แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ทำต่ออีกสักสามสิบนาที จากที่เราได้สาธยาย พระสูตรต่างๆ สนุกดี หรือว่าพากันง่วงนอน พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้ ตะโกนลงไป พร้อมทั้งพระธรรมคำสอนอันเป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ เพื่อสงบกิเลส เพื่อปรินิพพาน พวกเราทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า ตะโกนใส่สนุกดี สมน้ำหน้ามัน จำแนกออกเป็นไปอย่างนี้ รูปก็ไม่เที่ยง เวทนาก็ไม่เที่ยง สัญญาก็ไม่เที่ยง สังขารก็ไม่เที่ยง วิญญาณก็ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตน เป็นทุกข์ ว่ามัน สมน้ำหน้ามัน ความไม่เที่ยง อย่าเป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง อย่าเป็นทุกข์เพราะความเป็นทุกข์ จงรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด รู้จักอะไรมันเป็นทุกข์ อย่าไปโง่ ฉลาด มีสติ อะไรที่เป็นโทษก็ปล่อยให้คนอื่น อย่าทำ อย่าพูด อย่าคิด นี่ก็ให้มันสมลงไป จริงจังลงไป พระพุทธเจ้าพร่ำสอนส่วนมากให้รู้เรื่องนี้ พระสงฆ์สาวกทั้งหลายก็รู้เรื่องนี้เป็นส่วนมาก ส่วนมาก เอวัง เอวัง เท่านี้เท่านี้ เราก็สนุกดีนะ สวดมนต์ สาธยายธรรมเมื่อไร มันก็ซักฟอก ล้างบางมัน ยิ่งเรามาแผ่เมตตาก็ยิ่งล้างบาปอกุศล ไม่ใช่ว่าแต่ปาก เป็นภาษานกแก้ว นกขุนทอง ยิ่งพระสูตรช่วยเรา วินัยช่วยเรา เราไม่ได้พบกันเป็นส่วนตัว แต่ว่าธรรมวินัยเป็นสายใย เป็นเส้นด้ายร้อยพวกเราเข้าหากัน ไม่ได้ห่างไกลกันกับพระสงฆ์ทุกรูป กับแม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ธรรมวินัยเหมือนกับเส้นด้าย บรรทัดที่เราเข้าแถวกันอยู่
ต่อเมื่อใดเราเคารพปฏิบัติตามก็เรียกว่าเราเป็นคนคนเดียวกัน เราก็ช่วยตัวเองด้วยช่วยคนอื่นไปในตัว ถ้าเราไม่หลง เราก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ว่าแต่ว่าละความชั่ว ทำความดี ต่างคนต่างเปลี่ยนร้ายเป็นดี มีแต่ว่าปฏิบัติธรรม ถ้าทำได้ปฏิบัติได้จริงๆ สิ่งไหนทำไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน พระพุทธเจ้าสอนในสิ่งที่เราทำได้ ไม่ใช่ ไม่ใช่เรานิยาม ชี้ลงไปเลย พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีจริงๆ จะเพิ่มก็ไม่ได้ จะตัดออกก็ไม่ได้ แล้วปฏิบัติได้ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นปัจจัตตัง