แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมต่ออีกสัก 30 นาที เพื่อให้เป็นส่วนประกอบกับงานของเรา ได้ยิน ได้ฟัง ได้ทำ ให้มันครบถ้วน ถ้าเห็นก็เห็นด้วยสติปัญญา อย่าเห็นเฉพาะทางตา การสัมผัสก็คือสัมผัสทั้งมโนสัมผัส จักขุสัมผัส กายสัมผัส จึงจะเป็นการศึกษาที่สมบูรณ์เรียกว่าชั้นอุดม ถ้าเพียงแต่ท่อง แต่จำ แต่พูด แต่ปากเป็นประถมอยู่ เข้าไม่ถึง ถ้าอยากได้บุญต้องละบาป มันจึงจะมีบุญ ถ้าอยากเป็นคนดีก็ต้องละความชั่ว มันจึงจะเป็นคนดีได้ ลิ้นแข็ง (หัวเราะ) ใจมันไปก่อน ลิ้นมันไม่ไป ถ้าอยากเป็นคนดีก็ต้องละความชั่ว
นี่แหละงาน งานที่ทำให้เกิดบุญ งานที่ทำให้เป็นคนดี ต้องมีการกระทำ ไม่ใช่คิด กรรมฐานเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องที่ลิขิตชีวิตของเรา ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ เรามีสติ มันจะเห็นความผิดความถูก เห็นความหลง เปลี่ยนหลงมันก็เป็นงานชอบ ถ้าหลงไม่เปลี่ยน งานไม่ชอบ จะดีขนาดไหนก็ไปไม่ได้ โซ่ไม่แก้กุญแจไม่ไข มันต้องเป็นหลักอยู่นี้แน่นอน ความหลงนี้เป็นหลัก เป็นอกุศลแท้ ๆ ความหลงเป็นอกุศลธรรม ทำบุญก็ไม่ได้บุญถ้าไม่เปลี่ยนตัวนี้ ได้แต่วัตถุสิ่งของแต่ไม่ถึงจิตใจ เป็นพหิทธาธรรมคือธรรมแต่ภายนอก เข้าถึงเฉพาะเรื่องกายอย่างเดียว ไม่ถึงจิตใจ เรียกว่าอัชฌัตตาธรรมคือธรรมภายใน เข้าไม่ถึงเลย ไม่ได้สัมผัสกับบุญจริง ๆ ไม่ได้ดื่มด่ำ ไม่อิ่ม คำว่าบุญคืออิ่ม อิ่มใจ ไม่ใช่อิ่มกายนะ อิ่มใจ สุขใจ เต็มใจ นั่นเรียกว่าบุญ
เราจึงเข้าไม่ถึงส่วนนี้ ถ้าไม่ละบาปบุญก็ไม่เกิด บาปคืออกุศล อกุศลคือพ่อแม่ของความหลง เมื่อมีความหลงก็มีความโกรธ มีความโลภ มีความทุกข์ก็เป็นบาปไป จงละธรรมดำเสีย บัณฑิตจงละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว ธรรมดำคือหลง ธรรมขาวก็คือไม่หลง ให้เจริญเสีย ทำได้ในขณะที่มันหลงเปลี่ยน(เป็น)ไม่หลง นั่นละมันเป็นธรรมดำธรรมขาวเห็นต่อหน้าต่อตาเราอยู่ ถ้าเปลี่ยนมันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่ต้องถามใคร ความหลงเป็นอย่างไร ความไม่หลงเป็นอย่างไร เราจะได้สัมผัสเอง ไม่มีคำถาม
ถ้าไม่เปลี่ยนอกุศล กุศลก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่เปลี่ยนอกุศลคือความหลง อกุศลอื่นที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไป เป็นบาป เป็นนรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นทุกข์ โสกะปะริเทวะ เกิดแก่เจ็บตายในชาติในภพต่าง ๆ หลงแล้วกี่ครั้ง โกรธแล้วกี่ครั้ง ทุกข์แล้วกี่ครั้ง ไม่เข็ดไม่หลาบ ดื้อด้าน เราต้องมาเปลี่ยนดูสิ โลกใหม่ลองดูสิ โลกแห่งความไม่หลงมันจะเป็นอย่างไร สัมผัสดู จงมาถึงที่ไม่มีน้ำ ให้มันขึ้นฝั่งเสียที ขอเป็นคนขนส่ง ขนส่งให้พ้น ให้มนุษย์ให้คนพ้นจากสิ่งเหล่านี้ไป พ้นจากธรรมดำไปถึงธรรมขาว เหมือนไปถึงที่ฝั่ง ไม่ต้องแหวกต้องว่าย
เราจึงต้องฝึกตนสอนตน ถ้าอยากเป็นคนดี อะไรที่เป็นความไม่ดี อะไรที่มันไม่ดีต้องละ จึงจะเป็นคนดีได้ ความไม่ดีมันขวางกั้นเป็นภูเขา ไปไม่ได้ บางทีอยากจะทำดีอยู่แต่ใจมันไม่อยากทำ ถ้ามีไม่มีน้ำใจเราทำไม่ลง เช่น อกุศลมันขวางกั้นเป็นภูเขา เช่น ความโกรธ ความหลง ความโลภ ไม่เห็นความดีของคนอื่น ถ้าได้โกรธแล้ว เมียก็ด่าเป็นหมา ผัวก็ด่าเป็นหมาได้ถ้าโกรธ พ่อแม่ก็ฆ่าได้ ลูกก็ฆ่าได้ มันไม่มีอะไรที่ทำได้ถ้าอกุศลมันขวางกั้นล่ะ ไปไม่ได้ จนทำความชั่วได้สำเร็จ จนถึงที่สุด เป็นปัญหาต่อตัวเองและคนอื่น เราอยู่ยากลำบากเพราะคนหลง เพราะคนชั่ว
ถ้าเราเป็นคนดี เปลี่ยนหลงเปลี่ยนความไม่ดีให้มันดีซะ ก็อยู่กันแบบอยู่เย็นเป็นสุข เช่น เรามีสติก็เป็นคนคนเดียวกัน แต่ถ้าเรามีความหลงก็เป็นคนละคนกันไป อาศัยกันไม่ได้ อาศัยตัวเองก็ไม่ได้ เราจึงมาเอานี่ เหตุมันอยู่ที่นี่ เจอกันพอดีต่อหน้าต่อตา พอมีสติก็เข้าไปเห็นความหลง นั่นแหละงานของเรา กระตือรือร้นสักหน่อย อย่าให้มันยิ่งใหญ่ ให้มันมีรสมีชาติ พอมันหลงถ้ามีสติมันจะยิ้ม ๆ ยิ้ม ๆ เสียหน่อยนะคนเห็นหลง ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันดี เห็นผิดมันดีนะ เป็นการเห็นอันประเสริฐ เห็นทุกข์มันก็ดี เห็นอย่างประเสริฐ
พระพุทธเจ้าว่าเห็นของจริงอันประเสริฐ 4 อย่าง คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ วิธีที่จะทำให้ออกหนีไปจากทุกข์ ดับได้แล้ว นั่นละประเสริฐแล้ว ลองชนะตัวเองอย่างนี้ดูสิ นี่แหละเป็นการชนะอันประเสริฐ อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย ชนะความไม่ดีนี่แหละ ก็ตัวเองนี่แหละเป็นอันประเสริฐ จะมีเหลี่ยมร้ายตัวเอง ไม่มีใครทำให้เราได้หรอก ต้องทำเอาเอง ตัวใครตัวมัน ฝึกหัดเอาเอง หัดให้มันเป็น ไม่ใช่เรียนรู้ เรารู้มามากแล้ว รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูกมามากแล้ว อะไรผิดเราก็รู้ อะไรถูกเราก็รู้ อะไรดีก็รู้ อะไรชั่วก็รู้ เราก็ยังไม่ได้ทำ เหลือแต่การกระทำอันเดียวคือกรรมฐาน
ให้กรรมฐานลิขิตไปดูสิ สิ้นเวรสิ้นกรรม กรรมย่อมสิ้นไปด้วยการไม่ทำ เวรย่อมสิ้นไปด้วยการไม่จองเวร ความโกรธย่อมสิ้นไปด้วยด้วยความไม่โกรธ ความทุกข์ย่อมสิ้นไปด้วยความไม่ทุกข์ ความหลงย่อมสิ้นไปด้วยความไม่หลง มันก็เห็นต่อหน้าอยู่นี้ เวลามันหลง-ไม่หลง เวลามันโกรธ-ไม่โกรธ เวลามันทุกข์-ไม่ทุกข์ เรียกว่าสิ้นกรรม ถ้าหลงเป็นหลงก็ยังมีกรรม ทุกข์เป็นทุกข์ก็ยังมีกรรม โกรธเป็นโกรธก็ต้องมีกรรมอยู่ เพราะมันต่อไว้ มันมีที่นั่ง มันมีที่อาศัย ความหลงเกิดขึ้นทีไรก็ยังเป็นความหลง 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็แสดงธรรม ตัวเป็นคนหลงก็ทำตาม มันก็มีค่าสำหรับความหลง ถ้าเรามาหลงแล้วเห็นมัน รู้มันแล้ว เปลี่ยนเป็นไม่หลง มันไม่มีค่าอะไร
