แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรม มีผู้บอก มีผู้สอน มีผู้แนะนำ มีผู้ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว มีผู้บอกผู้สอนให้ตั้งในความดี มีกัลยาณมิตรบอกทางสวรรค์ให้ เรียกว่า ปฏิรูปเทส ประเทศอันสมควร ประเทศที่น่าอยู่ เราก็มาดูชีวิตของเราหลายๆ ด้าน สิ่งแวดล้อมตัวเรา มีแต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากหลายๆ อย่าง อาหารการกิน เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อะไรต่างๆ ที่มันเกี่ยวข้องกับชีวิตเรา เป็นส่วนร่วมกับชีวิตของเราที่เราได้อาศัย ไม่ใช่เฉพาะกัลยาณมิตรเท่านั้น หลายอย่าง แม้แต่มดแมลงก็ยังช่วยเรา ค้างคาวหากินแมลงที่เป็นผีเสื้อทำให้เกิดศัตรูพืช ตุ๊กแกหากินแมลงที่มันทำให้เกิดศัตรูพืช ช่วยเราอยู่ ต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเราก็ช่วยเราอยู่ แม้แต่แผ่นดินที่เราอาศัยก็ช่วยเราอยู่ หลายอย่างที่ช่วยเรา เราก็ไม่ควรประมาท
แต่บางอย่างก็มีโทษต่อเรา ที่เราไปเกี่ยวข้องไม่ถูกต้อง ก็มีอยู่ หลายอย่างที่ทำให้เราได้พลาดโอกาสไม่ได้อาศัยก็มีอยู่ เช่น พวกสัตว์บางประเภทก็ไปกินสัตว์ที่มันช่วยเรา ก็มีอยู่ เราก็พลาดโอกาสที่ได้ช่วยกัน แต่ก่อนฤดูนี้ เสียงงอด เสียงสัตว์ในน้ำร้อง ฤดูหนาวระงมไปทั้งป่า เดี๋ยวนี้ก็งูกินหมด จิ้งหรีดอยู่ในรู ตะขาบกินหมด มันก็บางอย่างก็ จิ้งหรีดมันคุ้ยเขี่ยในดินเพื่อให้ดินมันร่วนซุย น้ำตกลงได้ซับซึมลงไปที่มันสร้างรูลึกลงไป ก็ตะขาบไปกิน แล้วก็ไม่มีสัตว์ที่ไปพรวนดิน ให้ดินมันมีออกซิเจนลงไปในดิน รากไม้ที่มันเคยหยั่งรากลงไปในดิน มันไปตายในดินมันเป็นปุ๋ย ทำให้ดินมันร่วนซุยขึ้นมา บางอย่างก็ตายไป ใบหญ้ารากหญ้าที่มันเป็นประโยชน์ต่อดิน บางทีเราก็ใช้กับสิ่งเหล่านี้ไม่เป็น ใช้กรัมม็อกโซน ใช้สปาร์ค ไปฉีดให้มันตาย ถ้าต้นไม้อะไรต่างๆ ที่อยู่รอบข้าง สัตว์สาราสิ่งตายหมด ต้นไม้ต้นสุดท้ายล้มลง หญ้าเส้นสุดท้ายแห้งลง เราจะอยู่ยังไง เราก็ต้องลำบากแน่นอน
หลวงตาเคยไปเห็นออรังกาบัด (Aurangabad) ประเทศอินเดีย คนอยู่ไม่ได้ มันเป็นพายุฝุ่น พายุฝุ่นที่มันเกิดขึ้นแล้วมันหยุดไม่เป็น ไม่มีอากาศหายใจ มีแต่ฝุ่น มันหมุนอยู่เช่นนั้น ไม่มีอะไรต่อต้านมันได้นอกจากป่าไม้ภูเขา คนอยู่ไม่ได้ก็ร่อนเร่ลงไปอยู่แถบลุ่มน้ำ แม่น้ำต่างๆ หาเอาดินเอาอะไรมาสร้างที่อยู่เป็นกระต๊อบกระแต๊บเหมือนสัตว์ เหมือนนก เหมือนหนู มีอูฐที่เขาปล่อยทิ้ง เดินสะงกสะเง็กอยู่รอวันตาย เซซัดเซโซอยู่ตามพื้นที่ นี่ถ้ามันเป็นอย่างนั้น แล้วเราจะทำยังไง