เดี๋ยวนี้ เวลามันหลง เปลี่ยนหลง ไม่หลง ได้เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ชาติหน้า ไม่ใช่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ไม่เห็น เมื่อวานก็ไม่เห็น เราเห็นเดี๋ยวนี้ แน่นอนที่สุด มั่นใจที่สุด อะไรที่เกิดจากเรา เราเห็น เราแก้ไขได้ เราแก้ในชีวิตประจำวัน เช่นจีวร เราก็ได้ใช้ด้วยมือของเรา จีวรมันสะอาดมาแต่เดิม เมื่อมาถูกกับร่างกายแล้ว อันเน่าแล้ว มันก็เหม็น จีวรบางรูป บางองค์ เหม็น มันเน่าอยู่เป็นนิตย์ ควรจะใส่ใจรักษา จีวรเหม็น ผ้าจีวรต้องอาบัติ ตัวเจ้าของนุ่งจีวรก็ต้องอาบัติ แล้วรังเกียจ ต้องใส่ใจ ถือผ้าแล้ว เมื่อถือแล้ว ไปเปลี่ยนถือผืนใหม่ เอาผืนเก่าพับไป ไม่ใช่ ใช้ไม่ได้เลยแบบนั้น ใช้แล้วก็ต้องซัก ซักแล้วก็ค่อยพับไว้เก็บไว้ ผ้าใช้แล้ว พับไว้คืนเดียวเท่านั้นเหม็นเลย ซักไม่ออก ต้องไปต้ม มันน่ารังเกียจอย่างยิ่งไปด้วยกัน นี่เราก็ทำด้วยมือของเรา ทำได้ ทำให้มันได้ ปฏิบัติให้ได้ เพราะฉะนั้นต่อไปก็ดูแลตัวเราเหมือนกับดูแลคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่นไปในตัวเสร็จ โดยเฉพาะเราปฏิบัติ มีสติก็มีได้ทุกเวลา มันหลงก็ มันก็หลงได้ทุกเวลา เราก็เปลี่ยนมันได้ทุกเวลา
ให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา ไหนหลักก็ชี้ชัดเจนเหลือเกิน สัมมาทิฐิ เห็นอะไรที่มันเป็นทุกข์เป็นโทษ เห็นเหตุที่มันให้เกิดทุกข์เกิดโทษ มันมีเหตุ สิ่งนี้เกิด สิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็มี ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี ควรที่จะเห็น ไม่น่าจะโง่ ที่เราทุกข์ เราโกรธ เพราะมันหลง ถ้าไม่หลง มันไม่ไป ไม่ทุกข์ไม่โกรธ ต้นตอมันอยู่ที่นี่ ละ เห็น เห็น เห็น เห็นถูก ละกุศล ละอกุศล เป็นกุศล ละความหลง ให้ความหลงเปลี่ยนเป็นดี ให้เป็นกุศล อกุศลอื่นที่ยังไม่เกิด ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีสติมันก็เท่านี้เอง มันไม่ใช่แย่ง เพราะเราเป็นเจ้าของเห็นมันอยู่ มันจะมาได้อย่างไร มันหลง ก็รู้ไปซะ สิ่งใดทำให้เกิดตัวเกิดตน ยึดมั่นถือมั่น มันเกิดจากความหลง ให้เห็นในสิ่งที่มัน สำคัญมั่นหมาย เป็นทุกข์เป็นโทษ จนไม่เป็นอะไรกับมันเลย เห็น ไม่เป็น เรียกว่าสัมมาทิฐิ ความดำริก็ ดำริออกจากมัน ไม่ลูบคลำ มันเกิดที่ไหน ดำริออก