แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีแต่เรื่องที่จะชวนทำชวนคิดก่อนทำก่อนพูด ให้มีหลักมีฐานสักหน่อยชีวิตเรานี้ หลักฐานของเราก็จะมี 2 อย่าง คือ ทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอกก็ขยันหมั่นเพียรหา อุฏฐานสัมปทา ความขยันหมั่นเพียร หาได้ก็รู้จักรักษา รู้จักใช้ รู้จักเก็บหอมรอมริบ ก็เกี่ยวข้องกับคนหลายคน ทรัพย์ภายนอก สามีภรรยากันบ้าง อย่าเป็นแร้งคาบมา กาคาบหนี ต้องร่วมมือกันจึงจะรักษาทรัพย์ไว้ได้ ถ้าไม่รู้จักรักษาเศรษฐีกลายเป็นคนยากจนได้ ถ้ารู้จักรักษาคนจนกลายเป็นเศรษฐีได้ เศรษฐีกลายเป็นยาจกถ้าไม่รู้จักรักษา ซึ่งทรัพย์ภายนอกก็มีอะไรหลายอย่าง สมัยครั้งพระพุทธเจ้าเริ่มต้นจากข้าว สุทโธทนะ สุกโกทนะ โธโตทนะ อมิโตทนะ หมายถึงข้าวทั้งนั้น เป็นใหญ่สมัยก่อน แม้แต่ยุคสมัยหลวงตานี้ก็มีข้าวเป็นใหญ่ ไม่เคยมีเงินมีทองหรอก ได้ข้าวมาจากการทำนา ใช้วัวใช้ควาย ร่วมมือร่วมแรงกันทำทุกคนตั้งแต่เด็กๆตัวเล็กๆ ก็มีส่วนรู้ส่วนเห็นการทำนา อายุเด็กน้อย อายุสองสามขวบก็ลอยน้ำอยู่ในทุ่งนา จับวัวจับควายร่วมกันอยู่ ได้ข้าวมาใส่ยุ้งใส่ฉาง มีข้าวอย่างเดียวอันอื่นก็มีขึ้นมา เป็นที่แปรของทรัพย์ต่างๆ เกิดขึ้นได้ ทุกวันนี้เขาก็มีเงินมีทอง หาเงินได้เงินมา ก็ไม่เหมือนมีข้าว แปรสภาพเป็นอะไรก็ได้ เป็นบุหรี่ เป็นเหล้า เป็นเครื่องเสพติด เป็นศาสตราอาวุธประหัตประหารกันเสียผู้เสียคนไปก็เพราะเงินก็มีเหมือนกัน ไม่เหมือนมีข้าวสมัยโบราณ
สมัยโบร่ำโบราณก็มีข้าว เวลาเราไปทำนาตอนเช้า แม่บอกขึ้นตักข้าวไปให้เพื่อจะไปแลกอะไรต่างๆ จะให้คนมาขอทานด้วย ขึ้นตักข้าวมาใส่ตะกร้าให้แม่ไว้ ทำนากลับมาบ้าน แม่ก็แลกของฝากทั้งหลายไว้ มีของอยู่ของกิน แปรสภาพจากข้าวไปมากมายหลายอย่าง ทำบุญทำทานอะไรเยอะแยะ แต่เงินทองนี้มันก็ทำให้คนเป็นคนชั่วได้ ได้เงินปีหนึ่งสามหมื่นบาท ได้ข้าวปีหนึ่งสักร้อยปี๊บมันก็มีค่ามากกว่าเงินสามหมื่นเพราะใช้กันในหัวหน้าครอบครัว แต่เงินทองนี้ใช้กัน แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ อายุสามขวบ ไปเชื่อ สินเชื่อ อาหารการกินขนมมากินแล้ว แม่กลับมาบ้านต้องไปจ่ายเงินให้ลูกน้อยอายุสามปีสี่ปี ใช้เงินเป็น มันก็แปรสภาพเป็นอะไรก็ได้เงินทอง อันนี้หมายถึงทรัพย์ภายนอกเป็นสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์ที่เคลื่อนไหวได้ง่าย ใส่กระเป๋าไป อสังหาริมทรัพย์นี้เคลื่อนไม่ได้ ซื้อไร่ ซื้อนา ซื้อบ้าน ซื้อเรือน อันนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์ บางคนเขาซื้อที่ดินที่ดอนไว้มีเงินมีทองก็ดี