แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ เราจะให้หลวงพ่อใหญ่เทศน์ก็ไม่เทศน์ นิมนต์ท่านมาอยู่นี่ซัก 4-5 วัน มาดูที่นี่ มาดูญาติโยมที่นี่ ญาติโยมที่น่ารักดี อยู่กับป่ากับดง ชุมชนที่เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ คนรักประเทศชาติ ดูแลสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือกัน ทุก ๆ องค์กร บ ว ร บ้าน วัด โรงเรียน แล้วก็เป็นบ้านน้อย ๆ แล้วก็แสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ รับธงจากพระบรมราชินีนาถ การอนุรักษ์ป่า แล้วก็กำลังจะเข้าประกวด... ระดับประเทศ ระดับเขต ระดับภาค ติดอันดับมาแล้ว
วัดป่ามหาวันมีอาจารย์ไพศาล มีแม่ชีอูฐ เป็นผู้นำที่นี่ ฝ่ายพระสงฆ์มีพระอาจารย์ไพศาล ฝ่ายแม่ชีมีแม่ชีอูฐ เหมือนกับช้างต้องเกิดอยู่ในดงนี่ กลับมาร่วมกัน เก่งกว่าวัดป่าสุคะโตแล้ว ชาวบ้านก็ให้เราร่วมกับสิ่งแวดล้อม เด็กน้อยมาวัดมากราบ มาไหว้ มีระเบียบเรียบร้อย ไม่เหมือนสุคะโตนะ ชาวบ้านมาวัด มาลักผึ้ง มีร้อย ๆ ลังก็หมด เอาตอนกลางคืนไม่ได้ มาเอาตอนกลางวันเวลาพระมาฉันข้าว เด็กน้อยมาวัดก็มาลักไก่เวลาวันเสาร์ วันอาทิตย์ ขอคืนก็ไม่ได้ ไอ้นั่นเราจึงสู้มหาวันไม่ได้ จึงเชิญพ่อใหญ่หลวงพ่อใหญ่มาดู
ญาติโยมก็มาเข้าศีลอยู่เป็นประจำ ตี 5 ไกล ๆ ก็อุตส่าห์มา อุ่นใจที่นี่ เหมือนมีที่พึ่งทางจิตวิญญาณ สืบทอดไปตลอดลูกหลาน คงจะร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันมาปฏิบัติธรรม เข้าศีลตามประเพณีของเหล่าชาวพุทธในเทศกาลเข้าพรรษา 7 วันอาบน้ำครั้งหนึ่งสำหรับชาวบ้าน อีก 4-5 วันก็ไปทำมาหากิน อยู่ในดง ดงแห่ง รูป รส กลิ่น เสียง อันนี้ไม่ใช่ดง วัดป่ามหาวันไม่ใช่ดง เป็นที่ปลอดภัยไม่มีอันตรายข้าศึกสิ่งใด แต่ชาวบ้านมีข้าศึกเยอะแยะ อยู่ในดงในป่า ป่าแห่งอวิชชา เกี่ยวข้องกับผู้กับคนกับลูกกับหลาน สิ่งแวดล้อม ต้องใช้กายใช้ใจ เปรอะเปื้อนอะไรมาบ้าง ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความพอใจ ไม่พอใจ เพราะตาได้เห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัส อยู่ทุกเวลา มีลูกมีหลาน มีงานมีการ เกี่ยวข้องการ
ถ้าจะปล่อยกายให้ไปเกี่ยวข้องกับความผิด เป็นสุขเป็นทุกข์พอใจไม่พอใจทั้งใจด้วย ให้ข้อมูลในกายในใจไม่ดี วันหนึ่งอยู่ในบ้านอยู่ในดงอาจจะหลงมาก ใช้กายผิด ใช้ใจผิด หลงในการกระทำ หลงในคำพูด หลงในความคิด ผลที่สุดก็ติดกายติดใจ การที่เขาติดมาก ๆ กลายเป็นจริตนิสัย ให้ความหลงออกหน้า ให้ความโกรธออกหน้า ให้ความทุกข์ออกหน้า ให้ความพอใจไม่พอใจออกหน้า ไม่มีสติเลย