เรียกว่า ออกไป มันหลงครั้งใด ก็ออกไป การหัดต้องออกไป เปลี่ยนไป ดำริออก ถ้าเป็นคำพูดก็พูดในทางเช่นนี้ ไม่เป็นการเบียดเบียนตน อย่าให้เกิดความหลง ถ้าพูดไม่เป็น ก็ชวนให้สิ่งแวดล้อมไม่ดี เกิดความหลงได้ คิดไม่เป็น ก็เกิดความทุกข์เป็นโทษได้ การใช้ชีวิต แม้แต่การอยู่การกิน อย่าให้เป็นไปเพื่อตัวตน ให้เป็นไปเพื่อไม่ใช่ตัวใช่ตน เป็นเหมือนอาจารย์พุทธทาสว่า กินอาหารดูความว่าง อย่างพระกิน การเลี้ยงชีวิต ไม่หลอกลวงเขา ตามอัตภาพของพวกเรา การงานชอบทำอะไร วันหนึ่งวันหนึ่งเราทำอะไร อะไรเป็นงานชอบ งานใดที่เป็นไปเพื่อทางออกจากทุกข์ เพื่อความสงบ เพื่อปรินิพพาน เพื่อมันหยุด มันเย็น นั้นเรียกว่างานชอบ คิดชอบ พูดชอบ ทำชอบ ชีวิตชอบ ความเพียรพยายาม อะไรที่ไม่ให้มันเป็น ไม่เป็นอะไรกับอะไร เพียรที่ไม่เป็นอะไรกับอะไร ความเพียรต้องกล้า ไม่ใช่อ่อนแอ กล้าไม่เป็นอะไร มันเป็นทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์ เห็นมันทุกข์ มันเป็นสุข ไม่เป็นผู้สุข เห็นมันสุข ไม่เป็นผู้สุข เพียร อย่าปล่อยทิ้งไว้ ให้ความสุขเป็นรอย เป็นตา ให้ความทุกข์เป็นรอย ถ้าทุกข์เป็นทุกข์ สุขเป็นสุข มันก็เป็นรอย เป็นตา ชั่วดีเป็นตา เพียรออก คำว่าเพียร นี่คือ คือกล้าหาญ นั่นมันหลง เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง มันทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ ทั้งเพียร ทั้งปฏิบัติ ตั้งสติไว้ชอบ เป็นไปเพื่อไม่ใช่ตัวใช่ตน สติดูแลรักษา คุ้มครองรูป คุ้มครองนาม ให้เห็นตามความเป็นจริง ให้ทั้งรูปทั้งนามไปพร้อมๆกัน เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต รูปก็ใช้ให้มันถูกต้อง นามก็ใช้ให้ถูกต้อง อย่าคิดให้กระทบกระเทือน เป็นคลื่น ให้มันเรียบๆ
ชีวิตจะมี ชีวิตไม่กระทบกระเทือน เหมือนรถราเวลาใช้เรียบๆ ก็ไม่กระทบกระเทือน ถ้าไปชนโน้นชนนี้ ถ้าไปชนโน้นชนนี้ก็ช้ำ เสียหายได้ง่าย ชีวิตเราก็เหมือนกัน สุขทุกข์ อะไรต่าง ๆ ให้มันเห็นไป อย่าให้มันเป็น ถ้าเห็น ไม่เป็นก็เรียบแล้ว ถ้าเป็นแล้วก็ไม่เรียบ ขรุขระ เป็นสุขก็ขรุขระ เป็นทุกข์ก็ขรุขระ ยิ่งมีความหลง ความรัก ความชัง ขรุขระ ไม่เรียบ เหมือนกับทางเป็นคลื่น รถวิ่งได้ยาก ถ้ากระทบกระเทือนไม่นาน ทางไม่ค่อยไกลก็นานที่จะถึง เหมือนพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวก ภิกษุทั้งหลาย