แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อ่ะ ฟังธรรมต่ออีก เรื่องมีงานมีการ เราก็พูดเรื่องงานเรื่องการของเรา การทำงานทำการเป็นอาชีพ ชาวไร่ชาวนา ทำนาทำไร่ ก็ได้เม็ดข้าว ก็ได้อาหารการกิน เม็ดข้าวอยู่ในกระสอบ ผักอยู่ในสวน แม่บ้านแม่ครัวเอามาปรุงเป็นอาหาร มีงานมีการจนปรุงเป็นอาหารได้อยู่ได้กิน เราก็มีชีวิต มีเลือดมีเนื้อ แม่ลูกอ่อน ลูกน้อย ตอนกลางคืน มีขี้มีเยี่ยว เยี่ยวใส่ที่นอนหมอนมุ้ง ผ้านุ่งผ้าห่ม แม่ลูกอ่อนก็ต้องคัวผ้า คัวที่หลับที่นอนให้สะอาด ให้ใช้ได้ ที่ไหนมันใช้ไม่ได้ ทำให้มันใช้ได้ ก็ห้องน้ำ ห้องน้ำสกปรก ก็ต้องคัวห้องน้ำ ให้มันสะอาด ตื่นเช้าขึ้นมา ล้างหน้าแปรงฟัน มันมีสกปรก ให้มันสะอาดขึ้นมา ให้มันใช้ได้ นี่คือ งานของเรา เรามีความหลง ก็ต้องคัวความหลง ให้มันไม่หลง ถ้ามีความทุกข์ก็ต้องคัวความทุกข์ ให้มันไม่ทุกข์ ให้มันใช้ได้ ความทุกข์ ความโกรธ ความโลภ ความหลง มันใช้ไม่ได้ มีศรัทธา มีความเพียร มีความใส่ใจตั้งไว้ จะทำอะไร ตั้งใจ ทำใจทำงาน ไม่กลัวความยากลำบาก ไม่กลัวความสะดวกสบายอะไร คนทำงาน ใครจะช่วยไม่ช่วย ไม่เกี่ยว เราจะทำ จะได้ไม่ได้ ไม่เกี่ยว เราจะทำ ชาวไร่ชาวนา ทำนาทำไร่ ไม่ใช่เรียกร้องความสะดวกความสบาย พอใจในการกระทำ แดดจะออก ฝนจะตกไม่กลัว ไม่คิดว่าจะได้กำไร ได้ขาดทุน ว่าแต่ทำให้มันดี ปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราจะทำ จะมีสติ มันก็เป็นดุ้นเป็นก้อนอยู่ จะมีความเพียรก็แสดงออกมา มีภาวนาก็ขยันให้มันมากขึ้น มันทำได้ มันพร้อม โดยเฉพาะความอกุศลที่มันมีอยู่ให้มันหมดไป อกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้มันเกิดขึ้น กุศลที่ยังไม่มี ให้มันเกิดขึ้นมา อกุศลที่มีแล้วให้มันเสื่อม มันทำได้ มันเห็น มันสัมผัส เป็นกอบเป็นกำขึ้นมาจนมันใช้ได้ ศาลาหอไตรมันน้อย มันไม่พอนั่ง เมื่อคนมามาก อาจารย์ทรงศิลป์ต้องคัวหอไตรให้มันมาก ให้มันใช้ได้ อะไรมันไม่ดี คัวมันให้มันดีขึ้นมา มันทำได้ชีวิตของเราเนี่ย ในเรื่องของเราแท้ ๆ
