แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เล่าสู่กันฟัง อย่าให้หมด อย่าให้เสื่อม นี้ การบอกเล่าต่อๆกันไป ถ้าไม่มีผู้พูด ไม่มีผู้ฟัง มันก็หมด อาศัยรูปแบบในสถานที่มีธรรม มีบุคคล มีอาหารการกินเรียกว่าสัปปายะ พออยู่กันได้ เพื่อประโยชน์ตนประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ไม่มีอะไรที่จะบริการ เหมือนกับโลกๆ มีแต่ความกรุณา ปรารถนาดีต่อกันล้นเหลือไม่รู้จักหมดจักเหือดแห้ง อยู่ในชีวิตจิตใจของพวกเรา จะคิดสิ่งใดก็ประกอบด้วยเมตตา จะทำสิ่งใดก็ประกอบด้วยเมตตา พูดสิ่งใดก็ประกอบไปด้วยเมตตา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผองสรรพสิ่งทั้งหลายจึงมีแต่การ แต่งานที่ต้องแสดงออก แล้วก็มีโอกาสได้แสดงออกเพราะเราเป็นสัตว์สังคม มีมือห้านิ้วสิบนิ้วก็เพื่อจะช่วยกันและกัน มีปากก็พอที่จะบอกผิดบอกถูกต่อกัน มีกิริยาอาการต่างๆที่พอจะแสดงช่วยกัน ให้ความหนักกลายเป็นความเบา ขอเป็นเพื่อนคนที่หลง จะไม่พาหลง ขอเป็นเพื่อนคนทุกข์ เขาจะไม่เปนทุกข์ จะเป็นเพื่อนคนที่โกรธ จะไม่โกรธ เราเป็นเพื่อนกันในรูปแบบนี้ เป็นจุดอ่อนใหม่ในชีวิตของคนเรา ถ้าปล่อยกันหลงถ้าปล่อยกันทุกข์ถ้าปล่อยกันโศก โศกเศร้าเสียใจ มันก็เป็นอันตรายต่อส่วนรวม เราจะมาหาวิธีที่จะช่วยกันให้จนได้ อย่าปล่อยปละละเลย พระพุทธเจ้าก็ถามหาแต่ผู้ปฏิบัติประพฤติอย่างนี้ พระพุทธเจ้าถามหาว่าใครที่ทำแต่ประโยชน์ตน เราก็ไม่ถามหา ใครทำแต่ประโยชน์คนอื่น ไม่ทำประโยชน์ตน เหล่าตถาคตก็ไม่ถามหา ส่วนผู้ใดทำประโยชน์ตน ประโยชน์คนอื่น ประโยชน์ต่อโลก ประโยชน์ต่อพระศาสนา อันนั้นเราถามหา มีใครอยู่ที่ไหนบ้าง สารีบุตรอยู่เมืองโน้น โมคคัลลาอยู่เมืองนี้ อนุทะอยู่โน้น มหากัสปะอยู่โน้น แม้ไม่อยู่ด้วยกัน พระพุทธองค์ก็ยังผูกพันกันอยู่ ว่าอุ่นใจ สารีบุตรอยู่ทิศใดทางใด ชุมชนที่อยู่ทางนั้นก็มั่นคงถาวร ก็เป็นเครื่องอบอุ่นใจต่อกันและกัน เรานี้ก็เป็นมนุษย์ร่วมสังคม เกิดแก่เจ็บตาย อยู่ที่ไหนก็ทำให้กันอุ่นใจ คงจะช่วยกัน คงจะช่วยกันในการทำหน้าที่ สร้างความเมตตากรุณาให้เกิดขึ้น อย่าให้เหือดแห้ง มีน้ำใจเป็นพระโพธิสัตว์ อย่าเป็นโจรเป็นผู้ร้าย รังสรรค์เม็ดหินเม็ดดินเม็ดทราย รับผิดชอบ แล้วก็ช่วยเหลือ แล้วก็ทำลงไป ในสิ่งต่างๆให้มีความเมตตาสงสารกันให้มากๆ โลกนี้จะอยู่รอด ถ้าขาดความเมตกรุณาก็เกิดหายนะได้ เราจึงมีฐาน มีมาตรฐาน มีแบบฉบับของมนุษย์ให้ได้ อย่าเป็นสัตว์