แม่ชีทั้งหลาย ญาติโยมทั้งหลาย เธอจงวิดน้ำในเรือออก เรือของเธอมันหนัก เดินทางช้า วิดน้ำในเรือออก ให้เรือได้เบา วิ่งได้ไว มันหนักด้วยอะไร หนักด้วยความมี ความเป็น เป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นโทษ เป็นรัก เป็นชัง พอใจ ไม่พอใจ มันหนัก กิเลสตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ หนัก วิ่งไม่ค่อยสะดวก อืดอาด เนิ่นช้า ไม่สนุก เธอจงวิดน้ำในเรือเธอออกให้มันเบา เพื่อวิ่งได้ไว ถึงจุดหมายปลายทางได้ง่าย มีเยอะแยะที่เราจะเอามาใช้กับชีวิตเรา ไม่ต้องจน อะไรที่เกิดกับกายกับใจ มีสติสัมปชัญญะ เฉลยได้ ทุกเรื่อง ผ่านได้ทุกเรื่อง ไม่ยาก ไม่เหมือนไล่ยุง ภาระต่างๆ ความหนักต่างๆ ไม่เหมือนไล่ยุง ไล่ยุงยังยากกว่า บางทีต้องเอาตะไคร้หอมมาฉีด ไล่มัน บางทีต้องมีในมุ้ง การเปลี่ยนความร้ายเป็นความดีนี่ ง่ายๆ สามารถจะวิดน้ำในเรือออกให้เบาทันที เมื่อมันหลงไม่หลง เปลี่ยนหลง ไม่หลง เบาหวิวไปเลย เมื่อมันทุกข์ ไม่ทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ เบาแล้ว สัมผัสดู มันเบาต่างกัน ถ้าทุกข์เป็นทุกข์ ไม่เบา ทุกข์มันรู้ เบา ยิ่งไม่เป็นผู้ทุกข์ ยิ่งเบาใหญ่ ไวดี กระโดดถึงยอดโกศมงกุฎ มันจะมีพลังตอนนี้แหละ ถ้าปฏิบัติจริงๆ นะ มีพลัง คนแกร่งกล้าพลัง กระโจนได้ตอนนั้น ถ้าคนไม่มีพลังก็ติดแล้ว คลานต้วมเตี้ยม คนแกร่งกล้ามหาพลัง กระโดดถึง ยอดโกศมงกุฎ ธรรมคือกอดมงกุฎธรรมด้วยหทัย ไม่เป็นอะไร กับอะไร มันกระโจนได้ช่วงที่มันขรุขระ เหมือนขอบ เหมือนเหว สนุกตอนนั้น เหมือน เล่น เล่น สมัยเป็นเด็กเล่นผึ้งเล่นหนอน บนต้นไม้ บนกอไผ่ ที่ไม่มีหนาม ต้นเสี้ยว พุ่มเสี้ยว ที่มันเป็นแถวต้นมะขาม กระโดดไปเหมือนอะไร สนุกดี กระโดดใส่กิ่งนั้น กระโดดใส่กิ่งนี้ มันสนุกตอนกระโดด ไม่ใช่ต้วมเตี้ยม ถ้าเป็นสมมติว่า แผ่นดินมันไหว ถ้าสมมติว่าแผ่นดินมันแยก เราคงสนุกดี กระโดดใส่ตรงนั้น กระโดดใส่ตรงนี้ เพื่อข้ามขอบ ข้ามเหวไป ไม่ใช่ยอมให้มัน จมอยู่ที่นั้น ถ้าคนมีกำลัง มีกำลังใจ มีความเพียร เหมือนมหาชนก มหาชนกนี่ เรือล่ม คนในเรือไม่เตรียมตัว ไม่มีสติ มหาชนกนี่ เห็นเรือมันล่มแล้ว มีกำลังเตรียมสิ่งของ มีอะไรที่พอใช้ได้ แล้วปีนขึ้นไป ตรงไหนที่มันสูงที่สุดในเรือ เสากระโดงบ้าง ปีนขึ้นไปตรงที่มันสูง ผู้อยู่ข้างล่างไม่รู้จักช่วยตัวเอง ไม่มีพลัง