แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรม ตั้งใจฟัง จะบอก ความเท็จความจริง บอกให้ทำ ไม่ใช่ให้เอาไปจำไว้ ถ้าจำไว้ไม่ค่อยมีประโยชน์ ถ้าไปทำ.. การสอนให้ทำนี่มันจึงเป็น สอนให้รู้ทำไม่เป็นก็มี โดยเฉพาะเรื่องของกายของใจเรานี้ มันมีปัญหา ถ้าเราศึกษาก็ได้ปัญญา
เรื่องธรรมะ คือเรื่องของกายของใจ กายใจเป็นตำรา เรียนให้จบ ตั้งแต่หนุ่ม ๆ น้อย ๆ จะได้ใช้กายใช้ใจให้สำเร็จประโยชน์ ถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตเรา
จุดหมายปลายทาง คือ ความหมาย ความยากความง่ายมีค่าอะไรสำหรับเรา ปลายทางคืออะไร ต้นทางคืออะไร เราก้าวไปแบบไหน จากกายจากใจ มันมีเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด เบื้องต้นที่จะก้าวไป ไปทางไหน ออกไปทางใด ดังที่เราได้ยินได้ฟังมามาก “เนกขัมมะ” อุบายออก ออกบวช ถือบวชเป็นอุบาย
บวชคือ เว้นความชั่ว ไปสู่ความดี ความชั่วคืออะไร ความชั่วคือมันหลง เป็นอกุศล ดังที่เราได้สาธยายพระสูตร เพื่อละอกุศล เพื่อป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น ทำยังไง
ละอกุศล คือทำอย่างไร อกุศลคือ มันหลง มันทุกข์ มันโกรธ มันโลภ มันพอใจ มันไม่พอใจ เป็นอกุศล อกุศลมันตั้งต้นตรงนี้ มันก็ไปไกล
เพื่อป้องกันอกุศลที่ยังไม่เกิด ทำไง คือมีสติ ให้เป็นเจ้าของ เป็นฐาน เป็นที่ตั้งไว้ก่อน ถ้าจะเป็นกายเป็นใจ เราก็มีสติเป็นเจ้าของ ดูแลให้มันคุ้ม อย่าปล่อยให้มันพอใจ ไม่พอใจ เป็นสุข เป็นทุกข์ เป็นหลง เป็นโกรธ เป็นอะไรไป ทักท้วงมัน มันหลง..เป็นต้นทาง เห็นความหลง..เป็นท่ามกลาง พ้นจากความหลง..เป็นที่สุด คือจุดหมายปลายทาง มันเป็นอย่างนี้
อย่างพระสิทธัตถะมองชีวิต เห็นความเกิดก็ต้องมีความไม่เกิดเป็นปลายทาง เห็นความแก่ก็ต้องมีความไม่แก่เป็นปลายทาง เห็นความเจ็บก็มีความไม่เจ็บเป็นจุดหมายปลายทาง เห็นความตายก็มีความไม่ตายเป็นจุดหมายปลายทาง นี่เป็นที่หมาย ไม่ใช่จะให้ความแก่เป็นความแก่ ให้ความเจ็บเป็นความเจ็บ ให้ความตายเป็นความตาย เจ็บเพราะความเจ็บ ตายเพราะความตาย ไม่มีค่าอะไร เช่น หลง หลงเป็นหลง ไม่ได้ค่า แทนที่กระโจนไปจากนี้ ถลาไปจากนี้ เหมือนเรากระโจนข้ามคลองข้ามคูก็ว่าได้ มันกระโจนได้ตรงนี้ ถ้าจะดูแลกายใจ ความหลงแท้ ๆ ทำให้ไม่หลง
