แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกัน ปฏิบัติธรรมกัน
รุ่นนี้เป็นรุ่นพิเศษเนาะ ได้ผ่านอะไรเยอะแยะ จากตัวเราบ้าง ในกายในใจ ผ่านหลง ผ่านผิดผ่านถูก อะไรที่มันเกิดขึ้นจากกายจากใจ เป็นทางผ่านมาแล้ว เคยชินมาแล้ว ชำนาญมาแล้ว นอกจากปัญหาอะไรที่มันเกิดขึ้นจากกาย ทำให้ไม่ค่อยสะดวก ก็อาจจะสะดวกมากขึ้น ความหลง แต่ก่อนไม่สะดวก ความทุกข์ ความโกรธ ความคิดฟุ้งซ่าน ความกังวล ความลังเลสงสัย ไม่มีปัญหาแล้ว มีแต่สติผ่านไปเรื่อยๆ เป็นทางผ่านของชีวิต ชีวิตคือไม่เป็นอะไร ถ้าไปเอาผิดเอาถูก ไม่ได้ชีวิต ไม่ผ่าน เหมือนกับเราเรียนหนังสือ ไม่ผ่าน ต้องเรียนซ้ำ
นอกจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับกายกับใจแล้ว ก็ยังมีเสียงอะไรที่ในการนี้ เสียงเลื่อยเครื่อง เสียงตีตะปู เสียงผู้คน ก็เห็นพวกนักปฏิบัติพากันสร้างจังหวะอยู่บนศาลา เดินจงกรม ยังมีความยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงว่าอาจจะอยู่ยงคงทนบ้าง ศักดิ์สิทธิ์ได้บ้าง สติน่ะ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีฝนตกทุกวัน ชื้นแฉะ ที่สุคะโตไม่ค่อยเป็นแบบนี้ ถนนหนทางไม่ค่อยมีแบบนี้ ปีนี้ก็ล้มไปแล้วหลายคน เข้าโรงพยาบาลไปกันแล้วผู้มีอายุ
นี่ก็คือบทเรียน ประสบการณ์จากชีวิตของเรา เราก็ไม่กลัว สติไม่กลัวอะไร ไม่เรียกร้องอะไร จะลำบาก ไม่สะดวก ก็ไม่กลัว จะหิว จะนอน ไม่กลัว ยากลำบากขนาดไหนก็ไม่กลัว ที่ศาลาไก่ เวลานอนแล้วลุกไม่ได้ ปวดเบาปวดหนัก ลุกยาก ลำบาก ไม่มีทางเดิน มีแต่ที่นอน กางมุ้งก็ไม่ได้ คับแคบ ดูสิ นั่งอยู่นี่ นอนอยู่ศาลาไก่หมด ไม่เคยมีอย่างนี้ เคยนอนอยู่ในห้องอย่างดี มาอยู่เช่นนี้ แสดงว่าฝึกหัดแล้ว
นักปฏิบัติไม่ต้องกลัวอะไร สติไม่ต้องกลัวอะไร ชีวิตไม่ต้องกลัวอะไร ไม่เป็นอะไร นี่คือได้ฝึกฝนตนเอง ความยากความลำบาก ความสะดวกไม่เรียกร้อง แม้แต่ความทุกข์ ความผิด ความถูก ไม่มีปัญหาแล้ว ง่ายนิดเดียว เห็น ไม่เป็น มันสุข เห็นมันสุข ไปเสียแล้ว มันทุกข์ เห็นมันทุกข์ ไปเสียแล้ว มันหลง เห็นมันหลง ไปแล้ว มันถูก เห็นมันถูก ไปแล้ว อะไรที่มันเกิดขึ้น มันจะเห็น เห็นนี่แสดงว่าผ่าน เป็นมรรค เป็นทาง ถ้าแต่ก่อนมันเป็น เป็นผู้หลง มันทุกข์ก็เป็นผู้ทุกข์ มันผิดก็เป็นผู้ผิด มันถูกก็เป็นผู้ถูก มันร้อน มันหนาว เป็นผู้ร้อน ผู้หนาว มันหิว เป็นผู้หิว
บัดนี้เห็นแล้ว เห็นแล้ว รู้แล้ว อัญญาสิแล้ว ได้นามนำแล้ว สรรพนามนำแล้ว ผู้รู้ เหมือนช่างเคยแห่ไม่หวั่นไหว แม้แต่เสียงตะไล เสียงโห่ เสียงร้อง เสียงพลุ อะไรต่างๆ เขาทิ้งใส่ก็ไม่หวั่นไหว เป็นช้างศึกไปเสียแล้ว เข้าสู่สงครามได้ ผู้ฝึกฝนตนดี ไม่หวั่นไหวแล้ว เพราะนินทา สรรเสริญ เป็นภูเขาศิลาแท่งทึบไม่สะเทือนเพราะลม เรียกว่าบัณฑิต ผู้ฝึกฝนตนดี ไม่เปราะบาง เคยผ่านทุกรสทุกชาติในชีวิต จึงจะเป็นนักรบก็ว่าได้ ถ้าไม่ฝึกอะไรเลย สะดวก กลายเป็นชีวิตอ่อนแอ ไม่สู้ความทุกข์ความลำบาก เป็นชีวิตเข้มแข็ง สู้
เราก็ได้สาธยายพระสูตร เพียงพอ ติลักขะณาทิคาถา สัพเพ สังขาราอะนิจจาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ เมื่อใดผู้คนเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ที่ตนหลง นั่นแหละคือพระนิพพาน เอาเสียแล้ว แต่ก่อนก็ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ บัดนี้ความไม่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ เป็นพระนิพพานไปแล้ว เห็นแจ้งตามความเป็นจริง พระสูตร แต่ก่อนความเป็นทุกข์ เป็นทุกข์ บัดนี้ความเป็นทุกข์เป็นพระนิพพาน เย็นแล้ว ความทุกข์เหมือนกับร้อน ความร้อนเย็นลงแล้ว อะไรที่มันร้อน เย็นลงแล้ว ในชีวิตเรา โทสัคคิ โมหัคคิ ราคัคคิ คือไฟมันร้อน เย็นลงแล้ว ร้อนเพราะความไม่เที่ยง ร้อนเพราะความทุกข์ ร้อนเพราะความไม่ใช่ตัวตน เย็นลงแล้ว
เอาไปสาธยาย เอาไปทำในใจให้มันรู้แจ้ง จะได้เห็นข้อเท็จข้อจริง เหตุอยู่ที่ไหน แก้ตรงนั้นได้ ทุกข์ก็คงไม่เที่ยง นั่นแหละเหตุ ไม่ต้องทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ก็คือฝน ได้ยินไหมเนี่ย ฝนตกแล้ว ต้องแก่กล้าสิ ยิ่งไม่ได้ยิน ยิ่งเงี่ยหูฟัง (หัวเราะ) นั่งอยู่สุดท้ายได้ยินไหม ศาลาอาจารย์ทรงศิลป์ขยายไปไกล ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ศาลาไก่กำลังว่าจะขยายอีก เห็นอาจารย์ตุ้มบอกว่าจะสร้างขึ้น 3 ชั้นเลยทีเดียว ให้เป็นที่พักของผู้ชาย อุบาสก ทำใหม่ 3 ชั้น ออกพรรษาแล้ว ยังไม่ยอมนะ
เราพอใจเห็นท่านทั้งหลายมานี่ รู้สึกว่า พอมีหวัง ศาสนาจะไปรอด ท่านที่มานี่มีแต่ปัญญาชน คุณหมอก็มี ท่านที่นั่งอยู่นี่ก็ได้สัมผัสกับความหลง เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง และเราขอพึ่งท่าน เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ได้ เราขอพึ่งท่าน เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธได้ นั่นแหละจะเป็นที่พึ่งของโลก โลกร้อนจะเย็นลง