แต่น้อย คนโบร่ำโบราณเราก็ซื้ออย่างนั้น เวลาไปแต่งงานลูกสาวลูกชายอาจจะไม่มีเงินไปผูกข้อผูกแขน บางทีคนโบราณเอาหมูน้อยไปโยนใส่คอกไว้ หนุ่มสาวลูกเต้าเหล่าหลานใครจะแต่งงานบางทีก็เตรียมคอกหมูคอกไก่ไว้ เวลาญาติไปร่วมงานสมรส อุ้มหมูน้อยไปทิ้งใส่คอกให้ อุ้มไก่อุ้มเป็ดไป ถ้าญาติผู้ใหญ่ก็จูงวัวจูงควายไปให้ใส่คอกไว้เป็นสินสอด ต้องให้เขามีถ้วยมีชามมีจอบมีเสียม หลวงตาเคยไปแต่งงานคนบ้านวิถีไทย เขานิมนต์ไปเป็นญาติผู้ใหญ่ ก็ซื้อจอบไปเล่มหนึ่ง ซื้อเสียมไปเล่มหนึ่ง เอาจอบไปผูกแขนเขา เอาเสียมไป เอามีดไป เหมือนคนโบราณ ก็บอกว่านี่แหละคนโบราณ นี่แหละ แต่ว่าเขาต้องการเงิน อสังหาริมทรัพย์มันก็เป็นทรัพย์ที่ดี เหมือนคนโบราณเราว่าคนไทยกินเหล็ก คนเจ๊กกินดิน ใช่ไหม กินยังไง คนจีนต้องซื้อที่ดินไว้ คนไทยซื้อเหล็กซื้อรถซื้อรากันเป็นแถว มันก็เลยห่างกันไป สังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ อันทรัพย์ภายในอันนี้คือสติ สตินี้แปรไปเป็นทรัพย์ได้หลายอย่าง แล้วก็ทรัพย์ภายนอกใช้ได้เฉพาะแคบๆ ในหมู่ โดยการทำบุญบ้าง สร้างวัดสร้างวาบ้าง ทำประโยชน์บ้าง อันทรัพย์ภายในนี้ใช้ได้เป็นล้นโลกไปเลย เรามีสติก็มีทาน มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีเมตตากรุณา เป็นบุญเป็นกุศล คนอื่นก็อาศัยได้ มีสตินี้ เป็นบุญเป็นกุศล เป็นอะไรหลายๆ อย่างจากความรู้สึกตัวนี้ เป็นมรรคเป็นผลไปโน้น แล้วเป็นประโยชน์ส่วนรวมแม้ในภพนี้ด้วย ในภพหน้าด้วย สติตัวนี้ที่เรามีอยู่ในกายเรานี้ ลองมีสติดูสิไปในกายไปในจิต มันไม่ยากไม่จน ไม่ได้พกได้ห่อ อยู่กับกาย อยู่กับวาจา อยู่กับใจเราเลย แสดงออกเป็นบุญ ละความชั่วทำความดีได้ทุกโอกาสทุกกรณี บนถนนหนทาง ใช้เป็นสาธารณะความรู้สึกตัวนี้ จึงจำเป็น จำเป็น ชีวิตของเรานี้ขาดไม่ได้คือทรัพย์ภายใน มันเป็นสิ่งที่ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ โจรผู้ร้ายก็ปล้นจี้ไม่ได้ ขโมยก็ลักเอาไปไม่ได้ มันเป็นสมบัติของเรา เป็นมนุษย์สมบัติคู่กับเราชีวิตจริงๆ คู่กับกายคู่กับใจ กับชีวิตของเราทุกๆ กรณี ทรัพย์ภายในนี้ เราจะขัดสนอย่างนี้มันก็อาภัพภายใน อาจจะไม่อาภัพภายนอกถ้ามีเงินมีทอง บางทีคนมีเงินมีทองเป็นโรคขาดอาหารก็ได้ มันหมกหมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องทรัพย์เรื่องเงินเรื่องทอง อันทรัพย์ภายในนี้มันอุดมสมบูรณ์ ตื่นก็สุขสบาย หลับก็สุขสบาย อิ่มอกอิ่มใจ แม้ไม่ได้กินข้าวก็ยังอิ่มอกอิ่มใจ ไม่ขาดแคลน แล้วก็หาไม่ยากเหมือนทรัพย์ภายนอก ไม่มีแหล่ง