อย่างน้อยมนุษย์เราต้องมีเมตตากรุณา รู้จักวัฒนาวัฒนะให้ดีขึ้น เปลี่ยนความร้ายเป็นความดี เราก็มีหน้าที่อย่างนี้กับเราโดยไม่ขาดแคลน อะไรที่มันมาทางไม่ดีเราก็เปลี่ยนได้ การพูดการจาความคิดจริตนิสัย เราก็เปลี่ยนได้ กระตือรือร้นในการช่วยตัวเอง กระตือรือร้นในการช่วยคนอื่น พอที่แสดงออกได้ ตามฐานะของเรา เราก็แค่นี้ นะ มีอาชีพฐานะต่างๆกันไป แล้วก็มีความสำเร็จในฐานะอาชีพของเรา ตามฐานะที่เราได้ศึกษาเล่าเรียนพากเพียรปฏิบัติ อาชีพของส่วนรวมนี่ย ใครจะรู้อะไรมา ใครจะเก่งทางไหนมาก็มาช่วยกันทำ อาชีพวันนี้บอกสิกขาและธรรมคือเรื่องชีวิต เป็นอาชีพส่วนรวม นี่เราไม่มีลูกก็คิดอยากเลี้ยงลูกช่วยเขา เมื่อเขาทำงานก็อยากจะคิดช่วยเขา ทำงานอย่างไรจึงจะมีความสุข เขามีสามีภรรยา ก็คิดอยากจะให้เขามีความสงบร่มเย็น เขามีการงานทำก็อยากให้เขาสนุกไปกับการงานทำ มีเพื่อนมิตรก็อยากให้เขามีความสุขกับเพื่อนกับมิตร อยู่ที่ไหนก็อยากให้เขามีความสงบร่มเย็นไปกับการงานของเขา แม้แต่บางสิ่งก็ทำหน้าที่นี้เช่น หมู หมา หมานี้มันยังช่วยคน ดูแลบ้านเรือน รักษาความรอดปลอดภัย แม้แต่นกก็ยังช่วยเรา เก็บหนอน ปลูกพริก ปลูกต้นไม้ บางทีเราไปเก็บผักขี้เหล็กมาแกง นกน้อย นกกระจิบ มันเก็บหนอนออกให้เราก่อน ปล่อยให้มันเก็บดูซิ แต่ก่อนเคยอาสัยนกเก็บหนอน เวลามีงานมีการ หาเก็บผักขี้เหล็กมาแกงในงาน ช่วยกัน
สมัยเป็นหนุ่มเป็นสาว หาเก็บผักขี้เหล็ก เพราะเขาไม่มีฆ่าสัตว์ตัดชีวิต คนโบร่ำโบราณ แกงผักขี้เหล็ก แกงบอน เลี้ยงกัน งานกฐินงานประจำปี เขาไม่ฆ่าวัวฆ่าควายเหมือนทุกวันนี้ ก็พากันไปหาขี้เหล็กตามบ้านตามถนนหนทาง ถ้าเห็นนกมันเก็บหนอนอยู่ก็ดูก่อน หยุดไว้ก่อน ให้นกไปเก็บหนอนออกก่อน แล้วคอยเก็บตามหลัง ถ้าต้นใดไม่มีนกเก็บก็ไปเก็บ แล้วก็มาเก็บหนอนออกอีกทีนึง นกบางทีก็ช่วยเราเก็บตัวหนอน ยังเป็นหนี้นกในหัวใจ ยังเป็นหนี้หมาในหัวใจ หมาบางตัวยังทำให้เราคิดถึง ควายบางตัวทำให้เราคิดถึง วัวบางตัวทำให้เราคิดถึง สู้ทุกข์สู้ยากพาเราก่อสร้างฐานะของเราให้พ้นจากความทุกข์ความยากมา เพราะควายเพราะวัวลากล้อลากเกวียน แม้แต่พี่น้องเกิดร่วมท้องเดียวกันก็ยังคิดที่จะ ในหัวใจเรา ความทุกข์ความยากลำบาก ตอนแม่เลี้ยงเรามา เราก็ยังทำอะไร ก็ยังไม่ถึงใจ ที่จะตอบแทนบุญแทนคุณ พ่อแม่พี่น้อง วัว ควาย เรือกสวนไร่นาที่ทำอยู่ทำกิน หมู่มิตร เพื่อนบ้าน ยามทุกข์ยากยามยังช่วยเรา มีแต่ความเป็นหนี้บุญคุณซึ่งกันและกัน แผ่นดินนี้เราก็เป็นหนี้แผ่นดินนี้ อากาศเราก็เป็นหนี้ ผู้คนทั้งหลาย หลายคนที่คิดช่วยเราอยู่ ถ้าไม่มีใครคิดช่วยเรา เราก็เดือดร้อนจริงๆ นี่เพราะว่าเราเนี่ย ไม่ใช่ว่าจะดีวิเศษ ถ้าจะพูดแล้ว มีแต่คนช่วยเรา พ่อแม่ช่วยเรามาเนี่ย พระพุทธเจ้าช่วยเรา ครูบาอาจารย์ก็ช่วยเรา เพื่อนมิตรสหายทั้งหลายก็ช่วยเรา เราอยู่รอดเพราะคนช่วยแท้ๆ ชีวิตเนี้ย อันอื่นช่วยเราแท้ๆ ถ้าจะพูดแล้วน่าสงสาร น่าสงสารคนเรา ไม่ควรคิดเบียดเบียนกัน เป็นสัตว์ที่น่าสงสารมาก เลี้ยงลูกด้วยนม แล้วก็โตมาด้วยดูดเลือดของพ่อของแม่กินเป็นเนื้อของเรา เราจะไปทำชั่วได้ไง เราต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ของเราตลอดชีวิต ทุกลมหายใจ จึงจะมีค่าสมกับพ่อแม่เลี้ยงเรามา มีวัดวาอาราม มีศาสนา มีศีลมีธรรม ให้อยู่ร่วมกันสงบร่มเย็น มีแผ่นดินอยู่ มีไปไหนมีถนนหนทาง เป็นหนี้บุพการีบุคคล
ถ้าคนเกิดสมัยหลังปี 2400 ประมาณห้าหกสิบปีเนี่ย จะเห็นบุญคุณของโลกที่สุดเลย ถ้าทุกวันนี้เขาเกิดมาสมัยนี้ เขาไม่ค่อยเห็นอะไรหรอก เรายังคิดถึงหนี้บุญคุณของโลกสมัยก่อนๆ ทุกวันนี้เขาเกิดมาเขาเจอความสะดวกสบาย พ่อแม่ทุกวันนี้ เลี้ยงลูกให้เป็นจักรวรรดิตั้งแต่ตัวเล็กๆ เขาไม่มีความยากลำบากเหมือนพวกเรา พวกเราน่ะโอ๊ยยากลำบาก ใช้อะไรก็เป็นหนี้บุญคุณ มีค่า เสื้อผ้าก็ตาบปะสวมใส่ อาหารเล็กน้อยก็ทะนุถนอม ความยาก ความลำบากทำให้เราสำนึกถึงบุญถึงบาป ถ้าคนไม่เคยยากลำบากก็จะไม่เห็นความทุกข์ยากลำบากของคนอื่น เช่นเราไม่เคยหิวข้าว เราจะไม่เห็นคนอื่นเขาหิว เราไม่เคยทุกข์ จะไม่เห็นความทุกข์ของคนอื่น ถ้าเราเคยทุกข์เคยหิวเคยยากลำบาก เคยเห็นความยากลำบากของคน ในหัวใจอยากจะไปช่วย เห็นคนล้มคนตาย โอ๊ย อยากจะไปช่วย อยากจะไปเช็ดเลือด อยากจะไปลูบหน้าของเขา อยากจะไปยกมือมา ยกตัวมาวางตักของเรา อันหัวใจเนี่ย มันต้องไม่คิดอิจฉา เบียดเบียนกัน มันก็มีความสุขนะ นอนอยู่เป็นสุข ตื่นก็เป็นสุข ถ้าเรามาอิจฉาเบียดเบียนกันเนี่ย มันก็เหมือนกับเดือดร้อน เศร้าหมอง นั่นแหละธรรมแท้ๆที่เราอยู่กันได้ ธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ถ้าขาดแคลนศีลธรรมเนี่ย เกิดพินาศ เหมือนอาจารย์พุทธทาสว่า ธรรมไม่กลับมาโลกาพินาศ ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาพินาศ พวกเราที่เป็นนักบวชขอใช้ชีวิตเนี่ยส่วนนี้ ให้คนอื่นเขาทำมาหากินไป เลี้ยงลูกเลี้ยงเต้า เขาก็มีสำเร็จอาชีพ แต่เราไม่มีอาชีพแบบนั้น ถ้าไม่มีความสำนึกแบบนี้จะเป็นชีวิตที่อาภัพที่สุด ชีวิตของนักบวชเนี่ย ชีวิตที่หิวเป็น ปรทัตตูปชีวี (ปะ ระ ทัด