เมื่อวานนี้ไปออกปัญหาให้นักเรียนนักธรรมสอบ โลกร้อนเพราะเหตุใด โลกจะเย็นเพราะเหตุอันใด ตอบได้ไหมแม่ชี นักธรรม โลกร้อนเพราะเหตุอันใด โลกจะเย็นเพราะเหตุอันใด ตอบให้มีหลัก ตอบได้ไหม ตระกูลจะมั่งคั่งอยู่ได้นาน ไม่เสื่อม ต้องมีธรรมอะไร ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองเพราะมีธรรมอะไร แม่กองธรรมสนามหลวงเขาออกข้อสอบ ต้องดูสิ่งแวดล้อมประจำปี เพื่อให้คนคิด นักเรียนได้คิด ถ้าตอบได้ เอาไปใช้ โลกจะเย็นลง เพราะมีธรรมในคน คนเป็นคนดี คนมีใจเย็น คนเป็นผู้ดู ผู้เห็น เห็นทาง เห็นทิศทาง ไม่จน
นี่คือไม่ใช่ไปเกณฑ์อะไรที่มันนอกหรอก มันตั้งต้นจากเรา เหมือนอาจารย์ทรงศิลป์เขียนไว้โรงทาน ป่าดี น้ำดี ดินดี อากาศดี เกิดจากอะไร อยู่ที่ไหน ตอบว่า ป่าดี น้ำดี ดินดี เกิดอยู่ที่คน คนดีอยู่ที่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่อาจารย์ไพศาลพาเดินธรรมยาตรา (หัวเราะ) คนดีต้องอยู่ที่เรา นี่คือเหตุอยู่ที่นี่ ถ้าทุกคนตั้งต้นที่นี่ ทำไมทำไม่ได้ น่าจะทำได้ และเป็นสิ่งที่ต้องทำได้ เพราะเรามีลูกมีเต้า มีผัวมีเมีย มีพ่อมีแม่ ความดีของเราเนี่ยเป็นผลกระทบต่อคนใกล้ชิดเรา
พ่อแม่เป็นคนดี ลูกก็ต้องเป็นคนดี พ่อแม่เป็นคนชั่ว ลูกก็อาจจะเป็นคนชั่ว เช่น พระนางผุสดี พระเจ้ากรุงสนชัย แม่ดีพ่อดี ได้ลูกชายเป็นพระเวสสันดร เป็นโพธิสัตว์ พระนางสิริมหามายา พระเจ้าสุทโธทนะ เป็นคนดี ลูกก็เลยเป็นสิทธัตถะ เป็นพระพุทธเจ้า ทางชูชก พ่อแม่เป็นคนไม่ดี อยู่บ้านทุนวิฐ ขอแต่ทาน ขอเก่ง เห็นคนฝนมีด เห็นฝนมีดมา อยากได้หิน ก็เคยขอ ขอแบ่งด้วยได้ไหม หินฝนมีด คนสะพายหินมาก็บอกเอาเลย บิเอา จะบิเอาเท่าไหร่ก็เอา พยายามบิ พยายามตีก็ไม่แตก (หัวเราะ) ก็เลยมีลูกเป็นขอทาน ชื่อชูชก
มันเกิดอยู่ที่ไหน อยู่ที่เรานี่ ทำไมแค่ความทุกข์ เราจะเปลี่ยนไม่ได้หรือ ถ้าไม่ใช่ความโกรธ เราจะเกิดมาได้หรือ มันมีอะไร มีเครื่องมืออะไร มันเกิดอยู่ที่ใจ นอนไม่หลับ ก็คิดเฉยๆ เหรอ เอากายมาเป็นสุขเหรอ เอาใจมาเป็นสุขเหรอ เอาใจมาเป็นทุกข์ เอาใจมาเป็นสุขเหรอ มีแค่นี้หรือชีวิตเรา มันจะเก่งขนาดไหนอันกายอันใจเนี่ย เราจะเก่งกว่านี้ไม่ได้หรือ ฝึกหัดตนนะ มันมีกำลัง ศรัทธาถ้ามีพลังแก่กล้า ถลาได้ไกล ความหลงทำให้เราถลาไกล กระโดดไกล มีศรัทธา มีพลัง ความโกรธกระโดดได้ไกล พ้นจากความโกรธ ความทุกข์กระโดดได้ไกล พ้นจากความทุกข์