เราได้อาหารจากป่าจากธรรมชาติ ได้อาหาร ได้ยา ได้เครื่องนุ่งหุ่ม ได้พลังงาน จากป่าจากสิ่งแวดล้อม เราไม่ค่อยเห็น ยังประมาทอยู่ ชีวิตของมนุษย์เนี่ย เรานี่ก็อยู่ด้วยกันแท้ๆ ไปทะเลาะกัน ไปโกรธกัน ยังประมาทอยู่ คิดชอบคนนั้นคิดเกลียดคนนี้ ในเรานี่ก็ยังประมาทในเรา ปล่อยให้ความหลงซึ่งไม่มีประโยชน์เลยกับชีวิตเรา ทิ้งไว้ความหลง ปล่อยให้ความโกรธในชีวิตเรา ทิ้งความโกรธไว้ในกายในใจ ปล่อยให้ความรักความชังอยู่ในกายในใจ ทิ้งไว้ที่นั่น รกรุงรังไปหมดเลย
อะไรที่เราได้ทำกับเรากับสิ่งอื่นวัตถุอื่น ที่มันจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันน่ะ มีบ้างไหม แม้แต่ญาติพี่น้องก็ทะเลาะกัน เราก็ต้องเบียดเบียนตัวเราอยู่เช่นนี้ มันจะมีอะไรที่เราจะมีคุณค่า ที่เราจะต้องน่าภูมิใจเมื่อเราหายใจไม่ได้ครั้งสุดท้าย ได้วางใจอย่างสง่างาม เราได้ทำอะไรบ้างให้มันคุ้มค่า ลองดูซิ เนี่ย ปฏิบัติธรรมมันทั้งหมดนะ ถ้าเราช่วยตัวเองนี่ แล้วเราช่วยคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น จากที่เคยมีอารมณ์โกรธเครียดชิงชัง มีเมตตากรุณาเกิดขึ้น มันจะเกิดอะไรขึ้นมาในรอบข้างเรา ต้องเกิดดีแน่นอน แต่ก่อนเรารักญาติพี่น้องในวงแคบๆ พอเราเกิดเมตตากรุณาขึ้นมา เป็นอัปปมัญญาธรรมกว้างใหญ่ไพศาล เรารักแม้แต่เม็ดดิน เม็ดหิน เม็ดทราย รักทุกอย่างในโลก มันก็จะเกิดอะไรขึ้นมา มีน้ำใจ
เมื่อมีน้ำใจ มันเกิดอะไรขึ้น มีน้ำใส เมื่อมีน้ำใสเกิดอะไรขึ้น หลายอย่างที่มันเกิดขึ้นมา นี่คือปฏิบัติธรรมเนี่ย มันเป็นต้นกำเนิดของการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ครบวงจรหมดเลย ลองมาตั้งต้นตรงนี้กันดูซิ เอาละมันหลง เปลี่ยนหลงเป็นไม่หลงเนี่ย ถูกที่สุด มีไหม มีความทุกข์ เปลี่ยนมัน ไม่เหมือนไปทุกข์เนี่ย ทำอย่างนี้ไปนี่ มันจะเป็นอย่างไร แล้วก็เป็นไปได้นะ
อย่างประเทศอินเดีย ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีใครไปเยี่ยมเยือน เพราะมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้อุบัติขึ้นที่นั่น คนก็เลยไปอินเดีย ประเทศที่สกปรกที่สุด หันหน้าเข้ามาล่ะเหม็นขี้เหม็นเยี่ยว เขาก็ยังไป บางคนเขาพูดว่า ถ้าเห็นแขกกับเห็นงูมา ให้ตีแขกอย่าไปตีงู (หัวเราะ) แขกมันหลอกเก่ง เราก็ยังไปนะ กลายเป็นคนน่ารักไปเลย เรารักพระพุทธเจ้า