อ่อนแอไปเลย จมอยู่ท้องเรือใต้ๆ มหาชนกปีนขึ้นไปบนเสากระโดง เมื่อเรือล่มค่อยๆตั้งท่าดี ก็ไม่ต้องออกแรงเพราะเตรียมแล้ว อาจจะมีอะไร ท่อนไม้หรืออะไรอาศัยบ้าง พอเรือมันล่มจมลง น้ำถึงเอว ถึงอก ถึงปาก ถึงท่วมแล้ว ค่อยๆลอยคอไป มีอะไรเกาะอยู่ ก็ว่ายไปอย่างนี้ ว่ายไม่หยุดนั่นแหละ ไม่เห็นฝั่งก็จะว่ายอยู่ตรงนี้ มีพลัง คิดถึงแม่ ยืมเงินแม่มาค้าขาย เป็นหนี้แม่ จะต้องพยายามที่สุด จนสุดความสามารถ จึงเกิดเมขลา มาเยาะเย้ย โอ๊ย..มานพเธอจะว่ายไปถึงไหน เธอมันไม่พ้นหรอก มันไม่มีฝั่งที่ไหน มานพก็ไม่ได้ย่อท้อ ยิ่งโต้ตอบ อย่ามาสนใจเรา เรามีหน้าที่ว่ายไป ถึงไม่ถึง เป็นเรื่องของมัน เราจะว่ายไปตรงนี้แหละ ในที่สุดเมขลาก็ต้องมาช่วย เพราะไม่งั้น ก็ถือว่าอกแตกตาย คนดี นี่คือพลังแกร่งกล้า ถลาด้วยกาย ไม่ยอมตาย
คราวหนึ่งหลวงตาก็ไปเรือล่มเหมือนกัน ไปเกาะหาดทรายแก้ว ลงเรือ มีแต่พระบ้านโคก นั่งเรือไม่ค่อยเป็น เรือก็ลำไม่ใหญ่ จากฝั่งไปเกาะหาดทรายแก้วก็ไม่ไกลเท่าไหร่นะ แต่ขณะนั้นมีเรือประมงอยู่หลายลำ แต่เราก็ลงนั่งเรือไป พอนั่งไป คนที่ไม่เคยนั่งเรือ ก็ตุ๊กๆ ตั๊กๆ เอียงซ้ายเอียงขวา ไม่มีการทรงตัว เอียงไปเอียงมา คนนั่งอยู่ พระนั่งอยู่ ก็หัวเหวี่ยงไปตามมันเอียงไป มันก็ยิ่งทำให้เรือมันเหวี่ยงแรง ก็จมน้ำ พอเรือมันจมแล้ว กำลังจมลง พระบางรูป ไม่ระมัดระวัง กระโดดลงไปทั้งๆเรือล่มอยู่ ยังกระโดดน้ำ กระโดดลงไปก็ไม่เรียบร้อย ผ้าจีวร กองๆ ถือบาตรพะรุงพะรัง ไม่เตรียมตัว ก็ลอย กระปุ๊บกระปั๊บ เกือบจะตาย เรือประมงเขาเห็น เรือมันล่มหมดแล้ว พระลอยคออยู่ ผ้าจีวรกองๆ ทั้งบาตร ทั้งย่าม เขาก็โยนเชือกลงใส่ ตอนนั้นเราก็ ตั้งท่า เห็นเรือล่มก็ จีวรปลดออกจากตัวเรา บาตรก็รูดซิปดีดี ถุงย่ามรูดซิปดีดี เราก็เตรียมตั้งแต่ย่ามใส่ในบาตรถือหิ้วไว้ เราก็ยืนอยู่บนเรือให้เรือจมไป เราก็ลอยคอ สบายเลย ในที่สุดเรือประมงก็มา ทิ้งเชือกลงใส่ เขาก็ดึงเอา ยื่นบาตรให้เขา เขาก็ดึงขึ้นเรือ เขาจับแขนดึงขึ้น ก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่พระบางรูปเกือบจะตายไป เพราะไม่มีสติ อะไรที่มันเป็นทุกข์ ไม่มีสติมันก็สะบักสะบอม ไปบนความทุกข์ ความสุข ถ้าเรามีสติตอนนั้นนะ เป็นศิลปะ เป็นกีฬาของเรา แน่นอนที่สุด ชีวิตเราต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย ถ้าเคยไว้ก็เป็นเรื่องง่าย ถ้าไม่เคยก็มืดแปดด้านนะ หลงเป็นหลง เจ็บเป็นเจ็บ ถ้าเราเห็นนี่ เราฝึกนี่ เราฝึกนี่ เปลี่ยนให้มันเป็นรู้ เป็นรู้ มันเปลี่ยนได้ มันราบรื่น ราบเป็นน้ำมันลอยคอ ขึ้นยาก ถ้าสุขเป็นสุข ลอยคอ ทุกข์เป็นทุกข์ลอยคอ เหมือนสุขทุกข์เป็นทะเล เป็นโอฆะ ยากที่คนจะขึ้นฝั่งได้ หลงเป็นหลง โกรธเป็นโกรธ เหมือนทะเล ห้วงน้ำ ถ้าเห็นแล้ว ฝั่งก็จะเรียบสักหน่อย เห็นมันสุข ไม่เป็นผู้สุขไป ขึ้นฝั่งอาจจะไม่ยาก ขึ้นง่าย อาจจะก้าวได้เลย เหมือนท่าเรือ ท่าเทียบเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา มีท่า มีท่าขึ้นท่าลง ไม่ลำบาก ชีวิตของเราถ้าเปรียบเทียบแล้ว สัมผัสดู ภาวะที่เป็นสุข ภาวะที่เป็นทุกข์ เป็นผู้โกรธ เป็นผู้ผิด ผู้ถูก มันจะลอยคอ ทำให้ไม่มีท่า ไม่ลาด ชันเป็นหน้าผา ถ้าเรายังเห็น เห็นมันสุข ไม่เป็นผู้สุข เห็นมันทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์ เห็นทุกเรื่องที่มันเกิดกับกายกับใจ กับรูปกับนามนี่ เห็นทุกเรื่องทุกราวที่มันเกิดขึ้นมา แม้กิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด มันก็ไม่มากถึงกับจะ ตะพรุบตะพับอะไร มันมีอันเดียว เรามีสติสัมปชัญญะ ใช้กายใช้ใจอยู่นี่
เหมือนโบราณท่านว่า คำทำนาย คำทายกัน ใครจะตอบ ภาษาอีสาน วัวอีเขียว ผูกหลักเดียว หัวจุ้มกันไว้ ใครตอบได้ แม่ชีน้อยตอบได้ไหม สมหญิงตอบได้ไหม วัวอีเขียวผูกหลักเดียว หัวจุ้มกันไว้ วัวอีเขียว ผูกหลักเดียว หัวจุ้มกันไว้ อะไรที่มันผูกหลักเดียว มันจุ้มกันอยู่นี่ มันมีหลักเดียว เชือกเส้นเดียว ผูกไว้ ทำไม ไม่เคย หลักปฏิบัติ นี่ มาเป็นพวง เหมือนธรรมวินัยของเรา สติ เหมือนเสือ ขังเสือ เสือหกปาก ที่พูดให้ฟังไว้ ไม่มาหลายครั้งแล้ว เสือหกปาก เลี้ยงยาก กินอาหารต่างกันแต่ละปาก ปากหนึ่งเขากินอาหารแบบหนึ่ง ปากหนึ่งก็กินแบบหนึ่ง หกปาก ต้องหาอาหารมาป้อนทั้งหก หกเรื่อง มานพก็อยากฆ่าเสือ หาวิธีฆ่าเสือ ไปหาดาบส ฤาษีเขาก็บอกว่า ต้องเอากรงขัง ทำกรง 227 ซี่ มาขัง ทำกรง 300 ซี่ มาขัง เสือก็อยู่ไปไม่ได้ มานพก็ทำกรงขัง 200 227 ซี่ไม่อยู่ เขาบอกอีกทีหนึ่งกลับไปไม่อยู่ เอากรงสักแปด สักสิบซี่ซะ เลยทำกรงสิบซี่ ขังเสือก็ไม่อยู่ บอกให้เอากรงสักแปดซี่ซะ มาขังเสืออีกก็ไม่อยู่ เอากรงสักห้าซี่ซะ มาขังเสืออีก มานพก็เอากรงห้าซี่มาขัง ก็ไม่อยู่อีก ในที่สุดก็ บอกให้เอากรงกรงเดียว