แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
[00:41] ฟังธรรมกันตามกาลตามเวลา
กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง การฟังธรรมตามกาลเป็นมงคลอันสูงสุด
กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา การสนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคลอันสูงสุด
ขันติ จะ โสวะจัสสะตา ความอดกลั้นอดทนเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
หลายอย่างที่เป็นเครื่องมือช่วยเรา เราไม่ต้องจน การทำความเห็นให้ถูกต้อง
การอยู่ในประเทศอันสมควร ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ อยู่ในประเทศอันสมควร ไม่ใช่อยู่ประเทศไหน อยู่ที่ใด มีการศึกษา มีการบอกการสอน มีกัลยาณมิตรคอยชี้แนะในการกระทำอันเป็นความดี มีสติมีสัมปชัญญะ
ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา การคบบัญฑิต
บัณฑิต คือ ผู้ที่บอกสอนให้ตั้งอยู่ในความดี มี ๒ อย่าง บัณฑิตภายนอก ภายนอกคือคนอื่น มีครูบาอาจารย์ มีเพื่อนมิตร ภายในคือจิตใจเรา อย่าคบกับความหลง คบกับบัณฑิต บัณฑิตคือสติสัมปชัญญะ
คนพาล อะเสวะนา จะ พาลานัง การไม่คบคนพาล
คนพาลก็คือความหลง ความรัก ความชัง ความทุกข์ ความโกรธ ความวิตกกังวลเศร้าหมอง มันเป็นพาลอย่าคบ ถ้ามันหลงคบบัณฑิต รู้สึกตัวขึ้นมา (ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา) บัณฑิตก็มีอยู่ในเรา เวลามันหลงรู้สึกตัว เปลี่ยนคนพาลมาคบกับบัณฑิต มันทุกข์ มันปวด มันวิตกกังวลเศร้าหมอง มันมีอย่าคบ เราเปลี่ยนได้เราเลือกได้ อย่าจน
ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง การบูชาต่อบุคคลควรบูชา
อย่าลืมบุญคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ทุกคนมีพ่อมีแม่ เอาพ่อเอาแม่มาไว้ในหัวใจของเรา อยู่เบื้องหน้าตลอดเวลา มีบุญมีคุณจริง ๆ คุณพ่อคุณแม่ เหมือนพระฝรั่งอังกฤษเขาพูด เรื่องนี้ศักดิ์สิทธิ์ น่าฟังมาก คุณพ่อคุณแม่อย่าลืม อย่าเอาพ่อเอาแม่ไปทำชั่วคิดชั่ว พ่อแม่คือกายคือใจของเรา ได้มาจากพ่อแม่ ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ก็เอากายเอาใจทำความดี พ่อแม่มีให้ลูกเกิดขึ้นมาเพื่อให้ลูกเป็นคนดี ถ้าเราทำความดี เอากายเอาใจทำความดี เรียกได้ว่า ตอบบุญแทนคุณ สมปรารถนาของพ่อของแม่ ถ้าเราเอากายเอาใจไปทำชั่วก็ถือว่าเนรคุณเป็นบาป ทำชั่ว เราทำชั่ว เราเป็นทุกข์ พ่อแม่ก็เดือดร้อนไม่อยากให้เราเป็นทุกข์
