แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เรารู้สึกอบอุ่นใจมากมีปัญญาชนศึกษาของจริงให้เราได้เห็นกับหูกับตาสัมผัสด้วยกายด้วยใจของเรา เท็จจริงอย่างไรชีวิตของเรานี้ ความจริง ความหลง ก็มีอยู่จริง มันก็หลงจริง ๆ ความหลงก็พาให้เราทำผิดพลาดได้จริง ๆ เกิดโทษเกิดภัยเกิดได้จริง ๆ ความหลงน่ะ มันจริงแต่มันไม่จริง ความไม่หลงน่ะมันจริงกว่า ให้เราได้เห็นกับชีวิตเราจริง ๆ ลองดู ของที่มันเป็นธรรมของที่เป็นอธรรม อธรรมย่อมนำไปนรก ธรรมย่อมนำให้ถึงสุขคติ นี่ก็คือของจริง ไม่เกิดขึ้นที่เราเกิดขึ้นกับคนอื่นเราก็เห็น จนมีกองทัพ มีอาวุธ มีคุก มีตาราง เพราะคนหลง เพราะเป็นอธรรม ลงทุนสร้าง ป้องกันมีตัวบทกฎหมาย เพราะอะไร เพราะป้องกันความหลงคืออธรรมที่มันเกิดขึ้นกับมนุษย์ มันจะต้องขนาดนั้นเลย สำเร็จได้แค่ไหนเพียงไร ต้นตอของมันอยู่ตรงไหนจริง ๆ มาดู มาพิสูจน์ดู อย่าไปเชื่อใคร ทำไมจึงกลัวเหลือเกิน มันน่ากลัวขนาดต้องสร้างกำแพง สร้างที่อยู่ป้องกันจนหาศาตราวุธมาป้องกันอธรรมที่มันเกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตขนาดนั้นถ้าเรามาดูจริง ๆ
มันเกิดขึ้นที่เรา ความหลงมีอยู่จริง ๆ แต่มันไม่จริง พิชิตความหลงลองดู อย่าไปเชื่อใคร ไม่ต้องมาบอกว่าความหลงมันดี ความหลงไม่ดี ไม่มีใครที่มาบอกเราเรื่องนี้ได้ นอกจากเราไปสัมผัสเอาต่อหน้าต่อตาเรา มันมีอยู่จริงไหม ความหลง มันจริงแค่ไหน ความไม่หลงมีจริงไหมพิชิตกันลองดู อธรรมและธรรมนี้พิชิตกันลองดู รู้จักเลือกได้ไหม เลือกเป็นไหมหรือจะยอมแพ้เรื่องนี้ แล้วจะอยู่กันยังไงชีวิตของเรา ไม่ใช่เราอยู่คนเดียวในโลกนี้ ถ้าหากว่าเรามีแต่หลงจะอยู่กันยังไงละ มีแต่อธรรมเกิดขึ้นกับทุกผู้ทุกคน มันจะสู้กันไม่ได้นะมนุษย์ ถ้าเรามีธรรมแล้วมันจะเก่งกว่าสัตว์ทุกประเภท คือ สัตว์ประเสริฐ คือมนุษย์ เริ่มต้นตรงไหนกันแน่ แล้วก็มีภาระแล้ว มีปัญญาหาต่อกันและกันแล้วในโลกนี้ ชีวิตของเรา เนี่ยวันที่ 26 28 29 จะมีโครงการป้องกันคนหลงยาเสพติดที่อำเภอเชียงโครต จัดมาให้เรา 200 คน มันก็ต้องขนาดนั้น ต้องมีงบประมาณ ต้องมีสถานที่ นายอำเภอเชียงโครตก็เลือกเอาสถานที่วัดเรามาเป็นสถานที่ฝึกอบรมคนหลงในเรื่องยาเสพติด ต้องลงทุนลงแรงสิ้นเปลืองขนาดไหน ความหลงเนี่ย อธรรมเนี่ย แล้วเราจะช่วยเราไม่ได้เลย ทำไมจึงให้นายอำเภอ ให้ตำรวจ ให้ผู้ใหญ่บ้านจับมาไม่อายเหรอ จับมาแล้วมานอนเฝ้าประตูวัด อบต, รปภ. อะไรต้องมานอนเฝ้าประตูวัดเพื่อไม่ให้มันหนีออกนอกวัดไปได้ มันอยู่หรือ มันไม่อยู่ มันปีนกำแพงออกไปทางไหน สำรวจไปแล้ว หายไป 