร็จหรือยัง ญาติโยมก็ตอบ ยูกินี่ภูมิใจ เห็นหน้าใครก็ถาม ที่ญี่ปุ่นเขาไม่มีถามกัน เดินผ่านกันไปเลย เห็นหน้ากันไม่ถามกัน เดินผ่านกันไปเลย ไม่ถามกัน ช่วยกันก็ไม่เป็น หลวงพ่อก็ช่วยเขา เขาไม่ให้ช่วยเลย เขาปฏิเสธเลย เขาไม่พอใจ เดินขึ้นดอยสุเทพด้วยกัน สมัยหนุ่มๆอยู่โน่นไปเที่ยวดอยสุเทพ จากเมืองเลยถึงเชียงใหม่ เดินขึ้นดอยสุเทพ เขานั่งรถ เราไม่มีเงินนั่งรถ เดินขึ้นไป เดินขึ้นไปกับคนญี่ปุ่น สะพายเป้ใหญ่ แล้วก็วางเป้ลงนอน หายใจตะแงบตะแงบอยู่ เราก็ยืนดูมันจะเกิดอะไรขึ้นไหม เราจะช่วย เป็นลมไหม เราก็ยืน เราไม่นั่ง ยืนอยู่ข้างๆ เดินไปเดินมาอยู่ พอมันลุก มันเอาเป้ใส่แขนมัน นั่งอยู่พอยืนขึ้นมันยืนไม่ไหว มันเซ มันหนักเป้ เราก็รีบไปยกเป้ช่วย มันปัดมือเลยไม่ให้ช่วยเลย แล้วก็นั่งลง ไม่ยินดีให้เราช่วย ดันขึ้นอีกก็เซอีก รีบไปยกอีก เราก็ดูแลไม่เป็น ไม่พอใจอย่างมาก ก็เลยมาเข้าใจเขาพยายามช่วยตัวเอง ดีแล้วๆ เราก็คิดหัวเราะในใจ ไม่ได้โกรธเขา เขาก็ว่าไม่ต้องมาช่วยเรา เราจะช่วยตัวเอง ใครที่จะช่วยตัวเองไม่เรียกร้องความช่วยเหลืออันนั้นก็ดี แต่ว่าบางคนเราก็ต้องช่วย เขาหลังคดเราก็ต้องจูงกันไป น้ำใจคนไทยช่วยเหลือกันบ้าง ให้เขาช่วยเหลือตัวเองกันบ้าง สอนลูกสอนหลานก็ให้เขาช่วยเหลือตัวเองบ้าง เห็นแม่เลี้ยงลูก หลวงพ่อไปเยี่ยมลูกศิษย์คนหนึ่ง มีลูกเล็กๆคนหนึ่งกำลังซุกซนทำแก้วแตก แก้วหลุดมือแตก แม่ก็ไม่พูดอะไร ไม่ได้พูดโวยวายอะไร เหมือนแม่ๆทั่วไป เพราะเขาเคยฝึกหัดจิตใจกรรมฐาน แล้วก็นั่งลง ไม่เป็นไรลูก ไปเอาไม้กวาดมา บอกให้ลูกเอาไม้กวาด เอากะบะมา เอาไม้กวาดให้เขากวาดเอง กวาดแก้วใส่กะบะ กวาดให้มันหมดนะลูกนะ พอกวาดแก้วเสร็จ น้ำมันเลอะก็ไปเอาผ้ามาเช็ดให้สะอาด ให้เขาเช็ดเอง ให้เขาเอาแก้วแตกไปทิ้งใส่ถังขยะ แล้วมาสอนลูก ทีหลังใจเย็นนะลูกนะ เอามือลูบหัวลูก เออนี่ใช้ได้ แบบนี้ใช้ได้ ไม่โวยวาย บางทีลูกทำแก้วแตก อ้าว เกิดอะไรขึ้น (คำด่า) เสียหายมาก เด็กมันก็ไม่รู้จัก ไปด่ามันไม่สอนมัน ไม่ค่อยได้บทเรียน จิตใจเด็กก็ไม่ดี ถูกแม่ด่าเสียแล้ว ไม่ได้รู้จักน้ำใจเลย ถ้าเขานั้นนะฉวยโอกาสดีๆ มันจะเห็นคุณเห็นค่า ยิ่งเราอดกลั้นอดทนไม่โกรธในขณะที่โกรธ ยิ้ม เวลาคนหนึ่งดุด่า เราหยุด เรานิ่งซะ มันจะเห็นคุณค่า ยอมแพ้ ให้อภัย ให้อภัยทาน ไม่ถือโทษโกรธเคือง คุ้มร้ายคุ้มดีคน ถ้าเขาคุ้มร้ายก็อย่าไปถือสาเขา เขาหลง เรานิ่ง เดี๋ยวเขาเห็นคุณค่าเรา เราไม่โกรธ
