แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอใช้เวลานี้ปรารภธรรมสู่กันฟัง เรามีทิศทางเดียวกัน ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน เป็นอนาคาริกบุคคลก็มี เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นมาอยู่ด้วยกัน จึงมีเวลาเช่นนี้เพื่อส่วนรวม ให้เป็นสิ่งแวดล้อมในขณะที่เราใช้ชีวิตร่วมกันเช่นนี้ เราก็มีงานมีการส่วนตัว เรามาพูดเรื่องงานของเรา เรามีความหลงเรียกว่างานของเรา เรามีความทุกข์ ความโกรธ ความโลภ ความรัก ความชัง ความดีใจเสียใจ นั่นแหละงานของเรา
ถ้าไม่ทำให้มันเสร็จซะ ก็ต้องมีภาระปัญหาไปเรื่อยๆ เหมือนถนนหนทางที่ขรุขระเดินไม่สะดวก ก็มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ความเป็นอยู่ลำบาก ชีวิตของเรานั้นก็ต้องมีการขรุขระกระทบกระเทือนต่อตัวเอง ฉะนั้น บางคนต้องสูญเสียสุขภาพร่างกาย เสียชีวิตไปก็มี เจ็บไข้ได้ป่วยเพราะการใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง เราจึงมาทำให้สำเร็จซะ ให้เป็นมิตรภาพซะถ้าเป็นทาง ให้มันเรียบๆ
ถ้ามีความหลงก็ต้องซ่อมความหลง ถ้ามีความทุกข์ก็ต้องซ่อมความทุกข์โดยธรรม และมีวิธีทำให้สำเร็จได้ ถ้าหากว่าเรามีชีวิตอยู่ไปยาวนาน ถ้ารีบซ่อมให้มันเสร็จซะแต่วัยหนุ่ม ตื่นแต่ดึกสึกแต่หนุ่ม จะได้ใช้ชีวิตไปยาวนาน มีคุณมีค่ามีประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นด้วย ชีวิตของเราก็เกี่ยวข้องกับคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น ปฏิเสธไม่ได้ ต่างคนต่างซ่อม ต่างดูแลซะ
กรรมฐาน งานกรรมฐาน งานอันนี้โดยตรง แล้วก็ซ่อมได้จริงๆ ไม่ใช่ซ่อมไม่ได้ อันอื่นสิ่งอื่นซ่อมไม่ได้ อย่างรถเนี่ยซ่อมไม่ขึ้น ต้องทิ้งเป็นเศษเหล็ก เอาไปขาย ราคาก็ไม่ค่อยมีถ้าเป็นเศษเป็นเดนไปแล้ว ชีวิตเราไม่เป็นเช่นนั้น แต่บางคนไม่ยอมซ่อมก็เป็นเดนเลยทีเดียว ไม่มีชีวิตชีวา ติดตุกติดตาราง ไม่แก้ไขหรือติดสิ่งเสพติด มีพิษมีภัยตลอดเวลา นี่มันซ่อมได้ มันหลง ไม่หลง มีธรรม มีอธรรม มันตรงกัน ในความหลงมีความไม่หลง ซ่อมลงไป ถ้ามันมีอ่ะ เวลาซ่อมเสร็จแล้ว ไม่ต้องซ่อมอีก ใช้ได้ตลอดชีวิต ไม่มีหลง ไม่มีโกรธ ไม่มีโลภ ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข ไม่มีดีใจเสียใจ ทิ้งไปให้หมด เรียบแล้วล่ะ เราจึงไม่ยอมที่จะให้งานค้างคาเอาไว้ ถ้ามันหลงนั่นแหละดี จะได้แก้ไข จะได้ซ่อมให้มันดีขึ้นมา
มันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะวิชากรรมฐานเป็นวิชาที่ศักดิ์สิทธิ์ เคยพูดอยู่เสมอ แล้วสะดวก เป็นสุขาปฏิปทา สะดวก ทำได้ ถ้ามันหลง รู้ นั่นเป็นสุขาปฏิปทา ถ้าหลงเป็นหลง เป็นทุกขาปฏิปทา เหมือนกับตกหลุมตกบ่ออยู่เรื่อย การทำอย่างนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอันอื่น มันอยู่ในตัวมันเอง ถ้าอันอื่น ถนนหนทางมันเป็นหลุมเป็นบ่อ จะต้องเอาวัตถุสิ่งของมาแก้ไข เช่น ทางที่เข้าวัดเรา มันแฉะ มันเป็นหลุมเป็นบ่อ ให้โอกาสก็ซ่อมไม่ได้เพราะฝนชุก จะเอาวัตถุสิ่งของเข้ามาก็เข้าไม่ได้ ต้องรับกลับไป
แต่ชีวิตของเราไม่เป็นเช่นนั้นนะ มันอยู่ในตัวมันเอง ถ้ามันหลง ในความไม่หลงก็มีอยู่แล้ว ถ้าเรารู้จักใช้ ถ้าไม่ใช้ก็หลงเรื่อยไปจนตาย ทุกข์เรื่อยไปจนตาย โกรธเรื่อยไปจนตาย เป็นชีวิตน้ำเน่า บางทีเป็นพระกรรมฐานน้ำเน่า หรืออย่างเขาพูดว่า นักการเมืองน้ำเน่าเอาแต่เรื่องเก่าๆ มาพูดกัน ได้แต่เอาความหลงมาเป็นปัญหา เอาแต่ความหลงมาเป็นปัญหา เอาความโกรธมาเป็นปัญหา เอาความทุกข์มาเป็นปัญหาแก่ตัวเองและคนอื่น จนไม่จบไม่สิ้นสักที นี่ชีวิตน้ำเน่า ก็เลยมีทุกข์มีโทษ เราสัมผัสดูก็มีอยู่จริงๆ เรื่องชีวิตน้ำเน่า ชีวิตน้ำบริสุทธิ์น่าจะมี
ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา ได้พบกับพระธรรมคำสอน ไม่ต้องยอมจนเรื่องนี้ มันเป็นสุขาปฏิปทา สะดวก มันหลงก็รู้ เป็นงานที่เราทำ ชอบที่สุด ทั้งหมด อย่างที่เราสาธยายพระสูตรว่า เพื่อละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เกิดขึ้นอีก มันก็เรื่องนี้แหละ มีความรู้เนี่ย มีความรู้สึกตัว พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ นี่ก็คือเพื่อละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ให้เกิดขึ้นอีก ถ้ามันหลงก็ใช้ได้ทันที ไม่หลง มันก็เพื่อการนี้ มีสติไว้เพื่อไม่หลง เวลามันหลงจะได้ใช้เพื่อไม่หลง
ถ้าไม่มีสติก็หลงเป็นหลง เป็นทุกขาปฏิปทา ไม่แก้ เป็นรอยอยู่เช่นนั้น แต่เพื่อป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทั้งแก้ไขทั้งป้องกันในคราวเดียวกัน วิชากรรมฐานเนี่ย และตรงกันข้าม เพื่อยังกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ตรงกันแบบนี้ เพื่อยังกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เกิดขึ้นอีก ถ้ามีสติ มันก็ไปอย่างนี้โดยตรง
ทีแรกก็ง่ายจะหลง ต่อไปถ้าเราหัดไป ฝึกไป ใช้ไป ง่ายที่จะไม่หลง นั่นเรียกว่า เพื่ออกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น และเพื่อกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญมากขึ้น มันก็มีอย่างนี้ เป็นกอบเป็นกำอย่างนี้ ไม่ได้เสี่ยงอะไรเลยวิชากรรมฐานนี้ ไม่น่าจะขี้เกียจขี้คร้าน แล้วก็มีอยู่ทุกกาลทุกเวลา แล้วก็ใช้ได้ทุกกาลทุกเวลา ขอให้เราได้ใส่ใจเรื่องนี้ การใช้ชำนิชำนาญจะได้จบไวๆ ถ้าใช้แล้วทิ้งๆ ขว้างๆ ก็เสียหายได้ ด้านได้ หยาบคายได้