ขังเสือซะ มาทำกรงเดียวขังเสือ เสือหยุดเลย ตายเลยเสือ นี่คือชาดก กรงห้าซี่ สิบซี่ คืออะไร หมายถึง ระเบียบวินัย ศีล 227 ศีล 300 ศีล 10 ศีล 8 ศีล 5 ไม่อยู่ อย่างที่คนมีศีลทุกวันนี้ สมาทานศีล มีพระสงฆ์ สมาทานศีล 227 ก็ยังมีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ ชั่วเลวทรามที่สุด มือถือสาก ปากถือศีล ไม่อยู่ เอากรงซี่เดียวนี่ คือสตินี่ วัวอีเขียว ผูกหลักเดียว หัวจุ่มกันไป มีสตินี่ ให้รู้สึกตัวนี่ ไปไหนไม่ได้แล้ว มันจะผ่านตรงนี่แหละ เป็นทวารบาลตรงนี้ สติปัฏฐานสี่ วิปัสสนาญาณเป็นป้อมปราการ เห็น มาทางใดก็รู้นะ เตือนไว้ อยู่ นี่คือหลักปฏิบัติ ไล่ยุงยังเอามือไปพัดไปวี ส่วนที่จะละกิเลสตัณหานี่ เพียงแต่มีสติเข้าไป ว่าแต่หัดให้มันมี เหมือนมีตาเอาไว้ก่อน อะไรผ่านมา จะได้เห็นมัน
สติมันยิ่งกว่านั้น เห็น แล้วไม่เป็นนี่ เห็นทุกข์นั่นนะ สัมมาทิฐิ ชอบแล้ว เห็น เหตุให้เกิดทุกข์ เห็นวิธีการออกจากทุกข์ เห็นนี่ดับทุกข์ได้แล้ว เสร็จเลย ทันทีพร้อมกันเลย สี่อย่าง สามอย่างในขณะเดียวกัน เห็น เห็นทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์ พ้นจากทุกข์ คราวเดียวกัน พริบตาเดียว เห็นมันโกรธ ไม่เป็นผู้โกรธ พ้นจากความโกรธ เห็นอะไรที่มันเกิดขึ้น ลักษณะเดียวกันหมด เป็นทฤษฎีที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในหลักอริยสัจ 4 การตรัสรู้พระพุทธเจ้านี่ มันก็คือทุกคนนี่แหละ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องของใคร เป็นเรื่องของพระพุทธเจ้าหรือ ไม่ใช่เลย เป็นเรื่องของชีวิตทุกชีวิต ถ้าเป็นคนเป็นมนุษย์นี่ ปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาด ความจริงก็อยู่นี่ ความไม่จริงก็อยู่นี่ ความหลงไม่จริง ความไม่หลงมันจริง ความทุกข์ไม่จริง ความไม่ทุกข์มันจริง ใครจะค้านเรื่องนี้ก็ให้ค้านไป ให้พวกเราสอนกันแบบนี้ ไปรอบโลกเลย ความเห็น ไม่เป็น มันยอดเยี่ยมที่สุด จนไม่เป็นอะไร มันก็หมด ไป ไม่เป็นอะไรกับอะไร อันที่เป็นรสของโลก โอกาสโลก สังขารโลก รูปโลก นามโลก อุปาทายรูป อุปาทายรูปที่มันยึดไว้หนะ มันก็มีเท่านี้ สิ่งใดหลักปฏิบัติตามที่ทันสมัย ไม่ล้าสมัย มาเถอะพวกเรา มาเป็นเพื่อนกัน ช่วยกัน ช่วยกันคือช่วยตัวเรา เว้นจากการทะเลาะวิวาท เว้นจากการเบียดเบียนตนเอง ก็สงบร่มเย็น เมื่อทำไปแล้ว ก็ไปบอกคนอื่น