ถ้าเราคนนึงโกรธ คนนึงโกรธตอบ คนที่โกรธตอบก็โง่สองเท่าของคนที่โกรธก่อน เป็นบาปสองเท่า เราจึงเมตตาธิคุณนำหน้าไว้ก่อน มองแง่ดีไว้ก่อน จึงทำอะไรได้สำเร็จ ถ้ามีอะไรจากความพอใจความไม่พอใจออกหน้ามันก็ทำไม่ได้สำเร็จ ทำงานทำการก็เช่นกัน มีน้ำใจ เวลาปลูกพริกปลูกถั่ว เอาถั่วลงหลุม ขุดหลุม นกกินเป็นบุญ คนกินเป็นทาน ก็มีน้ำใจแบบนี้ มันดี มีน้ำใจคนโบราณ คนกินเป็นบุญ นกกินเป็นทาน ให้ได้อยู่ได้กิน เหลือกินเหลือทาน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน มีน้ำใจ รู้จักสัมผัสกันได้กับต้นไม้ ให้ความรัก ปลูกอะไรลงไปให้ความรัก ให้ลูกนมก็ให้ความรัก ทำอะไรลงไป เมตตาออกหน้าอย่างนี้จึงจะชื่อว่าเป็นพุทธบริษัท เป็นพระรัตนตรัย อันนี้เป็นชาวพุทธแท้ เห็นก็เป็นชาวพุทธ เราไปเที่ยวต่างประเทศ เห็นลักษณะท่าทาง ผู้คน ก็มองออกว่านี่เป็นชาวพุทธ แสดงออกเป็นชาวพุทธ ก็ไม่ผิด ต้องเป็นอยู่ในชีวิตทั้งชีวิตไปเลย ไม่ใช่จะมาวัดวันพระวันศีล อยู่บ้านเป็นอันหนึ่ง ไม่ใช่ ให้เป็นนิสัยเป็นปัจจัย ได้แบบได้แผน ไม่ผิดแบบผิดแผนทางจิตวิญญาณ มีหลักมีเกณฑ์ จิตวิญญาณไม่เลอะเทอะ บริสุทธิ์ ปกติ ทำมาหากินก็ถูกต้อง หาปัจจัยสี่ด้วยความถูกต้องชอบธรรม มีระเบียบวินัยการใช้ชีวิต ในบ้านในเรือนในถนนหนทาง เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อตัวเองและคนอื่น มีสังคม เกี่ยวข้องกับสังคม อย่าเป็น ตกหมู่แร้งเป็นแร้ง ตกหมู่กาเป็นกา มันก็ครอบคลุมไปทั้งหมดล่ะ จิตวิญญาณ เศรษฐกิจ สังคม ระเบียบวินัย มันไปได้หมดเลย ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆนะ ดูหน้ากันก็รู้ว่าเป็นชาวพุทธ เพราะฉะนั้นนี่เป็นญาติกันในทางกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม ไม่ทอดไม่ทิ้งกัน เมตตาธิคุณเป็นตัวนำ คุณของพระพุทธเจ้า ละความชั่วทำความดี ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติออกจากทุกข์ ปฏิบัติเป็นสถาบัน เรียกว่าพระสงฆ์ เรียกว่า สังฆะ คือหมู่คณะ อยู่ในวัดก็มีสังฆะเป็นความสามัคคีกัน อยู่ในบ้านก็เป็นสังฆะ สามัคคีกัน พ่อ แม่ ลูกหลาน เพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านนี่ดี ดีกว่ารั้วบ้านที่ดี เดี๋ยวนี้เพื่อนบ้านไม่ค่อยจะมี
หลวงพ่อเคยไปถามหาบ้านโยมที่กรุงเทพ บ้านติดกัน เขาไม่บอก เขาไม่รู้ บ้านคนกรุงเทพ คนกรุงเทพใช่ไหม โดยมากใช่ไหม เขาไม่บอกใช่ไหม สมัยหนึ่งไปอยู่กรุงเทพ ไปอยู่วัดชลประทาน ปีนั้นน้ำท่วมใหญ่ มีพระรูปหนึ่งมาบวช มีครอบครัว แล้วภรรยาโทรมาบอกว่าน้ำท่วมไม่มีใครช่วยเหลือ มาลาหลวงพ่อ ผมไปช่วยเหลือทางบ้านได้ไหม ก็บอกว่าไปได้แต่ต้องมีพระสงฆ์ไปด้วยกัน เป็นเพื่อนไปด้วยกันไปช่วยกัน น้ำท่วม ไฟไหม้ โจรปล้นจี้ ไปช่วยได้ แม้ในพรรษาก็ไปช่วยได้ไม่ขาดพรรษา ไปเถอะให้ไปช่วย เขาไม่ช่วยกัน บ้านใกล้ๆกันก็ไม่ค่อยดูแลกัน แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมดนะ คนดีในกรุงเทพเป็นนักรักยิ่งกว่าคนบ้านตาดรินทอง ถ้ามาปกปะที่นี่เมื่อไหร่ เป็นอันว่าเห็นคนกรุงเทพ แม่นบ่หละ คนกรุงเทพมากัน เดี๋ยวนี้แทบจะเป็นคนกรุงเทพทั้งนั้น กลับมาสู่ชนบท เรื่องธรรมชาติมากที่สุด ภูหลงก็คนกรุงเทพเป็นส่วนใหญ่ วัดป่าสุคะโตเป็นคนกรุงเทพส่วนใหญ่ เมื่อวานไปดูวัดป่าสุคะโต อัศจรรย์พระสงฆ์ทีหนึ่ง ทำอะไรใหญ่โต ยกแท้งค์น้ำ วันนั้นหลวงพ่อไปดูอาจารย์ตุ้ม เอารถเครนขนาดใหญ่เป็นร้อยตัน มายก มันตกหล่ม ล้อใหญ่ๆ สูงเท่าหัวนี่ ตกลงไปจมหมดเลย เอารถแมคโครมาดึง บอกว่ามันไปไม่ได้หรอก เอาคืนมาก็กลับบ้านซะ จะเดินอีกเอาไปข้างหน้า ก็หนักไปข้างหน้านี่ สั่งให้หยุดไว้ก่อน ใจเย็นๆ ค่อยๆทำไป พอไปเมื่อวานนี้เขาบอกว่า หลวงพ่อไปดูแท้งค์น้ำ พอหลวงพ่อหนีไป พวกผมยกขึ้นเลย โอ้ พระสงฆ์วัดป่าสุคะโตนี่ เก่งจริง สามัคคีกันจริงๆ ไปเห็นวัดภูเขาทอง ไปเห็น วางแผนพากันเขียนภาพ เขียนป้ายช่วยกัน ธรรมยาตรา ขยันขันแข็ง ทั้งสองวัด แต่วัดภูหลงนี่ก็มีแต่กันเอง ทำยังไงจึงจะปลูกป่าสำเร็จ ปลูกป่ายังไม่สำเร็จนะเดี๋ยวนี้ สุคะโตสำเร็จนะ เปลี่ยนป่าหญ้าคาป่าพงเป็นป่าเห็ดระโงก เก็บกันได้เป็นหาบๆ อันนี้ยังไม่สำเร็จเลย ยังไม่แก่แท้ หลวงพ่อหมดสภาพ วันนี้ก็เท่านี้ สมาทานศีลกัน