ความไม่หลงมีค่ากว่าถูกต้องกว่า ความไม่ทุกข์ก็ถูกต้อง ความทุกข์ไม่ถูกต้อง อยากจะบอกตรงนี้ เวลาอื่นให้คนอื่นสอน ให้คนอื่นบอก แต่นี่อยากจะบอกเรื่องนี้เพราะมันอยู่ที่นี่แน่นอน เราก็อยากเป็นคนดี อยากมีบุญ ไม่มีวิธีใดช่วยก็ต้องทำอย่างนี้แหละ อยากขนส่ง เรื่องอื่นก็ให้คนอื่นสอน ที่นี่ขอด่วนสักหน่อย สายด่วนสักหน่อย ประมาทไม่ได้ ถ้าหลงก็ไปสู่ภพภูมิต่าง ๆ เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรกเดรัจฉาน อบาย ไม่เจริญเลยทีเดียว ไปสู่อบาย ถ้าไม่หลงก็ไปสู่สุคติ วัฒนะเจริญขึ้น ถ้าหลงก็เสื่อมลง เรียกว่าหายนะ ไปทางเสื่อม ไปทางต่ำ ๆ ถ้าไม่หลงไปทางสูง ๆ วัฒนะดีขึ้น ดีขึ้น ถ้าไม่หลงที่เราแล้ว ความดีก็เกิดขึ้นจากเรานี้ ถ้าเราหลง ความชั่วก็เกิดขึ้นจากเรานี้มากมาย เราจึงมาช่วยกันตรงนี้สักหน่อย เข็นกันตรงนี้สักหน่อย เหตุมันอยู่ตรงนี้แหละ
ถ้าเห็นความไม่ดีอยู่ที่ไหน ก็ต้องบอกว่านั่นคือความหลงของเขา ความโกรธ ความโลภ ความทุกข์ อย่าไปโกรธใบหน้าคน ให้โกรธอธรรมที่มันมีอยู่ในใจเขา เขาไม่รู้ เขาด่าเราเพราะเขาไม่รู้ เขาทำชั่วเพราะเขาไม่รู้ อาจจะมีเมตตาต่อคนที่ทำชั่วด้วย ถ้าเรามองให้ลึกซึ้งลงไปนะ ไม่มีวันที่จะไปโกรธตอบ เห็นคนหนึ่งโกรธ เราจะช่วยให้เขาไม่โกรธได้ เป็นเรื่องของปัญญา ยิ่งพวกเราเป็นสัตว์สังคมยิ่งมีโอกาส อยู่ด้วยกันถ้าเห็นใครโกรธก็ต้องช่วยกันเต็มที่ มา ๆ ช่วยกันเถอะ พ่อกำลังโกรธแล้ว เรียกลูกเรียกเต้ามา เมื่อแม่กำลังโกรธก็เรียกลูกมา นี่แม่กำลังโกรธ ทำอย่างไรพวกเราช่วยแม่ได้ไหม วิธีใดที่ทำให้ไม่โกรธ ให้เป็นเรื่องใหญ่โตซะ ไม่ได้แล้ว หลงอย่างนี้ โกรธอย่างนี้อันตรายแล้วเรา เราไม่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ เบื่อเหลือเกิน เบื่อความโกรธความทุกข์ หนีกันเถอะพวกเรา ไป๊ ชวนกัน
สมัยหลวงตาเป็นเด็ก แม่คนหนึ่งลูกชายทะเลาะกัน คนหนึ่งก็เรียกด่าอยู่ด้านนอกบ้าน ลูกชายก็อยู่กับแม่ แม่จะไป... (ลูกชายจะไปตีกับเขา แม่จับแขนลูกไว้) จับไว้เฉย ๆ ไม่พอ เอาน้ำมาลูบอกลูกชาย แล้วบอกว่า เย็นเถิดลูก ไม่เป็นไร อดเอา อดเอา เอาน้ำมาลูบหัวใจของลูกชาย ลูกชายทำท่าจะไป แม่ก็เอาน้ำมาลูบไว้ อดไว้ อดไว้ลูก อดไว้ ถ้าผัวเมียช่วยกันอย่างนี้จะดีมาก มีบ้างไหมในโลกนี้ เมียโกรธก็เอาน้ำมาลูบหัวอก หยุดเถอะแม่ หยุดเถอะ ถ้าผัวโกรธก็เอาน้ำมาลูบหัวใจ หยุดเถอะพ่อ หยุดเถอะ ไม่ได้ ไม่ได้ บางทีรุมกันตีลูก เอ้า! เอามันให้ตาย ผิดแล้ว ไม่ใช่แล้ว
ลองช่วยกันอย่างนี้ดูสิ มันเป็นเรื่องใหญ่นะเรื่องนี้ มันเกิดขึ้นกับเรา ช่วยเราให้ได้ก่อน เราจึงช่วยคนอื่นได้ ไม่ยาก เราเคยชนะความหลงได้ โอ๊ย! ง่ายนิดเดียว เราเคยชนะความโกรธได้ ง่ายนิดเดียว ชนะความทุกข์ได้ ง่ายนิดเดียว ทำไมคนอื่นจึงชนะไม่ได้ อย่ามาคุยอวดเรื่องทุกข์เลยในโลกนี้ มีทุกรสทุกชาติ อยากขอบคุณมันเหลือเกิน ถ้าไม่ทุกข์มันก็ไม่พ้นทุกข์ เห็นมันทุกข์ มันก็เป็นเรื่องดี พ้นจากทุกข์ เห็นปัญหาก็เป็นปัญญา