เรื่องกายเรื่องใจ เราก็ไม่น่าจะทิ้งให้มันเป็น การบ้านอะไรมากมาย ให้มันจบไปซะ อกุศลที่มันเกิดขึ้นแล้ว มันหมดไป อกุศลที่มันเกิดขึ้นแล้ว อกุศลที่มันยังไม่เกิด ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก มันไม่ใช่ลี้ลับ เช่นเวลาเราเจริญสติ มันเห็น เห็นอกุศล เห็นความหลง เห็นความทุกข์ เห็นพอใจ ความไม่พอใจ อย่าทิ้งไว้ มีความเพียรลงไป ใส่ใจลงไป ตั้งใจลงไป ทำให้มันหมดไป ไม่ให้มันเกิด นี่มันก็ทำได้ ไม่เหมือนชาวนาชาวไร่เขา ชาวนาชาวไร่ต้องเสี่ยง มันมีแล้ง มันมีท่วม แต่กุศล อกุศล ไม่เสี่ยง น่าจะกระตือรือร้น มันงอกมันงามขึ้นมา โตวันโตคืนขึ้นมาได้จริง ๆ เพราะอะไร เพราะเราทำกับมือ กับกาย กับใจของเรา กายก็อยู่นี่ ไม่มีอะไรมาท่วมกายให้มันหมดไป ใจก็อยู่นี่ ไม่มีอะไรมาท่วมมัน ยังเป็นใจอยู่ แต่มันไปรับใช้อันอื่นเฉย ๆ มันทำได้ มันหลง ไม่หลงได้เนี่ย มันทุกข์ไม่ทุกข์ได้ อย่างเนี้ย มันมีปัญหา มีปัญญา ได้อย่างเนี้ย เราจึงมาคัวมัน ใครที่ยังไม่จบ ก็คัวลงไป อย่ามาห่วง พอผู้ใดที่คัวมีโอกาสแบ่งกันบ้าง ก็ไป คัวกัน ปรุงอาหาร ปลูกผัก ดูแล ธุระ เป็นเจ้าอธิการต่าง ๆ ไป ซ่อมแซม เจ้าอธิการคลังแจกสิ่งของ เจ้าอธิการเสนาสนะ แจกที่อยู่อาศัย เจ้าอธิการจีวร เครื่องใช้ไม้สอยก็แจกลงไป ทำลงไป จะเย็บผ้า เช่นแม่ทองคำก็เย็บผ้า มีมันดีกว่าเก่า เย็บเสื่อ ให้มันมีขอบ มันจะได้ใช้งานได้ หมอนมัน มุ้งมันมี เวลาแดดออก พอคิดเห็นแดด มันจะมีประโยชน์อะไร เอาหมอนที่คนใช้ ไปส่วนใหญ่ ไปตากแดด เป็นแม่ครัวแม่บ้าน ใครก็ตามถ้าทำให้มันเกิดขึ้นล่ะ แม่ จะเป็นพระก็เป็นแม่ ทำสิ่งที่มันไม่ดีให้ดีขึ้นมา เหมือนแม่ลูกอ่อน ผ้ามันสกปรก ซักผ้า
แม่ มันยิ่งใหญ่นะ ในฐานะเป็นชีวิตทั้งชีวิตนี่ สามารถเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ได้ ทำให้มันเกิดขึ้นมา อะไรยังไม่เกิด ทำให้มันเกิดขึ้น คลอดมันออกมา ความไม่หลง คลอดมันออกมา ความไม่ทุกข์ ความไม่โกรธ ให้มันเกิดขึ้นจากการกระทำของเราได้ ทำไมจะต้องไปปล่อยงานทิ้งขว้างไว้ ยุ่งเหยิง งานยุ่งเหยิง มันก็ไม่ใช่ชีวิตของเรา ชีวิตของเรา มันต้องมีชีวิต ได้ชีวิต ชีวิตคือมันไม่เป็นอะไร มันสุข ไม่ใช่ชีวิต มันทุกข์ ไม่ใช่ชีวิต มันไม่ต้องสุข มันไม่ต้องทุกข์คือชีวิต มันอยู่ มันก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ มันมาให้เราทำ มันไม่ใช่มาให้เรารับใช้มัน