นี่ศรัทธา พลัง พละ เครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พละ5 ศรัทธา ศีล ศรัทธา วิริยะ เพียรเปลี่ยนความหลงเป็นความไม่หลง นั่นแหละความเพียร ไม่ใช่ไปนั่งหลังคดหลังงอ ความหลงอยู่ที่ไหน ขับรถอยู่ก็หลง ทำงานอยู่ก็หลง นอนอยู่ก็หลง นั่นแหละเปลี่ยน เปลี่ยนมา เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง มันไม่ยากเหมือนไล่ยุง ยุงกัดต้องเอามือมาไล่ เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง เพียงทำความเห็น ให้เห็นให้ดู ดูไม่ต้องมีอะไร สติ เป็นดวงตาภายใน ดู เห็น ไม่เป็น เป็นหลักสูตรตายตัว เหมือนหลักสูตรสากลของการศึกษา สอง(คูณ)ห้าเป็นสิบ เป็นอื่นไม่ได้ สองห้าเป็นเท่าไหร่ เป็นแปด เป็นเจ็ดไม่ได้ สองห้าต้องเป็นสิบ สอง(คูณ)หกต้องเป็นสิบสอง มันเป็นสูตรสากล ธรรมะเป็นสากล
ใครมีสติ เหมือนกันหมด คนหนุ่มมีสติ คนแก่มีสติ ผู้หญิงผู้ชายมีสติ นักบวชมีสติ คนชาติใดประเทศใดมีสติเหมือนกันหมด สากล ความทุกข์เหมือนกัน ความไม่ทุกข์เหมือนกัน ความโกรธก็เหมือนกัน ความไม่โกรธก็เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวการพูดธรรมะ ถ้าใครปฏิเสธเรื่องนี้ ก็เท่ากับปฏิเสธตัวเอง เสียเวลา เสียเวลาเพราะความโกรธ เสียเวลาเพราะความหลง เสียเวลาเพราะความทุกข์ เสียเวลาเพราะความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจ มากเหลือเกิน เรียกว่าธัญธาเร ไหลเหมือนน้ำ ไหลมาแบบว่าไม่หยุดไม่หย่อน เขื่อนกั้นลงไป มีสติลงไป มันก็เป็นเขื่อนได้ประโยชน์
การมายกมือสร้างจังหวะ เหมือนกับทิ้งกระสอบทรายลงในน้ำไหล เรียกว่าสังขารทั้งหลายที่มันไหล ลู่เอาๆๆ หากทิ้งมันไปหนึ่งกระสอบ สองกระสอบ อาจจะไม่เห็นร่องรอยอะไร ทิ้งมันลงไป ทิ้งไปบ่อยๆ มันก็เต็มขึ้นมา เป็นเขื่อนได้ ง่ายแล้วล่ะทีนี้