อยากจะบอกอย่างนี้ ความหลงไม่จริง ความไม่หลงมันจริง อย่างนี้ จะร้องเวลาใด จะพูดที่ไหนก็จะขอพูดอย่างนี้ เหมือนกาอยู่ที่ไหนก็ขอร้องเป็นเสียงกา แม้จะแก่จะเฒ่าก็ยังร้องเป็นเสียงกา ว่าหลงไม่ถูกต้อง ไม่หลงถูกต้อง หลงไม่เป็นธรรม ไม่หลงเป็นธรรม ความโกรธไม่เป็นธรรม ความไม่โกรธเป็นธรรม ความทุกข์ไม่เป็นธรรม ความไม่ทุกข์เป็นธรรม ความเกิดไม่เป็นธรรม ความไม่เกิดเป็นธรรม ความแก่ความตายความเจ็บไม่เป็นธรรม เหนือการเกิดแก่เจ็บตายจึงจะเป็นธรรม เพื่ออันนี้ชีวิตเรา เพื่อการนี้โดยตรง ได้ชีวิตแบบนี้จากรูปจากนาม เพราะมันมีความไม่เที่ยงอยู่ที่รูป ความไม่ใช่ตัวตนอยู่ที่นาม อยู่ที่รูปที่นามนี้ ความเป็นทุกข์อยู่ที่รูปที่นามนี้
เราจึงเอาอันนี้เป็นเกณฑ์ชี้วัดในการใช้ชีวิต ถ้าเราจะทุกข์เป็นทุกข์ ไม่ใช่ชีวิต ชีวิตมันต้องทุกข์ไม่เป็นทุกข์ จึงจะเป็นชีวิต โกรธไม่เป็นความโกรธ เห็นมันโกรธไม่เป็นผู้โกรธ จึงจะได้ชีวิต ชีวิตมันเกิดจากตรงนี้ ไม่ใช่ชีวิตคือได้มาจากสังขารร่างกาย..ไม่ใช่ สังขาร ร่างกาย จิตใจ รูปธรรมนามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไปมีแล้วหายไป อย่ามาอาศัยมัน ใช้มันให้สำเร็จประโยชน์
ชีวิตคือ ร่างกาย รูปธรรม นามธรรม เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป หน้าที่มันเป็นอย่างนี้ อันรูปนามนี่ มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ทนยาก รูปนามนี้ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา อย่าเอาทุกข์มาเป็นตัวตน ให้เห็นมันทุกข์ พ้นจากทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์นั่นแหละ นั่นแหละคือชีวิต ก่อเกิดอยู่ตรงนี้ กำเนิดอยู่ที่นี่ หน่อโพธิเกิดอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เกิดอยู่ที่ไหน เอามาใช้สำเร็จประโยชน์ ว่าเป็นความทุกข์นั่นแหละคือพระนิพพาน ความทุกข์ไม่ทุกข์นั่นนิพพานไปแล้ว พ้นไปแล้ว ความไม่เที่ยงก็เป็นนิพพาน เคยมีทุกข์เพราะความไม่เที่ยง บัดนี้ความไม่เที่ยงเป็นนิพพานเลย ไม่มีทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์แต่ก่อนก็เป็นทุกข์ บัดนี้ความเป็นทุกข์เป็นนิพพานได้เลย เบื่อหน่ายมาก เบื่อหน่ายต่อความไม่เที่ยง เบื่อหน่ายต่อความเป็นทุกข์ เหมือนของสกปรก นี่เป็นบริสุทธิ์ เป็นพรหมจรรย์ ไม่สกปรก ไม่เปรอะเปื้อน ถ้าหลงเป็นหลง..เปรอะเปื้อนมาก ถ้าโกรธเป็นโกรธก็เปรอะเปื้อน ถ้าทุกข์เป็นทุกข์..เปรอะเปื้อน ถ้าแก่เป็นแก่ ถ้าเจ็บเป็นเจ็บ ถ้าตายเป็นตาย เปรอะเปื้อน นี่คือไม่เปรอะเปื้อนเรื่องนี้ จุดหมายปลายทางของเราคือเรื่องนี้ เรียกว่า “พรหมจรรย์”