อย่างที่เราสาธยายพระสูตร ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ มันก็มีอยู่ แต่เวลาเรามีสติ มันจะฉายออกมาเหมือนเรามีตา ดูจอ จอโลก จอทีวี จอโทรทัศน์ แล้วก็มีสิทธิดู อะไรที่มันไม่ดี อันจอโทรทัศน์นั่นเขาให้ข้อมูลเรา ที่มันออกมาน่ะ แต่ชีวิตเรานี่ เราให้ข้อมูลเราเอง ทำไมจะปิดไม่ได้ ปิดมันซะ ให้ข้อมูลใหม่ให้มันดีๆ มันหลงข้อมูลไม่ดี เปลี่ยนไม่ให้หลง ให้ข้อมูลเข้าไปใหม่ นี่มันทำได้อย่างนี้ ถ้าดูโทรทัศน์ก็กดอะไรล่ะ กดรีโมต หรือกดอะไร หา (หัวเราะ) นั่งอยู่นี่ ไม่ต้องไปกด กดตรงนี้ หลวงพ่อกดไม่เป็นหรอก บอกหลวงพ่อกรมกดให้ดู ก็กดไม่เป็น ก็นั่งอยู่ในห้องพักโรงพยาบาลจุฬา กับอาจารย์ตุ้ม เขาเปิดห้องพักให้ ไปขอพักบ้านเกิด บ้านเกิดที่จุฬา ยังไม่ลืม ตึกอะไรไม่รู้ หมอเขาก็ให้พัก มีทีวี บอกหลวงพ่อกรมเปิดให้สักหน่อย ยื่นรีโมตให้ ก็ไม่เอา ทำไม่เป็น เราก็เปิดไม่เป็น เราก็ไม่เคยดูอะไร อันนั้นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็นและทำไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่มันอยู่กับเรา เราทำได้ แปดหมื่นสี่พันอย่าง อกุศลปิดเลย กุศลเปิดออกมา มีไหม เปิดได้ไหม ปิดได้ไหม ไม่ให้มันเกิดขึ้นได้มั้ย ฉันทัง ชะเนติ, วายะมะติ, วิริยัง อาระภะติ, จิตตัง ปัคคัณหาติ ปะทะหะติ มีความเพียร มีสติ มีสมาธิ มีศรัทธา มันต้องได้ ในความหลง ให้มีศรัทธา ไม่หลง ในความทุกข์ มีศรัทธา ไม่ทุกข์ อย่าไปศรัทธาความหลง ความทุกข์ พระพุทธเจ้าเคารพพระธรรม ความหลงไม่เป็นธรรม ความไม่หลงเป็นธรรม ความทุกข์ไม่เป็นธรรม ความไม่ทุกข์เป็นธรรม ศรัทธาตรงนี้ พระพุทธเจ้าเคารพตรงนี้ มาแล้วไม่เคารพ หมายถึงไม่ต้อนรับ ซัดสะพานออก มันก็ไม่ต้องเที่ยวหรอก อกุศลไม่ต้องเที่ยว
บางทีมันหมดไปเลยนะ เช่น ในป่าเนี่ย แต่ก่อน เมื่อเรายังไม่มีมาก ผู้คนไม่มาก เสียงรถเสียงราไม่มี สัตว์บางประเภทยังมีเยอะ ต้นไม้บางประเภทก็มี เช่น ต้นไม้ที่หมดไปในเวลานี้ คือ ต้นซาด อย่างเนี่ย ซาดเนี่ย ไม่ใช่ ซาดมีสองซาด อะไรเรียกไม่ถูกต้นพันชาด ต้นซาด ต้นชาด ต้นสะแบง ต้นกุง โน่นน่ะ มันเป็นไม้พวง ตระกูลเดียว ราคาเหมือนกัน แต่ว่าต้นซาดน่ะ มันดีกว่า ถ้าจะตามที่เราใช้ มันหมดไปแล้ว ไม่ต้องฆ่าให้มันตายลงไป ยืนตายอยู่กับป่าเนี่ย มันไม่ต้องการให้ใครมารบกวนมัน แต่ก่อนต้นชาด ชาด เอ้ย อะไรนะ(หัวเราะ) มันมีฝอยลม ฝอยลมเต็มอยู่ตามธรรมชาติ มันเย็น มันสงบ มันมีฝอยลม มันหล่นลงมา เอามาเก็บ ไปเก็บไว้ ใส่ถุงไว้ เวลาปวดท้องลม อึดอัด ต้มกินลงไป หายปั๊ปเลย เดี๋ยวนี้ไปมุดโลกไหนไม่มีแล้ว หาที่ไหนไม่มีแล้ว