แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกัน หลวงตาจะพูดให้ฟัง
ฟังธรรมก็คือฟังเรื่องของเรานี่แหละ เรื่องของคนเรามีกายมีใจนี่แหละ ถ้าเห็นเป็นกายเป็นใจ มันไม่แตกฉาน ให้เห็นมากกว่านั้น เหมือนกับผู้มีการศึกษา เหมือนท่านทั้งหลายที่มีการศึกษาเรื่องแพทย์ เรื่องหมอ พอดูคนป่วยก็รู้ว่าเขาเป็นอะไร เพียงแต่ถามเท่านั้นก็รู้ เมื่อรู้แล้วก็หาสมมติฐานของโรค เมื่อเห็นสมมติฐานของโรค ให้ยา มันจึงจะสำเร็จ
การรู้สมมติฐานของโรคนี่สำคัญ การเห็นธรรมคือการเห็นปฏิจจสมุปบาท เห็นเหตุที่เนื่องด้วยกัน มันหลงเพราะเหตุใด มันทุกข์เพราะเหตุใด มันโกรธเพราะเหตุอันใด แล้วก็รู้สมมติฐานของความโกรธ ต่อไปแค่มีเหตุ สิ่งใดเกิดแต่เหตุ สิ่งนั้นดับที่เหตุ นี่ก็เห็นแจ้ง มารู้จักตัวเรานี่
จงรู้จักตัวเองคำนี้หมาย ถ้าค้นพบเชี่ยวได้ในตัวท่าน
หานอกตัวทำไมให้ป่วยการ ดอกบัวบานอยู่ในเราอย่าเขลาไป
ในดอกบัวมีมณีที่เอกอุตม์ พวกมนุษย์ค้นหามาให้ได้
การตรัสรู้หรือรู้สิ่งใด ๆ ล้วนมาจากความรู้ตัวเราเอง
ต้องเห็นแจ้งตัวเรา เรามาศึกษา สิกขา ไม่ใช่มาเรียนรู้ มาศึกษา มาสิกขา ไตรสิกขา ตามหลักของธรรมะเรียกว่า ไตรสิกขา สิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต สิกขานี่ไม่ใช่เรียนรู้ แต่เป็นการฝึกหัด เป็นการฝึกหัดทำให้เป็น ทั้งเป็น ทั้งทำได้ ทั้งเห็นได้ มั่นใจ และก็มีของจริง มีกายมีใจ เอากายมาละความชั่ว เอากายมาทำความดี เอาใจมาละความชั่ว เอาใจมาทำความดี ทำได้ทันที มาฝึกหัด ทำให้เป็น เวลามันหลง ให้รู้ ทำเป็นรึยัง พอมันหลงทีไร รู้ทุกที ทีแรกก็หัด ถ้าหัดเป็นแล้ว ก็ไม่ต้องหัด มันทำเป็นแล้ว อยากให้มันหลง อยากให้มันทุกข์ อยากให้มันโกรธ อยากให้มีปัญหา จะได้มีปัญญา เพราะสิ่งเหล่านี้ นี่คือศึกษา คือฝึกหัด แล้วมันก็ทำได้ ปฏิบัติได้ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาลในตัวเรา ไม่ต้องเป็นการบ้าน ทำเสร็จตั้งแต่บัดนี้ ถ้าทำไม่เสร็จ ก็เป็นการบ้านเรื่อยไป รับใช้ความหลง รับใช้ความทุกข์ รับใช้ความโกรธ รับใช้ความรัก รับใช้ความชังไปจนตาย มันจะต้องเป็นเช่นนั้นหรือ มันต้องทำได้แหละ
เราจึงมาฝึกหัดให้ทำให้เป็น ถ้าทำเป็นเหมือนกับเราสอนวัวสอนควาย เทียมลากเทียมล้อเทียมเกวียน ถ้าหัดเป็นแล้ว ก็ไม่ต้องหัดอีก จับควายมาเทียมไถ จับวัวมาเทียมเกวียน หัดช้างหัดม้าก็เหมือนกัน หัดเป็นแล้วมันก็ใช้ได้ ไม่พยศ ชีวิตของคนเรานั้นก็ใช้ได้จริง ๆ เป็นสัตว์ประเสริฐ ไม่พยศ เรียกว่าช้างนิพพาน ม้านิพพาน วัวควายนิพพาน ถ้าอันไหนไม่ได้นิพพาน ไม่ถึงนิพพานก็ใช้ไม่ได้