ตู ปะ ชี วี) เป็นเปรตชนิดหนึ่ง ถ้าไม่มีธรรมประจำใจเรา พวกเราจึงมาเป็นนักบวชด้วยกัน อยู่บ้านก็เป็นนักบวช เว้นความชั่วทำความดี บวชปวัชชะ แปลว่าไป ไปจากความชั่วไปสู่ความดี ความดีที่ใดไม่หมดไม่สิ้น มีแต่งานแต่การที่จะไปต้องทำ ถ้าเราปรับตรงนี้ไม่เป็น ตั้งต้นชีวิตอย่างนี้ไม่เป็น มันก็อาภัพในชีวิตที่เกิดมา ไม่มีความอิ่มใจ มีแต่ความเหือดแห้งหิวกระหาย ไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักเบื่อ ทั้งๆที่เราก็เห็นอยู่แล้ว ย่อมละทิ้งในสิ่งทั้งปวง ไม่มีใครป้องกัน ไม่มีใครเป็นใหญ่ ไม่รู้จักอิ่ม
ถ้าเรามาดูจริงๆแล้ว ธรรมเนี่ยเป็นรสชาติที่ดีที่สุดเลย อาสัยรสนี้เลี้ยงชีวิต ไม่ใช่รสข้าวปลาอาหารอย่างเดียว รสอยู่กับโลก อันรสของโลก มันไม่รู้จักอิ่ม รสพระธรรมเนี่ยมันอิ่ม สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ (สับ พะ ระ สัง ทำ มะ ระ โส ชิ นา ติ) รสพระธรรมย่อมชนะรสทั้งปวด สพฺพรโส ธมฺมรโส ชินาติ เสียงพระธรรมย่อมชนะเสียงทั้งปวง เสียงศีลเสียงธรรม กลิ่นศีลกลิ่นธรรม มันหอม เราไม่ต้องไปหาอันหอมเลยนะ หอมจากคนอื่นบ้าง คนนั้นมีศีลมีธรรม หอมทวนลมไป คนนั้นเป็นคนดี คนนี้เป็นคนดี ทำให้เราได้กระตือรือร้นนะเอาอย่าง อย่างน้อยก็หอมพระพุทธเจ้า หอมพระธรรมหอมพระสงฆ์อยู่ในหัวใจของเรา เป็นสวรรค์เป็นนิพพานอยู่ในหัวใจของเรา กับกลิ่นไอของพระพุทธเจ้า ของศีลของธรรม ยิ่งเราไปดูประเทศอินเดียเนี่ย ยิ่งสัมผัสกับรสของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปเดินอยู่พุทธคยา ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ เหมือนกับอยู่กับพระพุทธเจ้า เห็นรอยพระบาท จงกลมพระพุทธเจ้า เราก็เดินอยู่ใกล้ๆ มันรู้สึกว่า โอ้ว อยากชวนพ่อกมไป ได้เห็นร่องรอย ได้ไอได้กลิ่นได้สัมผัส รอยมือของพระอรหันต์สมัยก่อน ประสาอะไรเรามานั่งอยู่ตรงนี้ อันนี้เราก็ไม่ได้ทำเลย ปาเก้ แต่เมื่อเราได้แสดง แสดงออกดูนะ รอยมือของเรา รอยเท้าของเรา รอยจิตใจของเราอยู่ที่ไหน พอมีรอยบ้างมั้ย 60 70 ปีเนี่ย หรือมีแต่รอยความชั่วความร้าย มันเลยเสียดแทงเจ็บปวด ถ้าเราเห็นความดีที่เราได้แสดงออกเนี่ย จะไปทะนุถนอมแรงของเราได้ไง ความดีได้ไง แสดงออกให้กันได้ ให้โลกนี้ ให้มีเหลี่ยมว่าเถอะ อย่างน้อยเราก็ไม่โกรธอย่างน้อยเราก็ไม่ทุกข์ อย่างน้อยเราก็ไม่หลง ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ปฏิบัติธรรมอย่างนี้ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ทำตนให้เดือดร้อน