แต่ก่อนมันมี อยู่นี้ ในดงสุคะโตเนี่ย ต้นสะเดาช้าง หมดไปแล้ว ต้นไม้บางประเภทหมดไปแล้ว มันเปราะบาง ใจเสาะ นาทีที่ ... (15.06 เสียงไม่เชัดเจน) ก็หมดไปแล้ว นกกระบาดงหมดไปแล้ว แต่ก่อนมันเรียกร้องให้เราลุก แจ้งแล้ว หลวงพ่อ แจ้งแล้ว ตลอดคืนเลย ถ้าไม่ตั้งใจฟังนึกว่ามีใครมาเรียกให้ตื่น ภูหลงก็เยอะ นกกระบามีสามพันธุ์ กระบาโคก จ๊อก จ๊อก จอรอรอ (เลียนเสียงนกร้อง) เดี๋ยวนี้หมดไปแล้ว กระบาทาง จวก ๆ ๆ (เลียนเสียงนกร้อง) หมดไปแล้ว กะบาดง แจ้งแล่ว (เลียนเสียงนกร้อง) หมดไปแล้ว (หัวเราะ) แซงแซวก็ไม่ได้ร้อง อะไร หลาย ๆ อย่างที่ไม่ร้อง ทุ่มตะลุ่มตุ้มตุ้ม ก็ไม่มี แล้วก็ แจนแวนก็ไม่มี แต่ก่อนพวกนี้มันบอกฤดูเรา ถ้ากระเต็นน่ะแชพาบ (เลียนเสียงนกร้อง) แปลว่าน้ำจะมาก แจนแวนร้อง แปลว่าฝนจะหมด เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว กิเลสมันก็หมดไปแล้ว ถ้าเราครอบงำนะ แม้สัตว์ธรรมชาติมันหมดไป ก็เพราะคน ต้นไม้มันไม่ต้องการอะไร เสียงรถเสียงราไม่ต้องการ คนมามีมาก มันก็หมดไป ชาดต้นใหญ่ตาย ขนาดตายแล้ว ตัดลงมายังแกนแดงจ๋อยอยู่ ยังใช้ได้อยู่ เดี๋ยวหมดไปแล้ว
ชีวิตของเราเนี่ย อะไรที่มันหมดไป ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับมัน ไม่ต้องไปฆ่ามัน พวกนี้ ถ้าเราไม่เกี่ยวข้องมัน อกุศลหมดไปจริง ๆ นะ จึงพูดอยู่เสมอว่าครั้งสุดท้าย อกุศลน่ะ กุศลนี่ยาวต่อไป เป็นมรรคเป็นผล อกุศลนี่บอดไปเลย บอดจริง ๆ อกุศลน่ะ ไม่ได้ใช้มัน มันก็บอด เหมือนข้าวเปลือก ถ้าไม่เอามาหว่าน สามปี บอดเลย เพาะไม่ขึ้น หมดเชื้อเลย อกุศลก็เช่นกัน ไม่ได้ใช้เลย ความสุขก็ไม่ได้ใช้ ความทุกข์ก็ไม่ได้ใช้ ก็เลยมีชีวิต ชีวิตมันไม่ต้องเป็นอะไรแล้ว ทำไมเราจะต้องมาฟูๆแฟบๆ อยู่ เกิดมาในชาตินี้ ไม่ใช่มาเป็นสุข ๆ ทุกข์ ๆ แบบนี้ ไม่ใช่มาหลง ๆ โกรธ ๆ รัก ๆ ชัง ๆ อยู่แบบนี้ มันจะอาศัยกันได้อย่างไร ตัวเราก็อาศัยตัวเราไม่ได้ ไม่มั่นใจตัวเราเอง มันจะมีอะไรล่ะ สาระที่มันจะมีอะไรล่ะ ประเสริฐตรงไหน ชีวิตของเราเนี่ย น่าจะสะบัดมือ สะบัดผ้าดูสักหน่อย เอาผ้าคลุมหัวอยู่