กรรมฐานมันศักดิ์สิทธิ์นะ เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาตินะ มียกมือไหว้ตัวเองได้ ถ้ายกมือไหว้ตัวเองได้ ก็ไหว้คนอื่นได้ ถ้าช่วยตัวเองได้ก็รู้จักช่วยคนอื่น ไม่ปล่อยกันทิ้ง ถ้าเราช่วยตัวเองไม่ได้ก็ช่วยคนอื่นไม่ได้หรอก บางทีเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้วทุกวันนี้ ความหลง ความโกรธ ความโลภ ความทุกข์ โชว์กันเหลือเกิน มักจะออกหน้าออกตา แล้วอะไรมันโชว์ ตาเห็นรูป อะไรมันโชว์ออกมาก่อน มีปัญญาบ้างไหม หูได้ยินเสียง อะไรมันโชว์มา ความพอใจมันโชว์ไหม ความไม่พอใจมันโชว์ไหมขณะที่ได้ยินเสียง มีปัญญาไหม เสียงคืออะไร เป็นสักแต่ว่า หรือเป็นจริง มันจริงหรือเสียงนั้น ชักให้เราหวั่นไหวได้หรือ เสียงเขานินทาหวั่นไหวแล้วหรือ เสียงเขาสรรเสริญหวั่นไหวแล้วหรือ มันคืออะไรกันแน่ มีปัญญาไหม อะไรมันโชว์ออกมา พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง โลกเราจะอยู่ยังไงถ้าคนเราเป็นสภาพเช่นนั้น อะไรที่เราจะพึ่งพาอาศัยกันได้ อะไรที่เราพึ่งตัวเองได้ มีบ้างไหม หนักแน่นไหม
บัณฑิตผู้ฝึกตนสอนตนย่อมไม่หวั่นไหวเพราะนินทาสรรเสริญ เราก็ได้ยินอยู่ เราจะเป็นคนพาลหรือ เราจะไม่เป็นบัณฑิตบ้างหรือ เราต้องสัมผัสดูในชาตินี้ เหลือไม่นานนะ ชีวิตเราเกิดมานี้ไม่ใช่ให้มาอยู่นะ ไม่ใช่เรามาอยู่ เราจะผ่านไปศึกษามันให้มันจบซะ จบตั้งแต่หนุ่มน้อย ๆ ยังดีนะ
เห็นไหมพระพุทธเจ้าจบเรื่องชีวิตนี้อายุ 35 ปี เท่านั้นเอง เรียกว่าปรินิพพาน นิพพานแล้ว หมดพิษหมดภัยแล้ว แล้วพระองค์ทำอะไรเมื่อหมดพิษหมดภัยเล่า 45 ปีต่อไปตั้งแต่วันอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า มีอะไรเกิดขึ้น สอนพระธรรมคำสอน พระธรรมคำสอนคืออะไร เป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อปรินิพพานเช่นกัน
อะไรเป็นทางออกจากทุกข์ มันหลงเปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง มีทางไหม มันทุกข์เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ ทำได้ไหม มันโกรธเปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ จริงไหม สัมผัสดูเวลามันโกรธ ถูกต้องไหม มันไม่โกรธ ถูกต้องไหม เลือกเป็นไหม หรือมืดบอดไปเลย อวิชชาขวางกั้นเหรอ ในความโกรธมืดไปเลย แทนที่จะจุดแสงสว่าง มีสติสักหน่อย เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เห็นด้วยปัญญา อย่าเห็นแต่ทางตาเฉย ๆ
ในความไม่เที่ยงคนเขาเป็นทุกข์ เราไม่ต้องเป็นทุกข์ ได้ไหม ในความเป็นทุกข์เราก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ ได้ไหม ลองดู สัมผัสดู จะได้ดื่มรสพระธรรม ขณะเดียวกันในความหลงมีความไม่หลง ในความโกรธมีความไม่โกรธ ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์ สัมผัสดูสิ มันจะมีรสชาติในชีวิต จึงจะเรียกว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะมันเปลี่ยนชั่วเป็นดี เปลี่ยนบาปเป็นบุญ นี่คือทางที่เราจะต้องไป บาปพาไปสู่นรก มากเท่ากับขนโค หรือว่าไปทางพอใจไม่พอใจ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง พอใจไม่พอใจ จมูกได้กลิ่น พอใจไม่พอใจ กายสัมผัส จิตใจคิดนึก พอใจไม่พอใจ