ไม่ทำคนอื่นให้เดือดร้อน ไม่ทำสิ่งอื่น วัตถุอื่นให้เสียหาย ทะนุถนอมแล้วจะมีความสุข ไม่ใช่ความสุขต่อเมื่อตายไปแล้ว วินาทีนี้ก็มีความสุข คือไม่หลงใหลมัวเมาเพลิดเพลินอะไรต่างๆ ปฏิบัติธรรมอยู่นี้ ละความชั่วอยู่นี้ ทำความดีอยู่นี้ ทำดีไม่จน มีทางที่ทำตลอดเวลา มีน้ำใจเป็นโพธิสัตว์ มีน้ำใจเป็นวัฒนะ มีน้ำใจเป็นนักอนุรักษ์ อนุรักษ์ รักษ์อะไร รักษ์พรหมจรรย์ ถนอมพรหมจรรย์ไม่ให้เปรอะเปื้อน รักนวลสงวนตัว หมายถึงมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา รอบรู้ เปรอะเปื้อนไม่ได้ มันก็รวย พรหมจรรย์น่ะชีวิตที่รวย ไม่ใช่เอาอะไรมาเป็นเครื่องวัดความรวย รวยพรหมจรรย์ รวยความบริสุทธิ์ รวยความไม่มีไม่เป็นอะไร เป็นความรวยเพียงพอ คนจะงาม งามน้ำใจไม่ใช่ใบหน้า โบราณท่านว่า คนจะสวย สวยจรรยาไม่ใช่ตาหวาน คนจะแก่ แก่ความรู้ไม่ใช่อยู่นาน คนจะรวย รวยพรหมจรรย์ศีลทาน ความรวย รวยแบบนี้แบ่งปันกัน ไม่รู้จักหมดจักสิ้น มีแต่แจกของส่องตะเกียง ส่องตะเกียงในที่มืด บอกคนหลงทางให้รู้ทาง หน้าที่ของพวกเรา อุบาสก ก็นั่งอยู่ที่โน้น อุบาสิกาก็นั่งอยู่ที่โน้น หลวงพ่อหลวงปู่อาจารย์อยู่ที่โน้น ต่างคนต่างแจกของส่องตะเกียง ต่อคนหลงทางให้รู้จักทิศทาง มันก็เป็นงานของพวกเรา แล้วก็อยู่ตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็เป็นอย่างนี้ แล้วก็เป็นชีวิตที่มีประโยชน์บ้าง อัตถะทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชน์ สัมปรายิกัตถะประโยชน์ ประโยชน์ในภพนี้ ประโยชน์ในภพหน้า ประโยชน์ในภพหน้า
วันนี้มันต้องเป็นวันนี้ มันจึงจะมีพรุ่งนี้ วันนี้มันจึงมีเมื่อวานนี้ แต่วันนี้ สำคัญ เราทำอะไรอยู่ เวลาล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ อาการกายวาจาอย่างอื่น ที่เราต้องทำให้ดีกว่านี้ ยังมีอยู่อีก ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ผู้รู้ใคร่ครวญแล้ว ติเตือนเราโดยศีลได้หรือไม่ เราติเตือนตัวเราโดยศีลได้หรือไม่ เรายินดีในที่สงบหรือไม่ มีทัศนานุจริยะ เห็นความสงบในชีวิตเราหรือไม่ หรือเห็นแต่ความวุ่นวาย ปติปทานุตะริยะ ไต่เต้าไปตามความสงบบ้างมั้ย หรือชอบฟุ้งซ่าน พ้นจากความกระเพื่อมได้บ้างมั้ย เรียกว่า วิมุตตานุตะริยะ เพราะมันเห็นความไม่สงบ เกิดความสงบ ความฟุ้งซ่านเกิดความปกติ มันก็มีอยู่ในเรา สนุกสอนเรา สนุกไปเถอะ สนุกอะไรก็ไม่เท่าสนุกสอนตัวเรา มันแม่นยำมันชัดเจน สมน้ำหน้าความหลง สมน้ำหน้าความทุกข์ สมน้ำหน้าความโกรธ มันไม่มีประโยชน์จริงๆ ความหลง ความทุกข์ก็ไม่มีประโยชน์จริงๆ ความโกรธก็ไม่มีประโยชน์จริงๆ ถ้าเราเอาชนะตนให้ได้ ประเสริฐ ประเสริฐสุด ถ้าแค่นี้เราชนะไม่ได้ขี้เหร่มากๆชีวิตเรา การที่ยิ่งใหญ่มา แต่เท่านี้เอาชนะไม่ได้ เราก็ต้องมองตน เตือนตน แก้ไขตนเอง แล้วเรามาสร้างแบบฉบับช่วยกัน ญาติโยมก็สำคัญ พระสงฆ์ก็สำคัญ เป็นแบบอย่างให้มันไปติดอยู่ในชีวิตของกันและกัน โดยเฉพาะปฏิบัติธรรมเนี่ย หลวงพ่ออ่านความในใจของกลุ่มที่มาปฏิบัติ ที่เขาแสดงออก มันก็ต้องมีประโยชน์ เขาแสดงออกความในใจของเขา เราก็ต้องทำให้หน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่าปล่อยกันทิ้ง ปล่อยปละละเลย ถ้ามีกรรมฐาน กรรมฐานแม่ไก่เนี่ยสำคัญที่สุด กกไข่ สีไฟ ตีเหล็ก มันต้องทำพอสมควรนะ ปฏิบัติอันเลิศ ธรรมอันเลิศ ปฏิบัติอย่างเร็ว เป็นไปไม่ได้เลย ธรรมพาหัง ปฏิบัติอย่างเลิศ บรรลุธรรมอันเลิศ เป็นของเป็นไปได้ เป็นประโยชน์ ผู้ทั้งตนเองและคนอื่น ผู้ให้จีวรบิณทบาต เสนาสนะ คิลานเภสัข เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ฟังธรรมอันเร็วให้ผลเลิศเป็นไปไม่ได้ ตีเหล็กต้องรอให้อ่อน นวดได้ จากคนพาลมาเป็นบัณฑิต เพราะมันทำให้ร้อน จากมิจฉาทิฐิ เกิดสัมมาทิฐิ เพราะทำให้คลอดออกมา ไก่ไข่เป็นไข่ พอกกไข่ ก็คลอดออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ หน่อโพธิ เอียหัวใจของมนุษย์ ถ้าเราทำถูกมันก็ออกมาเป็นโพธิสัตว์ เป็นอินทร์เป็นพรหมเป็นพระได้ คนเราเนี่ยมองกัน เหมือนทิเบตเขาสอนกันว่า ฟังเสียงทุกเสียงเหมือนเสียงพระสวดมนต์ เขานินทาสรรเสริญเหมือนเสียงพระสวดมนต์
ดูคนทุกคนเป็นพระพุทธเจ้า ในทุกคนเนี่ยเป็นพระพุทธเจ้า แต่เวลานี้เขายังไม่เป็น เวลาข้างหน้าเขาเป็นได้ มันต้องมีหน่อโพธิ อยู่ที่ไหนให้มีนิพพานอยู่ที่นั้น เอาปานนั่นล่ะ มองชีวิตของคนให้ทะลุงทะลวง เอาเนื้อ อย่ามองถึงเสี้ยนเป็นหนาม มองถึงเนื้อเขา ที่ต้องมองอย่างนี้ มีอะไรล่ะ มีเมตตากรุณา ออกหน้าของโพธิสัตว์ เอาความเมตตากรุนาออกหน้า อย่าเหือดแห้ง อย่ามองแบบศัตรูคู่อริ มองแบบโพธิสัตว์ เห็นไหมโพธิสัตว์น่ะ เสี่ยง เสี่ยงตาย แต่ว่าถ้าไม่เสี่ยง มันก็เป็นโพธิสัตว์ไม่ได้ อย่างกวางสังขะวงโพธิสัต (สัง ขะ วง โพ ทิ สัด) อยู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระเจ้าพรหมทัตชอบกินเนื้อสัตว์ ไปต้อนกวางมาไว้ในป่าอิสิ ให้ไพร่ฟ้าประชาชน เวลาพระองค์จะเสวยอาหารต้องให้พ่อครัวไปฆ่ากวางทุกวัน กวางก็เวลาพ่อครัวไปฆ่าก็กลัวตาย