หลวงพ่อเทียนเคยสอนพวกเรา เอาผ้าคลุมหัวดูซิ แล้วก็เอาผ้าคลุมหัว เดินไป ให้มันหลุดออก วิธีใดผ้าจะหลุด เดินไป ให้ผ้าหลุดออก เออ ให้มันเป็นอย่างนั้นล่ะ (หัวเราะ) ให้เหมือนกับผ้ามันคลุมหัวอยู่ หลุดออกไปนะ โล่ง นั่นแหละ ธรรมะ เอามือไปแตะ ทราย สาดน้ำ ให้มี สาดทราย เอาเท้าไปเหยียบ ไปเหยียบตรงนี้ดู ไปเหยียบแล้วมันจืด เออๆ ให้เป็นอย่างนี้ ก็ยกขาขึ้น มันก็ซึมขึ้นมาเป็นสีน้ำ สีอะไร พอไปเหยียบแล้วมันจืดเนี่ย เป็นอย่างนี้ เหมือนกับเอามือไปแตะก้นเด็กน้อย รู้จักก้นเด็กน้อยไหม แม่ลูกอ่อนอุ้มลูกมา ไม่นุ่งผ้า เอามือไปแตะมันจะขาว กดลงไป มันจะขาว แล้วยกมือออก ผิวหนังเด็กเค้าจะแดงเชียว พอเอามือไปแตะแล้วมันจืด ให้มันจืด ๆ แบบเนี้ย มันจืด มันจืด มันไม่มีรสชาติ สุขก็ไม่มีรส ทุกข์ไม่มีรส โกรธ โลภ หลง รัก ๆ ชัง ๆ ไม่มีรสชาติ เลยเป็นชีวิต ชีวิตมันต้องเป็นอย่างนี้ คือไม่เป็นอะไรแบบนี้
ทำไมต้องไปทุกข์เพราะการเจ็บ การแก่ การเกิด การตาย อะไร ไม่ต้อง เดี๋ยวนี้มันบอบบางที่สุด ใจเสาะ เพียงแต่คิดเฉย ๆ ก็ทุกข์แล้วนะ อะไรที่มันเกิดจากรูปจากนามก็ทุกข์แล้ว มันเป็นรูป มันเป็นนาม รูปนามก็ต้องเป็นอย่างนั้น ตกอยู่ในความไม่เที่ยง ตกอยู่ในความเป็นทุกข์ ตกอยู่ในความไม่ใช่ตัวตน ชื่อว่ารูปว่านามเนี่ย จะไปเรียกร้องอะไรจากมัน ใช้มันซะ ให้มันบอกเรา ได้บทเรียนจากมัน พอเห็นรูปเห็นนามมันจะบอกทิศทางไปเลย ได้หลักฐาน มันจะบอกสรุปสุดยอด ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน เป็นทุกข์ สรุปให้ วงเล็บไว้เลยทีเดียว รูปนามเนี่ย เหมือนเราแสดงอยู่เสมอ แสดงความไม่เที่ยง แสดงความเป็นทุกข์ แสดงความไม่ใช่ตัวตนอยู่เสมอ แล้วทำไมต้องเป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง มันบอกเราแล้ว ทำไมเป็นทุกข์ เพราะความเป็นทุกข์ ทำไมเป็นทุกข์ เพราะความไม่ใช่ตัวตน เหมือนกับรถมันวิ่ง จะดึงไว้เหรอ รถไฟมันจะออกจากสถานี เราไปดึงมัน หัวร้างค้างแตกไป ถลอกปอกเปิงไป รูปจะเป็นอย่างนั้น นามจะเป็นอย่างนั้น มันตกอยู่ในความไม่เที่ยง ตกอยู่ในความไม่ทุกข์ ตกอยู่ในความไม่ใช่ตัวตน หมดเลย ไม่ได้ทำอะไรเลย พอเหตุแจ้ง มันก็มืดหมดไปเลย แจ้งที่หัวใจไม่เหมือนแจ้งที่ไฟนีออน
ญาณเกิดขึ้นแล้วแก่เรา แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแก่เรา มันเกิด ไม่ใช่ให้มันเกิด มันเกิด ทำอย่างนี้ มันเป็นอย่างนี้ เพราะมีวิชชา สังขารก็ดับ สังขารดับ นามรูปดับ นามรูปดับ อายตนะดับ ผัสสะดับ เวทนาดับ ตัณหาอุปาทานดับ ภพชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข์ดับ ไปแบบนั้น ถ้ามีอวิชชา ก็มีสังขาร มีนามรูป มีอายตนะเกิดไป ๆ เกิดตาย เกิดตาย เกิดตาย เป็นสุขเป็นทุกข์อยู่