ใจในใจ เกิดอะไรอีกในใจนั่นนะ กายในกายเกิดอะไรอีก เป็นภพเป็นชาติอยู่ในกาย ในสุขในทุกข์ ต้องเห็นมัน บอกคืน ไม่ใช่ต้อนรับ บอกคืน ไม่ให้ค่า ความหลงไม่ให้ค่ามัน ความทุกข์ก็ไม่ให้ค่ามัน จืดไปเลยนะ ความไม่ทุกข์มีค่ากว่า ความไม่หลงมีค่ากว่า ลองดูสิ ชีวิตใหม่ นวชีวิต นวแปลว่าใหม่เอี่ยมเลย ถ้าไม่เป็น อะไรไม่เป็น มีแต่เห็นนี่ ใหม่เอี่ยมเลย ถ้าเป็นแล้วเปรอะเปื้อนเก่าคร่ำคร่า ทรุดโทรม
ในโลกนี้ต้องเก่งนะ ถ้าไม่เก่งลำบาก โรงหนังโรงละครมากกว่าโรงเรียน โสเภณีมากกว่าหมอ คนพาลก็จะมากขึ้น อะไรล่ะที่บอกความจริงต่อเรา สื่อสารมวลชนอะไรต่าง ๆ มันเข้าถึงเนื้อถึงตัวเลยทุกวันนี้ ถ้าเฉลียวฉลาดจะหลง คนชวนสิ่งที่ชวนให้หลงมีมาก อันสิ่งที่ชวนให้รู้มีน้อย ๆ หนึ่งก็คือพ่อแม่ ครูอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีไม่มาก ส่วนคนชวนให้หลงมีมาก สู้เขาไม่ได้ เขามีดาวเทียม เขามีอะไรต่าง ๆ เราอาจจะได้ยินได้เห็นมากในความหลง เป๊ปซี่ดีที่สุด เขาว่าอย่างนี้ สุคะโตบอกว่าน้ำฝนดีที่สุด สุคะโตว่าอย่างนี้ ไม่มีใครได้ยิน เขาได้ยินแต่ว่าเป๊ปซี่ โชว์ ในโลกนี้หัวใจเดียวกัน มีภาพอะไร ช้างบ้าง อะไรบ้าง แม้แต่บุหรี่ก็ยังโชว์ ทั้ง ๆ ที่มีพิษมีภัย ลูกเล็กเด็กแดงตีกันหมด แฮมเบอเกอร์ นั่งรถผ่านไป เราเห็นรูปไก่เคเอฟซี เด็กน้อยนั่งรถร้องจะกินไก่เคเอฟซี จะกินไก่เคเอฟซี จอด ๆ เราไม่รู้เลย ไก่เคเอฟซีคืออะไร นั่นละรูปแฮมเบอเกอร์อยู่ตรงนั้น มองที่ไหนก็เห็น ไก่เคเอฟซีเป็นอย่างไร พ่อแม่ก็ต้องเวียนขึ้นไปจอด ลูกร้องไห้นั่งรถ ไปแล้วก็ไปหา ไหนไก่เคเอฟซี (หัวเราะ) มันเป็นขนาดนี้นะ คนนี้มันหลงนะ ก็ได้ผลนะ
หลวงตาตั้งสำนักสอนนี้ 40 กว่าปีแล้ว เพิ่งมีโซเซ ๆ ขึ้นมา มีคณะพยาบาลบุกเบิกที่นี่มากที่สุด โน่นที่สาธารณสุข ไม่มาก ส่วนมากไม่ค่อยมี ไม่สมดุลย์ ให้เราเป็นธุระเถิด นับหนึ่งซะ เรานี้นับหนึ่งซะ หนึ่งนะเรานี่ เอ้า! ลูกพ่อนี่แม่นี่ เราหนึ่งล่ะ คิดอย่างนี้นะ ยิ่งมีผัวมีเมียนี่ เรานี่ละคนหนึ่งละ รับผิดชอบระยะยาวที่สุด จนสุดชีวิตกันเลย ผัวเดียวเมียเดียวสุดชีวิตเลย สัญญาความรักกันระยะยาวที่สุด มันจะดีนะ อันนี้ง่อนแง่นคลอนแคลนคุ้มร้ายคุ้มดีนะ
ถ้าโกรธแล้ว เฒ่าขาดแรง แกงขาดหม้อ ไม่มีเรี่ยวมีแรงจะช่วยใครได้ หมกหมุ่นครุ่นคิด พอใจในความโกรธ มีคนไปห้ามก็ไม่เอา ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่โกรธไม่ได้ ถ้ากูได้โกรธตายไม่ลืม มันขนาดนั้นนะ รสชาติของโลกนี้ทำให้สัตว์โลกติด เราจึงมาดูสิ มันขนาดไหน ลองมาดูอยู่โลกใหม่ดีไหม รู้สึกตัวดูสิ มาเห็นมาดูมันสิ อย่าเป็น มาดูมัน อะไรมันจะออกมา มาดูกายนี้ก่อน เคลื่อนไหวอยู่นี้ ให้มันรู้อยู่ตรงนี้ อะไรจะเกิดขึ้นนอกจากความรู้แล้ว เยอะแยะ ได้ศึกษามากมาย ตลาดนัดแห่งการศึกษาไหลออกมา บางทีมันติดมานานเท่าไรแล้ว ซุกซนมาเรื่องอะไร มันจะฉายออกมาให้เราเห็น ใจมันติดอะไร กายมันติดอะไร ถ้ามันติดบุหรี่ บุหรี่ก็ฉายออกมา ติดเหล้า เหล้าก็ฉายออกมา ติดกิเลสตัณหา กิเลสตัณหาก็ฉายออกมา อยู่เฉย ๆ ไม่ได้หรือ มารู้ตรงนี้
ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น เปลี่ยนมาเป็นภาวะที่รู้ ทวนกระแสเสียสักหน่อย ทวนสักหน่อย อย่าหวั่นไหว เราจะดูแลเรื่องกินเรื่องนอน จะกินอะไร จะถ่ายตรงไหน เราพยายามที่จะให้เกิดความสะดวกตามฐานะของเรา ไม่ต้องคิด เขาคนหนึ่ง เราก็คนหนึ่ง ให้คิดอย่างนี้ สู้สักหน่อย ให้มีการสู้สักหน่อย ทนสักหน่อย เสียสละสักหน่อย มีศรัทธาในการกระทำความดีสักหน่อย อย่าว่าแต่ปาก อโห พุทโธ พระพุทธเจ้าน่าอัศจรรย์จริง อโห ธัมโม อโห สังโฆ น่าอัศจรรย์แบบไหน พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน มีบ้างไหมในหัวใจเรานี้ อยู่นอกเราหรือ น้อมมาใส่เราสิ โอปะนะยิโก น้อมมาใส่เรา เวลามันหลงเปลี่ยนเป็นไม่หลง น้อมมา มีศรัทธาต่อความไม่หลง เราจะทำตรงนี้ให้มีศรัทธา อย่าให้หลุดไปง่าย ๆ ให้หนักแน่น น้อมมาใส่เรา น้อมความไม่หลงเข้ามา น้อมความไม่ทุกข์เข้ามา อย่ารับ
เหมือนเรานั่งเก้าอี้ เก้าอี้เป็นอย่างไรเมื่อเรานั่งอยู่ หมายถึงความรู้สึกตัวนั่งอยู่ เวลามันหลงเกิดขึ้น หรือดูออกไป ไปเอาหลงเหรอ ให้เขานั่งเหรอ ไม่ใช่ จงอยู่ไว้ก่อน เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งลุก ถ้าคิดจะลุกอย่าไปลุกตามความคิด ให้รู้เสียก่อน ถ้าจะลุกก็ลุกด้วยความรู้สึกตัว ถ้านั่งสร้างจังหวะ ถ้าเดินจงกรมอยู่ มันคิด คิดจะนั่ง ก็อย่านั่งตามความคิด ให้รู้สึกตัวค่อยเดิน แล้วค่อยมานั่งแบบมีสติ ให้ต่อ ให้ต่อ เดี๋ยวนี้อะไรทำความเพียร ความคิดพาให้ทำ ความขี้เกียจพาให้หยุด ความขยันพาให้ทำ ความขี้เกียจพาให้หยุด ไม่ใช่ให้เป็นศรัทธา อย่าให้ความหลง ความยาก ความง่ายสั่งการ บางทีความยากไม่เอา ง่าย ๆ จึงจะเอา อย่าให้เป็นอย่างนั้น ยากง่ายไม่เกี่ยว
เราจะทำของเราเอง มันผิดก็ไม่ใช่ มันถูกก็ไม่ใช่ เราจะรู้ของเราเอง ผิดก็จะเห็นมัน มันถูกก็จะเห็นมัน มันสุขมันทุกข์ก็จะเห็นมัน มันยากมันง่ายก็จะเห็นมัน ยืนหยัดอยู่ตรงนี้นะ ยืนหยัดตรงนี้ มองตรง ๆ อย่างนี้ไป อย่าหลีกเลี่ยง ไม่มีหลีกเลี่ยง ตรงไปเลย ถ้าจะตรง ถ้าจะด่วนนะ อาจจะ 1 วัน อาจจะ 7 วัน อาจจะบรรลุธรรมก็ได้ บรรลุธรรมคืออะไร บรรลุธรรมคือผ่านความชั่วออกไปได้ อย่างน้อยก็ต้องเห็นกระแส เวลามันหลงเห็นความไม่หลง มีคู่อยู่ เวลามันโกรธเห็นความไม่โกรธ มีคู่อยู่ เวลามันทุกข์เห็นความไม่ทุกข์ มีคู่อยู่ เป็นกระแสไว้อยู่ เราเคยทำแล้ว ถ้าเก่งไป เก่งไป เก่งไป อ้าว! เห็นความเกิดความแก่ความเจ็บความตาย ง่ายนิดเดียว พลังมันอยู่ที่นี่แล้ว ง่ายนิดเดียว มันลาดเอาไว้แล้ว ไม่เป็นหน้าผา เราก็ว่าถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ความทุกข์เป็นเบื้องหน้าคืออะไร เกิดแก่เจ็บตายแน่นอนที่สุด ธรรมะจะมีศิลปะตรงนี้มาก เรียกว่าเหนือการเกิดแก่เจ็บตายจริง ๆ
