แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ฟังธรรมกันนะ ปฏิบัติธรรมกันเถอะพวกเรา เอาสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเรานี้ นอกตัวเรามาเป็นเรื่องปฏิบัติ เพราะเรามีหลักคือมีสติ เราสร้างสติ มีสติ เพื่อสติทำงานการใช้ชีวิต สิ่งใดที่เกิดขึ้นในกาย นอกกาย ในใจ นอกใจ เอามาเป็นเรื่องปฏิบัติ เอาสติเข้าไป เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ สิ่งที่มันเกิดกับกายกับใจเรานี้ หลงเปลี่ยนเป็นรู้ มันทุกข์เปลี่ยนเป็นรู้ มันโกรธเปลี่ยนเป็นรู้ มันมีอะไรเกิดขึ้น ขี้เกียจ ขี้คร้าน ง่วงเหงาหาวนอน กิเลสตัณหาเปลี่ยนเป็นรู้ นี่เรียกว่าหัดตนสอนตน มันเปลี่ยนได้จริง ๆ เชื่อมั่น เชื่อฝีมือ เชื่อธรรมะ เป็นหลักปฏิบัติ
แต่ก่อนนี้ไม่มีใครบอกใครสอนเรื่องนี้ ไปถือโน่นถือนี่ ยึดโน่นยึดนี่ เอาความดีจากอันอื่น เอาความผิดความถูกใส่สิ่งอื่น ไม่ได้เห็นตัวเอง ความสุขความทุกข์ก็เอาจากสิ่งอื่น พอดีวิเศษก็ให้อันอื่นพาดีวิเศษ คาถาอาคม พกเครื่องรางของขลัง ถือฤกษ์งามยามดี วันเวลา อะไรต่าง ๆ เอาความผิดเอาความถูกจากสิ่งนอกกายนอกใจ ไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย
พอมาพบหลวงพ่อเทียน หลวงพ่อเทียนสอนเรื่องนี้ สัมผัสลองดู สัมผัสลองดู มีสตินี่ ใช้ได้ตั้งแต่ต้นไปทีเดียว ไม่เหมือนธรรมอันอื่น ปฏิบัติธรรมนี้เป็นปัจจัตตัง ทันทีเลย มีประโยชน์ มีอานิสงส์ เกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติ ก็รับผิดชอบเรื่องนี้ เมื่อปฏิบัติอย่างนี้ก็เห็นอะไรเยอะแยะไปหมดเลยในโลกนี้ ที่ไม่ถูกต้อง มันเป็นกิจเป็นงานเป็นหน้าที่ เสนอ จิตอาสาเข้ามาทันที เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลวงพ่อเทียนทันทีเลย บางทีก็อยากออกหน้าด้วย มันมีแนวร่วม ในเรื่องความคิดเห็น การปฏิบัติธรรม อะไรต่าง ๆ ความเป็นอยู่ ในหมู่คณะ ในสิ่งแวดล้อม ล้ำไปก็มีบางอย่าง อะไรไม่ดี อะไรควรจะดี อะไรควรจะช่วยกัน มันเป็นไปเอง เมื่อมีเกณฑ์ชี้วัดความถูกต้องที่มีในตัวเรา นอกตัวเรา เป็นสากล ก็มั่นใจว่า เออชีวิตของคนนี่ ถ้ามาศึกษาเรื่องนี้ ต้องเป็นอย่างนี้ทุกคน ผู้มีปัญญาชนไม่ใช่คนพาลยอมรับได้ แล้วเกี่ยวข้อง ต้องเป็นแน่นอนเรื่องนี้ ต้องมีผู้ที่เกิดแนวร่วมยอมรับเรื่องนี้มากขึ้น ก็เกิดหน้าที่โดยตรงทันที เมื่อมีคนยอมรับก็มองอะไรทุก ๆ อย่าง ทะลุทะลวงไปหลายอย่าง มันก็ได้มีโอกาสได้บอกความเท็จความจริงออกไปเรื่อย ๆ ไป บางทีก็ไปกับหลวงพ่อเทียน ไม่ใช่ออกเองด้วยตัวเอง นี่คือธรรมนำพาไป เห็นอะไรต่าง ๆ รู้ผู้ รู้คน รู้คำสอน รู้สถานที่เป็นอย่างไร ถูกต้องผิดอย่างไร ก็เคยเห็นมาเรื่องนี้ แล้วจึงมั่นใจที่สุดเลยการปฏิบัติธรรมนี่ เพราะมันแก้ได้ มันเปลี่ยนได้ คัดเลือกได้ในตัวเรานี้ มันมาอะไรก็รู้เข้าไป มันขยันตรงนี้ ขยันเปลี่ยนร้ายเป็นดี อย่าให้มันมีความไม่ดีเกิดขึ้นที่กายที่ใจ แม้ความไม่ดีเกิดขึ้นจากนอกกายนอกใจ ก็ไม่ทอดทิ้ง ถือว่าเป็นการบ้าน ทำไม่ได้ก็พยายามทำ จึงเป็นความชอบเกิดขึ้นในชีวิตจริง ๆ การปฏิบัติธรรม ไม่ต้องมีใครบอก ใครสะกิด ใครสอน หน้าที่การงาน ดูอะไรต่าง ๆ ดูออกฟังเสียงทุกเสียงก็เหมือนเสียงพระสวดมนต์ เขาว่าร้ายก็เป็นดี เขาว่าดีก็คิดว่ามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เห็นคนทุกข์ คนเป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้ที่มีคุณธรรม มีความดีในตัวทุกคน รับผิดชอบ เคารพธรรม เคารพผู้คน อยู่ที่ใดที่ไหนก็ตาม คือการปฏิบัติธรรม ไม่ได้เลือกกาลเทศะอะไรที่ไหน เป็นความดีในทุกโอกาส เคารพกันไปเลย สงบกันไปเลย ลดความดุร้ายลงไปเลย หมดพิษหมดภัยไปเลย เคารพกัน ไม่ล่วงเกินกันแม้กระทั่งความคิด ไม่ล่วงเกินกันทางด้านความคิด แม้เขาจะไม่เห็นด้วยก็ไม่ล่วงเกินเขา ว่าเขาเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องแสดงให้รู้เรื่องนี้ ทำให้เกิดความขยัน ทำให้มีงานการมากขึ้น เกิดความรับผิดชอบขึ้นมาในหลักการปฏิบัติ ในความถูกความผิด ได้บอก ได้สอน ได้แก้ ได้ไข ได้ปรึกษาหารือ ยิ่งเรานี่ก็มีผูกพันกับพี่ กับน้อง กับพ่อ กับแม่ กับหมู่มิตรเพื่อนฝูง กับประเทศชาติ กับสิ่งแวดล้อม มันก็กว้างใหญ่ไพศาล พลังศรัทธา พลังความเพียร พลังแห่งน้ำใจ เพิ่มเติม ยิ่งใหญ่ ปฏิบัติธรรมนี้มันเป็นไปเอง
เราก็เป็นอย่างนั้นทุกคน ทุกชีวิต มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในกายในใจเรานี้ อย่ากลบเกลื่อนตัวเอง เวลาใดมันแสดงออกความไม่ถูกต้อง นั่นแหละโอกาส นาทีทอง นาทีทองเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติธรรม เห็นสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น ได้เปลี่ยนกัน มีอะไร บางทีมันก็มีนิสัยก็สนุก เป็นส่วนตัว สนุกเป็นส่วนตัว ทุกคนมีนิสัยมา ใช้ชีวิตที่ผิด ๆ พลาด ๆ มา ถ้าทำดีก็เอาสติความดีมาฉาย ถ้าทำชั่วก็เอาสติความชั่วมาฉาย ก็จะได้แสดง ได้ลบได้ล้าง ได้เปลี่ยนความบริสุทธิ์เข้าไป เฉพาะเรื่องความไม่ดีที่เกิดขึ้นแก่เรานี้ รู้สึกว่ามันซึ้งใจที่สุดเลย อันความไม่ดีที่คนอื่นทำกับเราน่ะ มันไม่มีอะไรหรอก ไม่ประสีประสา
ถ้าเราปฏิบัติธรรมนี่ ไม่ใช่จะมานั่งเศร้าหมอง นั่งคิด นั่งมีอารมณ์ ที่มันเกิดกับเรา เกิดปัญหา ก็ยิ่งง่าย ๆ ส่วนตัว มองตนได้ชัดเจน คืออะไร คืออะไร มันจะต้องมองเป็นเรื่อง จิ๊บจ๊อย คนเรามันยิ่งใหญ่ นั่นปฏิบัติธรรม มันเป็นไปเอง ถ้ามีสติมันใช้สติ ยิ่งใช้ยิ่งมาก ยิ่งมีพลัง ยิ่งพวกเรามาอยู่ในป่า ในธรรมชาติ เป็นมิตรเป็นเพื่อน ก็ยิ่งเป็นพลังสนับสนุน ยิ่งเผื่อคนอื่น เคารพเพื่อน เคารพมิตรมากขึ้น ยิ่งได้ยินเพื่อนพูดเรื่องธรรมะ ก็ยิ่งมีกัลยาณมิตรอุ่นใจ แสดงออกถึงความเคารพ เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกันและกัน ไม่ได้ปล่อยให้ใครคนหนึ่งสะดวก คนหนึ่งลำบาก ทิ้งอย่างนั้นไม่ได้ ดูแลอยู่กับเพื่อนกับหมู่ พวกเราก็เหมือนกัน อยู่กับแม่ชี อยู่กับฆราวาสญาติโยม ยิ่งสรรเสริญเขา เราก็เป็นนักบวช อาจจะมีอะไรที่มันควรจะช่วยเขา มีดีกว่าเขา ก็กระตือรือล้นร้นที่จะช่วยเหลือ เคารพมากที่สุด เห็นแม่ชีทำอาหาร เห็นทำนู่นทำนี่ มีความคิดว่าจะต้องหาความสะดวกจากคนอื่น เห็นเขาช่วยเราก็ยิ่งอ่อนลงมา ลดตัวลงมา ไม่ใช่เย่อหยิ่ง เคารพ กลัว แม่ชีเลยถักสายตะคดเอวให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ขอ มันยิ่งกว่าแม่ชีมีน้ำใจ ขนาดแม่ชีผู้เฒ่ามาอยู่ด้วยยังคิดช่วยเราอยู่ ยกมือไหว้กราบเคารพเราอยู่ คุณอาจารย์ คุณอาจารย์ มันก็ยิ่งกลัวมากความดี ยิ่งทำให้ตัวเองไม่ประมาท ไม่ใช่ว่าเรียกร้องใช้เขา เวลาบิณฑบาตไปกับเณรน้อย เณรน้อยจะรับบาตร มีน้ำใจ บิณฑบาตออกมาจากบ้านแล้ว เณรน้อยวิ่งออกมาข้างหน้า มาขอรับบาตร โอ้กลัวเณร มีน้ำใจหนอ ตัวน้อย ๆ เนี่ย ตัวเองก็หนักอยู่แล้ว ยังมาขอช่วยเราอยู่ เราก็เป็นผู้ใหญ่ยังมาขอช่วยเราอยู่ ไม่ให้เลย ไม่ได้ปล่อยบาตรอันหนัก ๆ ให้เณรน้อยตัวน้อย ๆ เหมือนที่เห็นพระสำนักบางสำนัก เณรตัวน้อย ๆ สะพายบาตรสองบาตร บาตรหนึ่งคล้องคออุ้มไป วิ่งชับ ๆ ๆ ๆ ไป วางบาตรลง สะบัดหัวซาวแฮก ๆ แฮก ๆ อาจารย์ก็เดินเฉย อูยทำไม่ได้อย่างนั้น ไม่ สอนพระสอนเณรไม่ต้องให้ใครช่วยอย่างนั้น เณรจะรับ ใครจะรับ ช่วยตัวเอง หลวงพ่อเทียนก็ เขาไม่ใช่ขี้ข้าเรา เณรเขามาบวช เขาเพื่อมาปฏิบัติ แม่ชีเขามาบวช เขาเพื่อมาปฏิบัติ ญาติโยมมาอยู่วัดอยู่วา เขาเพื่อมาปฏิบัติ ไม่ใช่เขามาเป็นขี้ข้าของเรา ให้เคารพเขา หลวงพ่อเทียนก็พูดว่า ชัดแจ้งชัดเจน เคารพ ไม่อยากเห็นแม่ชีไปเก็บผักหักฟืน บางทีแม่ชีไป ไปหักหน่อไม้ในวัด บางทีอยู่เป็นจำนวนมากอาหารไม่พอ หักหน่อไม้มา แกงฉันเพล ขวนขวายที่จะให้เรา หาให้เรา บางทีเราก็ช่วย หักหน่อไม้ ช่วย อยู่ในวัดเราเอง น้ำล้างบาตร แม่ชีก็ไม่ทิ้ง ขอน้ำล้างบาตร ให้เทใส่กะละมัง อย่าไปเททิ้ง เทใส่กะละมัง จะเอาไปล้างถ้วย จะไปรดพริก ล้างถ้วยล้างชามมีต้นพริก พอได้เก็บมาตำน้ำพริกเล็ก ๆ น้อย ๆ โอ้ฉันไม่เคยเห็นแม่ชีมาขอน้ำล้างบาตรไปล้างถ้วยไปรดต้นพริกอีก ล้างถ้วยแล้ว เทสาดใส่ต้นพริกอยู่ข้าง ๆ ที่ล้างถ้วยล้างชาม โอ้ เกิดความละเอียดประณีตขึ้นมา จากความไม่ดี จากความดี เพื่อมาสอนตัวเอง
ปฏิบัติธรรมนี่ ให้เรา จึงให้ เคารพกัน ได้ช่วยกัน อย่าหาความสะดวกอยู่บนความเหนื่อยล้าของคนอื่น ให้เคารพกัน อยู่เหมือนกับพ่อกับแม่ มองผู้หญิงเหมือนแม่ แม่ชีเขายิ่งมองพระเหมือนพ่อ เหมือนพ่อเหมือนแม่ เคารพ จิตใจมันก็จะอ่อน เหมาะแก่การบรรลุธรรม ไม่ใช่เรียกร้อง ทิฐิมานะ เย่อหยิ่ง ยิ่งใหญ่ ข่มขู่คนอื่น เขาเลวกว่าเรา เราดีกว่าเขา เรียกแม่ชีก็ชีชี มือชี้ ชีชี ไม่ต้องเรียกว่าชี เรียกว่าแม่ชีเต็มปาก แม้แต่เป็นเด็ก ๆ สาว ๆ ก็เรียกเขาแม่ชี เขาบวชเป็นแม่ชี ต้องเรียกว่าแม่ชี บางวัดเรียกชีว่าชีชีชี เหมือนกับว่าไม่มีค่าเลย เพียงแต่แม่ชีไปหา แผ่เรี่ยไร โอ้ หยุดเลย พวกเราจึงให้เคารพกัน
เหมือนพวกเราอยู่นี่ถ้าจะพูด เราก็มีสามพี่น้อง มีแม่ชีทุกวัดให้เคารพกัน เมื่อวานก็ไปวัดภูเขาทองหน่อยนึง ให้ดูแลแม่ชีด้วยนะ เขาไม่ได้สวดมนต์สวดพรเหมือนเรา มีปัจจงปัจจัยก็แบ่งให้เขา เขาก็ทำงานหนัก ล้างถ้วยล้างชาม ตั้งแต่ฉันเช้าจนฉันเพล ฉันเพลเสร็จจึงจะได้หยุด ล้างถ้วยแล้วจึงได้เงียบฟังที่ฉันหอฉัน ไม่ใช่อาหารอย่างเดียว เก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างพระวัดภูเขาทองนี่ พอให้แม่ชีไปอยู่ อะไรก็ดีขึ้นกว่าพระอยู่ด้วยซ้ำไป พระอยู่รกรุงรัง ผ้าจีวรที่เอาไว้บวชเณรเหม็นตู้ทั้งตู้ ไม่ได้พับได้อะไร เต็มตู้ ม้วน ๆ ยัดเข้าไป ม้วน ๆ ยัดเข้าไป พระมีแต่พระหนุ่ม ๆ พอแม่ชีไปอยู่ก็ซัก เป็นแรมเดือน เก็บโน่นเก็บนี่ เก็บตู้ ซัก ซักแล้วก็เก็บพับไว้ เป็นระเบียบ เหมือนแม่ชีอุ่นอยู่นี่ ขอยกย่องแม่ชีนะ (หัวเราะ) เป็นระเบียบ ผ้าห่มก็ซัก ก็อยากจะกราบไหว้แม่ชีมากกว่าพระ เพราะฉะนั้นนี่ ทีนี้อะไรก็อยากให้ ได้มีอิสระ มีความสุขเสมอกัน ช่วยกัน บอกพระ ถูศาลาช่วยแม่ชี ก็ไม่ค่อยถู ไม่มีนิสัยถูศาลา พระวัดป่า วัดภูเขาทอง พอให้ตงหมิงไปอยู่เนี่ย เออ หายใจโล่งหน่อย เมื่อวานเห็นพากันเอาดินเข้าวัดไปถมทาง บอกจะตกแต่งตรงนั้น เอาเลย ๆ ตงหมิงเอาเลย ผมหยุดแค่นี้ ผมหยุดแค่นี้ ไม่มีอะไรอีกแล้ว อยากทำหรือ ถ้ามันดีก็ทำไปเลย แต่ว่าให้ช่วยกันดูแม่ชีให้ด้วย ได้รับความสะดวกสงบปลอดภัยทุกรูปแบบ เก่งนะผู้หญิงนี่ ทุกวันนี้ก็ถือว่าได้กินก็เพราะผู้หญิง ไม่ตายก็เพราะผู้หญิงนะแม่ชีอุ่น เฉพาะต้มข้าวนี่ อยากให้แม่ชีอุ่นไปเรียนกับคุณหมูนะ (หัวเราะ) คุณหมูต้มข้าวเป็นแผ่นเลยนะ น้ำข้าวเป็นแผ่น บางทีใช้ปิ่นโตต้มข้าวนะ บางทีก็เทินน้ำ บางทีก็รินน้ำ แบบนั้น ไม่ค่อยมีประโยชน์ อย่าให้ต้องรินน้ำ ต้มข้าวเป็นแผ่น ไปเรียนกับคุณหมูนะ อาตมาคิดว่า เอ้อ อาตมากินแบบต้มข้าวก็พอแล้ว ถ้าต้มเป็นนะ ถ้าต้มไม่เป็นก็กินไม่ได้ นี่ยังอยากจะมาอยู่ เห็นภู วัดตาดภูทอง เอย..อากาศมันยอดเยี่ยม สุดยอดที่หลังเขาลูกนี้ คือวัดตาดภูทอง สุดยอดเลยเขาลูกนี้ ที่อยู่ ภูหลง ก็อย่าไปเคียงไหล่เขาเลย สุคะโตก็อย่าไปเคียงไหล่เขาเลย วัดตาดภูทองนี่ สุดยอดที่สุดเลยในชีวิต ต่อไปอาจจะ ไปหน้าเรื่อย ๆ นะ วัดตาดภูทอง (หัวเราะ) คิดไว้อย่างนั้นนี้นะ บางทีอาจจะชวนอาจารย์เริ่มไปอยู่ ไปเล่นกลางวัน มีน้ำมีอะไรไปดื่ม มีของฉันให้ฉันเล็กน้อย ไปจอดรถไว้ที่โน่น นอนเล่น นั่งเล่น ปฏิบัติธรรมเล่น ๆ อยู่ที่นั่น ไปกินอากาศบริสุทธิ์ ยืนนั่งกลับมา วัดตาดภูทอง สุดยอดสำหรับวัด ที่หลังเขาลูกนี้ มีแสงแดดบ้าง มีป่าไม้บ้าง มีลมบ้าง บวกเข้ากัน ออกซิเจนจากต้นไม้ ออกซิเจนจากลม ออกซิเจนจากแสงแดด บวกกันเป็นวิตามินไม่มีชื่อ สำหรับชีวิตจริง ๆ ที่เห็น ยิ่งมีธรรมะ มีใจเข้าไป จิตวิญญาณเข้าไป ประเสริฐเลิศทีเดียวเลยที่นั่น อาจจะเป็นอย่างนั้นต่อไป ขอข้าวต้มนั่นล่ะนะ ถั่วอบมาบด ๆ มีเตาอบ อบไหม้เข้าไป เท่านี้ก็พอแล้วเข้าไป ชีวิตนี้เหมือนกับเราก็เป็นไก่แก่ โคแก่ อูฐแก่ ๆ ต้องหลีกห่าง ๆ อยู่ในขอบของหมู่ เข้าหมู่ไม่ค่อยได้ ไม่มีแรงที่จะไปเสียดสีเบียดเบียน หลบหลีก ให้เป็นอิสระ เหมือนกับไก่แก่ตัวหนึ่งอยู่วัดป่าสุคะโต ตอนอาจารย์วรเทพไปนอนอยู่ เล่นอยู่ ไปนอนอยู่ที่นั่น ไก่แก่หลีกเร้น ๆ ไป เดิน ไม่ได้เดินตามทาง เห็นฝูงอยู่ตรงนี้หลบหลีกไป เดินเข้าป่าเข้าพงไป เหยียบหญ้า เหยียบพงไป ไม่เหยียบถนนหนทาง หลบหลีกไป เราเห็นไก่แก่แล้วเปรียบเทียบกับเรา โอ้ เหมือนกับเราเลยนิ โยนข้าวให้กิน มันก็ไม่ลุกลี้ลุกลน มองหน้ามองหลังค่อย ๆ หย่อนเข้ามา บางทีก็ไม่กล้า ยืนดูเฉย ๆ หลับตาปิ๊บ ๆ ดู อูฐแก่ ๆ อยู่รัฐ อยู่เมืองออรังกาบัด เลยที่เดินทางไปทางเขาถ้ำอชันตา เขาปล่อยทิ้งไว้ ออรังกาบัดแถวนั้นมีแต่ภูเขาศิลาแท่งทึบ ไม่มีต้นไม้ไม่มีหญ้า หาเลียกินตะบองเพชร เดินเซซัดเซโซ ผู้คนย้ายหนีหมด มันเป็นพายุฝุ่น อยู่ไม่ได้ อูฐแก่ก็เดินเซซัดเซโซเขาไม่เอา ไม่เหมือนโคแก่ที่ในพาราณสี เป็นเจ้าของเมือง นอนตามถนนหนทาง อาหารการกินขยะเป็นเทศบาลเก็บขยะ โคแก่ หมูป่า เก็บคูต คนไปถ่ายไปขี้ตามที่ต่าง ๆ พวกหมูป่าพวกนี้หาเก็บ เป็นเทศบาลให้ เพราะฉะนั้นก็ ชีวิตของเรานี้ก็ ขอเป็นไก่แก่ โคแก่ อยู่ไป อาศัยหมู่อาศัยมิตรอยู่ไป ก็ขับรถกันไปนอนอยู่ เล่นกลางวันอยู่ทุกวันนะ ไปตาดภูทองนี่ ไปไหม พวกเราไปอยู่สักวันไหม (หัวเราะ)
ปฏิบัติธรรมนี้ เน้น ปฏิบัติธรรมนี่ เพื่อธรรม เพื่อธรรม เพื่อธรรม อยากมีชีวิตอยู่ในรูปแบบไหนก็เพื่อธรรมะ แต่ว่าสิ่งแวดล้อมก็ต้องให้พอสมควร สร้างขึ้นมาในตัวเรา สิ่งแวดล้อม จิตวิญญาณ สังคม เศรษฐกิจ อาชีพการงาน ระเบียบวินัย ให้อยู่กับเนื้อกับตัวเสมอ แม้อยู่คนเดียวก็มีสิ่งเหล่านี้ จิตวิญญาณ ไม่ปล่อยทิ้ง ไม่ให้เป็นสุขเป็นทุกข์ ให้เกิดมรรคเกิดผลตลอดเวลา สังคมนี้เราอยู่คนเดียวก็เป็นสังคมไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ถือว่าช่วยประเทศชาติอยู่เวลานี้ เศรษฐกิจก็ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหาย ถ้าพอจะทำให้ดีขึ้นมาก็ทำบ้าง ทำบ้างอย่าปล่อยทิ้ง มีตาก็ดูก็เห็น หูอะไรต่าง ๆ สัมผัสได้ในโลกนี้ อันสิ่งที่ควรแก้ไข อาชีพก็ให้เป็น ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น ชอบธรรม ไม่เป็นทุกข์เป็นโทษ ไม่ผิดวินัย คือธรรมะ คิดร้ายไม่เป็น คิดช่วยเหลือคนอื่น มีเมตตากรุณาเสมอ ใจอยากให้แม่ชีเนี่ยะเป็นผู้นำ หลวงตาไปดูศาสนา พวกศูนย์มหายานที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือไต้หวันเนี่ย ผู้หญิง แม่ชีภิกษุณีเป็นผู้นำ ในศาสนา พระไม่มาก ภิกษุณีนี่เจ็ดสิบแปดสิบรูป พระสี่ห้ารูปเท่านั้นเอง แต่ทำงานทำการทุกรูปแบบเป็นภิกษุณีทั้งนั้น ออกเผยแพร่ ฉันเสร็จแล้วก็ขับรถคนละคันล่ะออกไป มีเครื่องมือ เครื่องสอน เครื่องฉายวีซีดี พูดแจ๋ว ๆ แจ๋ว ๆ แจ๋ว ๆ เข้าถึงชาวบ้านได้ดีกว่าพระ พระกับผู้หญิง จนรัฐบาลไต้หวันเขาว่า เขาก็วิตกกังวลว่าไต้หวัน พวกผู้หญิงสาว ๆ จบเรียนจบแล้วออกบวชกันทั้งนั้น ไม่ทำงานทำการ วิตกกังวลว่าผู้หญิงที่มีคุณภาพพากันออกบวชหมด มีแต่ปริญญา นะสาว ๆทั้งนั้น พระก็ไม่มาก อย่างเวียดนามนี่ ไปกับอาจารย์ตุ้มนี่ มีแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ออกบวชกัน แต่รัฐบาลเวียดนามไม่สนับสนุน ถ้าพวกคุณจะมาอยู่นี่ต้องสึกมาทำงาน อยู่นี่ไม่ได้ จนมาอยู่บ้านธรรมที่เขาใหญ่ มีแต่หนุ่มสาวทั้งนั้น เวียดนาม ออกบวชกัน อยากให้แม่ชีไทยเนี่ย นำศาสนาเราเลย โดยเฉพาะที่นี่ แม่ชีอุ่นไปได้แล้ว สังคมที่นี่ชุมชนที่นี่