อย่างคนอีสานคนบ้านนอกมาหาแหล่งเงินในกรุงเทพ ต่างประเทศก็มี ประเทศเกาหลีใต้ คนไทยไปทำงานเป็นแสนๆ เขาเปิดรับงานคนไทย ไปค้ายาเสพติดเขาจับได้ร้อยกว่าคน ไปหาเงินแต่ว่าไปทำชั่ว เหมือนกันอันทรัพย์ภายนอกมันเป็นอย่างนั้น ทรัพย์ภายในนี่ไปเถอะไปทางไหนก็ได้ ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่กายอันกว้างศอกยาววาหนาคืบที่ชีวิตของเรานี้ ไม่ต้องเหงื่อไหลก็ได้ แต่ว่าไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่หนึ่งที่สอง เป็นส่วนตัว ส่วนตัว เวลาหาทรัพย์ภายในนี้เป็นส่วนตัว เป็นตัวเข้าไปเลย ทิ้งตัวลงไปเลย ทั้งกายทั้งจิต ย่องเข้าไป ย่องเข้าไป สัมผัสเข้าไป ต่อกันเข้าไป มีได้ทุกโอกาส ก่อนพูด ก่อนทำ ก่อนคิด ขณะที่พูด ที่ทำ ที่คิด ใช้ลงไปทรัพย์ภายในนี้ มันก็อาศัยได้จริงนะ ไม่ขัดไม่สน เป็นอมตะ ไม่หมดไม่สิ้น ยิ่งใช้ยิ่งมาก ยิ่งใช้ยิ่งสะดวก สะดวกส่วนตัว ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ความรู้สึกตัวที่เราสร้างอยู่นี่นะ เมื่อมีสติแล้วมันมีอะไรมากมายหลายอย่าง มาเป็นพวงๆเลย ไปได้ตะพึดตะพือไป ไปทางไหนก็ได้ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไปต่อไปสิ่งอื่นวัตถุอื่นก็เป็นประโยชน์ ไม่เกิดโทษเหมือนกับทรัพย์ภายนอก ไม่มีโทษมีภัยอะไร อันนี้อริยทรัพย์เป็นทรัพย์ประเสริฐ เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐกว่าทรัพย์ภายนอก
เราจึงเกิดมานี้อย่าให้จนเรื่องนี้กัน ถ้าจนเรื่องทรัพย์ภายในนี้ มันจะอาภัพกว่าสัตว์ประเภทอื่นๆ ชีวิตคนเรานี้มันมีสมอง ขวนขวายกันบ้าง ชีวิตหนึ่งเดียวนี้ขวนขวายไป เราทำความรู้สึกตัว เราสร้างความรู้สึกตัว ก็ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไปเลยทีเดียว จึงอย่าให้ขาดแคลน เราอยู่ร่วมกันในโลกนี้ เราใช้แผ่นดินท้องฟ้าที่ไหนๆร่วมกัน ถ้ามีทรัพย์ภายในแล้วมันก็ปลอดภัยไปหลายอย่าง ถ้าขาดทรัพย์ภายในก็ไม่ค่อยปลอดภัยเพราะชีวิตเราร่วมกัน ไม่เหมือนทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายนอกจะไม่ปลอดภัยเฉพาะตัวเรา ทรัพย์ภายในปลอดภัยทั้งหมดเลยแม้แต่ดิน ฟ้า อากาศ ต้นไม้ มด แมลง สัตว์อะไรต่างๆ ทั้งหมดเลย มันต้องอย่างนี้แหละคือคุ้มครองโลกบาล การคุ้มครองโลกบาลไม่ใช่ศาสตราอาวุธ คุ้มครองโลกบาลคือเกิดจากเรานี้ เรามาคุ้มครองโลกบาลมีอะไร โลกบาลคือ บาลคือรักษา โลกคือโลกทั้งหมดเลย มีสติสัมปชัญญะก่อนพูด ก่อนทำ ก่อนคิด ขณะที่พูด ที่ทำ ที่คิดอยู่ มันคุ้มครองโลกบาล ไม่ทำให้อะไรเดือดร้อน