[04:36] โบราณท่านว่า ฟานกินหมากขามป้อมไปคาคอมั่ง มั่งบ่ขี้สามมื้อ กระต่ายตาย กระต่ายตายแล้วเห็นอ้มผั่นเน่านำ หมายความว่ายังไง ฟานมันเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง ไปกินมะขามป้อมเข้า แต่ดันไปติดคอมั่งคือกวาง กวางกับฟาน (เก้ง) คนละพันธุ์กัน ตัวหนึ่งเป็นตัวกิน แต่ไปติดอีกตัวหนึ่งคือตัวไม่ได้กิน ถ้ามั่งไม่ถ่ายก็ตาย ตายเลย แทนที่มั่งจะตาย แต่กระต่ายตาย เพราะอะไร เป็นคำพังเพยของคนโบราณ หมายถึงลูกไปทำชั่ว คนที่เป็นความทุกข์คือพ่อแม่ คาอยู่ที่คอ คาอยู่คอพ่อคอแม่ ลูกของกูเป็นอย่างงั้น ลูกของกูเป็นอย่างงี้ ไม่มีลูกก็ไม่ทุกข์เท่าไหร่ มีลูกแต่ลูกตายจากก็มีโอกาสหลงลืมบ้าง ถ้ามีลูก ลูกเป็นคนชั่ว เป็นทุกข์ที่สุดในโลกของแม่ของพ่อ บ้านเราจึงอย่าเอาพ่อแม่ไปทำชั่ว มีหมู่นี่เนี่ย ทำให้มีโอกาสบรรลุธรรมได้ หลาย ๆ อย่าง มีน้ำใจ มีศรัทธา มีเมตตากรุณา มีความอดทน มีศรัทธา มีความเพียร มีสติ มีความอดทนหลายอย่างเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนให้เราทำความดีได้ไม่ลำบาก เอาอย่างผู้อื่นคนอื่นเยอะแยะ เอาอย่างพระพุทธเจ้า เอาอย่างเหล่าพระสาวก มีเยอะแยะเลย เอาอย่างเพื่อนบ้าง
บางทีพระพุทธเจ้ายังบอกพระสงฆ์เอาอย่างไก่ป่า เอาอย่างเก้ง พระพุทธเจ้าอยู่ในป่า เห็นไก่ป่า ไม่ใช่ไก่โจ๊กที่เราเลี้ยง มีอีกฝูงหนึ่งอยู่ในป่า ฝูงนี้ไม่ใช่ไก่ป่า เป็นไก่กลาย ๆ ปน ๆ กัน เวลาไก่ป่าที่เป็นไก่ป่าจริง ๆ เป็นไก่จ่า เวลามันเดินหากิน มันไม่เดินตามทางที่โล่ง ๆ มันเหยียบโน่นเหยียบนี้ มองไปก่อนเหยียบไปโน่นไปนี้ ไก่พวกไก่ป่าจะไม่ถูกบ่วงนายพราน แต่ถ้าไก่โจ๊กนี่จะถูกบ่วงนายพราน จะไปไหน วิ่งจุ๋ยลุ๋ย ๆๆ พระพุทธเจ้าบอกภิกษุทั้งหลายเอาอย่างไก่ป่า สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจบ้าง ก่อนพูด ก่อนทำ ก่อนคิดให้มีสติสัมปชัญญะ ไก่จ่าไก่ป่า ไม่ด่วนรับ ไม่ด่วนปฏิเสธ ไม่ผลุนผันพลันแล่น เวลากวางเอาอย่างกวางป่า เวลากวางหากิน มันก็ดูหน้าดูหลัง มองไปข้างหน้า เดินไปสามสี่ก้าว มองไปข้างหลัง
ดังที่หลวงตาเคยเล่าให้ฟัง ได้ยินไหม จำได้บ่ เรื่องอะไร เรื่องกวางป่า เอ้ ก็มาคิดได้พระพุทธเจ้าเคยเปรียบเทียบให้พระสงฆ์เอาเยี่ยงกวางป่า สอนให้พระสงฆ์เอาอย่างกวางอย่างไก่ มันมีจริง ๆ ไม่วู่วาม ไม่ลุกลี้ลุกลน เขาจึงมีชีวิตรอดมา ถ้าตัวไหนไม่สำรวม ถูกนายพรานดักหรือฆ่าตาย เหมือนสัตว์ในป่าเรานี้ โง่ที่สุดคือไก่พญาลอ ตายหมดเลย เวลานอนอยู่ที่ไหนนี่ พูดกัน นอนแนน ๆๆๆ นอนอยู่ศาลาไก่ นอนอยู่หอไตร ก็ได้ยิน เสียงเขาพูดกัน นอนแนน มันไม่นิ่งเลย พวกนายพรานก็มาจอบ เวลาไก่พญาลอมันนอน พอได้ยินเสียงมัน ก็ค่อย ๆ ย่องเข้าไป ค่ำมืดก็เห็นแล้ว พอมันนอนหลับ มือปืน ปืนก็ปืนแบบไม่ค่อยดังเท่าไหร่ สิบตัวก็ยิงได้ทั้งสิบตัว ยิงลงไปตกลงมา ยัดปืนอีกยิงอีกตกลงมาสิบตัวเลย ตายไปไก่พญาลอ โอ๊ย น่าจะเอาตัวเป็นมา จะให้ตัวละ 50 บาท นี่ยิงตายไปหมด เดี๋ยวนี้ไม่มีเหลือสักตัวเลย