ข้าวมันร้อน มันยังกินไม่ได้ ให้ข้าวมันเย็น แกงมันร้อน มันกินไม่ได้ ให้แกงมันเย็น ถ้าเย็นเขาเรียกนิพพาน ไม่ใช่วัตถุนะ นิพพานเป็นนามธรรม คือชีวิตของเรานี้ไปเรียกการเปรียบเทียบ คนภาคใต้ ถ้าข้าวร้อน เขาบอกให้ข้าวนิพพานก่อน ลูกหิวข้าว ลูกร้องไห้กินข้าว แม่บอกว่า ข้าวยังร้อน ยังข้าวนิพพานก่อน หมายถึงให้เย็นก่อน
ชีวิตของเรานี่มันต้องหมดพิษหมดภัย มันก็ทำได้ อย่าปล่อยให้เป็นธุระ ภาระ เป็นภัยแก่ตัวเอง ชีวิตที่ทำได้สำเร็จเรียกว่าชีวิตไม่มีภัย เรียกว่าพระอริยบุคคล อริยะ อริ แปลว่า ข้าศึก ยะ แปลว่า ไป ไปจากข้าศึกแล้ว พ้นจากข้าศึกแล้ว ไม่ทุกข์ ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงแล้ว ไม่วิตกกังวลเศร้าหมองแล้ว อย่างนี้ มันทำได้จริง ๆ
ทีนี้ขอท้าทายเรื่องนี้ คิดอยากจะช่วยคนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ถ้าช่วยเวลามันนั่ง มันเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ จะไปช่วยมันตอนที่มันตาย (หัวเราะ) หายใจเฮือกสุดท้าย จะไปบอกมัน เมื่อวานก็มีคนโทรมาจากเชียงใหม่ ถ้ามีโอกาสก็อยากไปดู มันทุกข์ ทุกข์มากเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย มันต้องเป็นอย่างนั้นหรือ อะไรก็ทุกข์ อะไรก็ทุกข์เหรอ มันสัตว์ประเสริฐยังไง ชีวิตของเรานี่ ต้องฝึกฝนตนเอง เวลามันหลง รู้ อย่างนี้ มันก็มีงานอย่างนี้ เราก็ทำงานแบบนี้ ไม่ใช่มันฟรี เราทำอย่างนี้
มันทุกข์ก็รู้ มันปวดมันเมื่อยก็รู้ กายานุปัสสนา เห็นกาย เห็นแล้วก็เห็นแจ้งจนเห็น กายสักว่ากาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เห็นเวทนา มันเจ็บมันปวด มันสักว่าเวทนา ขอบคุณเวทนา ไม่ใช่เวทนามาเป็นสุขเป็นทุกข์ ถ้าไม่มีเวทนา มันก็ช่วยตัวเองไม่ได้ มันธรรมชาติ ยอดเยี่ยมมาก แต่เราไม่รู้จักช่วยตัวเอง ซ้ำเติม บางทีเวทนาไม่มี ก็ไปหาเวทนามาใส่ กินเหล้าเมายา หาความเมาความหลง โกรธ โลภ หลง คนโกรธก็พอใจในความโกรธ ไม่อยากจะลืม เอามาคิดแล้วคิดอีก ย้อนคิดเรื่องเก่าอีก ลืมไม่ได้ คนทุกข์ก็ไม่รู้จักลืม คนหลงก็ไม่รู้จักลืม คนมียาเสพติดเพื่อสร้างความหลง แล้วมันก็ติดได้ พอใจในความทุกข์ พอใจในความโกรธ พอใจในความรักความชัง ทำตามความรักความชัง เสียหายเพราะความรักความชังมามาก