ในความหลงมีความไม่หลง ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์ ในมี มันมีคู่ มีความเกิดต้องมีความไม่เกิด มีความแก่ต้องมีความไม่แก่ มีความเจ็บต้องมีความไม่เจ็บ มีความตายต้องมีความไม่ตาย อย่ายอม ถ้าคิดไม่ได้ คิดไม่ออก ก็สัพเพ สังขารา อนิจจาติ เข้าไป เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งเป็นทุกข์ที่ตนหลง นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพาน โอ ความไม่เที่ยงเป็นพระนิพพานได้นะ มีผู้ทำได้แล้ว มีคนทำได้แล้ว พระพุทธเจ้า พระสาวก จนมาถึงพวกเรานี่ ยังมีคนทำได้อยู่
เราเป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ทำไม คนเขาไม่ทุกข์กันแล้ว ทำไมเราจึงหลง หลายคนที่ไม่หลงอยู่แล้ว ทำไมจึงต้องโกรธ หลายคนที่ไม่โกรธ ทำไมต้องทุกข์ หลายคนไม่ทุกข์แล้ว สิ่งที่เราหลง สิ่งที่เราทุกข์ สิ่งที่เราโกรธ คนอื่นเขาไม่หลง ไม่โกรธ เสียแล้ว ล้าสมัยเลยเรา เป็นคนล้าสมัย เมื่อไหร่จะย้ายออกไปเสียที เลื่อนฐานะของเรา จากปุถุชนเป็นกัลยาณชน ขึ้นไปเรื่อยๆ ไป เลื่อนชั้น เลื่อนภูมิ ฐานะทางจิตวิญญาณ จะต้องให้สมกับชื่อมนุษย์สัตว์ประเสริฐ ประเสริฐอย่างไร เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ เอามาเป็นของร้ายเป็นของดี ว่าลงไป ให้ความเห็นกับตัวเองลงไป ให้ข้อมูลลงไป มีสติลงไป ตรงไหนที่มันข้อมูลไม่ดี ให้มันลงไป
ช่วยกันให้เป็นด้วย นอกจากเรา พ่อแม่ช่วยกัน ลูกช่วยพ่อช่วยแม่ แม่ช่วยลูกช่วยเต้า ญาติพี่น้อง มนุษย์ช่วยกันขึ้นมา จนใจจะขาดนั่นแหละ หลวงตาเคยไปสวดช่วยคนป่วยที่บอสตัน ประเทศสหรัฐฯ ไปร่วมกับคนจีนพวกมหายาน เขาก็สวด อามิตตาพุทธ อามิตตาพุทธ ใช่ไหม อามิตตาพุทธ อามิตตาพุทธ ให้คนป่วยได้รำลึก คิดถึงพระอมิตะพุทธเจ้า ก็ยืนอยู่ทางทิศข้างๆ คนนอนป่วย อยู่เตียงยืนสวดทั้งข้างซ้าย ข้างขวา ข้างหัว ข้างเท้า สวดอยู่นั่น ให้หลวงตาสวด หลวงตาก็ไปยืนสวด เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่าสังขารทั้งปวงไม่เที่ยง เมื่อนั้นย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่... (หัวเราะ) เป็นทุกข์ที่ตนหลง นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพาน การที่เราสวดติลักขะณาทิคาถา แล้วก็แปล เขาก็ชอบนะ เขาก็ชอบกัน จริงไหม ความไม่เที่ยงเป็นพระนิพพาน นั่นแหละมันเป็นคู่ เป็นทุกข์ ไม่ทุกข์ เย็นแล้ว นี่คือปฏิบัติธรรม เอาเสียง เอาภาษามา มาสัมผัสในใจ ถึงใจ ความไม่เที่ยงมาเป็นนิพพาน ไปถึงเชื้อโรค ความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มันแก้กันได้