พวกเราก็เชื่อฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า พากันมาปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จนถึงที่สุด เรียกว่า “พระสงฆ์” พระสงฆ์คือ ประกอบด้วยธรรมวินัย วิคือวิเศษ นัยยะ-นำไป มันหลงเห็นมันหลง พ้นจากความหลง นี่คือวินัย ธรรมวินัย นำไปสู่จุดหมายปลายทาง ธรรมวินัยนี้เป็นองค์ศาสดา ยังมีอยู่ว่าเวลามันหลง เห็นมันหลงไม่เป็นผู้หลง นี่แหละคือศาสดา เราสัมผัสได้ ในชีวิตของเรานี้ ตราบใดที่มีธรรมวินัยแบบนี้ ก็มีศาสนา มีมรรคผลนิพพานอยู่ เมื่อเราหลงนั่นแหละ เราทุกข์นั่นแหละ จะเป็นทางอยู่ที่นั่น มีทุกข์มันจึงเห็นทาง เกิดศรัทธาก็มีนะ ความทุกข์ทำให้ชีวิตเราเกิดศรัทธา มีเหมือนกัน
พระอรหันต์บางรูปได้เป็นพระอรหันต์เพราะว่ามีทุกข์ อย่างพระยสกุลบุตรร้องออกไป อิสิปตนมฤคทายวัน “ที่นี่วุ่นวาย ที่นี่ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ” ร้องออกไปตอนเช้า ตอนนั้นพระองค์กำลังจงกรมอยู่ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตามตำราพูดอย่างนั้น พระพุทธเจ้าก็ขานรับว่า “ที่นี่ไม่ทุกข์ ที่นี่ไม่วุ่นวาย มาที่นี่ มาที่นี่” เนี่ย! ทุกข์พาไป ทำให้เกิดศรัทธาหาทางออก ที่ไหนล่ะที่ไม่มีทางออก เพื่อนมิตรอยู่ที่ไหน กัลยาณมิตรที่ใด ก็ไม่จน อย่าไปจนกับมัน อย่าไปจนต่อความทุกข์ ทำตามความทุกข์ ให้ความทุกข์พาทำผิด ให้ความทุกข์พาเป็นทุกข์ สยบอยู่กับมันทำไม ความไม่ทุกข์มันมีอยู่ นี่คือ “ปฏิบัติ”
ปฏิ คือ โต้ตอบทักท้วง ไม่ไป กลับมา กลับมาตั้งไว้ ภาวนา อย่างที่เราสาธยายพระสูตรเมื่อกี้นี้ “จิตตัง ปัคคัณหาติ ปะทะหะติ” จำไม่ได้อ่านตำราเอา มีความเพียร มีภาวนา ภาวนาคือทำยังไง
เพียร คือ กล้า มันหลง..กล้าไม่หลง ตรงนี้เรียกว่า “ความเพียร” ไม่ใช่ค่อย ๆ เดินย่อง ๆ ๆ ๆ ความเพียรคือ แกร่งกล้าถลาไกล กระโจนถึงจุดยอดบางทีนะ นี่คือความเพียร กล้า
ภาวนา-ขยัน ขยันอะไร ขยันรู้ เราขยันรู้หรือขยันหลง ชีวิตที่ผ่านมาเนี่ย ความหลงหรือความรู้มันมากกว่ากันการใช้ชีวิตของเรา ถ้าขยันหลง ก็เสื่อม ขยันรู้ก็เจริญ ขยันหลง..หายนะ เสื่อมลง ขยันรู้..วัฒนะ เจริญขึ้น เลื่อนฐานะได้ ภาวนาคือขยัน กล้า คนมีความเพียร มีศรัทธา ฉันทะ วิริยะ พลัง “ฉันทัง ชะเนติ, วายะมะติ, วิริยัง อาระภะติ” ว่ายังไงหลวงพ่อกรม (หัวเราะ) สาธยายพระสูตรเมื่อกี้นี้ “จิตตัง ปัคคัณหาติ ปะทะหะติ” ...อะไร เนี่ย! พละ
พระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้เรื่องพละแบบนี้ เรียกว่า “โพธิปักขิยธรรม” ศรัทธา พละ สติ สมาธิ ปัญญา เรียกว่าอิทธิบาท 4 สัมมัปปธาน 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 สติปัฏฐาน 4 เป็นโพธิปักขิยธรรม ทำให้การตรัสรู้เกิดขึ้น อยู่ที่ไหนตำราเล่มนี้ อยู่ในตัวเรานี่ ในรูปในนามนี้ ศรัทธาพละ จิตตะพละ วิริยะพละ สติพละ มันก็รวมกันเป็นพลัง เสริม เสริมแรงเข้าไป มีศรัทธาว่ามีจริง มรรคผลนิพพานมีจริง บาปบุญมีจริง มีศรัทธา ถ้ามันเป็นบาป มีศรัทธาต่อบุญ เคารพบุญ ความหลงไม่ต้องเคารพ ไม่ต้องทำตามมัน ศรัทธาต่อความไม่หลง พระพุทธเจ้าเคารพอย่างนี้ เคารพพระธรรม ความหลงไม่เป็นธรรม ความไม่หลงเป็นธรรม พระพุทธเจ้าจึงเคารพพระธรรม ทุกข์ที่ใดไม่มีทุกข์ เรียกว่า “เคารพพระธรรม” ไม่จน ไม่ให้ความทุกข์เป็นความทุกข์ ความหลงเป็นความหลง
ต้องเจอเรื่องนี้ จากก้าวแรกล่ะ ไป ก้าวให้ได้ ถ้าก้าวจากนี้ไปแล้วก็จะต้องไปถึงที่สุดละ เหนือการเกิดแก่เจ็บตายได้ง่าย เห็นเนี่ย มันทำให้ง่ายขึ้น เป็น..ทำให้ยาก มันหลงเห็นมันหลง..ง่ายแล้ว มันโกรธเห็นมันโกรธ..ง่ายแล้ว พ้นง่าย ถ้าหลงเป็นหลง โกรธเป็นโกรธ ทุกข์เป็นทุกข์ พ้นยากนะ เห็นทีไร..รู้สึกระลึกได้ มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในโลกออกเสียได้ โลกคืออะไร โลกคือหลง คือโกรธ คือทุกข์ พอใจไม่พอใจ เอาใจไปรับใช้ความพอใจ เอาใจไปรับใช้ความไม่พอใจ ใช้ผิดประเภท ไม่รู้จักสมมติบัญญัติปรมัตถ์สัจจะ เหมือนกับเราใช้มีดไปฟันดิน มันก็เสียความเป็นมีด ใช้จิตใจไปทำให้มันเสื่อม เปรอะเปื้อนหมดเลย จิตใจเขาเป็นปกติมาแต่เดิม เหมือนผ้าขาวสะอาด แต่เมื่อเรามาใช้ไม่เป็น เปรอะเปื้อนไปหมดเลย เนื้อเก่า ๆ หายหมดเลย แต่มันก็ซักได้นะ ค่อย ๆ ซักไป ใช้ให้เป็น มันจะไม่เสียความเป็นจิต พระพุทธเจ้าบอก จิตบริสุทธิ์ผ่องใสมาแต่เดิม จิตของเรานี้บริสุทธิ์ผ่องใสมาแต่เดิม แต่ใช้ไม่เป็น สิ่งที่มันจรมา ทำให้เศร้าหมอง ความหลงมาทีหลัง ความโกรธมาทีหลัง ความทุกข์มาทีหลัง ถ้าหลงเป็นหลงใช้ไม่เป็นแล้ว ไปใช้ผ้าให้เปรอะเปื้อนแล้ว