เหมือนที่หลวงตาเป็นโรคความดันโลหิตสูง หมอบอกว่าโรคนี้มันดื้อ มันดื้อยา พอมันดื้อยาก็รักษายาก เขาก็จัดให้ยาตัวใหม่ เอ้า อันนี้ลองดู ดีกว่าเก่า เอามา มันก็ดี วัดดูไม่ถึง 130 เลย 120, 110, 120, 100 อ้าว มันไม่ดื้อแล้วล่ะ (หัวเราะ) ยามันปราบโรคได้ตามกำลังของยา ชีวิตของเราถ้ามันดื้อไป มีอีกเยอะแยะ ธุดงควัตรเข้าไป ขูดเข้าไป ขูดเข้าไป มีเยอะแยะถ้ามันดื้อ ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องธุดงค์ ไม่ต้องสมาทาน นั่งอยู่นี่แหละ แต่เป็นธุดงค์ง่ายๆ ขูดเกลาง่ายๆ มันก็ไม่ยากนะ ถ้ามีรอย
ถ้ามันหลง รู้ ลบรอยหลง ลบรอยหลง ลักษณะที่ลบรอยหลงนี่ อย่างที่ได้พูดไปเมื่อเช้าวานนี้ ถ้าหลงเป็นหลง เรียกว่าเป็นรอยลึก เหมือนกับมีดขีดบนหิน ลบยากถ้าหลงเป็นหลง ทุกข์เป็นทุกข์ ถ้าหลงเป็นรู้ ลบรอยดิน มันรอยขีดบนดิน เนี่ย มันเป็นอย่างนี้นะ สัมผัสกับรสพระธรรมดูแล้ว ถ้าหลง เห็นมันหลง ไม่เป็นผู้หลง เป็นรอยขีดบนน้ำ แล้วเรื่องอย่างนี้ใครจะช่วยเราได้ จะให้เป็นรอยขีดบนน้ำ หรือรอยขีดบนดิน รอยขีดบนหิน อยู่กับการกระทำของเราเรื่องเดียว เรื่องเดียว ความหลงรอยขีดบนหิน ลบแล้วลบอีก แล้วก็ไม่มีกำลังพอ ลบไม่ถูกต้อง รอยขีดบนดินความหลง
อันนี้ก็ลักษณะนี้ คือกรรมฐานนี่ปรับได้ สุขทุกข์หรืออะไรก็ตาม อยู่ในลักษณะเดียวกันทั้งหมด เกณฑ์เดียวทั้งหมด สูตรเดียวสากล เหมือนสูตรคณิตศาสตร์ สูตรวิทยาศาสตร์ที่พวกเราทั้งหลายได้เรียนๆ กันมา ใช้ได้ หัตถกรรม ศิลปกรรม นวกรรม อะไรต่างๆ มีสูตรอันเดียว เพื่อใช้สะดวก ถ้าเรียนรู้ก็ใช้สะดวก ถ้าไม่รู้ก็ไม่สะดวก ใช้ไม่เป็น หลงเป็นหลง ไม่ได้เรียนรู้ ก็ใช้ไม่เป็น ทั้งๆ ที่มีความรู้อยู่ ไม่ได้เอามาใช้ในขณะที่มันหลง มีแต่ท่องจำจบหลักสูตรมา นักธรรมตรีโทเอกจบมาแล้วแต่ใช้ไม่เป็น มันอยู่ที่การใช้ ถ้าใช้เป็นก็สำเร็จประโยชน์และใช้ได้ทนทาน ถ้าใช้ไม่เป็น ของที่ดีถ้าไม่ค่อยใช้ ก็เสียหายได้
นั่นจึงจะให้มีฝีมือเสียหน่อย ถ้าหลง เห็นมันหลง ไม่เป็นผู้หลง เหมือนรอยขีดบนน้ำ ซ้ำลงไป ไม่มีร่องรอยลงไป เอาให้มันเกลี้ยงเกลาไปเลย ถ้าหลง หลง นี่มันก็ไม่ทำอะไรสักที ไปไม่ได้ ออกจากที่นี่ไม่ได้ เหมือนหลุมถนน หลุมโคลนตมที่ไหน ไปที่ใดก็มีปัญหาที่นั่น เหมือนเมื่อวานนี้ ไปที่ใดก็มีแต่ป้ายทางน้ำท่วม ผ่านไม่ได้ ต้องไปทางอื่น เขาทำลูกศรไปทางอื่น แทนที่จะลัดสั้นๆ ก็ยาวไปอีก ถ้าหลงเป็นหลง เป็นผู้หลงก็ยาวไป ถ้าทุกข์เป็นทุกข์ เป็นผู้ทุกข์ ยาวไปอีก ไม่สั้น เสียเวลา