มันก็ลัดนิ้วมือเดียวนะ ธรรมะเนี่ย เป็นความสนุก นี่ว่าพวกเราเป็นนักบวชอยู่วัดนี่ สนุ้กสนุก อยู่บ้านนี่มันเศร้าหมอง ไม่มีใคร ทุกวันนี้ยิ่งแย่เลยคือชาวบ้านเนี่ย ไม่รู้จักกันเลย ตัวใครตัวมัน แต่พวกเรานี่ โอย เห็นกัน ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ไปขบไปฉัน เดินอยู่นี่เห็นหน้ากัน อุ่นอกอุ่นใจ มีทั้งพระหนุ่มพระแก่ แม่ชีหนุ่มแม่ชีแก่ มีทั้งญาติทั้งโยม มาอยู่ด้วยกันเนี่ย มันสนุก มันอุ่นใจ แต่เราไม่เข้าใจ ว่าชอบความสงบ มันไม่ใช่ สงบมันหมายถึง ไม่ใช่คน ไม่ใช่ผู้คน มันหมายถึง จิตใจของเรา มันไม่เป็นอะไร เราจึงต้องให้มีศรัทธาเถิด มีความเพียรในเรื่องนี้กัน คัวกันไป เป็นพ่อครัว เป็นแม่ครัว ให้มันใช้ได้ ศาลาไม่สะอาด กวาดให้มันสะอาด คัวศาลา คัวผ้า คัวอาหาร คัวที่อยู่อาศัย อะไรต่าง ๆ ที่มันไม่ดี ทำให้มันดีขึ้นมา นี่คือ งานของเรา
งานชอบ การงานชอบ การเห็นชอบ ดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ มีสติชอบ มีสมาธิชอบ จบก่อน เสร็จเลย ปัดมือเลย ไม่มีอะไรทำอีก ถ้าจะเป็นคำพูดออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำไม่มีอีกแล้ว แผ่นดินสุด ก้าวอีกไม่ได้สักก้าวแล้ว สุดแล้ว แผ่นดินสุดไม่ใช่อยู่เทพสถิต เขาเขียนป้ายว่า แผ่นดินสุด ไม่ใช่อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ อันนั้นเป็นแผ่นดิน มันเป็นหน้าผา มันก้าวไม่ได้ ตกหน้าผาตาย ต้องถอยกลับ ชีวิตสุด มันคือไม่เป็นอะไร มันจบ ความหลงก็ไม่ต้องเป็นภาระอีก ความทุกข์ไม่เป็นภาระ ความโกรธไม่เป็นภาระอีก ความพอใจ ความไม่พอใจ ไม่ได้เป็นภาระต่อชีวิตของเราอีกต่อไป เรามีชีวิต เป็นนิรันดร อมตะ คือไม่เป็นอะไร มาตรฐาน เป็นมาตรฐานชีวิต นะ
มันก็ลัด ๆ พาให้เราลัด ความหลงไม่หลง ลัดที่สุด ความโกรธ ไม่โกรธ ลัดที่สุด ความทุกข์ไม่ทุกข์ ลัดที่สุด ตรงด้วย ถูกต้องด้วย เนี่ย มันก็ลัดไป ลัดไป ๆ แบบนี้ มันไม่เนิ่นช้า ไม่เสียเวลา เราก็มีความเพียร เรามีศรัทธา มีสติ เป็นพลัง เป็นเครื่องทุ่นแรง เสริมเข้าไป มันหนักเพราะความโกรธ เครื่องทุ่นแรงก็ยกให้มันเบาขึ้นมา มีศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา เรียกว่า พละ พละห้า อยู่ในโพธิปักขิยธรรมในพระสูตร