“ปะภัสสะระมิทัง จิตตัง ภิกขะเว ตัญจะโข อาคันตุเกหิ อุปกิลิฏฐัง” ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าจิตของเรานี้ประภัสสรผ่องใสอยู่แต่เดิม แต่อุปกิเลสมันจรมา ทำให้เศร้าหมอง เหมือนอาคันตุกะ เหมือนศาลาหลังนี้ จิตเหมือนศาลาหลังนี้ อะไรมาพัก ศาลาหลังนี้มันก็ไม่ว่า ศาลาไม่ว่าอะไร แต่สิ่งที่มาพัก มันทำอะไรให้ศาลา ถ้าพวกเรามาอยู่ พระสงฆ์ ญาติโยม อุบาสก อุบาสิกามาอยู่ ศาลาหลังนี้ก็สะอาดเรียบร้อย ใช้ได้ พร้อมจะนั่ง สะดวก ใช้ได้ ถ้าหมู หมา งู โจรผู้ร้ายมา เสียหายหมด อยู่นี่ก็มีของเสียบ่อย ๆ เครื่องกระจาย เครื่องขยาย เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ก็ยังเสีย จนทำเป็น โต๊ะหมู่บูชา พระประธาน อาจารย์ตุ้มต้องทำเป็นลูกกรง อ็อกซ์เหล็ก ค่อย ๆ อยู่มา ๆ นี่ก็อยู่ได้เท่าไหร่ของอาจารย์ตุ้มเนี่ย เดี๋ยวก็เสียอีกล่ะ มันมี แม้แต่เราก็มี ความชั่ว ความดี คนดีคนชั่วมีทั่วไป วิธีป้องกันคนชั่ว ภาษาทางโลกก็มีตัวบทกฎหมาย จับติดคุกติดตาราง ลงโทษ ตามโทษานุโทษ นั่นก็เป็นอันนึง
บัดนี้ในหลักธรรมนี่ แม้เราจะฆ่าคนชั่วให้ตาย มันก็ไม่ถูก ความชั่วความทุกข์ที่คนทำผิดพลาดมันเกิดที่ความหลงนี่เอง ต้นเหตุมัน มันจึงทำชั่ว พูดชั่ว คิดชั่ว มันได้หลัก มันได้เกณฑ์ชี้วัดแบบนี้จริง ๆ นะ หลักพระธรรมเนี่ย เอาละ ถ้ามันหลงเนี่ยก็จะต้องรู้มัน โกรธก็ต้องรู้มัน ทุกข์ก็ต้องรู้มัน มันต้องเป็นจุดนี้แน่นอน เปลี่ยนอกุศลเป็นกุศลได้ ด้วยฝีมือ ด้วยการกระทำของเราจริง ๆ มันทำได้จริง ๆ น่ะ ไม่ต้องไปฆ่ากัน คนไหนชั่ว ให้ใส่ใจ ให้คิดช่วยคนชั่ว ให้เป็นคนดี ช่วยเราลองดูซิ มันมีฝีมือตรงนี้จริง ๆนะ
มันหลง..เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง อุ้ย! มันเป็นสัมมาทิฐิ เป็นการกระทำที่ชอบ-สัมมากัมมันโต เป็นการเลี้ยงชีวิตชอบ-สัมมาอาชีโว เป็นการพูดชอบ-สัมมาวาจา เป็นการตั้งสติชอบ-สัมมาสติ เป็นการตั้งใจชอบ-สัมมาสมาธิ จบ.. มันมีตรงนี้แน่นอน เปลี่ยนอกุศลเป็นกุศลได้ นี่มันจะปฏิบัติได้ ให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล หลงเวลาใดรู้เวลานั้น นี่งานของเรา ลองใส่ใจดู รีบด่วนสักหน่อย ลองดู ไม่นานนะ มันก็มีเรื่องเดียว มีหลงตัวนี้ มีรู้ คู่กันไป ให้มันหลงสัก ๒ รอบ ๓ รอบมันจะอ่อนแรงลง ถ้าหลงเป็นรู้นะ เหมือนชักสะพาน เหมือนไม่ให้อาหารมัน มันก็เหือดแห้งได้ บางทีเมื่อมันเหือดแห้ง ก็อาจจะโดดไปหลายอย่าง บางทีมันแห้งติดปลายไปเลย เหมือนบักเขียบหลอด(น้อยหน่า) รู้จักบักเขียบหลอดบ่ หลวงพ่อกรม (หัวเราะ) แห้งติดตัวไปเลย ติดต้นไปเลย ไม่มีประโยชน์เลย บางต้นก็ไม่ได้สูญเสียอะไรพลังงานไม่สูญเสีย เป็นความสมดุลของชีวิต ครบวงจรไปเลย นะ ดี๊ดีนะ เริ่มต้นตรงนี้ หลงทีไร..รู้ มันทุกข์ทีไร..รู้ โกรธทีไร..รู้ ไปได้เลย กุศล ...