วิ่งว่อนอยู่ในอิสิปตน เราพาหลวงพ่อกมไปดู ยังมีเลย ทีนี้กวางโพธิสัตว์เนี่ย เห็นกวางทั้งหลายเดือดร้อน บางทีแม่กวางกำลังให้ลูกกินนมอยู่ พอพ่อครัวไปก็วิ่ง พาลูกวิ่งหนี เสี่ยงตาย ใครก็ไม่อยากตาย พ่อครัวก็ต้องยิงวันละตัวละตัว บางทีกวางน้อย กวางแก่ ก็วิ่งไม่ค่อยไหว ล้มลุกคลุกคลาน กวางโพธิสัตว์ก็ทำไงดีน้อ ต้องประชุมกวาง เอาอย่างนี้ดีมั้ยพวกเรา เพื่อว่าไม่ทำให้เดือดร้อน ให้เป็นวาระของใครของมัน จับฉลากวันนี้จะเป็นตัวไหน ให้ไปยืนที่ประตูสิ ให้พ่อครัวมายิงมาฆ่า ก็ตกลงกัน เพื่อให้กวางแก่ กวางน้อย กวางแม่ลูกอ่อน กวางแม่ตั้งครรภ์ ไม่ต้องวิ่งเดือดร้อนล้มลุกคลุกคลาน จะได้อยู่รอคิวให้เขามาฆ่า จึงไม่ต้องเดือดร้อนพวกเรา ตกลงกัน วันนึงถูกกวางแม่มานตั้งท้อง ใกล้จะออก ถูกคิวเข้า กวางแม่ตั้งท้องตัวนั้น ก็เออ..น่าจะผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่งสองอาทิตย์ พอให้ลูกน้อยออกมาก่อน ให้ตายน่ะตัวเองก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ลูกในคันตัวเองไม่รู้เรื่อง ก็คิดขอให้กวางตัวอื่นไปเข้าคิวแทน ขอเปลี่ยนกวางตัวไหนเขาก็ไม่ยอม เพราะเขาก็ไม่อยากตายแม้ชีวิตนาทีสองนาทีเราก็อยากอยู่ เหมือนเราป่วยเราเจ็บไข้ได้ป่วย หายใจไม่ออกก็อยากหายใจอยู่ หายใจไม่ได้ ก็พยายามหายใจอยู่ ไม่อยากตาย ผลที่สุดแม่กวาง แม่ตั้งครรภ์แก่ก็ไปปรึกษาใครก็ไม่ได้ พอดีมาพูดกับกวางโพธิสัตว์ มาปรึกษากวางโพธิสัตว์ กวางโพธิสัตว์ก็เลย เอ้อเอา ถ้างั้นเราจะไปเปลี่ยน เราจะไปเปลี่ยนไปตายแทนนะ กวางโพธิสัตว์ก็ไปยืนหน้าประตูครัว ประตูอิสิปตนนะ ทุกวันนี้มีมั้ย กวางเต็มไปหมดเลย พอดีนายพ่อครัวมาก็ กวางโพธิสัตว์เนี่ย ยืนสง่างามไม่หวั่นไหว ไม่เหมือนกวางตัวอื่น กวางตัวอื่นนี่มาเข้าคิวแล้วก็ร้อง ทั้งล้มทั้งยืนทั้งร้องไห้ ทั้งร้องเสียงอะไร ไม่อยากถูกฆ่าตาย แต่กวางโพธิสัตว์ยืนนิ่งสง่างาม พ่อครัวเลยเอ้า อะไรเกิดขึ้น แต่ก่อนเห็นแต่กวางทั้งหลาย ดิ้นรนร้องห่มร้องไห้ แต่กวางตัวนี้ทำไมยืนรอ เฮ้ยไม่กล้า ไม่กล้ายิง ก็เลยทราบเรื่องว่านี้คือกวางโพธิสัตว์มาอาสามาแทนกวางแม่มานตั้งท้องแก่ พ่อครัวเลยคิดได้ โอ้ตั้งแต่กวางแต่สัตว์เขายังช่วยกัน ยังเมตตากรุณา เราเนี่ยมาฆ่าสัตว์ เลยนำเรื่องนี้ไปบอกพระเจ้าพรหมทัตว่าไม่ฆ่า ทำไมไม่เอาเนื้อมา ไม่ฆ่า เพราะทราบเรื่องว่ามีกวางโพธิสัตว์มาอาสาตายแทนกวางแม่ตั้งครรภ์ พระเจ้าพรหมทัตเลยไม่กินเนื้อตั้งแต่วันนั้น ประเทศอินเดียไม่กินเนื้อนะ