แล้วการกระทำกรรมฐานนี้ให้มันเจนจัดเรื่องนี้กัน จึงจะเคลื่อนย้ายไปได้ จึงจะเรียบได้ มีฝีมือสักหน่อย ทำอะไรต้องมีฝีมือสักหน่อย ให้ยกนิ้วสักหน่อย มันก็ได้หลักได้ฐานแบบนี้ ยิ่งกรรมฐาน อารมณ์ของกรรมฐานเนี่ยมีขั้นตอน มีเห็นรูปเห็นนามตามความเป็นจริง พอเห็นรูปเห็นนาม รูปนามมันจะบอกตามความเท็จความจริง ในรูปในนามมีอะไรบ้าง บอกหมด วิธีเกิด วิธีแก้ บอกหมด ทำกับเขายังไง เรื่องรูปเรื่องนาม ทำผิดมันก็ผิด มีทุกข์มีโทษ ทำถูกมันก็หมดทุกข์หมดโทษ ถ้ารู้จักจึงจะได้หลักสูตร
เห็นจิตที่มันเกิดจากจิต เห็นธรรมที่มันมีธรรมทั้งหลาย รูปกายเป็นอันเดียว เวทนาทั้งหลายมาให้เห็นหมด จิต จิตเดียว ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต หลายอย่างมาให้เห็นหมด มีสติเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ มีสติสัมปชัญญะ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกที่มันเกิดในธรรมทั้งหลายออกมาเสียได้ เห็นจิตในจิตทั้งหลาย เห็นจิตในจิตเป็นประจำ อะไรที่มันเกิดจากจิต มันจะต่อไปอีก แล้วมันจะเห็นแจ้ง พอเห็นแล้ว มันก็เปลี่ยนแปลง แต่ก่อนไม่เห็น มันก็ยังไม่เปลี่ยนอะไรขึ้น ถ้าเห็นแล้ว มันเปลี่ยนแปลงขึ้นมา แต่ก่อนไม่เห็น มันก็เป็น พอเห็นแล้วก็ไม่เป็น มันก็เปลี่ยนความไม่เป็น มีแต่เห็นแล้วไม่เป็น มันก็หลุดพ้นจากสิ่งต่างๆ ได้ เป็นกายก็ดี เป็นเวทนาก็ดี เป็นจิตก็ดี เป็นธรรมก็ดี เคลื่อนออกที่เก่า พ้นภาวะเก่า เหมือนซ่อมถนนดีกว่าเก่า ไม่ติดไม่มีหลุมไม่มีบ่อ สะดวกในการใช้
ชีวิตของนักกรรมฐาน ถ้าทำเสร็จ สะดวกในการใช้ สะดวกในการใช้ชีวิต ใช้ตา ใช้หู ใช้จมูก ใช้ลิ้น ใช้กาย ใช้ใจ เพื่อให้ตาหูจมูกลิ้นกายใจรับใช้ชีวิตให้ได้สะดวก ถ้าไม่รู้ ตาหูจมูกลิ้นกายใจมันใช้เรา เราก็เป็นทาสของมัน รับใช้มัน ถ้าเรารู้แจ้งเรื่องนี้กัน เราก็ใช้มันก็สะดวก ถึงมรรคถึงผล ถ้ามันใช้เรา ก็ถึงอบายได้ เป็นเปรตเป็นสัตว์นรก เป็นเดรัจฉานอสูรกาย ไม่เจริญ เสียชาติไปเปล่าๆ
เราจึงมาฝึกกัน กรรมฐานนี่ ไม่ควรรีรอ วิชากรรมฐานเป็นวิชาที่พร้อมให้ใช้ เหมือนกับวัตถุสิ่งของที่พร้อมให้ใช้ อะไรที่มันพร้อมให้ใช้ พร้อมใช้งาน เครื่องมือที่พร้อมใช้งาน รถที่พร้อมใช้งาน กายใจที่พร้อมใช้งานเพื่อความสะดวก ถ้าเราศึกษามันบอกเช่นนั้นนะ เพื่อความสะดวกจริงๆ เพื่อใช้งานจริงๆ สำเร็จประโยชน์ ใช้เป็นมรรคเป็นผล ไม่ใช่ให้เป็นทุกข์เป็นโทษ
เราจึงไม่น่าจะจนเรื่องนี้ ให้ทำให้แยบคายดูซิ อย่าให้ด้าน มันหลง ให้แยบคายในความหลง แยบคายในความไม่หลง ให้มันคมๆ สักหน่อย ให้มันมีน้ำหนักสักหน่อย ให้มันมีความฉลาดตรงนี้สักหน่อย ถ้ามันทู่มันทึบ มันก็ด้าน เหมือนมีดที่มันฟันอะไรไม่ขาดไม่เข้า และไม่มีน้ำหนัก แล้วก็ทำไม่ได้เลย ถ้ามันทู่ๆ ทื่อๆ นะ หรือที่เรียกว่า ปุถุชน เรียกว่า เนยยะ ปทปรมะ มันทู่ มันทึบ มันหนา ถ้าไม่ทำ มันก็หนาเรื่อยไป ปล่อยให้มันด้านไม่ได้ ให้แยบคายดู
มีสติ มันพร้อมแล้ว ดูกายพร้อมแล้ว เห็นเวทนา พร้อมแล้ว เห็นจิต พร้อมแล้ว เห็นธรรม พร้อมแล้ว มันก็มีสี่ด่านเท่านี้ พร้อมที่จะผ่านได้ สี่ด่านนี้กักไม่อยู่ กายกักไม่อยู่ อะไรที่เป็นหลงเรื่องกาย กักไม่อยู่แล้ว มันมีแต่ภาวะที่รู้ที่เห็นไป เวทนาที่มันเกิดขึ้น เป็นสุขเป็นทุกข์ พร้อมแล้ว เห็นแล้ว จิตที่มันคิดอะไรไป เพราะมันดึงมันจูงไป ยิ่งใหญ่เป็นใหญ่ในทางที่เถื่อนๆ เห็นแล้วๆ ไม่ได้หลงไปกับมันอีกแล้ว ธรรมที่มันพาให้เกิดอะไรขึ้น ลักษณะท่าทางต่างๆ เป็นสุขเป็นทุกข์ พอใจไม่พอใจ เห็นแล้ว ไม่ได้หลงตรงนี้แล้ว อะไรที่มันเกิดขึ้นมา เห็นแล้ว ไว้หลังแล้ว มันก็สะดวกแล้วบัดนี้ ชีวิตก็สะดวกแล้ว
มันก็อยู่กับเราเนี่ย มันเกิด มันก็เกิดกับเราเนี่ย เราก็เป็นคนที่ใช้ให้มันถูก ถ้ามันผิดเราก็ใช้ให้มันถูก ถ้าไม่ดื้อขนาดสอนไม่ได้ สัตว์เดรัจฉานมันสอนได้อยู่ เป็นสัตว์ประเสริฐชีวิตมนุษย์ ชีวิตของคนเราเนี่ย ถ้าเราไม่สอนก็ร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ชีวิตของเรามันมีทุกข์มีโทษ มีนรกมีเปรต มีอสูรกายมีเดรัจฉาน ในกายในเวทนาในจิตในธรรมนี้
ถ้าเราใช้เป็น มันก็เป็นมรรคเป็นผลตรงนี้ได้ ไปทิศทางได้ ถ้าใช้ไม่เป็น ก็หลงอยู่ตรงนี้ กักขังเราอยู่ที่นี่ เป็นภาระอยู่ที่นี่ ทุกข์ทีไรก็ทุกข์ไปทุกที หลงทีไรก็หลงไปทุกที โกรธทีไรก็โกรธไปทุกที พอใจไม่พอใจทีไรก็รับเป็นไปทุกที มันกักไปเช่นนี้หรือ หลงเป็นหลง มันกัก โกรธเป็นโกรธ โลภเป็นโลภ ทุกข์เป็นทุกข์ มันกัก ไปไม่ได้ ถูกกักขัง ผู้ไม่มีพลัง ไม่มีศรัทธา ไม่มีสติ ถูกกักขังรัดรึงไว้ ผู้มีพลัง มีศรัทธา มีสติ ถูกกักขังไม่ได้ กระโดดถึงยอดขอดมงกุฎตรงที่มันรัด อาจจะกระโดดได้ดี แก้ได้ดี แก้ไข ชอบแก้ไข
ในชีวิตของเรา มันเป็นกอบเป็นกำขึ้นมา ทำสำเร็จ บางทีถึงจุดที่มันสำเร็จ ถึงความแยบคาย มันอาจจะยกมือไหว้หน้าอกตัวเองขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง หรือมีคำพูดในใจออกมาสักครั้งหนึ่ง ต่อไปนี้ จะไม่เอากายเอาใจมาเป็นสุขเป็นทุกข์อีกต่อไป ต่อไปนี้ จะมีกี่ชาติกี่ภพจะไม่เอากายเอาจิตมาเป็นสุขเป็นทุกข์อีกต่อไป เป็นคำในใจลึกๆ สักครั้งหนึ่ง ก็จะดีนะ เป็นรอยไว้ เป็นความยิ่งใหญ่ เป็นความยิ่งใหญ่ มีอำนาจ ถ้าได้สัมผัส ถ้าได้รำพึงในใจ ไม่ใช่รำพึงนะ จะพูดภาษาไหนเนี่ย เป็นอำนาจก็ว่าได้ ยิ่งใหญ่ เป็นภาวะที่ยิ่งใหญ่ คือไม่เป็นสุขเป็นทุกข์กับกายกับใจ ยิ่งใหญ่กว่าทุกอย่าง
ชีวิตเรายิ่งใหญ่ตรงนี้ ไม่เอากายไปเป็นสุข ไม่เอากายไปเป็นทุกข์อีกต่อไป ความยิ่งใหญ่ที่สุดเหนือโลกก็ว่าได้ อยู่เหนือโลกก็ว่าได้ แล้วเราก็ทำได้ ทำมั้ยจะทำไม่ได้ มันเรื่องอยู่ในกำมือเราแท้ๆ ไม่สละสิทธิ์แน่นอนแล้ว จริงๆ ถ้าได้พูดคำนี้ออกมาแล้ว ในใจออกมาแล้ว มันจะมีเมื่อไหร่ จะได้เป็นศิลปะขึ้นมาสักที มันเจ็บ มีศิลปะ มันตายก็มีศิลปะในเรื่องกายเรื่องใจนี่แหละ เพราะได้พูดไปแล้ว ได้ประกาศไปแล้ว ไม่มี คำว่าจะไม่เอากายเอาใจมาเป็นสุขเป็นทุกข์เนี่ย ได้ประกาศไปแล้ว มันไม่มีอย่างอื่นอีกหรอกชีวิตเราเนี่ย มีเท่านี้ มีกายมีใจอยู่ในกำมือ อยู่ในอำนาจของชีวิต
ชีวิตคือมีอย่างนี้ ชีวิตไม่ใช่หายใจเข้าหายใจออกเป็นชีวิต นั่นก็ถูก แต่ชีวิตที่หายใจเข้าหายใจออกเพื่อการนี้ เพื่อใช้การนี้ ให้เกิดประโยชน์ต่อทุกอย่างในโลก ไม่ให้เป็นทุกข์เป็นโทษต่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มีลมหายใจเดินได้ใช้ได้ก็คือเรื่องนี้ ไม่ได้มีชีวิตเดินได้หายใจได้กินได้นอนได้เพื่ออย่างอื่น เพื่อการนี้โดยตรง
มีนะ ชีวิตของมนุษย์มีอย่างนี้ พระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้แหละ พระสาวกก็เป็นอย่างนี้แหละ พวกเราทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน ให้มันเห็นกระแสเอาไว้ พอฝึกสติ มันจะเห็นกระแสนะ เห็นกาย เห็นกระแสนะ ได้กระแสนะ เห็นความหลง ได้กระแสแห่งความหลงไม่หลง เห็นความทุกข์ ได้กระแสแห่งความไม่ทุกข์ เห็นความโกรธ ได้กระแสแห่งความไม่โกรธ ทำเป็นด้วย
เราก็ทำอยู่เดี๋ยวนี้ ยกมือเคลื่อนไหว รู้อยู่เดี๋ยวนี้ จะหลุดไปได้ยังไง ที่ตั้งมันอยู่ที่นี่ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่เป็นประจำ มีสติอยู่นี่ มันจะหลุดไปทางอื่น มันจะไปได้หรือ หลายใจหรือ นอกใจหรือ กรรมฐานหลายใจหรือ ไม่ใช่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ในนี้ ถอนความพอใจความไม่พอใจอันที่เกิดกับจิตออกมาได้ ออกจากโลกมาได้เนี่ย มันก็ทำได้อย่างนี้ มันไม่วาง ไม่ใช่หลายใจ เหมือนหญิงหลายใจชายหลายใจ รักคนนี้แล้วก็ไปรักคนโน้น พอใจคนโน้น ทิ้งคนนี้ไป นั่นมันไม่ใช่ เป็นคนอนัตตา เป็นคนที่พึ่งไม่ได้ เขาพึ่งเขาก็พึ่งไม่ได้ แล้วแต่เขาจะดึงไปทางไหน อารมณ์เป็นใหญ่
เรามาเห็นธรรม รวมทั้งหมด ธรรมคือทั้งหลายๆ เป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นความดี เป็นความชั่ว ส่วนเวทนาในเวทนาทั้งหลาย มันก็คือรสชาติของความสุขความทุกข์ ความอะไรต่างๆ ทั้งหลายนั่นคือเห็น ถอนออกมาได้แล้ว ทำไมเราจะทำไม่ได้เรื่องนี้ ลักษณะที่เห็น ไม่เป็น มันต่างกันคนละโลกเลยนะ อันหนึ่งมันอยู่ในโลก อันหนึ่งมันเหนือโลกพ้นโลกน่ะ จะว่ายังไง จะได้ไม่เสียเวลาวันหนึ่งนาทีหนึ่ง เพื่อการนี้เถิดพวกเรา
นี่พรรษาก็นิดเดียว ทำอะไรก็ยังไม่เสร็จเลย ชีวิตมันน้อยนิดจริงๆ ถ้าจะพูดถึงสิ่งแวดล้อมเรานี้ เพียงแต่หายใจไม่ได้ เพียงนาทีสองนาทีก็หมดแล้วชีวิตนี้ อย่าใช้ให้มันผิด ให้มันมีค่าสักหน่อย เราใช้ชีวิตร่วมกันก็ให้เป็นการนี้ ทำอะไรก็เพื่อเรื่องนี้ ความสะดวกที่อยู่ร่วมกันก็เพื่อเรื่องนี้ ไม่ได้เพื่ออันอื่น ผู้ปรุงอาหารก็เพื่อเรื่องนี้ ผู้ปฏิบัติก็เพื่อการนี้ ไม่ใช่ปรุงอาหารเอาความดีความไม่ดี เอาความอะไรต่างๆ ไม่ใช่ เพื่อเรื่องนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมเดินจงกรม สร้างจังหวะก็เพื่อเรื่องนี้ อยู่ที่ไหนก็เพื่อการนี้ เราก็เลยเป็นคนๆ เดียวกัน มีวิญญาณแบบเดียวกัน ตรงกัน เห็นหน้ากันก็ตรงกัน มีสติ
เวลามันหลงก็ช่วยกันไม่ได้ เราต้องช่วยตัวเอง ต่างคนต่างช่วยตัวเอง อย่างนี้นะ ให้มันเรียบซะ รอยอะไรที่มันมีในชีวิตเรา ให้มันเรียบซะ รอยหลง รอยโกรธ รอยทุกข์ รอยสุข เรียบลงซะ จะได้ใช้ชีวิตสะดวกๆ ราบรื่น เป็นมิตรภาพ เป็นศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยต่อจากโคตโมนี้ไป เอาธรรมคำสอนของพระโคตโมนี้ ต่อถึงพระศรีอริยเมตไตรย จบแล้วบัดนี้ อย่าทำให้มันหมดโอกาส มันแก่มันเฒ่าหมดไปเป็นกาลเวลามันกลืนกินชีวิตเราไป
เดี๋ยวนี้ นักวิทยาศาสตร์ทำนายโลกจะสลายอีกไม่นาน เดี๋ยวนี้ก็สลายลงแล้วหลายๆ อย่างแล้ว อันนี้โลกภายนอก โลกภายในของเรานี้ ในกายในใจเรานี้ มันมีอะไรที่มันพอใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ให้รู้จักมันซะ เลือกได้ซะ เลือกเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษ ทิ้งไป เอาทิ้งไป อย่าให้เป็นน้ำเน่า ความหลง หลงแล้วหลงอีก มันน่าจะวิราคะ เบื่อหน่าย ถ้ามันมีสติ มันเบื่อหน่ายจางคลาย ถ้าไม่มีสติก็ถือว่าเราซะ เมื่อเรามีสติ มันต่างกันกับความหลงความสุขความทุกข์ ก็วิราคะ เห็นมันทีไร ก็วิราคะ เป็นวิชากรรมฐาน
น่าเกลียดเป็นอสุภกรรมฐาน อารมณ์ที่มันเกิดขึ้นกับใจเรานี้เป็นอสุภกรรมฐาน ไม่ใช่ไปมองซากศพ น่าเกลียดที่สุดคือความคิดที่มันหลงไป ไม่ได้ตั้งใจ น่าเกลียดมาก สกปรก ไม่ต้องไปพูดไปทำ ถ้ารู้จักมัน สกปรก อสุภะตัวนี้ก็ เรื่องการพูดการทำนั่นเป็นมือที่สอง คดีหรือโทษอันดับหนึ่ง จำเลยอันดับหนึ่งคือความหลง จำเลยอันดับหนึ่งคือความหลงความคิด ความสุขความทุกข์เป็นจำเลยที่สอง มันจึงเห็นตัวนี้ชัดเจนที่สุดเลย คิดที่ไม่ตั้งใจ เปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้เยอะแยะเลย เลื่อนฐานะได้เยอะแยะ เห็นความคิดเนี่ย เลื่อนชั้นชีวิตได้มากมาย เห็นความคิดที่มันไม่ได้ตั้งใจเนี่ย ตื่นมากตรงนี้ ถ้ามีสติ
ถ้าไม่มีสติก็ไม่ค่อยเห็นนะ หยาบตรงนี้ ด้านตรงนี้ได้ถ้าไม่มีสตินะ ถ้ามีสติแล้ว โอ๊ย รสชาติตรงนี้นะ มันได้รสได้บทเรียน ผิดเป็นครูตรงนี้ รู้เป็นตรี ชั่วดีเป็นตราตรงนี้ จะลบเลือนมันก็ลบตรงนี้ ทันตรงนี้ มีสติตรงนี้ ชำนาญตรงนี้ เป็นปริญญาตรงนี้ อย่างอริยสัจสี่ว่า ญาตปริญญา จักขุง อุทะปาทิ แล้วก็ ปหาตัพพันติ จักขุง อุทะปาทิ โอ๊ย จำไม่ได้ หนึ่งรู้ สองละ สามทำให้หมดไป เรียกว่าปริญญา ญาตปริญญา ตีรณปริญญา ตันติ เม ภิกขะเว ตันติแปลว่า แจกแจง ญาตปริญญา ตีรณปริญญา ปหานปริญญา หมดไปๆ สัมผัสแล้วหมดไปนี้เรียกว่า มันสนุกนะ ตรงนี้มันสนุกมากๆ เลย
การใช้ชีวิตนี่ อาจจะหัวเราะตรงนี้ เวลามันมีอะไรเกิดขึ้น มันสุข มันทุกข์ หัวเราะ แยบคายตรงนี้ แต่ก่อนโกรธหน้าเศร้า ทุกข์หน้าเศร้า เดี๋ยวนี้ ถ้าทำไปๆ แล้ว มันมีหัวเราะเยาะเย้ยได้นะ เหมือนช้าง หมาเห่าช้าง มันจะเฉย มันจะองอาจตรงนี้ มันทำอะไรเราไม่ได้ เหมือนตัวนิ่มเวลามันเลื้อยไป หมาวิ่งไปกัดมัน มันก็หดเข้า หมาก็หมดปัญญา เต่ามีอวัยวะ พอหมาวิ่งใส่ ก็หดอวัยวะเข้ากระดองของมัน
นักกรรมฐานก็มีกระดองแบบนี้ ใช้ได้ตลอดภพตลอดชาติ มันเจ็บ เห็นมันเจ็บ มันแก่ เห็นมันแก่ มันตาย เห็นมันตาย เป็นศิลปะเรื่องนี้กัน อย่างสวนโมกข์ว่าตายก่อนตาย ปริญญาของสวนโมกข์ เราก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันก็ได้นะ ปริญญาที่สวนโมกข์คือตายก่อนตาย เห็นแล้ว มันหมดแล้ว หมดคือมันไม่มีอีกแล้ว ชาติแบบความหลงความโกรธความทุกข์ไม่มีอีกแล้ว มันจบไปแล้ว สิ้นภพสิ้นชาติตรงนี้แล้ว นี่กรรมฐานเป็นอย่างนี้ จึงยกให้เป็นวิชาเอก ทางอันเอก ถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน
สมควรแก่เวลา กราบพระพร้อมกัน