เมื่อไม่หลง กุศลอื่นที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็เจริญมากขึ้น จนเป็นมรรคเป็นผล กุศลนะ อกุศล เมื่ออกุศลเกิดขึ้นแล้ว อกุศลอื่นที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้นอีก ที่เกิดขึ้นก็เจริญมากขึ้น จนไปสู่อบาย ทำดีได้ยากทำชั่วได้ง่าย เรียกว่าอบาย เป็นชีวิตไม่เจริญ นี่คือกุศลอกุศล เราเห็นจริง ๆ เรื่องนี้ เหมือนเราเห็นงู เพราะเห็นงูนี่แหละ มีตา ตามี จึงเห็นงู ตาดู เห็นบ่อย ๆ ก็คม ดูออกงูพิษมีลักษณะอย่างไร ต้นไม้ที่เรารู้เรื่องสมุนไพร เราดูออก ต้นนี้ต้นอะไร มีคุณประโยชน์อย่างไร ดูออก ถ้าหัดดู หัดเห็นนะ อย่างเราสอนคนให้ดู ต้นสมุนไพร นี่คือวัวเถลิง นี่คือโคคลาน นี่คือพญารากดำ แต่คนที่ดูใหม่ ๆ มันเหมือนกันหมด ผมก็ดู มันเหมือนกันหมด ใบนี้ก็เหมือนกันหมด ใบนี้ก็เหมือนกัน ไม่ใช่เหมือนกัน มันมีลักษณะปลอบโยน การศึกษาที่มีดวงตาภายใน มันคมนะ ถ้าเป็นความหลงนิดหน่อย เป็นไปไม่ได้จะให้มันเป็นสิ่งเปรอะเปื้อน ถ้ามีความทุกข์นิดหน่อยเป็นไปได้ มันเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เป็นไปเพื่อความสงบ เป็นไปเพื่อหมดจริง ๆ ปฏิบัติธรรม มันเป็นกอบเป็นกำ จริง ๆ เป็นปัจจัตตังจริง ๆ นะ
เวลานี้ เรามีสติ กำหนดกาย คู้แขนเข้า..รู้สึก ก็รู้เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้ เหยียดแขนออก..รู้สึก วินาทีนี้ ไม่ต้องรอแม้แต่เสี้ยววินาที ทำอันอื่นยังรอนะ ปลูกข้าวก็เสี่ยงแล้วปีนี้ เสียหายน้ำท่วม ชาวนาเศร้าหมองมาก แล้วเราก็เสียหาย เพราะอะไร มันมีเสี่ยง ทำอันอื่น แต่ว่าการปฏิบัติธรรมไม่เสี่ยงอะไรเลย ทันที ถึงอกถึงใจ เป็นมนุษย์สมบัติของเราจริง ๆ เป็นสวรรค์สมบัติ เป็นนิพพานสมบัติของเราจริง ๆ ... ถ้าหากว่ามีรูป มีนาม มีความหลง มีความรู้ นั่นแหละหน่อโพธิ อย่าไปมีปมด้อยเด็ดขาด อย่าว่าเป็นหญิง เป็นชาย เป็นคนหนุ่ม คนแก่ เพศวัย ลัทธิ นิกาย ไม่เกี่ยวเลย ความหลงก็เหมือนกันหมด ความไม่หลงเหมือนกันหมด สิทธิ 100% เรื่องนี้นะ ให้ขอพูดเรื่องนี้เถอะ อีกไม่นานคงไม่มีเสียงพูดเรื่องนี้แล้ว เมื่อนั้นยังไม่อิ่มเลยเนี่ย ไม่รู้จะแก่หรอกเรื่องนี้ เรื่องรู้สึกตัว..แก่ไม่เป็น ความไม่เป็นอะไร..แก่ไม่เป็น แต่ความเป็นอะไร..แก่เจ็บตายจริง ๆ เราโกรธเท่าไหร่ เราทุกข์เท่าไหร่ เราหลงเท่าไหร่ เราพอใจ เราไม่พอใจ มันตายไปเท่าไหร่ กี่ภพกี่ชาติแล้ว ตายในความหลง เกิดในความหลง ...แล้วเราเสียหายขนาดไหน ตายในความทุกข์เกิดในความทุกข์ มันเป็นโทษเป็นทุกข์อย่างไร เราจะต้องไม่รับใช้มัน เราไม่ยอมที่จะเกิดแก่เจ็บตายไปกับความหลง ความโกรธ ความรัก ความชัง เราจะเป็นมาตรฐาน มิตรภาพ ชีวิตของเรา เรียบไปทีเดียวล่ะ ไม่มีคลื่น ชีวิตที่ไม่มีคลื่น มันหลง..เห็นมันหลง ไม่หลง เรียบ ๆ มันโกรธเห็นเป็นโกรธไม่เป็นผู้โกรธ เรียบที่สุดเลย นะ ถ้าเรียบอย่างนี้นะ ทุกคนมาเรียบอย่างนี้นะ มันก็ศาสนาพระศรีอริยเมตไตรยเกิดขึ้นมา เราจะได้พบ จะเป็นคนคนเดียวทั้งแผ่นดิน ทั้งโลกเลยทีเดียว
นี่คือหลักของธรรมะ คำสอนของพระศาสดา อยู่ในชีวิตเราเนี่ย ขอเอาคอเป็นประกัน ใช่ไหมหลวงพ่อกรม (หัวเราะ) เอาคอเป็นประกันนะ ขอพูดอยู่นี้ เมื่อวานก็ คนจีนก็มาทอดกฐินที่วัดภูเขาทอง ถือจดหมายมาจากประเทศจีน ว่าเวลานี้ชมรมผู้ปฏิบัติธรรมประเทศจีน ได้นำวิธีปฏิบัติตามแนวหลวงพ่อเทียน ได้ประโยชน์มาก จึงขอให้ไปสอนอีกในเดือนมกราคม หลวงพ่อจะไปได้ไหม ก็ขอลาเขา สองสามรอบแล้ว ก็เลยถามเขาว่า นี่ก็แค่นี้แหละจะไปได้ไหม (หัวเราะ) จะไปได้ไหม แต่ว่ามีอาจารย์เหมาะที่จะไปสายต่างประเทศ คืออาจารย์โน้สเนี่ย อาจารย์โน้สไปแล้วเป็นยังไง เขาก็ยกโป้เลย(หัวเราะ) ดี นั่นแหละ ถ้าพอให้หลวงตาลาพักผ่อนสักหน่อยก็ดีนะ อาจารย์โน้สถ้าเห็นว่าใช้ได้ ก็นั่นแหละ ใช้ได้ไหมอาจารย์โน้ส สามเที่ยวแล้วที่หลวงพ่อไม่ได้ไปด้วย เขาก็ยกโป้ว่า เออ! ใช้ได้ และเนี่ย ยังมีพระอยู่ที่นี่ก็หลายรูปนะ เหมาะที่จะต้องไปสายต่างประเทศได้