10 คน 20 คน ก็ต้องตามให้ตำรวจตามก็ไม่ดี หลวงตาเป็นผู้ตามไป คนนี้อยู่บ้านนี้ บ้านเลขที่นี้ ไปบอกพ่อบอกแม่คนประเภทนั้น ให้พ่อแม่ก็รับทราบว่า คนชื่อนี้บ้านนี้เป็นลูกของพ่อนี้แม่นี้ ถ้าไม่เข้าอบรมให้สำเร็จคอร์สนี้ จะเดินอยู่ในถนนหนทางในประเทศไทยไม่ได้ทุกเส้น ต้องเดินอยู่ในป่าในดง เราจะเป็นอย่างนั้นหรือ ก็แค่ 5 วัน 6 วัน เนี่ย อบรมกันลองดู หรือจะให้ไปจับไปเข้าค่ายทหารอยู่เป็น 2 - 3 เดือน จะเอางั้นก็ได้ แต่ว่า ไม่มีอิสระแน่นอน เดินตามถนนก็ได้ จะเป็นสัตว์ป่าหรือ ถ้าหากว่าให้เกิดความเห็นอย่างนี้
เราไม่รังเกียจใคร เราจะช่วยเหลือ กลับไปเถอะ พิสูจน์ว่าต้องไปจับไม่ให้ตำรวจไปเลยเราก็ไปพูดคำนี้ มันก็ยอม ก็ยอมกลับคืนมาเดินตามกลับก้นเรามาก๋อย ๆ เนี่ย มันขนาดนั้นหรือคนเรา หื้อ จะเดินตามถนนไม่ได้เหรอ จะเอาอย่างนั้นเหรอ ตรงไหนล่ะชีวิตของเรามันคือชีวิตจริง ๆ ที่มันพึ่งพาอาศัยกันได้ มีพ่อแม่ลูกหลานพี่น้องกันนะ จะไม่ศึกษาเรื่องนี้เหรอ มาพิสูจน์ลองดู เชิญมาดู ๆ ด้วยตนเอง ๆ ต้องมาดูแบบนี้ มาศึกษาแบบนี้กัน กระทั่งมาเห็นมั้ย โดยเฉพาะปัญญาชนท่านทั้งหลายเนี่ย จะต้องใจกว้าง รับผิดชอบการเกิดแก่เจ็บตายของคนในโลก สร้างสันติสุข สันติภาพให้เกิดขึ้นด้วยมือ 5 นิ้ว 10 นิ้วของเรานะ ร่วมมือกันเถอะพวกเราอย่าทอดทิ้งกัน กำลังจะติดป้ายวัดป่าสุคะโตอาสาสมัครเขียนติดรถอีติ๊กไว้ ให้ อ.ทรงศิลป์ (หัวเราะ) ว่า อาสาสมัครสุคะโตรับช่วยเหลือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยินดีบริการ แล้วก็แค่นี้ แต่ว่าใจมันกว้าง 2 คืน 3 คืนผ่านมา หลวงตาก็ไปช่วยคนตาย คนเจ็บ ทำให้คนผู้อยู่เบื้องหลังเป็นทุกข์ก็หายทุกข์ได้บ้าง ให้มองออกว่า ความไม่เที่ยงเป็นยังไง เป็นทุกข์หรือ ไม่ใช่ ความเป็นทุกข์เป็นทุกข์หรือ การพลัดพรากจากของรักของชอบใจเป็นทุกข์หรือ ไม่ใช่ แต่เราไปอยู่ตรงนั้นทำไม ความไม่เที่ยงมันก็เป็นปัญญา ความเป็นทุกข์ก็เป็นปัญญา ทำไมจะยอมร้องห่มร้องไห้กันดู เห็นให้ชัดเจนซะ จะได้ไม่ร้องไห้ จะได้ไม่เป็นทุกข์ จะได้ขยันขันแข็งทำความดี มันมีจริง ๆ ความดีเป็นผลลัพธ์ออกมาจริง ๆ แหม ไม่สะดุ้ง เพราะบาปกรรมของตน เพราะเราทำดี ชีวิตของพวกท่านทั้งหลายจะหนุ่มน้อย กำลังที่จะต้องทำอะไรได้สำเร็จมากทีเดียว ช่วยกันช่วยตัวเราด้วยช่วยคนอื่นด้วยนั่นเป็นความสุขชนิดหนึ่งไม่มีอะไรขวางกั้นเราได้ ให้ความเตตากรุณาต่อกัน มหาสมุทร 2 มหาสมุทร ก็ขวางกั้นเราไม่ได้ ภูเขาแม่น้ำ ก็ขวางกั้นเราไม่ได้ เราต้องใจกว้าง หนึ่งล่ะเป็นโพธิสัตว์ในหัวใจเรา ที่จะช่วยสิ่งอื่น วัตถุอื่น มีน้ำใจเป็นพุทธะ รู้ตื่น เบิกบานเสมอ อย่าทำให้ตัวเองเศร้าหมอง ฝึกเอาหัดเอา สอนตนเอา มันมีให้เราเห็นอยู่ ใช่มั้ย บางที่มันเบื่อหน่ายมีไหม บางทีมันท้อถอย คิดฟุ้งซ่าน หมู่นี้มันมาแสดงเป็นฉากออกมา เราก็เรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่นิ่งดอก เพราะว่ามันเป็นกายสังขารจิตสังขารเป็นรูปเป็นนาม เป็นรูปก็ไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นั่งนานสักหน่อยก็เกิดเวทนาเป็นสุขเป็นทุกข์ได้ หิว ร้อน หนาว ก็เป็นสุขเป็นทุกข์ได้ เรามาเห็นให้มันจบไปซะ นี่คือทุกข์หรือ นี่คือสุขหรือ นี่ความไม่เที่ยงหรือ นี่คือความไม่ใช่ตัวตนหรือ เห็นจบไปแล้ว จบตั้งแต่อยู่วัดป่าสุคะโต อะไรที่เกิดขึ้นมาก็รู้แล้ว อะไรที่มันเกิดขึ้นเคยเป็นทุกข์แทนที่เราจะเอามาเป็นทุกข์ เป็นสุข เราก็บอกว่ารู้แล้ว ๆ อัญญาสิ ๆ รู้แล้ว ๆ พระพุทธเจ้าเทศนากัณฑ์แรกมีผู้ฟัง 5 คน มีอัญญาโกณฑัญญะ มีวัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ อัญญาโกณฑัญญะเนี่ย ชื่อโกณฑัณญา พอพระพุทธเจ้าแสดงธรรมไป จิตใส่ใจตามมันอยู่กับเรา พระพุทธเจ้าพูดเป็นเสียงออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า มันก็อยู่กับเรานี่ ว่ามีสติเห็นกายอยู่เป็นประจำ เห็นกายในกายเป็นประจำ ถอนความพอใจและความไม่พอใจในกายในโลกออกเสียได้ มีสัมปชัญญะ มีสติ ทำลองดูตามคำพูด มีมั้ย ในกายเป็นชีวิต เกิดขึ้นเพราะกาย เป็นตัวเป็นตนเรื่องกายอะไรบ้าง เป็นภพ เป็นชาติเกี่ยวกับกาย เป็นสุขเป็นทุกข์เกี่ยวกับกาย เป็นความรัก ความชัง พอใจเสียใจ เป็นอะไรที่เกิดกับกาย ถอนออกมาได้มั้ย มีสติสัมปชัญญะ ถอนออกมา วางออกมา มารู้สึกตัว ที่ไหนก็ที่นั้น หนึ่งครั้งก็รู้หนึ่งครั้ง มันก็ชำนาญได้ แต่ที่แรกก็ต้องฝึกหัด มีเวทนาในเวทนาเป็นประจำ เป็นสุขเป็นทุกข์ มีสติสัมปชัญญะถอนความพอใจและไม่พอใจในเวทนาออกเสียได้ อย่าเอาเวทนาเป็นสุข อย่าเอาเวทนาเป็นทุกข์ เป็นสักว่าเวทนา ไม่ใช่ตัว ใช่ตน เวทนาไม่ใช่ตัวใช่ตนถอดออกมา โกณทัญญะพราหมฟัง โกณทัญญะรู้ไป ๆ ทำไปด้วย รู้ไปด้วย พระพุทธเจ้าเทศน์ไปด้วย แสดงธรรมไปด้วย ก็เห็นอยู่เหมือนกับฉายภาพให้เห็น ของจริงของเท็จยังไง พระพุทธเจ้าแสดงวิธีการกระทำ อัญญาโกณทัญญะ ก็นึกว่า อ๋อ ในใจคืนความรู้สึกเข้าไปในจิตใจ คิดในจิตใจของท่าน เขาว่ารู้แล้ว ๆ เหมือนกับเราฟังครูอาจารย์สอนเล่าเรียนวิชาในศาสตร์ต่าง ๆ มา รู้แล้ว 2, 5 บวกกันเป็นเท่าไหร่ 2, 5 บวกกันเป็น 10 รู้แล้ว เป็น 11 ไม่ถูกต้องเป็น 9 ก็ไม่ถูก มันต้องเป็น 10 2, 5 บวกกันเป็น 10 รู้แล้ว ๆ ที่ไหนก็ตอบแบบนี้ ความถูกต้องมีอย่างนี้ ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวใช่ตนแท้ ๆ เอามันไม่เที่ยงมาเป็นสุขเป็นทุกข์ทำไม โกณฑัญญาพราหมฟังไปก็เลยรู้แล้ว ๆ เรียกว่า อัญญาสิ ๆ แต่ก่อนก็โกณฑัญญา ๆ พอรู้แล้ว ๆ ก็ให้สรรพนามนำหน้าว่า อัญญาสิวัฒโภโกณทัญโญ ๆ อัญญา
รู้แล้วหรืออัญญารู้แล้วหนอ อัญญาก็ตอบว่ารู้แล้ว ๆ ความรู้ที่เห็นเข้าไป ไม่ใช่รู้แบบจำ รู้แบบพบเห็น การกัมฐาน
วิชากัมฐานไม่ใช่สอนให้จำเอา เป็นการสอนให้พบเห็นเอา สัมผัสเอา ไม่มีคำถาม ไม่มีคำอธิบาย ประจักษ์แจ้งแก่ผู้ปฏิบัติเอง น้อมมาใส่ตัวเราเอง เป็นปัจจัตตังของผู้กระทำเอง นี่มันจริงขนาดนี้ ไม่ต้องถามกัน ความทุกข์มันจริงไหม ความไม่ทุกข์มันจริงไหม ความหลงมันจริงไหม ความไม่หลงมันจริงไหม แค่นี่เราก็ไปเสียเปรียบมัน เราเคยเสียเปรียบความทุกข์ เราเคยเสียเปรียบความหลง เสียเปรียบความโกรธจนจนเกิดปัญหาแก่ตัวเองและคนอื่น ถ้าเราทุกคนมารู้เรื่องนี้ มาเชื่อเรื่องนี้ อันอื่นมันก็รู้ ถ้ารู้ตัวเองเรารู้คนอื่นด้วย เห็นคนอื่นหลงเราก็แทนที่เราจะโกรธเขาก็เห็นใจเขา แต่ก่อนถ้าคนอื่นหลงคนอื่นโกรธเราค่อยโกธรตามเขา เขาด่าเรา เราก็โกรธตามเขาด่า คนที่ด่าเราได้เพราะเขาหลงแล้ว เขาทำอะไรผิดก็คือเขาหลงแล้ว ความหลงเป็นเหตุทำให้เขาทำผิดพูดผิดคิดผิดไป เราก็รู้จักหลบ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนทั้งหลาย หลีกช้างสิบวา หลีกคนบ้าร้อยเส้น เคยหลีกช้างไหม หลวงตามาทางเขาใหญ่ ขากลับจากไต้หวัน ข้ามเขาใหญ่มา ช้างดอตัวหนึ่งมันถือพต มายืนอยู่กลางถนน เพราะมีรถฝรั่งคนหนึ่งอยู่ข้างหน้ามันทางโน้น เราก็จอดทางนี้ ช้างมันอยู่ตรงกลาง มันเห็นรถเรามันก็เลย (ง้วน) มือมาวิ่งมาใส่รถ หลวงตาก็บอกบอกว่าอย่ากดแตรนะ ถอยหลัง ๆ มันวิ่งมา บึ้น ๆ หน้าบึ้งตึงมันจะทุบรถเรา เข้าไปชิดที่สุดเลย เราก็บอกถอย ๆ อย่ากดแตร อย่าเปิดไฟ ถอยอย่างเดียว ถอย ๆ มันท่าจะวิ่งใส่เรา เราก็ขับรถเร็วเข้าถอยหลังไป ทางนี้ ทางโน่น เราก็ถอยไป ๆ ไป ๆ มา ๆ หูมันก็ผึ่งออกหันหัวกลับไป ไปจับพตไม้มาตีโน่นตีนี่ มันดอ ช้างดองามันแค่นี้ น่าสนุกหลีกช้างสิบ (วา) ไปสู้มันไม่ได้ และไม่มีประโยชน์อะไร ข้างไหนจะหลบก็หลบไปก่อน พอเสร็จเราก็ปลอดภัย เดิมไปยืนข้างทาง เรายังขับรถไปยืนใกล้ ๆ มันอีก ไม่กลัวมันนะ เอากล้องมาถ่ายมัน บอกว่าอย่าเปิดแฟลชนะ ช้างมันไม่ชอบแฟลช ให้ท่านโน้สถ่ายภาพมันดูเล่น ๆ อันนี้ช้างจริง ๆ นะ ไม่ใช่คำพูด อดีตช้างสิบวาอดีตคนบ้าร้อยเส้น คนบ้าร้ายกว่าช้างนะ เพราะงั้นควรที่ใดหลง ควรไล่ทุกข์ ให้รู้จักหลบจักหลีก ให้พูดเวลาเขาโกรธ เวลาเค้าดุเค้าด่ากันเราอดไว้อย่าไปพูดกับเขา อดไว้ก่อน ๆ ทนไว้ก่อน ไม่จริงหรอกสักหน่อยเค้าก็หยุดลง แค่นี้เราก็รู้ รู้เรารู้เขา เราจะช่วยคนเราจะดูแลคน เราจะสัมผัสกับผู้กับคนเราต้องรู้เรา รู้เรื่องนี้จริง ๆ รู้เรื่องความหลง ความรู้ รู้เรื่องความทุกข์ ความไม่ทุกข์ รู้เรื่องความโกรธ ความไม่โกรธ รู้เรื่องความผิด ความไม่ผิด มันเปลี่ยนได้จริง ๆ ให้เป็นนักกีฬาให้เป็นแชมป์เรื่องนี้กันบ้าง เปลี่ยนความผิดเป็นความถูก เปลี่ยนความหลงเป็นความรู้ เนี่ย เปลี่ยนอะไรที่มันไม่ดีให้เป็นเรื่องดีเรื่องที่ถูกต้องให้มันเก่งเรื่องนี้ลองดูซิ จะเป็นอย่างไรโลกนี้ ชีวิตเราจะเป็นยังไง มันก็พ้นภาวะเก่าไหม ภาวะเก่ามันคืออะไร เคยทุกข์ เคยสุข เคยโกธร เคยหลงมันก็พ้นได้จริง ๆ หลวงตาพูดอยู่เสมอว่า ความหลงเป็นครั้งสุดท้าย ความโกรธเป็นครั้งสุดท้าย ความทุกข์เป็นครั้งสุดท้ายด้วย น่าเสียใจจริง ๆ เสียดายจริง ๆ ชีวิตของเรานี้ ทำไมไปเสียเปรียบความหลงความโกรธทำให้กันเดือดร้อน บางทีความโกรธความหลงทำให้พ่อแม่เดือดร้อนด้วย ใคร ๆ ก็เดือดร้อน เพราะความไม่ดีของเรา ทำไมจึงทำงั้น มันเปลี่ยนได้อยู่ อย่างพระสวดบังสกุลได้ยินไหม อนิจจา วต สังขารา อุปปทาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข พระ แปลว่าอะไร เรารู้อะไร ได้บุญแล้วหรืออุทิศส่วนบุญได้บุญแล้ว แต่ว่าบังสุกุลให้หลวงตา หลวงตาเอาไปกินเหล้าได้เงินได้ทอง ได้เสื้อได้ผ้าได้จีวรมันอยู่ตรงไหน อนิจจา วต สังขารา สังขารเกิดขึ้นแก่เราแล้วหนอ มันปรุงแต่งแล้วหนอ เมื่อเที่ยงดีอยู่เดี๋ยวนี้มันหลงมันโกธรทำไม เมื่อเช้าก็ยังรักกันอยู่เดี๋ยวนี้มาทะเลาะกันทำไม โอ้นี้เป็นผลงานของสังขารหนอ สามีภรรยาทะเลาะกัน เพื่อนทะเลาะกัน พ่อแม่ทะเลาะกับลูก สังขารทั้งนั้น ไม่ใช่พ่อกับแม่ ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่เพื่อน ถ้าใช่เพื่อนอันตัวนั้นเป็นตัวสังขาร เพื่อนเรายังเป็นเพื่อนอยู่ เพื่อนทะเลาะกันไม่เป็น เวลามันเกิดทะเลาะกันน่าฝีมือของสังขาร มันเกิดขึ้นแก่เราแล้วหนอ อุปทาวัติธรรมิโน ไปยึดไว้ทำไม นึกว่าเราหรือ ความโกรธความเคียดแค้นชิงชังเป็นตัวเราหรือ อย่าไปยึด วางดูซิอุปทาวัติธรรมิโน อุปชิตวา นิรุชชันติ วางได้อยู่ ๆ เวลามันโกรธ เราไม่โกรธก็ได้ อย่าพูดในเวลามันโกรธ อย่าทำอะไรในเวลาโกรธ อดสักหน่อย ละได้อยู่ ๆ อุปชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุขโข เมื่อทำความโกรธให้เป็นความไม่โกรธได้ อยู่เป็นสุข ๆ ดีกว่าเป็นความโกรธ ความไม่โกรธดีกว่าความโกรธ เปลี่ยนลองดูมันจะเป็นหลายภพหลายชาติไปเลย ตัดกันตรงนี้ ไม่ใช่ไปเก่งเรื่องใด พวกเราสอนกันแบบนี้ ไม่ได้สอนให้ท่านมีวุฒิภาวะ ได้ตำแหน่งอะไร ไม่ใช่ ๆ เป็นคุณธรรม ถ้าเป็นความงามงามภายใน ภายนอกอาจจะไม่งามขี้เหร่ แต่ภายในมันงาม ถ้าเป็นความรวยก็รวยภายใน ภายนอกอาจจะยากจน มีบาตรใบเดียวขอกินแต่ภายในมันมั่งมี ไม่เคยจนในเรื่องนี้เลย มีความอิ่มใจมีความปกติอยู่เป็นปกติ จะเจ็บจะป่วยก็ปกติ จะหิวจะร้อนจะหนาวก็ปกติภายในของเรา อยากให้เราทุกคนมาสัมผัสเรื่องนี้ให้ได้ มันเป็นคุณค่าชีวิตเราจริง ๆ เนี่ย ไม่มีวิธีใดที่จะสอนกันได้ ช่วยกันได้ นอกจากมาช่วยกันทำอย่างนี้ หัดทำอย่างนี้ให้เห็นเอง หัดเดินเอาเองหัดลุกหัดนั่งเอาเอง ตั้งไข่เอาเองเหมือนเด็กตั้งไข่ พ่อแม่หัดให้ลูกนั่ง ตั้งไข่ ๆ พอมันตั้งขึ้นมา พอมันเซไปกลับมาตั้งเอง เซทางนี้ก็ หัดตั้งไข่โตมาก็แข็งแรง เวลามันวิ่งไปมันล้ม เวลามันล้ม แม่ก็บอกว่า คุบหนู ๆ ลุกขึ้น ๆ เด็กน้อยก็ลุกขึ้น มันล้มมันก็ล้มเอง มันลุกก็ลุกเอง ไป ๆ มา ๆ มันเลยเก่งเลยนะ เหมือนพวกเรานี้ เก่งอะไร เดินได้ด้วยฝีเท้าของเราเอง เราโกรธ เราก็แก้ความโกรธได้ด้วยตัวเราเอง มันทุกข์ เราแก้ทุกข์ได้ด้วยตัวเราเอง มันหลง เราก็แก้หลงได้ด้วยตัวเราเอง พอตัว ในโลกนี้จะเป็นอะไร เราลุยมันได้เลยถ้าเรารู้ตรงนี้แล้ว ทำไมจึงไม่ต้องศึกษาเรื่องนี้กันจะให้โกรธจนตาย หลงจนตาย ทุกข์จนตายหรือเรา เนี่ย มาเป็นสักขีพยานเรื่องนี้ว่ามันจริง อย่างนี้ ความหลงก็หลงจนทำชั่วติดคุกติดตาราง ความโกรธก็ทำชั่วจนฆ่ากันตาย แยกย้ายกันทิ้งครอบ ทิ้งครัวทิ้งผัวทิ้งเมีย ทิ้งเพื่อน ทิ้งบ้าน กระโดดน้ำตายเพราะความโกรธ ผูกคอตายเพราะความโกรธ เอาปืนมายิงตัวตาย ก็เพราะความโกรธตาย ฆ่าตัวเองก็ได้ ฆ่าคนอื่นก็ได้ อันนั้นล่ะเป็นฝีมือของความโกรธ เป็นโทษสังขาร เป็นเจ้าสังขาร มันปรุงมันแต่งเฉย ๆ สังขารมันไม่จริง วิสังขารมันจริง สังขาร คือความหลง วิสังขาร คือ ความรู้สึกตัว สังขาร คือ ความโกรธ วิสังขาร คือ ความไม่โกรธย่างนี้มันจริงอย่างนี้ สงฺขาราปรมาทุกขา สังขารเป็นทุกข์ นิพานัง ปรมัง สุขัง นิพพาน เป็นสุข คือ วิสังขาร นิพพานเป็นวิสังขารไม่ปรุง หยุดแล้ว เราหยุดแล้ว ๆ เธอยังไม่หยุด
พระองคุลีมาล เป็นโจรร้ายไปดักฆ่าคนอยู่ข้างวังสาวัตถี ทหาร พระมหากษัตริย์ พระเจ้าปเสนทิโกศล จะไปประกาศให้ทหารหาญไปล้อมจับองคุลีมาล แม่ พ่อ ขององคุลีมาลได้ยินเข้าก็ย่อมคิดถึงลูก ลูกนี้จะเป็นขนาดไหนก็ตามต้องคิดช่วย คิดช่วยลูก บ้านขององคุลีมาลกับบ้านของอนาถบิณกเศรษฐีใกล้ ๆ กัน มีฐานะเท่าเทียมกันระหว่าง 2 ครอบครัว เนี่ย เห็นแต่กองอิฐใหญ่โตมาก หลวงตาเคยไปดูแล้ว พระพุทธเจ้าก็อยู่เชตวันใกล้ ๆ นั่น นอกเมืองก็อยู่แถว นั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจะไปจับองคุลีมาลฆ่าทิ้งมันเป็นโจรร้าย ประกาศ พระพุทธเจ้าก็มาคิดว่า เอ๊ ทำอย่างไรดี ถ้าแม่พ่อ ขององคุลีมาลต้องไปบอกลูกให้ลูกหนี ว่า ลูกเอ๋ยเขาจะมาจับเจ้าแล้ว ลูกหนีจากนี้ไป อย่ามาอยู่นี่ ถ้าพ่อแม่ไป บางทีพ่อแม่ไปพูดกัน พ่อไม่กล้าไปแม่อาสาจะไปดูสิ ใช่ไหม แม่นี้หนักแน่นไหม พ่อไม่กล้าไป แม่ก็ว่าฉันจะไป โสตาย ถ้าลูกมันฆ่าก็จะยอมให้มันฆ่า น้ำใจผู้หญิงน่ะ รักลูกที่สุดเลย พระพุทธเจ้าทราบเรื่องนี้เข้าก็เลยกลัวองคุลีมาลจะจำแม่ไม่ได้ แม่เดินไปตอนเช้า ลูกเอ๋ย อหิงสกะกุมาร ชื่ออหิงน่ะ อหิงสกะกุมาร พอมาฆ่าคนตายได้ชื่อองคุลีมาลเพราะเอากระดูกนิ้วมือมาห้อยคอ องคุลี คือ กระดูกนิ้ว คุลี คือ นิ้วมือแต่ก่อนอหิงสกะกุมาร ชื่อดีน่ะ ไม่เบียดเบียนใคร พอไปถูกหลอกแล้วก็เกิดฆ่าคนเลย ในบัดเนี่ย พระพุทธเจ้าก็ไปก่อน แม่ขององคุลีมาลที่จะไป ถ้าฆ่าแม่ตาย องคุลีมาลนี้จะเป็นอนันตริยกรรม เป็นบาปหนัก ไม่มีบุญอะไรในชาตินี้จะไปช่วยองคุลีมาลลองดู ก็ไป พอไปองคุลีมาลเห็นจับดาบพรึ๊บออกมา ถ้าเป็นแม่ไปเสร็จแล้ว แล้นไม่ไหวแล่ว ผู้เฒ่า (แล้นไม่ไหว ภาษาอีสาน หมายถึง วิ่งไม่ไหวแล้ว) พระพุทธเจ้าไปองคุลีมาลก็วิ่งออกจากเชตวันมาจับดาบ หยุด วิ่งใส่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็วิ่ง ใช่ไหม ต้องวิ่งนะ องคุลีมาลบอกว่า หยุด ๆ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เราหยุดแล้ว เธอยังไม่หยุดเลย หยุดอะไรยังวิ่งอยู่นั่น ทำท่าหรือทำไมโกหก ตัวเองยังวิ่งอยู่ว่าหยุดทำไม หยุดทำบาปทำกรรม แล้วเราหยุดทำชั่วแล้ว แต่เธอยังจับดาบไล่ฟันเราอยู่ เธอยังไม่หยุดเลย คิดได้ทันทีใช่ไหม (อุปโถ) เราเนี่ยจับดาบจะฆ่าคนนะ พระพุทธเจ้าสั่งเราให้หยุดแล้ว เราหยุดแล้วไม่ทำบาปทำกรรมอีกแล้ว คิดได้ คิดได้ทันทีเลย องคุลีมาลก็เป็นคนมีสติปัญญานะ (อุปโถ) เราเนี่ย มันขนาดนี้หรือมาดูคอตัวเองมีแต่กระดูกนิ้วมือ ดาบก็วาง มีแต่เลือด โอ้ นี่หรือที่ได้ยินเขาว่าโอรสาธิราชของพระเจ้าสุทโทธนะที่ออกบวชเป็นองค์นี้กระมัง ไม่เคยได้ยินคำพูดอย่างนี้เลย ทิ้งดาบไป นี่แหละสิถัตถะกุมารที่ออกบวชเป็นพระพุทธเจ้าอาจจะเป็นองค์นี้กระมัง นานเหลือเกินที่ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ทิ้งดาบลงหมดแรงก้มลงร้องไห้ทันที
พระพุทธเจ้าก็กลับมา มาปลอบใจ มาปลอบใจ องคุลีมาลก็เศร้าหมองที่สุดเลยเห็นตัวบาปตัวกรรมของตนที่ทำมา กลับใจเดินตามพระพุทธเจ้าไปเข้าเชตวัน เข้าเชตวัน พระพุทธเจ้าก็อบรมสั่งสอนน้ำตาร่วงไหลเสียใจว่า ไม่เงยหน้าเลยก้มตลอดเวลา พระพุทธเจ้าเทศน์พระสารีบุตร พระอานนท์ พระโมคลานะ ช่วยอบรมไม่เป็นไรองคุลีมาลเอ๋ย ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนกลับเนื้อกลับใจเสียใหม่ซะ มีแต่ร้องไห้ มันขนาดนี้แล้ว ให้เขาบวชเสียไม่บวชไม่ปลอดภัย เดี๋ยวนี้พระเจ้าเจ้าปเสนทิโกศล กำลังจะจับโจรองคุลีมาลอยู่แล้ว มาบวชเสีย โกนหัวให้ว่า เธอจงบวชเป็นภิกษุใหม่เถิด ธรรมวินัยเรากล่าวไว้ดีแล้ว จงมาประพฤติธรรมให้ดี เพื่อสิ้นทุกข์เถิดนะองคุมาลนะ องคุลีมาลก็ห่อมผ้าจีวรนั่งเศร้า พอดีพระเจ้าเจ้าปเสนทิโกศลประกาศจับโจรแล้ว แค่ออกไปจับโจรจริง ๆ มักจะมากราบทูลพระพุทธเจ้าโดยพาอำมาตย์มาทางเชตวันทิศตะวันออกของเมือง ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ไปกราบกับอำมาตย์ทหารหาญทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าจะไปจับองคุลีมาล ฆ่าทิ้งเสีย มันทำบาป ทำกรรมฆ่าคนตาย มันอยู่นี่ขอพระองค์จงให้ความเห็นแก่ข้าพเจ้าให้ทำอย่างไรดี พระพุทธเจ้าก็ว่า ถ้าองคุลีมาลเป็นคนดีกลับตัวไม่เป็นโจรผู้ร้าย ข้าพระองค์จะทำอย่างไร พระเจ้าปเสนทิโกศล ข้าพระองค์จะอุปฐากเหมือนกับสงฆ์ทุกรูปเลย ถ้าองคุลีมาลเป็นคนดี ถ้าเขาบวชข้าพเจ้าจะอุปฐากให้จีวรให้บิณบาตรถ้าองคุลีมาลบวชได้ พระพุทธเจ้าชี้นี่องค์คุลีมาลนั่งอยู่นี้ องค์คุลีมาลนั่งอยู่ข้างหลังนี่ พระเจ้าปเสนทิโกศล (เงิบ) เสีย โอ้ก็เป็นประมาณนี้แหละ ท่านก็ก้มกราบให้คารวะให้อุปฐากให้จีวรบิณบาตร ขอเป็นอุปฐากให้ดีไปเรื่อย ๆ ไป อยู่ในละแวกเชตะวันไปบิณบาตรตอนเช้า มีหญิงท้องแก่คนหนึ่งจะไปตักน้ำจำได้ องคุลีมาลไม่ใช่คน(กระท้อยกระแท้) เป็นคนสวยสูงงาม เพราะเป็นลูกของเศรษฐี เห็นหญิงคนนั้นก็จำได้ พอจะออกประตูวัดจะไปบิณฑบาตหญิงคนนั้นหาบ (คุ) ไปอ้อมกำแพงไปเห็นแกเข้าสะดุ้งเลย โอ้ย ตกใจกลัวองคุลีมาลจะฆ่า เลย (สะเหล่สะหลา) ไป หาบน้ำไป องคุลีมาลก็พูดว่า ยะโตหัง ภะคินี ใช่มั้ย ใครได้สูตรนี้บ้าง หลวงตาเอาไปเป็นคาถาทำให้ออกลูกง่าย แต่ก่อนเป็นหมอตำแยนะมาเสกใส่น้ำ เอามา ยะโตหัง ภะคินีอะริยายะ ชาติยา ชาโต มานะน้องหญิง องคุลีมาลไม่ทำบาปทำกรรมอีกแล้วขอน้องหญิงลุกขึ้นมาซะให้มีความสุขเถิด แม้แต่ลูกอยู่ในครรถ์ของน้องหญิงก็ให้มีความสุขเถิด พอพูดคำนี้ออกไปหญิงผู้นี้คลอดลูกทันทีเลยเอามาเป็นคาถาทำให้เสกน้ำมนต์ให้คลอดลูกง่ายเท่าทุกวันนี้ มีอยู่ทั่ว ๆ ไป