ไม่ใช่ว่าตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่ว่าจะเป็นอำนาจที่รัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นมาแล้วก็ฉีกทิ้ง อันนี้ไม่ได้ฉีกไม่ได้เปลี่ยนเลย ตลอดชีวิตเลย มานานแล้วตั้งแต่พระสิทธัตถะได้ค้นพบเรื่องนี้ เป็นสมบัติของมนุษย์จริงๆ เราก็มีสิทธิร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะสร้างอริยทรัพย์ภายในให้เกิดขึ้นร่วมกันในสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่เหมือนสิทธิทางทรัพย์ภายนอก ทรัพย์ภายนอกเราจะไม่มีสิทธิ ด้อยความรู้ความสามารถ แล้วก็เพี้ยนไปดินฟ้าอากาศ ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล บางทีก็แล้ง บางทีก็ท่วม บางทีก็เกี่ยวข้องกับสิ่งอื่น ปัจจัยอย่างอื่น น้ำมันแพง ค่าแรงถูก หรือเงินเฟ้อ หรือเศรษฐกิจล่มสลาย ฟองสบู่อะไรก็ว่ากันไป ทำให้คนสะดุดกับเรื่องอาการภายนอกมันเกี่ยวข้องอะไรหลายอย่างทรัพย์ภายนอกนี้ แต่ทรัพย์ภายในนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรเลย แล้วก็เมื่อมีทรัพย์ภายในเราก็มาใช้ทรัพย์ภายนอกถูกด้วย มันสมบูรณ์ไปเลย เราจึงเอาอันนี้ไว้ก่อนเถอะชีวิตของเรานี้ ให้สมบูรณ์ อย่าขาดแคลน คราวใดที่เราหลงตัวถือว่าระวังให้ดี ต้องประมาทไม่ได้ ประมาทหลงไปในความคิด หลงไปในความรักความชัง หลงไปในรูปรสกลิ่นเสียง หลงไปในอะไรต่างๆ สิ่งที่หลงก็มีทางสูญเสียเหมือนกันนะทรัพย์ภายในนี้ สูญเสียเหมือนกัน สูญเสียไม่มีใครทำให้ มีแต่เรานี่แหละ แล้วก็เรานี้ก็รักษาได้ เช่นมันหลงไป รู้ ก็รักษาได้ อะไรที่มันเกิดความไม่รู้ขึ้นมาเอามาเป็นตัวรู้ มันพอเพียง มันมั่นใจในการสร้างฐานะแบบนี้ มันมั่นใจจริงๆ ถ้าเราขาดสภาพเช่นนี้แล้วไม่มีค่าอะไรหรอกคนเรา ไม่มีค่าจริงๆ แบมือเลย ไม่มีค่าอะไรเลย เห็นไหมคนตายเอาเงินใส่มือให้ก็ไม่เอา เงินทองเยอะแยะใส่มือให้ก็ไม่เอา เอายัดใส่ปากก็ยังไม่เอาอีก ไปเผาแล้วยังไปเขี่ยเอาคืนมาอีก เงินเหรียญเงินบาท เขาเอาเงินใส่ปากให้พ่อให้แม่ให้ลูกให้เต้าไป เวลาเผาก็นับดู ได้แล้วบาทหนึ่ง ยังอีกบาทหนึ่ง สองบาท หาเอาจนเอาคืนมาหมดเลย ไม่มีอะไรเลย
เพราะฉะนั้นบุญกับบาปเท่านั้นที่เป็นคู่ชีวิตเรา แต่บาปนี้ละได้ บุญทำได้ ความหลงเป็นบาป ความรู้สึกตัวเป็นบุญ เอาบุญอยู่ในบาปนั่นแหละ เปลี่ยนความหลงเป็นความรู้ เปลี่ยนความทุกข์เป็นความไม่ทุกข์ ทำบุญตรงนี้ นอกนั้นก็ช่วยคนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น อะไรที่มันไม่ดีเราก็มีส่วนรวมในการทำให้ดีกับโลกกับเขาบ้าง มันก็มั่นใจนะ มั่นใจในตรงนี้มากๆ เลย ทำไมคนเราจึงเป็นอย่างนี้ ทำไมจึงมาทำอย่างนี้ มันก็มั่นใจ ไม่มีขาดแคลน ไม่มีอาภัพเรื่องนี้ แม้ทำไม่ได้ก็ยังมั่นใจอยู่ในเรื่องทรัพย์ภายในนี้ ไม่เหมือนทรัพย์ภายนอกบางทีก็ใช้ไม่ได้ เมื่อวานก็มีเช่นประเทศพม่าจะสร้างบ้านก็ต้องขออนุญาตจากรัฐบาล สร้างแปลนไป ค่าก่อสร้างเท่าไร เอาไปยื่นขออนุญาตสร้าง ได้เงินเท่าไรบ้านขนาดนี้ ถ้ารัฐบาลดูแล้วสอบสวนตามฐานะจำเป็นที่จะสร้างบ้านไหม ถ้าเขาประชุมกันเขาก็พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควร แทนที่จะไม่ให้สร้างอย่างเดียวไม่พอ ต้องยึดทรัพย์ที่กำหนดจะสร้างบ้านอีก หาว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เอามาให้รัฐบาลไปพัฒนาประเทศชาติดีกว่า แล้วมันก็ใช้ไม่ได้บางทีทรัพย์ภายนอก แต่ทรัพย์ภายในเรานี้ใช้ได้ทุกกรณีเลย มีเมตตากรุณาลงไป เมตตาผ่านไปตรงไหนล้างบางแห่งความชั่ว กรุณาผ่านไปตรงไหนเอาคนที่มีปัญหาขึ้นมาในด้านหัวคิดปัญญา มุทิตาลงไปตรงไหนเสมอภาคไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อุเบกขาไปตรงไหนเป็นมิตรภาพราบเรียบไม่มีคลื่นในชีวิต เรียบไปเลย เหมือนแผ่นดินมันเรียบไปเลยอุเบกขานี้ เรียบไปเลย แต่ต้องใช้เมตตา กรุณา มุทิตาก่อนแล้วค่อยไปใช้อุเบกขา ไม่ใช่อยู่ๆ จะไปใช้อุเบกขาเลยไม่ได้เพราะมันเป็นข้อสุดท้าย ต้องมีเมตตานำก่อน กรุณานำก่อน มุทิตานำไปก่อน ถ้าใช้สามข้อนี้ไม่ได้ก็ยังใช้อุเบกขาไม่ได้ เมื่อเราจะช่วยผู้ช่วยคน แม้จะช่วยเราก็เหมือนกัน หายใจไม่ได้ก็วางเลย มันก็สุดยอดแล้ว สบายแล้ว ถ้ายังช่วยไม่ได้ก็ยังเป็นทุกข์ เสียอกเสียใจร้องไห้ มันก็ลงโทษ มันจึงมีธรรมสามสี่ข้อนี้เป็นขบวนการที่ทำให้ไม่เกิดปัญหา ถ้าไม่มีอุเบกขามันก็ไม่ถูกต้อง หายใจไม่ได้ทำยังไง ทำยังไงที่หนึ่งที่สองก็หายไม่ได้ สามครั้งสี่ครั้งก็หายไม่ได้ ก็วาง มันก็สุดยอดแล้วชีวิตของเรา เหนือ เหนือโลก ในชีวิตของเราก็มีอริยทรัพย์พวกนี้ ใช้กับทุกกรณีในชีวิตของเราเลยทีเดียว เราจะตะโกนบอกคนทั้งโลก ขาดแคลนทำไม เมตตามีลงไป กรุณามีลงไป มุทิตามีลงไป อุเบกขามีลงไป ความให้อภัยมีลงไป ไม่ถือสาหาเรื่องกับอะไร เอาลงไป ใช้เท่าไรได้มากเท่านั้น อุเบกขาเท่าไรได้มากเท่านั้น ล้นโลกล้นฟ้า เป็นมิตรภาพทั่วโลก เมตตากรุณาเมตตาลงไป มันมีแต่อันจะเกิดขึ้นกับทรัพย์ภายในนี้เป็นต้นที่เกิดแห่งสันติสุขสันติภาพ ไม่ใช่ศาสตราอาวุธ ไม่ใช่กองทัพ ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้นเลย มันก็อยู่ที่ธรรมนะ มีอยู่ที่ธรรม เป็นคู่ของโลก ธรรมะเป็นคู่ของโลก ศาสนาคือคน คนนี้คือตัวศาสนา พุทธศาสนาคือตัวสติปัญญา ศาสนาคน