เหมือนหลวงตาเป็นโรคมะเร็ง คุณหมอให้คีโม ทำไมมันแก้มะเร็งได้ในตับโน่น ในลำคอโน่น มันแก้กัน มันก็ยังไม่ตาย หายใจไม่ได้ ต้องเสี่ยง หมอก็ต้องเสี่ยง หมอบอกว่าอาจจะไม่ได้ผล หนึ่ง หลวงพ่อก็อายุแก่แล้ว น้ำหนักลดลงมาก พลังไม่พอ ต่อสู้กับคีโม ก็ต้องจำเป็นต้องให้ ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะรักษาโรคนี้ได้ นอกจากคีโมเข้าไป เอามาให้เซ็นชื่อ ก็เซ็น แต่ไม่ต้องการ หายก็ช่างไม่หายก็ช่าง ยอมรับ โรคบางอย่างรักษาไม่ได้ โรคบางอย่างรักษาได้ ไม่ได้กลัวอะไร แล้วแต่ ต้องเสี่ยง มันก็ยังไม่ตาย มันหาย
ประสาอะไร้ ความทุกข์ กับความไม่เที่ยงมันไม่ใช่เชื้อโรค ทำความเห็นให้มันรู้แจ้งขึ้นมา มันก็แก้ได้ ในความทุกข์มีความไม่ทุกข์ ในความโกรธมีความไม่โกรธ หัดเปลี่ยน อย่ายอมจำนนต่อสังขาร เปลี่ยนเป็นวิสังขาร สังขารคือปรุง มีรสชาติ มีรส ความทุกข์ก็มีรส ความสุขก็มีรส ความอะไรต่างๆ นั่นแหละสังขาร เชื้อโรค วิสังขารลงไป เปลี่ยนซะ ไม่หลง ไม่โกรธ ไม่ทุกข์ วิสังขาร วิสังขารไปนิพพาน สังขารไปสู่ทุคติ วิบาก เวียนว่ายตายเกิด ต้องสู้ซะหน่อย
เหมือนคนสูบบุหรี่ สังขารคือสูบ ติด อยาก เพราะสูบจึงติด เพราะติดจึงอยาก เพราะอยากจึงสูบ เพราะสูบจึงติด เป็นสังขาร วิสังขารเพราะไม่สูบจึงไม่ติด เพราะไม่ติดก็ไม่อยาก เปลี่ยนนิดเดียว นิดเดียว แต่ต้องสู้สักหน่อย มันหลง ไม่หลง สู้ ให้ง่ายๆ ให้ไวๆ สักหน่อย โดยเฉพาะวิชากรรมฐานนี่มันช่วยได้เยอะ เพียงกลับมาที่ตั้งกายบ้าง ตั้งไว้ มีสติ เอากายเป็นนิมิตถ้าไม่มีอะไรเป็นนิมิต กลับมาหากาย นิมิตทางกาย หายใจเข้า หรือกระดิกนิ้วมือ ขับรถอยู่ ทำงานอยู่ มันคิดแล่นไป กลับมา มันหลงไป กลับมา รู้ มันหลงไปกลับมารู้
ฝึกตนสอนตนอย่างนี้ มันก็จะเป็น ทำให้มันเป็น มันไม่ใช่รู้ ถ้าเป็นแล้วมันจะไม่ลืม ถ้าไม่เป็นมันอาจจะลืม หัดให้มันเป็น หัดให้มันเป็น มันหลง รู้ ทำเป็นไหม ถ้าหลงเป็นหลง ทำไม่เป็น ถ้าโกรธเป็นโกรธ ทำไม่เป็น ทุกข์เป็นทุกข์ ทำไม่เป็น ทุกข์เป็นไม่ทุกข์ มีสติเข้าไป มันก็เป็น เรียกว่าทำเป็น