ดังนั้นจึง..นะ ขอท้าทายเรื่องนี้ มันนานเหลือเกิน มาพิสูจน์ลองดู ขอเป็นมิตรเป็นเพื่อน แล้วก็มีมิตร มีสหาย หลายชีวิตอยู่นี่ ตลอดถึงแม่ชี ญาติโยมภายในวัด ญาติโยมทุกคน หลวงตาก็มีส่วนร่วมในการนี้ 100% ถ้าใครหลง..อยากจะบอกตะโกนใส่หู ไม่หลงก็มีนะ ถ้าใครทุกข์..ไม่ทุกข์ก็มีนะ นี่! มีปัญหา..ก็มีปัญญานะ จะก้าวไปบัดนี้ล่ะ เริ่มต้นก็..เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลง มันต้องมีแน่นอน เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เห็นไปเรื่อย ๆ เห็นมันหลง..ข้ามได้ง่าย เหมือนเรือเทียบท่า เหมือนทางขึ้นเขา มันลาด ขึ้นมาได้ ก่อนมันจะลาด ก็ต้องเห็น ถ้าเห็น..เรียกว่า..ลาดลงแล้ว ถ้าเป็นแล้ว..ชัน..หน้าผา เหมือนฝั่งทะเล ไม่มีท่า ท่าเทียบเรือไม่มี..ขึ้นฝั่งได้ยาก ถ้าเห็นละ..ขึ้น..ก้าวขึ้น ความไม่เป็น..ง่าย มันทุกข์..เห็นมันทุกข์ ไม่เป็นผู้ทุกข์ มันเกิด..เห็นมันเกิด ไม่เป็นผู้เกิด มันแก่ มันเจ็บ มันตาย..เห็นมันตาย ไม่เป็นผู้ตาย ง่าย ๆ อยากจะยิ้มตรงนั้น เราจะยิ้มตรงนั้น มันสดชื่นที่สุด เพราะตัวเองเคยตายมาแล้ว เตือนมาแล้ว มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันพ้นได้แน่นอน ในศาสนาพระธรรมวินัยนี้ นำมาปฏิบัติในชีวิตเรานี้ อย่าให้พลาด อย่าไปใช้อย่างอื่นให้มากเกินไป เอาอันนี้ไว้ก่อน แล้วไปซิบัดนี้ เหมาะแก่การงานทุกอย่าง ไปช่วยกัน แจกของส่องตะเกียงเลี้ยงคนทั้งโลก ให้มีแต่การช่วยกัน ยิ่งพวกเราเป็นสังคม เป็นผัวเป็นเมีย มีลูกมีหลาน มีครอบครัว ยิ่งดีใหญ่ จะได้แจกของส่องตะเกียงให้กันได้เห็นทิศเห็นทางช่วยกัน เป็นงานบุญแท้ ๆ สอนคนทุกข์..ไม่ทุกข์เนี่ย เป็นกุศลแท้ ๆ สอนคนหลง..ไม่หลงเนี่ย เป็นกุศลเป็นความเฉลียวฉลาด ให้ถือว่าเป็นหน้าที่ของเราทุกท่าน ในสภาพเช่นนี้ ไม่มีคำว่าหนุ่มว่าสาว เหมือนกันหมด ความหลง คนแก่หลงก็เหมือนกัน คนหนุ่มหลงก็เหมือนกัน โกรธเหมือนกัน ไม่โกรธก็เหมือนกันหมด อย่าเอาความแก่ ความอะไรมาอ้างกัน ก็สมควรแก่เวลา ต่อไปพวกเรากราบพระพร้อมกัน