เครื่องตรัสรู้ อินทรีย์ห้า พละห้า อิทธิบาทสี่ อินทรีย์ห้า โพชฌงค์เจ็ด มรรคมีองค์แปด ขบวนการเสริมพลังงาน ยกของหนักให้เป็นเบา เครื่องตรัสรู้ มีอยู่ในคนเนี่ย ไม่ใช่อยู่ในพระสูตร ในตำรา อยู่ในตู้ ศรัทธาอยู่ที่ไหน ความเพียรอยู่ที่ไหน สติอยู่ที่ไหน สมาธิอยู่ที่ไหน ปัญญาอยู่ที่ไหน เพียงแต่ วัดมันก็มีอยู่ที่เราแล้ว ทั้งหมดเลย เป็นวงจรทันทีเลย พละอยู่ที่ไหน ทำอะไรมันสำเร็จหมด จบทันที ของยากเป็นของง่าย ของหนักเป็นของเบา อินทรีย์ห้า อยู่ที่ไหน โพชฌงค์เจ็ด อยู่ที่ไหน มรรคมีองค์แปด อยู่ที่ไหน รวมแล้ว คือ ดู
ดู เห็น ไม่เป็น ดูไม่ใช่เอาตาไปดู มีสติเป็นดวงตา มันก็ไม่ลับไม่หลีก มันสุขเห็นมันสุข มันหลงเห็นมันหลง เวลาเราปรารภความเพียร ดูมัน มันจะออกมาแบบไหน อย่าไปหลบไปหลีก หลบอีกซ่อนเร้นไม่ได้ ดูมัน มันหลง เห็นมันหลง ไม่เป็นผู้หลง มันทุกข์ เห็นมันทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์ มันจะมีอะไรเกิดขึ้นก็เห็นมัน ไม่เป็นไปกับมัน นี่ มันก็อยู่กับเราทั้งหมดแล้ว ดูเป็นทั้งองค์มรรค เป็นทั้งความเพียร เป็นทั้งสติ เป็นทั้งสมาธิ เป็นทั้งปัญญา ตัดมา ตัดมา ลากมาเป็นพวง เหมือนตัดหวาย ตัดต้นมัน ดึงลงมา ได้ทั้งหมด อันนี้ก็เหมือนกัน ความเพียรน่ะ โอ้ย มันทำได้อย่างนี้นะ ปฏิบัติได้ให้ผลได้อย่างนี้นะ กระตือรือร้น พอเห็นได้อย่างนี้ พระพุทธเจ้าออกจะวิ่งนะ บางครั้งนะ จากพุทธคยาไปพาราณสี อาจจะวิ่งน้อยไปก็ได้นะ ขยัน จะรีบไปบอก แล้วว่ามาทางนี้บ้าง พอมารู้ผู้รู้นาม โอ๊ย พ่อแม่ไม่สอน อยากไปบอกพ่อบอกแม่ พ่อตายแล้ว เหลือแต่แม่ โอ้ย จะไปบอกแม่ จะรีบนะ บอกแม่ บอกครูบาอาจารย์ที่เคยสอนกันมา ก็ขยันนะ ไม่ใช่ หนีไปไหน เหมือนเราได้ของกินดี ๆ คิดถึงลูก ได้อะไรดี ๆ คิดถึงพ่อถึงแม่ บางทีกิน อาหารดี ๆ เนี่ย คิดถึงแม่น่ะ แม่ก็ไม่มีแล้ว คิดถึงพ่อถึงแม่นะ เห็นมะไฟสุก ๆ เหลือง ๆ งาม ๆ โอ๊ย แต่ก่อนเอาไปฝากแม่ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครไปฝาก(หัวเราะ) ถือว่าคนทั้งบ้านเป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหมด แบ่งกันกิน