การทำเป็นนี่ไม่มีใครสอนเราได้ นอกจากเราสอนตัวเราเอง อันนี้เรียกว่ากรรมฐาน ให้เป็นชีวิตกรรมฐานทั่วบ้านทั่วเมือง ให้บ้านกรรมฐาน พ่อแม่กรรมฐาน ลูกกรรมฐาน งานต่างๆ เกษตรกรรมฐาน อะไรกรรมฐาน มีที่ตั้งแห่งการกระทำ ไม่หลงไปอย่างอื่น มีสติเป็นที่ตั้ง เป็นตัวเฉลย เป็นตัวเป็นนักศึกษาสติ เข้าไปเห็น สติเป็นนักศึกษา ได้บทเรียนเยอะแยะ ก็มันเห็นแล้วได้บทเรียน นี่ก็ผ่าน นี่ก็ผ่าน มันก็อันเก่า เหมือนเส้นทาง จากกรุงเทพมาชัยภูมิก็เส้นเก่า 201 หรือ (หัวเราะ) จับหมายเลขให้ได้ ถ้า 201 แล้ว ถึงชัยภูมิแน่นอน เพราะทางเส้นนั้นมันผ่าน
คนจะไปสู่มรรคสู่ผลต้องหลง ทางผ่าน ตอนไหนที่มันหลง ไม่หลง นั่นแหละไปได้ ตรงไหนที่มันทุกข์ มันอะไรต่างๆ ผ่านมา หลงเป็นรู้ ผ่านแล้ว โกรธเป็นรู้ ทุกข์เป็นรู้ สุขเป็นรู้ ผ่านแล้ว ถึง เดินคนเดียว เอาใครไปด้วยไม่ได้ ทางเส้นเดียว ถึงที่เดียวกัน ความหลงก็อันเดียวกันนั่นแหละ ความทุกข์ก็อันเดียวกัน ความโกรธก็อันเดียวกัน ความโลภ ความรัก ความชังอันเดียวกัน ไม่ใช่มันงอกงามขึ้นมา อันเดียว ความโกรธก็อันเดียว ใครโกรธก็อันเดียวกันหมด ใครทุกข์ก็อันเดียวกันหมด จะเป็นนักบวช เป็นฆราวาสอันเดียวกันหมด เป็นคนชาติใดภาษาใด อันเดียวกัน เกิดแก่เจ็บตาย อันเดียวกัน หายใจเข้าหายใจออกก็อันเดียวกัน หายใจไม่เข้าก็ตายแล้ว หายใจไม่ออกก็ตายแล้ว อันเดียวกัน ตับไตไส้พุงอันเดียวกัน ใช่ไหม (หัวเราะ) เป็นสากล อย่างนั้นไปกลัวอะไร
ตัวอย่างมีอยู่แล้ว เอาอย่างนักปฏิบัติธรรมสมัยครั้งพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ พระอรหันต์บางรูป เอาตัวอย่างกวาง พระบางรูปเอาตัวอย่างท่อนซุงไหลมาแม่น้ำ นั่งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ เห็นท่อนซุงไหลมา ท่อนซุงบางท่อน รู้จักท่อนซุงไหม (หัวเราะ) ท่อนซุงบางท่อนไหลมา ชิดฝั่งซ้าย ชิดฝั่งขวา ไม่ไป และก็มีคนมาลากขึ้นไป เอาไปชำแหละ แปรรูปไป ท่อนซุงบางท่อนไม่ติดฝั่ง ล่องไปถึงจุดหมายปลายทาง ก็มามองตัวเอง ท่อนซุงเหมือนกับชีวิตตัวเอง คือภาวะที่รู้ ที่เห็นเหมือนทางน้ำ มันสุขติดฝั่งขวา มันทุกข์ติดฝั่งซ้าย มันพอใจติดฝั่งขวา มันไม่พอใจติดฝั่งซ้าย มันโกรธ มันโลภมันหลงติดฝั่งซ้าย มันสงบ มันสุข ติดฝั่งขวา
ไม่เหมือนกับจิตใจของเรา มันเข้าไปติดอยู่นั่นแหละ นานเท่าไหร่ หลงไปกับเรื่องใดบ้าง นั่งอยู่สุคะโตหลงไปถึงกรุงเทพ ถึงที่ไหน เชียงรายหรือ เชียงใหม่หรือ (หัวเราะ) เชียงใหม่ก็มีนะนั่งอยู่นี่ เชียงใหม่ เชียงรายก็มี ถ้าหลงไป มันติด รู้ขึ้นมา ล่องออกไป ล่องออกไป เอามาเป็นตัวอย่าง หัดตนสอนตน พระสงฆ์บางรูปอยู่ในป่า เห็นเก้ง เห็นกวางเวลามันหากิน มันมองหน้ามองหลัง สำรวม ระวัง ไม่ประมาท
หลวงตาเคยเห็น เคยไปนั่งอยู่นิวยอร์ค นั่งอยู่วัดจวงเหยิน ตอนเช้าๆ กวางแม่ลูกอ่อนเดินมา พอจะสว่าง มันเดินมากับลูกมัน แม่มันก้าวหนึ่ง ลูกมันก็เดินตามก้าวหนึ่ง สองก้าว มองหน้ามองหลัง เดินไปก็มองซ้าย มองขวา เดินมาเจอหลวงพ่อ หลวงตานั่งอยู่ฝั่งสระ มันก็มายืนดู มันก็มองคืนไปข้างหลัง มองเห็นลูกมัน ลูกก็หยุด มันก็ก้าวมาอีก มันก็มองดูหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ห่มผ้าเอาคลุมหัว มันหนาว มันก็เดินเข้ามา มันก็หยุด มันก็มองลูกมัน ลูกมันก็หยุด ที่สุดเดินเข้ามาใกล้ๆ มันจะมาดมหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เอาลมเป่าฟู่ เป่าจมูกมัน มันก็หยุด มันก็มอง หลวงพ่อใส่หมวกคลุมไว้ ห่มผ้าจีวรไว้ไม่กระดุกกระดิก เหมือนตอไม้ มันก็มาดม หลวงพ่อก็เป่าจมูกมัน ฟู่ มันก็ถอย ถอยไปก็มองลูก เดินร้องไป ร้องไปทางขอบสระ แล้วไปยืนให้ลูกกินนม ลูกมันก็กินนม พอลูกมันนอนแอ๊ะลง อ้าว ลูกมันเดิน แม่มันก็เดิน ยืนอยู่ มองลูก แล้วก็เดินหนีไปเลย อย่างไวเลย ทิ้งลูกไปเลย จนทั้งวันเลย อ้าว ทำไมกวางนี่มันจะเอาเอาลูกมาฝากกับเราเหรอ เราต้องดูแลลูกมันใช่ไหม ทั้งวันเลยวันนั้น
พอถึงเวลาฉันข้าว เขาตีระฆังฉันข้าว พอฉันข้าวเสร็จแล้ว ก็ลงไปนั่งอยู่อีก ทั้งวันไปนั่งอยู่จนค่ำ เกือบจะค่ำแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย แม่กวาง ตอนจะค่ำถึงมา วุ้มๆ มา นึกว่าจะไปนั่งหลับอยู่ ดูแลกวางเพราะมันมีหมาป่าด้วยแถวนั้น หมาป่าบ้านเขาไม่เหมือนหมาจิ้งจอกป่าบ้านเรา ตัวใหญ่เหมือนกับหมาฝรั่ง มันมาก็มายืนให้ลูกกินนม พอลูกกินนมแล้วก็เดินลิบไปเลย ก็เออเราจะได้ขึ้นกุฏิแล้ว
นี่ก็คือ พระบางรูป เอาอย่างกวาง สำรวม ข้อทดสอบ ปฏิบัติยังไง ที่ว่าปฏิบัติไม่ผิด ตอบให้มีหลักดูสิ มีคำถามนะนักธรรมะ ใครสอบนักธรรมนะ จะเก็งข้อสอบให้ตามกาลตามสมัย ปฏิบัติไม่ผิดก็คือ การสำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ มีสติ มีสติไปในกาย มีสติไปในเวทนา มีสติไปในจิต มีสติไปในธรรม ชื่อว่าปฏิบัติไม่ผิด ก็เกิดมีศีลขึ้นมาในความสำรวมของเรา ปรารภความเพียร ใส่ใจ นี่คือว่าปฏิบัติไม่ผิด ถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน
เอ้า สมควรแก่เวลานะ กราบพระพร้อมกัน