เขาจึงมาเข้าอุโบสถ มาเข้าอยู่ มาอาบมาล้าง มีสติดูกายดูใจในรูปแบบของกรรมฐาน ดูกายเคลื่อนไหวเห็นใจมันคิด เวลาอะไรเกิดขึ้นที่ไม่ใช่สติจะรู้สึกตัวเหมือนกับล้างออก ล้างบาป เหมือนกับเพิ่มมนต์ขึ้นมา อะไรที่มันเกิดกับกายที่ไม่ใช่สติ เป็นบาปทั้งนั้น ความพอใจไม่พอใจ ความรักความชัง ความคิดฟุ้งซ่าน ง่วงเหงาหาวนอน เกิดกับกายกับใจ มีสติรู้สึกตัว อาศัยรูปแบบกรรมฐานล้างออก ปล่อยทิ้งไม่ได้ ปล่อยสิ่งเหล่านั้นทิ้งไปในกายในใจไม่ได้ มันจะเป็นเจ้าของกายมันจะเป็นเจ้าของใจ มันจะเป็นใหญ่ ใหญ่ที่ไม่เป็นธรรมครอบงำกายใจ จนเป็นภพภูมิต่าง ๆ ได้ ไปสู่อบายได้
ชีวิตของคนเรามันมีอบายที่ไม่เจริญเรียกว่า เปรต สัตว์นรก อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน ถ้าไม่มีศาสนา ไม่มีสิ่งที่ปฏิบัติต่อกายต่อใจ สิ่งที่มันถูกต้อง เราถึงต้องมาอาบน้ำ ฉีดน้ำ ทำ 7 วันอาบทีหนึ่ง ให้ได้เห็นร่องเห็นรอย ยิ่งพวกเราได้มาสาธยายพระสูตรสวดมนต์ ไหว้พระ เหมือนกับฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดง แล้วก็ได้ว่าออกไปทางวาจา จิตใส่ใจตาม เอามันลงไป เน้นลงไป ใส่ใจลงไป ตรงไหนมันมืดมันไม่เห็นอะไรก็ส่องแสงสว่างลงไป ตรงไหนมันคว่ำก็หงายขึ้นมา ตรงไหนมันปิด เปิดออกมา โดยคำพูด
พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลกนี้ พร้อมทั้งพระธรรมคำสอนอันเป็นไปเพื่อการดับทุกข์ ว่าลงไป ฉีดลงไปถึงหัวใจเรานี่ เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อนิพพาน ฉีดลงไป มันเพื่อนิพพาน ความหลงเพื่อความไม่หลง ความโกรธเพื่อความไม่โกรธ ความทุกข์เพื่อความไม่ทุกข์ นิพพานไปทางนี้ หัดเดินทางใจ หัดเดินทางใจ ใจก็มีทางเดิน ถ้าไม่หัดเดินก็เดินไม่ถูก มืดแปดด้าน จน จนใจ ไม่มีทางไป จนต่อความหลง จนต่อความทุกข์ จนต่อความโกรธ อย่าประมาท เรามีกายมีใจนี่ประมาทไม่ได้ มันจะไม่ได้ใช้มันให้คุ้มค่า เราเกิดมาด้วยกายด้วยใจมานี้ เป็นรูปเป็นนามนี้ เอามาใช้ ให้มันดี ให้มันได้ประโยชน์ มันเป็นมรรคเป็นผล มันจึงจะมีค่า ให้สมกับเราได้เกิดมาจากบิดามารดา
พ่อแม่เราอาจจะทำไม่ได้ ลูกต้องทำได้ พ่อแม่เราคือกายคือใจนี่ เราจะไม่เอากายไปทำความชั่ว จะไม่เอาใจไปคิดชั่ว ลูกพ่อนี้แม่นี้เราเป็นคนหนึ่ง มองตนอยู่อย่างนี้ อย่าให้เสียเลือดเสียเนื้อเสียน้ำนม หยาดเหงื่อแรงงานของพ่อของแม่ ตอบแทนด้วยความดีที่ลูกเป็นคนดี รักพ่อรักแม่เราก็ต้องเป็นคนดี รักผัวรักเมียก็ต้องเป็นคนดี ไม่ใช่เป็นความรักที่จิตใจอาลัยอาวรณ์ รักไม่เป็นก็เศร้าหมอง ความรักกลายเป็นความแค้นความโกรธฆ่ากันตาย เราจึงมาสอนกายสอนใจเรา ให้มันยกมือขึ้นมา
เมื่อวานนี้ไปวัดป่าสุคะโต ชาวบ้านตาย แม่ก็ตายไปแล้ว พ่อก็มาตายอีกเมื่อวานนี้ มาบวช จูงศพ หลวงตาเลยพูดว่ามีแต่ลูกชายมาบวช ยกมือขึ้นดูซิ ยกมือข้างขวาขึ้นดูสิ ทุกคนยกมือขึ้น นี่ลูกของพ่อของแม่ พ่อแม่เราไม่มีแล้ว เรานี่แหละจะเป็นผู้แทนพ่อแม่ จะทำดีแทนพ่อแทนแม่ อย่าเสียอกเสียใจ อย่าทะเลาะวิวาทกัน ให้สมานสามัคคีกันมากขึ้น พ่อแม่เราไม่มีแล้ว เราต้องใกล้ชิดกันกว่าเก่า รักกันมากกว่าเก่า สามัคคีกันให้มาก ดูแลกัน อย่าทอดอย่าทิ้ง ดำรงวงศ์ตระกูลอย่าทะเลาะวิวาทกัน ดูแลกัน ตั้งจิตใจทุกคนอย่างนี้ ในวันนี้ในวันเผาศพพ่อ บวชนี่ให้คิดอยู่เรื่องนี้ เราเอง เราเอง เราเอง ในหัวใจเราเองจะเป็นผู้แทนพ่อแม่ ทำความดีตอบแทน คิดอย่างนี้ อย่าไปเศร้าโศกร้องห่มร้องไห้ ปลุกหัวขึ้นหน่อย เข้มแข็ง
เราก็เช่นกัน โกรธไม่ได้ สงสารพ่อแม่ ทุกข์ไม่ได้ สงสารพ่อแม่ ทำชั่วไม่ได้ สงสารพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ต้องการให้เราเป็นคนชั่ว มาเข้าศีลเข้าธรรมเหมือนกับเป็นนิมิตอันดี เป็นความงามของชีวิต เป็นกิจกรรมของพวกเรา เข้าวัดเข้าวาอย่างน้อยลูกหลานก็เห็น เห็นพ่อเห็นแม่ เห็นตาเห็นยาย เห็นปู่เห็นย่าเข้าวัดเข้าวา ก็จะเป็นภาพเป็นสิ่งแวดล้อมสำหรับลูกหลาน อย่าได้ประมาทให้ศึกษาทางนี้ มาหากันชั่วช้างสะบัดหูชั่วงูแลบลิ้นก็ดี จะเป็นรอยบุญรอยความดี เหมือนเป็นที่อาศัยที่พึ่ง เหมือนเป็นที่พึ่งนะ กายพึ่งมันไม่ได้ ใจพึ่งมันไม่ได้ถ้าไม่หัดมัน มีแต่ศัตรูมีแต่อันตราย เอากายมาเป็นทุกข์ เอาใจมาเป็นทุกข์ ถ้าไม่หัด มันก็ลงโทษตัวเอง คิดก็คิดแบบกัดตอดตัวเองให้เจ็บปวด เจ็บปวดเพราะความคิด
บางทีคิดขึ้นมาฆ่าตัวตาย ฆ่าคนอื่นได้ ไม่ได้อบรมสั่งสอนจิต ไม่มีสติ แล้วเวลาใดที่เรายกมือเคลื่อนไหวรู้สึกตัวนี่แหละเป็นจุดที่เริ่มต้นที่ช่วยกาย หายใจเข้าหายใจออกรู้สึก เมื่อหายใจเข้ารู้สึก หายใจออกรู้สึก จะเห็นสิ่งที่มันเกิดกับกายกับใจ ที่ไม่ใช่ความรู้สึก เราได้เปลี่ยนมัน มันเห็น เห็นจริง ๆ เวลานอน ก่อนนอนก่อนหลับ เก็บข้าวเก็บของ ปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้ว นอนงาม ๆ ผ้านุ่งผ้าห่มให้เรียบร้อย หายใจเข้าหายใจออก มันเกิดอะไรขึ้นขณะนอน มันก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ถ้าเราไม่หัด มันมีโอกาสคิดมากที่สุดเวลานอน หาเรื่องมาคิดจนนอนไม่หลับ เป็นทุกข์เพราะความคิด เป็นอะไรต่าง ๆ มากมายจนฝันร้าย นี่เราต้องหัดให้มันนอน ให้มันนอน ไม่หาเรื่องมาคิด บอกตัวเอง ได้สอนกายได้สอนใจเต็มที่ ไม่มีใครไปทำงานทำการที่ไหนแล้วเวลานี้ ใคร ๆ ก็นอนกันหมดแล้ว เพื่อนบ้านนอนหมดแล้ว เรายังมานอนคิดอยู่นี่ไม่ใช่กาลเทศะ ผิดศีลด้วย ถ้าไม่สอนมันก็ซุกซนมาก มันมีสมอง มันเก็บข้อมูลไว้ในสมองนี่ เหมือนโปรแกรมเหมือนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ให้ข้อมูลไม่ดีมันก็ใช้ออกมาในเรื่องไม่ดี มีแต่ข้อมูลไม่ดีเต็มสมองไปหมดเลย ข้อมูลดี ๆ ไม่มีเลย ปิดบังความดี มืดบอดไปเลย
เราจึงให้ข้อมูลกายใจของเรามีสติ เป็นข้อมูลที่ดีมาก ตามพระพุทธเจ้าดู ปฏิบัติมาจนเกิดเป็นพระพุทธเจ้า นำไปสอนจนมีพระสงฆ์ตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้ามากมาย พุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ตระกูลที่เป็นพระเสขะก็มี เป็นครอบเป็นครัว นี่เราก็มีคำสอน สติเวลาอยู่กับเรา เวลานี้อยู่กับพระพุทธเจ้าวันเดียวกัน 2,600 ปีมาแล้ว ยกมือขึ้นรู้สึก เหยียดแขนเข้ารู้สึก เหยียดแขนออกรู้สึก อันเดียวกันกับอยู่กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ทำอย่างนี้ อันเดียวกันเลย อยู่กับใครก็อันเดียวกัน อยู่กับฆราวาสญาติโยมผู้หญิงผู้ชายอันเดียวกัน อยู่กับคนหนุ่มคนแก่อันเดียวกัน อยู่กับนักบวชแม่ชีพระสงฆ์ก็อันเดียวกันเป็นอันเดียวกันหมด
เรานั่งอยู่นี่ ถ้ามีสติก็เป็นคนคนเดียวกัน ถ้าไม่มีสติก็เป็นคนหลายคน ต่างคนต่างคิดไป ก็พึ่งกันไม่ได้ ถ้ามีสติแสดงว่ามีที่พึ่ง ทำอะไรอยู่ มีสติอยู่นี่เหรอ
เคยปฏิบัติอยู่ในห้อง หลวงพ่อเทียนเดินไป เราก็ปิดประตูไว้
“ทำอะไรอยู่” หลวงพ่อเทียนถาม
“มีสติอยู่นี่แหละหลวงพ่อ กำลังสร้างสติอยู่นี่”
“ปิดประตูไว้ ก็เกรงใจนึกว่านอนซะแล้ว”
“ไม่ได้นอน นั่งอยู่นี่แหละ”
“งั้นก็เห็นข้างนอกแล้วเหรอ”
“อยู่ข้างในก็ไม่เห็น เห็นแต่ข้างใน”
“ทำไมจึงเห็นข้างนอก”
“ก็ต้องเปิดประตูออกมา”
“เปิดออกมาดูซิ เห็นข้างนอกไหม”
“เห็น”
“เห็นข้างในไหม”
“เห็น”
ปฏิบัตินั้นมันเป็นอย่างนี้ อย่าปิดตัว แม้เวลาเราปฏิบัติก็เห็นข้างนอกข้างใน เวลามันคิดก็อย่าเข้าไปอยู่ในความคิด เวลามันทุกข์ก็อย่าเข้าไปอยู่ในความทุกข์ ความไม่ทุกข์ก็มี ออกมาข้างนอก เวลาเกิดอะไรขึ้นกับกายกับใจก็อย่าเข้าไปอยู่กับมัน ให้เห็นมัน เวลามันหลงก็ไม่หลงตรงกันข้าม เวลามันทุกข์ก็มีความไม่ทุกข์ตรงกันข้าม เวลามันโกรธก็มีความไม่โกรธตรงกันข้าม มองคนละมุมในตัวเรานี้ เหมือนกับเรานั่งอยู่กุฏิเดี๋ยวนี้ เห็นทั้งข้างนอกเห็นทั้งข้างใน ถ้าทำความเพียรก็ไม่ควรจะปิดประตู เกรงใจอยากถามก็ไม่กล้าถาม นึกว่านอนซะแล้ว นั่นเราก็มีตรงกันข้าม เวลามันหลงก็มีความไม่หลง แก้ให้พร้อมกันในคราวเดียวกัน ถ้าปล่อยความหลงไว้ในกายในใจ มันจะเป็นเชื้อ ถ้ามีหลงก็มีโกรธ ถ้ามีหลงก็มีโลภ มีหลงก็มีทุกข์ มีหลงก็มีรัก มีเกลียดชัง ความหลงเป็นแม่ของอกุศล เป็นแม่ของบาป ก็พอดีกับความรู้สึกตัว กับความหลงเป็นแม่ของบุญของกุศล เหมือนกับความมืดความสว่างคู่กัน
สิ่งที่เกิดกับกายกับใจเรานี้ ถ้ามีสติแก้ได้ทุกเรื่อง เฉลยได้ทุกอย่าง ไม่น่าจะจน แต่ถ้าเราไม่หัดไว้มันก็ไม่มี จน จนในความหลง จนในความทุกข์ ต้องหัดไปซะ จะได้ไม่จน จะได้เห็นรอยขีดเส้นไว้แล้ว หัดไว้ให้มันชำนาญ ยามสงบเราก็ฝึกอย่างนี้ ยามศึกเราจึงรบได้ ถ้าไม่ฝึกก็รบไม่ได้ แพ้ แพ้ความหลง แพ้ความทุกข์ แพ้ความโกรธ แพ้ทุกอย่างที่มันเป็นฝ่ายเป็นภัย เป็นผู้ที่มีภัยอยู่ตลอดเวลา มีใจก็ไม่มั่นใจตัวเอง ไม่รู้จะเป็นอย่างไร พึ่งมันไม่ได้ใจนี่ คุ้มร้ายคุ้มดี ฟู ๆ แฟบๆ อันตรายมาก เราจึงต้องหัดไว้ ๆ
ดูแลตัวเองนี่คือปฏิบัติธรรม เราก็มีกายมีใจเท่านี้แหละ มีสติเท่านี้แหละ คุ้ม มีสติ หัดรู้สึกระลึกได้ตามวิชากรรมฐาน ฝึกตน สอนตน แก้ไขตน เตือนตนเอง มีสติ ก็จะอยู่เป็นสุข ไม่มีภัย ชีวิตไม่มีภัยเรียกว่าพระอริยเจ้า ถ้าเป็นพระนักบวชเรียกอริยเจ้า ถ้าเป็นญาติโยมเรียกอริยบุคคล เป็นได้ เป็นพระทางใจ ไม่ใช่เป็นพระแบบสมมติบัญญัติ ใจร้ายเป็นผีใจดีเป็นพระ โบราณท่านว่า เป็นได้ทางจิตใจนี่ แล้วก็เป็นที่พึ่งของคนได้ ใจดีมันก็เป็นบุญ ใจร้ายก็เป็นบาป ทำบุญในศาสนาทำใจ มาจากใจ ถ้าไม่มีใจก็ทำอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ทางกายทางวาจา
วันนี้เป็นวันพระ ตื่นตั้งแต่เช้า เตรียมตัวไปทำวัตรสวดมนต์ตั้งแต่ตี 5 ชาวบ้านจะมาตี 5 ทุกวันที่นี่ก็ทำวัตรตี 4 ครึ่ง วันนี้พิเศษรอชาวบ้านตี 5 มันไกลเนอะ นี่ก็โมทนากับญาติโยม