เนี่ย ธรรมะเนี่ย พระพุทธเจ้า พอตรัสรู้ โอ๊ย มองทันทีเลย บัวสี่เหล่าทันทีเลย อุคคฏิตัญญูบุคคล เหมือนบัวพ้นน้ำ ต้องให้ได้รับแสงสว่าง บานทันที โอ๊ย พวกนี้นะ ใครหนอ อุทกดาบส อาฬารดาบส ไม่มีแล้ว ใครอีกล่ะ ปัญจวัคคีย์น่ะ พอจะมี ไป อาจจะวิ่งน้อยสักสามร้อยกม. สามร้อยกม. เดินเท้าเปล่านะ กระตือรือร้น รสมัน พระธรรม ถ้าผู้ใดได้สัมผัสกับรสพระธรรมเนี่ย มันจะลึกซึ้ง เนี่ย ร้อยปีหลวงพ่อเทียนจะมาถึงปีหน้าเนี่ย ยังมีรสกับหลวงพ่อเทียนอยู่ ทำอย่างไหนก็ไม่สุดหัวใจ หลวงพ่อเทียนสอนให้เรารู้จักรูปธรรม นามธรรม รู้จักธรรมะ และก็ได้สัมผัส แม้หลวงพ่อเทียนไม่มี ก็มีแต่ในหัวใจเราเนี่ย ชีวิตนี้ก็ไม่มีใครที่เราจะเคารพมาก คือ พระธรรม หลวงพ่อเทียนสอนเราให้รู้จัก
เมื่อเห็นพระธรรม เห็นพระพุทธเจ้า เห็นพระสงฆ์ เห็นทุกคน มีความรักทุกคนเกิดขึ้น แต่ก่อนรักพี่รักน้อง เดี๋ยวนี้มีความรักล้นเหลือ ไม่มีขอบเขต รักแม้กระทั่งเม็ดหิน เม็ดดิน เม็ดทราย ทำไมเราไปทะเลาะกัน ไปโกรธกัน อยากจะช่วยเรื่องนี้ ทำไมเราไปทุกข์ อยากจะช่วยเรื่องนี้ สิ่งที่จะเป็นทุกข์ เจ็บ ตายน่ะ ทำไมจะต้องเป็นทุกข์ อยากจะช่วย อยากมีโรงพยาบาลใกล้ ๆ วัด ใกล้ ๆ เนี่ย กำลังจะติดต่อสส. มาตั้งโรงพยาบาลให้บ้านท่ามะไฟหวานเนี่ย ตําบลท่ามะไฟหวานเนี่ย อยากมีตึกของเราต่างหาก อยากไปนอนอยู่นั่น คอยดูคนป่วยใกล้จะตายแล้วนะ (หัวเราะ) อยากจะไปช่วยเรื่องนี้แล้ว อันนี้อาจารย์ทรงศีลก็มาสร้างหลังหนึ่งไปแล้ว มันไม่ทั่วถึง ถ้าเป็นโรงพยาบาลน่ะ มีคนป่วยมาอยู่ จะได้ไปช่วยดูแล เนี่ย มันก็คิดแบบนี้ อยากจะช่วย มันไม่น่าจะทุกข์ มันก็ทำได้จริง ๆ มันหายใจไม่ได้ จะไปบอกเขา มันปวด จะไปบอกเขา ไม่ต้องปวด เกิด แก่ เจ็บ ตาย เนี่ย มันจะเป็นทุกข์อยู่ตรงนั้น ไปหลงกับความทุกข์ที่ตรงนั้น ไม่หลงกับความทุกข์ที่ตรงนั้น ไม่หลงกับความทุกข์ที่มันเจ็บ ไม่หลงกับความทุกข์ที่มันตาย มันก็จะได้ประโยชน์ แม้มัน โอกาสอื่นมันยังไม่รู้ จะไปบอกตรงนั้น ลัด ลัด ลัด ดับมัน ด่านนั้นนะ เป็นจุดที่มันจะพบกันที่นั่น เหมือนปากทาง เลยด้านหนึ่งก็เกือบจะได้แล้ว โรงพยาบาล แต่มันได้ทรัพย์ใหญ่ก่อน เขาอ้างว่าทรัพย์ใหญ่เป็นจริง ท่ามะไฟหวานยังไม่เป็นจริง ยังไม่ได้สิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์รับ ตั้งโรงพยาบาลได้ ทีนี้ติดต่อลองดูว่า เป็นโรงพยาบาลขนาดย่อย ๆ ที่ท่ามะไฟหวาน จะให้อาจารย์ไพศาล อาจารย์ตุ้ม อาจารย์ทรงศิลป์ไปตั้ง สร้างตึกของเราไว้สักตึก ให้คนใกล้จะตายมาอยู่ (หัวเราะ)ให้หมอสุนทรีย์มาอยู่ด้วย สนุกล่ะ พูดเรื่องนี้ สมควรแก่เวลา