คนถ้าหิวข้าวก็ต้องกินข้าว ศาสนาของหิวคือกินข้าว มันต้องเป็นคู่กันอย่างนี้ ศาสนาแห่งกายที่มันร้อนต้องอาบน้ำ ศาสนาความเจ็บปวดต้องกินหยูกกินยาพักผ่อน มันก็เป็นคู่กันคือคนมีกายมีใจแล้วมีเสื้อผ้าเป็นคู่ของกายอะไรต่างๆ ศาสนาคือคน แต่พุทธศาสนาคือจิตใจ เมื่อมันทุกข์เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์ เรียกว่ามีศาสนา เมื่อมันหลงเปลี่ยนความหลงเป็นความไม่หลง มีศาสนา มีพุทธศาสนา เมื่อมันโกรธเปลี่ยนความโกรธให้ความไม่โกรธ มีพุทธศาสนา ถ้ามันหลงไม่รู้จักเปลี่ยนมันก็หลงเป็นความรู้ แม้จะพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ก็ใช้ไม่ได้เลย ต้องเปลี่ยนสิ ปฏิบัติสิ ถ้ามันทุกข์ก็เปลี่ยนทุกข์เป็นไม่ทุกข์เรียกว่ามีพุทธศาสนา พุทธศาสนาใช้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่ทะเบียนบ้าน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มีพุทธศาสนา มีศาสนาเป็นคู่
อย่างพระเจ้าตากสิน คำปณิธานพระเจ้าตากสินว่าอย่างไร อันตัวข้าชื่อว่าพระเจ้าตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา ขอถวายแผ่นดินไว้เป็นพุทธบูชา แก่พระศาสดาสมณะพระโคดม ให้อยู่ยงคงทนห้าพันปี สมณะชีพราหมณ์ประพฤติให้เหมาะสม ปฏิบัติสมถะวิปัสสนาพ่อชื่นชม ขอถวายบังคมรอยพระบาทศาสดา คิดถึงพ่อพ่ออยู่กับเจ้า ชาติของเราอยู่คู่กับพระศาสนา ศาสนาคู่กับกษัตรา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน มันก็มีกายมีใจนี้ แม้พระเจ้าตากกี่ปีมาแล้ว พระเจ้าตากสินช่วยกอบกู้แผ่นดินขึ้นมามอบให้ไว้พวกเราคนไทยทั้งชาติ เราก็คือชาติ ชาติคือคน คนต้องเป็นคนดี ไม่ใช่คนหกสิบกว่าล้านคนอันนี้อย่าเรียกว่าชาติเลย ชาติคือคนดี คนดีคือชาติเจริญ ถ้าคนชั่วชาติก็ฉิบหาย รักในหลวง ปวงประชาต้องสามัคคีกัน ไม่ใช่รักในหลวงเขียนเป็นสติ๊กเกอร์ติดรถ นี่ไม่ใช่ มันก็ต้องอยู่ที่เรานี้เราก็ต้องเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น อะไรมันต้องอยู่ที่เรานี่ ต้องมีอริยทรัพย์ภายในจึงจะเป็นชาติที่สมบูรณ์แบบ แต่จะไปทำอะไร เอ้า อะไรก็ผ่านมาแล้ว ถึงปูนนี้แล้ว ทำอะไรก็สำเร็จ เลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าสำเร็จ ทำมาหากินได้สำเร็จ มีทรัพย์มีสินมากมายก็สำเร็จแล้ว อะไรก็สำเร็จแล้ว ให้หันหน้ามาทางนี้บ้าง แม้วัยหนุ่มสาวยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ไว้ วัยที่เป็นกลางคน วัยปลายของชีวิต ขอมาที่นี่ มามืดไปสว่างได้เหมือนกัน มาสว่างไปสว่างก็ยิ่งดี แต่มามืดไปมืดมันเสียชาติ มันเป็นอย่างนี้ชีวิตเรา