ดั่งความรัก โมรารักโจรผู้ร้าย ไม่รักจันทโครพ จันทโครพเป็นสามี พ่อของโมรามอบให้จันทโครพ มอบลูกสาวคือโมรานี้ เป็นรางวัลในการเรียนเก่ง จันทโครพก็พาโมรากลับบ้าน โจรมาปล้นมาฆ่า จันทโครพก็เรียนวิชามาอย่างดี ชนะโจรเหลือแต่หัวหน้าโจร หัวหน้าโจรเป็นคนสวยคนงาม ขาวสูง จันทโครพก็รบกับโจร จันทโครพก็เอาโจรล้มลงไปแล้ว ขอดาบกับโมรา ประหารโจรให้มันตายซะ เป็นหัวหน้าหมู่ พวกนั้นไม่ให้ตาย เอาหัวหน้ามันตายซะ เอาดาบมาฟันมันซะ จันทโครพขอดาบจากโมรา โมราก็มองเห็นโจรสวยกว่าจันทโครพ เกิดรักโจรทันที สวมเขาจันทโครพดำ ๆ ไม่สวย โจรสวยกว่า เกิดความรักโจรทันที แทนที่จะยื่นดาบให้จันทโครพ ยื่นดาบให้โจรซะ โจรก็เอาดาบฟันจันทโครพตายเลย โมราก็เสนอตัวเป็นเมียโจร โจรมันก็ด่า ไอ้ชาติหมา แม้แต่สามีมึงยังฆ่าได้ กูจะเอามึงทำไม มึงต้องอยู่ในดงในป่า ให้มึงตายอยู่ในนี้ ว่าแล้วพวกโจรก็หนีจากไป ปล่อยให้โมราหลงอยู่ในป่า นางโมราก็ตายเป็นนางชะนี อันนี้นิทานนิทมกัน เล่ากันมา
ความชังก็เหมือนกัน ทำตามความรัก ทำตามความชัง ทำตามความโกรธ เสียเปรียบความโกรธมามาก น้ำตาร่วงน้ำตาไหล ร้องไห้เสียใจ ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ จังหวัดยโสธร หิวข้าว เวลาหิว มักจะใจเสาะ ใจเปราะใจบาง เห็นความหิวเป็นความทุกข์ ถ้าเราศึกษาดูแล้ว เห็นความหิวแล้วขอบคุณมัน ถ้าไม่หิว มันจะตาย ทำไมไปทุกข์ ขอบคุณความหิว แต่ก่องข้าวน้อยไม่รู้เรื่องนี้ พอหิวข้าว แม่เอาข้าวไปส่งก่องน้อย ๆ คิดว่าตัวเองจะกินไม่อิ่ม โกรธ ทั้งที่ไม่กินข้าว ก็ไม่อิ่มแล้ว เวลาหิว อะไรก็เห็นช้างเท่าหมานี่ ความโกรธก็เหมือนกัน เวลาก่องข้าวน้อยหิวก็โกรธ แม่ก็บอกว่ากินอิ่มอยู่ อิ่มอยู่ ลูกเอ๋ย ลูกก็โกรธ ทำนา ทำงานเหนื่อย ก่องข้าวมาส่งน้อย ๆ ใครจะอิ่ม โกรธ ด้วยความโกรธ เอาแอกน้อยตีแม่ตายเลย พอแม่ตาย มากินข้าว ข้าวไม่หมดเลย อิ่มแล้ว เสียใจ จะเอาแม่คืน ก็ไม่คืนแล้ว โมราจะเอาสามีคืนก็ไม่ได้ ตายไปแล้ว นี่ทำตามความรัก ทำตามความโกรธ
มันขนาดนั้น ไปเห็นมันซะ ทำให้เป็น เวลามันโกรธเปลี่ยนเป็นไม่โกรธ ถ้ามันมีปัญญาตรงนี้ เวลามันทุกข์เปลี่ยนเป็นไม่ทุกข์ เวลามันหลงรักชังเปลี่ยนเป็นไม่รักไม่ชัง ให้เป็นปกติให้ได้ จิตใจต้องอยู่เหมือนปกติ อย่าฟู ๆ แฟบ ๆ ทำให้มันเป็น ฝึกให้มันเป็น เราไม่ใช่อยู่คนเดียวในโลกนี้ เพื่อการนี้โดยตรง ถ้าทำไม่เป็นเรื่องนี้ ชีวิตทั้งชาติไม่มีความสงบร่มเย็นเลย หน้าดำคร่ำเครียด โลกนี้ก็ไม่ใช่อยู่เหมือนเดิม มันก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ รุนแรงมากขึ้น ร้ายมากขึ้น หลาย ๆ อย่าง ผู้คนก็ห่างไกลกันออกไป ไม่ค่อยได้พึ่งพาอาศัยกัน เพราะอะไร เดี๋ยวนี้ก็มีไข้หวัดหมู มันขยายไปข้ามทวีป เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เจ็บไข้ได้ป่วยหลายอย่าง