เราก็เลยรักคนอินเดียทั้งประเทศเลย เหมือนแผ่นดินพ่อเรา เราไปน่ะ ถ้าเรารักชีวิตเรา เราก็รักทุกคนในโลก รักทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่เบียดเบียนตัวเองได้ ก็ไม่เบียดเบียนคนอื่นได้ สงสารตัวเองเป็นก็สงสารคนอื่นเป็น ง่ายๆ ให้อภัยแก่ตัวเองเป็น ก็ให้อภัยแก่คนอื่นได้ง่ายๆ ถ้าเราไม่มีเครื่องรับในชีวิตเรา มันก็เกี่ยวข้องกับคนอื่นสิ่งอื่นไม่ถูกต้อง
เราจึงปฏิบัติธรรมนี่แหละ จะทำยังไงเมื่อไม่มีคนมาวัด นั่งหรอมแหรมอยู่เนี่ยแหละ จะอยู่ที่นี่ได้ไหมเล่า หลวงตาคงไม่อยู่นะ (หัวเราะ) ไม่อยู่นะวัดเนี่ย ถ้าไม่มีใครมาปฏิบัติ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่ใช่มาบวชมาเฝ้าวัดเฝ้าวานะ อย่างน้อยมีคนสองคนที่พูดคุยกัน นี่ก็ยังดีนะ ยังคิดถึงเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ หอสมุดอาจารย์พุทธทาส ยังคิดถึงเพื่อนที่นั่น อุ่นอกอุ่นใจ มีผู้คนทำความดีช่วยกันอยู่ที่นั่น พูดแต่ความดี ถามอยู่ที่นั่น
นี่อันนี้ กลัวว่าวัดสุคะโตจะไม่มีใครมานี่ ทำไง ต้องช่วยกันพวกเรา อะไรที่มันสัมพันธ์ มิตรสัมพันธ์ต่อผู้คน สิ่งต่างๆ สร้างสรรค์ขึ้นมาช่วยกัน คนหนึ่งทำอย่างหนึ่ง คนหนึ่งทำอย่างหนึ่ง ให้มีน้ำใจ คนปรุงอาหารก็มีน้ำใจ คนกวาดบ้านก็มีน้ำใจ คนซ่อมแซมอะไรต่างๆ ดูน้ำดูไฟก็มีน้ำใจ ให้ใบหน้า ให้ที่อยู่อาศัย หน้าเนื้อหน้าใน งาน การงานต่างๆ ขอให้มันเป็นประโยชน์ต่อคน เพื่อผู้อื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น ทำอะไรลงไปไม่ใช่เพื่อตัวเองนะ เพื่อสิ่งอื่น วัตถุอื่น หน้าบ้านคือหน้าท่าน สาดเช้าสาดเย็น แขกไปแขกมา เห็น มีน้ำใจ อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง จิตใจกว้างขวาง โอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตั้งไว้เลยทีเดียว
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ตั้งไว้เป็นวิหาร และธรรมเป็นที่อยู่ของชีวิตเราไว้ก่อน จะไม่มีวันตกต่ำ เมตตาออกหน้า คิดสิ่งใด ทำสิ่งใด พูดสิ่งใด ประกอบด้วยเมตตากรุณา ทั้งต่อหน้าลับหลัง ในหมู่สรรพสิ่งมิตรทั้งหลาย ตั้งไว้ให้แน่วแน่ อย่าไปตั้งว่า ดี-ชั่ว ชอบ-ไม่ชอบ อย่าไปตั้งแบบนั้น คนนั้นเป็นมิตรเรา คนนั้นเป็นศัตรูเรา อย่าไปคิดแบบนั้น คิดแบบนั้นมัน มันไม่มีที่อยู่ เป็นคนที่อาภัพนะ ไม่ใช่ เหมือนกับคนไม่มีทรัพย์ ไม่มีอริยทรัพย์ จนง่าย ถ้ามีเมตตากรุณาไว้เป็นที่อยู่อาศัย เรียกว่ามีอริยทรัพย์ภายใน มักจะมีอันอื่นต่อขึ้นมา ทำดีได้ง่ายทำชั่วได้ยาก เหมือนคนโบราณมีข้าวในยุ้งในฉาง เงินมีทั้งหมด เขาเอาข้าวเป็นทรัพย์ คนโบราณ อันนี้เรามีเมตตากรุณาเป็นทรัพย์ภายใน เราก็จะได้อานิสงส์ นอนหลับไม่ฝันร้าย กินข้าว นอนได้ อายุยืน สัตว์สาราสิ่งก็ไม่เป็นศัตรูคู่อริถ้ามีเมตตากรุณา
สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สร้างยาก ทำได้เลย มันหลง เปลี่ยนหลง ไม่หลง ทำได้เลย มันโกรธ เปลี่ยนโกรธเป็นไม่โกรธ มันทุกข์ เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ ทำได้เลย ทุกกาลทุกเวลา ไม่เลือกที่ไม่เลือกเวลา สนุกดีนะ ทำอย่างนี้มันสนุกดี มีค่า แต่ละวินาทีชีวิตเรา ได้สัมผัสกับความชอบ เมื่ออยู่อย่างนี้บรรลุธรรมได้ง่ายนะ อยู่โดยชอบน่ะ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อพวกเธออยู่โดยชอบ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ คืออยู่แบบนี้แหละ ไม่ต้องไปอะไรต่างๆ ทำชีวิตของเรานี่ให้มันชอบ ให้มีทางผ่าน มีบทเรียน มีบทศึกษา บทสร้างสรรค์ มาร้ายเป็นดีในชีวิตเรานี่ได้ทุกกรณี จะได้มีชีวิตชีวา
ชีวิตชีวามันเป็นอย่างนี้ มันไม่เหือดแห้ง ในความแก่ความเจ็บความตายไม่มีความหมาย ถ้ามีชีวิตแบบนี้นะ ไม่มีความหมาย ความแก่ความเจ็บความตาย ความยากความง่าย ไม่มีความหมายเลยสำหรับเรา ความหมายชีวิตเราคือไม่เป็นอะไรที่จะให้มีทุกข์มีโทษ ถ้ามี ก็มีความไม่เป็นอะไร มีความไม่เป็นอะไรอย่างเดียวนี่เหมือนกับอริยทรัพย์ ใช้ได้ทุกอย่าง นี่คือธรรม มีอยู่จริงๆ หาที่อื่นไม่พบ ต้องหาที่ตัวเรา อันมีกายกว้างศอกยาววาหนาคืบ กายกว้างศอก วัดดูซิ วัดดูหน้าอกได้ศอกหนึ่ง (หัวเราะ) ยาววาหนึ่ง วานี่ก็ยาวแค่วาตัวเอง วาใครวามัน คนสูงก็วายาว คนต่ำก็วาต่ำๆ หนาคืบหนึ่ง มีทั้งหมดอยู่นี่ ปิดนรกก็ที่นี่ เปิดประตูสวรรค์ก็ตรงนี้ ถึงนิพพาน มีนิพพานก็อยู่ที่นี่ ดับทุกข์ก็ที่นี่ พ้นทุกข์ก็ที่นี่ เหตุที่เกิดทุกข์ก็ที่นี่ สิ่งดับทุกข์ก็ที่นี่ พ้นจากทุกข์ก็ที่นี่
ฉะนั้น เป็นมนุษย์สมบัติจริงๆ นะ ถ้าไม่มีรูปมีนาม มันก็ไม่มีอะไรจะเกิดขึ้นได้ ขอบคุณมากๆ คุณพ่อคุณแม่ที่เราเกิดมา ได้ใช้ชีวิตที่มันยากแสนยากที่เกิดมา ให้มันคุ้มค่า เห็นนิ้วมือตัวเองทีใดคิดถึงพ่อถึงแม่ เห็นร่างกายเราทีใดคิดถึงพ่อถึงแม่ ทำดีได้จริงๆ ละความชั่วได้จริงๆ อันรูป-นามเนี่ย เหมือนกับตอบแทนพ่อแม่เสมอ มือห้านี้สิบนิ้วที่ได้มาจากพ่อจากแม่ เอามาทำดีได้สำเร็จ ละความชั่วได้สำเร็จ จะเอารูปเอานามไปทำชั่วไม่ได้ สงสารพ่อสงสารแม่ที่เกิด เลี้ยงเรามาลำบาก มันทำไม่ได้นะ