เป็นแบบเป็นฉบับ ตัวอย่างดีกว่าคำสอน ทำให้ดู อยู่ให้เห็น เรียนให้มันรู้ มีสติร้อยเปอร์เซ็นต์ มันหลง มีสติไม่หลง มันโกรธ มีสติไม่โกรธ มันทุกข์ มีสติไม่ทุกข์ ใช้สติของเราให้เป็นธรรมที่สุด เรียกว่า ธรรมาธิปไตย ธรรมาธิปไตยะ สม่ำเสมอ ทุกคนตั้งต้นตรงนี้ จะเป็นคน คนเดียวกัน จะเป็นอันเดียวกัน พึ่งพาอาศัยกันได้ เราก็พึ่งตนเองได้ ไม่เป็นอะไรกับอะไร สนุกหรือเปล่า คนที่ไม่เป็นอะไร คิดไม่เป็นอะไรอะไร มันก็สนุกทำงานทำการ เพื่อความไม่เป็นอะไร ไม่ใช่อยู่เฉยๆ มันอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องมีคำสั่ง ถ้าเข้าถึงภาวะเช่นนี้แล้ว ไม่มีคำสั่งใครมาบอก คิดจะช่วยนั่น คิดจะช่วยนี่ไปเลย เห็นแล้วไม่ทิ้งแล้ว ช่วยตามความสามารถ ตามหน้าที่การงานของเรา จึงเป็นการถูกต้องแล้ว ชอบที่สุด ชีวิตของเราต้องเรื่องนี้เรื่องเดียว มีสติดูแลตัวเราเอง คือกายคือใจ คือรูปคือนาม นี่ เราเป็นงานเป็นการ พระพุทธเจ้าพร่ำสอนโน้น ภิกษุทั้งหลาย โน้นเรือนว่าง โน้นโคนไม้ เธอจงได้อย่าประมาท อย่าประมาท มีสติ อย่าเรียกร้องแรงงานจากกันและกันมาก ถ้าจะมีการทำอาหารเลี้ยงก็อาสาสมัคร ถ้ามีอาสาสมัคร สมัครไปบ้าง ไม่สมัคร ก็ไม่เป็นไร ไปทำเพราะความสนุก ไม่ทำด้วยใครบังคับผลักไส อยู่ที่นี่เราก็ยากจน บิณฑบาตเลี้ยงกันไม่เพียงพอ ต้องปรุงอาหารที่โรงทาน มีคนนำข้าวปลาอาหารมาไว้ เราก็มีสิทธิ กินได้ ทานได้ เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า แม่ชี ญาติโยมทั้งหลาย ใครมาจากไหน ทางใด ให้ถือว่ามาบ้านเรา มา บ้านตัวเอง อยู่ร่วมกันไป ถ้าเดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน มีปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ มีพระดูแล อย่างอาจารย์ตุ้ม อาจารย์ไพศาล อาจารย์โน้ส เจ็บไข้ได้ป่วยก็บอกกัน ไม่ทอดไม่ทิ้ง เวลานี้ก็อุ่นใจ มีคุณหมอ นายแพทย์บรรจบมาอยู่ด้วย ให้สนใจรักสุขภาพบ้าง ปรึกษาท่านได้ ท่านเป็นผู้ที่เสียสละ ก็อัศจรรย์ท่านนะ คนป่วยคิดถึงท่าน ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ท่านอาจจะคิดถึงคนป่วยบ้างหรือเปล่า อาจจะคิดถึงนะ เพราะว่าวันนี้ก็จะมีการออกที่ตรงเล่นบอล ฝึกชี่กงกัน หลวงตาฝึกชี่กง แล้วก็ไปฝังเข็ม ตรวจความดันกับหลวงพ่อกลม เป็นพระที่ทรุดโทรม ต้องซ่อมแซมใช่ไหม วันนี้ก็สมควรแก่เวลา กราบพระพร้อมกัน