เราต้องศึกษาธรรมะมันครบวงจร ครบวงจร รู้จักกาลเทศะ ไม่วู่วามหุนหันพลันแล่น มีสติยับยั้งชั่งจิต ทำให้มันเป็น นี่คือการศึกษา ไม่ใช่เรียนรู้ เรียนรู้ ไปเรียนประถมโน่น ก.ไก่ ข.ไข่ โน่น มีแต่ความรู้ แต่ยังมีทุกข์ มีโกรธ มีโลภ มีหลง ความรู้มันใช้ไม่ได้ บางอย่างต้องหัดให้เป็น หัดให้เป็นนี่ไม่ใช่ความรู้ ทำเป็นแล้ว นี่ต้องหัดจิตจัดใจของตนเอง ถ้าไม่หัด มันทำไม่เป็น มันซุกซน ซุกซน ตาก็ซุกซน หูก็ซุกซน จมูก ลิ้น กาย ใจซุกซน เหมือนมีความขยันของเขา ตาก็หาหันทางหนึ่ง หูก็หาหันทางหนึ่ง จมูกก็ไปทางหนึ่ง ลิ้นก็ไปทางหนึ่ง กายก็ไปทางหนึ่ง ใจก็ไปทางหนึ่ง เราต้องหาป้อนมันซก ๆๆๆๆ
เหมือนนก เหมือนสัตว์ 6 ชนิดมาผูกใส่กัน ตาเหมือนงู หูเหมือนนก จมูกเหมือนสุนัขแดนบ้าน ลิ้นเหมือนจระเข้ กายเหมือนสุนัขแดนบ้าน จำไม่ได้ภาษาเขาพูด นกก็บินขึ้นฟ้า จระเข้ก็ลงน้ำ ตาเหมือนงู หูเหมือนนก งูก็จะเข้าจอมปลวก สุนัขบ้านก็จะวิ่งเข้าบ้าน สุนัขป่าก็วิ่งออกป่า ใจเหมือนลิง อยู่นิ่งไม่เป็น ล่อกแล่ก ๆ สัตว์ 6 ชนิด อะไรมีกำลังก็ดึงกันไป ตามีกำลัง ก็ไปกับตา โรงหนังโรงละครที่ใด อดหลับอดนอนไม่ว่า ถ้าลิ้นมีกำลังก็จะไปตามลิ้น ชอบกินเหล้าชอบกินอาหารนอกบ้านก็ไป ดึงกันไป ลิงก็จะขึ้นต้นไม้ อยู่นิ่งไม่ได้เหมือนใจ ถ้าเราไม่ศึกษา ไม่ฝึกหัด มันก็จะเป็นสัตว์มนุสสเปโต มนุสสเดรัจฉาโน มนุสสเทโว มนุสสติรัจฉาโน มันตกนรก มันเป็นสัตว์ มันเป็นอสุรกาย มันเป็นเปรตเป็นอะไรได้
ถ้าหัดมันเป็นพระ มันหัดได้ สอนได้ นี่แหละทำให้เป็น เวลาตาเห็นรูป สักว่าเห็น ไม่ได้พอใจ ไม่ได้ไม่พอใจ หูได้ยินเสียงก็สักว่าได้ยิน ไม่ใช่พอใจ ไม่ใช่ไม่พอใจ ถอนความพอใจ ความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ ความพอใจเป็นรสของโลก ความไม่พอใจเป็นรสของโลก ถอนออกมาให้เหนือโลก อยู่เหนือโลก ถอนความพอใจ ความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ มีสัมปชัญญะ มีสติแล้วแลอยู่ นี่เราก็ทำอย่างนี้ เปลี่ยนความหลงเป็นความรู้ พ้นจากความหลงเป็นความรู้แล้ว เปลี่ยนร้ายเป็นดีแล้ว เรียกว่าปฏิบัติธรรม เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เปลี่ยนความโกรธเป็นความไม่โกรธ พ้นแล้ว เป็นมรรคแล้ว เห็นแล้ว เห็นแล้วเป็นมรรค ทำแล้วเป็นผล ถ้าไม่เกิดมรรคเกิดผลตรงนี้ มันจะไปที่ไหน เวียนว่ายตายเกิดอยู่ที่นี่ หลงแล้วหลงอีก ทุกข์แล้วทุกข์อีก ถ้าเป็นมรรคเป็นผล มันก็จบไป จบไปแล้ว
อย่าคิดว่า มรรค ผล นิพพานมันไกลเกินไป อยู่ในลมหายใจเรานี้ เย็นได้ ไม่ใช่เตาหลอมเหล็ก ตรงไหนที่มันร้อน เย็นใจ ใจมันต้องไม่เป็นอะไร อย่าเอาอะไรมาต่อรองจิตใจ หัดให้เป็น ใจต้องปกติ เข้าให้ถึงความปกติอยู่เสมอ อยู่ที่ไหนก็ปกติ ไม่ใช่อยู่กับสิ่งแวดล้อม
มรรค ผล นิพพานอย่างโลกุตตรธรรม ไม่ใช่อยู่ฟากฟ้าอยู่ที่ใด มันเป็นเรื่องของเรานี้ หายใจเข้า หายใจออก โลกุตตรธรรมคือมรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 โลกุตตรธรรม 9 มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 มรรคก็คือเห็น อะไรที่มันเกิดขึ้น เป็นปัญหา เป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นโลภเป็นโกรธเป็นหลง เห็นแล้ว เปลี่ยนร้ายเป็นดี เปลี่ยนได้แล้วเป็นผล ถ้าเป็นมรรคที่ชิมลอง เป็นผลที่ชิมลอง อย่างที่เราสวดมนต์ สวาขาตธรรม เป็นวิทยาศาสตร์ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล อนาคามีมรรค อนาคามีผล อรหันตมรรค อรหันตผล คู่แห่งบุรุษ 4 คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ 8 บุรุษ ก็มรรค 4 ผล 4 ก็เปลี่ยนร้ายเป็นดี เรียกว่า นิพพาน เย็นไปแล้ว หยุดไปแล้ว
มรรคอยู่กับเรา ทุกชีวิต ถ้าไม่มีเดี๋ยวนี้ มันไปจะตายแล้ว มันจะได้อะไร นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ เม อนาคเต กาเล ขอให้ได้นิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ ไกลไปไหนหนอ เบื้องหน้านี้ กี่ภพกี่ชาติ อยู่เดี๋ยวนี้ อยู่ใกล้ ๆ นี่ อนาคเต กาเล
มรรค 4 ผล 4 เปลี่ยนร้ายเป็นดี ให้มันทำเป็น ทำให้เป็น เหมือนกับท่านทั้งหลายที่เรียนอะไรมา เรียนแพทย์เรียนหมอมา ฉีดยาก็เป็น ไม่รู้จักเจ็บอะไรเลย หมอดี มือนิ่ม น้ำใจดี มองเห็นหน้าก็หายแล้วโรคนี้ หลวงตามองเห็นหน้าพยาบาลอยู่ในห้องไอซียู มองเห็นหน้าหมออุดมศักดิ์ ที่เป็นผู้ช่วยดูโรคหลวงตา เห็นหน้าหมอ เย็นแล้ว หายแล้วครึ่งหนึ่งแล้ว หมอพูดออกมาคำเดียวก็รู้แล้ว แค่นี้จะรักษาไม่ได้ยังไง ถ้าตายอย่างนี้ มันจะมีอะไร ถ้าโรคอันนี้มันตาย ไม่มีอะไร มองหน้าก็ดีใจ จับอะไรต่าง ๆ ถูกต้อง ไปฉีดยา ฟื้นกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ไปฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวไม่รู้ว่ากี่หลอด ให้คีโมแล้วเม็ดเลือดขาวตายหมดเลย เม็ดเลือดแดงก็ตายหมดเลย หมอต้องกังวล เม็ดเลือดขาวไม่ขึ้นเลย เลือดแดงก็ไม่มีเลย ต้องฉีดยากระตุ้น แล้วก็หมอฉีดยาให้ ไม่รู้จักเจ็บเลยเพราะทำเป็น น้ำใจดี มือก็นิ่ม อะไรก็ดี เพราะฉะนั้น เรานี่ต้องไปช่วยกัน มันเป็นบุญจริง ๆ เดี๋ยวนี้หลวงตามองพยาบาล มองนายแพทย์เหมือนเทพบุตรเทพธิดาเลยทีเดียว โรงพยาบาลเหมือนดังสวรรค์ของเราเลย
ไปโรงพยาบาลจุฬาฯ ทีไร ขอนอนห้อง เขาก็ให้นอนเพราะรู้จักกัน อยู่นั่น 2 ปี เวลาไปพักรับยา เวลาไปพักตรวจโรค ก็ขอห้องนอน บางทีเขาเอาข้าวมาให้ฉันด้วย มันเหมือนสวรรค์ของเรา ไม่มีอะไรที่น่ากลัวน่าเกลียด เห็นหมอ เห็นพยาบาล เห็นพนักงานเจ้าหน้าที่ทุกคน คนเข็นรถ เขาให้เรานั่งรถเข็นไปโน่นเข็นไปนี่ โอย โชคดีที่เราป่วย ได้นั่งรถเข็น ถ้าไม่ป่วยไปนั่งรถเข็น ได้นอนก็มี มองคนทุกคนเหมือนพระพุทธเจ้า ทุกคนเป็นพระพุทธเจ้า แต่วันนี้เขานั้นยังไม่เป็น พรุ่งนี้รอก่อน พรุ่งนี้ยังไม่เป็น อีกเดือนหน้าเขาจะเป็น เดือนหน้าเขายังไม่เป็น ปีหน้าเขาถึงจะเป็น ถ้าปีหน้าเขาไม่เป็น ก็ชาติหน้าเขาจะเป็น (หัวเราะ) มองยาว ๆ อย่าไปทำสั้น ๆ ตัดสินใจไว ๆ ด่วนรับด่วนปฏิเสธไม่ได้ มองคนทุกคนเหมือนเป็นพระเจ้า อยู่ที่ไหน มีนิพพานอยู่ที่นั่น เย็น ๆ
ความเย็นใจนี่ ไม่ใช่ขอใคร ทำเอง ปฏิบัติได้ หน้ามือหลังมือ ความร้อนเหมือนหน้ามือ ความเย็นเหมือนหลังมือ เปลี่ยนมันสิ หัดให้เป็นตรงนี้ นี่ภาคปฏิบัติธรรมนะ ให้เปลี่ยนอย่างนี้ จะนั่งอยู่หลังขดหลังงอก็ไม่มีประโยชน์เลย เราก็เปลี่ยน มันหลงเปลี่ยนเป็นรู้ มันหลงเปลี่ยนเป็นรู้ อย่าเอาความหลงเป็นความไม่พอใจ เอาความรู้เป็นความไม่พอใจ อย่าไปทำอย่างนั้น นักปฏิบัติ ให้เห็นเฉย ๆ เห็น มันหลงก็เห็น มันรู้ก็เห็น มันสงบก็เห็น มันไม่สงบก็เห็น มันสุขก็เห็น มันทุกข์ก็เห็น เป็นผู้เห็น อย่าเข้าไปเป็น เป็นผู้สุขผู้ทุกข์ ไม่ถูก นี่คือหลักของการปฏิบัติ เป็นมรรควิถีที่ผ่านดำเนินไปผ่านได้ตลอด ถ้าเป็นแล้ว หยุดแล้ว เป็นสุขก็หยุดแล้ว เป็นทุกข์ก็หยุดแล้ว ไปไม่ถึงไหน ไม่ไขกุญแจแก้โซ่ มันไม่หลุดเลย ถ้าเห็นแล้ว ก็ปลอดภัยแล้ว พ้นภัยแล้ว ถึงความไม่เป็นอะไร
ชีวิตของเรา จึงมีแต่การกระทำที่ทำได้ด้วยใจหมาย สมใจนึก สตินี่แก้วสารพัดนึก สตินี่เป็นแก้วสารพัดนึก ทำได้จริง ๆ สตินี่ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งหมดเลย ส่วนตัวๆ