ขอให้เราได้แยบคายเรื่องนี้ว่า จะทำความดีได้ง่ายๆ มากที่สุดเลย หลายอย่างที่เราทำชั่วไม่ได้ในชีวิตเรานี่ อย่างน้อยก็นิ้วมือห้านิ้วสิบนิ้วเป็นของพ่อของแม่ ที่เราจะมาทำความดีเนี่ย มันทำไม่ได้ความชั่วนี่ คิดก็คิดไม่ได้ ความชั่วที่เป็นทุกข์เป็นโทษเนี่ย จะว่ายังไง ไม่มีใครปฏิเสธได้ในคุณพ่อคุณแม่เรา นอกนั้นก็มีพระพุทธเจ้า มีธรรมะ อันทำให้ทำความดี มีกุศลทำให้เกิดความดี มีอกุศลทำให้เราต้องละ มีอยู่จริงๆ
อกุศลคืออะไรล่ะ กุศลคืออะไร มันก็มีในเรานี่ กุศลคือความรู้สึกตัว เฉลียวฉลาด ออกจากทุกข์ พ้นทุกข์เป็น อกุศลคือความไม่รู้ หลงก็หลงอยู่ตรงนั้น มันมีประโยชน์อะไร สัมผัสดูก็รู้จัก เวลาหลงก็ไม่สะดวกชีวิตเนี่ย เวลารู้ก็สะดวก โล่ง กระจุย ทะลุทะลวงทุกอย่าง โล่ง ว่าง กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีขอบเขต ชีวิตเราไม่สงวน ไม่มีขอบเขตอะไร นี่เราไม่ควรประมาท วันหนึ่งก็จะหมดไป เหมือนทำอะไรไม่ได้เมื่อวานนี้ พรุ่งนี้ก็ทำไม่ได้ แม้มันมีอยู่ เมื่อวานก็มีอยู่ พรุ่งนี้ก็มีอยู่ แต่มันทำไม่ได้ มันทำได้คือเดี๋ยวนี้นี่เอง จะเนิ่นนานช้าไปทำไม แล้วความรู้นี่ก็ ทุกวินาทีก็ยังรู้ได้
ถ้ามีความรู้สึกตัวมันก็จะต้องเห็นอะไรต่างๆ เหมือนเรามีตามองออก มองดูก็เห็นอะไรต่างๆ การมีความรู้มันเห็นสวรรค์ นิพพาน เห็นนรก โน่นแหละ ทำไมถึงจะปิดมันไม่ได้ล่ะ ทำไมจะเปิดประตูนิพพานไม่ได้ ทำไมจะต้องปิดประตูนรกไม่ได้ เพราะมันเห็นอยู่เนี่ย นรกคือทุกข์ นิพพานคือไม่ทุกข์ จนมันเย็นสนิทนี่ความทุกข์ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ปิดตายตัวเลย จนเหือดแห้งไปเลย ไม่ให้เหยื่อ ได้ยินเปล่าล่ะ (หัวเราะ) ถ้าหากว่ามันเท็จจริงยังไง อย่าให้หลวงตาหลอกกันอยู่นี่นะ กลับบ้านซะ (หัวเราะ) หลวงตาจะได้สะพายย่าม สะพายบาตรกับอาจารย์ตุ้ม กับหลวงพ่อกรมไปที่อื่น ไม่มีใครสอน ก็จะไปกินเผือกกินมัน ไม่ต้องกินข้าวชาวบ้านล่ะ แต่นี่กินข้าวชาวบ้านเขา คนมีอยู่วัด เห็นมะขามป้อมก็ลาบมะขามป้อมได้นะ เห็นหมากลิ้นฟ้า เอาหมากลิ้นฟ้ามาลาบ ดอกจิกดอกรังก็ลาบนะ สมัยก่อนนะ เคยลาบไหมดอกจิกดอกรัง (หัวเราะ) ลองดูซิ กินใบไม้ใบหญ้ากับหลวงพ่อกรมน่ะ อันนี้ไม่มีคน สงสาร
เมื่อวานก็มีโยมมาจากบ้านค่าย ซื้อขนุนลูกเท่าโอ่งน้ำนี่ ตุ่มน้ำนี่ ข้าวอย่างดีคัดสรรมา ซื้อมาจากบุรีรัมย์ ใช่ไหมพ่อใหญ่ (ถาม) ข้าวอย่างดี เขาซื้อมาให้ อาหารอย่างดี ข้าวสารอย่างดี เพราะอะไร เพราะอะไรเราจึงมีคนช่วย ก็เพราะเราช่วยคน ถ้าเราไม่ช่วยคน ใครจะมาช่วยเรา ช่วยตัวเอง ช่วยคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น อย่างน้อยเราอยู่นี่ ก็หลายอย่างที่เราต้องช่วยดูแล มีอากาศ มีแผ่นดิน มีต้นไม้ มีน้ำ
นี่วันที่ 1 จะมีธรรมยาตรา ตั้งต้นที่ชัยภูมิ เดินถึงสุดทางของลำประทาว ตีฆ้องร้องป่าวให้คนหันมาช่วยดูแลธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม โลกมันร้อน เมื่อโลกร้อนเกิดอะไรขึ้น เกี่ยวกับโลกนี้ มันก็ปรับตัว มันอยู่ไม่ได้ เหมือนร่างกายเราเมื่อมันร้อนมันเกิดอะไรขึ้น เหงื่อออก เหงื่อออกมา เมื่อเหงื่อออกเกิดอะไรขึ้น มันหมดพลังงาน เหงื่อออกมาก กระทบกระเทือนร่างกาย ขาดน้ำ ตายเลยนะเนี่ย แต่ก็มีน้ำให้ มีน้ำเกลือ เกลือแร่ เช่น ถ่ายมากๆ นี่ หมดน้ำในร่างกายก็ตายได้นะ โลกแค่ชีวิตเรานี่ก็ขนาดนี้แล้ว ถ้าโลกที่มันหนักหนาสาโหดขนาดเนี่ย มันจะเป็นเช่นไร มันปรับตัวทีไรก็หวั่นไหว แผ่นดินไหว เกิดพายุ เกิดฟ้าฝน เห็นไหม ฝนตกคืนเดียวเอง พังไปเลย (หัวเราะ) ถ้าหลวงตาไม่ได้บอกทันก่อนน่ะ ยากกว่านี้นะ ขาดเลยล่ะฝาย คันคูตรงที่เดินไปจากสำนักงานไปศาลานี่ ขาดเลยตรงนี้ นี่เอาไม้ไผ่ขึ้นก่อน ถ้าไม้ไผ่ไม่เอาขึ้นไปขวางทางน้ำ บ้านตรงนี้ก็พังไปแล้วล่ะ ขาดตรงนี้ ทำไงล่ะ
ประเทศอินโดนีเซียตายไปเท่าไหร่ เมื่อคราวนี้ เหมือนมันร้อน เกิดอะไร อากาศร้อนก็ต้องมีไอน้ำเผามหาสมุทร แม่น้ำ เมื่อความร้อนเผาแม่น้ำ ก็เดือดขึ้น เหมือนเราเอากาต้มน้ำน่ะ มันเดือดขึ้นน่ะ น้ำมันเดือดขึ้นมันเป็นไง ไอน้ำมันหนีไป แห้งหมดเลย น้ำก็แห้ง ต้มนานๆ บางทีน้ำเหือดแห้งไปเลยนะ ความร้อนที่มันเกิดจากดวงอาทิตย์ โลกมันร้อนนี่ กระทบไปทั้งหมดเลย เกิดไอน้ำขึ้นมา ไอน้ำเกิดไปชนต่ออากาศข้างบน มันเป็นอวกาศ มันเย็น เกิดอุณหภูมิ เกิดก้อนเมฆ เกิดก้อนเมฆ ก้อนเมฆมันหนัก ทนไม่ได้ ตกลงมาเป็นน้ำฝน น้ำมันไม่ตกลงมาก็ไม่ได้ ตกลงมามันหนัก ก้อนเมฆหนัก ก็ตกหนัก บางก้อนอันที่เป็นน้ำ ตกลงมามันกระจุยกระจายไม่ทัน เป็นลูกเห็บ อุบาต ลูกอุบาต แม่นบ่ล่ะ นี่ก็ในร่างกายเรานี้ก็เท่านี้ แต่ถ้าโลกมันจะเป็นยังไง จะปล่อยให้ใครล่ะถ้าเราไม่ช่วย เราอยู่ในโลกนะ เราเหยียบแผ่นดิน เราหายใจ เราใช้อาหารอยู่บนแผ่นดินนี้ ก็จึงมีธรรมยาตรา วันที่ 1 เกิดขึ้น ปีที่ 11