สัตว์ประเภทไหนที่มันไม่มีการสำรวมระวัง มันก็หมดไปแล้ว กวางก็หมดไปแล้ว เหลือแต่หมู หมูยังพอเอาตัวรอดได้ พวกไก่พญาลอ พวกเก้งนี่ก็ไม่เหลือแล้วเก้ง บางอย่าง ชีวิตเรานี้ ต้องหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะที่เราฝึกกรรมฐานเนี่ย มันเป็นเครื่องมืออย่างดี ก่อนพูดก่อนทำมีสติสัมปชัญญะ สติที่ความรู้สึกระลึกได้ มันเป็นตัวธรรมตัววินัย อันนี้แหละทำให้ศีลเรามีขึ้นมีสติ มีสติก็รักษาศีล ละความชั่วทำความดี มีสติก่อนพูด ก่อนทำ ก่อนคิด จิตก็ไม่เปรอะเปื้อน ทำให้เกิดปัญญาได้ (ปริสุตตะ) จึงไม่ยาก ไม่ต้องไปจบจากที่ใด มันมีอยู่ในเราแล้ว ใช้เลย ไม่ถึงกับยาก
มันหลง รู้สึกตัว ความหลงก็ไม่ยาก มันก็เป็นไปเอง เหมือนแสงสว่างเกิดขึ้น ความมืดก็หมดไปเอง มันทำได้ ปฏิบัติได้ ให้ผลได้
[10:53] ทำความดี อย่าท้อแท้ทำเข้าไป มีคนทำความดีมากมาย โดยเฉพาะหลักคำสอนของพุทธศาสนามีวัตรปฏิบัติ มันทำ มันไปกันได้ ไม่ต้องหลง ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องโกรธตลอดชาติ ถ้าเราไม่ฝึกหัด ก็ยังหลง ยังทุกข์ ยังโกรธอยู่ เป็นทุกข์ก็ความทุกข์ ความหลงก็เกิดความหลงเรื่อยไป ความโกรธก็มีความโกรธเรื่อยไป ถ้าฝึกหัด มันหลงรู้ มันทุกข์รู้ มันโกรธรู้ อย่าไปจนต่อสิ่งเหล่านี้ มันมีทางอยู่ ฝึกฝน ฝึกตน สอนตน เตือนตน มันจะฝึกได้ทุกชีวิต ไม่มีใครยกเว้น เรียกว่า ปฏิบัติได้ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เราจึงฝึกตนสอนตนให้ความคิดของเรา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน อย่าให้ความไม่เที่ยง อย่าให้ความไม่ทุกข์ อย่าให้ความไม่ดิ้นรน มาให้เราโง่หลงงมงาย ความไม่เที่ยงเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราเคยเป็นทุกข์เพราะความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์เกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ เราก็เป็นทุกข์เพราะความเป็นทุกข์ ถ้าให้เราฝึกหัดมันจะเป็นปัญญาตรงนี้ด้วย ความหลงถ้ามันเกิดปัญญามันจะมีความไม่หลง เพราะมันหลง มันจะมีความไม่ทุกข์เพราะมันทุกข์ เปลี่ยนลองดู เรียกว่า ปฏิบัติ
ปฏิบัติคือเปลี่ยนร้ายเป็นดี ภาวนาคือขยันทำดี
พ่อแม่ของความดี ปู่ย่าความดีคือสติสัมปชัญญะ เป็นต้นเหตุ เป็นเหตุทำให้เกิดความดี ไม่ใช่ไปขอร้อง ซื้อหา เป็นการกระทำเอาเอง เรียกว่า กรรมฐานศักดิ์สิทธิ์ ทำได้ไม่มีด้อย ปมด้อย กว่ากันเลย ทุกคนทำได้ ไม่ว่าเป็นคนเฒ่าคนแก่ คนหนุ่มคนสาว ชาติใด ภาษาใด ลัทธิใด เพศใด วัยใดทำได้ทุกคน ความหลงก็อันเดียว ความทุกข์ก็อันเดียว ความโกรธก็อันเดียว ไม่มีใครต่างกัน คนไหนหลง เราเคยหลงก็เหมือนกับของเขา คนไหนทุกข์เราก็เคยทุกข์เหมือนกับคนนั้น คนไหนโกรธเราก็เคยโกรธเหมือนกัน แต่มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ความหลง ความทุกข์ ความโกรธ ไม่สามารถที่จะเอาชนะมันได้เลย มันใหญ่ขนาดไหน มันไม่ต้องเรียกร้องใครมา มือที่หนึ่ง มือที่สอง มาช่วยเรา เราเอง เวลามันหลงรู้สึกตัวขึ้นมา เวลามันทุกข์รู้สึกตัวขึ้นมา เวลามันโกรธรู้สึกตัวขึ้นมา ทำอยู่ตรงนี้ มันจะไปไหนได้ มันหลง รู้ มันหลง รู้ มันหัดตรงนี้