พระพุทธเจ้านิพพานในเรื่องนี้ ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีชาติอีกแล้วในความเกิด ไม่มีชาติในความแก่ ไม่มีชาติในความเจ็บ ไม่มีชาติในความตาย เหนือแล้ว เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว พระองค์ทำอะไร อีก 45 พรรษาไปที่ไหน อยู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันปีเดียว พรรษาเดียว นอกนั้นก็ไปเวฬุวัน 3 พรรษา ประดิษฐานพระพุทธศาสนาที่นั้น พระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐาก ได้อัครสาวกที่เวฬุวัน พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ตั้งหลักฐานที่นั่น พระเจ้าพิมพิสาร กรุงราชคฤห์ มคธรัฐ รัฐใหญ่ นอกจากนั้นก็ไปแล้ว พรรษาที่ 4 ที่ 5 จะไปกบิลพัสดุ์ ไปโปรดพุทธบิดา พรรษาที่ 7 ไปโปรดพระมารดา จำพรรษาไม่อยู่ที่เดียวเลย ดีกว่าพวกเรา
พวกเราอยู่ที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว 30 – 40 ปีแล้ว ไม่ไปไหน พระพุทธเจ้าท่านไป ไม่มีรถเลย เดิน ขนาดนิพพานแล้ว 45 ปี จนถึง 80 ปี เดินมาจากเมืองปาวามาถึงกุสินารา บอกพระอานนท์ว่า อานนท์เอย ปูผ้าสังฆาฏิตรงนี้ แล้วจะนอนไม่ลุกแล้ว ขนาดนั้นใช่ไหม ไม่มีใครมนุษย์ในโลกนี้ ระหว่างนาราโคตรสวนมัลลกษัตริย์ ไม่มีหลังคา ไม่มีอะไรเลย อานนท์เธอจงปูผ้าสังฆาฏิตรงนี้ เราจะนอนไม่ลุกอีกแล้ว ไม่ลุกจริง ๆ ปรินิพพาน หมดเลย 45 ปีทำอะไร เราแค่ไหนที่ว่าศรัทธาพระพุทธเจ้า เถ้าธุลีในฝ่าพระบาทของพระองค์มาร้อยอยู่ในหัวใจเราบ้างไหม สำนึกไหม มีศรัทธาไหม อะไรนิดหน่อยก็ไม่สู้หรือ ไม่ใช่ เราต้องเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งที่จะต้องศรัทธาในเรื่องนี้อย่างแน่วแน่ จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องสู้ เปรียบพุทธสาวกเป็นธุลีเม็ดน้อย ๆ อยู่ในหัวใจเรา ก็ให้เราเพียรพยายาม ตั้งไว้ ใจมั่นสำเร็จ ตั้งใจไว้ที่ไหนมันก็มีความสำเร็จแน่นอน เรามีศรัทธาสัก 7 วันเราจะทำเรื่องนี้ เจ้าชายสิทธัตถะก็เคยใช้วิธีนี้ ฉันข้าวของนางสุชาดาแล้วเดินข้ามแม่น้ำเนรัญชรามาฝั่งตะวันตก ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์เราจะนั่งตรงนี้ ไม่ลุกถ้าไม่บรรลุธรรม หนังกระดูกจะเหือดแห้งไปก็ตาม จะไม่ลุกถ้าไม่บรรลุธรรม นี่ขนาดสุ่ม ๆ หาอยู่ ไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร ยังมีจิตใจขนาดนั้น เรียกว่าอธิษฐานใจแน่วแน่
บางทีนักกรรมฐานเขาก็ว่าสมาทานกรรมฐาน อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง อัมหากัง ปะริจัจชามิ ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าจะขอปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน 1 วัน หรือ 7 วัน เพื่อทำให้แจ้งซึ่งมรรคผลนิพพาน จะไม่หนีจากที่นี่ภายใน 7 วัน นิพพานัสสะ เม ภันเต สัจฉิกะระณัตถายะ วิปัสสะนากัมมัฏฐานัง เทหิ อะไร (หัวเราะ) โรคขี้เกียจจำ ไม่อยากพูด แต่เราก็อ้าง ๆ เสียหน่อย ไม่ใช่มาว่าเอง มันมีมาแล้ว จะทำพระนิพพานให้แจ้ง มันหลง ความไม่หลงก็มี แจ้งเสียหน่อย อย่าจน มันทุกข์ ความไม่ทุกข์ก็มี มันโกรธ ความไม่โกรธก็มี หัดมองอย่างนี้
อย่างที่เราขอบวช สัพพะทุกขะ นิสสะระณะนิพพานะ จะอาศัยผ้ากาสาวพัสตร์นี้เพื่อชนะทุกข์ให้ถึงมรรคผลนิพพาน เพื่อนิพพาน ไม่ใช่เพื่ออะไร สัจฉิกะระณัตถายะ อิมัง กาสาวัง คะเหตวา เอาจีวรเป็นเหตุ อาศัยเหตุอันนี้ อยู่อย่างสันโดษ บางรูปก็ฉันข้าวมื้อเดียว บางรูปก็ฉันข้าวสองมื้อ อยู่กระต๊อบ เคยอยู่ปราสาท เคยอยู่หรูหรา เคยเปิดตู้เย็น เคยนั่งสะดวกสบาย มาเดินใต้ร่มไม้ อยู่กระต๊อบ ไม่มีตู้เย็น บังคับ การกินอาหารก็บังคับ มัดมือชก มีอยู่ในถ้วยอะไรก็ฉันไป ไม่ได้เลือก แล้วแต่เขาจะให้กินอะไร นี่มัดมือชก ทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย สันโดษ ไม่คลุกคลี ไม่เห็นแก่ความมักมาก อยู่ในระเบียบนี้เป็นการขัดเกลาชีวิตจิตใจของเราไปในตัวเสร็จ
นอกจากนั้นเรามีกรรมฐานเข้าไปอีก ย้ำเข้าไป ให้มันล้างบางไปเลย เริ่มต้นจากภาวะที่รู้ นี่แหละการศึกษา ดูแลตัวเองให้ดีให้มันคุ้ม ปฏิบัติธรรมคือดูแลตัวเองให้มันคุ้ม มันก็มีไม่มากหรอก มีกายมีใจ กายก็มีอะไรที่มันเกิดขึ้นนี่ ดู ต้นเหตุมันอยู่ที่กาย ให้มันเห็น อย่าเป็น ใจมันก็มี ต้นเหตุอยู่ที่ใจ มันคิด ความคิดเฉย ๆ ก็ทุกข์ ความคิดเฉย ๆ ก็นอนไม่หลับ ความคิดเฉย ๆ ก็ร้องไห้ได้ เอาชีวิตไปห้อยไปแขวนไว้กับสุขกับทุกข์ทำไม เหนือนั่นไม่ได้หรือ ให้เห็น อย่าเป็น อย่าเป็นสุข อย่าเป็นทุกข์ไม่ได้หรือ ออกมาเสีย ให้เห็น มาดูโลก มันเป็นอย่างนี้ โลกเนี่ย ไม่ใช่เรา ต้องเหนือโลก ไปกันเถอะพวกเรานะ อย่าอยู่ในโลก ไม่ปลอดภัยแน่ เวียนว่ายตายเกิด
เริ่มต้นจากข้ามความหลงเป็นความรู้ไป ก้าวแรก เวลามันหลง เปลี่ยนหลงเป็นรู้ เปลี่ยนทุกข์เป็นรู้ เห็นอะไรเป็นรู้ทั้งหมด ก็ไปได้ ถ้าไม่เปลี่ยน มันไปไม่ได้ เรียกว่ากรรมฐาน ภาวนา ขยันรู้ ภาวนาคือเปลี่ยนร้ายเป็นดี วัฒนะ ถ้าไม่มีภาวนา เป็นหายนะ มันเสื่อม เราจะต้องศึกษาเสียหน่อยนะ ก็เป็นมิตรเป็นเพื่อนเป็นส่วนประกอบเล็กน้อยในการปฏิบัติ นอกนั้นก็มีพระอาจารย์ แม่ไก่ กรรมฐานแม่ไก่ เพียรพยายามดูแลเราอยู่ มีบุคคลสัปปายะ มีธรรมสัปปายะ อาหารสัปปายะ เสนาสนะสัปปายะ เป็นเครื่องมือบุพกิจบุพพกรณ์ที่เราจะต้องอาศัย 4 อย่างนี้ก็พออยู่กันได้ เสนาสนะสัปปายะ มีที่นั่ง ศาลาหอไตร ฟังธรรม สวดมนต์ ที่นอนที่มุงที่บังพอได้หลับได้นอน อาหารก็พอเยียวยาไส้ได้ บุคคลก็มีมิตรมีเพื่อนอยู่นี้ ไม่ทอดไม่ทิ้งกัน ฝากผีฝากไข้ต่อกัน ไม่ทอดไม่ทิ้ง มีธรรมก็บอกกันอยู่นี้ ธรรมสัปปายะ เท็จจริงอย่างไรสัมผัสดู เวลามันหลง ไม่หลง นี่คือธรรม อันความหลงไม่ใช่ธรรม ความไม่หลงเป็นธรรม ความทุกข์ไม่ใช่ธรรม ความไม่ทุกข์เป็นธรรม พระพุทธเจ้าเคารพพระธรรม ไม่เคารพอธรรม มันหลงไม่เคารพเลย ความไม่หลงนี้เป็นสิ่งเคารพ น้อมมา
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ กราบพระพร้อมกัน