ปีที่ 11 เราก็ป้องกันมานานแล้ว คนก็เพิ่งมารู้ปีสองปีนี่เอง เรารู้ล่วงหน้ามาแล้ว ได้พูดเรื่องนี้มาจนเขาจะฆ่าทิ้ง มารักษาป่า สมัยแรกๆ หลวงพ่อจะอยู่ในป่าหรือจะอยู่กับคน (หัวเราะ) เขามาพูดอย่างนี้นะ หลวงพ่อจะอยู่กับป่าหรืออยู่กับคน ถ้าอยู่กับป่า ก็เข้าไปอยู่ในป่า อย่ามาอยู่กับคน ที่นี่เขามาทำมาหากิน ป่าหลวงพ่อก็ไม่ได้ปลูก สัตว์หลวงพ่อก็ไม่ได้เลี้ยง มันเกิด ให้เขาหากิน (หัวเราะ) สมัยนั้น ยิงปืนข้ามหัวใบไม้ขาดฉุยเลย ไปบอกเขาห้ามเขา ไม่ให้ตัดต้นไม้ ขอบิณฑบาตร โยมเอ๊ย ไม่มีใครเห็นด้วยหรอก เดี๋ยวนี้ฟืนเผาศพก็มาขอที่นี่ ใช่ไหม (หัวเราะ)
กว่าจะถึงวันนี้ มันเกิดอะไรขึ้นแล้วล่ะ หมดเลย แต่ก่อนหัวเผือกหัวมันเท่าแข้งเท่าขานี่ เดี๋ยวนี้ปีหนึ่งก็เท่าหัวแม่มือนี่ หัวมันนะ ลูกเดือย ฟักทองนี่ เอาใส่กระบุงตระกร้าไม่ได้ หาบข้างละลูกก็ไม่ไหว เดี๋ยวนี้ไม่มีสักลูกเลย ฟักทองน่ะ เดือยก็ไม่มีแล้ว ปลูกไม่ขึ้นแล้ว อาหารหมดไปแล้วในที่นี่นะ ที่อื่นจะยังอยู่นะ ที่นี่หมดจริงๆนะ ฟักทองปลูกไม่ขึ้น มะละกอปลูกไม่ขึ้น แตงก็ปลูกไม่ขึ้น แต่ก่อนนี้แตงเป็นกองๆ ฟักทองเป็นกองๆ คนหาบมาให้ เดี๋ยวนี้ไม่มีสักหน่อยเลย กินก็กินคนอื่นปลูกให้ มีแต่สารพิษ
เพราะฉะนั้น เราก็ทำไว้อย่างนี้แหละ ไม่มีอะไรที่เราจะปล่อยทิ้ง ทำไปได้ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอให้ทำไว้ก่อน หลวงตาก็บอกคนว่า หลวงตาล้มเหลว ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สามสี่สิบปีนี่ ล้มเหลวมาก งานล้มเหลว ทำงานล้มเหลวหมด แต่หลวงตาไม่ล้มเหลว ไม่ใช่ความผิดของเรา เราบอกหมดแต่คนไม่เชื่อ ไม่ใช่ความผิดของเรา เขาทำเอง เราก็ไม่ได้เสียใจ
เราได้บอกแล้ว บอกว่า หลงไม่ดีนะ เปลี่ยนหลงซะ คนก็ยังหลงอยู่ ไม่ใช่ความผิดของเรานะ เราบอกแล้ว ความโกรธไม่ดี ยังโกรธอยู่ ฆ่ากันเพราะความโกรธอยู่ โอ๊ย ไม่ใช่ความผิดของเรา เราบอกแล้ว บอกแล้วไม่เชื่อ เหมือนพ่อใหญ่หวาด ญาติหลวงตานี่ ลูกชายรถชนตาย เอามาไว้ที่ป่าช้า นั่งดูศพลูกชาย พ่อบอกแล้ว ไม่เชื่อพ่อ พูดสองคำก็ พ่อบอกแล้ว ไม่เชื่อพ่อ นั่งเอาหัวเข่ากอด แล้วศอกวางเข่าตัวเอง พ่อบอกแล้ว ไม่เชื่อพ่อ
อันนี้ก็อยากจะพูดอย่างนั้นเหมือนกันนะ บอกแล้วไม่เชื่อ ยังพากันหลง พากันทุกข์ พากันโกรธอยู่ ไม่หลง ไม่ทุกข์ ไม่โกรธก็ได้นะ ได้นะ ไม่หลงก็ได้ ไม่ทุกข์ก็ได้ ไม่โกรธก็ได้ นะ ได้ยินบ่ล่ะ (หัวเราะ)
กราบพระพร้อมกัน