ความหลงแท้ ๆ ทำให้เกิดความรู้ มันจะเห็นความรู้ความหลง ระหว่างความหลงความรู้สึกตัว สัมผัสไป ๆ ต่อไปเอากายเอาใจ ไปต่อเอา ๆ มันก็จะติดความรู้สึกตัวได้ งั้นความหลงมันไม่จริง ความรู้สึกตัวมันจริง ความทุกข์ไม่จริงความรู้สึกตัวมันจริง ความโกรธไม่จริง ความรู้สึกตัวมันจริง มันจะเป็นมรดกเป็นอริยทรัพย์ของเรา ไม่ต้องจนแล้วนี่ เพราะชีวิตเราไม่มีวันนี้วันเดียว และก็ไม่มีอะไรที่เราจะเกณฑ์ได้ เราอยู่กับสิ่งต่าง ๆ มากมาย คนอื่น สิ่งอื่น วัตถุอื่น เราจะไปห้ามไม่ให้คนทำกับเราอย่างนั้นเนี่ยไม่ได้ เรามาศึกษาตัวเราให้จบซะ เมื่อมันจบมันรู้อย่างนี้แล้วลุยได้เลย (ล่วงหน้า) ไม่มีอะไรที่จะใหญ่กว่าเรา ไม่มีอะไรที่ช่วยเราได้นอกจากเราเอง ฝึกฝนตนเองไป แน่นอนชีวิตคนเรา คือ ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย จะปล่อยให้มันแก่ตายไปเฉย ๆ จะปล่อยมันเจ็บไปเฉย ๆ จะปล่อยให้มันตาย พระพุทธเจ้ามาเห็นแล้วเนี่ย ต้องเหนือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
[15:01] วิธีเหนือการเกิด แก่ เจ็บตาย ก็คือเนี่ย กายานุปัสสนา เห็นกาย กายสักว่ากาย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา ถ้าเห็นไปนาน ๆ จะเฉลยตัวนี้แล้ว ถ้ายังไม่เคยฝึกตัวนี้ อะไรก็เป็นกูเป็นตนอยู่ในกายมากมาย ในตนอยู่ในกาย ในกูเกิดกับกาย เป็นภพ เป็นชาติต่าง ๆ เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เป็นเดรัจฉาน เจตนาที่มันเป็นสุขเป็นทุกข์ มันก็เป็นภพภูมิต่าง ๆ มันก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา เมื่อเราดูไป ๆ โอ๊ย มันก็เป็นอย่างนี้หนอ เวทนาสักว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา จิตที่มันคิดไปโน่นไปนี่ จิตคิดสิ่งใดก็คิดว่าเราทั้งนั้น คิดทุกข์ก็ทุกข์ คิดสุขก็สุข คิดพอใจก็พอใจ ไม่พอใจก็ไม่พอใจ ทำตามความคิด เวลามันโกรธก็โกรธไปตามความคิด ให้ความคิดพาหลอก
ความคิดนั่น หนะ บางทีไม่ได้ตั้งใจคิด มันเกิดขึ้นมาเอง บางทีมันก็มีอำนาจ ถ้าเรามาเห็น ดูไป ๆ พอมันคิดขึ้นมา เราก็รู้สึกตัวซะ พอมันคิดขึ้นมารู้สึกตัว พอรู้สึกตัวในขณะที่มันคิด โอ๊ย คิดก็ไม่ใช่จิต ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขา ค่อย ๆ รื้อถอน ๆ ออกไป ไม่หลงตรงนี้ เมื่อไม่หลงตรงนี้ ก็ไปได้ง่าย เป็นทางไป เกิดวิปัสสนา รู้แจ้งไป อย่างนี้สิ่งเหล่านี้ ต้องช่วยตัวเองให้มาก ๆ ไม่มีใครช่วยเราได้ ปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง เป็นปัจจัตตัง ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ เวลานี้ ถ้าช่วยกันมีพระบวชใหม่ มาช่วยกันเป็นเพื่อนเป็นมิตรกันเป็นกัลยาณมิตรกัน หลวงพ่อใหญ่ก็อยู่แถวนี้ สำหรับหลวงตานี่ก็ ใช้งานไม่ค่อยได้เท่าไหร่แล้ว ก็ยังขอมีส่วนร่วมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไป